บทที่ 28 เลี้ยงวันเกิด ย้อนหลังเสียงดนตรีสดดังคลอเคล้ากับบรรยากาศชิลๆ ในร้านเหล้าเจ้าประจำ เรียกว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ได้มาร้านนี้ ส่วนร้านที่เคยมีเรื่องไปนั้น ถึงจะดีแค่ไหน แต่ถ้ามีเจ้าถิ่นหวงที่ทางขนาดนั้น คงไม่อยากเสี่ยงไปรอบสองหรอก
มาร้านนี้ดีกว่าเยอะ แม้จะต้องเจอพวกหน้าเดิมๆก็ตาม
การมาเยือนร้านครั้งนี้ ก็เนื่องในวันเกิด(ที่ผ่านมาแล้ว)ของต่าย เพราะทั้งเพื่อนเก่าเพื่อนใหม่ ต่างว๊อนแอลกอฮอล์กัน คนที่เมาง่ายแต่ก็ชอบกินอย่างต่าย
มีหรือจะพลาด...
แถมได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า รอบนี้เจ้าของร้านเลี้ยงซะด้วย
ต้องไปขอบคุณพี่อั๋น รุ่นพี่พ่อพระคนนี้ซักสิบที เหล่าผู้ร่วมสังสรรค์ ก็มี อ้อน แชม แกน เอก ต่าย และไทกริส ส่วนกานต์ตอนแรกจะมา แต่ก็กลับลำไม่มาซะงั้น
ต่ายค่อยยิ้มหน้าบานหน่อย เมื่อได้ของขวัญที่เป็นของขวัญจริงๆ จากเพื่อน ส่วนข้างในจะเป็นอะไรนั่น คงต้องไปลุ้นกันอีกที
“น้องไทกริสไม่กินเหรอ” อ้อนถามขึ้นอย่างสงสัย หลังจากที่นั่งกินมาได้ซักพัก เด็กหนุ่มสุดหล่อที่หล่อนได้แอบหลงนั่น เอาแต่นั่งมองคนนู่นคนนี้กิน บ้างก็ชงให้เพื่อนของหล่อนบ้าง ไม่ก็นั่งเคี้ยวกับแกล้ม แต่ไม่ได้แตะแก้วเหล้าอย่างใครๆ
เจ้าของชื่อมองไปยังคนถาม ก่อนจะปรายตามองคนข้างๆอย่างต่าย
“อย่าๆ อย่าให้กินเด็ดขาด ได้ป่วยเข้าโรง’บาลอีก” ต่างร้องห้าม
“หา แพ้เหล้าเหรอ แต่แบบนี้ก็เสียดายแย่ แล้วกินเบียร์ได้ไหม?” หญิงสาวเพียงคนเดียวในวง ถามอย่างใคร่รู้
“ถ้าเบียร์ก็พอหยวนๆ แต่ห้ามกินมากนะ” ต่ายตอบแทน
“ไอ้ต่าย กูก็พอรู้นะว่านี่น้องมึง แต่มึงไม่ต้องตอบแทนไปซะทุกเรื่องได้ไหมเนี่ย” อ้อนเริ่มโวยวาย รู้สึกตะหงิดๆกับท่าทางของทั้งสอง แต่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร
“เอ้า ก็กูเป็น---- คนดูแลนี่หว่า” เกือบจะหลุดคำว่าแฟนไป แต่เพราะเสียงรอบข้าง เลยทำให้หญิงสาวไม่ได้สนใจซะเท่าไหร่
“งั้นกินเบียร์เนอะ” ว่าแล้ว อ้อนก็เรียกพนักงาน แล้วสั่งเบียร์มาให้แทน
“นี่ถามจริงนาาา สองคนนี้มันมากกว่าพี่น้องงงม๊ายย” สาวหมวยที่เริ่มเมาถามขึ้น คนที่กำลังดื่มดำกับน้ำเมาอย่างต่าย ถึงกับสำลัก
“แค่กๆ-- มึงพูดอะไรเนี่ย” ต่ายเผลอขึ้นเสียสูง แก้มแดงแปร๊ด เป็นโอกาสให้อ้อนได้จี้
