BROTHER’s
นานนับชั่วโมงที่เขาเอาแต่เฝ้ามองน้องชายตัวเอง ชลัชเฝ้ามองชลธรน้องชายต่างสายเลือดอยู่เพียงมุมหนึ่งของบาร์เท่านั้น ในบรรดาพี่น้องแปดคนชลธรเป็นน้องชายคนสุดท้องที่เกิดจากเมียที่สามของป๊า ใครๆในบ้านต่างรักและเอ็นดูเหมือนดั่งแก้วตาดวงใจ ชลธรเป็นเด็กหัวอ่อน พูดง่ายเป็นที่รักและพูดจาฟังรู้เรื่องที่สุด เจ้าสัวบิดาของเขาเองก็รักและตามใจชลธรมากกว่าใคร แต่ชลธรวัยห้าขวบที่ชลัชทั้งรักทั้งหลงในวันนั้นตอนนี้เติบโตเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาและสง่างามเหลือเกิน
“พี่ชาย” ชลธรเดินตัวเซกลับมาหา กลิ่นเหล้าฟุ้งกลบกลิ่นกายซึ่งเป็นเอกลักษณ์ เจ้าของร่างโปร่งบางเอนเอียง หัวเราะส่งเสียงราวกับอารมณ์ดีเสียเต็มปะดา
“เต้นกัน ~” ชลธรนั่นยังเด็กนักในสายตาของชลัช น้องเขาเพิ่งพ้นวุฒิภาวะมาได้ปีเศษ เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ไม่พ้นเรื่องเรียน รักๆเลิกๆ ชลัชรู้ดีว่าน้องเขาเป็นหนุ่มเต็มตัว เมื่อสองปีก่อนชลธรสารภาพกับเขาเองว่ามีสาวในดวงใจและขอคำปรึกษาอยากเข้าไปทำความรู้จักเธอจากเขา และไม่นานน้องชายเขาก็มีแฟนเป็นถึงดาวมหาวิทยาลัย ชลัชปล่อยให้น้องดำเนินชีวิตโดยไม่เข้าไปยุ่งแต่เขาก็ไม่ปล่อยปะละเลยให้ชลธรต้องหลงระเริงจนอาจจะเสียชลธรคนเดิมไป คนที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเขา
มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้น นับตั้งแต่ชลธรมีคนรักอย่างเปิดเผยเขาที่เคยได้รับความสำคัญมาตลอดเป็นอันต้นก็ต้องน้อยลงไป เบื้องแรกชลัชไม่รู้สึกเลยว่าน้องชายเปลี่ยนไปแต่นับวันเขาเองต่างหากที่รู้สึกไม่พอใจ ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของชลธรกำลังเผื่อแพร่ให้สาวคนรักอย่างเปิดเผย อิ่มเอิบและกำลังบ่งบอกถึงความสุข ขณะเดียวกันยอดอกเขาก็ปวดแปลบ สะกิดให้เขาต้องย้อนถามตัวเอง เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนแต่ไม่คาดคิดว่าจะต้องมาเจอกับคนใกล้ตัว
“พี่...”
“พี่คร๊าบบบ” เสียงของชลธรทอดอ่อนเชิญชวน สายตานั่นทั้งเว้าวอนและเป็นประกายวิบวับ ริมฝีปากอิ่มสีเชอร์รี่ก็วาววับเคลือบด้วยน้ำใสๆ ด้วยท่าทางเหล่านั้นแล้วชลัชต้องคุมสติตัวเองไว้ให้มั่น
“น้องไปเถอะ พี่จะรออยู่ตรงนี้”
“ทำไม?” ชลธรตีหน้ายุ่ง น้องชายปล่อยแขนเสื้อเขาแลัวกอดอกทำท่าเอาเรื่อง
“พี่แก่แล้วนะครับ เป็นถึงรองประธาน ไม่ทำอะไรแบบนี้หรอก”
ชลธรหัวเราะคิก เขายกนิ้วชี้จิ้มกดไปที่หว่างคิ้วของพี่ชาย
“ก็เพราะพี่เป็นคนแบบนี้ถึงหาเมียไม่ได้สักทีไง” ปากเล็กเจื้อยแจ้วต่อ “แต่ก่อนก็ออกจะเสน่ห์แรงมีผู้หญิงรุมล้อมหน้าหลัง” ชลธรย่นจมูก เขาคว้าขวดเบียร์ยกกระดกชลัชยังไม่ทันห้ามปรามน้องก็กลืนมันลงคอไปหลายอึก
“แต่ตอนนี้พี่เอาแต่ทำงาน งาน งาน แล้วก็งาน ไม่คิดจะแต่งงานหรือไง”
“ก็ยังไม่เจอคนถูกใจนี่” ชลัชตอบน้องไปแต่สายตาหลบวูบ ตั้งแต่เขารู้ใจว่ารู้สึกกับน้องชายมากเกินกว่าที่ควรจะเป็นชลัชก็ไม่เคยมองหาหรือสานสัมพันธ์กับใครต่อในรูปแบบของคนรักอีกเลย
“ก็เพราะพี่ทำตัวน่าเบื่อ”
“ฮืม?”
