ตอนที่3ช่วงที่ผ่านมาผมไม่ได้คุยหรือทักแก้วเลยเป็นเพราะงานที่กำลังท่วมหัวตายอยู่ร่อมร่อ ด้วยเหตุนี้ไอ้ภาก็เลยค่อนข้างอารมณ์เสียเพราะไม่ได้เล่นเกมส์มาหลายวันแล้ว ผมเองก็เบื่อเซ็งเหมือนกันเพราะแทบไม่ได้ออกไปใช้เวลาที่ไหนเลย นอกจากคณะและหอเพื่อน
“กูหิวโจ๊กร้านเดิมว่ะ แวะไปไหม”ไอ้ภาชวนหลังจากที่ความพยายามขยันของมันหมดลง มันปากาวตราช้างทิ้งก่อนนอนแผ่ลงที่พื้นห้องเหมือนเด็กน้อยงอแง ถ้าเด็กๆทำคงน่ารัก...แต่นี่เป็นเด็กโข่งอย่างไอ้ภาเลยดูน่ากระทืบมากกว่า
“เออๆ แวะไปก็ได้”ผมกลัวมันจะเฉาตายไปซะก่อน ก็เลยเออออไปตามนั้น ลุกบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสายซะหน่อย ไอ้ภาดูลั้นลาต่างจากเดิมหน้ามือเป็นหลังเท้า มันออกไปสตาร์ทรถรอเรียบร้อยแล้ว
“เออ ไอ้ตอง กูมาคิดๆดูแล้ว...”มันเหลียวมามองผมด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ทำไม”ผมเลิกคิ้วรอฟังว่ามันมีเรื่องอะไร แต่แล้วมันก็ไหวไหล่
“เปล๊า”
“กูว่ามึงมีแน่ๆ”ไอ้ภาหลีกเลี่ยงการตอบคำถามของผมด้วยการบิดรถออกไปอย่างแรงจนผมเกาะเบาะรถไว้แทบไม่ทัน หลังเที่ยงคืนถนนมักจะว่างเสมอ ไอ้ภาเลยบิดได้เต็มที่ ได้ออกมารับลมบ้างก็ดีเหมือนกัน ทำงานอยู่ในห้องแสนจะอุดอู้ ไอ้ภาชะลอรถเมื่อใกล้ถึงร้านโจ๊กมื้อดึกอันแสนคุ้นเคย ...เช่นเดียวกับรถคันใหญ่คล้ายบิ๊กไบค์ ลักษณะแบบนี้ผมจำได้ทันที ว่าเป็นรถของพี่กันต์แน่ๆ จะว่าไปหลังจากวันที่เจอครั้งหลังสุดพี่เขาก็ไม่ได้มาวุ่นวายป่วนประสาทแต่อย่างใด ก็นึกขอบใจอยู่เหมือนกันที่ไม่มาทำให้ผมหลอนไปมากกว่านี้
“ของกูเหมือนเดิม”สะกิดบอกเพื่อนให้สั่งให้ ส่วนตัวเองก็หาโต๊ะว่างๆนั่ง กะจะนั่งข้างนอกก็เต็มหมดแล้ว เพราะถ้านั่งด้านในต้องเจอพี่กันต์แน่ๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่ช่วงนี้ผมไม่พร้อมเจอหน้าพี่กันต์เลย เจอโต๊ะว่างได้ผมก็รีบจับจองโดยไม่มองหน้าใครทั้งนั้น
“อ้าว ตอง”เสียงทักอันคุ้นหูดังขึ้น ผมหันไปหาเจ้าของเสียง พี่อาร์ตยกมือทัก มีรอยยิ้มกว้างปรากฏอยู่ ข้างๆกันคือเจ้าของใบหน้าคมดุ พี่กันต์ยักคิ้วกวน ผมทำได้แค่ฉีกยิ้มเหี่ยวๆไปให้ ไอ้ภาถือแก้วน้ำมาให้ตามปกติ มันหันมองที่โต๊ะพี่กันต์แล้วยิ้มออกมา
“กูว่าแล้ววว”
“อะไรของมึง”มันทำเสียงแบบนี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่
“ก็คนที่มาทำแปลกๆใส่มึงไง ...กูเดาว่าคือพี่กันต์แน่ๆ”ผมขยับแว่นให้เข้าที่ก่อนส่ายหน้าปฏิเสธ
“มึงเดามั่วแล้ว”ทำไมไอ้ภามันฉลาดจังวะ ปกติมันออกจะบื้อ เพื่อนสนิทยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ที่กูรู้เพราะ...สังเกตจากคราวก่อนที่ศาลากลางน้ำคราวนั้น...อย่ามาปิดกูซะให้ยาก”ผมเถียงไม่ออกจึงได้แต่นั่งเงียบ หยิบโทรศัพท์มาเล่นแก้เซ็งระหว่างที่รอโจ๊ก
