บทที่ 9 เรือนจำฝังกระดูก
เรือนจำฝังกระดูกคือสถานที่คุมขังนักโทษที่มีวรยุทธ์ ไม่มีใครทราบว่าใช้กฎเกณฑ์ใดในการคุมขังเพราะผู้ที่ถูกจองจำล้วนไม่เคยออกมา เหตุที่ชื่อเรือนจำฝังกระดูกเพราะถึงแม้ตายร่างกายเหลือเพียงโครงกระดูกก็ต้องถูกฝังไว้ที่นี่ ผู้ที่ถูกคุมขังมีทั้งพรรคฝ่ายธรรมะและอธรรมที่ก่อเหตุการณ์อันรุนแรงจนไม่อาจให้อภัยได้ ว่ากันว่าการคุ้มกันของที่นี่เข้มงวดยิ่งกว่าคุกหลวงของราชสำนัก นักโทษมากมายจึงเลือกจบชีวิตตนเองลงดีเสียกว่าถูกคุมขังไว้ในที่แห่งนี้
สถานที่เช่นเรือนจำฝังกระดูกถูกสร้างบนเกาะอันไร้ผู้คนอยู่อาศัยแห่งหนึ่ง นอกจากผู้คุมที่นับได้เพียงยี่สิบคนและเหล่านักโทษก็ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอาศัยอยู่อีก ในบรรดาผู้คุมทั้งยี่สิบนั้นมีหัวหน้าผู้คุมอยู่ท่านหนึ่ง คนผู้นี้ไม่ใช้ดาบหรือกระบี่หากแต่ใช้แส้ เป็นเพียงสตรีรูปโฉมธรรมดาที่มีวรยุทธ์สูงล้ำ บรรพบุรุษหลายชั่วคนของนางสืบทอดการดูแลเรือนจำแห่งนี้มาเนิ่นนานมิคาดในรุ่นของนางถึงกับมีคนกล้าบุกปล้นนักโทษ ผู้บุกรุกมีวรยุทธ์สูงล้ำเช่นกัน ต่อสู้กันอยู่หลายสิบวันนางจึงได้เพรี้ยงพร้ำ นักโทษสำคัญถูกชิงตัวไป เพราะสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ห่างไกลจึงไม่มีผู้ใดเร่งรุดมาช่วยเหลือ กว่ามู่อิงและหลิวเฉินซางจะเดินทางมาถึง นักโทษก็ถูกชิงไป กู่อิ๋งอิ๋งผู้ดูแลเรือนจำบาดเจ็บสาหัสบางตาย
เหตุการณ์นี้ทำให้มู่อิงแทบคุมสติไว้ไม่อยู่ เขาอยากระบายโทสะแต่ไม่รู้จะทำเช่นไร ท่านจอมมารในยามนี้นั้นปล่อยรังสีสังหารออกมามากมายไม่ว่าใครก็ไม่อาจเข้าหน้าติด ส่วนหลิวเฉินซางสำรวจความเสียหายทั้งหมด หนานกงฉางฝูทำหน้าที่รักษาผู้บาดเจ็บ
“ไปตามเฉียนหลีมา ไม่ว่าเขากำลังทำสิ่งใดอยู่ให้เขาเร่งรุดมาที่นี่!”มู่อิงสั่งการอย่างเคร่งเครียด ชูปี้ฮวารับคำและออกเดินทางทันทีถึงแม้ว่าพึ่งมาถึง
“คนที่ถูกพาตัวไปเป็นใคร “หลิวเฉินซางสอบถามผู้คุมที่ยังพอมีสติตอบได้
“ฟู่ซีชิว...”ผู้คุมลำดับที่สิบสามบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหยโรยแรง เวลานี้บรรดาผู้คุมทั้งสิบเก้าไม่นับหัวหน้าผู้คุมตายไปแล้วห้า บาทเจ็บสาหัสอีกสิบคน อีกสี่คนที่เหลือไล่ตามนักโทษไปไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีเช่นไร
