บทส่งท้าย
ช่วงบ่ายอ่อนๆของวันหยุดแบบนี้บ้านหลังใหญ่ยิ่งเงียบเชียบ คุณภัทราพรกับคุณภาวิณีชวนกันออกไปข้างนอกเพื่อให้คนท้องไม่รู้สึกอุดอู้และถือโอกาสเดินชอปปิ้งเป็นการออกกำลังกายไปในตัว ฝ่ายพ่อเด็กที่ไม่เคยขัดใจทั้งเมียและแม่ยายได้เลยขอรออยู่บ้าน และใช้เวลาสนุกอยู่กับงานอดิเรกชิ้นใหม่โดยมีผมเป็นลูกมือด้วยความเต็มใจยิ่ง
“แล้วชื่อนี้เป็นไงครับอา สะกดง่าย ความหมายก็ดี” ผมจิ้มค้างที่กลางหน้าหนังสือ กำลังจะเอื้อมไปหยิบสมุดอีกเล่มที่เอาไว้จดรายชื่อกับความหมายที่ช่วยกันลอกออกมาซึ่งมีเกือบยี่สิบชื่อแล้ว แต่จู่ๆหมอนอิงที่กั้นกลางก็ถูกหยิบโยนทิ้งตัวผมถูกดึงไปแทนที่จนแทบจะเกยอยู่บนตักคนข้างตัว
“อะ..อะไร...” ผมหันมองคนที่เริ่มขมวดคิ้ว ตีหน้าดุก็เพิ่งนึกได้ “โธ่ ขอโทษครับ กานต์ลืมนิดเดียวเอง พ่ออย่าโกรธน๊า”
“จนป่านนี้แล้วยังลืมแสดงว่าเราไม่ได้รู้สึกตัวว่ามีฉันคนนี้เป็นพ่อใช่มั้ยล่ะ”
เชื่อมั้ยล่ะว่าผมถูกคุณชัชสะบัดเสียงงอนๆใส่ ทำท่าปากยื่นนิดๆด้วยแน่ะ สงสัยจะติดมาจากเมียเด็ก เอ๊ะ! หรือจะเป็นเพราะฮอร์โมนเปลี่ยน ก็ขาข้างหนึ่งกำลังจะเหยียบเข้าวัยทองแล้วนี่
“ไม่ใช่นะครับ คือแบบกานต์แค่ติดปากเฉยๆ เรียกอาชัชมาตั้งนาน บางทีมันก็มีลืมตัวกันบ้าง แต่กานต์รักพ่อนะ ไม่เคยคิดด้วยว่าพ่อไม่ใช่พ่อ อย่าคิดมากสิครับ” แค่คำพูดน่าจะได้ผลช้า ผมรีบโอบแขนรอบตัว แนบหน้าลงกับอกแน่นๆ ง้อสุดชีวิตกันไปเลย
“โอ๋ๆ ไม่งอนนะครับ มาเลือกชื่อให้น้องต่อดีกว่า คราวนี้เลือกแบบชื่อเด็กผู้หญิงบ้าง เผื่อจะได้น้องสาวดีมั้ยครับ”
พ่อกอดตอบแล้วหอมหน้าผากผมแรงๆ เป็นสัญญาณว่าสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ
“แล้วเราล่ะอยากได้น้องสาวหรือน้องชาย”
“น้องสาวหรือน้องชายก็ได้ครับ ขอให้น้องเกิดมาสมบูรณ์แข็งแรง โตขึ้นเป็นเด็กดี น่ารัก ไม่ดื้อไม่ซนก็แล้วกัน”
“แต่ไม่ว่ายังไงกานต์ก็เป็นลูกที่พ่อรักที่สุดนะรู้มั้ย”
ผมยิ้มกว้างด้วยความชื่นใจ ปกติพ่อเป็นคนเงียบ ติดจะดุ พูดจาก็ตรงๆ ทื่อๆ เพื่อให้คนใต้บังคับบัญชาเกรงใจ ผิดกับเวลาอยู่กับคนใกล้ตัว โดยเฉพาะกับคุณภาวิณีนี่แทบจะกลายเป็นลูกแมวเซื่องๆ ส่วนกับผมนั้นเหมือนต้องแยกเป็นสองร่าง ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วยก็แบบปกติ มีกวนๆใส่กันบ้าง แต่ถ้าอยู่ตามลำพังจะหวานใส่ไม่บันยะบันยัง คงเพราะอยากแก้ตัวให้กับเรื่องในอดีต
“อย่าไปพูดให้คุณภาได้ยินนะครับ เดี๋ยวจะจบไม่สวย” ผมบอกยิ้มๆ เพราะเป็นที่รู้กันว่าเธอยังขัดหูขัดตาผมเสมอ จะให้เธอมาเห็นอะไรที่แบบว่า...