“กูว่ามึงซวยเพราะไปถูเกียร์แน่ๆ”
“อ...”ผมอ้าปากพะงาบๆน่าเกลียด เดี๋ยวนะ ไอ้ภามันรู้ได้ไง! เพื่อนสนิทยิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะ
“มึงคิดว่ากูไม่รู้ล่ะสิ ตอนที่มึงถูมึงได้บอกว่าขอสาวรึเปล่า เพราะปกตินะเว้ยมันจะมีแต่พวกสาวๆไปขอ กูว่าเขาคงเข้าใจผิดส่ง
ผู้ชายมาให้มึงไง”ไอ้ภาพูดไปกลั้นขำไปต่างจากผมที่หน้าเห่อร้อนขึ้นมาเพราะความจริงที่ว่าเพื่อนผมมันรู้ว่าผมไปทำเรื่องไร้
สาระมา
“มึง...หุบปากเงียบๆไปเลย ไอ้ภา”ผมหันไปมองทางอื่น ก็ดันไปสบตากับพี่กันต์เข้า รายนั้นเป็นบ้าอะไรไม่รู้ถึงได้ยกยิ้มให้ผม
“ล้อเล่นเองน่า...แต่พี่กันต์นี่ก็ใช้ได้นะ ถ้าไม่ติดว่าโหดไปหน่อย”ผมขึงตาใส่เพื่อนอย่างหงุดหงิด กว่ามันจะยอมหุบปาก ก็นู่นล่ะ โจ๊กมาเสิร์ฟ ผมได้แต่ก้มหน้าก้มจัดการโจ๊กของตัวเองเพราะรู้สึกว่ามีสายตาของใครบางคนจดจ้องมาตลอด ทำเอาผมตักโจ๊ก
เข้าปากด้วยท่าทางเงอะๆงะๆ จนช้อนกระแทกจมูกเข้า โจ๊กร้อนๆหกเปื้อนทั้งโต๊ะทั้งเสื้อตัวเอง ไอ้ภาหลุดหัวเราะเสียงดัง
“มึงโอเคไหมเนี่ย”มันถามพลางส่งกระดาษทิชชูมาให้ ผมรับมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง เหลือบมองไปอีกโต๊ะก็เห็นว่าไอ้พี่กันต์กำลังหัวเราะอยู่ ยิ่งทำให้ผมอายกว่าเดิมอีก ผมเช็ดโจ๊กที่เปื้อนเสื้อด้วยอาการหงุดหงิด ทำไมถึงได้เฟอะฟะแบบนี้ก็ไม่รู้ โชคดีที่ทั้งพี่อาร์ตและไอ้พี่กันต์ทานเสร็จพอดี ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อทั้งคู่ออกไปจากร้านแล้ว อาการเกร็งจะได้หายไปเสียที
“แต่ก็อย่างที่มึงว่านั่นแหละ...คนอย่างพี่กันต์มาทำท่าทีแปลกๆใส่ มึงจะไม่กลัวก็บ้าแล้ว...ระวังนะไอ้ตอง ซื่อๆใสๆแบบมึง...เสร็จเฮียแกแน่ๆ”จากนั้นมันก็หัวเราะกับตัวเอง
ไม่รู้เหรอ...ว่าผู้ชายด้วยกันทำอะไรได้บ้าง ข้อความของแก้วแว๊บเข้ามาในหัวทันที เห็นไหม พอผมมาเจอหน้าพี่กันต์แบบนี้ก็พาลหลอนไปหมด
“ไอ้ภา ถามจริงๆเถอะ มึงไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ กูหมายถึง...ไอ้พี่กันต์ก็ผู้ชาย...”
“ไม่แปลกเพราะสมัยนี้ กูเห็นจนเกร่อ”มันตอบด้วยท่าทีธรรมดาเกินคาด
“ถ้ามึงจะกลายพันธ์ด้วยอีกคนกูก็ไม่ว่าหรอก ดีซะอีกมึงจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาเสียที”มันพูดติดตลกก่อนก้มไปจัดการโจ๊กของตัวเอง ถ้าผมไม่ได้ตาฝาดไปล่ะก็ เหมือนเห็นสีหน้าแปลกๆของมัน แต่ผมไม่อยากใส่ใจหรือเก็บเอามาคิดมากให้รกสมองจึงได้แต่ปล่อยผ่านไป
อิ่มหนำสำราญอารมณ์ดีได้ไม่นาน ผมก็แทบตาค้างเมื่อเห็นว่าคนที่ควรจะกลับไปแล้วนั่งอยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง หรือผมจะเห็นภาพหลอน!