“คนที่มาช่วยเขาเล่าเป็นใคร”มู่อิงสอบถามอย่างร้อนใจ
“ฮัวเหลียนเหลียนแห่งพรรคตำหนักจันทรา”
“ฮัวเหลียนเหลียน!!!”ดวงตามู่อิงเปล่งประกายฆ่าฟัน ผู้ใดจะถูกช่วยออกไปเขาไม่ได้สนใจ แต่ถึงกับทำร้ายกู่อิ๋งอิ๋งบางตาย หนี้แค้นนี้เขามู่อิงจะชำระคืนให้อย่างไม่ตระหนี่ถี่เหนียว
“น้องมู่อิง อิ๋งอิ๋งข้าประคองอาการไว้ได้แล้วที่เหลือหากเฉียนหลีมาทันเวลาก็ไม่น่ามีปัญหาใด”หนานกงฉางฝูเดินออกมาจากห้องกู่อิ๋งอิ๋ง ใบหน้าไม่ค่อยจะผ่อนคลายนัก เหตุการณ์ครั้งนี้นับว่าเป็นการสั่นสะเทือนยุทธภพอย่างแท้จริง นับหลายร้อยปีมานี้ไม่มีผู้ใดเคยทำการอุกอาจเช่นนี้ แต่ฮัวเหลียนเหลียนผู้นี้กลับกล้า
เฉียนหลีนั้นนอกจากเป็นองค์รักษ์ควบตำแหน่งผู้ดูแลพรรคจันทร์กระจ่างฟ้าแล้ว ฝีมือการแพทย์ยังสูงส่ง หากจะเรียกเขาว่าหมอเทวดาก็ไม่นับว่าเกินไป ขอแค่คนยังหายใจเขานับว่ายังรักษาให้หายได้
ส่วนกู่อิ๋งอิ๋งนั้นหากนับตามลำดับก่อนหลังเป็นศิษย์ลำดับที่สอง หากแต่นับตามฝีมือเป็นศิษย์น้องสาม มู่อิงและบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องนั้นล้วนเติบโตมาด้วยกัน ดังเช่นหนานกงฉางฝูที่ถึงปากมู่อิงจะบอกว่าอยากสังหารแต่แท้จริงแล้วเขาก็ยังให้ความเคารพศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้อยู่ไม่น้อย กับกู่อิ๋งอิ๋งเองมู่อิงชอบเรียกนางว่าหญิงอัปลักษณ์หากแต่แท้จริงกลับชื่นชอบศิษย์พี่ผู้นี้มากกว่าผู้อื่น คนของเขาเขาย่อมรังแกได้ แต่ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์
“น้องมู่อิงผู้ที่ถูกช่วยไปเป็นจอมมารคนก่อนเจ้ารู้จักหรือไม่”หลิวเฉินซางเดินเข้ามาสอบถามมู่อิง
“ข้าไม่รู้จัก” ก่อนที่มู่อิงขึ้นเป็นผู้นำพรรคมารนั้นพรรคมารแบ่งออกเป็นพรรคเล็กพรรคน้อยไม่ขึ้นตรงต่อผู้ใด แต่ละฝ่ายล้วนแสวงหาผลประโยชน์และชื่อเสียงให้ตนเอง พอเขาเข้ารับตำแหน่งประมุขพรรคจันทร์กระจ่างฟ้าได้ไม่นานจึงเริ่มได้รับการยอมรับและถูกยกย่องให้เป็นจอมมารในที่สุด กว่าจะมาถึงจุดนี้มู่อิงเองก็เหยียบย่ำบนเถ้ากระดูกผู้คนมามากมาย แต่เขาไม่เคยรู้จักหรือได้ยินชื่อจอมมารคนก่อนเลยแม้แต่น้อย
“เช่นนั้นพรรคตำหนักจันทราเล่าเจ้ารู้จักหรือไม่”
