ตอนที่ 14
ความโหดเหี้ยมอำมหิตของจอมมารนั้นไม่ได้เป็นเพียงข่าวลือไว้ข่มขู่ผู้คน ก่อนจะขึ้นเป็นประมุขพรรคจันทร์กระจ่างฟ้านั้น โลหิตไหลนองมากมายเพียงใดบรรดาพรรคที่เคยกระด่างกระเดื่องต่อมู่อิงล้วนกระจ่างแจ้งแก่ใจตนเองดี ต่อเมื่อขึ้นเป็นประมุขพรรค มู่อิงผู้ชื่นชอบความสะดวกสบายจึงไม่ใคร่จะลงมือด้วยตัวเองมากนัก น้อยครั้งที่คนผู้นี้จะจัดการเรื่องราวต่างๆ ด้วยตนเองและไม่ง่ายเลยที่คนผู้นี้จะบุกไปเอาเรื่องใครโดยไม่สนฤกษ์ยาม ตามปกตินั้นฤกษ์สังหารของเขาคือช่วงเวลาที่ดวงจันทร์กลมโตที่สุด งดงามที่สุด หายากยิ่งนักที่จะบุกโดยไม่สนใจความงดงามของแสงจันทร์อันนุ่มนวลที่สาดส่องลงมา พรรคตำหนักจันทรามิรู้ว่าเพราะทำชั่วมากเกินไปจนโดนสวรรค์ลงทัณฑ์ หรือโดนผู้คนสาปแช่งมากเกินไปกันแน่ ถึงได้ทำให้จอมมารผู้งดงามจนผู้คนทอดถอนใจผู้นี้ กลายเป็น ‘มารร้าย’ อย่างแท้จริง
ท่ามกลางพายุโลหิตในพรรคตำหนักจันทราปรากฏมารร้ายชุดแดงขึ้นผู้หนึ่ง ใบหน้างดงามจนราวกับจะช่วงชิงจิตวิญญาณคนหากแต่กลับกระด้างเย็นชาราวกับรูปสลักน้ำแข็ง ดวงตาหงส์คมกริบไร้รอยกระเพื่อม งดงามแต่กลับเย็นยะเยือกจนคนไม่อาจเข้าใกล้ บรรดาผู้ติดตามต่างถอยห่างจากมู่อิงอย่างน้อยสิบฉื่อ เหล่าผู้ติดตามที่มากับท่านประมุขต่างทราบดีว่าหากท่านประมุขแผ่รัศมีเย็นชาจนผู้คนไม่อาจเข้าใกล้ก็จงอย่าได้เข้าใกล้เป็นอันขาด อยู่ห่างมากเท่าไหร่ชีวิตน้อยๆ ก็ปลอดภัยมากเท่านั้น
“ฮัวเหลียนเหลียน หว่างหยุนเซียน ฟู่ซีซิว พวกเจ้าจงออกมา!!! ไม่เช่นนั้นแม้แต่สุนัขที่พรรคตำหนักจันทราเลี้ยงไว้ก็อย่าหวังจะรอดชีวิต!” น้ำเสียงของมู่อิงแฝงกำลังภายในไว้ถึงเจ็ดส่วนเหล่าผู้คนที่พลังยุทธ์อ่อนด้อยต่างกระอักเลือดออกมาทั้งสิ้น บรรดาศิษย์ชั้นปลายแถวบางคนถึงกับสิ้นใจตาย คนของพรรคจันทร์กระจ่างฟ้าที่มากับท่านจอมมารล้วนแล้วแต่ฝีมือเป็นเลิศจึงไม่มีใครได้รับอันตราย เพราะบุคคลเหล่านี้ ‘อยู่ห่างท่านประมุขอย่างน้อยสิบฉื่อ’ อีกทั้งยังตื่นตัวระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา ใครใช้ให้ท่านประมุขฝีมือสูงส่งเกินไปจนคนอดไว้วางใจไม่ได้กันเล่า
บรรดาผู้ติดตามมู่อิงนอกจากเหลยที่หนึ่ง สอง และสามแล้ว ยังมีคนที่ติดตามมาอีกเพียงแค่ยี่สิบคนเท่านั้น ผู้คนเหล่านี้เป็นคนที่ท่านจอมมารตัดสินแล้วว่าสามารถ ‘เอาชีวิตรอด’ กลับไปได้
หากพามามากมายแล้วตายเสียหมด มิสู้พามาแต่คนที่จะมีชีวิตรอดกลับไปไม่ดีกว่าหรือ ในเมื่อมู่อิงมาเพื่อสังหารคนเขาจึงไม่คิดที่จะให้คนของตนโดนสังหาร
ท่ามกลางความโกลาหลของพรรคตำหนักจันทรา การที่โดนจอมมารบุกมาโดยที่ไม่ทันได้เตรียมตัวตั้งรับสร้างความโกลาหนวุ่นวายขึ้นเหลือคณา จอมมารชุดแดงผู้นี้ราวกับจู่ๆ ก็ปรากฏกายขึ้นมาจากนั้นก็เริ่มเข่นฆ่าสังหารคน ศิษย์ระดับสูงบางคนที่พอรู้ต้นสายปลายเหตุดี ส่วนหนึ่งอยู่รับมือ อีกส่วนไปแจ้งฮัวเหลียนเหลียนและเหล่าผู้นำพรรค
จอมมารบุกพรรคตำหนักจันทรารวดเร็วกว่าที่ท่านธิดาเทพคำนวณไว้!
