ต่อ
ท่ามกลางความคึกคักวุ่นวายของผู้คนที่ทราบข่าวการกลับมาเมืองหลวงหลังจากจากไปเป็นเวลาห้าปีของมู่อิง ภายในจวนอ๋องตอนนี้กลับเงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง ทั้งข้าวของสถานที่ล้วนได้รับการดูแลอย่างดี เตรียมพร้อมรอการกลับมาของเจ้าของอยู่ตลอดเวลา เรื่องวุ่นวายมีเพียงการจัดเตรียมห้องพักติดกับห้องของท่านอ๋องเท่านั้น
สถานที่ที่เงียบสงบที่สุดในยามนี้จึงเป็นห้องโถงในเรือนส่วนตัวของมู่อิงที่มีคนเพียงสี่คน เฉียนหลีและชูปี้ฮวาต่างมองหน้ากันไปมา ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดประมุขหลิวที่ตลอดการเดินทางดูปกติมาตลอดยามนี้กลับเงียบขรึมไม่พูดไม่จา ท่านประมุขที่คอยดูแลตามอกตามใจประมุขหลิวมาตลอดทางก็เอาแต่จ้องหน้าคนที่เงียบขรึมไม่วางตา บรรยากาศยามนี้ช่างทำให้บ่าวไพร่ตัวเล็กๆ อกสั่นขวัญแขวนอยากจะหลีกลี้หนีไปให้ไกล
“เฉียนหลีมาตรวจดูอาการให้พี่ชายเฉินซาง”มู่อิงเป็นผู้เอ่ยปากขึ้นทำลายบรรยากาศที่ดูขมุกขมัวชวนให้คนใกล้แข็งตาย แต่ยามเอ่ยวาจานั้นสายตาเขาไม่ได้ละไปจากใบหน้าหลิวเฉินซาง
เดินทางจากพรรคตำหนักจันทรามาเมืองหลวงใช้ระยะเวลาเดินทางถึงสองเดือน ในสองเดือนนี้มู่อิงอยู่กับหลิวเฉินซางเกือบตลอดเวลา ยามนี้คนผู้นี้มีเรื่องขุ่นเคืองใจเหตุใดเขาจะดูไม่ออก หากวันนี้หลิวเฉินซางไม่ยอมเปิดปากพูดออกมาเช่นนั้นมู่อิงผู้นี้ก็จะจ้องเจ้าปีศาจห่มจีวรจนกว่าเขาจะอ้าปากพูด
เฉียนหลีเดินเข้าไปตรวจอาการของหลิวเฉินซางตามคำสั่งของมู่อิง ใครไม่รู้บ้างว่าท่านประมุขเป็นห่วงประมุขหลิวมากมายเพียงใด ทุกวันจะต้องให้เขาตรวจอาการประมุขหลิว แม้แต่การเดินทางกลับเมืองหลวงที่ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนก็ยืดเวลาออกไปถึงสองเดือนเพราะเกรงว่าด้วยอาการบาดเจ็บของประมุขหลิวจะรับไม่ไหว ยามนี้มู่อิงไม่ว่าทำสิ่งใดล้วนใส่ใจหลิวเฉินซาง แล้วเหตุใดประมุขหลิวที่ตลอดทางรับการดูแลเอาใจใส่จากท่านประมุขจนสุขภาพดีจนไม่อาจดียิ่งกว่านี้ได้อีกจึงกลายเป็นนิ่งเงียบไม่พูดจา
อันเรื่องราวในใจระหว่างบุรุษสองคน ผู้อื่นนั้นยากจะเข้าใจ
“เรียนท่านประมุข อาการประมุขหลิวเป็นปกติดีขอรับ” หลังตรวจอาการหลิวเฉินซางเสร็จเฉียนหลีจึงหันไปรายงานต่อมู่อิง
“พวกเจ้าออกไปก่อน” มู่อิงโบกมือให้คนทั้งหมดออกไป ดังนั้นเฉียนหลีและชูปี้ฮวาจึงรีบเร่งออกไปอย่างรวดเร็วใบหน้าแต่ละคนราวกับได้รับการละเว้นโทษตาย บรรยากาศในห้องที่ราวกับแดนประหาร ผู้ใดก็ไม่อยากอยู่ทั้งนั้น ปล่อยให้ผู้มีวรยุทธ์แก่กล้าเช่นท่านประมุขกับประมุขหลิวอยู่กันสองคนก็ดีแล้ว
เมื่อในห้องเหลือเพียงตนเองกับหลิวเฉินซางมู่อิงจึงจ้องใบหน้าหล่อเหลานั้นเขม็ง มิรู้ทำไมนับวันหลิวเฉินซางก็ยิ่งดูเข้าตามากขึ้นทุกที ถึงแม้คนผู้นี้มิได้งดงามที่สุดในใต้หล้าดังที่เขาต้องการ หากแต่เส้นผมสีเงินยวงนี้ก็ไม่เลวเลยจริงๆ ตลอดระยะเวลาที่ร่วมเดินทางจากพรรคจันทร์กระจ่างฟ้ามาเมืองหลวงพวกเขาก็เรียกว่าอยู่ร่วมกันได้ไม่เลว ไม่มีเรื่องให้โกรธเคือง ไม่มีเรื่องให้ผิดใจ แล้วเหตุใดยามนี้เจ้าปีศาจนี่จึงเอาแต่นิ่งเงียบ ราวกับพวกนางสนมที่ไม่เป็นที่โปรดปราน
