วิหารจันทรา
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณชอบตอนจบแบบไหนของนิยายเรื่องนี้

รพีพันธ์ได้เจอกับจันทิรักษ์
204 (80.3%)
รพีพันธ์ได้ลูกชายฝาแฝด คืออัสสะ&จันทริ
50 (19.7%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 165

ผู้เขียน หัวข้อ: วิหารจันทรา  (อ่าน 232840 ครั้ง)

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ พอดีว่าช่วงนี้ยุ่งๆนิดหน่อย ก็เลยไม่ค่อยได้มาอัปเดท เดี๋ยวพรุ่งนี้(พฤหัสฯ) มาลงเพิ่มเติมแน่นอนครับ  o2 o2 o2

sunflower

  • บุคคลทั่วไป
ไม่เป็นไรจ้า  :m1:

ยังไงก็รอ  :L2: :L2:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๒๗

สายน้ำที่ไหลเอื่อยอยู่ในลำน้ำ พลันก็ส่งเสียงซ่าดังกระหึ่ม และหมุนวนเป็นเกลียวดุจวังน้ำวน แต่แทนที่จะเป็นวังวนที่ดิ่งแกนลึกลงไปใต้น้ำ กลับม้วนตัวสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า กลายเป็นเป็นเสาน้ำมหึมา ขณะที่ทุกคนต่างตกตลึงกับเสียงดังสนั่น และภาพของเสาน้ำนั้น ปลายยอดของเสาน้ำพลันแยกออกจนมองดูคล้ายนิ้วของมือมหึมา และโดยที่ไม่คาดคิด มือนั้นก็กวาดลงมายังขบวนรถม้า ที่จอดเรียงรายอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ทั้งรถม้าและเหล่าผู้ที่เตรียมจะเดินทางไกล ต่างถูกกวาดลงสู่กระแสน้ำจนหมดสิ้น แต่ยังไม่ทันที่คนที่เหลืออยู่จะหายตกตลึง หม่า และคนอีก ๕ คน ถูกกระแสน้ำช้อนตัวกลับขึ้นมาอยู่บนฝั่งอีกครั้ง แต่คนที่เหลือนั้นหายไปพร้อมกับมือยักษ์ และกระแสน้ำที่กลับมาไหลเอื่อยๆเช่นเดิม

“หม่า” จันทริ พูดกับเหล่าคนที่ต่างทรุดตัวลงนั่งอยู่บนพื้นด้วยความหวาดหวั่น “ท่านต้องพาคนเหล่านี้มา เพราะท่านมิอาจขัดต่อคำสั่งของ ท่านจาง ได้ ส่วนพวกท่านทั้ง ๕ ล้วนมีจิตใจดีงาม ตอนที่มีคำสั่งให้ทำร้ายข้า พวกท่านล้วนไม่ลงมือ จันทริ มิปรารถนาให้พวกท่านต้องรับเคราะห์ เพราะความโลภและความแค้นในครั้งนี้ กรินท์ จักจัดหาสิ่งของจำเป็นในการเดินทางให้แก่พวกท่าน รวมทั้งพาหนะ หากว่าพวกท่านต้องการ เมื่อกลับไปถึงถิ่นของพวกท่านแล้ว ก็แล้วแต่ว่าพวกท่านจักจัดการต่อเรื่องนี้เช่นไร”
ประกายสีทองของจันทร์เสี้ยวส่องประกายแวววาว จันทริ พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“หากพวกท่านต้องการทำลายล้างหมู่บ้านแห่งนี้ ข้าอาจปกป้องไว้มิได้ แต่ข้าให้คำสัญญาต่อพวกท่าน ต่อคนของข้า ต่อวารี ต่อแผ่นฟ้า ต่อผืนแผ่นดิน ข้าจักทำลายผู้รุกราญให้สิ้น มิเว้นแม้แต่ชีวิตเดียว และจะติดตามไปทำลายถิ่นของมันผู้นั้น ให้พินาศสิ้นทั้งเผ่าพัันธ์  เช่นเดียวกับที่มันผู้นั้น คิดจะกระทำต่อหมู่บ้านของข้า”
เมื่อพูดจบ จันทริ ก็ปล่อยมือจาก อัสสะ แล้วหมุนตัวเดินจากไป ปล่อยให้ กรินทร ์เป็นผู้จัดการเรื่องต่างๆที่ค้างคาอยู่ อัสสะ ได้แต่ยืนงุนงงอยู่สักครู่ ก็หมุนตัววิ่งตาม จันทริไป แต่ไม่ว่าเขาจะวิ่งด้วยความรวดเร็วเพียงใด ก็ไม่สามารถติดตาม จันทริ ที่เดินอยู่เบื้องหน้าได้ทัน แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้สะกิดใจ ยังคงวิ่งตามหลังไป จนร่างเบื้องหน้าเดินหายเข้าไปในถ้ำศักดิ์สิทธิ์