“พ่อรักกานต์นะ”
พ่อหอมแก้มผมฟอดใหญ่แล้วเอียงหน้าให้ผมหอมคืน
“กานต์ก็รักพ่อครับ”
ภาพนี้คงเป็นชนวนให้ทะเลาะกันบ้านแตก พ่อเลยชอบแอบทำเฉพาะเวลาอยู่ตามลำพัง เอ๊ะ! หรือไม่ใช่... เสียงกระแอมหนักๆลอยมาก่อน ตามด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นจากเจ้าของบ้านที่ปรากฏตัวในชุดอยู่บ้านสบายๆ แต่สีหน้านั้นคนละเรื่อง
“ขอกานต์คืนด้วยครับ”
คุณภากรยืนนิ่ง หน้านิ่ง แต่แบบนี้แหละที่ปลุกต่อมกวนอารมณ์ของพ่อดีนัก
“อย่ามาๆ คนนี้ลูกฉันโว้ย! จะมาขอกันง่ายๆได้ไง”
“อย่ามั่วน่ะอา คนนี้แฟนผม! คนของผมครับ”
พ่อยิ่งรัดแขนแน่นอย่างกับจะบี้ผมลงกับอก ส่วนคุณภากรเห็นผมไม่โวยวายก็ยิ่งน่าหงิก ส่งสายตาสั่งให้รีบลุกไปหา ผมขยับตัวแต่พ่อดันรู้ทัน
“ไม่ต้องไป เลือกมาเราจะอยู่กับใคร”
ผมยังไม่ทันส่งเสียงก็มีคนโวยวายแทน
“อ้าว! ไหงทำยังงี้ล่ะอา สร้างความร้าวฉานในครอบครัวนะเนี่ย แต่ยังไงกานต์ก็เลือกผมแน่นอนอยู่แล้ว”
“กานต์อยากอยู่กับพ่อมากกว่าใช่มั้ยลูก”
ผมหันซ้ายหันขวา รู้สึกเหมือนกำลังดูเด็กสองคนแย่งของเล่น คงสนุกที่ได้ทำให้ผมตกที่นั่งลำบาก คนหนึ่งพ่อ อีกคนก็แฟน คอยดูเถอะ ผมเลือกทิ้งทั้งคู่ขึ้นมาจะหัวเราะไม่ออก
“ทำอะไรกันอยู่จ๊ะหนุ่มๆ เสียงดังไปถึงหน้าบ้านโน่นแน่ะ”
ผมไม่ต้องออกฤทธิ์ให้เหนื่อย สวรรค์ก็ส่งคุณภัทราพรมาโปรด ตามด้วยคุณภาวิณี เจ้าของสายตาพิฆาตที่ทำเอาพ่อกระเด้งตัวออกห่างผมแทบไม่ทัน พ่อรีบเดินไปโอบประคองร่างที่เริ่มเห็นรอยนูนกลางลำตัวชัดมานั่งลงด้วยกัน ผมเลยถูกคุณภากรดึงตัวไปขังในวงแขน แต่ไม่ต้องห่วงว่าคุณภัทจะยืนคว้างเพราะได้พี่กัญญาช่วยพานั่งลงที่โซฟา ส่วนตัวแถมอย่างคุณวรเมธถอยไปยืนคอยที่ด้านหลัง ไม่รู้ว่าไปยังไงมายังไงถึงได้กลับมาเป็นกลุ่มใหญ่ขนาดนี้ ผมส่งสายตาสงสัยก็ได้คำตอบว่า
“พี่มาหาเมื่อตอนสายแต่กานต์ยังไม่ลงจากห้อง คุณภัทกับคุณภาเลยชวนออกไปข้างนอกด้วยกันน่ะ”
“กานต์ไม่ได้ตื่นสายนะพี่กัญ ตื่นตั้งเช้าแล้ว แต่ว่า...” ผมแกล้งเหลือบมองคนที่นั่งซ้อนหลังเพราะไม่อยากลงรายละเอียดมากนัก