“ยืมตัวเพื่อนมึงเดี๋ยวนะ เดี๋ยวไปส่งคืน”พี่กันต์หันไปพูดกับไอ้ภา
“กูไปก่อนนะ โชคดีล่ะมึง ถูเกียร์แล้วได้ผลจริงๆด้วยว่ะ”ไอ้ภาตบบ่าผมเบาๆ ผมถึงกับมองมันตาโต พูดอะไรของมึงเนี่ยยยย ดูซิไอ้พี่กันต์มันยิ้มใหญ่แล้ว
“ห๊ะ อะไรนะ มึงเชื่อเรื่องถูเกียร์ด้วยเหรอ แถมยังไปถูมาอีก ฮ่าๆ”พี่กันต์หัวเราะเสียงดังผมหันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อน แต่มันรีบชิ่ง
ด้วยการโยนหมวกกันน็อคมาให้ผม แทบรับไม่ทันแหน่ะ
“เฮ้ย เชี่ยภา ทำไมมึงทำกับเพื่อนซี้มึงแบบนี้”มันไม่ห่วงผมเลยหรือไงทิ้งผมไว้กับหมาดุๆอย่างไอ้พี่กันต์
“ดูแลเพื่อนผมดีๆนะพี่ บ๊าย”มันหันมาโบกมือลาก่อนจะบิดรถหนี ไม่สนใจเพื่อนอย่างผมสักนิด
“อยู่คุยกันก่อนสิ น้องตอง”คนตัวสูงคว้าคอเสื้อผมไว้กันหนี ผมเหลียวมองคอแทบหัก เห็นรอยยิ้มสว่างไสวบนหน้าแล้วอยากกระทืบแม้ว่าผมจะไม่มีความสามารถทางด้านนี้เลยก็ตาม คนอย่างไอ้พี่กันต์วอนไม้วอนมือจริงๆ
“ผมกับพี่มีอะไรต้องคุยกันด้วยเหรอไง”
“เรื่องคุยไม่มี มีแค่ความคิดถึง”ผมถึงกับอ้าปากค้าง หูเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ รุ่นพี่ตรงหน้าหัวเราะในลำคอ
“อย่ามัวแต่เอ๋อ ขึ้นมา”พี่กันต์ติดเครื่องรถเตรียมพร้อม
“ผมยังมีงานต้องทำนะพี่กันต์”
“แค่แป๊ปเดียวเอง ไม่เสียเวลามากหรอก ขึ้นมา”อีกฝ่ายพยักหน้าให้ผมซ้อนท้าย สีหน้าเหมือนข่มขู่ ผมจำต้องทำตามอย่างช่วยไม่ได้
“ให้สิบนาที”ผมพูดเสียงขุ่น พลางใส่หมวกกันน็อค ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องฟังที่อีกฝ่ายพูดด้วย แล้วเมื่อกี้อะไรนะ คิดถึงเหรอ...ประสาทไปแล้วแน่ๆ ทั้งผมทั้งพี่กันต์เนี่ยล่ะ
“หัดผ่อนคลายซะบ้าง นี่หวังดีนะรู้รึเปล่า รับลมเย็นๆ หัวจะได้โปร่งๆ”เสียงของรุ่นพี่ตรงหน้าลอยผ่านสายลมเย็นมาให้ได้ยิน เวลาผ่านไปนาน พี่กันต์พาผมขี่รับลมไปเรื่อยๆ ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไปเพราะอะไร แต่ก็ไม่ได้ค้าน รับลมเย็นๆแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จนกระทั่งพี่กันต์จอดรถที่ข้างฟุตบาต ร้านรวงรอบข้างปิดหมดแล้ว บรรยากาศรอบตัวถึงได้มืดสนิท
“มาจอดตรงที่มืดๆทำไมเนี่ย”ผมทำลายความเงียบ แผ่นหลังกว้างๆของคนตรงหน้าขยับก่อนที่พี่กันต์จะเอี้ยวตัวมาหาถึงจะแค่เสี้ยววินาที แต่ก็รับรู้ถึงสัมผัสนุ่มอุ่นที่รุ่นพี่ตรงหน้ามอบให้ที่ริมฝีปาก
“พี่...ทำอะไร…”ถึงจะมืดแต่แก้มของผมต้องขึ้นสีแน่ๆเพราะความเห่อร้อนที่ลามมาไม่หยุด ถึงจะมืดแต่ผมกลับเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย รวมทั้งแววตาแพรวพราวคู่นั้นด้วย
“จูบไง ไม่รู้จักเหรอ”ถามกลับเสียงซื่อ
“..ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น หมายถึง...”ผมอ้าปากจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก
“หมายถึงอะไรล่ะ”ยังจะมายิ้มกว้างอีก ผมนี่สู้คนๆนี้ไม่ได้เลยสินะ
“พี่จูบผมทำไม”กลั้นใจพูดออกไปจนได้
“อยากจูบก็เลยจูบ”รุ่นพี่ตรงหน้ายกยิ้ม ผมเม้มปากแน่น
“คิดจะปั่นประสาทผมเหรอไง ไม่ได้ผลหรอก”
“จริงดิ”
“เออ รีบพาผมกลับได้แล้ว เสียเวลา”ผมเบนสายตาไปทางอื่น มองที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่หน้าไอ้พี่กันต์