... วิหารจันทรา ... สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหมู่บ้าน นอกจากผู้มีหน้าที่ต้องกระทำ มิว่าผู้ใดก็มิอาจล่วงล้ำเข้าไป นั่นคือ ‘กฎ’ แห่งหมู่บ้าน

หากเป็นเมื่อก่อนเขาไม่เคยสนใจใน ‘กฎ’ นี้เลย แต่หลังจากที่เขาได้เห็นถึง ‘พลัง’ ของ จันทริ ทำให้เขาลังเลที่จะเข้าไปอย่างที่เคยกระทำ

“ฮึ่ม ....”
เสียงเบาๆดังขึ้นทางด้านหลัง เมื่อ อัสสะ หันไปมองก็พบกับเสือโคร่งตัวมหึมา ยืนห่างจากเขาไปไม่ไกลนัก
“พยัคฆา” เด็กหนุ่มเรียกเบาๆ ถึงจะรู้ว่าเป็นมิตร แต่ก็ยังอดรู้สึกกลัวจนต้องกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
“ฮึ่ม ...” พยัคฆา คำรามเบาๆในลำคอ พลางส่ายหัวขึ้นลง เหมือนเป็นสัญญาณบอกให้เขาเข้าไปในถ้ำ
“เจ้าต้องการให้ข้าเข้าไปหรือ” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
พยัคฆา ทำท่าเหมือนพยักหน้าแทนคำตอบ
อัสสะ หันหน้ามองเข้าไปภายในถ้ำสักครู่ แล้วหันหน้ากลับมาอีกครั้ง แต่เสือโคร่งตัวนั้นหายไปเสียแล้ว เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจเดินเข้าไปภายในถ้ำ
...................................................................
............................
“เสียงสะอื้นไห้ดังอยู่แผ่วเบา เมื่อข้าเดินเข้าไปภายในถ้ำ ที่ข้าเห็นคือ จันทริ นอนฟุบหน้าอยู่บนเตียงหิน ร่างกายสั่นสะท้าน กำลังร่ำไห้ราวจะขาดใจ”
“คงเสียใจที่มีคนต้องตาย” รพีพันธ์ พูดขัดขึ้น “จันทริ เป็นคนอ่อนโยน ถึงแม้คนพวกนั้นสมควรตาย แต่ จันทริ ก็คงเสียใจมากที่ทำแบบนั้นลงไป”
“มันมิใช่เพียงแค่นั้น” อัสสะ หันมาบอกยิ้มๆ
...................................................................
............................
อัสสะ เดินเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียงหิน เอื้อมมือไปจับไหล่ที่สั่นสะท้านของร่างบอบบาง ที่กำลังฟุบหน้าร้องไห้อยู่บนเตียงหิน
“จันทริ เจ้าร้องไห้ทำไม”
“อัสสะ” เสียงเรียกแผ่วเบา ร่างนั้นยันตัวลุกขึ้นนั่ง พลางเงยหน้าขึ้นมองคนที่เข้ามา ดวงตาแดงช้ำ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ทำให้เด็กหนุ่มคิดไปถึงเด็กน้อยที่รำไห้ด้วยความเสียใจ เมื่อรู้ถึงการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของบิดามารดา เมื่อหลายปีก่อน จนอดไม่ได้ที่จะนั่งลงไปข้างๆ แล้วรวบร่างบางเข้ามาแนบอก มือหนึ่งลูบเบาๆที่ไหล่ อีกมือลูบศรีษะ ที่ปกคลุมด้วยเส้นผมอันอ่อนนุ่มอย่างเบามือ ดุจจะปลอบโยน เหมือนที่เขาเคยทำบ่อยๆเมื่อหลายปีก่อน
“มิต้องเสียใจไป หากเป็นข้า ก็คงทำเช่นนั้นเช่นกัน”
“ข้ามิได้เสียใจในสิ่งที่กระทำลงไป แต่ข้าเสียใจเมื่อคิดไปถึงเหล่าญาติพี่น้องของคนเหล่านั้น ว่าจักเสียใจสักเพียงใด เมื่อรู้ว่าคนที่พวกเขารอคอย มิอาจกลับไปอยู่ร่วมกันเช่นเดิมได้อีกแล้ว”