“ฉันไม่ให้ลงมาเองแหละ วันหยุดทั้งทีก็ขอขี้เกียจบ้าง ไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้ วันธรรมดาทำงานเลขา พอวันหยุดยังรับจ๊อบคนขับรถอีก เอ๊ะ หรือว่าเงินเดือนที่โรงแรมเรามันจะน้อยไปหรือเปล่าครับแม่”
“แหม พี่กรก็ไม่รู้อะไร งานนี้เขาเรียกทำด้วยใจ แบบว่าใจมันสั่งมาน่ะ จริงมั้ยจ๊ะกัญ”
คนบ้านนี้บทจะทำงานเป็นทีมก็ได้ผลเหลือเชื่อ แก้มพี่สาวผมขึ้นสีราวกับวิ่งมาสักร้อยเมตร ส่วนคุณเลขาใหญ่ทำเป็นขยับแว่น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังเขิน แล้วพอพี่สาวผมเอาแต่ก้มหน้า อุบอิบไม่รู้ไม่ชี้ คุณเมธก็โดนเล่นงานซ้ำ
“เมธว่าไง จ๊อบพิเศษนี่ใช้ใจหรือสมองทำงานล่ะ”
“ใจล้วนๆครับคุณชัช”
“เฮ้ย! โดน! มันต้องให้ได้ยังงี้สิวะ!”
คำตอบเรียกเสียงฮือฮา ส่วนผมนี่อยากจะลุกขึ้นมอบโล่ห์ว่าที่พี่เขยดีเด่น เจ้าของคำถามนั่นถึงกับตบเข่าฉาดแสดงอาการชอบใจ
พอเสียงแซวสงบลง คุณภากรก็เปลี่ยนมาคุยเป็นเรื่องเป็นราวกับคุณภัทราพร
“นึกว่าน้ารื่นจะมาด้วย เห็นเมื่อคืนแม่บอกผมว่าจะเข้าไปที่บ้านสวนไม่ใช่เหรอครับ”
“แวะเข้าไปแล้วจ๊ะ แต่รายนั้นขออยู่รอคนที่นัดมารับทุเรียน พอนั่งคุยกันได้พักเดียวก็ต้องรีบออกมาเพราะยัยภาบ่นว่าเวียนหัว จู่ๆก็เกิดแพ้กลิ่นทุเรียนซะได้ทั้งที่เมื่อก่อนชอบกินยังกับอะไร แต่นี่รื่นคัดลูกสวยๆไว้ให้ เย็นๆจะให้รถที่สวนเอามาส่ง ยายเป้าก็บอกว่าจะฝากขนมมาให้กานต์ด้วย แต่ทุเรียนน่ะ ถ้าจะกินพวกเราก็ระวังๆกันหน่อยแล้วกัน” คุณภัทราพรบอกยิ้มๆ
“ก็ตอนที่ตามเข้าไปแล้วรู้ว่าทุเรียนกำลังออกมันนึกอยากกินจริงๆนะคะแม่ แต่พอนั่งไปสักพักก็ได้กลิ่นแปลกๆ มันเหม็นๆสาบๆอย่างกับมีตัวอะไรแห้งตายอยู่แถวนั้น พอเด็กเพลินยกจานทุเรียนออกมาเท่านั้นแหละสุดๆเลย ได้กลิ่นแล้วจะอ้วก ไม่เคยเหม็นอะไรยังงี้มาก่อน นี่แค่นึกถึงยังขนลุกไม่หายเลยค่ะ” คุณภาวิณีบอกเสียงแห้ง ท่าทางเขย็ดขยาด คงเพราะไม่เคยมีอาการแพ้อย่างคนท้องทั่วไปมาก่อน