“ผมชวนพี่มาสนุกน้า แล้วพี่จะปล่อยผมให้ไปสนุกคนเดียวงี้หรอ?” ชลธรตั้งท่าโวยวาย เขาคว้าแก้วบรั่นดีของพี่มาดื่ม คราวนี้ชลัชขมวดคิ้วมุ่น
“น้องดื่มมากแล้ว พี่ว่ากลับเถอะ”
“ไม่ครับ”
“ชลธร” ชลัชพูดเสียงกำกับแต่น้องกลับเม้มปากแน่นแล้วเดินหนีเข้าฝูงชนที่ต่างกำลังวาดสีสันออกลวดลายกันอย่างเมามันส์ ชลัชถอนหายใจแรง เขาเคยสนุกไปกับบรยายกาศเหล่านี้แต่ด้วยหน้าที่การงานและความรับผิดชอบเขาก็ค่อยๆถอยห่างออกมา ที่ชลธรพูดอาจจะจริงเขามันบ้างานและทำตัวน่าเบื่อเพราะอายุที่เพิ่มขึ้นก็เป็นได้
ชลัชนั่งอยู่ที่มุมบ้าร์มุมเดิม เขาสั่งบรั่นดีมาจิบระหว่างรอน้อง มองไปเห็นร่างโปร่งจากที่ไกลๆ ชลธรรับเครื่องดื่มมาจากเพื่อนใหม่ที่เข้าหา จู่ๆความรู้สึกของชลัชก็พวยพุ่งขึ้นมา
“น้อง กลับได้แล้ว”
“พี่” สิ้นความคิดชลัชก็พุ่งปราดเข้ามาราวกับต้องการจะจับเหยื่อ คนเป็นน้องปรือตาฉ่ำกลับมามอง ยืนขาโอนเอนขณะที่หัวเราะคิกคัก
“พี่ชลัชลุกขึ้นมาได้สักที นั่งเบื่อแล้วใช่ม้า” ชลัชไม่เคยเห็นชลธรในภาพลักษณ์นี้มาก่อน ไอ้คนหน้าซื่อตาใสน้องเขามันหายไปไหนกันเหลือแต่ผู้ชายที่ส่งยิ้มยั่วกระตุ้นต่อมความรู้สึกทางเพศเขาอยู่ตรงนี้ ชลธรคว้าจับมือของพี่ชายมาเกี่ยวไว้ที่รอบเอว ส่วนมือเขาก็วิสาสะคล้องไปที่รอบคอชายหนุ่ม
“คนที่มาที่นี้” ชลธรเบียดตัวชิด จนชลัชได้กลิ่นกายและลมหายใจอุ่นคลอชัดเจน “เขาก็มาความสุขกันทั้งนั้นแหละ”
“…” ชลัชข่มความรู้สึกที่ก่อเกิดและคุกคาม พยายามห้ามมือไม่ให้บีบขย้ำเนินเนื้อของคนเป็นน้อง ชลธรส่ายเอวเคลื่อนไหว ไม่ได้รุนแรงแต่ยั่วยวนเหลือเกินในความรู้สึกของชลัช
“กลับ!” ชายหนุ่มขู่คำราม เขากัดฟัน กระชากสติของตนและน้องกลับมาลากคนตัวบางให้ปลิวติดมือกระทั่งออกมานอกร้าน ชลธรเดินตามอย่างไม่ขัดขืน ร่างโปร่งสวมตัวเข้าไปในรถสัญชาติยุโรปของพี่ชายทำตัวว่าง่ายต่อหน้าพี่
ชลัชขับรถด้วยอารมณ์ไม่คงที่นัก เขาไม่ได้เมาแต่หงุดหงิดเพราะความพลุ่งพล่านทางด้านอารมณ์ที่ยังไม่ถูกขจัดให้หมดสิ้นไป ชลธรเหลือบมองดูพี่ชายที่ทำหน้าที่พลขับด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง นึกในใจว่าตนคงทำให้พี่ชายโกรธหนักเสียแล้ว
“พี่ชาย”
“…”
“พี่ครับ” ชลธรเรียกเสียงอ่อน ชลัชเหลือบตามองหน้าน้องแว่บเดียวก็ถอนหายใจออกมา
“อะไร?” ไม่ได้ตั้งใจให้ห้วนสั้นแต่เนื้อความกระชับคล้ายกับรำคาญนั่นทำให้ชลธรไม่กล้าพูดต่อ เจ้าตัวส่ายหัวดิกก่อนจะปล่อยให้ห้องโดยสารปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน
“ไม่กลับบ้านหรอกเหรอครับ?” ชลธรที่งัวเงียและพบว่าตื่นมาที่ชั้นใต้ดินของลานจอดรถเพ้นท์เฮ้าส์ของพี่ชายก็อดเอ่ยถามไม่ได้