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง

ขอบคุณนะคับที่มาต่อ รออ่านตอนต่อไปน๊า.......


ปล. ไม่เป็นไรคับ ยังไงก็รอได้ัคับพี่ตั้ม

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
อืม เรื่องราวเริ่มกระจ่างแ้ว

มาให้กำลังใจคนแต่งนะคะ

เนื้อเรื่องน่าติดตามมากค่ะ


ออฟไลน์ Tetjinen

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
 :m29: ซักจะกลัวๆ

sun

  • บุคคลทั่วไป
หวังว่าเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำซ้อนอีกนะ   :เฮ้อ:

จันทริ จิตใจดี อ่อนโยน  ขนาดนี้  เมื่อถึงเวลาที่ต้อง....กลับคืน ไปยังที่มา

แล้วแยกจาก รพีพันธ์ จันทริมิเจ็บปวดยิ่งกว่านี้เหรอ  :m13:


ง่า... เห็นแววความเศร้ามาอีกป่ะเนี่ย   :sad2:

three

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณนะครับกระจ่างและตอนนี้ชักเริ่มกลัววันที่ทั้งคู่ต้องจากกัน :sad2:คงเศร้าสุดๆเลย :sad2:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ อิง

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-6
สงสารจันทริ  :m15:

เป็นกำลังใจให้คุณบุหรงนะคะ  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






sunflower

  • บุคคลทั่วไป
สงสารจันทริจังเลยอ่ะ :o12:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
:m4:
อ่านแล้วนึกถึงเซลามูนจัง...ตัวแทนแห่งดวงจันทร์จะลงทัณฑ์แกเอง  :laugh:
เป็นร่างทรงของจันทรามาตั้งหลายปี...ก็ต้องมีการฝึกจิตฝึกใจกันบ้าง
จันทริไม่น่าสงสารหรอก...สงสารตัวเองมากกว่า...อยากรู้เรื่องต่ออ่ะ
 :m23:

ออฟไลน์ sakiko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-25
 :serius2: :sad2: :o12:

รอตอนต่อ ไป นะค่ะ

 :oni3:

Sakura_kano

  • บุคคลทั่วไป
ตามอ่านจนจบแล้วดูๆไปตอนจบต้องเศร้าแน่ๆเลยงะ :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๒๘

