บทที่ 17
นับว่าเป็นข่าวใหญ่สะท้านยุทธจักร เมื่อพรรคตำหนักจันทราถูกทำลายลง ประมุขพรรคฮัวเหลียนเหลียนถึงกับสร้างมุกกลืนโลหิตขึ้นมา มิรู้ว่าหากนางยังไม่ถูกสังหารและมีมุกกลืนโลหิตอยู่ในกำมือจะเกิดสิ่งเลวร้ายใดขึ้น ยามนี้ด้วยความร่วมมือของท่านผู้นำฝ่ายธรรมะและจอมมารมู่อิง ยุทธภพกลับคืนสู่ความสามัญ มิได้มีเรื่องให้ต้องกังวลจนมิอาจหลับสนิทอีก อย่างน้อยคงเรียกว่าอยู่อย่างสงบสุขไประยะหนึ่ง
บรรดาพรรคฝ่ายธรรมะต่างกลับไปยังที่ของตน กำจัดพรรคตำหนักจันทราครั้งนี้ถึงแม้มิได้สูญเสียมากมายหากแต่คนก็ตายไปไม่น้อย แต่ละพรรคจึงต้องกลับไปฟื้นฟูกำลังคนของตนเอง อีกทั้งข้าวของในพรรคตำหนักจันทรา...
น่าโมโหนัก!!! คนพรรคจันทร์กระจ่างฟ้ามีแค่หยิบมือเดียวแต่เหมือนมีเป็นร้อย สิ่งของขอแค่เพียงแค่มีค่าพวกเขาต่างหยิบฉวยไปซึ่งหน้าราวกับมาเดินเลือกซื้อของ มิเหลือสิ่งใดให้ผู้อื่น พาให้คนโมโหแต่ไม่อาจทำสิ่งใดได้ ก็จอมมารยังอยู่ดีมีสุข แม้แต่เอ่ยวาจาขัดหูพวกเขายังไม่กล้า ใครเล่าจะกล้ายื้อแย่งสิ่งของ
หากแต่เรื่องที่ทำเอาผู้คนทั้งใต้หล้าอ้าปากค้างจนแมลงวันสามารถสร้างบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นไว้ในปากคนได้นั้น กลับเป็นคำพูดประโยคเดียวของท่านผู้นำฝ่ายธรรมะ
ข่าวใหญ่ในยุทธภพยามนี้จึงเป็นเรื่องที่ท่านผู้นำฝ่ายธรรมะ มีใจให้ท่านจอมมาร ข่าวพรรคตำหนักจันทราหรือจะคุยสนุกเท่ากับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ในยุทธภพ ยิ่งผู้คนที่ตกเป็นหัวข้อในการสนทนาคือท่านผู้นำฝ่ายธรรมะผู้ซึ่งมีท่าทางสูงส่งจนคนอยากเคารพกราบไหว้ หล่อเหลาประหนึ่งเทพเซียนยุรยาตรลงมาบนแดนมนุษย์ กับจอมมารที่งดงามล้ำเลิศราวกับปีศาจจำแลงกาย ประหนึ่งจิ้งจอกพันปีที่เกิดมาเพื่อล่อลวงเหล่าบุรุษ
บรรดาคนที่บุกพรรคตำหนักจันทรามีไม่น้อย ดังนั้นข่าวนี้จึงแพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับเวลานั้นท่านจอมมารมิได้สนใจว่าใครจะได้ยินบ้าง ในเมื่อไม่มีคำสั่งให้หุบปาก อีกทั้งยังไม่มีคำสั่งสังหารผู้ได้ยินเรื่องที่ไม่ควรได้ยิน เรื่องนี้จึงไม่มีใครคิดปิดบังอำพราง เวลานี้ไม่ว่าจะเดินผ่านไปที่ใด หากคนผู้นั้นเป็นจอมยุทธ์ท่านหนึ่งเรื่องที่กล่าวสนทนากันนั้นย่อมหนีไม่พ้นข่าวของหลิวเฉินซางและมู่อิง
จุ๊จุ๊จุ๊ ท่านผู้นำฝ่ายธรรมะที่วางตัวสูงส่งปานนั้น เหตุใดจึงตกบ่วงจิ้งจอกพันปีเช่นจอมมารไปได้ เรื่องนี้ยิ่งคุยเรื่องยิ่งเลยเถิดไปไกล
เวลานี้สองทั้งสองท่านที่ตกเป็นหัวข้อข่าวซุบซิบนินทาในยุทธภพ คนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงบาดเจ็บสาหัส สภาพเป็นตายเท่ากัน ส่วนอีกคนคิ้วขมวดจนแทบชนกัน ใบหน้างดงามดูตึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง
ยามนี้เรื่องหนานหมิงเยว่นับว่าเบาใจได้แล้ว ในเมื่อจวินจื่อหลันเพิ่งมารับตัวเขาจากไป แต่คนเจ็บกลับเพิ่มมาอีกคนคือหลิวเฉินซาง ท่านผู้เฒ่าไม่ได้สนใจผู้อื่นนอกจากศิษย์ของตน เมื่อมารับตัวหนานหมิงเยว่แล้วก็เชิดหน้าจากไป ชีวิตของท่านผู้นำฝ่ายธรรมะจึงตกอยู่ในกำมือเฉียนหลี
