【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【❤เพราะแบบนี้ไงผมถึงปล่อยเขาไปไม่ได้❤】:: UP!! ตอนพิเศษปีใหม่ 1/1/2560!  (อ่าน 107526 ครั้ง)

ออฟไลน์ bevobova

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายขอ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2017 00:59:06 โดย bevobova »

ออฟไลน์ bevobova

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
บทนำ .....



เมื่อยังแบเบาะเขาถูกเรียกว่า ‘น้องกระต่าย’
น้องกระต่ายที่ใครๆต่างก็ชมว่าน่ารักน่าเอ็นดู ไหนจะแก้มกลมๆอย่างกับลูกซาลาเปา ไหนจะผิวขาวอมชมพู แก้มก็มีเลือดฝาด  มีคนคอยโอ๋ คอยตามใจ ทำอะไรก็ดูน่ารักไปซะทุกอย่าง จะทำผิดแค่ไหน แม่ก็จะบอกว่า "เด็กซนคือเด็กฉลาดเสมอ" 


...... แต่พอโตขึ้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ......


ผิวที่เคยขาวอมชมพู ก็ถูกแสงแดดจากไทยแลนด์แดนมอดไหม้ทำลายล้างซะเหลือเป็นผิวสีแทน  แก้มที่กลมป๊อกมลายหายไปกลายเป็นโครงหน้าเรียว  ที่สำคัญ เวลาทำผิดหรือแย้งอะไรขึ้นมา ก็โดนด่าประหนึ่งไปฆ่าใครตาย  และชื่อที่เคยเรียกกันว่าน้องกระต่ายอย่างนู่นน้องกระต่ายอย่างนี้เหลือสั้นๆแต่เพียง 'ต่าย' เท่านั้น ….


อันตัวเขาก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร  เพราะโตมา หน้าตาก็ไม่ได้น่ารักเหมือนตอนเด็ก ออกจะหล่อคมสาวเห็นแล้วกรี๊ด(ร้อง)?!  จะให้ชื่อกระต่ายก็ยังไงๆอยู่ เพราะฉะนั้น  พอขึ้นมัธยมเขาจึงใช้ชื่อ ต่าย มาจนถึง ณ ตอนนี้  ขึ้นปี 3 แล้ว   ต่ายก็ยังคงเป็นต่าย 
ซึ่งตอนนี้ใครมาเรียกเขากระต่าย ถ้าไม่สนิทจริงมีโบก หน้าเขาดูมุ้งมิ้งจนเรียกกระต่ายรึไงกัน!!

๑۩ﺴ ﺴ۩๑
 

“กริส นายจะนอนไปถึงไหน นี่มันจะหกโมงเย็นแล้วอยู่แล้วนะ"
“กริส อย่ากินไปเล่นคอมไปสิ จะทำอะไรก็เลือกซักอย่าง"
“กริส กินเสร็จแล้วอย่าเพิ่งนอนนะ เดี๋ยวเป็นกรดไหลย้อนไม่รู้ด้วยนะ"
“กริส นายไม่คิดจะออกไปไหนบ้างรึไง"
“กริส อย่าวางชีทเกลื่อนกลาดแบบนี้ได้ไหม"
“กริส....
“กริส.......
“ไทกริส............. !!!


“กระต่ายบ่นมากชะมัด!!"  โป๊กก!!  (เสียงผู้เคราห์ร้ายโดนโบกด้วยฝ่ามือ...)

 
ผมชื่อ ศศินทร์ ชื่อเล่น (กระ)ต่าย  เพศผู้  เพศชาย  อายุ 21 ปี และไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใดๆกับนายกริสเรียกยาวๆไทกริส

ผมเป็นเพียง พี่ชายที่เคยอยู่ข้างบ้านสมัยตอนเป็นเด็กน้อยเท่านั้น!!!!! 

ส่วนเรื่อง ที่ต้องมาคอยจ้ำจี้จ้ำไชไอ้น้องชายนี่น่ะหรอ   



ก็เพราะว่า ...




Beva talk : เพราะว่าอะไร อุบไว้ก่อน   :hao7:
ออกมาแล้ววว เรื่องใหม่ ฮรืออออ กว่าจะปั่นออกมาได้ แก้ไปหลายรอบเลย ในที่สุดก็ออกมาเป็นตอนๆให้ทุกท่านได้อ่าน ฮาาา  หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักคนเขียน  (เอ็งเพิ่งเขียนนิยายมาเรื่องเดียว ใครจะรู้จักแกกัน) เอาเป็นว่า ถ้าใครเคยอ่าน เรื่องสั้น Slow love ก็คงจะรู้จักกันบ้างแล้วเนอะ (โฆษณานิยายตัวเองไปในตัว)   สุดท้ายนี้ ขอฝากนิยายจากนักเขียนมือใหม่คนนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ  :mew1: > <

หลังจากนี้ขอตัวลาไปสอบ 1 สัปดาห์เลยค่ะ แห่ะๆ    :mew6:

ออฟไลน์ bevobova

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
บทที่ 1  เดจาวู


เสียงพูดคุยกันไม่เบารวมถึงเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ของคุณนายบ้านนี้ ทำเอาร่างสูงที่นอนอยู่ในห้องนอนชั้นสองของบ้านสะดุ้งตื่น ก่อนโผล่หน้าอันแสนงัวเงียออกจากหน้าต่างเพื่อดูต้นต่อของเสียง

พอหรี่ตามองไปที่ชั้นล่าง เห็นร่างมารดาของเขาคุยกันอย่างออกรสกับผู้หญิงที่เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าจะรู้จัก แต่ก็นึกไม่ออก

แต่เมื่อนาถลดาสังเกตเห็นลูกชายของตนที่โผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างก็ชิงตะโกนเรียก

“เจ้าต่าย!!  สายโด่งขนาดนี้เพิ่งตื่นรึไง  ลงมาหวัดดี ‘น้านี’เดี๋ยวนี้เลย”  น้ำเสียงเสียงแปดหลอดของนาถลดาทำให้เจ้าลูกชายเบ้หน้าใส่ ก่อนจะมาครุ่นคิด

น้านี  ชื่อคุ้นๆ แฮะ 

‘น้านี’ที่ว่า  ส่งยิ้มกว้างมาให้ ก่อนจะเรียกชื่อที่ต่ายสาบานได้ว่าไม่ได้ยินมาหลายชาติเศษ

“ว้ายย  น้องกระต่ายหรอลูก โตเป็นหนุ่มซะน้าจำไม่ได้เลย”  นีรดายกมือทาบอบมองร่างสูงที่เคยเห็นเมื่อยังแบเบาะ หน้าตาจิ้มลิ้ม  แต่บัดนี้เปลี่ยนมาเป็นใบหน้าหล่อเหลาขึ้น  ตัวก็สูงขึ้น

ต่ายกระพริบตาปริบๆ  สมองประมวลผล ใบหน้าที่คุ้นเคย น้ำเสียงก็คุ้นเคย ชื่อน้านี  ….

น้านี .....  น้าคนสวยแสนใจดีที่เคยอยู่ข้างบ้านเขาสมัยก่อน!!

“น้านี! สวัสดีครับ” ด้วยตัวชั้นสองซึ่งไม่สูงมากนัก ทำให้ต่ายพูดสวัสดี พลางยกมือไหว้ให้คนที่นั่งอยู่ข้างล่างอย่างไม่ลำบากอะไร  จะมีก็แต่ ......

“ต๊ายย เจ้าต่าย ทำแบบนี้ได้ไง ไปจัดการตัวเองแล้วลงมาดีๆ  ฮึ่ยย เด็กคนนี้นี่” เสียงเข่นเขี้ยวอย่างไม่จริงจังของนาถลดา เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากนีรดา 

“คร้าบบบบบ” ต่ายร้องบอก ก่อนจะดีดตัวขึ้นเพื่อไปจัดการตัวเองตามที่มารดาสั่ง


พอลงมาข้างล่าง  ต่ายก็ได้เห็นน้านีอย่างเต็มๆตา จะบอกว่าจริงๆแทบจะไม่เปลี่ยนไปจากความทรงจำในวัยเยาว์ของเขาซักเท่าไหร่ 

“สวัสดีครับน้านี  ไม่ได้เจอกันนาน ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ”
“แหมม น้องกระต่ายก็ พูดแบบนี้น้าก็เขินแย่สิ” นีรดาหัวเราะเบาๆ  ดูจากแก้มที่ปริขนาดนั้น คงจะเขินของจริง
“แต่น้องกระต่ายนี่เปลี่ยนไปเยอะจริงๆ ดูสิดู ตอนก่อนยังสูงเท่าเอวน้าอยู่เลย ดูตอนนี้สิ เลยหัวน้าไปเป็นสิบยี่สิบเซ็นแล้วเนี่ย”
“เจ้าต่ายก็เหมือนพ่อเขาแหล่ะน้องนี สูงแต่ดำ” นาถลดาพูดขึ้น ปรายตามองลูกชายตัวเอง

 คิ้วของต่ายกระตุกยิกๆกับคำว่าดำ   อยากจะแย้งว่า มันแค่สีแทนเฉยๆ  แต่ก็ได้แต่ยิ้มแกนๆให้น้านีที่มองเขาอย่างชื่นชม