“นั่นสินะ จันทริ ต้องเสียพ่อแม่ไป ตอนนั้นคงเสียใจมาก” รพีพันธ์ พูดพลางถอนหายใจ
“แล้วท่านเล่า เสียใจหรือไม่ที่ต้องจากบิดามารดามาอยู่ ณ ดินแดนแห่งนี้”
“ก็ ... แรกๆน่ะนะ มันก็ต้องมีบ้าง” รพีพันธ์ หันไปยิ้มให้คู่สนทนา “จะให้บอกว่าตอนนี้ไม่คิดแล้วก็คงเหมือนโกหก เอาเป็นว่ารู้สึกคิดถึงบ้านน้อยลงกว่าเมื่อก่อน ผมคุ้นเคยกับชีวิตที่นี่ ผมมีเพื่อนอย่างคุณ แล้วก็มี ... จันทริ” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง
“แต่ท่านก็คงอยากกลับคืนสู่ถิ่นเดิมของท่าน ใช่หรือไม่” อัสสะ ถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“ก็...” ชายหนุ่มก้มหน้าลง “มีใครบ้างที่ไม่อยากกลับบ้าน” รพีพันธ์ เงยหน้าขึ้นมามองคู่สนทนาอีกครั้ง “แต่หากได้กลับไปจริงๆ ผมคงคิดถึงที่นี่น่าดู”
“พวกข้าก็คงคิดถึงท่านเช่นกัน เมื่อเวลานั้นมาถึง” อัสสะ พูดแล้วเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าอย่างเศร้าสร้อย “แต่ข้าคงคิดถึง จันทริ มากกว่า”
รพีพันธ์ ได้ฟังแล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ไม่ได้ถามอะไรต่อไป เพราะ อัสสะ ชิงลุกหนีไปเสียก่อน
..............................................................
.................................
“หมู่นี้คุณแทบจะไม่กินอะไรเลยนะ ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า” รพีพันธ์ ถามพลางใช้มือลูบเรือนผมนุ่ม ของศรีษะที่นอนแอบอิงอยู่บนอกเขา อย่างแผ่วเบา
“ข้ามิเป็นไรดอก เพียงแต่ไม่อยากกินอะไรเท่านั้นเอง” จันทริ ตอบไปเบาๆ พลางเลื่อนตัวขึ้นแนบหน้าผาก ไว้กับคางของชายหนุ่ม
“รพีพันธ์ ... ดวงอาทิตย์ของข้า วันข้างหน้าท่านจักคิดถึงข้าบ้างหรือไม่”
“ถามอะไรอย่างนั้นล่ะ” รพีพันธ์ จูบเบาๆที่หน้าผากของ จันทริ “ถามยังกับว่าจะแยกจากกันอย่างนั้นแหละ”
“ข้าหมายความว่า เมื่อท่านได้กลับคืนไปสู่ถิ่นของท่าน ท่านจักคิดถึงข้าบ้างหรือไม่”
“กลับบ้านเหรอ” รพีพันธ์ ถอนหายใจยาว ภาพใบหน้าของพ่อแม่ วูบผ่านเข้ามาในความคิด “ถ้าได้กลับนะ”
“อีกมินานดอก อาทิตย์ ของข้า” จันทริ ยันตัวขึ้นมาจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม จ้องมองใบหน้า รพีพันธ์ แน่วนิ่ง “ข้าเคยบอกต่อท่านแล้ว ว่าท่านจักได้กลับคืนสู่ที่ที่ท่านมา และอีกมินานดอก ... ที่เวลานั้นจักมาถึง”
“กลับยังไงล่ะ ... หรือว่าผมจะกลับบ้านได้ด้วยพลังของคุณ” รพีพันธ์ ถามยิ้มๆ
จันทริ ไม่ตอบได้แต่ยิ้มน้อยๆ
“อัสสะ เล่าอะไรให้ผมฟังหลายอย่าง” พูดแล้วก็ดึงตัว จันทริ ให้ลงมานอนแนบอกเขาเหมือนเดิม “แต่ตอนนี้ ผมอยากให้คุณเห็นพลังของผมก่อน ท่าจะดี”
พูดจบ ชายหนุ่มก็จับร่าง จันทริ ให้พลิกลงนอนหงาย แล้วทาบทับตัวลงไปบนร่างบาง ประกบริมฝีปากลงจูบอย่างดูดดื่มและยาวนาน
..............................................................
.................................
“ผมว่ามันต้องมีอะไรผิดปรกติแน่ๆ” รพีพันธ์ พูดแล้วก็ขมวดคิ้ว “หลายวันนี้ จันทริ นอนหลับตั้งแต่ตอนสายๆ ไปจนกระทั่งตะวันตกดิน” พูดจบก็หันหน้าไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เหมือนจะขอคำปรึกษา
“คงมิเป็นไร เพียงแต่เวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว” อัสสะ ตอบช้าๆ
“เวลา” รพีพันธ์ ทวนคำ “เวลาอะไร”
“นี่ก็เข้าสู่เหมันต์แล้ว อีกมิกี่ราตรีก็จะถึงคืนวันเพ็ญแรกแห่งฤดู”
“วันที่ จันทรา จะตื่นขึ้นมาอีกครั้งน่ะเหรอ” รพีพันธ์ ขมวดคิ้ว “ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“จันทรา ยังคงตื่นอยู่เสมอ พลังของนางยังคงอยู่รอบๆกายท่านตลอดเวลา เพียงแต่ท่านมิรู้ตัว เพราะเหตุนี้ ร่างกายของ จันทริ จึงต้องการการพักผ่อนมากกว่าเดิม”
“ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้งงนะเนี่ย” รพีพันธ์ ยกมือขึ้นเกาศรีษะ
“พลังแห่งการรับรู้ พลังที่ทำให้ท่านเข้าใจในสิ่งที่พวกข้าพูด และทำให้พวกข้าเข้าใจในสิ่งที่ท่านพูด”
“คุณพูดอะไรของคุณ พวกเราก็คุยกันรู้เรื่องดีนี่นา” พูดจบ รพีพันธ์ ก็หัวเราะอย่างขบขัน
“หึ หึ” อัสสะ หัวเราะในลำคอ “ท่านคิดว่าข้าพูดกับท่านด้วยภาษาของท่าน หรือท่านกำลังพูดกับข้าด้วยภาษาของข้า”
“หมายความว่ายังไง”
รพีพันธ์ ถามด้วยความงุนงง มองดูอีกฝ่ายยกมือขึ้นมาชึ้ที่ปากของตัวเอง
“ท่านจงดูให้ชัด” อัสสะ พูดช้าๆ รพีพันธ์ จึงเริ่มสังเกตริมฝีปากของผู้พูด “ท่านคิดว่าตอนนี้ข้ากำลังพูดด้วยภาษาของข้า หรือ ของท่าน”