ผู้ที่มาถึงก่อนเป็นคนแรกคือฟู่ซีซิว หลังจากกวาดสายตามองภาพความเสียหายของพรรคตำหนักจันทราด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ก็ต้องสะดุดลงเพราะมารร้ายในชุดสีแดง ฟู่ซีซิวนับว่าเป็นคนที่มีชีวิตอยู่มายาวนานผู้หนึ่ง ตลอดชีวิตอันผิดแผกแตกต่างจากผู้อื่นย่อมพบเห็นผู้คนมามากมาย หากแต่คนที่เด็ดหัวผู้อื่นราวกับหัวผักกาดแต่กลับดูน่าลุ่มหลงราวปีศาจเช่นนี้กลับไม่เคยพบเจอ
ถึงแม้จะงดงามจนหน้าตื่นตะลึงเพียงใด หากแต่แววตาที่ราบเรียบไม่ได้กระหายเลือดอย่างที่คนผู้ซึ่งถลำลึกในการเข่นฆ่าสังหารควรมีนั้น กลับทำให้ใจของฟู่ซีซิวสั่นสะท้านด้วยความหวั่นเกรง
ฮึ! ถึงอย่างไรตัวฟู่ซีซิวก็ยังมีความทะนงตนอยู่ไม่น้อย มันไม่เชื่อว่าจะเอาชนะจอมมารชุดแดงผู้นั้นไม่ได้ หากมิใช่เพราะอุบายของพวกสาระเลวฝ่ายธรรมะมีหรือที่คนอย่างฟู่ซีซิวจะถูกขังอยู่ในเรือนจำฝังกระดูก มู่อิงแล้วอย่างไร! คนอย่างฟู่ซีซิวก็อยากจะรู้เช่นกันว่าจอมมารคนใหม่จะร้ายกาจเพียงใด ด้วยความงดงามเช่นนั้นหากมันได้ลิ้มรสสักครั้งมิรู้ว่าจะมีความสุขสักปานใด
ดังนั้นฟู่ซีซิวจึงบุกเข้าไปหามู่อิงหมายจู่โจมยามที่ผู้อื่นไม่ทันตั้งตัว
มู่อิงฝีมือสูงส่งเพียงใดมีหรือจะไม่รู้ว่ามีผู้ลอบโจมตี การสังหารศิษย์พรรคตำหนักจันทราที่ไม่ต่างจากบี้มดเหล่านี้นับว่าเป็นอะไรได้ หากมิใช่เพราะแค้นจนไม่อาจทนมองให้ขวางหูขวางตามีหรือเขาจะมาข้องเกี่ยวกับพรรคตำหนักจันทราที่มีแต่กลิ่นคาวโลหิตแห่งนี้ ทั้งกู่อิ๋งอิ๋งทั้งหนานหมิงเยว่ต่างเป็นคนที่ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามแตะต้องทั้งสิ้น
ขยับตัวเพียงเล็กน้อยมู่อิงก็รับฝ่ามือของฟู่ซีซิวไว้ได้ กำลังภายในอ่อนด้อย! เขามู่อิงไม่เจ็บไม่คันแม้แต่น้อย!