“ตรงข้ามกับลูกชายน้า รายนั้นสูงนะแต่ขาว ขาวจนน้ากลัวว่าจะเป็นโรคอะไรรึเปล่า”
“ต่ายจำน้องไทก์ได้ไหม” นาถลดาถามลูกชายของตน  ต่ายพยักหน้าตอบทันที 
“จำได้สิแม่ ใครจะไปลืม”

ไม่รู้ว่าเพราะความผูกพันหรือเพราะวีรกรรมชวนปวดหัวของเด็กชายนามว่าไทกริส ทำให้ประสบการณ์ในวัยเด็กของต่ายเป็นอะไรลืมไม่ลงทีเดียว

“เนี่ย น้องไทก์เพิ่งกลับมาจากฮังการี น้าให้น้องมาเรียนมหาลัยที่นี่  แต่ก็เป็นห่วง ไม่รู้จะอยู่ได้รึเปล่า”

ต่ายพอจำได้คร่าวๆว่า  หลังจากที่เขาย้ายออกจากบ้านหลังเก่าได้ 2 ปี ไทกริสก็ถูกส่งไปที่ฮังการี ให้ฝั่งปู่ย่า คอยดูแลแทน  เพราะด้วยเศรษฐกิจทำให้น้านีกับลุงอาเทอร์ต้องไปๆมาๆระหว่างฮังการีกับไทย จึงไม่มีเวลาที่ดูแลลูกชายคนเล็ก

“อ้อครับ  แล้วกริส เข้ามหาลัยไหนเหรอครับ”
“ม.เดียวกับลูกนั่นแหล่ะ คณะอะไรนะน้องนี บริหารใช่มั๊ย” นีรดาพยักหน้าให้นาถลดา

ส่วนต่ายก็รู้สึกเค้าลางแปลกๆ ความรู้สึกเหมือนเดจาวู ยังไงอย่างงั้น

“เนี่ย พอน้ารู้ว่าน้องไทก์อยู่ม.เดียวกับน้องกระต่าย น้าก็เลยอยากจะรบกวนหนูให้ช่วยดูแลน้องหน่อย ซักเทอมหนึ่งก็ยังดี น้ากลัวน้องจะปรับตัวไม่ได้น่ะ” 

ต่ายมองสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของผู้เป็นแม่ของนีรดา  สายตาที่ทำให้เขาปฎิเสธไม่ลง   รู้สึกกระอีกกระอ่วนใจนิดๆ แต่ก็ ตอบรับคำไป

“ได้ครับ น้านี”  พอได้ยินอย่างนั้น นีรดาก็น้ำตาซึมออกมา  ร้อนไปจนถึงนาลดาถลาต้องคอยปลอบยกใหญ่

“น้ากังวลมากเลย น้องไทก์ไม่อยากจะเรียนที่ไทย ตอนแรกนี่ไม่ยอมคุยกับน้าเลย จนปู่กับย่าเขาช่วยพูดให้นี่แหล่ะ ถึงยอม เฮ้ออ” นีรดาพูดไปก็เอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาตัวเองไป  ต่ายได้แต่บีบมือให้อย่างเป็นกำลังใจ

“ยังไงน้าก็ขอบใจน้องกระต่ายจริงๆนะลูก ค่อยโล่งใจหน่อย จะให้รีนกับริชช่วยดูแล ก็ว่าจะไม่ไหว สองคนนั้นแค่ทำงานก็ยุ่งแล้ว”

ไอรีนและไอริช สองสาวฝาแฝดพี่สาวของไทกริสที่อายุห่างกันถึง 10 ปี   ต่ายเองก็ไม่ค่อยได้เจอพี่รีนและพี่ริชเท่าไหร่ เพราะก็ช่วงอายุที่ห่างกันเยอะ  ในตอนที่เขาอยู่ป.1  สองสาวก็เป็นเด็กม.ปลายกันแล้ว
 
“อ๊ะ ว่าแต่ว่า หนูรีนหนูริชทำงานอะไรล่ะเนี่ย” นาถลดาพูดขึ้น
“รีนน่ะทำร้านกาแฟอะไรของเค้านี่แหล่ะ  ส่วนริชนี่เป็นมัณฑนากรค่ะ  วุ่นพอกันเลย”   

หลังจากนั้นไม่นานนัก นีรดาก็ขอตัวกลับ ก่อนกลับก็ขอเบอร์ของต่ายเอาไว้

“ไง  เป็นอะไรอีก” นาถลดาทัก เมื่อเห็นลูกชายตัวดีของตนทำหน้าเหมือนอมยาขม
“เฮ้ออ แค่รู้สึกงานจะเข้าอ่ะแม่” ต่ายเดินเข้าไปกอดเอวมารดา
“ทีตอนก่อน เผลอไม่ได้ชอบดอดไปหาน้องอยู่เรื่อย  ทำไมตอนนี้ทำเป็นบ่น”  นาถลดาตีแขนต่ายเบาๆ ได้เสียงโอดโอยอันโอเว่อร์ตอบกลับมา
“โอยย ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีแล้วนะแม่ จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” ต่ายปรารภออกมา

นี่สินะ เดจาวูที่เขารู้สึก
ยังไงก็ขอให้ เจ้าเด็กไทกริสในตอนนั้น เปลี่ยนมาเป็นเด็กดีด้วยเถอะ



ก่อนเปิดเทอม 1 สัปดาห์  -

ต่ายถูกปลุกด้วยน้ำเสียงอันศักดิ์สิทธิ์จากมารดา พอลืมตาตื่นมาได้ นาถลดาก็ยัดผ้าขนหนูใส่มือเขา แล้วสั่งเขาทันที
“ไปอาบน้ำ แล้วรีบลงมาข้างซะ” ด้วยน้ำเสียงอันเด็ดขาดและหน้าตาที่บ่งบอกว่าถ้าไม่ทำตามเอ็งจะถึงคาด 
ทำให้ต่ายกระวีกระวาดลุกจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำทันที 

พอลงมาก็พบว่า ห้องรับแขกอบอวลไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะอันคุ้นเคย(อีกแล้ว)  คราวนี้ต่ายรู้ทันทีเลยว่าใครมา  แต่ก็ชะงักกึกเหมือนข้างๆน้านี มีมนุษย์ร่างสูง  ทำหน้าเบื่อโลก ตัวขาวอย่างกับนีออน ผมสีน้ำตาลอ่อนรับกับใบหน้าคมเข้มแบบลูกครึ่ง คลับคล้ายคลับคลาเหมือนจะเป็น ........

“กริส?” ต่ายเรียกชื่ออย่างไม่แน่ใจ  ก็แน่สิ  ไทกริสในความทรงจำเขามัน เด็กตัวกระเปี๊ยก หน้าตาก็ไม่ได้หล่อเหลาระดับนายแบบขนาดนี้ และผิวมันก็ไม่ได้ขาว  แต่ตอนนี้มันขาวแบบไม่เกรงใจคนที่ดำเพราะแดด(อย่างเขาเลย)เลย ตอนไปอยู่ฮังการี มันได้เจอกับแสงแดดบ้างไหม หรือมันใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำ  ให้ตายเถอะ!

ไทกริสที่นั่งอยู่มองผู้มาใหม่ด้วยสายตาที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ 
ใบหน้าที่เปลี่ยนจากเค้าเดิม  ผิวสีแทน ตัวสูงแต่ไม่หนา  แถมยังเรียกชื่อเขา ชื่อที่มีคนเดียวที่เรียก …..

“กระต่าย”  ปากพูดแต่ใบหน้าไม่ขยับ 
ต่ายกระพริบตาปริบๆใส่ ก่อนจะสะดุ้งเบาๆ เมื่อน้านีเอ็ดลูกชาย
“น้องไทก์ เรียกพี่เขาแบบนั้นได้ยังไงคะ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับน้านี กริสก็เรียกผมแบบนี้อยู่แล้ว” ต่ายเอ่ยขึ้น 

ก็ไม่รู้ทำไม ไอ้เด็กไทกริสถึงไม่ยอมเรียกเขาว่า พี่  ในตอนแรกก็ปรี๊ดอยู่หรอก  เพราะอารมณ์เหมือนโดนหยาม แต่หลังๆชักชิน เพราะนอกจากพี่สาวฝาแฝดแล้ว ต่ายก็ไม่เคยเห็นไทกริสเรียกใครว่าพี่เลยซักคน


เมื่อต่ายทรุดตัวลงนั่งข้างมารดา   นีรดาก็พูดขึ้น
“พรุ่งนี้เป็นวันปฐมนิเทศของมหาลัยน่ะ น้าดันไม่ว่างช่วงสายซะด้วย น้าฝากให้น้องกระต่ายไปกับน้องไทก์ได้ไหมจ๊ะ” 
จบประโยค ต่ายแทบจะเอาเท้าขึ้นก่ายหน้าผาก ติดที่เกรงใจผู้ใหญ่ทั้งสอง 

“อ่า ได้ครับ”  ต่ายตอบรับคำ  แน่นอนต้องตกลงเท่านั้น ถ้าปฏิเสธน่ะหรอ .....  คนข้างๆเขาตัดเขาออกจากมรดกแน่ๆ
“ขอบใจนะจ้ะ” นีรดายิ้มให้ต่าย ก่อนจะสะกิดลูกชายที่นั่งนิ่งให้ยิ้มบ้าง แต่เหมือนคุยกับรูปปั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จนนีรดาถอนหายใจออกมา

“ยังไงน้องไทก์คุยกับพี่ต่ายไปก่อนนะ เดี๋ยวป้าขอพาแม่เราไปดูสวนกล้วยไม้หลังบ้านก่อน” คุณนายนาถลดาเอ่ยเสียงหวาน
ไทกริสมองที่แม่ของตนที่ส่งสายตามาแบบกดดัน ก่อนจะตอบด้วยเสียงแผ่วเบา
“ครับ”

หลังจากที่ผู้ใหญ่ทั้งสองเดินออกไป  ต่ายก็นั่งมองไอ้เด็กที่ทำหน้าหน้านิ่งมาได้ซักพัก ซักสี่ห้าพักแล้วด้วยซ้ำไป ...