รพีพันธ์ เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ถึงแม้เขาจะไม่รู้เรื่องการอ่านริมฝีปาก แต่ที่เขาเห็นในตอนนี้ ริมฝีปากของ อัสสะ ขยับอย่างไม่สัมพันธ์กับเสียงของคำพูดที่เปล่งออกมา เหมือนเขาได้ดูภาพยนต์ต่างประเทศที่กำลังพากย์ไทยอยู่ไม่มีผิด

sunflower

  • บุคคลทั่วไป
แววเศร้าเริ่มมาละ  :เฮ้อ:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ Tetjinen

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
 :sad5: ใกล้จะต้องจากกันหรือเนีย Oh No!  :o12:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
พลังแห่งจันทรา น่ากลัว   

เริ่มจะเศร้าแล้วซินะ

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
โอ๊ย น่้ากลัวอ่ะ จะเกิดไรขึ้นเนี่ย  :m13: :m13:

ขอบคุณนะคับที่มาต่อ รออ่านตอนต่อไปน๊า....  :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






sun

  • บุคคลทั่วไป
เวลาแห่งการจากลาใกล้มาถึงแล้วสินะ   :m13:

จาก...เพื่อพบกันใหม่ .. :กอด1:

หรือว่า...จากลาชั่วนิรันดร์
     :o12:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๒๙