“ดูเหมือนจะเป็นพรรคเล็กๆ ข้าไม่ได้สนใจ แต่วันนี้ฮัวเหลียนเหลียนนับว่าทำให้ข้าสนใจได้ไม่น้อย”น้ำเสียงมู่อิงเย็นยะเยือกกระไอสังหารแผ่ออกมาเต็มเปี่ยม หากหลิวเฉินซางไม่มีกำลังภายในอันยอดเยี่ยมไม่แน่ว่าจะถูกความกดดันนี้ทำให้กระอักโลหิตหรือไม่
“น้องมู่อิงเจ้ารู้จักกู่อิ๋งอิ๋งหรือ”หลิวเฉินซางสังเกตเห็นว่ามู่อิงและหนานกงฉางฝูดูจะให้ความสำคัญกับกู่อิ๋งอิ๋ง โดยเฉพาะมู่อิงที่โกรธแค้นฮัวเหลียนเหลียนมากมายเพียงนี้ ความรู้สึกเช่นนี้เขาไม่ค่อยจะชอบใจนักจึงต้องถามน้องมู่อิงให้กระจ่าง
“พี่อิ๋งอิ๋งคือศิษย์น้องสาม”มู่อิงเก็บรังสีอำมหิตลง เวลานี้เขาต้องจัดการเรื่องที่เรือนจำฝังกระดูกให้เรียบร้อยแล้วจึงตามสังหารฮัวเหลียนเหลียน เขาเองก็อยากจะรู้นักว่านางจะหนีไปได้ไกลสักแค่ไหน
“เป็นเช่นนี้เอง”หลิวเฉินซางพยักหน้าอย่างพึงพอใจในคำตอบ ความโกรธแค้นนี้เขายอมรับได้ หากแต่ประมุขพรรคมารเป็นศิษย์พี่ของผู้คุมเรือนจำฝังกระดูกหากข่าวนี้แพร่กระจายออกไปไม่รู้จะเกิดคลื่นลมอันใดขึ้นในยุทธภพ มู่อิงนั้นสร้างความประหลาดใจให้เขาไม่สิ้นสุด นับตั้งแต่ความชื่นชอบไปจนถึงผู้คนที่คบหา เขาได้รู้เรื่องน้องมู่อิงเพิ่มมากขึ้น ถือว่าความสัมพันธ์มีความก้าวหน้าได้หรือไม่
ท่านผู้นำฝ่ายธรรมะผู้ซึ่งไม่เคยสนใจมนุษย์หน้าในมาก่อนเริ่มครุ่นคิดกับตนเองในใจ
กว่าเฉียนหลีจะเดินทางมาถึงก็ล่วงเข้าวันที่ห้า ยามนั้นอาการของกู่อิ๋งอิ๋งแทบจะประคองเอาไว้ไม่อยู่ มู่อิงและหนานกงฉางฝูผลัดกันถ่ายทอดกำลังภายในให้ทั้งกลางวันและกลางคืนจึงจะประคองอาการรอเฉียนหลีได้ เมื่อเฉียนหลีมาถึงก็มิได้พูดมากความอันใดตรงเข้ารักษากู่อิ๋งอิ๋งทันที กว่าเขาจะรักษาคนแล้วเสร็จก็นานถึงครึ่งค่อนวัน
“น้องมู่อิงในเมื่อกู่อิ๋งอิ๋งปลอดภัยแล้วเจ้าก็ควรไปพักบ้าง”หลิวเฉินซางยืนอยู่ข้างกายมู่อิง ดูใกล้ชิดสนิทสนมจนเฉียนหลีแปลกใจ
ปกติพวกฝ่ายธรรมะแทบไม่ญาติดีกับคนพรรคมาร เจอที่ไหนเป็นต้องตรงเข้าห้ำหั่นกัน มิเช่นนั้นก็สะบัดหน้าใส่จนคอแทบหัก คราที่ไปบุกพรรคเรือนเมฆาจำได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านประมุขกับหลิวเฉินซางก็ไม่นับว่าดีอันใดนัก แต่เวลานี้ผู้นำฝ่ายธรรมะกลับกล่าวกับท่านประมุขด้วยสุ่มเสียงอ่อนโยนเอาอกเอาใจอย่างยิ่ง หรือเขาจะเหนื่อยมากเกินไปจนหูเพี้ยนเห็นภาพหลอนก็ไม่อาจรู้ได้
“ข้าไม่เป็นไรรอจนพี่อิ๋งอิ๋งฟื้นแล้วจึงจะไป”ใบหน้ามู่อิงดูอ่อนแรงอยู่บ้าง เฉียนหลีขมวดคิ้วอีกครั้ง