“อยากโดนป๊าด่าตอนเช้าเหรอ พี่จะได้ไปส่ง”
ชลธรหัวเราะแหะแต่เมื่อเจอสายตาเรียบนิ่งก็เลือกที่จะเงียบตามเดิม สร่างเมาลงบ้างแล้วแต่ก็ยังเดินเซๆอยู่ดี
“เดินดีๆหน่อยชลธร” คนเป็นพี่กล่าวเตือน ชลธรก้มหน้านิ่งรอให้ลิฟท์เคลื่อนไปถึงห้องพักของพี่ชาย คีย์การ์ดและรหัสถูกใส่ด้วยความชำนาญ เขาเดินตามหลังร่างสูงหุ่นหนากำลังดีของพี่ชายเข้าไปในห้อง ชลธรคุ้นเคยกับห้องนี้ดี พี่ชายมักจะมีมุมส่วนตัวที่ใครๆในบ้านต่างก็เกรงใจและไม่กล้าก้าวก่าย ถึงจะดูเป็นคนน่ากลัวเพราะเป็นพี่ใหญ่แต่พี่ชายกลับใจดีและยินยอมให้แก่ชลธรเสมอ จนน้องเล็กคนนี้นึกว่าตนได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นทั้งที่ความเป็นจริงแล้วชลัชก็คือชลัช อาจจะใจดีต่อชลธรแต่ก็ไม่เกินขอบเขตระหว่างพี่และน้องอย่างแน่นอน
“ผมนอนเลยได้ไหมครับ เริ่มปวดหัวแล้ว”
“น้องดื่มไม่เก่งแต่ก็ยังอยากออกไปดื่ม ถามหน่อยว่ามีปัญหาอะไรหรือ?” วันนี้ชลธรโทรไปขออนุญาติเที่ยวกลางคืนจากพี่ชายแทนที่จะเป็นป๊าหรือม๊านั่นก็เพราะเชารู้สึกว่าพี่ชายดูแลเขาทุกเรื่อง และหากว่ากันตามจริงแล้วต่อให้ป๊ารู้ว่าลูกชายคนนี้หนีเที่ยวก็ไม่คิดเอาความ ผิดกับพี่ชาย หากรู้ภายหลังว่าชลธรไปดื่มมีหวังเขาโดนพี่ชายดุว่าเสียหายจนใจดวงนี้ต้องบอบช้ำเป็นแน่
“ไม่มีหรอกครับ น้องก็โตแล้วอยากมีสังคม อยากออกไปสังสรรบ้าง”
“แล้วไหนเพื่อนน้อง พี่เจอแต่คนไม่น่าไว้ใจเข้ามาเกาะแกะกับเราไม่เห็นจะมีเพื่อนคนไหนที่พี่พอจะไว้ใจได้สักคน” ชลธรไม่เถียงต่อ เขาไม่มีเพื่อนเป็นนักดื่มมากนัก และคืนนี้เขาก็ไม่อยากพบใคร พี่เพียงพี่ชลัชความคิดที่มันฟุ้งซ่านก่อนหน้าก็บรรเทาลง
ชลัชมองน้องชายไม่ตอบโต้ก็ใจอ่อน ใบหน้าชลธรคล้ายกับคนเศร้าและอมทุกข์ เขาเดินไปใกล้แตะมือลงบนไหล่ บีบบ่าแข็งก่อนจะลูบไปถึงด้านหลัง ชลัชทำแบบนี้เสมอเมื่อน้องรู้สึกท้อแท้ไม่นานตัวของชลธรก็ไหวเอนซบซุกเข้ากับอกแกร่งของอีกฝ่าย
“พี่”
“อื่อ”
“กอดผมได้ไหม”
“กอดอยู่นี่ไง”
“หมายถึงกอดให้แน่นกว่านี้” เสียงเศร้ากระซิบ เป็นฝ่ายชลธรที่รัดวงแขนเข้ากับเอวสอบของอีกฝ่าย กอดพี่ชายไว้ราวกับเป็นที่พึ่งสุดท้าย ไม่มีน้ำตาไหลแต่ในใจกลับแตกสลายไม่มีชิ้นดี
ชลธรถูกผลักให้เข้าไปนอน แต่เขากลับนอนไม่หลับ ลืมตาโพล่งในความมืดแต่ไม่สนิท เสียงน้ำไหลดังเป็นระยะ พี่ชายเข้าไปอาบน้ำรอไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็กลับออกมาพร้อมกลิ่นสบู่ ชลัชทำทุกอย่างในความมืดด้วยความเงียบ แต่เมื่อเขากลับมาที่เตียงชลธรก็พลิกตัวเข้าหาราวกับรอจังหวะมาเนิ่นนาน
“ยังไม่หลับอีกหรือ?”
“ยัง พี่อาบน้ำแต่ผมไม่อาบแบบนี้พี่ชายไม่รังเกียจผมเหรอ?”
“อยากอาบน้ำไหมล่ะ?”