“เอาสร้อยนี่มาใส่ทำไม” รพีพันธ์ ถามอย่างไม่ค่อยพอใจนัก เมื่อมองเห็นสายสร้อยที่ถักจากเชือกสีแดง ร้อยไว้ด้วยจี้รูปจันทร์เสี้ยว ที่ทำจากเปลือกหอยมุก ส่งประกายสีน้ำเงิน อยู่บนลำคอของ จันทริ
“ข้าขอสวมไว้จนสิ้นคืนเพ็ญที่จะมาถึงนี้ได้หรือไม่” จันทริ พูดเสียงอ่อนๆพลางใช้มือลูบจี้เบาๆ
“แต่ผมไม่ชอบ” น้ำเสียงและสีหน้าของชายหนุ่ม แสดงถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“ถือเสียว่าข้าวิงวอนต่อท่านได้หรือไม่” สายตาของ จันทริ เต็มไปด้วยความอ้อนวอน “อีกเพียงแค่สองราตรีเท่านั้น หลังจากนั้น ข้าจะไม่สวมมันอีกต่อไป”
“แหม ...” รพีพันธ์ ลากเสียงยาว “ทำเป็นน้อยใจไปได้ คุณอยากใส่ก็ใส่เถอะ แต่อย่าบ่อยนักแล้วกัน” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับตัวจี้ พลิกไปมาอย่างสนใจ “ว่าไปก็สวยดีนะ อัสสะ นี่เข้าใจหาของมาให้คุณ ไว้ถ้ามีโอกาสนะ ผมจะหาอะไรให้คุณใส่เล่นบ้าง”
จันทริ ฟังแล้วก็ยิ้มน้อยๆ พลางส่งสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก สบกับสายตาของอีกคนหนึ่ง ที่มองมาด้วยความขบขัน แฝงไว้ด้วยความรักและเอ็นดู
“ข้าอยากออกไปเดินเล่น” จันทริ พูดเบาๆ
“ก็ดีสิ คุณไม่ได้ออกไปข้างนอกมานานเลยนะ ว่าแต่ว่า ...” รพีพันธ์ ยกมือขึ้นลูบที่แก้มเนียนเบาๆ “อย่าไปหลับตอนอยู่ข้างนอกล่ะ หลับไม่รู้สึกตัวแบบนั้น ผมไม่อุ้มคุณกลับมาหรอกนะ” พูดจบก็หัวเราะด้วยความขบขัน
“มิเป็นเช่นนั้นดอก ข้าพักผ่อนพอแล้ว ข้าอยากออกไปดูทุกสิ่งทุกอย่างอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่”
รพีพันธ์ ได้ยินแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว มอง จันทริ ด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
“ข้าหมายถึง เวลาที่เหลืออยู่ ก่อนคืนเพ็ญจักมาถึง” จันทริ ยิ้มน้อยๆ แต่ รพีพันธ์ รู้สึกเหมือนรอยยิ้มนั้น แฝงไว้ด้วยความเศร้า “ลงไปยังหมู่บ้านกันเถิด ข้าอยากพบทุกคนเต็มทีแล้ว”
พูดจบก็เอื้อมมือไปจูงมือ รพีพันธ์ พาเดินออกจากถ้ำไป
..............................................................................
...........................................
เมื่อผ่านพ้นฤดูหนาวปีที่ ๒๐ เข้าสู่ฤดูร้อน ชาวหมู่บ้านต่างก็ตั้งใจรอคอยบุรุษผู้จะมาเยือน
บุรุษผู้ถูกส่งมาจากองค์สุริยาเทพ
บุรุษผู้มีปานแดงรูปวงกลมสถิตย์อยู่กลางแผ่นอก รอยปานอันเป็นสัญลักษณ์แห่งองค์สุริยาเทพ
บุรุษผู้ถูกส่งมาเพื่อทำหน้าที่ร่วมกัน กับร่างทรงแห่งจันทราเทพ

แต่หากว่าสิ้นสุดฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝน บุรุษผู้นั้นมิได้มาเยือน ชายหนุ่มผู้ถูกคัดเลือกไว้เป็นตัวแทนแห่งองค์สุริยาเทพ จะเป็นผู้ทำการนั้นแทน

ตัวแทนแห่งเทพทั้งสอง ร่างทรงแห่งจันทราเทพ และบุรุษแห่งสุริยาเทพ จะหล่อหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง และอาศัยอยู่ร่วมกันภายในวิหารจันทรา จวบจนสิ้นสุดฤดูฝนอันชุ่มฉ่ำ เมื่อถึงคืนเพ็ญแรกแห่งฤดูหนาว ทั้งสองจะต้องกลับคืนสู่ที่มา โดยการนำพาของวารีเทพ

ภาพของห้องโถงใหญ่ในโรงแรม ภายในห้องมีการสัมมนาเชิงวิชาการ ผู้บรรยายหลายคนนั่งอยู่ที่โต๊ะยาวด้านหน้า ปรากฏอยู่ในสายตาของชายหนุ่ม ตัวเขาเองนั่งอยู่บริเวณที่นั่งสำหรับผู้เข้าฟังในแถวหลังๆ การบรรยายผ่านไปจนจบ ต่อจากนั้นก็มีคนลุกขึ้นถามปัญหาต่างๆที่สงสัย หลายๆคำถามผ่านไป บางคำถามทำให้บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความครื้นเครง แต่ผู้บรรยายก็สามารถควบคุมสภาพในห้อง ให้กลับมาสู่ความเป็นการสัมมนาเชิงวิชาการเช่นเดิม