ปกติถึงท่านประมุขจะชื่นชอบเส้นผมของหลิวเฉินซางหากแต่ก็ยังคงไว้ตัวอยู่หลายส่วน แต่นี่กลับพูดกับท่านผู้นำฝ่ายธรรมะได้อย่างเป็นธรรมชาติ เขาไม่อยู่ข้างกายท่านประมุขไม่กี่วันเกิดเหตุพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินขึ้นหรือไร
“แต่หน้าเจ้าซีดแล้ว ตอนนี้ในเมื่อนางปลอดภัยเจ้าก็ควรพัก”
“เจ้าไม่ใช่ศิษย์ในสำนักเราจะเข้าใจได้อย่างไร”หนานกงฉางฝูผู้มีใบหน้าซีดขาวไม่ต่างจากมู่อิงเอ่ยขึ้น ถึงฝีมือสู้หลิวเฉินซางไม่ได้ แต่เขาก็ขอขัดขวางคนผู้นี้ในทุกวิถีทาง จะยอมให้น้องมู่อิงตกหลุมพรางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เช่นนี้ไม่ได้ อย่างน้อยความพยายามนับสิบปีของเขาก็ไม่ควรสูญเปล่าไม่ใช่หรือ
หนานกงฉางฝู...คนผู้นี้เคยมีความพยายามด้วยหรือ ช่างคิดได้อย่างไม่ละอายใจเอาเสียเลย...
“ท่านประมุขไปพักเถอะขอรับ กว่าแม่นางกู่จะฟื้นก็คงเป็นพรุ่งนี้เช้า”เฉียนหลีเอ่ยออกมา สิ่งที่เขาให้ความสำคัญเป็นที่สุดในยามนี้ก็คือสุขภาพของท่านประมุข ร่างกายท่านประมุขนั้นมีค่ายิ่งกว่าทองคำหากเกิดอะไรขึ้นกับเขาเพียงเล็กน้อยคงต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่เดือดร้อนกันทั้งแผ่นดินจริงๆ แน่
“ในเมือเจ้าพูดเช่นนี้พรุ่งนี้ข้าค่อยมาใหม่”มู่อิงยอมไปพักในที่สุด
“เจ้าเดินไหวไหมให้ข้าอุ้มไปดีหรือไม่”
“ข้ายังมีแรงสังหารเจ้าก็แล้วกัน”
“ทั้งที่ความสามารถเจ้ายังไม่ถึงก็ยังชอบเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมา จะกลายเป็นคำพูดติดปากรู้หรือไม่”
“หลิวเฉินซางเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”มู่อิงขมวดคิ้วจ้องหน้าหลิวเฉินซาง
“หากเจ้าคิดประมือกับข้าจริงๆ เจ้านั่นแหละที่จะเหนื่อยจนไม่มีชีวิตอยู่”
“เจ้า!”
“ข้าไม่ยั่วโมโหเจ้าแล้ว น้องมู่อิงค่อยๆเดิน”
“เพ่ย! สักวันข้าต้องสังหารเจ้าได้แน่”
“เช่นนั้นเจ้าอาจไม่ได้เห็นเส้นผมข้าอีก”
“หลิวเฉินซาง!!!”
“น้องมู่อิงข้าทราบแล้ว...เจ้าอย่าโมโห”
ถ้อยคำของมู่อิงและหลิวเฉินซางทำให้เฉียนหลีต้องเบิ่งตามองดูให้แน่ชัด การหยอกล้อเช่นนี้...ไม่จริงกระมัง เขาทำเป็นไม่รับรู้ได้หรือไม่ หากเขาโดน ‘ทางบ้าน’ ของท่านประมุขสอบถามถึงชีวิตความเป็นอยู่ของท่านประมุขขึ้นมา เขาจะพูดอย่างไรได้เล่า มิต้องโดนไล่ฟันออกมาหรอกรึ!
