ในที่สุดก็อ่านจนจบได้ ชอบเรื่องนี้มากค่ะคุณข้าวปั้น เราอ่านแล้วอินกับความรู้สึกและเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องมาก เรียกว่าถ้าจะอ่านเรื่องนี้ก็ต้องทิ้งงานทุกอย่างไว้ไกลๆ ไม่จับมาทำ เพราะใจเราจดจ่อกับเรื่องนี้จนอะไรก็มาดึงความสนใจไม่ได้
ตั้งแต่ตอนแรกจนตอนสุดท้าย เหมือนกับการได้นั่งดูภาพยนตร์เยี่ยมๆ สักเรื่อง ที่ค่อยๆ ถ่ายทอดประวัติความรักของคู่รักคู่หนึ่ง บอกเล่าเรื่องราวหวานๆ ขมๆ เศร้าๆ เหงาๆ อกร้าว ไหม้ขม การสูญเสีย การพรากจาก การหนีห่าง ฯลฯ จนกระทั่งคนคู่นั้นได้สมหวังกันในที่สุด เราชอบความรู้สึกของโอ๊ตที่ค่อยๆ พัฒนาจากความสะกิดใจเล็กๆ แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นรัก แล้วจึงเป็นรักมากขึ้น รักจนไม่มีหัวใจว่างไว้ให้ใครอีกคนที่แอบชอบแล้ว เรียกว่าในหัวในใจมีแต่พี่กุนต์คนเดียว ในแง่ของใจ...แม้ว่าโอ๊ตจะเพิ่งมารัก แต่ในแง่ของกายหรือการกระทำ เราว่าโอ๊ตแนบแน่นและขาดพี่กุนต์ไม่ได้มานานแล้ว อาจเพราะพี่กุนต์เป็น "ครั้งแรก" ของโอ๊ตในหลายๆ หัวข้อ ทั้งการได้สัมพันธ์ทางกายครั้งแรก และการเป็นแฟนคนแรก ฯลฯ มองจากกาแล็กซีแอนโดรมีดายังรู้ว่าสองคนนี้รักกัน แต่ในเมื่อตายังถูกม่านหมอกบางอย่างบดบังไว้ ก็เลยทำให้มองไม่เห็นว่าใจตัวเองที่แท้แล้วรู้สึกอย่างไร...และรู้สึกกับใคร
ประเด็นดราม่าในเรื่องนั้นเราว่าหลักๆ คือความเชื่อใจและความเชื่อมั่นของทั้งโอ๊ตและพี่กุนต์ ส่วนมือที่สามนั้นเป็นประเด็นรอง แน่นอนว่าไม่มีการนอกกายใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงเรื่องราวแวดล้อมและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโอกาสที่ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ทำให้กลายเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนเรื่องราวให้ก้าวไปในทิศทางไม่มั่นคง ทำให้พี่กุนต์เองก็ต้องเจ็บปวด โอ๊ตเองก็เจ็บปวด จริงๆ สองคนนี้ยังไม่พร้อมเหมือนกัน อีกคนไม่เคยอยู่ในสถานะของผู้รับ อีกคนก็ยังเด็ก แม้จะพยายามเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่ยังไงก็ต้องมีประสบการณ์มากจึงจะหล่อหลอมให้เติบใหญ่ได้จริงๆ นี่แหละ...เมื่อผ่านการสูญเสียคุณยาย เราก็ว่าเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้โอ๊ตต้องเปลี่ยนตัวเองครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ใช่รักพี่กุนต์เพราะเงิน แต่เพราะตอนนี้ไม่มียายแล้ว โอ๊ตต้องเป็นผู้นำ และเป็นหัวหน้าครอบครัว เพราะเมื่อในท้ายที่สุด...โอ๊ตเองก็ต้องนำครอบครัวซึ่งประกอบด้วย อ้น อุ้ม และพี่กุนต์ เป็นคุณพ่อนั่นเอง
