บทที่ 16
แววตาฮัวเหลียนเหลียนราวกับคนเสียสติ หลังตะโกนราวคลุ้มคลั่งจึงรีดเค้นกำลังภายในทั้งหมดของตนหลอมรวมไว้ตรงตำแหน่งหัวใจ การรวบรวมกำลังภายในไว้ที่จุดเดียวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งหากเป็นตรงตำแหน่งหัวใจที่เปราะบางยิ่งอันตราย การทำเช่นนี้อาจดูราวกับต้องใช้เวลาเนิ่นนานแต่ระยะเวลาที่ใช้กลับไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ มู่อิงนั้นไม่ทันได้แทงกระบี่เข้าจุดตายของนาง กลับปรากฏไข่มุกสีโลหิตขนาดเท่ากำปั้นเด็กทารกขึ้นมาเม็ดหนึ่ง
“มุกกลืนโลหิต...งดงามมากใช่หรือไม่ ข้าใช้โลหิตคนกว่าพันชีวิตหล่อเลี้ยงไว้ในร่างกายตนเอง” ฮัวเหลียนเหลียนประคองไข่มุกลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือฝ่ามือตนเอง
ไข่มุกสีโลหิตเปล่งรัศมีจางๆ ออกมา งดงามจนราวกับไม่ควรมีอยู่บนโลกมนุษย์
การต่อสู้หยุดลงเพราะการปรากฏของไข่มุกเพียงเม็ดเดียว รัศมีที่เปล่งออกมาทำให้ทุกสายตาต่างจับจ้องมองไป
หลิวเฉินซางเมื่อเห็นมุกกลืนโลหิตถึงกับหน้าเปลี่ยนสี ซัดฝ่ามือใส่หว่างหยุนเซียนกับฟู่ซีซิวโดยไม่สนใจว่าจะทำให้สองเฒ่าตายหรือไม่ เขารีบทะยานไปขวางอยู่เบื้องหน้าของมู่อิง
“ถึงกับสร้างของเช่นนี้ได้ ความอำมหิตของเจ้าเกินมนุษย์ไปแล้ว!” หลิวเฉินซางกำบังมู่อิงไว้จนมิด เกร็งกำลังภายในไว้ทั้งร่าง ใบหน้าที่ปกติเย็นชาสูงส่งบัดนี้กลับดูตึงเครียดจนน่าตระหนก
“หลิวเฉินซางเจ้าถอยไป” มู่อิงมองดูแผ่นหลังหลิวเฉินซาง ในใจรู้สึกทั้งอุ่นทั้งหนาว ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามุกกลืนโลหิตอันตรายถึงขั้นใด หากแต่ทำให้หลิวเฉินซางถึงกลับออกหน้าเช่นนี้ มิใช่แปลว่าของสิ่งนี้อันตรายเกินกว่าเขาจะรับมือหรอกหรือ มู่อิงอยากจะเอื้อมมือไปผลักหลิวเฉินซางออกจากเบื้องหน้าตน แต่มิรู้เพราะเหตุใดจึงไม่อาจตัดใจทำได้ มิใช่เพราะรักตัวกลัวตาย มิใช่เพราะชีวิตผู้อื่นไม่มีค่าเทียบเท่าชีวิตตน หากแต่ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าคือหลิวเฉินซาง
“เจ้าหลบอยู่ข้างหลังข้าก็พอแล้ว”
“ข้าไม่ได้ไร้ประโยชน์ถึงเพียงนั้น” มู่อิงนั้นไม่เคยโมโหคนเช่นนี้มาก่อน ที่โมโหก็เพราะหลิวเฉินซางมาปกป้องตน เพราะความสามารถมิอาจสู้บุรุษที่อยู่เบื้องหน้าตนเองได้ คราก่อนหลิวเฉินซางใช้กำลังภายในขับพิษสลายแค้นให้ ครานี้ยังมายืนอยู่เบื้องหน้าปกป้องตนเองจากมุกกลืนโลหิต จิตใจคนมิใช่ศิลา ดังนั้นยามนี้มู่อิงจึงทั้งโมโหทั้งห่วงใย หากเกิดสิ่งใดขึ้น เขาจะไม่ยอมให้หลิวเฉินซางรับมือเพียงลำพังแน่