“คนท้องก็อย่างนี้แหละ อะไรที่เคยชอบก็เกิดเหม็น อะไรที่เคยไม่กินกลับกินได้กินดี ตอนที่ท้องกรกับภาอย่าคิดว่าแม่สบายเชียว นอนซมติดเตียงเป็นเดือนๆกว่าจะมีแรงลุกขึ้นมาทำอะไรได้” คุณภัทย้อนความหลังด้วยสีหน้าอิ่มสุข เพราะถึงจะลำบากก็คงเทียบกับความรู้สึกของคนที่กำลังจะเป็นแม่ไม่ได้ นึกถึงแม่กานดาของผมก็คงไม่ต่างกัน แม่เล่าว่าตอนท้องพี่กัญญาสบายมาก ไม่แพ้อะไร กินอิ่มนอนหลับดีทุกอย่าง แต่พอคราวผมแทบไม่มีเรี่ยวแรง ของดีๆอย่างเนื้อสัตว์ ไข่ หรือนมแค่ได้กลิ่นก็เวียนหัว ส่วนของชอบกลายเป็นมะเขือเทศสดที่กินได้ทีเป็นกิโลๆกับน้ำเต้าหู้ที่ต้องต้มไว้ดื่มต่างน้ำ ซึ่งคงเป็นเหตุผลที่ผมเกิดมาตัวขาวจั๊วะ หน้าใส แก้มแดงจนใครๆก็นึกว่าเป็นเด็กผู้หญิง
“นั่นสิ ผมจำได้ พอท้องทีข่าวคุณภัทหายไปจากวงสังคมเป็นปีๆเลยนี่”
“แหม ใครจะยอมให้คนอื่นมาเห็นเราในสภาพโทรมๆได้ล่ะ ต้องรอให้กลับมาสวยเหมือนเดิมก่อนสิ”
“ถ้าอย่างนั้นหนูภาก็โชคดีมากนะ ไม่ค่อยแพ้อะไร แถมยังเป็นคนท้องที่สวยมากๆเลยเนอะ” งานอวยเมียนี่เป็นเรื่องถนัดของพ่อผมครับ
“โบราณว่าถ้าแม่สวยวันสวยคืน ท้องนั้นน่าจะเป็นผู้หญิงหรือเปล่าครับคุณป้า” คุณวรเมธช่วยรับมุก คงหวังทำคะแนนกับว่าที่พ่อแฟน อ๋อ ไม่ต้องแปลกใจไปครับ พ่อบอกว่าพี่กัญญาก็เหมือนเป็นลูกสาวพ่ออีกคน แถมตั้งท่าจะเป็นคุณพ่อที่หวงลูกสาวเสียด้วยสิ
คุณภัทราพรไม่ตอบ เอาแต่ยิ้มอมพะนำจนทุกคนพากันสงสัยและถือโอกาสสรุปกันเอาเองว่าคำโบราณข้อนี้เชื่อถือได้
“หมายความว่า...” พ่อลุ้นอยู่นานก็หันขวับไปจ้องหน้าเมีย แทบจะเขย่าให้เธอยอมรับ “จริงเหรอภา ลูกสาวเหรอ?! แน่ใจนะ?!”
“เมื่อวานที่หมอนัดไปอัลตราซาวด์เห็นชัดแจ๋วเลย ผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์” คุณภาบอกยิ้มๆ แต่บังเอิญได้สบตากับผมแวบหนึ่งแล้วไม่รู้เกิดคิดอะไรขึ้นมา “อาชัชผิดหวังหรือเปล่า...ที่ไม่ใช่ลูกชาย”
“ไม่เลย อาจะผิดหวังทำไมล่ะ จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็เป็นลูกของเราไม่ใช่เหรอ”
คำตอบโดนใจเรียกรอยยิ้มหวานจากภรรยาคนสวย และเสียงชื่นชมจากทุกคนไม่เว้นคนบ้านใกล้เรือนเคียงที่บังเอิญโผล่มาได้จังหวะราวกับนัดไว้
“โอยยยยย หวานนนนน เลี่ยนนนนน”
“อะไรๆไอ้ลูกชิ้น เดี๋ยวโดนจับปิ้งหรอกเอ็ง”
“นั่นสิ เสนอหน้ามาทำไมเนี่ย นี่มันเวลาของครอบครัวโว้ย”
“อย่างน้อยก็ไม่ได้มาหาแกล่ะคนนึง พี่หมอมาหาน้องกานต์ตะหาก คิดถึ๊ง คิดถึงงงง...”