“กูมองออกนาา แต่กูไม่พูดดด กูไม่บอกหรอกว่ากูมองออกกก ฮ้ะๆ” คนอื่นๆได้แต่กุมขมับ
ไม่ได้บอกเลย เมื่อกี้ไม่ได้พูดเลย …
ไม่นานอ้อนก็ฟุบไป ท่ามกลางความงุนงงของคนรอบโต๊ะ แต่หากยังไม่ทันได้ทำอะไร คนที่เพิ่งฟุบหลับก็กระเด้งหัวขึ้นมา
จากงุนงงกกลายเป็นตกใจซะแทน
“บอกความจริงมาเลยนะ” ตาเรียวเล็กจ้องเขม็งราวกับกำลังสอบสวนผู้ต้องหา
ต่ายมองคนอื่นๆอย่างขอความช่วยเหลือ ในขณะนั้นอ้อนก็ยังคงรุกเร้าไม่เลิก ร่างเล็กแทบจะคร่อมเขาอยู่ร่อมร่อ
“พวกมึงงง อ่ะะะ!” ครั้นจะร้องเรียกคนอื่นที่ไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย ร่างทั้งร่างก็ถูกรวบไปด้วยแรงของใครซักคน
แต่กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคย ทำให้รู้ว่าเป็นใครโดยไม่ต้องเงยหน้ามอง หนำซ้ำยังเผลอซุกอกแน่นๆภายใต้เสื้อนักศึกษาขาวผ่องนั่นอีก
กว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไร ก็ได้ยินเสียงกรี๊ดร้องจากเพื่อนตัวดี
“อ๊ายยยยยย กูก็อยากอยู่ในอ้อมกอดนั้นบ้างงงง ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็โถมตัวใส่ แต่ดีที่ผองเพื่อนรีบจับตัวหญิงสาวไว้ได้ทันท่วงที
“กูว่าพาไอ้อ้อนกลับเถอะ” แชมเสนอ พลางมองเพื่อนสาวที่กำลังดิ้นอย่างแรง
“ปล่อยยยยยยยย ทายกรีสสสสสสส” เจ้าของชื่อกระพริบตาปริบๆอย่างทำอะไรไม่ถูก
จะว่าน่าสงสารก็ไม่เชิง คงจะไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้สินะ
“เออ ว่าแต่ ตอนมา มันกับพวกเราไม่ใช่เหรอ” ต่ายบอก พอเลิกเรียนเสร็จ พวกเขาก็เจออ้อนยืนดักรออยู่หน้าคณะแล้ว
“เออว่ะ มันยังอยู่บ้านไหมวะ”
“เฮ้ออ เดี๋ยวกูจัดการเอง มึงกินไปเถอะ งั้นกูไปก่อนนะ บาย” บอกลาผองเพื่อนที่โบกมือให้
สุดท้ายพวกเขาก็ต้องลากเพื่อนสาวตัวแสบที่เมามายไม่รู้เรื่องออกจากร้าน
ครั้นจะไปส่งบ้าน ....
“เลี้ยวไหนหว่า ทางนี้มั้ง” สารถีสุดหล่อได้แต่ขับตามอย่างไม่มีปากเสียงใดๆ แม้เขาจะวนอยู่ซอยเดิมๆมาเกือบสิบรอบได้
“ทำไมมันไม่มีบ้านสีฟ้าๆเลยวะ” ต่ายบ่นอย่างหัวเสีย
เรื่องของเรื่องคือ เขาจำทางไปบ้านของอ้อนไม่ได้ มันคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นทางนี้เกือบทุกทาง
เขาเบื่อซอยที่กรุงเทพก็เพราะอย่างนี้ ...
พอโทรไปถามแชม ก็ไม่ยอมรับสายซะงั้น
ก็เหลืออยู่ทางเดียว
“กลับคอนโดเถอะ” ไทกริสหันขวับทันที
“เอาน่า หลับไม่รู้เรื่องแบบนี้ คงไม่เป็นไรหรอก” พอคนอายุมากกว่าบอกอย่างนั้น เขาก็เชื่ออย่างไร้ข้อกังขา
สุดท้ายก็ตรงเลี้ยวรถกลับ แล้วตรงไปทางคอนโดทันที
พอไปถึงห้อง ต่ายแทบจะเหวี่ยงร่างของเพื่อนอย่างไม่ใยดี แต่เพราะยังมีความปราณีเหลืออยู่บ้าง
พอแหมะไว้ที่เตียงเสร็จ จัดท่าทางให้ดีๆ แล้วก็ออกจากห้องทันที
แม้จะมึนๆเบลอๆ แต่ก็ยังนับว่าดี ที่ไม่ถึงกับเมามายไม่ได้สติแบบอ้อน
เจ้าเด็กโค่งพออาบน้ำเสร็จ ก็มานั่งจ๋องอยู่บนเตียง มองทุกกระทำของต่าย จนคนถูกมองชักเสียวสันหลังวาบ
“ง่วงก็นอนไปก่อนสิ” เพราะมัวแต่ง่วงกับการเก็บของขวัญที่ได้มาเข้าตู้
“ไม่ จะรอกระต่าย”เด็กโค่งบอก
“โอเคๆๆ อย่าหลับไปก่อนแล้วกัน” คนเคยทำผิด?! ยิ้มมุมปากให้ ก่อนจะนั่งรออย่างสงบเสงี่ยม
จวบจนกระทั่งต่ายอาบน้ำเสร็จ พอมาเจอเจ้าเด็กโค่งที่นั่งรอตาปรือ ก็อดสงสารไม่ได้
ร่างสูงที่แม้จะง่วงงุนแค่ไหนแต่ก็อดทนรอ พอหมอนข้างมีชีวิต?!มาก็รีบเข้ามากอดหมับ ส่งกู้ดไนท์ คิสอย่างที่ทำประจำ แล้วก็หลับไปในทันที
จนต่ายอดทึ่งไม่ได้
นิ้วมือลูบไปตามโครงหน้าหล่อเหลาของอีกคนอย่างแผ่วเบา ยิ้มน้อยๆให้ตัวเอง
ไม่คิดว่าจะมากลายเป็นอีหรอบนี้
ในหัวก็คิดคำพูดดีๆ เอาไว้บอกกับผู้ใหญ่ พอคิดไปคิดมา ความง่วงงุนก็โถมเข้ามา
ร่างเล็กลืมตาขึ้นอย่างเบลอๆ จนปรับโฟกัสได้แล้วก็พบว่า ห้องที่เธออยู่ตอนนี้ ไม่ใช่ห้องเดิมที่เคยนอน
เธอรีบลุกขึ้นพรวด สำรวจตัวเอง ก่อนจะโล่งใจเมือ่เสื้อผ้าและทุกอย่างยังอยู่ครบ
พอมองไปจรอบห้อง ห้องขนาดกลางๆ เฟอร์นิเจอร์ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ เป็นสิ่งที่แปลกตาสำหรับเธอในตอนนี้
ก่อนจะพึมพำด้วยประโยคสุดคลาสสิคว่า
“ที่นี่ที่ไหนวะ” นึกย้อนไปถึงเมื่อคืน ที่ไปนั่งกินเหล้ากับเพื่อน จำได้แค่นั้น แล้วทุกอย่างก็หายไปอย่างกับฉากหนังถูกตัด
อ้อนรวบรวมความกล้า เปิดประตูออกไปอย่างระมัดระวัง เหลือบซ้ายมองขวา หัวใจตึกๆ เมื่อได้ทำตัวราวกับเป็นสายลับ
จนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก ดังมาจากอีกห้องนึง ก็รีบเดินย่องเข้าไป
พอเห็นภาพตรงหน้า ก็เกือบอุทานลั่น
ภาพที่เพื่อนของเธอกับรุ่นน้องหน้าหล่อที่เธออยากเต๊าะ กำลังดูดปากกันอย่างเมามัน ไม่สนโต๊ะ ไม่สนหนังที่กำลังเปิด
มันอะไรกันนี่
เธอนึกในใจ ในหัวตีกันจนรวน เรื่องราวหลั่งไหลจนเธอแทบรับไม่ทัน
พอชะโงกหน้าออกไปดูใหม่ ร่างทั้งสองที่พลอดรักกันอยู่ที่โซฟาก็หายวับ แต่ความรู้สึกที่เหมือนจะเห็นโซฟาเคลื่อนไหว
ด้วยความอย่างรู้อยากเห็นมีมากกว่าความเกรงใจ เธอจึงเดินย่องออกไป เพื่อไปดูที่โซฟาอีกทีก็พบว่า
ร่างของเพื่อนเธออยู่ใต้ร่างของเด็กหนุ่มรุ่นน้อง
ด้วยความตกใจเธอจึงเผลออุทาน
“แว๊กก อีแม่!!” ร่างที่อยู่บนโซฟา สะดุ้งเฮือก ก่อนจะหันมองผู้เห็นเหตุการณ์ที่รีบเอามือปิดปาก ดวงตาหรี่เล็กเบิกกว้างเท่าที่กว้างได้
ต่ายรีบดันไทกริสออก มาเพื่อนด้วยสายตาเหมือนกัน
“อ้อน~”
“พวกมึง.....เป็นนี่กันเหรอ” อ้อนเอานิ้วชี้ทั้งสองข้างมาชิดกัน
ต่ายกลืนน้ำลายดังเอือก จะโกหกเพื่อนว่าไม่ใช่ก็คงจะดูทำร้ายไทกริส และเขาก็ไม่อยากโกหกเพื่อนด้วย
“ก็............ อย่างที่มึงเห็นนั่นแหล่ะ” พอจบประโยคนี้ ร่างเล็กของอ้อนก็สั่นเทิ้ม ด้วยสาเหตุใดต่ายก็ไม่ทราบ
“อ๊ากกกกกกกกกก กูนกอ๊าาาา” แล้วเธอก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้น ด้วยท่าทางอ่อนแรง
“อ้อน” ต่ายยื่นมือไปจับไหล่อ้อนไว้
“คือกู..”
“ไอ้ต่ายไม่ต้องพูดเลย ฮรือออออออ นกอีกแล้ววววววว” ร่างเล็กแหกปากร้องลั่น
“มึงจะเกลียดกูไหม?” ต่ายถามแผ่วเบา
อ้อนเงียบเสียง แล้วหันขวับมาทางเพื่อนทันที
“ถามอะไรของมึงเนี่ยยยย กูจะไปเกลียดมึงทำไม มึงเป็นเพื่อนกูนะ อีกอย่าง แบบนี้ก็ก็เห็นเกลื่อนมอ กูแค่รู้สึกเหมือนซื้อกระเป๋าแอร์เมสที่กำลังลดราคาไม่ทันอ้ะ” สาวเจ้าดีดดิ้นราวกับเด็กเล็ก
ต่ายถอนหายใจพรู
“แต่ไม่เป็นไร กูขออะไรมึงอย่างนึงได้ไหม”
“ว่า?”
“ขอเอามึงกับน้องไทกริส ไปแต่งนิยายได้ไหม?”
ต่ายอ้าปากเหวอ
“นิยาย?”
“เยสสสส ตอนนี้กำลังอยากจะเปิดเรื่องใหม่พอดี อ๊าา แต่งเป็นบอดี้การ์ดกับเจ้านายดีกว่า” แล้วหญิงสาวก็ตกอยู่ในห้วงแห่งการมโน
ทิ้งให้เจ้าของห้องทั้งสองได้แต่มองหน้ากัน
“แต่ตอนนี้.....”
โครกกกกกกกกกกก~
ไม่ต้องบรรยายอะไรใดๆให้ลึกซึ้ง
“แห่ะๆ” อ้อนยิ้มแหยๆให้ ก่อนจะลูบท้องอันแสนแบนราบ
“มาๆ เดี๋ยวกูทำอะไรให้กิน”
เพราะเป็นเวลาเที่ยงพอดี ต่ายเลยถือโอกาส ทำมื้อเที่ยงให้ทั้งเขาและไทกริสด้วยซะเลย
ไม่นานผัดกะเพราร้อนๆ ก็ถูกเสิร์ฟ
“กินง่ายๆ ไปก่อนแล้วกัน”
“มึงทำอะไรก็อร่อยหมดแหล่ะ” อ้อนพูด ก่อนจะรีบทาน โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
ต่ายเห็นแบบนั้นก็ลงมือทานบ้าง หากแต่เหลือตามองไทกริสที่นั่งมองควันที่ลอยมาจากกับข้าวร้อนๆด้วยสายตาว่างเปล่า
เขาส่ายหน้าให้น้อยๆ ก่อนจะเปลี่ยนจานข้าวตัวเองกับของไทกริส
“อันนี้ทำเสร็จก่อน น่าจะหายร้อนแล้ว”
“น่ารักอ่ะ” อ้อนพูด พลางยิ้มมาให้พวกเขาทั้งสอง
“มึงกินไปเหอะ” เธอหัวเราะคิกคักก็จะตั้งหน้าตั้งตากิน
“จะไม่ให้กูไปส่งจริงๆเหรอ” ต่ายถามอย่างเป็นห่วง หลังจากที่อ้อนปฏิเสธที่จะให้เขาไปส่งที่บ้าน
“ด๊อนวอรี่ มายเฟรน มึงอยู่กับน้องไปเถอะ”
“ไปละ บ๊ายบาย ” อ้อนโบกมือให้ ก่อนจะเดินออกไป
ต่ายกลับขึ้นมาบนห้อง หลังจากไปส่งเพื่อนที่หน้าลิฟต์มา
เจ้าเด็กโค่งกำลังนั่งดูหนังอยู่ เห็นดังนั้นจึงไปนั่งลงข้างๆ
พอเห็นอีกคนมา ไทกริสก็รีบกอดหมับเข้าที่ร่างของต่าย
“มีอะไรที่กระต่ายยังไม่เคยทำให้เพื่อนกินบ้าง”
“หืม?” ต่ายถามซ้ำ
“มีอะไรที่กระต่ายยังไม่เคยทำให้เพื่อนกินบ้าง”
“หมายถึงอาหารงั้นเหรอ”
“อือ”
“อืมมมม ทำไมถามงี้ล่ะ? ”
“เราอยากเป็นคนแรกที่กินอาหารฝีมือต่าย” คำพูดที่แฝงไปด้วยความเอาแต่ใจ แต่ก็น่ารักน่าเอ็ดดูจนนต่ายอดกอดกลับไม่ได้
“มีสิ ตั้งหลายอย่าง” ต่ายพูด
“ทำให้เรากินด้วยนะ” ว่าแล้วเจ้าเสือน้อยก็คลอเคลียจนรู้สึกจั๊กจี๋
“แต่.. ก็มีอย่างนึงนะ ที่นายได้กินเป็นแรกเลย” ต่ายพูดอ้อมแอ้ม ใบหน้าร้อนฉ่า
“...” มองหน้าอีกคนที่ดูจะยังไม่เก็ทกับคำพูดของเขา
กระตุกยิ้ม ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูอีกคน
“
ตัวพี่ไง”
พูดเสร็จก็ซุกอยู่ที่บ่าอีกคน ไม่กล้าสู้หน้า
อารมณ์ไหน ที่ทำให้เขากล้าพูดออกไปเนี่ยยยยยยยยย !!!!!
ยังไม่ทันทึ้งหัวตัวเอง เจ้าเด็กโค่งก็หัวเราะในลำคอ ก่อนจะจัดการปิดปากที่พูดคำพูดน่ารักๆนั่นออกมา
ทั้งปากทั้งลิ้นที่นัวเนียกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ไทกริสไม่ปล่อยให้ต่ายได้หายใจเลยด้วยซ้ำ
แต่มีหรือที่ต่ายจะยอม
นัวมาก็นัวกลับไม่โกง
มือของไทกริสยุกยิกอยู่ตรงชายเสื้อของต่าย จนรู้สึกสัมผัสเย็นๆของมือที่สอดเข้ามาใต้เสื้อ
เด็กโค่งสบตากับต่าย ราวกับบอกว่า ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น
แม้จะแอบหวั่นว่า อีกคนจะปฏิเสธ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็ยอมแต่โดยดี
แต่อีกคนไม่ได้เป็นเช่นนั้น
พอเห็นสายตาอ้อนๆนั้น ต่ายก็รู้ได้เลยว่า ไม่พอแค่จูบแน่ๆ
ก็ผิดเองที่ไปยั่วด้วยคำพูด
แต่ก็นะ เขาตั้งใจนี่นา หลังของต่ายสัมผัสความเย็นของผิวโซฟา ไทกริสที่คร่อมอยู่บนร่าง สายตาที่จ้องมานั้น ปลุกเร้าอารมณ์ของต่ายเป็นอย่างดี
สายตาเหมือนกับล่าเหยื่อ
ดูร้อนแรงและพร้อมจะจู่โจมได้ทุกเมื่อ
จนกระทั่งร่างทั้งสองไร้อาภรณ์เหมือนกัน บทรักบนโซฟาก็เริ่มขึ้น ...................
รู้ตัวอีกที ก็มานอนหอบหายใจอยู่ในห้องนอน สะโพกปวดตุบๆ แขนขาอ่อนแรง
ไม่รู้ไปจุดไฟอะไรในตัวไทกริสเข้า เรียกว่า เครื่องฟิตชนิดไม่ต้องพึ่งไดเกียวเลย
เพราะพ่อคุณถึงได้เล่นจัดไปถึง 3 รอบ
โซฟา
ห้องนอน
และห้องน้ำ
ต่ายอยากจะนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไป
ไม่น่าเลยกู!!!!
TBC..
--------------------------------------------------------------
BEVA TALK : กะกะกลับมาแล้วค่าาาาาาาาาาาาาา *หมอบกราบ* หายไปนานมากเลย ฮรืออออ ชีวิตมีปัญหาเล็กน้อย ตอนนี้กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วค่ะ 55555555
ใกล้จะจบแย้ววว ดีใจม๊ายยยยยยย

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกเป็ดมากๆเลยค่ะ

แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ ทุกคนนนนนน
#รู้สึกอย่างไรกับตอนนี้บอกกันหน่อยน๊าาาา
ด้วยรักและจุ๊บุค่ะ