“กูไม่ได้ปั่นประสาทมึง แต่กูว่ากูชอบมึง…”ผมอ้าปากค้างกับคำพูดตรงๆของพี่กันต์อีกรอบ และฝ่ายนั้นก็ไม่มีท่าทางเขินอายด้วย
“พี่...ประสาทหลอนแน่ๆ”ผมพึมพำเบาๆ
“ก็คงงั้น เพราะพักนี้เห็นหน้ามึงออกบ่อย”เขายิ้มกว้าง ก่อนยื่นหน้ามาใกล้จนผมผงะออกห่าง
“กูเป็นคนตรงๆใจร้อน อาจดูแปลกไปหน่อย”ไม่หน่อยแล้วโว้ยย
“พี่กันต์...คือพี่แกล้งผมรึเปล่าเนี่ย”มันออกจะเหลือเชื่อที่คนอย่างพี่กันต์จะมาชอบผม
“ไม่ได้แกล้ง”อีกฝ่ายกระซิบเบาๆแต่ทำผมสะเทือน
“กูเอาจริง”ผมถึงกับใบ้กิน สบตากับเขาได้ไม่นานก็ต้องหลบมองทางอื่น
“พี่ทำแบบนี้ หมายความว่าพี่เป็น...เอ่อ เป็น”พูดไปจะโดนต่อยไหมเนี่ย พี่กันต์ยกยิ้มเหมือนพอรู้ว่าผมจะสื่ออะไร ผมเลียปากที่แห้งผากก่อนกลั้นใจถามออกไป
“พี่เป็นเกย์เหรอ”คนตรงหน้าขมวดคิ้วครุ่นคิด
“ก็อาจจะ”
“แต่ผมไม่ได้เป็น”
“อีกหน่อยมึงก็เป็น”
“มันเป็นง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
“อืม เพราะเดี๋ยวมึงก็ชอบกูไง”
“...”เอาอีกแล้ว คนๆนี้ทำผมอ้าปากค้างอีกแล้ว! ความมั่นใจเกินร้อยแบบนี้ทำผมชักหมั่นไส้
“ผมไม่มีทางบ้าไปกับพี่แน่ๆ”ผมส่ายหน้าไปมาแต่เขาแค่หัวเราะเบาๆ
“ไว้คอยดูก็แล้วกัน...”
หลังจากนั้นพี่กันต์พาผมมาส่งที่หอตามเดิม ผมรีบลงจากรถคันใหญ่ แต่มือหนาคว้าคอเสื้อผมไว้ได้ก่อน
“เดี๋ยวสิ”
“อะไรอีก”หันไปแหวใส่ พอเขาเห็นหน้าผมก็หัวเราะขำ จนผมทำหน้ายุ่งใส่
“แค่นี้เขินเหรอไงครับน้องตอง”ผมฝืนตัวเองไม่ให้วิ่งหนีสุดกำลัง เพราะทั้งคำพูดและสีหน้าของรุ่นพี่ตรงหน้าทำให้ผมปั่นป่วน
ชอบกล มาดหมาดุของพี่หายไปไหนหมดวะไอ้พี่กันต์
“พี่มีอะไรก็รีบๆ ผมมีงานต้องทำต่อ”เกือบลืมแล้วไหมล่ะ
“ยื่นมือมา”
“อะไร...”ผมมองอย่างไม่ไว้ใจ
“ยื่นมาน่า ไม่ตัดมือทิ้งหรอก”
“อ่ะ”ผมส่งมือขวาไปให้ รอดูว่าเขาจะทำอะไร พี่กันต์ล้วงเอาแท่งปากกาออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะตวัดเขียนลงบนฝามือของผม ทำเอาจั๊กจี้แปลกๆ ผมชักมือกลับมาดูเมื่อเขาเขียนเสร็จแล้ว เลิกคิ้วเมื่อเห็นเลขสิบตัวอยู่ในฝามือ
“ผมไม่เล่นหวย”
“อย่ามึน เขียนให้ด้วย”พี่กันต์เอาปากกาเคาะหน้าผากผมเบาๆพร้อมกับแบมือ
“ผมไม่อยากให้อ่ะ มีปัญหาไหม”
“มีแน่ เรื่องที่ไปถูเกียร์…”รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏอยู่บนหน้า ผมจิ๊ปากก่อนจะเขียนเบอร์ตัวเองลงบนฝามือตรงหน้า จงใจลงปากกาแรงๆเผื่อจะสะเทือนบ้าง
“โทรหาก็รับด้วยนะ”อีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์ออกมายิงเช็คว่าใช่เบอร์ของผมจริงหรือไม่ เมื่อเห็นว่าผมไม่ตุกติกก็แย้มรอยยิ้มพอใจ
“เออ ตอง”ทำเสียงจริงจังมองหน้าผม
“ทำไมครับ”ภาพตรงหน้าเหมือนสโลโมชั่นเมื่อเขายกมือข้างที่มีเบอร์ของผมแตะที่ปากตัวเองก่อนจะเอื้อมมาแตะที่แก้มของผม
“จุ๊บทางอ้อม ฝันดีนะ”
“...”อ๊ากกกกก บ้าจริง ใครจะไปคิดว่าคนดุๆอย่างพี่กันต์จะมีมุมแบบนี้ ทำผมผิดคาดไปหลายรอบ คนๆนี้อันตรายจริงๆ
**********************************************
แว่นแก้ว - สบายดีรึเปล่า
Tong Teerapat - ...พักนี้มีเรื่องให้คิดตลอดเลยน่ะสิ
แว่นแก้ว – มีอะไรก็เล่าให้ฟังได้นะ
Tong Teerapat - ก็...มันเป็นเรื่องแปลกๆน่ะ คือยังไงล่ะ ช่วงนี้เรารู้สึกเหมือนประสาทหลอน
แว่นแก้ว – หืม?
Tong Teerapat – พูดไปแก้วอาจจะไม่เข้าใจ สมมุติว่ามีคนๆหนึ่งมาทำตัวแปลกๆใส่แก้ว แก้วจะทำยังไง
แว่นแก้ว – แปลกที่ว่า…ยังไงล่ะ
Tong Teerapat – เหมือนมาจีบ แต่คนๆนั้นเป็นคนที่คาดไม่ถึงน่ะสิ
แว่นแก้ว – แล้วชอบไหม?
Tong Teerapat – ไม่รู้เหมือนกัน
แว่นแก้ว – เรื่องของตัวเองจะไม่รู้ได้ไง
กลายเป็นว่าพักนี้ผมกับแก้วคุยกันผ่านเฟสบุ๊คบ่อยๆ ถึงจะไม่ค่อยได้เจอหน้ากันก็ตาม เรื่องบางเรื่องเล่าให้คนไม่สนิทฟังมันโล่งใจกว่าคุยกับคนซี้ๆเสียอีก จะให้ผมเอาเรื่องที่โดนกวนใจไปปรึกษาไอ้ภา มีหวังคงโดนล้อกลับมาแน่ๆ อันที่จริงผมเองก็ไม่ได้รังเกียจคนอย่างพี่กันต์หรอก(ถึงแม้ว่าช่วงนี้ผมจะหลบหน้าพี่แกอยู่)ผมยังตั้งตัวไม่ติดต่างหาก จู่ๆก็มาจู่โจมกันแบบนี้ ผมไม่รู้จะมองหน้าอีกฝ่ายโดยที่ไม่เขินได้ยังไง ทำไมไม่แยกเขี้ยวใส่เหมือนตอนแรกๆนะแบบนั้นผมปั้นหน้าได้ง่ายกว่าอีก แย่จริงๆ ผมไม่
ชอบพี่กันต์โหมดนี้เลย
Tong Teerapat – เราไม่กวนแล้วล่ะ ต้องไปกินเลี้ยงต่อ
แว่นแก้ว – ที่ไหน ไปกับใคร
Tong Teerapat – ร้านแอล พวกพี่รหัสชวนน่ะ
แก้วนี่เจ้ากี้เจ้าการกว่าที่คิดอีกแฮะ ผมผละไปจากหน้าจอโน๊ตบุ๊ค เพื่อเตรียมตัวให้เรียบร้อย กลับมาอีกทีแก้วก็ออฟไลน์ไปแล้ว ผมคว้ากระเป๋าออกไปรอพี่ไอซ์หน้าหอ ส่วนไอ้ภามันไปเล่นเกมส์กับพี่โต๋พี่รหัสตั้งแต่บ่ายๆแล้ว สองคนนั่นเลยออกไปพร้อมกัน ระหว่างที่รอพี่ไอซ์มารับ เบอร์ที่ผมเซฟไว้ว่า ‘หมาดุ’ก็โทรเข้ามา
“สวัสดีครับ”
[ทำไรอยู่] น้ำเสียงนั้นติดขุ่นหน่อยๆ
“ก็…กำลังจะออกไปเที่ยว”ได้ยินอีกฝ่ายพ่นลมหายใจออกมา
[เหอะ ไปร้านเหล้าอีกน่ะสิ]
“พี่รู้ได้ไง”ผมย่นคิ้ว เดินย่ำไปมา
[รู้ก็แล้วกัน อย่างไอ้ไอซ์มันจะชวนไปที่ไหนได้] จริงสิ เห็นว่าพี่กันต์กับพี่ไอซ์มีเรื่องไม่ถูกกันนี่…เรื่องอะไรนะ
“พี่ไม่ต้องมาทำเสียงเข้มหรอกน่า”
[ห้ามเมา ไม่อย่างนั้น…เจอดีแน่ๆ] ผมไม่คิดจะเมาอยู่แล้ว พอมาได้ยินเสียงข่มจากพี่กันต์แล้วหมั่นไส้จริงๆ
“พี่จะทำอะไรผมล่ะ”
[หึ เดี๋ยวก็รู้] ฟังแล้วเสียวสันหลังวูบๆเลย
“ผมไม่เมาหรอก หายห่วงได้”
[อือ แล้วก็…] ผมรอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร
[อย่าไปสนิทกับไอ้ไอซ์มากล่ะ มันไม่ใช่คนดีอะไรหรอก] พูดจบก็ตัดสายไปทันที ทำเอาผมงง พี่กันต์มักเป็นแบบนี้เสมอ คิดจะ
วางก็วาง ผมมองหน้าจอที่ดับไปนานแล้วด้วยสายตาครุ่นคิด ผมกับพี่กันต์ตอนนี้…เป็นอะไรกัน ผมเองก็ยังไม่แน่ใจกับความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน
รอไม่นานนักพี่ไอซ์ก็มารับด้วยสีหน้าแช่มชื่น ความจริงผมก็ไม่อยากไปเท่าไหร่หรอก แต่ขัดเพื่อนไม่ได้และนานๆทีพี่รหัสจะว่างเลี้ยงด้วย ร้านแอลที่ว่าเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ จิบเบียร์ฟังเพลงเพลินๆ
“พี่ได้ข่าวมาว่าช่วงนี้ไอ้กันต์จีบตองอยู่เหรอ”ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆคำถามของพี่รหัสก็เบรกอารมณ์ดังเอี๊ยด ผมไม่คิดว่า
จะมีใครรู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ
“เปล่านี่ครับ พี่คงเข้าใจผิดแล้ว”ผมตอบเสียงแห้ง
“อย่าโกหกพี่น่า...ทำไมพี่จะดูไม่ออก ตองอย่าไปไว้ใจมันนะ ไอ้กันต์มันไม่ใช่คนดี”
“อ่า ครับ”ตอนนี้ผมล่ะอยากรู้จริงๆว่าระหว่างสองคนนี้มีอะไรกัน แต่ล่ะคนก็บอกว่าอีกฝ่ายไม่น่าไว้ใจแบบนี้...เรื่องผู้หญิงเห
รอ?..ไม่ใช่หรอกมั้ง
กว่าจะถึงร้านก็เล่นเอาผมคิดเลอะเทอะไปหลายตลบ พี่ไอซ์ดูหมองๆ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรรึเปล่า แต่เห็นสีหน้าของรุ่นพี่ผมก็ไม่กล้าปริปากแล้ว ภายในร้านตกแต่งด้วยบรรยากาศสบายๆ เน้นความปลอดโปร่ง เสียงเพลงกล่อมดังมาจากนักร้องชายบนเวที
“มาทางนี้”พี่ไอซ์สะกิดพร้อมกับนำผมไปที่อีกฝั่ง โซนติดบ่อน้ำพุ เห็นไอ้ภากับพี่โต๋อยู่ที่โต๊ะ อาหารและเครื่องดื่มเตรียมพร้อมไว้
แล้ว กำลังเม้าท์กันอยู่สองคน เมื่อผมกับพี่รหัสเข้าไปใกล้ก็ปรบมือเสียงดังแบบไม่เกรงใจใคร
“กว่าจะมา ท้องไส้กิ่วหมดแล้วเนี่ย”พี่โต๋ออกปากบ่น ผมนั่งลงข้างๆเพื่อน ส่วนพี่ไอซ์นั่งที่อีกฝั่ง
“กะอีแค่มาสายนิดเดียวเอง”พี่ไอซ์ไหวไหล่ ก่อนจะหันมาทางพวกผม
“วันนี้ตามสบายนะ พี่เลี้ยงเอง นานๆทีจะได้ออกมาด้วยกัน”
“ขอบคุณครับผม”ไอ้ภาตอบเสียงลั้นลา ผมคว้าขวดโค้กเป็นอย่างแรก แต่พี่โต๋ก็เบรกไว้ซะก่อน
“อ่ะๆ ไม่ได้ คราวก่อนมึงก็ชิ่งไปทีแล้ว”
“ผมไม่อยากเมา”ไม่ได้กลัวไอ้พี่กันต์ แต่กลัวตัวเองนี่ล่ะ
“ไม่ได้กินให้เมาซะหน่อย แก้วเดียวก็ได้”จากนั้นพี่ไอซ์ก็จัดการชงเหล้าให้ผมโดยเฉพาะมีไอ้ภาเชียร์อีกแรง
“ไม่ต้องห่วงน่าเพื่อน กูดูแลมึงเอง”
“เหรอ คราวก่อนมึงก็พูดแบบนี้ สรุปเมาก่อนใครเขาเลย”ผมหรี่ตามองเพื่อน ทำมาพูดดี ไอ้ภาทำหน้าหมองแบบเสแสร้งก่อนเข้ามาอ้อนไม้อ้อนมือ
“มึงสองคนน่ารักดีนะ”พี่โต๋หัวเราะ ไอ้ภาถึงกับหน้าถอดสี จู่ๆมันก็มีทำท่าทางแปลกๆซะงั้น
“เอ้า สำหรับน้องรัก”พี่ไอซ์ยื่นแก้วโค้กผสมเหล้ามาให้พร้อมกับขยิบตา
“สู้ๆไอ้น้อง”ผมรับแก้วมาจากรุ่นพี่ ผมจะรอดไหมเนี่ย เพราะเห็นว่าพี่ไอซ์เทเหล้าไปซะเกือบครึ่ง
“ไอ้ภา เป็นไร”ผมเห็นมันทำท่าทางแปลกๆตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว มันแสร้งจิ้มเอ็นไก่ทอดในจานเข้าปากก่อนทำหน้ามึนมองผม
“เปล่านี่”มันไหวไหล่ ผมไม่อยากจะเซ้าซี้กดดันเพื่อนมากจึงได้แต่ปล่อยไป ทั้งๆที่ผมเริ่มสะกิดใจกับท่าทีของอีกฝ่าย ก็ผมสนิทกับมันมาตั้งแต่เด็ก เรื่องแค่นี้ทำไมผมจะมองไม่ออกล่ะ
*****************************************
ผมรู้สึกว่าแว่นตาพร่ามัวมากกว่าทุกที แถมทุกอย่างก็ดูมึนๆน่าเวียนหัวไปหมด สองหูได้ยินเสียงเพลงและเสียงพูดคุยแว่วๆ
“เดี๋ยวกูพาน้องกลับเองน่า มึงดูไอ้ภาเถอะ”
“มึงแน่ใจนะว่ากลับไหว”
ผมปรือตามองรอบตัว แสงไฟมัวๆจากหน้าร้าน ข้างหน้าผมเป็นพี่โต๋ที่กำลังพยุงไอ้ภาอยู่ มันฮึมฮัมร้องเพลงอะไรสักอย่างอยู่
“เออ กูไหว”เสียงทุ้มดังอยู่ใกล้ๆ ผมหยีตามอง ปลายคางของพี่ไอซ์เด่นชัดอยู่ตรงหน้า
“อย่าทำอะไรบ้าๆนะมึง”
“เออ ไม่ทำหรอก กูเป็นผู้ใหญ่พอ”พี่ไอซ์กระชับวงแขนที่พยุงผมอยู่ ผมพยายามตั้งสติ รับรู้ว่ารุ่นพี่กำลังพาตัวเองเดินไปที่รถ มีเสียงย่ำของฝีเท้า
“ตองเคยรักใครสักคนแบบที่ไม่สนสถานะไหม”พี่ไอซ์พึมพำอยู่ข้างๆ
“อืม..ไม่รู้สิครับ”ผมมุ่นคิ้วอย่างนึกปวดหัว
“พี่เคยรักคนๆหนึ่ง เข้าขั้นบ้าเลยล่ะ รักทั้งๆที่เขาสนใจคนอื่น แล้วที่น่าขำกว่านั้นคือไอ้คนๆนั้นดันคบกับเขาแค่เอาชนะพี่...มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย แล้วมันก็บ้าคิดว่าพี่จะปัญญาอ่อนเอาคืนแบบที่มันเคยทำกับพี่ ทุกวันนี้มันเลยระแวงพี่ ตองว่าน่าขำไหม”น้ำเสียงของพี่ไอซ์ไม่บ่งบอกความรู้สึกใด ผมได้แต่พยายามคิดว่าพี่ไอซ์ต้องการจะสื่ออะไร แต่ตอนนี้ผมเวียนหัวจนไม่อยากจะคิดอะไรแล้ว
“พี่หวังดีกับตองนะ ไม่อยากให้เราผิดหวังเพราะการเล่นสนุกของมัน...”เดินได้ไม่กี่ก้าว ร่างสูงคุ้นตาก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า พี่ไอซ์
หยุดเดินทันที กล้ามเนื้อเกร็งเขม็งจนผมรับรู้ได้
“กูจะพาตองกลับเอง”เสียงดุดันแบบนี้ พี่กันต์แน่ๆ
“อ้าว พี่กันต์ มาได้ไงเนี่ย”ผมเพ่งมองอย่างแปลกใจ หยิบแว่นออกมาเช็ดกับชายเสื้อแล้วสวมใหม่ คนตรงหน้าก็ยังเป็นพี่กันต์คน
เดิม เครื่องหน้าคมดุฉายชัด
“บอกแล้วไงว่าอย่าเมา”อีกฝ่ายทำเสียงฉุน สาวเท้าเข้ามาใกล้ แต่พี่ไอซ์ขยับตัวหนีจนผมก้าวเซไปด้วย
“มึงกลัวเหรอไง”พี่รหัสถามเสียงเยาะ
“เปล่า กูแค่จะพาคนของกูกลับเอง”พี่กันต์นี่กล้าพูดจริงๆ ผมหน้าเห่อร้อนวูบวาบขึ้นมา
“นี่น้องกู กูจะพากลับเอง หลบไปได้แล้ว ไอ้กันต์ ไอ้ตองไม่เหมาะกับคนสันดานแย่แบบมึงหรอก”แต่คนตรงหน้าไม่ขยับไปไหน
“เหมาะหรือไม่เหมาะ คนตัดสินก็ไม่ใช่มึงอยู่ดี”ผมเริ่มรำคาญกับเสียงของทั้งคู่ ตกลงผมจะได้กลับไปนอนบนเตียงสบายๆตอนไหน
“พี่กันต์...เอ่อ ผมกลับกับพี่กันต์ก็ได้”ผมส่งยิ้มเกรงใจไปให้พี่ไอซ์ สีหน้าไม่พอใจฉายชัด
“พี่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พี่กันต์มันไม่ปล้ำผมหรอก”ผมหัวเราะเหมือนคนเป็นโรคประสาท พี่กันต์เข้ามาพยุงผมแทนพี่รหัส กลิ่น
น้ำหอมอ่อนๆของเขาลอยแตะจมูก ผมถูกพาไปที่รถกระบะคันใหญ่
“ไหนบอกว่าจะไม่เมาไง”ก้าวห่างจากพี่ไอซ์ได้ไม่เท่าไหร่ คนหน้าดุก็ถามเสียงเข้ม
“ผิดคาดไปหน่อย”ผมหัวเราะเสียงแห้ง คนที่พยุงอยู่ถอนหายใจ เสียงเปิดประตูรถดังปัง พร้อมกับถูกดันตัวเข้าไปในรถ ผมทิ้งตัว
บนเบาะเก่าๆอย่างทุลักทุเล คิ้วขมวดมุ่น กวาดสายตาไปรอบๆรถ
“ดูทำหน้าเข้า เอ๋อจริงๆ”พี่กันต์ดันหน้าผากผมเต็มแรง ก่อนจะออกรถ
“รถพี่เหรอ...แก่จัง”ผมหัวเราะอีกรอบ เจอกล่องใส่แว่นที่คอนโซลรถด้วย
“รถพ่อ”ผมทำหน้ามึนเข้าไปใหญ่
“ยืมพ่อมา”
“...”
“ไปค้างบ้านกูกัน”คำพูดนั้นแทบทำให้ผมสร่างเมา
บ้านพี่กันต์อยู่ห่างจากมหา'ลัยไม่ไกลนัก เป็นบ้านปูนสองชั้น หลังไม่ใหญ่มากแต่ดูอบอุ่น ทาสีผนังสีชมพู มีพื้นที่หน้าบ้านสำหรับออกมานั่งรับลม ต้นมะม่วงต้นใหญ่แผ่กิ่งก้านดำทะมึน พี่กันต์จอดรถที่นอกรั้ว ลงไปเลื่อนประตูเปิดแล้วขับรถกระบะคันเก่าเข้าไปยังบริเวณจอดรถ ผมได้แต่มองมึนๆพี่กันต์ยกนิ้วแตะที่ริมฝีปากเพื่อบอกให้เงียบ
“เดี๋ยวพ่อด่า”
“ห๊ะ...”ผมขมวดคิ้วอย่างมึนงง รุ่นพี่ที่นั่งถัดไปยกยิ้มมุมปาก
“ทำไมน่ารักแบบนี้วะตอง”ผมก้มหน้างุด มาพูดอะไรตอนนี้กันเล่า ถึงจะยังมึนๆงงๆอยู่แต่ผมก็เขินเป็นเหมือนกันนะ
“เข้าไปด้านใน ก็เงียบๆด้วยนะ เดี๋ยวคนในบ้านตื่น”พี่กันต์กระซิบเสียงเบา เขาพาผมเข้าไปในบ้านเงียบๆ ผมแทบจะกลั้นหายใจทุกฝีก้าว ย่องผ่านโซนดูหนังไปเหมือนโจร ห้องของพี่กันต์อยู่ชั้นสองติดทางเดิน ส่วนอีกห้องเหมือนมีป้ายชื่อติดอยู่ ผมพยายามเพ่งมองแต่ก็ถูกเจ้าของห้องดึงเข้าไปในห้องเสียก่อน
“บอกแล้วว่าถ้าเมาเจอดีแน่ๆ”เขากระซิบชิดใบหู จนผมต้องถอยออกห่างจนชนเข้ากับโต๊ะหนังสือ ห้องมืดแบบนี้ ผมมองแทบไม่เห็นทาง อีกฝ่ายหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางตื่นกลัวของผม
“ผมมั่นใจว่าพี่ไม่ปล้ำผมแน่”ในความมืด ผมเห็นเขาเลิกคิ้วสูง
“เพราะ”
“ปล้ำผู้ชายมันไม่ง่ายหรอก”ผมพยายามนึกภาพ แต่ก็รีบสั่นหัวไล่ความคิดบ้าบอออกไป ว่าแต่มาพูดเรื่องนี้ตอนอยู่ในห้องนอนมืดๆที่มีเตียงพร้อมแบบนี้...ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย พี่กันต์หัวเราะในลำคอ
“คิดแบบนี้ก็ดีแล้ว...เฮ้อ นอนได้แล้ว”เขาเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วพร้อมกับดันให้ผมไปที่เตียงนอน
“พี่นอนด้านล่างนะ...”
“เมาแล้วอย่าดื้อ”ผมจำได้แค่ว่าถูกดึงเข้าไปในอ้อมแขนอุ่นและนอนซุกความอุ่นนั้นไปตลอดคืน
TBC.