“เป็นห่วงหรือ” น้ำเสียงหลิวเฉินซางยามเอ่ยกับมู่อิงนั้นอบอุ่นอ่อนโยน ราวกับแสงอาทิตย์ในฤดูเหมันต์ ถึงแม้มิได้หันไปมอง แต่แววตากลับอ่อนลงเจ็ดส่วน แฝงแววจนใจสามส่วน ใครใช้ให้เขามิอาจทนเห็นมู่อิงเป็นอันตรายได้เล่า
“พวกเจ้าไม่ว่าจะเป็นใครก็ไร้ประโยชน์! ยามที่มุกกลืนโลหิตถูกข้าทำลาย ในรัศมีสิบลี้ไม่ว่าสิ่งใดก็ต้องพินาศ”
“หากว่าข้าชิงมาจากเจ้าได้ก็ไม่แน่”
“มุกกลืนโลหิตต้องใช้โลหิตจากหัวใจหล่อเลี้ยง หากมิใช่เจ้าของ จะทำลายจุดชีพจรทั่วร่าง ร่างกายแหลกเหลวไม่เหลือแม้แต่กระดูก แต่หากพวกเจ้าสองคน คนใดคนหนึ่งยอมกลืนมันลงไป ไม่แน่ว่าข้าจะยอมมอบให้แต่โดยดี” ตอนที่ฮัวเหลียนเหลียนเค้นพลังเรียกมุกกลืนโลหิตออกมานางคิดเพียงใช้มันเพื่อสังหารมู่อิงและผู้คนทั้งหมด แต่เมื่อเห็นความห่วงใยระหว่างมู่อิงและหลิวเฉินซาง นางจะยอมละเว้นผู้คนเหล่านี้เลือกสังหารเพียงมู่อิงหรือหลิวเฉินซางเท่านั้น จะไม่สะใจกว่าหรอกหรือ หากจะทำให้พวกมันคนใดคนหนึ่งตาย ส่วนคนที่เหลืออยู่ต้องทรมานใจไปจนตาย
“ส่งมาให้ข้า”มู่อิงยื่นมือออกมาจากเบื้องหลังหลิวเฉินซาง ทำลายจุดชีพจรเช่นนั้นหรือ ร่างกายแหลกเหลวเช่นนั้นหรือ เพียงแค่ไข่มุกเม็ดเดียวถึงกลับกล้าข่มขู่ตน
“ท่านประมุข!”เหล่ายอดยุทธ์พรรคจันทร์กระจ่างฟ้าต่างตะโกนออกมาพร้อมกันอย่างตื่นตระหนก พวกเขายอมตายเสียดีกว่าต้องมีชีวิตรอดด้วยการต้องแลกด้วยชีวิตของท่านประมุข
“อิง...”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในพรรคมาร ท่านผู้นำฝ่ายธรรมะโปรดอย่าสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยว”
หลิวเฉินซางไม่ได้พูดสิ่งใดออกไป หากแต่ในใจมิได้ยินยอมเลยแม้แต่น้อย หากแม้แต่ผู้ที่ตนเองชื่นชอบยังปกป้องมิได้ เขาจะยังยืนอยู่ตรงนี้ไปเพื่อสิ่งใด ใครใช้ให้คนที่เขาอยากปกป้องเป็นมู่อิง ใครใช้ให้ฝั่งตรงข้ามมีมุกกลืนโลหิต
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องให้ใครกลืนมันลงไป”สิ้นคำหลิวเฉินซางเกิดปรานสีขาวบริสุทธิ์กระจายขึ้นทั่วร่าง พลังเหล่านั้นเคลื่อนไปห่อหุ้มมุกกลืนโลหิตเอาไว้จนรัศมีสีแดงกระจ่างที่เปล่งออกมาหายไปจนหมดสิ้น
มู่อิงมองไปที่หลิวเฉินซางอย่างไม่อยากเชื่อ การทำเช่นนี้ก็ไม่ต่างจากการกลืนมันลงไปนักไม่ใช่หรือ
“งี่เง่า”มู่อิงพูดผ่านกำลังภายในให้ได้ยินเพียงแค่ตนกลับหลิวเฉินซางก่อนจะตวัดกระบี่ตัดจันทราปลิดชีพฮัวเหลียนเหลียน ในเมื่อท่านผู้นำฝ่ายธรรมะยอมเสียสละกำลังภายในมากมายปานนั้น หากเขาไม่ตอบสนองให้สำเร็จลุล่วงมิเท่ากลับเสียเปล่าหรอกหรือ