ท่านประมุขท่านอย่าตกหลุมดอกท้อผู้อื่น เฉียนหลีผู้นี้ยังไม่อยากตาย เขายังไม่ได้แต่งภรรยาเลยแม้แต่คนเดียว
หนานกงฉางฝูเหลือบดูเฉียนหลีอย่างไม่ชอบใจ คนผู้นี้ถูกหลิวเฉินซางซื้อตัวไปแล้วหรืออย่างไร ถึงได้เอ่ยวาจาคล้อยตามเจ้าตัวน่าโมโหผู้นั้น เห็นหรือไม่ว่าเจ้าปีศาจจิ้งจอกนั่นแทบจะลากน้องมู่อิงไปกินอยู่แล้ว
ในเช้าวันต่อมากู่อิ๋งอิ๋งก็ฟื้นขึ้น ถึงแม้ยังไม่แข็งแรงนักแต่สติก็แจ่มใสยิ่ง สามารถเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ไม่มีตกหล่น
ตอนฮัวเหลียนเหลียนผู้นั้นบุกเข้ามากู่อิ๋งอิ๋งกำลังตรวจตราเรือนจำตามปกติพร้อมกับผู้คุมอีกสามท่าน หญิงผู้นั้นสวมชุดสีขาวสะอาดดูงดงามราวกับเทพธิดา ผิวพรรณผุดผ่องดูแล้วทั้งขาวทั้งนุ่มราวกับเต้าหู้ ถึงกับกล่าวแนะนำตัวอย่างมีมารยาทยิ่งนัก แม้จะดูงดงามไร้พิษสงปานนั้นกลับลงมือสังหารคนทันทีที่เอ่ยปากเสร็จ ฆ่าคนโดยที่ไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้สักนิด กู่อิ๋งอิ๋งในยามนั้นยอมรับว่าคาดไม่ถึงว่าผู้มามีวัตถุประสงค์ชั่วร้ายปานนั้น ครั้นเห็นผู้มาเยือนลงมือโหดหี้ยมอำมหิตจึงตรงเข้าต่อสู้โดยไม่ออมมือ มิคาดสู้กันถึงสองชั่วยามฮัวเหลียนเหลียนก็ไม่มีทีท่าว่าจะเพรี้ยงพร้า นางจึงส่งสัญญาณให้ผู้คุมท่านอื่นยิงพลุสัญญาณ อีกไม่กี่ชั่วยามต่อมาคนของฮัวเหลียนเหลียนก็มาเพิ่มมากขึ้น สู้กันจนเข้าวันที่สองนางจึงบาดเจ็บจนกระอักเลือด ถึงได้ให้เสี่ยวอี้นกอินทรีย์ที่นางเลี้ยงไว้ส่งข่าวหาศิษย์พี่ใหญ่
“ฮัวเหลียนเหลียน...ตอนที่ข้าพบนางหน้าตาดูธรรมดามาก เหตุใดแม่นางกู่จึงบอกว่างดงาม”เฉียนหลีเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย
ท่านประมุขอาจไม่สนใจพรรคในปกครอง แต่เขาเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ให้ท่านประมุขเหล่าพรรคเล็กพรรคน้อยมีผู้นำเช่นไร แนวทางของพรรคเป็นแบบไหนเฉียนหลีผู้นี้ล้วนจ่างแจ้ง ฮัวเหลียนเหลียนผู้นั้นเขาเคยพบเมื่อสามปีก่อนตอนที่ท่านประมุขขึ้นรับตำแหน่งประมุขพรรคจันทร์กระจ่างฟ้า ประมุขพรรคตำหนักจันทรายามนั้นดูแล้วหน้าตาธรรมดาอย่างมาก มองดูแล้วไม่คล้ายเทพธิดาเลยสักส่วนเดียว กู่อิ๋งอิ๋งยังดูงดงามกว่าหลายส่วนนัก ผ่านไปสามปีจากหญิงสาวหน้าตาธรรมดาจะกลายเป็นเทพธิดาได้หรือ