“ เจ้ามีอะไรก็พูดมา เอาแต่ปั้นหน้าเป็นน้ำแข็งข้าเมื่อยแทน” ระหว่างมู่อิงและหลิวเฉินซางมีเพียงโต๊ะน้ำชากลั้นกลาง ยามนี้ท่านจอมมารใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางผมถูกรวบอย่างลวกๆ ตรงกลางหลังด้วยผ้าแพรสีม่วงขลิบทองยามนี้ ปอยผมบางส่วนหลุดลงมาคลอเคลียใบหน้าน้อยๆ งดงามจนทำให้คนใจอ่อนอย่างง่ายดาย
“เจ้าเป็นอ๋อง” หลิวเฉินซางยอมเปิดปากพูดในที่สุด เขาเคยคาดเดามาก่อนว่าชาติกำเนิดมู่อิงน่าจะไม่ธรรมดา แต่ไม่เคยคิดว่าจะไม่ธรรมดาถึงเพียงนี้ ชั่วชีวิตหลิวเฉินซางไม่เคยคิดข้องแวะกับคนในราชสำนัก หากจะเรียกอย่างไม่เกรงใจคงกล่าวได้ว่าเกลียดคนในราชสำนัก ยามนี้คนที่เขาชื่นชอบถึงกับเป็นท่านอ๋องคนหนึ่ง ความรู้สึกยามนี้แม้แต่ตนเองยังไม่รู้จะเรียกว่าอย่างไร
“แล้วทำไม...สูงส่งเกินไปหรือ” มู่อิงเลิกคิ้วขึ้น ยื่นมือที่ใช้ท้าวคางไปจับใบหน้าหลิวเฉินซางให้หันมาจ้องตากับตนเอง ท่าทางราวกับจอมเจ้าชู้ยักษ์เกี้ยวสาวงาม ผิวหน้าหลิวเฉินซางจับแล้วรู้สึกสบายมือมาก ถือว่าเป็นการแอบกินเต้าหู้เขาไปในตัว ได้กำไรแล้ว!
“ข้ายังทำใจยอมรับไม่ได้” หลิวเฉินซางเบือนหน้าหันไปมองทางอื่น เหตุผลเพียงเท่านี้ไม่เพียงพอให้เขาตัดใจจากมู่อิง แต่หากจะให้ยอมรับว่าว่ามู่อิงข้องเกี่ยวกับราชสำนัก ที่สำคัญยังเป็นถึงอ๋องเขาก็ไม่อาจทำใจได้
หลิวเฉินซางผู้นี้หากจะให้กล่าวถึงเรื่องบาดหมางระหว่างเขากับราชสำนักนับว่าไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ ถึงแม้การที่เขารังเกียจราชสำนักมากมายเพียงนี้ไม่ได้มาจากราชสำนักแคว้นเว่ย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตก็ทำให้เขาไม่อยากข้องเกี่ยวกับราชสำนักหรือเหตุการณ์บ้านเมืองอีก
“ทำไมถึงยอมรับไม่ได้ หลิวเฉินซาง...ตัวข้ามู่อิงถือว่าเป็นหนี้เจ้าหนึ่งชีวิต ติดค้างเจ้ามากมาย ถึงแม้จะกระทำการตามอำเภอใจไปบ้าง แต่กับคนที่ข้าพอใจนับว่าใจกว้างไม่น้อย เจ้ามีอะไรก็พูดออกมา”
“เรื่องนี้หากข้าพูดจะทำให้เจ้าเดือดร้อนไปด้วย” หลิวเฉินซางขมวดคิ้วจนแทบชนกัน เรื่องราวของเขาหากมู่อิงรู้เข้าอาจเป็นการลากเขาลงเหวด้วยกัน
“ข้าทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนมามายมาย เจ้าทำให้ข้าเดือดร้อนเสียบ้างนับว่าเป็นการเพิ่มสีสันไม่น้อย” ใครไม่รู้บ้างว่ามู่อิงรักความสบายมากขนาดไหน เขาไม่ชอบเรื่องที่ทำให้ตนเองวุ่นวายมากเพียงไร การที่จะทำให้เขาเอ่ยเช่นนี้ออกมาใช่ว่าใครก็ทำได้
หลังจากที่ฟังประโยคนี้หลิวเฉินซางนิ่งอึ้งอยู่นาน... ก่อนจะคลี้ยิ้มน้อยๆ ที่ทำให้เหล่ามวลบุปฝาแทบหลุ่มหลงเอียงอาย บางทีการที่เขาชอบมู่อิงอาจเป็นเพราะความถือดีเช่นนี้ หยิ่งผยองเช่นนี้ และซื่อตรงต่อตัวเองถึงเพียงนี้ แต่มู่อิงในยามนี้จะห้ามไม่ให้เขาตกหลุมรักได้อย่างไร....
“อิงข้าชอบเจ้า...ชอบจากใจจริง”
++++++++++++++++++++
ครบร้อยสักที 555
กว่าจะเขียนได้แต่ละตอนรู้ว่าตัวเองช้ามาก
แต่จะพยายามจบเรื่องนี้ภายในปีนี้ค่ะ (ยาวไป)