ถึงจะโดนข่มขู่หรือขับไล่ คุณหมอชวินก็ไม่สะทกสะท้าน ดวงตาขี้เล่นล็อกเป้าและเดินตรงมาหาผม อีกก้าวเดียวจะถึงตัวก็โดนคุณภากรยกขายันกลางลำตัว แล้วยังโดนพ่อคว้าหลังคอเสื้อ กระชากขึ้นจนตัวเกือบลอย ได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ขอความช่วยเหลือ
“อ๊องอานอ้วยอี้อ๋ออ้วย”
พอลงมายืนได้ คุณหมอหน้าเป็นก็แจกค้อนใส่ทั้งเพื่อนทั้งอา พอหันมามองผมที่โดนคุณภากรกอดหมับก็ทำหน้าโศก หันไปทางคุณภาวิณีที่อยู่ในอ้อมแขนพ่อเหมือนกันก็ทำเมินใส่ เหลียวไปมองพี่กัญญาก็มีเสียงกระแอมจากคนใส่แว่น เหลือเพียงที่พึ่งสุดท้าย...
“ฮืออออ คุณป้าครับ ช่วยชินด้วย ชินถูกรังแก ใครๆก็ไม่รักชินเลยอ่ะครับคุณป้า”
“โถพ่อคุณ งั้นชินไปกินของว่างกับป้าดีกว่า แล้วเดี๋ยวอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันต่อเลยดีมั้ยลูก” คุณภัทราพรปลอบไปก็ขำไป
“ดีที่สุดเลยครับ ชินรักคุณป้าม๊ากมาก”
ทุกคนเลยได้ฤกษ์เคลื่อนย้ายไปทานของว่างที่ถูกจัดเตรียมไว้ เหลือแต่ผมที่ขอตัวเพราะยังไม่หิวกับคุณภากรที่คงไม่อยากไปทะเลาะกับเพื่อนต่อ สายตาของเขายังมองตามจนผมอดทักไม่ได้
“ยิ้มอะไรครับ”
“ครอบครัวนี่เยี่ยมไปเลยนะ ทั้งๆที่ดูวุ่นวายขนาดนี้แต่ก็มีความสุขดีเหมือนกัน”
ผมได้แต่ยิ้มตามเพราะเห็นด้วยกับเขาทุกประการ
“เพราะกานต์ด้วยรู้มั้ย” ผมทำหน้างงเลยถูกหอมหน้าผากแรงๆหนึ่งฟอด “ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าบ้านจะมีบรรยากาศอย่างนี้ได้หรือเปล่า แต่พอมีกานต์เข้ามา อะไรๆก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ตอนนี้ฉันมีความสุขมาก และจะไม่ขออะไรอีกแล้วนอกจากให้เราได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้ตลอดไป”
“คุณกรก็เป็นความสุขในชีวิตของผมเหมือนกันครับ”
ความสุขเอ่อล้นในหัวใจจนส่งผ่านออกมาเป็นรอยยิ้ม เรายิ้มให้กัน ยิ้มจนเมื่อยแก้มก็ยังเลิกไม่ได้เพราะความสุขมันมากมายจนไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดหรือการกระทำอย่างอื่น อ้อ! ยกเว้นการที่คนบางคนทำเนียนจูบผมนี่ไม่นับนะ
“ไหนดูสิ หลานสาวคนนี้จะชื่อว่าอะไรดีน๊า โอ้โห เยอะจัง นี่คือคัดแล้วเหรอ” คนหน้ามึนหันไปหยิบสมุดมาเปิดดูแก้เก้อ ผมเลยต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตามไปด้วย งานนี้ใครเขินคนนั้นแพ้ครับ