“ต่ำช้า”มู่อิงหรี่ตามองฟู่ซีซิวอย่างหยามเหยียด หลังการประทะฝ่ามือที่คิดว่าไม่เจ็บไม่คันนั้น ไม่คาดว่ากำลังภายในบางส่วนของเขากลับหายไป
“ของดี...นอกรูปร่างหน้าตาแล้ว แม้แต่กำลังภายในก็เป็นของชั้นเลิศ หากเจ้ายอมแพ้แต่โดยดี นายท่านผู้นี้สัญญาว่าจะเอ็นดูเจ้าให้มาก”ฟู่ซีซิวมองมู่อิงด้วยสายตากระลิ่มกระเหลี่ยและหยาบโลน มันแทบจะทนไม่ไหวอยากกดคนงามผู้นี้ลงกับเตียงใจแทบขาด
“นอกจากอัปลักษณ์จนข้าไม่อยากทนมองแล้ว เสียงก็ยังอุบาทจนไม่อาจทนฟัง หากไม่สังหารตัวน่ารังเกียจเช่นเจ้าในวันนี้ มิรู้ว่าจะมีผู้คนมากมายเพียงใดที่ต้องนอนฝันร้ายเพราะทนดูเจ้า” สิ่งที่มู่อิงไม่ชอบก็คือคนอัปลักษณ์ ยิ่งทั้งหน้าตาและจิตใจอัปลักษณ์ยิ่งไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ ตาแก่นี่ต้องเป็นเฒ่าวิปริตฟู่ซีซิวไม่ผิดตัวแน่ หากวันนี้เขาไม่สังหารตาเฒ่าผู้นี้มิรู้ว่าต้องสั่งสมความคับข้องใจไปอีกกี่วันคืน
ฟู่ซีซิวมีรูปร่างท้วม ไม่สูงไม่ต่ำ ผิวสีทองแดง หน้าตามองรวมๆ แล้วคล้ายตาแก่มักมากผู้หนึ่ง หากแววตากลับเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก จอนผมบางส่วนเริ่มหงอกขาว มองโดยรวมแล้วก็ไม่ถือว่าอัปลักษณ์จนไม่อาจทนมอง
“สามหาว! วันนี้นายท่านจะตัดลิ้นเจ้าออกมา!”ฟู่ซีซิวหน้าแดงก่ำเพราะความโมโห คนที่กล้าด่าว่ามันต่อหน้ามีไม่มาก การที่โดนผู้เยาว์ดูหมิ่นเช่นนี้จะให้มันไม่โมโหได้อย่างไร
จอมมารคนก่อนและคนปัจจุบันต่อสู้กันไปหลายกระบวนท่า คราแรกนั้นฟู่ซีซิวย่ามใจว่าในที่สุดชัยชนะต้องเป็นของตน แต่ทว่าไม่ว่ามันจะดูดกำลังภายในฝ่ายตรงข้ามมามากเท่าไหร่ หากแต่มู่อิงนั้นกลับไม่คล้ายคนหมดแรงเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าภายใต้หน้าตาอันงดงามนั้น คือสัตว์ประหลาดที่มีกำลังภายในไม่รู้จักหมดสิ้น
“รู้หรือไม่ว่าคนที่ข้าเกลียดที่สุดคือคนที่มาแตะต้องของของข้า วันนี้ข้าจะเอาศีรษะเจ้าไปปลอบประโลมใจเยว่เอ๋อ” น้ำเสียงของมู่อิงทั้งหยิ่งผยองทั้งเยือกเย็น เมื่อกล่าวจบถึงกับลงมือหนักหน่วงขึ้นอีกหลายเท่า
ฟู่ซีซิวนั้นถือดีมาโดยตลอดว่าไร้ผู้ต่อกร วันนี้ต้องมาประมือกับมู่อิงจึงราวกับกลืนอาเจียนตนเองลงท้องก็มิปาน ใครจะคาดคิดกันว่าจะมีผู้เยาว์ที่ฝีมือสูงส่งปานนี้ ที่สำคัญหนานหมิงเยว่ผู้นั้นฟูซีซิวยังไม่ทันได้แตะต้อง คนก็โดนช่วยไปเสียก่อน
เพ้ย! สวรรค์ช่างไม่เป็นธรรม ไม่เป็นธรรมยิ่งนัก!!!
“ตาเฒ่าสารพัดพิษยังไม่รีบมาช่วยข้าอีก”ฟู่ซีซิวตะโกนเรียกหว่างหยุนเซียนที่ยืนมองดูอยู่ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก เพราะฟู่ซีซิวคุยโตไว้มากหว่างหยุนเซียนจึงไม่คิดช่วยตั้งแต่แรก กอปรกับนิสัยเฒ่าวิปริตไม่น่าคบหาเลยแม้แต่น้อย น่ารังเกียจยิ่งกว่าอาจมเสียอีก หากไม่มีเป้าหมายร่วมกันคือสังหารมู่อิงไม่แน่ว่าตัวหว่างหยุนเซียนเองอาจวางยาพิษตาเฒ่าน่ารังเกียจผู้นี้ไปนานแล้ว
เมื่อหว่างหยุนเซียนปรากฏตัวบรรดาคนของพรรคจันทร์กระจ่างฟ้าถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น หากไม่เพราะเป็นการขวางมือขวางเท้าท่านประมุข คงกระโจนเข้าสู้กับหว่างหยุนเซียนไปแล้ว
หว่างหยุนเซียนถึงแม้จะอายุห้าสิบปีแล้ว แต่ใบหน้ากลับดูราวต้นสี่สิบ มีริ้วรอยตามวัยเพียงเล็กน้อย ท่วงท่าอบอุ่นอ่อนโยน ราวกับมดสักตัวก็ไม่อาจหักใจบี้ได้
“ เฒ่าวิปริตนี่หรือที่เจ้าคุยโวไว้มากมายว่าจะจัดการจอมมาร” หว่างหยุนเซียนกล่าวอย่างดูถูกดูแคลน แม้แต่ตัวมันเองยังไม่กล้าประมาทบุรุษหนุ่มผู้นี้ หากมู่อิงจัดการง่ายดายเพียงนั้น พรรคจันทร์กระจ่างฟ้าคงตกอยู่ในมือหว่างหยุนเซียนนานแล้ว
“ข้าเพียงแต่ประมาทไปหน่อยเท่านั้น”
“น่ารำคาญ...หากจะลงมือก็ลงมือ พูดพล่ามไปพวกเจ้าก็ไม่มีทางรอดชีวิต” มู่อิงพูดพร้อมกับลงมือจู่โจมฟู่ซีซิวและหว่างหยุนเซียน
ฟู่ซีซิวทางหนึ่งรับมือ ทางหนึ่งดูดกำลังภายในที่ไม่มีทีท่าว่าจะหมดสิ้นของมู่อิงอย่างสิ้นหวัง ตั้งแต่ฝึกวิชาดูดพลัง ชิงกำลังภายในผู้อื่นมาทั่วหล้า ฟู่ซีซิวยังไม่เคยเจอตัวประหลาดที่กำลังภายในไม่หมดสิ้นดังเช่นมู่อิงมาก่อน
ส่วนหว่างหยุนเซียนนั้นนอกจากเอาดีทางด้านยาพิษพลังฝีมือก็ไม่น้อยหน้าเมื่อใกล้สิ้นท่าก็ปล่อยพิษออกมาให้มู่อิงต้องละมือจากตนเอง เมื่อร่วมมือกับฟู่ซีซิวจึงสามารถต่อกรกับมู่อิงได้อย่างสูสี การต่อสู้ของทั้งสามคนเห็นได้ชัดว่าไม่มีฝ่ายไหนได้เปรียบและไม่มีฝ่ายไหนเสียเปรียบ สู้กันเช่นนี้จนมู่อิงนึกรำคาญใจ
จอมมารนั้นขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมไร้ปรานี ท่องยุทธภพมาหลายปีจะไม่มีอาวุธคู่กายได้อย่างไรหากแต่ผู้ที่เคยเห็นอาวุธสังหารของเขานั้นล้วนตายแล้วทั้งสิ้น ส่วนคนใกล้ชิดเองต่างรู้ว่าไม่ควรแม้แต่ปรายตามอง ‘ของรักของหวง’ ของท่านประมุข เนื่องด้วยอาวุธประจำกายของมู่อิงคือกระบี่ตัดจันทรา สะบัดหนึ่งคราสะเทือนฟ้าดิน ที่ว่าจะเทือนฟ้าดินนั้นมิได้ถึงขั้นตัดท้องฟ้าและผืนดิน เพียงแต่เปรียบเปรยถึงอานุภาพอันน่าเกรงขามของกระบี่เล่มนี้เท่านั้น กระบี่ตัดจันทรานั้นราวกับทำขึ้นจากหยกขาวงดงามจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นอาวุธสังหาร ดังนั้นเมื่อต้องนำออกมาใช้ครั้งใดไม่มีเลยที่มู่อิงจะไม่ปวดใจ
เมื่อกระบี่ตัดจันทราปรากฏขึ้นบนมือของมู่อิงทั้งหว่างหยุนเซียนและฟู่ซีซิวต่างถอยห่างคนละห้าก้าวโดยสัญชาตญาณ ไม่รู้ว่ากระบี่สีสาวด้ามนั้นมีอานุภาพเพียงไร แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดนั้นสั่งให้ถอยห่างโดยไว
“ได้ตายด้วยกระบี่ตัดจันทรานับว่าพวกเจ้ามีบุญวาสนาอย่างยิ่ง”มู่อิงมองกระบี่ในมือด้วยสายตาที่อ่อนโยนราวกับมองคนรัก กว่าจะได้กระบี่เล่มนี้มาเขาต้องทนลำบากมากมายเพียงไร ดังนั้นกว่าจะตัดใจใช้ได้แต่ละครั้งจึงยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง
พูดจบมู่อิงก็ตวัดกระบี่เข้าหาคนทั้งสองทันที กระบี่เดียวหวังปลิดชีพ!
หว่างหยุนเซียนกับฟู่ซีซิวหน้าซีดเผือดกระบี่นี้ไม่มีทางหลบพ้น ผู้อาวุโสที่สังสมชื่อเสียงมายาวนานเช่นตนเองต้องมาจบชีวิตลงด้วยมือผู้เยาว์ตายไปเช่นนี้ช่างน่าคับแค้นใจนัก
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++