“ปวดหัวครับ แต่หลับไม่ลง”
“งั้นพี่หายาแก้ปวด”
“ไม่เอา” ชลธรท้วง มือเล็กยึกชายเสื้อของคนพี่ไว้ “นอนกันเถอะครับ”
ชลัชล้มตัวลงนอน ชลธรคีบตัวเข้ามาใกล้ มือเล็กไล้วนไปที่บ่าแข็งของพี่ชาย ใจของชลัชเต้นไม่เป็นส่ำ คืนนี้เป็นคืนที่อ่อนไหวจนเกินจะห้ามใจ ด้วยท่าทีหลายอย่างของชลธรเขาไม่กล้าคิดไปมากกว่านี้ว่าน้องต้องการอะไรแต่หากเป็นผู้หญิงที่มักจะเสนอตัวให้เขาบ่อยๆชลัชก็พอจะเดาความหมายแฝงเหล่านั้นได้อยู่
เขาสลัดความคิดที่ฟุ้งซ่านในหัว ลูบหลังปลอบน้องเหมือนที่ครั้งหนึ่งเคยทำสมัยเด็ก ชลธรเคยร้องไห้และตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะฝันร้าย ต้องเคาะห้องพี่ใหญ่แล้วขอมานอนด้วยตลอด ความเอ็นดูจากวันวานยังส่งผลมาถึงทุกวันนี้ ชลัชไม่เคยรักน้องน้อยลงและดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นทุกที
“พี่ชาย”
ในความมืด ชลัชได้ยินเสียงกระซิบเรียกดังมาจากชลธร เสียงของผ้าขยับเสียดสีพร้อมกับร่างกายบางส่วนของพวกเขาที่แนบชิดกันมากขึ้นทุกที ชลธรกอดก่ายชลัชไว้แน่น แทบจะป่ายปีนขึ้นมาบนตัวอีกฝ่าย ชลัชเองกลับไม่ขัดขืน รู้สึกราวกับหนุ่มรุ่นที่ไปแอบค้างแรมกับคนรักสองต่อสอง ชลธรนอนนิ่ง ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ชลัชสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นสะท้อนออกจากแผ่นอกบางของอีกฝ่าย ชลัชควรนอนบ้างแต่นัยน์ตาเขากลับแข็งไม่มีท่าทีโอนอ่อนแต่อย่างใด สัมผัสเนื้อเนียนละเอียดของชลธรอย่างสำรวจ ลากจากกึ่งกลางแผ่นหลังไปจนถึงบั้นท้ายกลมกลึง ชลัชอยากจะชักมือกลับตามที่เสียงร้องเตือนของใต้สำนึกแต่เขากลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม
ชลธรขยับตัวเพราะความอึดอัด แต่ก็ยังไม่ลืมตาขึ้นมาในทันที สัมผัสผะแผ่วที่วนเวียนหยอกเย้าเหมือนกับเผลอไผลนั่นทำให้เขาหลับต่อไม่ลง ชลธรลืมตาขึ้นพบกับใบหน้าในระยะประชิดของพี่ชาย ลมหายใจติดขัดพร้อมกับที่ชลัชชะงักมือ สองสายตาผสานกันในความมืด เกิดความเงียบงันอันไร้ขอบเขต ราวกับเวลาได้ถูกหยุดไว้นานชั่วกัปชั่วกัลล์ก่อนที่ความหมายต่างๆในดวงตาจะถ่ายทอดไหลสู่กันและกัน
ชลธรเป็นฝ่ายขยับตัวก่อน ร่างโปร่งก่ายเกือกไปที่ร่างสูงขณะที่ชลัชด่ำดิ่งสู่ห้วงอารมณ์ของความปารถนา กลิ่นกายอันเย้ายวนของน้องชายทำให้เขาเผลอไผลขยับเข้าหาที่มาของกลิ่น จมูกโด่งคมไล่เคลียไปตามผิวแก้มขณะที่ชลธรวกริมฝีปากแดงเรื่อของตนประกบจูบอย่างเรียกร้องรุนแรง ชลัชนิ่งงันเขาผลักน้องชายออกในทีแรกแต่แรงขับเคลื่อนทางอารมณ์ผลักสองร่างให้แนบสนิทยิ่งกว่าเดิม ชลธรส่งสายตาเว้าวอนประคองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายไว้พลางกระซิบ
“พี่ชาย”
ความวูบวาบลามเลียไปทั่วทุกอณูผิว คนที่ชลัชสัมผัสอย่างจาบจ้วงอยู่นี้เป็นน้องชายต่างมารดาไม่ผิดแน่ เขาปล่อยให้ชลธรจูบโดยไม่ผลักไส ยื่นปลายลิ้นให้น้องเกี่ยวกวัดจนชุ่มไปด้วยหยาดน้ำใส ชลธรเกี่ยวคอพี่ชายไว้แน่น ดูดดื่มราวกับสูบพลังจากอีกฝ่ายขณะที่ชลัชเพียงแค่วางมือที่เนินสะโพกของร่างที่คร่อมตักตนอยู่เท่านั้น
“ทำไมพี่ไม่จูบตอบผม” ชลธรถามเสียงงุ่นง่าน เขาดูเอาแต่ใจและแสนร้ายเมื่อไม่เป็นไปดั่งใจ ราวกับพี่ชายไม่อยากขัดความต้องการเขาแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธซึ่งชลธรไม่ชอบ ชลัชต้องการเขาพอๆกับที่เขาต้องการพี่ในคืนนี้
“ทำไมพี่ต้องจูบด้วย”
“พี่เกลียดผมหรอ?”