คือ........  ไอ้หุ่นยนต์ตรงหน้านี้ทำงานยังไงถึงจะยอมพูด หรือต้องให้เขาเปิดฉากก่อน

“เฮ้ หวัดดี”
“.....”
“จำกันได้ไหมเนี่ย”
“อือ”
“ได้ข่าวว่าไม่อยากเรียนที่ไทย ทำไมล่ะ”
“............” ไทกริสมองหน้าต่ายที่พูดจ้ออย่างไม่ใส่ใจ
“ก็ไม่อยากเรียน”
“อ้ออ เป็นเหตุผลที่ดีนี่” ต่ายทำหน้าเหลือเชื่อ พยายามต่อบทสนทนาที่ส่อแววว่าจะล่มอย่างไม่เป็นชิ้นดี 

ต่ายยอมรับว่า คนที่เคยสนิทๆกันในสมัยเด็ก แต่ห่างกันมาเป็นเวลานาน  ตั้งแต่เขาอยู่ ป.6  ก็เป็นเวลาสิบปีได้   เดือนสองเดือนแรกก็มีติดต่อกันไทกริสบ้าง แต่หลังจากนั้น ก็ไม่ค่อยได้คุยกัน ล่วงเลยจนมาถึงตอนนี้ ก็รู้ว่าตัวเองก็ผิดแหล่ะ แต่ฝ่ายนู่นก็ผิดที่ไม่ยอมติดต่อเขามาเหมือนกันแหล่ะน่า   
แม่บอกเขาว่า ไทกริสอาจจะงอน เพราะเป็นเพื่อนเล่นในสมัยเด็ก เรียกได้ว่าเป็นคู่หู พอเขาไปก็เหมือนชิ้นส่วนที่ขาดหายไป   ช่างเป็นเด็กที่ละเอียดอ่อนจริงๆ


“กริส” ต่ายลองเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนลง   ซึ่งก็ได้ผล เพราะเจ้าเด็กตัวขาวหันมองเขา
“นายโกรธพี่รึเปล่า” ดวงตาสีน้ำตาลของไทกริสขยับไปมาคล้ายกำลังครุ่นคิด  ต่ายเองก็ลุ้นกับคำตอบที่ได้

“.....ไม่ได้โกรธ” พอได้ยินอย่างนั้น ต่ายก็ยิ้มกว้าง   คนอายุน้อยกว่าจึงรีบหลุบตาต่ำทันที
“อืมม แล้วเป็นอะไร” กลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนส่ายไปมา ท่าทางที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู  ทำเอาต่ายหลุดขำออกมา

“ดูทำเข้า  กินขนมไหม” ต่ายพูดชวน พลางเดินไปทางครัว เพื่อหาขนมยัดปาก(ตัวเอง) แต่ถูกมือขาวรั้งไว้ 
ต่ายที่กำลังก้าวขาเดินชะงักกึก มองผู้กระทำอย่างงุนงง
“......”
“หืม? มีอะไรรึเปล่า?”

“อยากกินไอติม” จบคำพูดของไทกริส  อีกฝ่ายก็หัวเราะลั่นอย่างเก็บอาการไม่อยู่
“โธ่ นี่ก็ลุ้นว่าจะพูดอะไร ป่ะๆ เดี๋ยวพาไป” ต่ายพูดพลางฉุดคนที่นั่งอยู่ที่โซฟา  พอไทกริสยืนก็ผงะทันที 

เขาว่า ส่วนสูงของเขา 176 นี่ว่าสูงแล้ว แต่คนตรงหน้าเขาสูงมาก ซัก 180 ได้ นี่ขนาดอายุแค่ 18 เองนะเนี่ย   แต่อย่างว่าลูกครึ่งนี่นา

ก่อนออกจากบ้าน ต่ายต้องเดินไปบอกคุณนายแม่และน้านีเพื่อจะพาเด็กโค่งตัวขาวไปกินไอติม  ซึ่งทั้งสองก็อนุญาตแถมยังดูไล่ส่งกันแปลกๆ

พอขับรถกันมาถึงห้างที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของต่ายเท่าไหร่ ก็พาไทกริสไปที่ไอติมฮาเก้นดาซ (ตามคำประสงค์ของไทกริส)  ที่มองราคาแล้ว กระเป๋าตังค์ในมือก็สั่นราว 7.8 ริกเตอร์ได้
ว่ากันตามตรงถ้าไทกิรสไม่บอกว่าจะเข้าร้านนี้ เขาก็กะจะพาไปสเว่นเซ่นแล้วแท้ๆ

หลังจากสั่งเมนู เสร็จสรรพ ต่ายก็นั่งมองนู่นนี่ได้ซักพัก(เพราะไม่รู้จะคุยอะไร)   สายตาก็บรรจบที่คนตรงหน้า  พอรู้สึกว่ารังสีสีม่วงมันลอยมาแปลกๆ
สาวเสิร์ฟคนสวยก็ยกไอติมมาก็มาเสิร์ฟ
“มาแล้วค่า ได้ครบตามรายการนะคะ” ต่ายพยักหน้ารับ ก่อนน้องคนสวยก็ฉีกยิ้มแล้วเดินออกไป

ทั้งสองต่างคนต่างกิน  ด้วยเพราะต่ายเองก็ยังไม่ได้ทานข้าว ส่วนอีกคนที่เป็นของโปรดอยู่แล้ว กลายเป็นโต๊ะหนึ่งของร้านที่มีคนสองคนก้มหน้าก้มตากิน โดยปราศจากเสียงพูดคุยใดๆ

พออิ่มหนำสำราญ พอใจคนอยากแล้ว ครั้นจะเดินทางกลับ  คุณนายของบ้านก็โทรมาสั่งให้เขาซื้อเป็ดย่าง MK พร้อมด้วยเครื่องบรรณาการอันได้แก่ ดังกิ้นโดนัทและของจุกจิกมากมาย ทำให้ต่ายและไทกริสต้องเดินวกกลับเพื่อไปซื้อของตามคำบัญชาของนายหญิงทันที




TBC .....



Beva talk : มาแล้ววววว  สอบเสร็จเร็วเลยมาลงให้ก่อนเลย   มาแบบน้ำจิ้มๆก่อนเนอะ  ความป่วงของพี่น้องคู่นี้ยังมีอีกเยอะ
ฝากติดตามด้วยนะคะ  น้อมรับคำติชมจากผู้อ่านทุกท่านค่ะ  :pig4: 

ออฟไลน์ synsyn.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กระต่ายจะถูกจับกินมั้ยเนี่ย ;-) คึคึคึคึคึคึ
น่ารักจังเลยยย

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
เรื่องราวน่าติดตามคะ มาต่อบ่อยๆ นะคะ ^^

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะ... คนเขียนเขียนได้น่ารักมากเลย

ออฟไลน์ Nattiz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทำไมกริสต้องนิ่ง หื้อออ?

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ mayomhwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คนที่เรียกกระต่ายได้มีคนเดียวใช่มะ   :hao3:

รอตอนต่อไปค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bevobova

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
บทที่ 2 น่าเป็นห่วง..


   วันนี้เป็นวันปฐมนิเทศของไทกริส ซึ่งพิธีรีตองก็ไม่มีอะไรมาก แค่เข้าไปในห้องประชุมขนาดใหญ่ของคณะบริหาร (ที่หรูกว่าห้องประชุมคณะของต่ายหลายเท่า) นั่งฟังคณบดีพล่าม แนะนำอาจารย์แต่ละสาขาวิชา มีวีดีทัศน์ให้ดู และต่ายก็ทำสถิติหลับตั้งแต่ต้นจนจบ (ก็แอร์มันเย็น~) ปล่อยให้ไอ้เด็กตัวขาวนั่งฟังไป


   หลังจากการปฐมนิเทศน์เสร็จสิ้นก็แยกกันคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาในแต่ละภาควิชา  ตอนแรกเกือบดีใจที่จะได้กลับแล้ว แต่เปล่าเลย  พอหมดนี่ก็ต้องมานั่งรอไทกริสคุยกับรุ่นพี่เรื่องรับน้องอีก 

เฮ้อออออ ~
ต่ายถอนหายใจ นี่เขาต้องมานั่งแหงกอยู่ที่มหาลัยมาเกือบจะ 5 ชั่วโมงได้  พอมองไปที่กลุ่มเด็กปี 1 ที่นั่งฟังรุ่นพี่พูด อารมณ์แบบเด็กฟังคุณครูเล่านิทาน คือตั้งใจกันมาก มองรุ่นพี่กันตาแป๋ว  ถ้าเป็นคณะเขานี่ต้องมีบทโหดซักรอบสองรอบกว่าจะตั้งใจฟังกันได้   มองไปดีๆ ก็จะเห็นเด็กโค่งตัวสูงไม่พอทั้งสีผมและสีผิวเด่นมาก


จริงๆ ต่ายแอบเห็นรุ่นพี่(ผู้ชาย)เขม่นกริสเหมือนกัน  อาจจะเพราะท่าทางเอื่อยๆเฉื่อยๆด้วยล่ะมั้ง   ส่วนรุ่นพี่ผู้หญิงน่ะเหรอ เห็นกรี๊ดกันตั้งแต่กริสยังไม่เข้ามา

พอเบื่อๆก็นั่งเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลาไป ระหว่างนั้นก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาเป็นระยะๆ ซึ่งหัวข้อก็หนีไม่พ้นไอ้เด็กในความดูแลของเขานี่แหล่ะ 

เริ่มหมั่นไส้ไอ้เด็กนี่ตะหงิดๆแฮะ !


กว่ารุ่นพี่จะพูดจบ ก็บ่ายสองโมงเป๊ะพอดี อากาศกำลังร้อนได้ที่  ต่ายน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ไทกริสที่ผิวขาวเป็นทุนเดิม พอมาเจอแดดเปรี้ยงๆให้ผิวก็ออกสีชมพูทันที   พอเห็นไทกริสที่ท่าทางเหมือนกัปปะขาดน้ำ  ต่ายเห็นท่าไม่ดี จึงกึ่งเดินกึ่งวิ่งพาไปที่รถ พาเด็กโข่งตัวขาวเข้าสู่ที่เย็นทันที



“กระต่าย” ในขณะที่รอสัญญาณไฟแดงอยู่ คนที่นั่งเงียบมาตั้งแต่ขึ้นรถก็ส่งเสียงขึ้นมา   

ชื่อที่คุ้นเคยในสมัยเด็ก แต่นี่มันผ่านเกือบสิบปีแล้ว ก็เลยรู้สึกแปลกนิดหน่อย แต่ก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ

“หืม?” ต่ายหันไปมองร่างสูงที่ดูสดชื่นขึ้น หลังจากที่ดูจะหมดแรงเพราะแดดอันร้อนระอุ

“ไม่อยากรับน้อง”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ไม่อยากไป”
“ซะงั้น  สนุกดีออกนะ” ต่ายว่า

เขายังจำบรรยากาศรับน้องของคณะวิศวะนี้ได้ อารมณ์เถื่อนนิดๆ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอย่างที่ล่ำลือ  มีว๊ากอยู่วันเดียว พออีกวันต่อมา  รุ่นพี่ที่เคยว๊ากใส่ก็มาเต้นสันธนาการเฉย  ทำเอาพวกเขาเหวอกันไปตามๆกัน   แต่กับคณะอื่นเขาไม่รู้ยังไง ไม่รู้ว่ากริสนี่ไปโดนไซโคอะไรมารึเปล่า

“กระต่าย..” ไทกริสทำหน้านิ่งใส่  ต่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เดี๋ยวก็ไม่มีเพื่อนหรอก” ว่าแล้วก็ใช้มือที่ว่าง ยีผมสีน้ำตาลอ่อนนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว  เห็นแล้วก็หมายมั่นว่าจะยีให้ได้ พอได้สัมผัสจริง ก็อดทึ่งกับความนุ่มที่เหมือนขนแมวนี้ไม่ได้  เลยลืมตัวเผลอลูบไปซะงั้น  เด็กโค่งก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมเอียงหัวมาให้พอดีกับมือเขาด้วย

“มีกระต่ายก็พอแล้ว” พออีกฝ่ายพูดแบบนี้ เป็นต่ายเองที่สะอึกซะแทน
“เฮ้ๆ พี่อยู่กับนายไม่ได้ตลอดหรอกนะ”
 

ในตอนเด็กๆ ไทกริสติดต่ายมาก ไม่ค่อยมีเพื่อนรุ่นเดียวกัน  ยิ่งอนุบาลยันประถมเรียนที่เดียวกัน ทำให้ทั้งสองสนิทกันเป็นพิเศษเรียกได้ว่าเป็นคุู่หูกัน  แต่นั่นเป็นกรณีตอนเด็กๆ  แต่นี่อยู่มหาลัยกันแล้ว  มันคงจะเป็นเหมือนแต่ก่อนก็คงไม่ได้ ทั้งเขาและไทกริสต่างก็ต้องมีเพื่อนฝูง มีสังคมที่กว้างขึ้น


“.........” ไทกริสไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่มองไปข้างหน้า ใบหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ไม่รู้ว่าเรียกว่าข้อดีหรือข้อเสียกับนิสัยหน้านิ่งแบบนี้

“เฮ้อ  ไม่ไปรับน้องน่ะได้ แต่นายจะทำตัวติดกับพี่แบบเมื่อตอนเราเด็กๆไม่ได้หรอกนะ” ต่ายว่าด้วยเหตุผล 

เพราะตัวเขาอยากให้ไทกริสนั่นมีสังคม มีเพื่อน ไม่ใช่ยึดติดกับเขา ยิ่งในชีวิตมหาลัยด้วยแล้ว การไม่มีกลุ่มเพื่อน เขาคิดว่าอาจจจะเกิดปัญหาในภายหลังได้

“อือ” ไทกริสพูดแค่นั้น ก่อนจะหลับตาลง  ต่ายกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยใจ 

คุยกันยังไม่ทันจะรู้เรื่อง ก็ชิงหลับไปซะแล้ว  นี่มันอะไรกัน   เอาเด็กน้อยไทกริสคนเดิมกลับคืนมา !!!!!


ต่ายขับรถจนมาถึงทางเข้าหมู่บ้านของไทกริส  ส่งยิ้มให้ยามหน้าหมู่บ้านที่ขยันขันแข็ง(ในการดูละครจากโทรทัศน์เล็กๆในป้อม จนเขาอยากมอบรางวัลดีเด่นให้จริงๆ)

ขับมาเรื่อยๆจนมาถึงหน้าบ้านไทกริส  คนดูแลวิ่งมาเปิดประตูบ้านให้ ต่ายก็ทำการเลี้ยวรถเข้าซอง  หันมามองเด็กโค่งที่ยังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว แม้เขาจะดับเครื่องยนต์แล้วก็ตาม

“กริส ตื่นได้แล้ว” จับแขนขาวแล้วเขย่าเบาๆ  ยังโชคดีที่ไทกริสตื่นง่าย เลยไม่ต้องปลุกให้เหนื่อย 
แต่ให้ตายสิ ต่ายว่าเขาจับเบาๆแล้วนะ แต่รอยแดงจางๆที่แขนไทกริสเนี่ย ขึ้นมาง่ายไปไหม

ไทกริสทำหน้ามึนงงใส่ หันมองรอบๆ  พอรู้ว่าถึงบ้านแล้วก็ปลดเซฟตี้เบลล์ แล้วลงจากรถไป

“กลับมาแล้วหรอน้องไทก์ น้องกระต่าย เป็นยังไงกันบ้างคะ” น้านีที่นั่งถักโครเชต์อยู่ ร้องทักทันทีที่พวกเขาเข้ามาในตัวบ้าน
“ก็ไม่มีอะไรมากครับน้านี แค่แนะนำคณะนิดหน่อยกับพบอาจารย์ที่ปรึกษาเท่านั้นเอง” ต่ายบอกพลางยื่นเอกสารที่เขาได้มาให้นีรดา
“จ้า ขอบใจมากเลยนะ  นี่กินอะไรกันมารึยัง”
“ได้กินของว่างเมื่อตอนอยู่ในหอประชุมเองครับ” ต่ายว่าเสียงอ่อย เพราะตอนนี้ก็รู้สึกหิวมาก กะว่าจะแวะกินข้างทาง แต่กว่าจะฝ่าดงรถมาได้ แทบจะบ้าตาย

“ตายแล้ว งั้นรอน้าแปปนึงนะ เดี๋ยวน้าไปอุ่นกับข้าวให้ น้องไทก์ก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเร็ว แล้วมากินข้าวพร้อมพี่เขา” ไทกริสพยักหน้ารับ  ส่วนต่ายที่ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยตรงเข้าไปในครัวกับน้านี
“งั้นผมคดข้าวรอนะครับ”
“จ้า คดเผื่อน้องไทก์ด้วยนะลูก”
“ได้ครับ น้านี”

ไม่ถึงสิบนาที อาหารอันหอมกรุ่นยั่วน้ำย่อยในกระเพาะของต่ายก็ถูกวางบนโต๊ะ พอดีกับไทกริสที่เหมือนจะไปอาบน้ำ (หลักฐานคือผมที่เปียกหมาดๆ) เดินเข้าห้องครัวมา

“น้องไทก์มาพอดีเลย แม่อุ่นกับข้าวให้แล้ว มากินเร็วครับ” ไทกริสพยักหน้ารับเช่นเคย  ก่อนจะทรุดตัวนั่งเก้าอี้ข้างๆต่าย
 ได้ยินเสียงพึมพำขอบคุณเบาๆ ตอนที่ต่ายยื่นจานข้าวมาให้   

พูดก็เป็นนี่….    ต่ายคิด

ไทกริสมองกับข้าวตรงหน้า มีแต่กับข้าวที่มีควันลอยฉุย ทั้งต้มฟักกระดูกหมูอ่อน ทั้งแกงส้มชะอมไข่  ไหนจะปลาทอดที่เพิ่งถูกเอาออกจากไมโครเวฟนั่นอีก   
เหลือบไปมองคนข้างๆที่ตักข้าวที ตักกับข้าวที กินอย่างไม่สนใจอะไร ก็ต้องหันมามองจานตัวเอง  เขาหิวก็ใช่ แต่อาหารร้อนๆ เขาไม่ชอบเอาซะเลย อากาศที่ร้อนๆกับอาหารที่ร้อนอีก ทำให้เขาหงุดหงิดอย่างเสียไม่ได้

“เป็นอะไรไป” ต่ายหันไปมองไทกริสที่ถือช้อนค้างอยู่นาน แต่ไม่ยักจะตักอะไรซะที
“มันร้อน” พูดไป ก็จ้องไปที่อาหารราวกับสะกดจิตให้มันหายเย็น
“ก็เป่าเอาสิ ดูนะ” ว่าแล้วต่ายก็จ้วงช้อนกลางไปที่น้ำแกงส้ม ก่อนจะราดลงช้อนตัวเอง เป่าให้พอน้ำโคลงเคลงในช้อน ก่อนจะเอาเข้าปาก
“ซู้ดดด ฮ่าห์ อร่อย~”  เผลอทำหน้าฟินอย่างไม่รู้ตัว กับข้าวน้านีนี่ยังอร่อยเหมือนเดิม 

ฝั่งไทกริสที่ได้ดูการสาธิตการกินอาหารร้อนจากคนที่อายุมากกว่า แม้การสาธิตจะดูโอเว่อร์แอคติ้งมากไปหน่อยก็ตาม  แต่ก็ทำตามไป(แน่นอน แค่เป่าแล้วเอาเข้าปาก ไม่มีรีแอคชั่นเพิ่มเติม) เรียกสีหน้าปลื้มปริ่มจากคนข้างๆ

ไม่ใช่ว่าไทกริสกินไม่เป็น  แต่เขาก็ชอบให้พี่ชายคนนี้สนใจเขาบ้างมากกว่า........ พี่ชายที่หายไปเกือบสิบปี....

หลังฝากท้องกับมื้อที่ค่อนไปทางมื้อเย็นที่บ้านของไทกริสแล้ว  ต่ายก็ขอตัวกลับ บอกลาเจ้าของบ้านอย่างน้านีแล้วก็มาบอกลาลูกเจ้าของบ้าน

“ไปแล้วนะ แล้วเจอกันตอนเปิดเทอม” ต่ายบอกไทกริสที่ยืนส่งอยู่หน้าประตู
“ฝันดีนะ” ไทกริสบอก ทำเอาต่ายชะงักกับคำบอกลานี้ 
“อะไร จะนอนแล้วรึไง”  เขาว่าขำๆ แต่คำตอบที่ได้มาจะพาเงิบไปหน่อย
“อือ ง่วงแล้ว”  ไทกริสว่า พลางกระพริบตาอย่างเชื่องช้า เป็นเชิงว่าง่วงแล้วจริงๆ
“ฮ่าๆ พี่ว่าพี่ต้องบอกมากกว่า  ฝันดีนะไอ้น้อง” ว่าแล้วก็ลูบกลุ่มผมนุ่มนั่นอีกครั้ง แอบเห็นรอยยิ้มมุมปากน้อยๆ (ถ้าตาไม่ฝาดล่ะก็นะ)



มือเรียวบังคับพวงมาลัยไป  ปากก็ฮัมเพลงที่เปิดจากวิทยุไป

การที่ได้มาเจอกับไทกริสในวันนี้ก็รู้สึกว่า........น่าเป็นห่วงกว่าตอนเด็กๆอีก !

อย่างแรกคือ ไทกริสเซ้นสิทีฟกับแสงแดดจริงๆ ออกแดดนิดนึงก็แดงแล้ว อย่างงี้จะไปทำงานกลางแจ้งไหวไหม 

อ้อ ลืมไป เรียนบริหาร คงอยู่แต่ในห้องแอร์

อย่างที่สอง คือ มันไม่ถนัดกินกับข้าวร้อนๆ  อันนี้เป็นนิสัยเดิม เวลากินก๋วยเตี๋ยวอะไรงี้ ตอนเด็กๆก็จะคอยมีผู้ใหญ่คอยเป่าให้แหล่ะ แต่ถ้าอยู่กับเขา เรียกได้ว่าต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น  ไทกริสก็จะคนจนกว่าใช้ได้นี่แหล่ะ แต่กว่าจะกินได้ของไทกริส เส้นก็อืดกันไปก่อน  (แต่เด็กนั่นก็กินอยู่ดีนะ)

นึกแล้วก็คำท่าทางเก้ๆกังๆตอนที่เป่าอาหารไม่ได้  ทำอย่างกับไม่เคยงั้นแหล่ะ

ต่ายเชื่อว่า พออยู่ไปนานๆเข้าก็จะมีอย่างที่สามสี่ห้า อย่างที่ตามมาเป็นแน่แท้ ...


ครืด ครืด ครืด~

 เสียงสั่นของโทรศัพท์พร้อมริงโทนอันคุ้นหูที่ถูกตั้งไว้เฉพาะบุคคล ทำให้ต่ายหลุดจากความคิด หยิบโทรศัพท์เครื่องเก่งขึ้นมาดู พอเห็นชื่อคนโทรมาก็ยิ้มกริ่ม

- แชม เพื่อนเลิฟ in comming -

“ว่าไง เพื่อน”
    ‘ไงมึง ปิดเทอมที่หายเงียบเลยนะ’
“ได้ข่าวกูเพิ่งเจอมึงเมื่อสัปดาห์ก่อน”
   ‘มันต่างกันโว้ยย ไอ้เอกนัดเปิดตัวกิ๊กว่ะ ไปจอยกัน’
“เห้ยย อีกแล้วเหรอวะ”
   ‘ ไง สนไหมล่ะ’
“สนมันน่ะสน แต่นายแม่กูนี่ดิ คราวที่แล้วแทบไล่กูออกจากบ้าน”
   ‘คืนนั้นมึงก็เมาแอ๋เกินไป ฮ่าๆๆ’
“เผอิญมีหมามอมกูไง”
   ‘มันผ่านไปแล้วน่า  คราวนี้ถ้าเมากูลากมึงกลับคอนโดกูก็ได้ จะได้รอดจากนายแม่   อยากให้มานะเว้ย ไอ้เอกบอกมีของเด็ดนะเว้ยยย’
“เออๆ กูลองขอนายแม่ก่อน  ได้ไม่ได้ ยังไง............กูก็จะไป ฮ่าาา”
ปลายสายโห่ให้อย่างรู้กัน ก่อนจะนัดแน่สถานที่และเวลาแล้ววางสายไป 


ต่ายเลี้ยวรถเข้ามาส่วนของที่จอดรถ แต่ก็ชะงักกึกกับรถโฟร์วีลสีดำคันคุ้นตาที่จอดอยู่ก่อนหน้า ทำให้ต่ายต้องจอดต่อท้ายแทน
พอเดินเข้าบ้านมาก็ส่งเสียงทักคนที่นอนเอกเขนกดูทีวีอยู่ที่โซฟาทันที

“ไงพ่อ จำทางกลับบ้านได้แล้วหรอ” ต่ายเอ่ยทักพ่อด้วยน้ำเสียงกวนๆ  พ่อของเขาเป็นวิศวกรปิโตรเลียม
 นานๆจะกลับบ้านมาที แต่ก็ดีหน่อยที่กลับมาทีก็อยู่เดือนสองเดือน
 
“หัวใจมันร่ำร้องเว้ย” ทศธีร์ว่าก่อนจะยกเบียร์กระป๋องขึ้นจิบ  แล้วพยักเพยิดชวนให้ลูกชายให้มานั่งกินด้วยกัน
“ไม่อ่ะ เดี๋ยวจะไปกินกับเพื่อน แล้วแม่อ่ะ”
“ทำกับแกล้มให้อยู่” ต่ายพยักหน้าให้ ก่อนจะเดินไปที่ห้องครัว

“แม่~” ต่ายเรียกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ก่อนจะโผเข้าไปเกาะไหล่นาถลดา
“ว๊าย  เจ้าต่ายยย ตกใจหมด” นาถลดาที่กำลังทำพล่ากุ้งให้สามีสะดุ้งสุดตัว ดุเจ้าลูกชายตัวดีที่เข้ามาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง
“แห่ะๆ คืนนี้ขอไปกินเหล้ากับเพื่อนได้รึเปล่า”  ส่งสายตาปริบๆให้  นาถลดาหรี่ตาจ้องอย่างจับผิด ก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่ๆ คราวที่แล้ว ยังไม่เข็ดรึไง เมาจนกอดไอ้ถุงทองนอนอยู่กลางบ้านเนี่ย” แม่เขาพูดถึงเหตุการณ์ที่เมื่ออาทิตย์ก่อนที่เขาโดนพวกเพื่อนมอมเหล้า  เขาก็ไม่ได้คอแข็งอะไร อย่างเก่ง 2-3 แก้วก็ได้ที่แล้ว  นี่ล่อไปเกือบ 10 แก้วได้  ไม่เมาก็ไม่รู้ยังไงแล้ว ไอ้ตอนกลับมา เท้าดันไปโดนเจ้าแมวถุงทองที่นอนอยู่ที่พื้น  ไอ้เขาก็นึกว่าหมอนตก เลยหยิบ(อุ้ม)มันมานอนใน(ที่ที่เขาคิดว่าเป็น)ห้องนอน   

พอตื่นเช้ามาก็ได้ยินร้องลั่นจากมารดา   พอสร่างเมาได้นิดนึง มองไปรอบๆพบว่าที่ที่เขาคิดว่าเป็นห้องนอน มันกลับกลายเป็น
กลางบ้าน ก่อนแงะตัวเองจากกพื้นแล้วเดินเข้าห้องนอนที่อยู่ชั้นสอง  โดยมีเสียงแม่บ่นให้กำลังใจมาเป็นระยะๆ

“โห คราวนั้นผมโดนไอ้แชมมันมอมนี่” ต่ายรีบแก้ตัว
“แล้วคราวนี้จะไม่โดนรึไง” นายแม่ว่าเสียงสะบัด  หืมมมม นี่มันอารมณ์กำลังขอเมีย(ของพ่อ)ไปร้องคาราโอเกะรึเปล่าเนี่ย
“ไม่โดนหรอกน่า ผมไม่ให้มอมแล้วน่า  นะนะ”  ส่งสายตาน่าสงสารไปให้ แถมออฟชั่นเสริมเป็นเขย่าแขน  ไม่ระทวยก็ให้รู้กันไป
“ให้ตายสิ  น่าตีจังเลย” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นตีเขาดังป้าบ จนต้องร้องจ๊ากก
“ว๊ากกก แม่อ่ะ ผมเจ็บนะ”
“เจ็บสิดี จะได้จำ เหล้าน่ะกินทำไมนักก็ไม่รู้”  ต่ายรีบเข้าไปกอดอ้อนมารดาอย่างรู้งาน  ก็รู้ว่าเป็นห่วง  แต่เขาก็ไม่ได้ไปบ่อยอะไรขนาดนั้น แล้วไอ้เหตุการณ์อย่างนั้นก็เกิดขึ้นครั้งแรกเองด้วย
“อะไรๆ เสียงดังไปถึงหน้าบ้าน” พ่อเขาเดินเข้ามาสบทบ
“ก็ดูลูกคุณสิ  คราวก่อนเมาเละ ยังจะขอไปกินอีก”  ต่ายยักคิ้วจึกๆให้พ่อ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยักตอบอย่างรู้กัน
“ก็ปล่อยให้มันกินสิ  ลูกผู้ชายต้องอย่างนี้  ฮ่าๆๆ” ทศธีร์เดินเข้าไปกอดคอลูกชายแน่น  นาถลดาส่ายหัวอย่างปลงๆ  ก่อนจะปล่อยให้สองพ่อลูกแสดงความรักกันไป ส่วนตนก็ทำกับข้าวต่อ


ตกกลางคืน ต่ายแต่งตัวที่คิดว่าดูดี  ออกจากบ้านเพื่อไปร้านเหล้าที่แชมเพื่อนรักนัดไว้

เสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม ออกมาจากภายนอกผับ  บ่งบอกให้ต่ายรู้ว่าเขาไม่ได้ผิดที่แน่   

เดินเข้าประตูไป การ์ดหน้าประตูแอบเหล่เขานิดหน่อย  ต่ายยักไหล่แบบไม่ยี่หร่ะอะไร  อายุเขาผ่านเกณฑ์แล้วนี่

มองหากลุ่มเพื่อน ไม่นานก็เห็นพวกมันชูไม้ชูมือ ให้อารมณ์แบบผีมาขอส่วนบุญ

“เด็กชายศศินทร์มาแล้วคร้าบบบบ”  เอก ยกแก้วชูต้อนรับให้กับเพื่อนรัก พลางเอ่ยต้อนรับด้วยวาจากวนบาทา แต่ก็เรียกเสียงฮาลั่นจากเพื่อนในกลุ่ม ไอ้แชมกับเอกไม่เท่าไหร่มันถ่อยอยู่แล้ว แต่แกนที่ท่าทางเรียบร้อยกว่าพวกเขา  ยังเอากับเค้าด้วย

“พ่องง” ต่ายอวยพรให้เอก ก่อนจะรับแก้วจากแชม
“นึกว่าจะมาไม่ได้” แชมว่า
“กูบอกแล้วว่า จะมานี่หว่า  แล้วไหนกิ๊กมึง” ต่ายหันไปถามเอกที่นั่งจิบเหล้า

เห็นว่าจะเปิดตัวกิ๊ก ไม่เห็นมีซักคน

“เพิ่งไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้นี้เองว่ะ”  ต่ายพยักหน้าอย่างขอไปที  จุดประสงค์ที่แท้จริงไม่ได้มาเพื่อดูกิ๊กไอ้เอก แต่มากินเหล้าต่างหาก


ไม่นานนัก สาวเจ้าของตำแหน่งกิ๊กไอ้เอกก็เข้ามา
เรียกได้ว่า  ของดีจริงๆครับ

ก็นี่มัน ดาวคณะบริหารปีที่แล้วนี่นา   ไอ้เอกมันทำอีท่าไหนให้สาวสวยมาติดเนี่ย

“กวาง นี่ไอ้ต่ายเรียกมันว่ากระต่ายก็ได้นะ  ส่วนนี้กวาง แฟนกูเอง ” เอกแนะนำ แต่ไอ้ชื่อหลังต่ายแทบจะเอาเท้าถีบเป็นของแถม สาวเจ้าหัวเราะคิกคักด้วยท่าทางน่ารัก เห็นแล้วเสียดายไม่น่ามาหลงกลไอ้เอกเลย

“แหม ชื่อน่ารักจังนะคะ ทำเอาชื่อกวางดูแมนไปเลย” กวางว่า เขายิ้มแกนๆไปหา พอลับหลังก็ชูนิ้วกลางไปให้เอก

“เรียกต่ายก็พอครับ  ส่วนกระต่ายเนี่ย ลืมมันไปเถอะครับ” ต่ายว่า  เพื่อนข้างๆอย่างแชมขำก๊าก

“นี่พวกพี่อยู่วิศวะกันหมดเลยหรอคะ” กวางถาม  พวกเขาพยักหน้ารับ คุยอะไรกันนิดหน่อย ก่อนจะปล่อยให้คู่รักเขาหวาน(ท่ามกลางความหมั่นไส้ของพวกเขา)


คืนนี้ เป็นไอ้แชมที่เมา (จากการล้างแค้นของต่ายและฟิลความไร้คู่) มันเมาเพ้อพกจนต้องส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ   เป็นแกนและต่ายต้องแบกเพื่อนขี้เมาออกมาจากร้านเหล้า ส่วนเอกต้องไปส่งน้องกวาง
 
“ทิ้งมันไว้หน้าร้านนี่ได้ไหมเนี่ย ตัวหนักชิบหาย” แกนว่า ตัวแกนนั่นบางกว่าต่ายและแชมเกือบเท่าตัว 

ถ้าพูดถึงรูปร่างนั้นเขากับแชมน่าจะสูสีกัน ไม่บึกไม่บางพอดีๆ  ส่วนไอ้เอกนี่กล้ามปูของแท้  เอกมีพ่อเป็นนักมวยเก่า ซึ่งก็ผันตัวเองมาทำค่ายมวย ฝึกเด็กๆแทน เอกเลยได้อานิสงส์มา   ต่ายเองก็เคยไปฝึกอยู่ช่วงนึง เรียกได้ว่าพอมีวิชาบ้างแหล่ะ

“มึงกลับไปเหอะ เดี๋ยวกูไปส่งมันเอง” ต่ายตอบ   แกนทำหน้าลังเล   แต่ก็ช่วยเขาพยุงแชมจนมาถึงที่รถของเขา
“งั้นกูไปแล้วนะ”
“เออ ขับรถดีๆนะเว้ย”
“มึงก็ด้วยไอ้ต่าย พาเพื่อนกลับให้ดีนะ” แกนย้ำ  ต่ายหัวเราะในลำคอ


สุดท้ายปลายทางของต่ายก็เลยกลายเป็นคอนโดของแชมแทนที่จะเป็นบ้าน

เขาลากเพื่อนจนมาถึงหน้าห้องของมัน  ใช้คีย์การ์ดแตะที่หน้าจอก่อนจะใช้กุญแจไข  แต่ด้วยความที่ไม่ถนัดเอามากๆ เพราะเพื่อนตัวยุ่งของเขาชักเลื้อย ทำเอาหวิดจะล้มอยู่ร่อมร่อ

แกร๊ก!