“ก็ยังไม่รู้ว่าน้องจะเกิดวันไหนเลยต้องเลือกเผื่อไว้สำหรับทุกวัน แยกอีกว่าเป็นชื่อผู้ชายกับผู้หญิง ตอนนี้รู้แล้วว่าผู้หญิงก็ตัดออกไปได้ครึ่งหนึ่ง เหลือแค่ให้คุณภาตัดสินใจอีกทีน่ะครับ”
“ใช่เลย ให้ยัยภาเป็นคนเลือกนี่ล่ะปลอดภัยที่สุดแล้ว”
เขาเอ่ยสรุปในสิ่งที่คนทั้งบ้านเห็นด้วย แล้วหยิบคู่มือตั้งชื่อเล่มหนึ่งขึ้นมาเปิดไปเปิดมา
“ภากร แปลว่า พระอาทิตย์ครับ”
ผมบอก แต่คิดว่าเขาคงรู้ความหมายของชื่อตัวเองอยู่แล้ว
“สมตัวมั้ยล่ะ มีอำนาจ ยิ่งใหญ่ ร้อนแรง” ทำเป็นยักคิ้วถาม คิดว่าเท่ห์ตายล่ะ “แน่ะ! ทำหน้าไม่เชื่อ แล้วใครกันน๊าที่ครางลั่นห้องอยู่ทุกคืนน่ะหืม”
“คุณกร!!” คนบ้า คำหลังนี่ผมต่อในใจ ไม่กล้าพูดใส่หน้า แต่ก็น่าด่ามั้ยล่ะ คนอะไรกินในที่ลับแล้วเอามาไขในที่แจ้ง แล้วมันก็ไม่ใช่อย่างที่เขาอวดอ้าง ใครจะบ้ายอมกุ๊กกิ๊กด้วยทุกคืน ผมไม่ได้อึดเป็นคนเหล็กอย่างเขาสักหน่อย
เขาไม่ได้สลดเลยสักนิด แต่คงขำจนเหนื่อยเลยยอมเลิกเอง แล้วค่อยเฉลยว่ากำลังหา...
“ฉันอยากแน่ใจอันนี้ต่างหาก” สิ่งที่เขาชี้ให้ดูทำเอาผมพูดไม่ออก
กานต์ แปลว่า ที่รัก
“คนนี้คือกานต์ของคุณกรจริงๆด้วย”
อ้อมแขนใหญ่รวบกอดแล้วโยกตัวผมเบาๆ เขาจรดริมฝีปากลงบนเรือนผม หน้าผาก ดวงตา แก้ม ปลายจมูก และริมฝีปาก ไม่ใช่จูบแผ่วๆแต่เนิ่นนานเพื่อสื่อสารความรู้สึกจากหัวใจ อีกครั้งที่ผมรู้สึกว่าชีวิตตัวเองช่างน่ามหัศจรรย์ จากคนธรรมดาสู่จุดตกต่ำ สูญเสียครอบครัวที่เคยอบอุ่น ถูกขายใช้หนี้ ไม่เหลือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จนได้พบกับผู้เป็นเสมือนดวงอาทิตย์ที่คอยให้แสงสว่างนำทาง ให้ความอบอุ่นใจ และทำให้ผมได้รับทุกอย่างที่เคยสูญเสียไปกลับคืน ส่วนที่เพิ่มเติมมาอย่างไม่คาดคิดคือความรักแสนพิเศษในแบบที่ไม่มีวันได้รับจากใคร
ผมก็ดีใจที่ได้เป็น กานต์ ของ คุณภากร ตลอดไปครับ
.....จบจริงๆแล้วจ้า.....
ปิดฉากกันแบบน่ารักกุ๊กกิ๊ก หวานๆกันนิดนึงเนอะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามและเป็นกำลังใจมาโดยตลอด
ขอให้คนอ่านทุกคนได้พบ กานต์ ในชีวิตจริงและมีความสุขสมหวังตลอดไป
บ๊าย บาย จนกว่าจะพบกันใหม่เรื่องหน้า แต่... ได้ข่าวว่าหลังจากเขียนเรื่องนี้จบ หล่อนก็เอาแต่อ่านนิยาย ไม่ได้จิ้มอะไรเพิ่มเลยสักตัวไม่ใช่หรา
ปล. แล้วจะแวะเอาตอนพิเศษมาสปอยแว้บๆนะจร๊า
^ ^