“พี่แสดงออกแบบนั้นหรือไง?” ชลัชเลิกคิ้ว ชลธรจึงยิ้มออกมาได้บ้าง
“งั้นผมจะจูบจนกว่าพี่จะจูบผมตอบ นะครับ” ชลธรไม่ได้ขออนุญาติจบคำพูดเขาก็จู่โจมอีกฝ่ายทันที เด็กน้อยงัดเทคนิคเพื่อเรียกร้องจากอีกฝ่าย ชลัชใช้ความมีประสบการณ์ปกปิดความรู้สึกที่สั่นสะท้านของตัวเอง เขาอยากจะขย้ำขยี้ร่างน้องชายให้แหลกเหลวคามือแต่อีกใจก็อยากเห็นความยั่วยวนของอีกฝ่าย ที่ก่อนหน้านี้ชลัชไม่ได้สังเกตว่าชลธรสื่อความนัยโดยตรงต่อตนหรือไม่ ทุกครั้งที่มองชลธรยิ้มหรือหัวเราะ ท่วงท่าแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติ เสน่ห์อันเย้ายวนมักปรากฏให้ชลัชกลับมาคิดเสมอแต่ก็ได้แต่สรุปในใจว่าน้องเป็นเพียงหนุ่มหน้าตาดีที่มีเสน่ห์โดยไม่ตั้งใจ
แต่วันนี้ร่างโปร่งบางที่แสดงความต้องการออกอย่างชัดเจน เปิดเผย ไม่ใช่เพียงชลธร ชลัชเองก็เช่นกัน
ชลธรถูกพลิกให้ไปอยู่ด้านล่างพร้อมทั้งจูบที่ได้รับการตอบสนองจากชลัช นั่นทำให้เขาอ่อนระทวยหมดพละกำลังตอบโต้ ความอ่อนหวานแปรเปลี่ยนและเร่งเร้าจังหวะ ชลธรมึนงงไปชั่วขณะเมื่อเขาถูกเปลื้องเสื้อผ้าอย่างไม่รู้ตัว
เรือนร่างขาวสว่างทอดตัวให้ชลัชเชยชมเต็มตา แต่เขาต้องการเชยชมอย่างใกล้ชิดมากกว่านี้ เสียงครางแผ่วดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสลับกับเสียงหอบโยนเมื่อชลัชรังแกน้องชายของตนให้แทบขาดใจ ชลธรหวีดร้องออกมาในตอนที่เขาถึงจุดสุดยอด ใบหน้าแดงก่ำไม่อาจหลบซ่อนความงามและความอายได้ในเวลานี้ ชลัชยืดตัวตรงขณะถอดเสื้อยืดที่เป็นชุดนอนออกทางหัว เผยร่างกายที่แข็งแกร่งสมชายชาตรี เขาเอื้อมตัวไปเปิดไฟข้างหัวเตียงให้สว่างพรึ่บแต่ก็เป็นแสงไฟอ่อนให้เห็นอีกคนอย่างชัดเจน
“เปิดทำไม?” ชลธรถามเสียงหอบ
“หาของ” ชลัชตอบ เขาค้นของกุกกักที่ลิ้นชักใกล้ๆกัน ชลธรมองตาม “อยากเห็นหน้าน้องชัดๆด้วย”
“ไม่ใช่ว่าถ่ายวิดีโอนะ”
“พี่ไม่ใช่คนโรคจิตขนาดนั้น ยกเว้นน้องจะรีเควส” ชลธรเพียงแค่ตีหน้าบึ้ง เสียงหอบกลับมาเป็นปกติ มองเห็นของที่พี่หาแล้วโยนตุบที่ข้างตัวก็เผลอหายใจติดขัดขึ้นมา
“พะ..พี่ชาย”
ชลธรพูดเสียงแผ่ว ชั่งใจด้วยความกลัวผสมกับความลังเล แต่เมื่อเห็นหน้าของพี่ชายแล้วความรู้สึกนั่นก็หายไป เขากลืนคำพูดลงคอแต่เปลี่ยนเป็นคำขอร้องแทน
“เบาๆนะครับ ชลกลัวเจ็บ”
ชลัชลืมตาตื่นด้วยเสียงนาฬิกาปลุก เขาขยับตัวเล็กน้อยมองหาโทรศัพท์มือถือก่อนจะกดเพื่อหยุดเสียงกรีดร้องน่ารำคาญ
“กี่โมงแล้วครับ?” เสียงดังอู้อี้มาจากคนที่นอนอยู่ข้างกาย ชลธรตื่นด้วยใบหน้างัวเงียผสมความอ่อนล้าอย่างปิดไม่มิด
“เจ็ดโมงครึ่ง”
“อื่อ” พูดจบก็ขดตัวลงไปใต้ผ้าห่ม ชลัชลุกขึ้นเก็บเสื้อผ้าที่ตกระเกะระกะพร้อมกับซากผลิตภัณฑ์ที่ใช้เมื่อคืนไปทิ้ง
“วันนี้น้องไม่มีเรียนหรอ?”
“ปวดหัวปวดตัว ชลไม่ไป” ตอบทั้งที่ยังไม่ยอมลืมตา ชลัชส่ายหัวเงียบๆเดินไปเข้าห้องน้ำ ครึ่งชั่วโมงถัดมาเขาก็แต่งตัวในรูปของหนุ่มออฟฟิศทั่วไปขณะที่เห็นเด็กนั่งหัวฟูขยี้ตาอยู่บนเตียง
ไม่เคยวาดฝันมาก่อน แต่สิ่งที่ทำลงไปเมื่อคืนเป็นแรงขับเคลื่อนภายในที่ผิดบาปอย่างมหันต์ ชายหนุ่มยิ้มอ่อน เขาติดกระดุมที่แขนเสื้อพร้อมกับหยิบนาฬิกาเรือนโปรดขึ้นสวมที่หน้ากระจกบานใหญ่และสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองไปพร้อมกัน ทว่าสายตาเจ้ากรรมก็ยังมองเลยไปที่บุคคลด้านหลัง ชลธรผุดลุกจากเตียงโดยไร้อาภรณ์สวมใส่ ปรากฏร่องรอยแห่งการร่วมรักหลายแห่ง น้องชายหยิบผ้าห่มตวัดร่างลวกๆเดินงัวเงียมาทางเขา
“พี่ชาย”
“ครับ?”