เรื่องที่หลิวเฉินซางมาอยู่ที่พรรคจันทร์กระจ่างฟ้าในเวลานี้ท่านจอมมารเป็นผู้จัดการเองทั้งหมด ท่านผู้อาวุโสชิว เยี่ยนมิอาจโต้เถียงได้แม้ครึ่งคำ ใครใช้ให้มู่อิงพอเอ่ยปากก็ขู่สังหารคน ทำราวกับโจรป่าฉุดคร่าสาวงาม อุ้มคนจากไปอย่างเผด็จการกันเล่า
“ท่านประมุข อาการประมุขหลิวยามนี้ไม่เกินความสามารถของข้าน้อย หากแต่เส้นชีพจรเขาบอบช้ำเป็นอย่างยิ่ง จำเป็นต้องใช้โสมชั้นดีเป็นจำนวนมาก ข้าสำรวจในคลังยาของพรรคแล้ว ถึงพวกเราจะร่ำรวยมาก แต่โสมชั้นดีมีพอใช้ไม่ถึงสามเดือนแน่นอนขอรับ” เฉียนหลีพูดขึ้นหลังรักษาหลิวเฉินซางให้พ้นจากประตูแห่งความตาย
คนผู้นี้ทุ่มเทช่วยเหลือท่านประมุข เขาก็จะรักษาอย่างสุดความสามารถเช่นกัน
“แจ้งพี่สาม ให้เขาส่งโสมชั้นดีทั้งหมดมาให้ข้า” มู่อิงนั่งลงบนเตียงคนเจ็บ ใช้ผ้าเช็ดเหงื่อที่ซึมออกมาบนหน้าผากของหลิวเฉินซางเบาๆ กิริยาท่าทางดูอ่อนโยนจนคนไม่อาจเชื่อสายตา
มีชูปี้ฮวาคอยเปลี่ยนผ้าที่ใช้เช็ดตัวหลิวเฉินซางให้ มิรู้ว่าควรบอกท่านประมุขดีหรือไม่ว่าฝีมือการปรนนิบัติผู้อื่นของเขาย่ำแย่เหลือทน หากไม่มีชูปี้ฮวาคอยบิดผ้าให้ ไม่แน่ว่าตอนนี้ท่านผู้นำฝ่ายธรรมะคงได้เพิ่มอาการป่วยไข้มาอีกอย่าง แต่ถึงอย่างนั้น...
นี่คือจอมมาร! คือมู่อิงเชียวนะ!!! ท่าทางเขายามนี้ทำเอาผู้อื่นตกใจแทบตายแล้ว
“คราวก่อนคุณชายสามส่งโสมทั้งหมดมาให้ท่านประมุขบำรุงร่างกาย แต่ว่าท่านประมุขกล่าวว่าไม่จำเป็นต้องใช้ ให้ส่งโสมทั้งหมดมอบเป็นของขวัญให้พระอัคร...ให้คุณหนูขอรับ” เมื่อเห็นสายตาคมกริบของท่านประมุข เฉียนหลีจึงต้องเปลี่ยนคำเรียกหาพระอัครมเหสีใหม่ ใครใช้ให้ท่านประมุขไม่ชอบให้คนเรียกท่านหญิงมู่ตานว่าอัครมเหสี ทุกวันนี้เขายังไม่ชอบใจอยู่เลยที่มีพี่เขยเป็นฮ่องเต้ วาสนาดีๆ เช่นนี้ มีแต่มู่อิงเท่านั้นที่ไม่เห็นอยู่ในสายตา
ใครที่บังอาจมายุ่งวุ่นวายกับมู่ตานก็ล้วนแล้วแต่เป็นเดียรัจฉานทั้งนั้น แม้แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ละเว้น! ท่านจอมมารถึงปากจะบอกว่าตนใจกว้างยิ่งกว่าท้องนภา แต่แท้จริงนั้นใจแคบเสียยิ่งกว่าความกว้างของเชือกปักผ้า หากสิ่งไหนที่เขาคิดว่าเป็นของตนเองอย่าหวังว่าผู้อื่นจะมีสิทธิ์แตะต้อง
“เช่นนั้นเข้าวังหลวง”
“แต่ท่านประมุข...โสมนั่นเข้าคลังหลวงไปแล้ว”
“นายท่านเช่นข้าต้องการใช้ ใครกล้าขัด” มู่อิงจ้องหน้าเฉียนหลีเขม็ง
“ย่อมไม่กล้า...ไม่มีใครกล้าขอรับ” เขาแค่พูดความจริงเท่านั้น เหตุใดท่านประมุขต้องโมโหด้วย ส่งของเข้าวังหลวงทีไร ถูกส่งเข้าท้องพระคลังทุกครั้ง จะใช้ของจากท้องพระคลังต้องได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้ มีแต่ท่านประมุขเท่านั้นที่ไม่กลัวฟ้าไม่เกรงดิน ถืออำนาจบาดใหญ่จนจะเหยียบอยู่บนศีรษะของฝ่าบาท ตอนออกจากวังคราวก่อนท่านพ่อบ้านใหญ่บิดาของหนานหมิงเยว่ยังส่งข่าวมาบอกว่าที่วังหลวงให้ตำหนักเทพทำพิธีขอบคุณสวรรค์ครั้งใหญ่
ฝ่าบาท...ท่านประมุขจะกลับไปแล้ว ถนอมพระวรกายด้วย...
++++++++++++++
มาทีละครึ่ง ครึ่งหน้าจะขึ้นกระทู้ใหม่เลยนะคะ มันจะได้เด้งขึ้นหน้าหลักด้วย
ท่านไหนกลัวหาไม่เจอ มีสารบัญอยู่หน้าแรกนะคะ
อย่างที่บอกว่าคนเขียนสายหอยทาก มาได้แค่อาทิตย์หนึ่งประมาณครึ่งตอน
มาทีเดียวทั้งตอนจะหายไปนานมาก (สายดองเค็ม) เขียนได้ครึ่งหนึ่งต้องลงเลย จะได้เร่งตัวเองให้เขียนอีกครึ่งให้เสร็จ 555