“แล้วที่บอกว่า ตัวแทนของเทพทั้งสองจะกลับคืนสู่ที่มา โดยการนำพาของวารีเทพ หมายความว่าอย่างไรครับ”
“สำหรับคำว่า กลับคืนสู่ที่มา คงจะหมายถึงดวงวิญญาณของทั้งสองกลับคืนสู่องค์เทพ อันหมายถึงความตายนั่นเอง แต่เนื่องจากมีการระบุช่วงเวลาเอาไว้ด้วย ว่าเป็นคืนจันทร์เพ็ญครั้งแรกของฤดูหนาว จึงอาจจะหมายถึงพิธีการรมของการสังเวย หรือการบูชายันด้วยชีวิตของคนทั้งสอง” มีเสียงอุทานมาจากผู้ฟังบางคน “ส่วนคำว่า การนำพาของวารีเทพ อาจจะหมายถึง การทำให้ถึงแก่ชีวิตด้วยสายน้ำ เช่นการถ่วงน้ำ หรืออาจจะหมายถึงการนำร่างซึ่งเสียชีวิตแล้วของคนทั้งสอง ทิ้งลงไปในแม่น้ำแทนการกลบฝังก็เป็นไปได้”

รพีพันธ์ สะดุ้งขึ้นสุดตัว ทะลึ่งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว พลางเหลียวมองไปรอบๆตัว
... ไม่ใช่นี่ ที่นี่ไม่ใช่ห้องสัมมนา ... ชายหนุ่มคิด พลางหอบหายใจ เขาฝันไป แต่ความฝันนั้นเหมือนจริงเหลือเกิน
“เป็นอะไรไปหรือ ถึงได้ตกใจขนาดนี้” จันทริ ลุกขึ้นนั่ง พลางลูบต้นแขนของชายหนุ่มเบาๆ
“ผมฝัน” ขณะที่พูด สายตาของชายหนุ่ม มองไปยังโพรงเหนือถ้ำ มองเห็นพระจันทร์ลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้า
“ความฝัน คือการเห็นถึงความปรารถนาที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในใจท่าน เป็นภาพมายา ท่านอย่าได้กังวลเลย”
รพีพันธ์ หันหน้ามามอง จันทริ ที่อยู่ข้างๆ
“จันทริ ... ผมกลัว”
“มิต้องกลัวสิ่งใด” จันทริ พูดพลางเอื้อมมือไปจับมือแข็งแรงของชายหนุ่ม มากุมไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง “ข้าเคยบอกต่อท่าน ที่นี่ไม่มีผู้ใดคิดร้ายต่อท่าน มิมีสิ่งใดทำอันตรายต่อท่านได้”
“จันทริ” รพีพันธ์ เรียกด้วยเสียงแผ่วเบา “กอดผมหน่อยนะ กอดผมไว้เหมือนตอนที่ผมมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ”

ไม่มีคำตอบ นอกจากการรั้งตัวชายหนุ่มให้นอนลงไปแนบอกของร่างบาง วงแขนอ่อนนุ่มโอบกระหวัดร่างแกร่งไว้อย่างนุ่มนวล ชายหนุ่มโอบเอวของร่างบางไว้หลวมๆ แนบใบหน้าไว้กับอกอุ่น พลางหลับตาลง ดื่มซับกับความอบอุ่นที่ถ่ายทอดมาทั้งร่างกายและหัวใจ จนหลับไหลไปในที่สุด

ออฟไลน์ sakiko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-25
ไหงมันเริ่มเศร้าๆๆ อะ

รอตอนต่อ ไป นะค่ะ


 :oni3:

PakBeob

  • บุคคลทั่วไป
รอลุ้นคืนวันเพ็ญ  :กอด1: :กอด1:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ SweetSerenade

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เสียงว่า...

จะเศร้า

 :serius2:

three

  • บุคคลทั่วไป
แววเศร้ามาอีกแล้วอ่ะ :sad2:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :m15: :m15:  ทำไมออกแนวเศร้านะ !!!!!!!!!!!!!  :m13: :m13:

pseudoboy

  • บุคคลทั่วไป
เศร้าอ่ะ :sad2:

จันทริต้องตายจริงเหรอ :o12:

ขอให้มีการหักมุม  จันทริต้องไม่ตาย :oni3:

ขอบคุณนะคะที่มาต่อ  เขามารอทุกวันเลยค่ะ 

ออฟไลน์ Tetjinen

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
 :o12: ใกล้แล้วเหรอเนีย  :sad2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด