เรื่อง ตัวแสดงแทน
ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงของห้องที่ไม่คุ้นเคย เพราะมันไม่ใช่ห้องของผม ในห้องตกแต่งด้วยโทนขาว-ดำ ไม่กว้างมากนัด
ผมคิดว่าน่าจะเป็นสาวๆ คนใดคนหนึ่งในงานเมื่อคืนแต่...........
“เฮ้ยย......ใครวะ !!!!!!!!!!“ ผมตกใจพร้อมกับรีบขยับตัวหนีทันที เพราะคนที่นอนอยู่ข้างๆ ผมถ้าจำไม่ผิดคนๆ นี้เป็นนักแสดงแทนผมในฉากบู้ ของละครที่ผมพึ่งเล่นนี่น่ะ
“โอ้ยยยย...........” นี่มันอะไรกันทำไมผมถึงได้รู้สึกเจ็บบริเวณที่มันไม่ควรเจ็บแบบนี้หล่ะ อย่าบอกนะว่าเมื่อคืน........ อ้า...................ไม่น้า............
ไม่สิแต่เราก็ยังใส่เสื้อผ้าครบอยู่นี่ใช่มั้ย?
ผมพูดพร้อมกับก้มดูตัวเอง เสื้อผ้าผม...............ไม่นะ ไม่มีทาง ไม่ทีทาง ไม่มีทาง มันต้องเป็นแค่ความฝันใช่แล้วมันเป็นแค่ความฝันหรือไม่ก็เป็นภาพหลอนเพราะเราทำงานหนักเกินไป เพราะงั้นถ้าเรานอนแล้วตื่นขึ้นมาอีกทีก็จะพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องของตัวเองและ ที่นอนก็เป็นของตัวเอง
ผมยิ้มก่อนจะผมรีบโน้มตัวลงนอนอีกครั้ง แล้วก็ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาใหม่ มันต้องเป็นห้องของผม เป็นห้องของผม......ในใจภาวนาแบบนั้น แต่ทั้งสภาพห้องและทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ไม่นะ ไม่ นี่มันอะไรกันนนนนน..............
ผมรีบลุกออกจากเตียงอย่างทุลักทุเลพร้อมกับกอบเอาเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายบนพื้นขึ้นมาพร้อมกับรีบใส่แบบลวกๆ
“อึมมมม......จะไปแล้วหรออออ.....” คนที่นอนอยู่บนเตียงโนเนียตื่นพร้อมกับลุกขึ้นนั่งบนเตียงเผยให้เห็นซีแผกที่แผนออก ที่ทำให้คนที่เห็นอิจฉาเล่นๆ พร้อมกับพูดขึ้น มันยิ่งตอบย้ำให้พระเอกอย่างผมอาย
ทำไมผมต้องเป็นฝ่ายรับด้วยอย่างน้อยถ้าผมเป็นคนทำผมก็คงไม่รู้สึกพ่ายแพ้แบบนี้ ทั้งที่ผมเป็นพระเอกส่วนไอ้นี่มันเป็นแค่ตัวแสดงแทนเองนะ...... ผมไม่สนใจรีบเดินออกจากห้องทันทีอย่างทุลักทุเลเพราะรู้สึกเจ็บบริเวณสะโพกมากกกกกกกกกก............
ทั้งที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะต้องมาเป็น............อะไรแบบนี้ นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นมา ผมไม่อย่าจะเชื่อว่าตัวเองจะทำอะไรแบบนี้ลงไปแล้ว
บ้าที่สุดเมื่อวานนี้เราไม่น่ากินเลย ถ้าเราไม่เมาเรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
ผมขับรถกลับมาที่คอนโดพร้อมกับความคิดที่ตีกันวุ่นไปหมด ทำไมผมถึงจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานไม่ได้เลย ไม่สิดีแล้วที่เราจำไม่ได้เพราะถ้ามันเป็นอย่างที่เราคิดเราต้องเป็นบ้าตายแน่
ผมล้มตัวลงนอนหลังจากอาบน้ำเสร็จเพราะวันนี้ช่วงเช้าไม่มีงาน ผมกะว่าจะหลับเพื่อให้ลืมไอ้เรื่องที่เกิดขึ้น และเพื่อให้จิตใจมันเลิกฟุ้งซ่าน แต่ก็แปลกที่ผมกลับนอนไม่หลับ ไอ้อาการแฮ้งมันก็หายไปซะสนิก มีแค่สิ่งเดียวที่ยังรู้สึกก็คือ เจ็บบริเวณสะโพก
แล้วแบบนี้ผมจะกล้าไปพบหน้าคนอื่นได้ยังไง ถ้ามันเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นหละ เดี๋ยวนะผมยังไม่ได้ดูเลยมันได้ถ่ายอะไรเก็บไว้หรือเปล่า.....!!!!!!
แล้วผมจะทำยังไง ไม่นะเดี๋ยวต้องมีข่าวอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นแน่ นี่ชีวิตการทำงานเป็นนักแสดงของผมมมมมม.......
มันต้องแย่แน่ๆ ไม่น้า.....ชีวิตการเป็นนักแสดงของผมต้องจบภายในคืนเดียวอย่างนั้นหรอ..........TT
RRRRRRRRRRRRR
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู “แจ้......!!!!!!!! “ ไม่นะ..............ถ้าผมไม่รับสายจะเป็นอะไรมั้ย ? ผมพยยามทำใจก่อนจะรับสาย พร้อมกับกรอบเสียงลงไป
“คะ...ครับ.....” ผมพูดตอนนี้รู้สึกแย่สุดๆ นี่อย่าบอกนะว่าเรื่องนั้นรู้กันหมดแล้ว
“ตอนนี้อยู่ไหน.....” เสียงแจ้ดังขึ้นทำให้ผมรู้สึกใจหายวับยังไงไม่รู้ขอร้องล่ะอย่าพูดเรื่องนั้นนะ ขออย่าเป็นเรื่องนั้นนะ จะอะไรก็ได้ขอแค่ไม่พูดเรื่องนั้นก็พอ
“ชั้นถามว่าอยู่ไหน “ ท่าทางแจ้ดูหงุดหงิด ยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ TT
“เฮ่อ.....ช่างเถอะเอาเป็นว่าอย่าสายแล้วกัน วันนี้มีนัดเซ็นสัญญานะ หนังเรื่องใหม่ถ้าสายแม้แต่วินาทีเดี๋ยวหล่ะก็นายตายแน่ “ แจ้เค้าพูดก่อนจะวางสายไป
ผมรู้สึกโล่งอกสุดๆ แสดงว่าหมอนั่นไม่ได้เอาเรื่องนั่นไปบอกใครสินะ เฮ่น.......รู้สึกหิวนิดๆ อาจเป็นเพราะพอรู้ว่าไม่มีอะไรแล้วก็เลยหิวขึ้นมา
ผมลุกไปแต่งตัว ก่อนจะขับรถออกไปจากห้องเพื่อไปหาอะไรกินแล้วก็ไปเดินเล่นเพื่อคลายเครียด
เฮ้ยยย......ไอ้หมอนั่นทั้งที่เมื่อคืนมันทำอะไรแบบนั้นกับผมลงไปแต่ตอนนี้มันกลับมาเดินเอ้อระเหยลอยชัยกับคุณปลายน้ำ นางเอกละครเรื่องใหม่ที่จะแสดงคู่กับผมซะอย่างนั้น
ผมแอบเดินตามพวกมันไปก่อนที่จะเห็นพวกมันเข้าไปในคอนโดของปลายน้ำ....... ไอ้หมอนี่มันใครกันวะ ถึงได้เดินควนนางเอกอย่าปลายน้ำได้ รู้สึกหงุดหงิดยังไงไม่รู้
RRRRRRRRRRRRRRR
“แจ้......!!!!!!!!!! “ ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมกับพึมพำเบาๆ
“ครับแจ้........” ผมกรอบเสียงลงไปในโทรศัพท์ก่อนจะมีเสียงเพาะๆ จากแจ้ว่า”ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้วครับบบบบบน้องเฟรม.....” เล่นเอาคนฟังสยองเลย
ผมรีบมองดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง “ว้าาาา......นี่มันจะบ่ายโมงแล้วนี่น่ะ “ ผมพึมพ่ำเบาๆ ก่อนจะรีบขับรถไปหาแจ้กับคุณสมยก เจ้าของ project ที่ผมจะร่วมงานด้วย
หลังจากที่คุยกันนิดหน่อยพร้อมกับเซ็นสัญญาเสร็จแล้วแจ้ก็มาส่งผมที่คอนโดเพราะบอกว่าอย่าคุยเรื่องงานของผมต่อ และแน่นอนว่ามันไม่ใช่แค่นั้น ผมโดนสวดซะยับเรื่องที่ไปสายแค่ 3 นาที คุณฟังไม่ผิดหรอกผมไปสายแค่สามนาที มันแค่สามนาทีจริงๆ นะ แต่ก็โดนสวดซะลืมทางกลับบ้านเลยอะ
กว่าที่แจ้แกจะยอมหยุดผมนี่หูชาเลย นี่ผมเป็นถึงพระเอกอันดับ 1 นะ แต่ทำไมต้องมาทนฟังแจ้แกสวดแบบนี้ก็ไม่รู้ ผมละงงกับตัวเองจริงๆ
.................................................
และแล้วอาทิตย์หนึ่งก็ผ่านไปไวอย่างกับโกหก ผมแทบไม่ได้กระดิกตัวไปไหนเลย หมายถึงไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย อาทิตย์ที่ผมได้พักก็หมดไป ถึงจะบอกว่าได้พักก็เถอะ แต่จริงๆ ก็ไปทำงานเกือบทุกวันนั่นแหล่ะ เดินแบบบ้าง ออกรายการโชบ้าง ทำไมดาราอย่างผมถึงได้ไม่มีวันหยุดกับเค้าบ้างเลยนะ
เฮ้ยยยย........!!!!!!!!!!!!!
ไอ้หมอนั่นอย่าบอกนะว่ามันก็เล่นเรื่องนี้ด้วยอะ แถมมันยังมากับคุณปลายน้ำอีก พวกเค้าสนิกกันขนาดนี้เลยหรอวะ........
“เป็นอะไร เฟรม “แจ้พูดขึ้นพร้อมกับแตะไหล่ผมเบาๆ ทำให้ผมสะดุ้งรีบหันไปมองแจ้ทันที
“ปะ...เปล่าไม่มีอะไร.....!!!!!!!!!!”ผมพูดขึ้น
“อย่าทำพลาดหล่ะ “ แจ้พูดขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวพร้อมกับลากผมเข้าไปด้วย วันนี้มีฉากที่ต้องให้คนอื่นมาแสดงแทนด้วยหรอครับผมพูดขึ้น ขณะที่กำลังแต่หน้าอยู่
ช่างที่แต่หน้าให้ผมทำท่างง พวกเค้าคงไม่รู้สินะ ผมเองทั้งที่มีบทอยู่ในมือยังไม่รู้เลยว่าจะมีบกให้คนอื่นมาแสดงแทน และไอ้หมอนั่นมันมาทำไมวะ
“ระวัง.......!!!!! ”
สิ้นเสียงตะโกนก็มีใครบางคนดึงผมอย่างแรงจนผมเซเข้าไปชนกับแผนอกกว้างๆ ของเค้า
“อะไร...!!!!!!!! “ ผมรีบดันตัวออกมาทันที ก่อนจะไปสบกับหน้าดุๆ ของหมอนั่น.......
เฮ้ยยยยยยยย.....ทำอะไรวะ “ ผมรีบถอยห่างจากหมอนั่นทันที เพราะรู้สึกแปลกๆ หัวใจมันเต้นแรงสุดๆ จนเหมือนมันจะออกมาข้างนอก
“เป็นอะไรหรือเปล่าเฟรม....!!!!!! “ แจ้กับพวกพี่คนอื่นๆ รีบวิ่งเข้ามาหาผมท่าทางตกใจ ก่อนจะจับตัวผมพลิบไปมา
“อย่าเล่นอะไรแบบนี้สิน้ำมันอันตรายนะ “ หมอนั่นหันไปดุน้องปลายน้ำก่อนที่เธอจะเดินมาหาผมท่าทางตกใจจนตัวสั่นพร้อมกับขอโทษ
“ขอโทษด้วยนะค่ะพี่เฟรม พี่ไม่บาดเจ็บตรงไหนนะค่ะ น้ำขอโทษน้ำไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ ขอโทษค่ะ.......“ น้องน้ำเธอจะร้องให้อยู่แล้ว
“ถึงจะขอโทษก็เถอะ จะว่ายังไงดีหล่ะ ผมงงนะ เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ “ ผมพูดขึ้นเพราะไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วอีกกอย่างคนที่ควรจะขอโทษนะหมอนี่ต่างหากเพราะเค้าดึงผมซะแรงจนผมเกือบล้มแน่
พวกนั้นหันมามองผมแบบงงๆ “นี่ไม่รู้หรอว่าตัวเองเกือบโดนธนูเสียบแล้วนะ “ แจ้พูดขึ้น
“ห๊ะใคร ผมหรอ.....????? “ ผมพูดขึ้นรู้สึกงงหน่อยๆ ธนูที่ไหนหรอผมไม่เห็นจะรู้เลย ก่อนที่แจ้กับคนอื่นๆ จะทำท่าอึ้งๆ พร้อมกับมองผมแปลกๆ แจ้แตะหน้าผากผมเบาๆ
"แจ้เป็นอะไร....." ผมพูดพร้อมกับปัดมือของแจ้ออก
"ปล่อยมันเอาไว้แบบนี้แหล่ะ " แจ้พูดขึ้นก่อนที่จะเดินจากไป คนอื่นๆ ก็ด้วยนี่มันอะไรกันนะ ผมหันไปหาพี่พิสเพื่อจะเอาคำตอบ แล้วพี่เค้าก็ชี้ไปที่เสาข้างๆ ผมมันมีธนูเสียบอยู่
นี่อย่าบอกนะว่า.......ผมมองธนูดอกนั่นพร้อมกับหันไปมองพี่พิส พี่แกก็พยับหน้าให้ผม นี่ผมเกือบต้องนอนโรงพยาบาลถ้ามันไม่ช่วยผมเอาไว้อย่างนั้นหรอ ผมหันไปมองมันกะจะพูดขอบคุณ แต่............
“อย่าเอามาเล่นแถวนี้สิมันอันตรายถ้าโดนคนอื่นขึ้นมามันจะยุงเอานะ “ ไอ้หมอนั่นพูดพร้อมกับหันไปหาน้องปลายน้ำท่าทางดุๆ น้องน้ำเองก็ยิ้มแฮ่ๆ ให้มันไป
นี่มันอะไรกันน่ะรู้สึกหงุดหงิด ทำไมพวกมันต้องมาจีบกันต่อหน้าผมด้วย ไม่ชอบเลยจะว่ายังไงดีหล่ะ แบบจู่ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดน้องปลายน้ำขึ้นมาซะอย่างนั้น
หลังจากที่เข้าฉากผมถึงได้รู้ว่าไอ้หมอนี่มันเล่นเป็นพวกโจนใส่หน้ากาดที่เข้ามาทำร้ายน้องปลายน้ำ แล้วผมเองก็เป็นพระเอกก็ต้องไปช่วยเธอนั่นเอง จากพวกมันนั่นเอง เอาจริงๆ เลยนะรู้สึกหมั่นใส้ไอ้หมอนี่ยังไงไม่รู้ถ้าผมแอบต่อยมันจริงๆ ในฉากแล้วบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะมีใครว่าอะไรผมมั้ยอะ
ฮ้าฮ้า.....รู้สึกอารมณ์ดียังไงไม่รู้ เพราะผมต่อยหมอนั่นไปแล้วในฉากและก็ไม่มีใครว่าอะไร เพราะคิดว่าเป็นการแสดง ที่จริงก็อย่าทำแบบนี้มาโดยตลอดรู้สึกดีสุดๆ ^^ ถึงสุดท้ายต้องเดินไปขอโทษมันแบบไม่จริงใจก็เถอะ 555++++
หลังจากที่สบายใจก็ถึงเวลาต้องกินข้าวเที่ยงแล้วสิ วันนี้ก็ออกไปกินข้าวข้างนอกกับแจ้ตามเดิม แต่แค่อารมณ์ดีนิดหน่อยเฉยๆ ^^
หลังจากทานข้าวเสร็จผมกับแจ้ก็กลับมาที่กอง เห็นน้องปลายน้ำกำลังนั่งทายาที่หน้าให้หมอนั่น อะไรกันกับอีกแค่ทายาทำเองก็ได้ไม่เห็นต้องให้น้องปลายน้ำทำให้เลยนี่น่ะ
“ขอโทษจริงๆ นะที่ทำให้นายต้องเจ็บตัว “ ผมตีหน้าเศร้าพูดออกมาอีกครั้ง เพื่อขับบทรักของมันสองคน จะว่าไงดีหล่ะ รู้สึกหงุดหงิดสุดๆ ไม่สบอารมณ์เลย ทำไมพวกมันต้องมาเล่นบทรักหวานแหววจนเลี่ยนแบบนี้ด้วยวะ นี่กลัวที่กองจะไม่มีมดหรือไง
แล้วอีกอย่าผมแค่ต่อยมันไปแค่มัดเดียวถึงจะไม่ได้อมแรงก็เถอะ แต่นี่มันยังไม่เจ็บเท่ากับที่มันทำเอาไว้กับผมด้วยซ้ำ ทำเป็นสำออยอยู่ได้น่ารำคาญจริง...........
.........................
หงุดหงิดนี่มันก็อาทิตย์หนึ่งแล้วนะทำไมพวกมันยังมาเล่นบทรักแบบนี้อีกวะ ตกลงใครกันแน่ที่เป็นนักแสดงชักจะหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆ แล้วนะ เดี๋ยวก็เสริ์ฟน้ำเดียวก็เช็ดหน้าให้ แถมคนอื่นๆ ยังไม่เห็นว่าอะไรด้วย ผู้จักการของยัยปลายน้ำนั่นก็อีกคน ทำไมถึงไม่ว่าอะไรเลยหล่ะวะ
“นี่คุณไม่พอใจอะไรผมหรือเปล่าครับ “ หมอนั่นพูดขึ้นหลังจากที่ตามผมเข้ามาในห้องน้ำ
“เปล่านี่ “ ผมพูด ก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องน้ำ แต่ผมโดนดึงแขนเอาไว้ก่อนจะโดยผลักจนเซไปติดกำแพงห้องน้ำ
“นี่นาย.....!!!??? “ ผมพูดขึ้น
“ตอนนี้ไม่มีใครเข้ามาหรอเพราะ ผมเอาป้ายทำความสะอาดแขวนเอาไว้ “มันพูดพร้อมกับจ้องผมนิ่งๆ แปลกทำไมถึงรู้สึกประมาทแบบนี้วะแถมหัวใจก็ยังเต้นแรงอีกไม่กล้าสบตาเลย
“ก็บอกว่าไม่มีอะไรไง “ผมพูดขึ้นตอนนี้รู้สึกหน่วงๆ ในอก แถมเสียงตัวเองก็กำลังสั่นอยู่ นี่เราเป็นอะไรไป ไม่ชอบเลยแบบนี้นะ
“แล้วทำไมต้องทำหน้าเหมือนมีอะไรจะพูดกับผมแบบนั้นด้วยหล่ะ แถมยังทำตัวแบบนี้อีกรู้มั้ยน้ำเค้าลำบากนะที่ต้องเล่นไป รับอารมณ์ของนายไปด้วยแบบนี้นะ “ มันพูดพร้อมกับจ้องผมนิ่งๆ
“อะไรกันเล่าถ้าเป็นห่วงกันมากขนาดนั้น ก็บอกให้เลิกเล่นเลยสิ หรือจะบอกให้ชั้นเลิกเล่นดีหล่ะ ชั้นไม่ได้อยากเล่นสักหน่อย แล้วอีกอย่างผู้หญิงคนนั้นยังไม่เห็นว่าอะไรเลยแล้วนายจะมาเดือดร้อนทำไมหละ ถ้าชั้นเล่นได้ไม่ดีเดี๋ยวก็โดนไล่ออกเองนั่นหล่ะ “ ผมพูดขึ้นตอนนี้รู้สึกแย่สุดๆ ก็รู้อยู่หรอกว่าตัวเองไม่มีสมาธิ และเล่นได้ไม่ค่อยดีในหลายวันมานี้ แต่ไม่เห็นต้องว่ากันแบบนี้เลยนี่
“นี่เป็นอะไรไป อย่าร้องไห้สิ.....“ จู่ๆ มันก็พูดพร้อมกับดึงผมไปกอดเอาไว้ อะไรกันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั่นสักหน่อย แต่ทำไมถึงมีนำ้ตาที่หน้าด้วยหล่ะ
“ขอโทษที่พูดอะไรแบบนั่นอย่าร้องนะ ผมก็แค่รู้สึกว่าคุณเล่นได้ไม่ค่อยดี ผมเป็นห่วงคุณนะ “ หมอนี่พูดขึ้นพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะผลักผมออกอย่างเบามือ ก่อนที่ผมจะไปสบกับในตาดุๆ ของหมอนี่ รู้สึกเหมือนตัวเองโดนมนสะกดเลยอะ
“ชั้นชอบนาย......”
!!!!!!!!!!!!!!!
“ไม่ช่นะ ไม่ใช่ นี่มันก็แค่บทละครเฉยๆ ก็แค่อย่าลองพูดอะไรแบบนี้ก่อนจะไปแสดงจริงๆ น่ะ “ ผมรีบหลบตาหมอนี่ทันที จู่ๆ ผมก็พูดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งตัว นี่มันอะไรกันนะ ทำไมผมถึงพูดอะไรแปลกๆ แบบนี้ออกไปได้หล่ะ เหมือนโดนมนสะกดเลยอะ
หมอนี่ต้องคิดว่าผมเป็นพวกแปลกๆ แน่
“นั่นนะไม่ใช่บทละครใช่มั้ย และตอนนี้คุณก็ไม่ได้เมาด้วยผมเข้าใจถูกหรือเปล่า “ หมอนี่พูดขึ้น
“เปล่านะ นี่เป็นบทละครจริงๆ ชั้นต้องรีบไปแล้วเดี๋ยวแจ้จะตามหา “ ผมพูดโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าของหมอนี่ เพราะรู้สึกไม่ดีสุดๆ หมอนี่ต้องคิดว่าผมน่าขยะแขยงแน่ๆ
ผมรีบหลบมันก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำโดยไม่ได้มองมันเลย และมันก็ไม่ได้ขวางหรือไม่ให้ผมไปด้วย
“ผมก็เริ่มชอบคุณเหมือนกัน แต่นี่ไม่ใช่บทละครนะเพราะผมไม่เคยมีบทพูด และคำนี้ผมก็แค่อย่าพูดให้คุณฟังเพียงคนเดียว..... “ หมอนั่นพูดขึ้น ก่อนที่ผมจะหันไปมองมัน มันยิ้มส่งมาให้ผม
“ไปสิครับเดี๋ยวคนอื่นจะตามหาเอานะ ถ้าพระเอกหายไปนานๆ ^^“ หมอนั่นพูดพร้อมกับยิ้ม เศร้าๆ มาให้ผม
“นายคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้มาสั่งชั้น ชั้นจะไปหรือไม่ไปมันก็เรื่องของชั้น ไม่เกี่ยวกับนายสักหน่อย “ผมพูดก่อนจะเดินออกมาข้างนอก หัวใจยังไม่หยุดเต้นแรงเลยอะ แถมรู้สึกแปลกๆ ด้วย
ผมออกมาเข้าฉากตามเดิมหมอนั่นเองก็เข้าฉากบ้างเป็นบางตอน แต่รู้สึกจะตัวติดกับปลายน้ำมากไปแล้วนะทั้งที่พึ่งบอกชอบผมไปหยกๆ มันทำให้ผมหงุดหงิด
...............................
หลังจากเลิกกองมันก็ขับรถไปส่งปลายน้ำเหมือนเดิม ไอ้หมอนั่นมันกล้าพูดออกมาได้ยังไงว่ามันชอบผม ขณะที่มันก็ไปรับไปส่งปลายน้ำแถมยังขึ้นไปบนคอนโดของปลายน้ำซะตั้งนานแบบนี้อีก นี่มันคิดว่าผมเป็นใครกัน หงุดหงิดโว้ยยยย............
“สโตกเกอร์หรอครับ....” จู่ๆ มันก็เปิดประตูรถของผมพร้อมกับเข้ามานั่งข้างคนขับ
“เฮ้ยยยย......นายยยย.....!!!!! “ ผมพูดขึ้น นี่มันมาตั้งแต่เมื่อไร ผมไม่เห็นจะรู้เลย ผมรีบปรับสีหน้าก่อนจะกระแอมไอแล้วพูดขึ้น
“อะเฮ่ม......พระเอกหล่อๆ อย่าผมไม่จำเป็นต้องไปเป็นสโตกเกอร์หรอ “ ผมพูดขึ้น รู้สึกว่าหัวใจตอนนี้เต้นแรงสุดๆ แถมยังรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนมากๆ ด้วย
“อันที่จริงนี่ก็ไม่ใช่บทละครหรอครับก็อย่างที่บอกผมไม่มีบทพูดนี่ แต่ผมหึงนะ ผมไม่ชอบให้คนที่มาสารภาพรักกับผมไปมองคนอื่น ถึงจะเป็นแค่บทก็เถอะ ^^“ มันพูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม
นี่ไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองพูดไปมันน้ำเน่าเลยหรอวะ แต่ก็แปลกคนที่ฟังเรื่องน้ำเน่าๆ แบบนั้นแล้วใจเต้นแถมไม่ได้รังเกียจมันก็แปลกเหมือนกันนั่นแหล่ะ
“ไปห้องผมมั้ยเดี๋ยวผมทำอะไรให้กิน ตอนนี้ผมหิวแล้วคุณเองก็ด้วยใช่มั้ย ^^“ หมอนั่นพูดขึ้น
“ก็ได้.......” ผมตอบเสียงเบาก่อนจะขับรถไปที่คอนโดของมัน ก่อนที่มันจะทำสปาเก็ดตี้เป็นมื้อเย็นให้พวกเรากินกัน จะว่ายังไงดีหล่ะฝีมือการทำอาหารของหมอนี่ก็อร่อยใช้ได้เหมือนกันนะ
“นายไปทำอะไรที่ห้องของปลายน้ำ “ จู่ๆ ผมก็พูดขึ้น ก่อนที่มันจะหันมามองหน้าผมนิ่งๆ เผลออีกแล้วหรอเรา ผมรีบหลบตามัน
“จะว่ายังไงดีหล่ะ ก็แค่..........
“ถึงมันจะเป็นแค่บท แต่ผมก็อย่าตอบครับ........” ผมพูดยังไม่ทันจบมันก็พูดขึ้นแทรก
“แต่ผมไม่ได้พูดตามบทนะครับ ผมดีใจที่คุณก็สนใจผม “ มันพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าจริงจัง
“น้ำเป็นหลานสาวของผมครับ แล้วผมก็แค่ไปช่วยติวให้เฉยๆ เพราะช่วงนี้ใกล้จะสอบแล้วและเธอก็ไม่ค่อยมีเวลาเข้าเรียนด้วย ผมเป็นห่วง......... “ หมอนั่นพูดขึ้นก่อนจะยิ้มให้ผม
ดีใจครับ แล้วก็รู้สึกโล่งอกยังไงไม่รู้ มันแบบ......จะว่ายังไงดีอะมีความสุขสุดๆ เลย
หลังจากที่กินข้าวเสร็จผมก็ไปช่วยมันล้างจาน ก็แบบกินข้าวบ้านเค้ายังปล่อยให้เค้าทำเองหมดทุกอย่างมันก็อะน่ะ........