“พี่ชาย”
“อาบน้ำก่อนไหม”
“ชลเหม็นหรอ?”
“นิดนึง ทั้งเหล้าทั้ง...” ชลัชไม่พูดต่อเมื่อเห็นน้องชายมุ่ยหน้า
“เจ็บอ่ะ ผมบอกให้เบาๆไง”
“แต่พี่ได้ยินว่าแรงๆ” ชลธรยกมือทำท่าจะทุบอีกฝ่ายแต่ก็เปลี่ยนใจเดินเข้าห้องน้ำไปเงียบๆ ลับสายตาชลธรชายหนุ่มก็ลอบถอนหายใจออกมาหนักหน่วง
เขาจะทำอย่างไรต่อไปดี
.
“ให้พี่ไปส่งที่มหา’ลัยหรือที่บ้าน” ชลัชถามเสียงนุ่มขณะเคลื่อนรถไปตามท้องถนน ชลธรไม่ตอบในทันที
“ผมไปเรียนคาบบ่ายได้ไหม อยากนอนอีกนิด”
“ไม่ไหวก็บอกนะ”
“อื่อ พี่ชายจะทำยังไงหรอถ้าผมไม่ไหว” ชลธรถามเสียงระริก ประกายนัยน์ตาวาววับเหมือนเจอเรื่องสนุกถูกใจ ชลัชส่ายหน้ายิ้มๆผลักหน้าน้องที่ยื่นมาใกล้เกินจำเป็นออกไป ชลธรนั่งดีๆที่ตำแหน่งข้างคนขับ เขาเปลี่ยนช่องวิทยุก่อนจะฮัมเพลงสากลที่คลื่นเปิด
พอมาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ชลธรก็เริ่มงอแง
“ไม่อยากกลับบ้านแล้วอะ”
“อ่าว”
“รู้งี้นอนเล่นที่ห้องพี่ชายดีกว่า”
“นอนบ้านนั่นแหละ”
“ทำไมเหมือนโดนพี่หลอกฟันแล้วทิ้งเลยอะ” ชลัชชะงักกึก ชลธรพูดเสียงใสไม่มีความน้อยใจในน้ำเสียงรวมไปถึงการเรียกร้องบางอย่าง ชลัชเปลี่ยนเกียร์ก่อนจะดับเครื่องยนต์สนิท
“ผมรู้ เรื่องเมื่อคืนมันก็แค่...อารมณ์ชั่ววูบ”
“ชล”
“คือผมหมายถึง ไม่ได้เสียใจแล้วก็ไม่เรียกร้องด้วย พี่ชายอย่าเกลียดผมนะ อย่ามองผมเปลี่ยนไปด้วย ได้หรือเปล่า?”
“พี่ไม่เคยมองเราเปลี่ยนไปเลยนะ ชลธรเป็นยังไงเมื่อก่อนตอนนี้ก็เหมือนเดิม” ชลธรทำหน้าปุเลี่ยน
“หลังจากเมื่อคืนพี่ยังคิดว่าผมเหมือนเดิมอีกหรอ?” ร่างโปร่งเอ่ยถาม แววตาผิดหวังเพราะคำตอบของชลัช แต่ชายหนุ่มก็ยังเมินเฉย ชลธรเหยียดยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ผมเข้าใจแล้ว” ชลธรเปิดประตูรถก่อนจะตรงเข้าบ้านโดยไม่เหลียวหลังกลับมามองสายตาเจ็บปวดของพี่ชายสักนิด
สองสัปดาห์ต่อมาชลธรขาดการติดต่อกับชลัช เป็นปกติที่พี่ชายคนโตไม่ค่อยกลับบ้านเพราะมีคอนโดที่สะดวกสบายครบครันอยู่ใจกลางเมือง บ้านหลังใหญ่ที่อยู่แถบชานเมืองจึงมีแต่ป๊า ภรรยาทั้งสี่และลูกคนสุดท้องอย่างชลธรเท่านั้น
“วันนี้ไม่ไปไหนหรอน้องชล”
“เพื่อนนัดติวหนังสือกันตอนบ่ายๆครับม๊า”
“ที่ไหน ให้ใครไปส่งหรือยัง?”