“นางคือกู่อิ๋งอิ๋งจริงๆ ถึงแม้ข้าจะอยู่ที่เรือนจำฝังกระดูกไม่ไปไหนแต่เรื่องราวในยุทธภพพวกเราเหล่าผู้คุมล้วนต้องคอยสอดส่องเพื่อหาผู้กระทำผิด ฮัวเหลียนเหลียนนั้นดูเหมือนที่ฝึกแล้วนอกจากรูปโฉมจะงดงามขึ้นกำลังภายในก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้องเป็นวิชามารที่หายสาบสูญไปนานเป็นแน่ แต่ที่น่าสงสัยคือทำไมนางถึงมาช่วยฟู่ซีชิว”กู่อิ๋งอิ๋งกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น
“ฟู่ซีซิวผู้นี้แม่แต่คนพรรคมารยังไม่ชอบหน้า จำได้ว่าก่อนถูกจองจำเขาไล่ดูดพลังยุทธ์ของบรรดาชาวยุทธ์โดยไม่สนใจว่าเป็นฝ่ายธรรมะหรืออธรรม ก่อกรรมทำเข็ญจนคนทั้งใต้หล้าเกลียดชัง แต่ไม่เคยเกี่ยวข้องหรือมีลับลมคมในอันใดกับพรรคตำหนักจันทรามาก่อน การที่ฮัวเหลียนเหลียนมาช่วยคนผู้นี้ออกไปนับว่าน่าสงสัยมากจริงๆ”เฉียนหลีเองก็สงสัยในจุดนี้เช่นกัน
“แค่นางจิ้งจอกกับตาเฒ่าไม่รู้จักตาย ตามไปสังหารเสียก็สิ้นเรื่อง”
เพราะผู้ที่เอ่ยเช่นนี้คือมู่อิง ทุกคนจึงทำเป็นเมินเขาแล้วสนทนากันต่อ คนผู้นี้พออ้าปากก็สังหารคนไม่สนใจสืบหาต้นสายปลายเหตุ หากไม่เพราะหน้าตางดงามและวรยุทธ์สูงส่งผู้คนคงพากันเกลียดชังเขาแล้วบุกมาสังหารไม่เว้นวันเป็นแน่
“น้องมู่อิงเจ้ารู้หรือว่าเขาอยู่ที่ไหน”มีเพียงหลิวเฉินซางที่สนใจจะพูดคุยกับเขา
“ไม่รู้”
“เช่นนั้นเจ้าจะตามไปฆ่าเขาได้อย่างไร”
“ก็แค่ไปที่พรรคตำหนักจันทราหากไม่พบคนก็สังหารจนกว่าคนในพรรคจะพูดอกมา”
“ถ้าสังหารหมดแล้วพวกเขาไม่พูดเล่า”หลิวเฉินซางกล่าวอย่างใจเย็น
“เจ้าจะขัดข้าให้ได้หรือ”
“ข้าไม่ได้ขัดเจ้า ข้าส่งคนไปสืบที่พรรคตำหนักจันทราแล้ว พวกเรารอฟังข่าวอยู่ที่นี่”
“แต่เยว่เอ๋อยังไม่กลับมา...”
“เกี่ยวอะไรกับหนานหมิงเยว่ผู้นั้น”เพราะวาจานี้ของหลิวเฉินซางทำให้ผู้ที่กำลังสนทนาปรึกษาหารือกันอยู่หันมามองที่เขากับมู่อิง
“ท่านโง่หรือ”มู่อิงถลึงตามองหลิวเฉินซาง
“เกี่ยวกับการลอบสังหารเจ้าคืนนั้นใช่หรือไม่”หากเขาไม่เอ่ยสิ่งใดสักคำคงถูกน้องมู่อิงมองเป็นตัวโง่งมจริงๆแน่
“ท่านประมุขท่านโดนลอบสังหารหรือ”เฉียนหลีถามด้วยความตกใจ ใบหน้าเขาเขียวสลับดำในทันที
ถึงกลับมีคนกล้าลอบสังหารท่านประมุข!