ยังไม่ทันที่ต่ายไขประตูสำเร็จ  ห้องที่ไม่ควรจะมีใครอยู่ก็เปิดผ่างออกมา
 
“เห้ย!” ต่ายร้อง ก่อนมองหน้าคนที่เปิดประตูเพื่อนเขา

ร่างเล็กกว่าเขาซักคืบ ใบหน้าน่ารักถูกบดบังด้วยแว่นกรอบดำอันใหญ่  สวมเสื้อยืดตัวใหญ่สีดำ

“อ้าว ต่าย” คนตรงหน้าเรียก 

ต่ายที่เพิ่งประมวลผลเสร็จก็ร้องทัก

“พี่ไวน์”  คนตรงหน้าคือ พี่ชายของแชมหรือแชมเปญ  พี่ไวน์เรียนอยู่คณะศึกษาศาสตร์  อนาคตครูวิทยาศาสตร์
“รีบเอาเข้าห้องก่อนๆ” พี่ไวน์ว่า ก่อนจะช่วยต่ายพยุงน้องชายตัวดีเข้าห้องนอน

“โอ้ย เหนื่อย!  อ่ะ ขอบคุณครับ” ต่ายบ่นออกมา ก่อนจะสะดุ้งเมื่อพี่ไวน์ยื่นขวดน้ำมาให้
“ไปเมามาอีกสิเนี่ย” พี่ไวน์ยิ้มล้อ
“ฮ่าๆ นิดหน่อยครับ ว่าแต่พี่ไวน์ไปมายังไงถึงมาอยู่ห้องไอ้แชมล่ะเนี่ย”
“พี่เอาของฝากมาให้แชมน่ะ ขี้เกียจขับรถกลับเลยว่าจะนอนนี่  เอ้อ ของฝากต่ายก็มีนะ ไปหยิบเอาได้” พี่ไวน์ยิ้มให้ ต่ายก็ยิ้มตอบ

“ไปอาบน้ำเถอะ  ดูท่าจะเริ่มไม่ไหวแล้ว คืนนี้ก็ค้างนี้แล้วกัน” ไวน์พูด พลางมองไปที่เพื่อนของน้องชายที่ตาปรือๆเยิ้มๆ

ต่ายพยักหน้าอย่างเชื่องช้า ก่อนจะพาตัวเองไปห้องน้ำอย่างชำนาญทางเพราะเข้าออกคอนโดนี้มาเป็นร้อยๆครั้ง

น้ำเย็นๆทำเอาให้ต่ายรู้สึกสร่างเมาขึ้นเยอะ  พอออกจากห้องน้ำมา ก็เห็นพี่ชายเพื่อนรักนั่งดึงแก้มน้องชายที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยย่างเมามัน ดูแล้วเจ็บแทน  แต่ก็น่ารักไม่หยอก

ตั้งแต่ที่พวกเขารู้จักกันมา  สองพี่น้องก็น่ารักแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร คนน้องดูแลพี่ ส่วนคนพี่ชอบแกล้งน้อง(ตอนเมา) แต่ถ้าไม่เมาก็ชอบง้องแง้งใส่น้อง

 
พอย้อนกลับมาที่เขากับไทกริส ....

บรื๋อ  ขนลุกพิลึก~


Beva talk :  มะมะมะมาแล้วค่าาาาา  เกือบหานิยายตัวเองไม่เจอ ตกมาอยู่หน้า 3 แหน่ะ  :a5:  แห่ะๆ เนื้อเรื่องยังดูไปไม่ถึงไหนเลย  ใจเย็นๆกันน๊า เพิ่งตอนสองเองงง   
พี่ต่ายทำมาเป็นขนลุกก :hao7: เดี๋ยวเจอน้องอ้อยใส่แล้วจะหนาว

มีเรื่องจะสอบถามค่ะ คือเพื่อนของคนเขียนบอกว่าชื่อเรื่องดูไม่ดึงดูด  คนอ่านว่าจริงไหมคะ   :mew6:  ควรจะเปลี่ยนดีไหม  แต่ๆๆสกิลการตั้งชื่อเรื่องของคนเขียนก็ต่ำมากอ่า  :hao5:  เลยอยากจะถามคนอ่านว่า ควรเปลี่ยนชื่อเรื่องไหม หรือว่า อันเดิมดีอยู่แล้ว  :mew2: ถ้าเปลี่ยนก็คงอารมณ์ เด็กโค่งจอมดื้อ กับ พี่เลี้ยงจำเป็นอะไรเทือกๆนี้   (สิ้นคิดมาก ) ยังไงก็ช่วยเสนอมาได้เลยนะคะ > <
 
รักชอบอยากติชมอะไร เม้นเลยค่ะเม้นนนนน  ชอบอ่านน รู้สึกมีกำลังใจในการแต่ง  :mew1:
สุดท้ายนี้ ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และมาเม้นนะคะ  :pig2: :pig4:

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
หืมมมม นี่เข้ามาเพราะชื่อเรื่องเลยล่ะค่ะ :katai2-1:

ออฟไลน์ chaweewong19841

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-2
ชอบอ่ะ ไม่ใช่พี่ไวน์มาอ่อยกระต่ายนะ

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ชอบมากค่ะ มาต่อบ่อยๆนะคะ  :กอด1: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
สนุกดีค่ะ รอติดตามต่อนะคะ

ปล.เราเข้ามาเพราะชื่อเรื่องอ่ะค่ะ เราก็ว่ามันก็น่าสนใจดีน้า แต่ดูเหมือนจะดราม่าอ้ะ ถ้าดูจากชื่ออ่ะนะ

ออฟไลน์ mayomhwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เข้ามาเพราะชื่อเรื่องเหมือนคนอื่นๆเลยค่ะ

อยากอ่านต่อแล้วววว  :o8:

ออฟไลน์ temaripik

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ bevobova

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
บทที่ 3 เปิดเทอม

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชีวิตของต่ายก็จะเริ่มเปลี่ยนไป..... 

เอ่อ ... จริงๆมันก็ไม่ได้เป็นภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นหรอก  แค่ดูแลนิดๆหน่อยๆเท่านั้น


 “ไง ไอ้ลูกชาย เปิดเทอมแล้วเหรอวะ” ทศธีร์ผู้เป็นพ่อเอ่ยทัก
“ยังพ่อ นี่ซ้อมใส่” ต่ายตอบไป เรียกสายตาทิ่มแทงจากแม่ที่ยืนจัดโต๊ะอยู่ไม่ไกล แต่พ่อกลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“รีบๆกินเข้า เดี๋ยวน้านีมารับ”  ต่ายชะงักมือจากที่กำลังตักข้าวต้ม
“หืม”
“ยังมาหงมาหืมอีก  เราต้องดูแลน้องจำไม่ได้รึไง”
“อ่ะ  อ้ออ ” ต่ายลากเสียงยาว ก่อนจะลงมือกิน 


ไม่นานก็มีเสียงแตรรถดังจากหน้าบ้าน
“สงสัยจะมาแล้ว”  ต่ายพยักหน้ารับ ก่อนจะสะพายกระเป๋าแล้วลุกออกไป
“แม่หวัดดี พ่อหวัดดี”


“น้านี สวัสดีครับ”
“จ้า”
ต่ายยิ้มกว้างก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่ง 


ระหว่างทางไปมหาลัย นีรดาก็ชวนคุยไม่หยุด ต่ายก็พอตอบบ้าง หัวเราะบ้าง แต่กลับลูกชายตัวจริงนั่น นั่งเงียบกริบ   

ครั้นเอ่ยปากพูด....

“แม่ครับ”
“ว่าไงครับน้องไทก์” นีรดารีบขานรับ
“ไทก์อยากอยู่คอนโด”
กริบ~...  เป็นฝ่ายนีรดาที่เงียบกริบซะเอง
“ทำไมล่ะคะ  ไม่อยากอยู่บ้านหรอ”
“.....มันไกล”

นีรดาส่งสายตามาทางกระจกมองหลังมาที่ต่ายที่กำลังประมวลผลคำพูดของไทกริสอยู่

“เอ่อ กริส  นายอยู่คนเดียวได้รึไง”
“...... ขับรถไกล เดี๋ยวแม่เหนื่อย” โธ่ เด็กน้อย เป็นห่วงแม่สินะ ....

“แม่ไม่เหนื่อยหรอกนะคะน้องไทก์ มากกว่านี้แม่ก็ทำให้ได้  แต่ถ้าน้องไทก์ว่าแบบนั้น แม่จะไปคุยกับแด๊ดดู คุยกับแกรนด์ฟาแกรนด์มาด้วย  ถ้าโอเค แม่จะหาให้ เข้าใจไหมครับ” นีรดาพูด
“ครับ” ไทกริสรับคำ ก่อนจะยิ้มให้แม่น้อยๆ (น้อยจริงๆ ซึ่งในความรู้สึกต่าย เหมือนกระตุกมุมปากขึ้นมา)

แต่สำหรับของนีรดานั้น รอยยิ้มเล็กๆนั้นเป็นดั่งโอเอซิสท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ  การที่ทำให้ลูกชายที่แสนเย็นชาแสดงความรู้สึกซักอย่างให้เธอได้รับรู้ ก็เหมือนเป็นการเปิดใจยอมรับ "แม่" ที่ไม่ได้ใส่ใจลูกตลอด 6 ปีที่ผ่านมา
.
.
.
.