“เดี๋ยวชลไปเอง”
“แปลก” มารดาเอ่ยขณะลูบศีรษะคนเป็นลูกไปด้วย
“ปกติต้องเรียกให้พี่ชายมารับไม่ใช่หรอ เราน่ะ” ชลธรชะงักไปเล็กน้อย
“ชลโตแล้วนะครับ พี่ชายเขาก็ยุ่งๆ ไม่อยากรบกวนเท่าไร”
“ตายแล้ว ลูกชายแม่มีความคิดแบบนี้ด้วยหรอ เห็นเอาแต่ติดพี่เขาจนม๊านึกไม่ออกว่าจะไปแต่งงานมีครอบครัวได้ยังไง”
“โธ่ ม๊า ตอนนี้แฟนก็ไม่มี พี่ก็ไม่สนใจ ชลอยู่ตัวคนเดียวแล้วเนี่ย” ชลธรพูดด้วยท่าทางหงอยๆ คุณแม่ยังสาวยกมือปิดปากเมื่อได้ฟังความ
“เลิกกับหนูดาว? จริงเหรอลูก” เธอรู้จักคนรักของลูกชายดี เคยพามาแนะนำเมื่อหลายเดือนก่อนไม่คิดว่าจะเลิกรากันเพราะลูกชายไม่ใช่คนเจ้าชู้โลเล
“จริงครับ เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว”
“ไม่ยักกะเห็นเราเศร้า”
“เศร้าซี่ แต่ไม่มีคนสนใจชลไง”
“ใครว่าไม่สน ใครๆก็รักน้องชลทั้งนั้น” ชลธรเหยียดยิ้ม
“จริงๆชลก็ไม่ได้เสียใจขนาดนั้น” เขาตอบสบายๆก่อนจะถามต่อ “ทำไมม๊าถึงแต่งงานกับป๊าล่ะครับ ทั้งๆที่น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเข้ามาก็ไม่ใช่ที่หนึ่ง”
ชลธรตัดสินใจถาม เขามีเรื่องคาใจมากมาย ตอนยังเป็นเด็กเขาไม่ได้สนใจอะไร มีคนให้ความรักเยอะๆสิดี แต่เมื่อโตขึ้นเขากลับไม่ได้อยากได้ความรักจากหลายๆคน เพราะในหลายคนนั้นไม่มีใครให้ความสำคัญเขาในลำดับที่หนึ่งแม้แต่คนเดียว ตัวป๊าคาดหวังและรักในตัวพี่ชลัชอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่มารดาแท้ๆของเขาก็รักพี่สาวด้วยความห่วงหาเพราะเป็นลูกผู้หญิง ชลธรมักถูกทิ้งไว้เบื้องหลังท่ามกลางความเอ็นดูไม่ใช่ความรักเพราะอยากดูแล
เพราะมีพี่ชลัชที่ทำให้ชลธรรู้สึกว่าตัวเองนั่นสำคัญและได้รับการปกป้องเสมอๆ ความอ่อนแอที่มีนั่นถูกพี่ชายคอยปลอบประโลมอยู่ตลอดจนกลายเป็นว่าชลธรยึกติดในตัวพี่ชายไป เขาแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่ารักพี่ชายดั่งคนรักหรือรักมากกว่าพี่น้องคนอื่นมากแค่ไหน ชลธรเทิดทูนชลัชเหมือนต้นแบบแต่เขาไม่ได้อยากเป็นอย่างพี่ชลัช ไม่เคยใฝ่ฝันเลยสักนิด เขาทำตัวดีเพื่อไม่ให้พี่ชายเบื่อ อยากเป็นน้องที่พี่ชลัชใส่ใจไปเรื่อยๆ แต่สองปีมานี้พี่ชายถูกบังคับให้ไปดูตัวบ่อยๆแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ตกลงปลงใจแต่ชลธรก็อดย้อนถามไม่ได้ว่าสักวันหนึ่งคงมาถึง วันที่เขาหมดความสำคัญต่อชลัช
เวลาถัดมาชลธรจึงไขว้คว้าหาคนที่มอบความรู้สึกทั้งหมดให้แก่เขา โดยที่ชลธรยังคงจมอยู่กับความรู้สึกที่ตนมีต่อพี่ชาย
“ชล...ความรักของม๊าที่มีให้ป๊ามันอาจจะลุ่มหลงในช่วงแรก แต่คนรักที่เราตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยน่ะคือคนที่เราอยากดูแลเขา ไม่ใช่คอยหึงหวงหรือตามแสดงความเป็นเจ้าของ สำหรับม๊าน่ะต่อให้ไม่ใช่ที่หนึ่งสำหรับป๊า แต่ม๊าก็ให้ป๊าเราเป็นที่หนึ่งเสมอ”
ชลธรเหลือบสายตามองหน้ามารดา เขายังคงเคลือบแคลงสงสัย
“ม๊าให้ป๊าทุกอย่าง แล้วป๊าให้ม๊าได้ทุกอย่างหรือเปล่า?” มารดาอมยิ้ม เขาลูบแก้มตอบของลูกชายที่ครั้งหนึ่งเคยนิ่มเต็มมือ บัดนี้ลูกชายเธอเติบใหญ่แต่ยังอ่อนด้อยประสบการณ์นัก ชลธรยังไร้เดียงสาอยู่มากแต่ก็ไม่ใช่พวกอ่อนต่อโลกจนตามคนไม่ทัน
“ทุกอย่างของม๊าก็ชลไง ป๊าให้มากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว”
ชลธรได้ฟังก็นั่งนิ่ง เขาค่อยโอบกอดมารดาไว้เต็มอ้อมแขน