เราเข้าใจโอ๊ตเรื่องการเอ่ยคำว่ารัก คำว่ารักสำหรับโอ๊ตมันยิ่งใหญ่ รักต้องใช้ใจรู้สึก จะเอ่ยออกมาพร่ำเพรื่อได้อย่างไร เพราะเช่นนั้นรักก็เป็นเพียงลมปาก แต่เพราะอย่างนี้คนแก่คิดมากอย่างพี่กุนต์เลยต้องเอาไปคิดมากและเจ็บปวด เราว่าบางทีโอ๊ตตัดสินใจเอ่ยคำรักผิดที่ผิดเวลามาก เลยทำให้เรื่องมันคาราคาซังและผิดแผนไปหมด ประเด็นของสนก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เรื่องเดินไปข้างหน้า กระนั้นแม้ว่าโอ๊ตจะบอกว่าคนที่ชอบคือสน แต่ก็ไม่เคยพูดว่า "รักสน" ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้มั่นคงกับคำพูดตัวเองมากเท่าใด ถึงจะชอบสน แต่ก็ไม่ได้ถึงกับรักสน (เราเข้าใจถูกไหมคะคุณข้าวปั้น แหะๆ) คำว่ารักนั้นท้ายที่สุด...ก็มีให้พี่กุนต์คนเดียว (ฮือ...แต่โอ๊ตก็ยังบอกว่ารักสนแบบเพื่อนอยู่นะ แต่ไม่เป็นไร it doesn't matter)
เราสารภาพว่าอยู่ข้างพี่กุนต์ และออกจะเอ่ยว่าหรือกล่าวโทษเด็กโอ๊ตบ้างในบางตอน หรือแม้ว่าเข้าใจแต่ก็ยังตำหนิเขาในบางครั้งต่อสิ่งที่เขากระทำ สิ่งที่กระทบใจเราที่สุดคือตอนที่พี่กุนต์ขอให้ปล่อยยายไป ไม่ให้ยายทรมาน แต่โอ๊ตไม่ฟัง แต่พอสนมาเตือนสติ กลับฟัง เราคิดว่าตรงจุดนี้เป็นจุดใหญ่ที่สำคัญมาก เพราะเหมือนเป็นจุดเบี่ยงของเรื่องเลย ทำให้พี่กุนต์เริ่มหยุดความรู้สึกตัวเอง บางทีเราก็คิดว่าทำไมโอ๊ตจึงฟังสน แต่ไม่ฟังพี่กุนต์...ซ้ำยังใช้อารมณ์กับพี่แกขนาดนั้น ฮือ...
อย่างไรก็ตาม โอ๊ตเป็นคนดีมาก และรักครอบครัวมาก เรื่องครอบครัวเป็นอีกอย่างที่คุณข้าวปั้นพยายามเขียนสื่อถึงคนอ่าน การจากลาของคนในครอบครัวนั้นเจ็บปวดเหลือเกิน เราแทบอ่านตอนที่คุณยายจากไปอย่างข้ามๆ เพราะทนรับความรู้สึกไม่ไหว แต่แม้ว่ายายจะจากไปแล้ว ครอบครัวก็ยังอยู่ และท้ายที่สุด เมื่อไร้ที่พึ่งพิงแล้ว โอ๊ตก็ยืนได้ด้วยตัวเองและสร้างครอบครัวในแบบของโอ๊ตเอง อันประกอบด้วย อ้น อุ้ม และพี่กุนต์ เฮ้อ...อ่านตั้งตอนแรกจนตอนจบ ก็ต้องถอนหายใจและบอกตัวเองว่า ช่างเป็นนิยายที่ดีอะไรอย่างนี้
เราอยากพิมพ์อะไรเยอะแยะบอกกับคุณข้าวปั้น แต่ก็พิมพ์ตรงนี้ได้ไม่หมด แต่อยากจะให้คุณข้าวปั้นรู้ว่า การจะ appreciate งานเขียนเรื่องนี้นั้น คงต้องอ่านรอบที่สอง รอบที่สาม รอบที่สี่ ฯลฯ เพราะมีอะไรในระหว่างบรรทัดให้คิดตามมากมาย และสมควรอ่านในแบบรูปเล่ม จะยิ่งฟินกว่านี้ (ไม่ใช่อะไร อ่านมากแล้วปวดตา อายุมากแล้วตาแย่ลง ในแง่นี้คือเข้าใจพี่กุนต์เลยค่ะเรื่องอายุ ฮ่าๆ) นี่คิดเลยว่าถ้าเปิดจองเมื่อไร จะรีบโอนรีบเปย์ เพราะว่าอยากจะเอากลับมาละเลียดอ่านทีละน้อย ค่อยๆ ชิมรสไปเรื่อยๆ ไม่ว่าเนื้อเรื่องช่วงนั้นจะเศร้า จะโหดร้ายกับหัวใจแค่ไหน ก็อยากจะค่อยๆ อ่านไป อยากซึมซาบความรักที่ค่อยก่อยอดขึ้นมาของโอ๊ต อยากมองความเปลี่ยนแปลงของทั้งสองไปทีละนิดละน้อย เหมือนเราได้ร่วมเป็นสักขีพยานในความรักของพวกเขา ชีวิตนี้คนเราไม่ต้องการอะไรมากหรอก แค่ได้ใครสักคนที่เข้าใจเรา รักเรา ยอมรับข้อเสียของเรา และยินดีกับข้อดีของเรา และพร้อมจะผ่านทุกข์หนาวเคล้าสุขไปด้วยกันก็พอแล้ว
ขอบคุณคุณข้าวปั้นสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ
รักมากๆ ค่ะ