ฮัวเหลียนเหลียนสิ้นชีพไปเช่นนี้ นับว่าตายอย่างไม่ยินยอมพร้อมใช้ คราแรกคิดใช้มุกกลืนโลหิตเป็นไม้ตายช่วยชีวิตตนเอง หากแต่เปลี่ยนใจ คิดใช้เพื่อทำลายชีวิตตนและคนทั้งหมด สุดท้ายโดนหลิวเฉินซางขัดขวาง ต้องมาตายด้วยน้ำมือมู่อิง
มุกกลืนโลหิตใช้ชีวิตคนกว่าพันชีวิตก่อกำเนิดขึ้น ย่อมต้องทรงอานุภาพมิใช่สิ่งของที่สามารถควบคุมได้งายนัก เมื่อสิ้นเจ้าของมุกกลืนโลหิตที่เคยสงบนิ่งก็แผ่คลื่นพลังอันร้ายกาจออกมา
+++++ 50% +++++
ด้วยคลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากมุกกลืนโลหิต ทำให้ทุกคนต้องถอยห่างออกไปอย่างน้อยห้าสิบก้าว เว้นแต่หลิวเฉินซางผู้ซึ่งต้านคลื่นพลังและมู่อิง หลังสังหารฮัวเหลียนเหลียนมู่อิงรีบถ่ายทอดกำลังภายในของตนให้แก่หลิวเฉินซาง ถึงแม้จะมียอดยุทธ์อย่างท่านผู้นำฝ่ายธรรมะหลิวเฉินซาง และจอมมารร้ายแห่งยุทธภพอย่างมู่อิง การทำลายมุกกลืนโลหิตก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก
มุกกลืนโลหิต ของสิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยหลอมจากโลหิตของมนุษย์ ยิ่งหากถูกหลอมจากโลหิตหญิงสาวพรหมจรรย์ยิ่งทรงอานุภาพ มิรู้ว่าโลหิตพันชีวิตที่ฮัวเหลียนเหลียนใช้สร้างนั้นมาจากผู้ใด แต่ถึงกระนั้นอานุภาพที่มุกกลืนโลหิตสำแดงออกมาก็น่าครั่นคร้ามอย่างยิ่ง นานมาแล้วมุกกลืนโลหิตปรากฏขึ้นมาในยุทธภพ ครานั้นประมุขพรรคมารผู้หนึ่งเป็นผู้สร้าง ว่ากันว่าเขาบูชาเทพปีศาจ ทุกวันต้องสังหารคนนำเลือดมาเซ่นสังเวย จวบจนสังหารครบพันคนจึงปรากฏมุกกลืนโลหิตขึ้นมา จอมมารผู้นั้นคิดว่ามุกกลืนโลหิตคือของศักดิ์สิทธิ์ที่เทพปีศาจประทานมาให้หวังใช้ครองใต้หล้า ยามนั้นพรรคอันดับหนึ่งฝ่ายธรรมะคือตำหนักสิบสองกระบี่ ยามเมื่อจอมมารใช้มุกกลืนโลหิตเพื่อทำลายผู้นำฝ่ายธรรมะในเวลานั้น ยอดเขาตระหนักรู้อันเป็นที่ตั้งของพรรคตำหนักสิบสองกระบี่โดนทำลายสิ้น หลงเหลือเพียงที่ราบหนึ่งผืน ไร้ซึ่งสิ่งปลูกสร้าง ไร้ซึ่งวี่แววของสรรพชีวิต มุกกลืนโลหิตสูญหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่ คงเหลือชีวิตเดียวยืนอยู่บนที่ราบผืนใหญ่ คือจอมมารในเวลานั้นนั่นเอง หลังจากนั้นมาเคยมีผู้คิดสร้างมุกกลืนโลหิตมากมาย แม้แต่ราชสำนักยังต้องการวิธีการสร้าง แผ่นดินวุ่นวายทุกข์เข็ญเป็นอย่างยิ่ง หากแต่ก็ไม่มีผู้ใดสร้างสำเร็จจนผู้คนต่างลืมเลือนการมีอยู่ของมันไป
จวบจนวันนี้มุกกลืนโลหิตปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ผู้สร้างเป็นสตรีที่พอมีฝีมืออยู่บ้าง ไม่เคยอยู่ในสายตาผู้ใด ใครจะคาดว่านางจะสามารถสร้างมุกกลืนโลหิตออกมาได้ พรรคตำหนักจันทราปกติมิเคยทำเรื่องใดโดดเด่นสะดุดตา เมื่อถึงวันที่ทำเรื่องที่มีหน้ามีตา กลับเป็นวันที่ถูกทำลายจนสูญสิ้น มิได้ยืดอกอย่างสง่าผ่าเผย มิได้รับชื่อเสียงว่าเป็นพรรคมารอันดับหนึ่ง เรื่องนี้มิรู้ว่าหากประมุขพรรคตำหนักจันทรารุ่นก่อนๆ ที่อยู่ในปรโลกได้ทราบจะก่นด่าจนพวกที่เพิ่งตามเข้าไปใหม่ว่าอย่างไร
จะทำเลวทั้งทีก็ควรให้ผู้อื่นรับรู้ ยิ่งทำให้คนหวาดหวั่นกลัวเกรง แค่ได้ยินชื่อก็กลัวจนตัวสั่นงันงกปัสสาวะราดได้ยิ่งดี จึงจะไม่เสียทีที่เป็นคนพรรคมาร แต่ประมุขรุ่นใหม่พรรคตำหนักจันทราทำเรื่องเลวสะท้านฟ้าสะเทือนดินทั้งทีกลับไม่มีโอกาสป่าวประกาศให้ผู้คนทั้งใต้หล้าได้รับทราบอีกทั้งยังเก็บเงียบ ช่างเสียทีที่เป็นคนพรรคมาร ผู้อาวุโสที่อยู่ในปรโลกคงอยากกระอักโลหิตตายซ้ำแล้วซ้ำเล่ายิ่งนัก
หลิวเฉินซางกับมู่อิง ท่านผู้นำฝ่ายธรรมะกับจอมมาร ทั้งสองคนต่างร่วมแรงร่วมใจ เหตุการณ์เช่นนี้นับว่าไม่อาจพบเห็นได้บ่อยนัก ยามนี้ชาวยุทธ์ที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างหวังให้ท่านผู้นำทั้งสองทำลายมุกกลืนโลหิตได้โดยเร็ว มิเช่นนั้นบริเวณโดยรอบคงกลายเป็นสถานที่รกร้าง ไม่อาจมีผู้รักษาชีวิตไว้ได้
ชาวยุทธ์คนอื่นๆ ลำพังแค่เดินกำลังภายในมิให้ตนเองถูกคลื่นพลังของมุกกลืนโลหิตลำลายชีพจรก็ฝืนทนเต็มที ไม่มีปัญญาไปช่วยท่านผู้นำของตน หวังเพียงแต่ว่าด้วยพลังฝีมืออันสูงส่งของท่านผู้นำฝ่ายธรรมะและจอมมาร จะพาพวกตนรักษาชีวิตน้อยๆ ให้อยู่รอดปลอดภัย
“อิงอิง ข้าจะทำลายมุกกลืนโลหิต เจ้าถอยออกไป”หลิวเฉินซางกัดฟันพูดออกมา ตรงมุมปากมีโลหิตไหลซึมออกมาเล็กน้อย ยามนี้เขาไม่อาจรั้งรอเวลาได้นานนัก เพียงแค่ต้านไว้ก็บาดเจ็บภายในไม่น้อยแล้ว หากยังไม่รีบทำลาย มุกกลืนโลหิตต้องกัดกินกำลังภายในเขาจนเหือดแห้งเป็นแน่
“จะทำลายก็ทำไป ข้าจะช่วยต้านไว้” หากจะพูดตามตรงเรื่องนี้ตัวเขามู่อิงต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดด้วยซ้ำ ใครใช้ให้เขารูปโฉมล้ำเลิศเช่นนี้เล่า เช่นนี้จึงจะเรียกว่ารูปโฉมเป็นภัยอย่างแท้จริง
“เจ้า...เช่นนั้นก็อย่าตายก่อนแต่งให้ข้า” สิ้นคำหลิวเฉินซางเขาสะบัดชายแขนเสื้อคราหนึ่งพลังทั่วร่างต่างหลอมรวมเข้าด้วยกัน มุ่งตรงไปยังมุกกลืนโลหิต
ท่านผู้นำฝ่ายธรรมะ...ในเวลาแบบนี้ วาจาเช่นนี้ยังเอ่ยออกมาได้...
“ใครจะแต่งให้ใครยังไม่แน่...หลิวเฉินซาง” มู่อิงปรายตามองหลิวเฉินซาง หึ! หากโดนเขาหมายปองแล้วอย่าหวังว่าหนีพ้นเงื้อมมือมู่อิงผู้นี้ไปได้
หลิวเฉินซางไมตรีนี้หากข้าไม่รับไว้ คงเป็นตัวโง่งมที่สุดในใต้หล้าแล้ว ในเมื่อไม่มีใครสามารถทำให้ข้าว้าวุ่นใจได้อย่างหลิวเฉินซาง อีกทั้งเส้นผมของเขายังงดงามปานนั้น รับไมตรีเจ้าปีศาจห่มจีวรนี่หน่อยจะเป็นไรไป!
ความรู้สึกนึกคิดของทั้งสองท่าน ปุถุชนทั่วไปไหนเลยจะตามทัน...ในเวลาเช่นนี้ยัง...มารดามันเถอะ!!!
หลิวเฉินซางรวบรวมพลังทั้งหมดเข้าทำลายมุกกลืนโลหิต ส่วนมู่อิงคอยกันพลังที่ประทุออกมามิให้ทำร้ายหลิวเฉินซางบาดเจ็บ ผ่านไปถึงสามชั่วยามมุกกลืนโลหิตที่ขนาดเท่ากำปั้นเด็กทารกจึงเหลือเพียงขนาดเท่าเมล็ดถั่ว และหายไปในที่สุด แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นของทรงอานุภาพ ยามนี้ท่านผู้นำฝ่ายธรรมะจึงบาดเจ็บภายในร้ายแรง หลังมุกกลืนโลหิตสลายไป จึงกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่
“หากให้ข้าจัดการ เจ้ายังจะมีสภาพเช่นนี้หรือ”มู่อิงที่อยู่ใกล้ที่สุดเข้าไปรับร่างหลิวเฉินซางที่ทรุดลงราวกับใบไม้หลุดร่วงจากกิ่งเอาไว้
หลิวเฉินซางยามนี้ถูกรวบอยู่ในอ้อมอกท่านจอมมาร ดูอ่อนแอเปราะบางจนคนอดคิดเลยเถิดไม่ได้ อาภรณ์ขาวแดงตัดกันดูงดงามเปี่ยมมนเสน่ห์ประการหนึ่ง ถึงแม้ว่าบุรุษผู้หล่อเหลางามสง่าจะอยู่ในอ้อมอกบุรุษผู้มีใบหน้างดงามล้ำเลิศดูแล้วออกจะผิดแปลกไปบ้าง แต่ก็ยังงดงามชวนมองอยู่ดี
“ใครใช้ให้ข้าชอบเจ้า...” พูดจบหลิวเฉินซางก็หมดสติไป
อนิจจา เหล่าชาวยุทธ์ที่อยู่โดยรอบต่างคนต่างเดินกำลังภายใน ดังนั้นประสาทสัมผัสจึงดียิ่ง วาจาเช่นไรต่างได้ยินกันทั่ว ยามนี้จึงอ้าปากค้างมิอาจหุบลงได้...
+++++++++++++++++++++++++
รู้สึกเฮียออกตัวแรง แนะนำ ติชมได้นะคะ
เรื่องนี้จะมาแบบช้าๆ เพราะคนเขียนไม่ค่อยมีเวลา บางทีอาจหายไปเป็นเดือน (โดนคนอ่านตบ)
ตอนนี้เนื้อเรื่องก็ดำเนินมาได้ประมาณครึ่งเรื่องแล้ว (ตามที่คิดไว้)
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านค่ะ ที่ยังติดตาม ทั้งนักอ่านเงา และเปิดเผย