“ผมไม่อยากรักใครนอกจากป๊าแล้วก็ม๊าอีกแล้ว” เสียงนั่นอู้อี้ มารดาฟังแล้วก็ได้แต่อมยิ้มไม่พูดอะไร ลูบหัวลูกชายคนเดียวไปมาแต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยการมาเยือนของใครบางคน
“มาทำอะไรกันตรงนี้ครับ แม่สาม” เสียงเข้มที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ชลธรแสร้งกดหน้าลงกับท้องมารดา ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองคนมาใหม่ แม่สามเหลือบมองชลัชที่เข้ามาทักแล้วก็อมยิ้ม
“ชลัชมาตั้งแต่เมื่อไร”
“มาหาป๊าเมื่อครู่แล้วก็ตามหาน้องนี่แหละครับ”
“พอดีเลย จู่ๆก็งอแงอะไรไม่รู้ เอาไปโอ๋หน่อย” ชลธรตีหน้ามุ่ย แสร้งเมินหนีไม่สนใจ
“ผมไปเตรียมตัวก่อนดีกว่า”
พูดเสร็จก็ลุกเดินดุ่มเข้าตัวบ้าน มารดามองแล้วพลางโคลงหัว
“ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่าคะ?” เธอประเมิณด้วยสายตาผู้ใหญ่ ลูกชายเธอติดพี่ชายอย่างชลัชมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ต่อให้โตแล้วแต่ก็ยังทำตัวเป็นเด็กเล็กงอแงใส่ชลัชเสมอ ชายหนุ่มยิ้มอ่อนให้ไม่ตอบอะไรแต่ถามเรื่องสุขภาพแม่สามเป็นการเบี่ยงประเด็นแทน
“ชลบอกแม่ว่าจะออกไปติวกับเพื่อนตอนบ่ายๆแหน่ะ ยังไงแม่วานไปส่งน้องหน่อยนะ” ชลัชพยักหน้ารับ ปล่อยให้แม่สามขอตัวไปดูแลสวน ส่วนตัวเขาเข้ามาก็ตรงดิ่งไปหาน้อง คาดไว้แล้วว่าคงล็อคห้อง เขาเคาะประตูอยู่สามรอบชลธรจึงเปิดประตูเยี่ยมหน้าออกมา
“อาบน้ำอยู่ครับ” เขาพยักหน้า วิสาสะเดินเข้าไปในห้องน้อง ชลธรไม่ว่าอะไร เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อสวมใส่
“จะกลับเย็นหรือเปล่า?”
“ทำไมเหรอครับ?”
“พี่จะได้รอ”
“ไม่รู้สิ ผมว่าจะไปเอง”
“พี่ไปส่ง”
“ม๊าผมขอให้ไปส่งสินะครับ” ชลธรพูดเสียงเรียบนิ่ง ชลัชถอนใจบาง เขาเดินปราดเข้าไปประชิด แตะไหล่ชลธรให้หันกลับมาเผชิญหน้า
“ชล พี่ขอโทษ”
“พี่คิดว่าผมอยากได้คำขอโทษงั้นเหรอ?”
“งั้นน้องอยากได้อะไร?”
ชลธรเม้มปาก ความรู้สึกปวดปราบแล่นไปทั่วทรวงอก เจ็บจนหายใจขัด
“ไม่รู้สิครับ ผมเรียกร้องอะไรได้บ้าง” เสียงนั่นสั่นจนชลัชต้องเกร็งตัวตาม เขาคิดเรื่องนี้แทบบ้า มากกว่าที่ตัวเองจะเจ็บคือไม่อยากให้น้องเจ็บเลยสักนิด แต่วินาทีนี้ชลธรกำลังกลั้นน้ำตาต่อหน้าเขา ชลัชที่เฝ้าทะนุถนอมได้แต่ถามตัวเองว่าเขาทำพลาดไปตอนไหน คงเป็นคืนนั้น คืนที่เปลี่ยนเขาทั้งคู่ไปตลอดกาล
“พี่ชายตอบสิ ผมทำอะไรได้บ้าง รักพี่ได้เหรอ ผมไม่ได้อยากเป็นตัวสำรองแต่ผมก็เป็นที่หนึ่งไม่ได้ มันเจ็บจะตายอยู่แล้ว!”
“พี่เองก็เจ็บ พี่เองก็รักเรา ถ้าอยากได้ยินพี่จะพูดให้ฟัง”
ชลธรก้มหน้านิ่งหากเสียงสะอื้นดังแผ่วเป็นระยะ เขาทุบอกพี่ชายก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นกำเสื้อแน่น ครู่ต่อมาก็โถมตัวใส่อีกฝ่าย
เขาอยากเป็นที่หนึ่ง เป็นที่สุดของชลัชแต่ในเวลานี้จะเป็นใครก็ได้ที่ชลัชไม่ผลักไสเขาออกไป สองอาทิตย์ที่ไม่ได้ติดต่อทรมานเหมือนแยกร่างกับจิตเขาออกจากกัน เขาไม่ได้รักชลัชเพียงค่ำคืนนั้น แต่รักมาเสมอ รักมาตลอด
“อย่าหายไปอีก” ชลธรพูดเสียงขม “อย่าหายไปจากชีวิตชลอีกนะพี่ชาย”
ชลัชตอบรับคำพูดนั่นด้วยจุมพิตที่ห้าตำแหน่ง หวานล้ำที่สุดคือริมฝีปากนุ่มหยุ่นของน้องชาย
“ชลเป็นทุกอย่างของพี่มาครึ่งชีวิต พี่ไม่ทิ้งให้อีกครึ่งชีวิตให้ไม่มีชลหรอก”END.
ว่าจะจบแบบเศร้าซะหน่อย.
[/b]