“ค้างด้วยได้มั้ย........” ผมพูดขึ้น อันนี้ไม่ได้เผลอนะ ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่หมือนมันจะทำสีหน้าตกใจนิดหน่อย คงไม่ค่อยเหมาะสินะ
“หึหึ....ชั้นก็แค่พูดเล่นนะ เดี๋ยวจะกลับแล้วฝันดีนะ^^ “ ผมพูดพร้อมกับเดินหันหนี เพราะรู้สึกแย่นิดหน่อย ก่อนที่มันจะกอดผมเอาไว้แน่น
“ได้สิครับ ผมก็อย่าให้คุณอยู่ที่นี่ ตลอดไปเลยด้วยซ้ำ “ หมอนี่พูดขึ้นพร้อมกับกอดผมเอาไว้แน่น นี่ตกลงเราเป็นแฟนกันแล้วใช่มั้ย
อย่าคิดว่ามันจะทำอะไรแบบนั้นกับผม แบบที่ว่าตกลงปุมแล้วก็มี...........แบบนั้นหรอนะครับ มันบอกไม่อย่าให้ร่างกายของผมเหนื่อยจนเกินไป เพราะพรุ่งนี้ต้องไปที่กองถ่ายแต่เช้า แต่ถ้าผมไม่ไปอาจจะ..........มันยิ้มแบบเจ้าเล่ห์
ผมเลยถือโอกาสถามเรื่องคืนนั้นซะเลย ก็ผมจำอะไรไม่ได้นี่น่ะ
“หึหึ....คุณอย่ารู้จริงๆ หรอครับผมว่าไม่รู้จะดีกว่านะ “ มันพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา หมายความว่ายังไงคือนนั้นผมทำอะไรลงไปอย่างนั่นหรอ ผมรบเล้าจนสุดท้ายมันก็ยอมเล่า
แต่ผมรู้สึกว่าไม่น่าอย่ารู้เลยอะ
มันบอกหลังจากที่เราไปฉลองปิดกล้องและผมโดนพวกพี่ๆ ในกองชนสุดท้ายแล้วผมก็เมา และผมก็ดันไปสะดุดล้มโดยที่ก้มจ่ำเบ้ากับพื้น และก็โคตรโชคร้ายที่ไปนั่งโดยขวดเหล้าที่มันตั้งขึ้น แบบพอดีกับตรงนั้นอะไรแบบเนี่ย แถมตรงหน้ามันอีก
หลังจากที่มันช่วยพยุงผมลุงขึ้น ผมก็ไปกอดเอวมันไว้แน่นพร้อมกับร้องให้ออกมาแถมบกว่าเจ็บจนทุกคนในงานต่างก็หัวเราะ กับท่าทางแบบนั้นของผม ตอนแรกก็ไม่มีใครว่าอะไร
แต่พองานเลิกแล้วแต่ผมยังไม่ยอมปล่อยมือจากเอวของหมอนี่ ทุกคนเลยพยายามจะแกะผมออกแต่ผมก็ไม่ยอมเอาแต่ร้อง จนสุดท้ายทุกคนก็เลยลงความเห็นว่าให้ผมมากับหมอนี่
และเพราะหลังจากที่ผมมาถึงห้องของหมอนี่ผมก็อ้วกใส่มัน มันเลยพาผมไปอาบน้ำก่อนจะพามานอน ตอนแรกมันบอกพยายามจะเอาเสื้อผ้าใส่ให้ผมแต่ผมไม่ยอม
แถมยังวิ่งไปมาพร้อมกับทึกทักว่าตัวเองเป็นเทพบ้าง เป็นยอดมนุษย์บ้าง ก่อนจะบอกว่าตัวเองเป็นกินารีพร้อมกับทำมือกระพือไปมาบอกว่าจะบินอีกแล้วสุดท้ายก็เดินมาจูบท้องมันพร้อมกับเรียกมันว่าสามีอีก
“จะว่าไงดีหล่ะ นายนี่น่ารักดีนะ แต่ถ้าเป็นไปได้อย่าเมาจะดีที่สุด.....^^ “ สุดท้ายมันก็หัวเราะออกมา ทำเอาคนที่ฟังอยู่อายจนไม่รู้จะอายยังไง นี่มันตัวผมจริงๆ หรอ
นี่มันอะไรกันนี่ผมเข้าใจผิดไปอย่างนั้นหรอแถมยังไปทำอะไรน่าอายๆ แบบนั้นอีก...........!!!!!!!!!!!!!!!!!
...........................................................................จบ.......................................................................