“ข้าไม่เป็นไรเยว่เอ๋อไปตามสืบเรื่องนี้แล้ว”มู่อิงโบกมืออย่างไม่ใคร่จะใส่ใจนัก อยากฆ่าเขาไม่ง่ายดายนัก นับว่าผู้ที่ถูกส่งมายังไม่มีความสามารถพอ
ในเมื่อเหตุการณ์ประจวบเหมาะเช่นนี้พอเขาอ่อนแอเรือนจำฝังกระดูกก็ถูกปล้น หากประมุขพรรคมารโดนลอบสังหารในอาณาเขตของพรรคฝ่ายธรรมะ เรือนจำขังนักโทษโดนปล้นโดยคนพรรคมาร เหตุการณ์เช่นนี้มิใช่การยุยงให้เกิดความขัดแย้งหรือ เห็นเขามู่อิงเป็นตัวโง่งมหรือไร!
เช่นนี้การสืบข่าวจึงมีหลายทางทั้งจากฝ่ายธรรมะและพรรคมาร หากผู้ที่ก่อเหตุร้ายต้องการให้เกิดความบาดหมางระหว่างฝ่ายธรรมะและอธรรมขึ้นจริงๆ ทราบว่าท่านผู้นำฝ่ายธรรมะและจอมมารต่างร่วมมือกัน อาจถึงขั้นกระอักโลหิตด้วยความเดือดดาลใจ
“น้องมู่อิงได้ยินว่าเจ้าเป็นห่วงข้ามากหรือ”กู่อิ๋งอิ๋งที่ยังไม่อาจลุกจากเตียงได้เอ่ยขึ้น
ยามสนทนาเรื่องสำคัญแล้วเสร็จก็ควรถึงเวลาพูดคุยของศิษย์พี่ศิษย์น้อง หลังจากลงเขามานางก็ไม่ได้พบหน้าศิษย์พี่ใหญ่และน้องมู่อิงนานมากแล้ว
“เพราะเจ้านอกจากหน้าตาอัปลักษณ์แล้วฝีมือยังอ่อนด้อย โดนผู้อื่นทำร้ายเช่นนี้หากตาแก่รู้เข้าคงเสียหน้าไม่น้อย”มู่อิงปรายตามองกู่อิ๋งอิ๋ง
“ท่านอาจารย์ยามนี้ไม่รู้ว่าต้มตุ๋นผู้อื่นอยู่ที่ไหน”หนานกงฉางฝูนั่งเท้าคางอย่างเกียจคร้าน ดวงตาเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าอันงดงามของน้องมู่อิง
“อาจารย์ของพวกท่านคือผู้เยี่ยมยุทธ์ท่านใดหรือ”หลิวเฉินซางเดินมาบังมู่อิงที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างให้พ้นจากสายตาของหนานกงฉางฝู
“อาจารย์ของพวกเราไม่มีชื่อเสียงในยุทธภพชื่อจวินจื่อหลันประมุขหลิวคงไม่รู้จัก”กู่อิ๋งอิ๋งตอบอย่างมีมารยาท
“ก็แค่ตาแก่ที่ชอบหลวกลวงผู้อื่นว่าเป็นหมอดู”อีกทั้งอายุตั้งมามายแล้วแต่หน้าตายังอ่อนเยาว์อยู่อีก เป็นอาจารย์ที่มู่อิงพอเห็นหน้าก็ตรงเข้าประมือ
“คงจะเป็นผู้ที่น่าเคารพเลื่อมใสไม่น้อย”สามารถสั่งสอนน้องมู่อิงจนเยี่ยมยุทธ์เช่นนี้นับว่าไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง หากแต่ชื่อของท่านอาจารย์ท่านนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ
จวินจื่อหลันหากมาได้ยินวาจาเช่นนี้ของท่านผู้นำฝ่ายธรรมะมิรู้ว่าจะหน้าบานมากเพียงไร
++++++++++++++++++++++++++
ตอนนี้แอบรู้สึกขัดใจตัวเอง รู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ จะแก้ใหม่ก็กลัวว่านานเกินไป