“เออ ถึงแล้ว รีบมาแล้วกัน   น้านีจอดตรงนี้ก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องไปวนรถออก”  ต่ายกรอกเสียงให้คนปลายสายรู้ ก่อนจะหันไปบอกนีรดาที่มองซ้ายขวาหาที่จอดให้

 “บ๊ายบายค่ะ กู๊ดบอย” ต่ายยิ้มให้ ก่อนจะบอกขอบคุณ
 
ต่ายพาเด็กโค่งตัวขาวมาตามทางที่ไปคณะบริหาร  ด้วยอาคารที่อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่  ต่ายจึงเลือกเดินไปส่ง แทนการนั่งรถรางของมหาลัย

 ตลอดทางมาเขารู้สึกเหมือนถูกมองตลอดเวลา แต่พอคิดไปคิดมา  คนที่โดนมองน่าจะเป็นคนข้างๆมากกว่า
ให้ตายเถอะ  เสียเรตติ้งจริงๆ

“นี่กินอะไรมารึยัง” ต่ายถาม  พออีกฝ่ายส่ายหัว ก็เผลอย่นคิ้วอย่างแปลกใจ
”กินไม่ทัน”  ไทกริสตอบ ราวกับว่าอ่านใจเขาออกงั้นแหล่ะ
“อ้าว  งั้นแวะกินก่อนแล้วกัน” ต่ายเปลี่ยนเส้นทาง มาเป็นพาอีกคนไปที่โรงอาหารกลางแทน



โรงอาหารในยามเช้าเปิดเทอมนั้น  ไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะมันยังไม่ถึงเวลาด้วย 

“อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้”
“เดี๋ยวไปด้วย” ไทกริสปฏิเสธ ก่อนจะจูงคนอายุมากกว่าไปที่โซนขายอาหาร 

ในระหว่างที่ไทกิรสกำลังสั่งอาหาร คนโดยรอบข้างก็ให้ความสนใจไอ้เด็กตัวขาวนี้มาก ทั้งแอบถ่ายรูป ทั้งซุบซิบ  จนเขาแอบหวั่นๆว่าเจ้าตัวจะโมโหไหม

“กระต่าย”
“ห๊ะ”
“ไม่กินหรอ”
“ไม่ๆ พี่กินแล้ว” ไทกริสมองต่ายนิ่ง ก่อนจะยื่นกล่องแซนวิชมาให้   ต่ายก็รับมาอย่างงๆ
“เผื่อหิว” ว่าแล้วก็ยกจานข้าวตัวเองไปนั่งกินที่โต๊ะ ปล่อยให้ต่ายยืนงงอยู่ซักพัก
“ขอบใจนะ” ต่ายเปิดกล่องแซนวิชแบบพอดีคำ 4 ชิ้น หยิบมากินชึ้นนึง แล้วก็ปิดกล่องไว้อย่างเดิม
“จำทางมาโรงอาหารได้รึเปล่า” ต่ายเอ่ยปากทาง เผื่อตอนเที่ยงไทกริสจะมากินที่โรงอาหารนี้
“....มั้งนะ” ไทกริสตอบมาอย่างไม่แน่ใจ   
“หึหึ เลิกเรียนก็โทรหาพี่แล้วกัน” พูดพลางจัดการขยี้กลุ่มผมที่นุ่มเหมือนก้อนขนไอ้ถุงทองแมวที่บ้าน


กรี๊ดด~
เขาชะงักมือ เมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆจากสาวๆที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ก่อนจะหันไปยิ้มบางๆให้ เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะหันมองมาทางนี้

“ไปห้องเรียนถูกใช่ไหมเนี่ย  ห้องที่เราเคยเข้าน่ะ”
“อืม ชั้น 9 ห้องที่ 14”
“โอเค เก่งมาก”

ต่ายที่ได้ตารางเรียนของไทกริส หลังจากที่ตรวจดูคาบและวิชา พบว่ายังไม่เยอะเท่าไหร่ แต่มีเรียนทุกวัน ห้องเรียนส่วนใหญ่ก็อยู่ที่ตึกคณะ มีเพียงวันศุกร์ที่ต้องไปเรียนอาคารบรรยายรวม

พอไทกริสกินข้าวเสร็จ ต่ายก็พาไปส่งที่ตึกคณะบริหาร

แอบเหล่สาวๆคณะนี้ซะหน่อย เพราะเขาว่าเด็ด
แต่ต้องแห้วเพราะสาวเจ้าไม่มองเขา มองแต่เด็กโค่งตัวขาวแทน

“มีอะไรก็โทรหาพี่ โอเคนะ?” ต่ายถาม 

เขาชักจะเข้าใจความรู้สึกของน้านีแล้วสิ  ไทกริสไม่ใช่พวกเด็กเอ๋อนะ แต่อารมณ์แบบเฉื่อยชา ถ้าไม่อยู่อารมณ์ใครก็บังคับไม่ได้  แต่โชคดีในชีวิตนิดหน่อย ที่ไทกริสไม่ค่อยพยศเท่าไหร่ในรั้วมหาลัย  ยกเว้นตอนรับน้องน่ะนะ     
ที่เป็นอย่างนี้ก็คงเป็นเพราะ ไทกริสเป็นลูกหลง อายุห่างกับพี่สาวตั้ง 10 ปี ด้วยช่วงอายุที่ต่างกันทำให้ไทกริสกับเหล่าพี่สาวไม่ค่อยสนิทกัน  อีกทั้งพ่อหรือลุงอาเทอร์ที่ไม่ค่อยได้ดูแลไปมาระหว่างฮังการีและไทย เลยมีแต่น้านีที่คอยดูแล  ซึ่งก็คงพยายามเต็มที่ให้ไทกริสไม่รู้สึกตัวเองขาดความอบอุ่น   แต่ก็โชคดีที่มีต่ายที่อายุไล่เลี่ยกัน เลยมาเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็ก แต่พอต่ายย้ายไป ไทกริสก็ต้องโดนย้ายไปฮังการี  ทำให้ชีวิตดูไม่มีความคงที่ การแสดงออกก็เลยกลายเป็นแบบนี้

“อืม ไปนะ” ต่ายพยักหน้ารับ  มองเด็กโค่งที่เดินเข้าลิฟต์ไป  แล้วค่อยเดินออกมา

“ไง เพื่อนร๊ากกกก”  แชมรีบคว้าคอเพื่อนตัวสูงผิวแทนทันทีที่เห็น
“อึดอัดโว้ยย” ต่ายบ่น แชมหัวเราะก่อนแต่ก็ไม่ยอมปล่อย เพียงแต่ผ่อนแรงให้เบาลง
“ไหนว่ามานานแล้ว” เอกถาม
“ไปส่งเด็กมา”
“อ๊ะ ฮันแน่!!!~” ต่ายปัดมือเอกทิ้ง เมื่อโดนชี้หน้า
“แน่ พ่อง”
“เด็กที่ไหน  ขาวปะ” แกนที่เพิ่งโผล่หัวจากโทรศัพท์ถาม  รายนี้ชอบเด็กขาวใสสไตล์ญี่ปุ่นเกาหลี  ซึ่งเขาอยากจะไล่ให้มันออกนอกประเทศ เพราะไม่ได้ดูแสงแดดประเทศไทยเลย  ใครมันจะขาวใสได้กัน!

“หึ โคตรรรรรขาวเลย”  ต่ายเน้นคำว่าโคตร จนเพื่อนร้องอู้หูวตาม
“สูง สวย โนตม?” แชมถาม
“สูงน่ะใช่  แต่ขอโทษที ผู้ว่ะ” เขาตอบ  เรียกสีหน้าเงิบจากเพื่อนไปตามๆกัน
“โหย ไอ้ต่าย มึงนะมึง”  แชมโบกหัวเขาเบาๆ ก่อนจะนั่งลงอย่างหัวเสีย 

คงจะจินตนาการไปไกลแล้วสิท่า ~

“เออๆ  นี่กูได้ยินจากพี่ดาบอกว่า เห็นเด็กปีหนึ่งคนนึง หล่อลากสูงยาวเข่าดี เป็นลูกครึ่งด้วย  ผิวขาวมาก ตัวเกร็งเดือนแน่ๆ”
ต่ายรู้สึกทะแม่งๆกับคำว่า ลูกครึ่ง ผิวขาวนี่แหล่ะ   แต่มาคิดๆดู  เด็กปีหนึ่งลุคอินเตอร์มีตั้งมากมาย คงไม่น่าใช่ไทกริส

“ทำไมมึงสน? แค่ดาวบริหารไม่พอ” แกนถาม แต่ก็โดนเพื่อนตัวใหญ่ดีดปลายจมูกรั้นๆ
“นานแล้วที่ไม่เห็นพี่ดากรี๊ดกร๊าดผู้ชายนี่หว่า” เอกว่า เพราะพี่รหัสของเขาออกจะเป็นผู้หญิงที่ดูแมนแมนคุยกัน  จนบางครั้งเขาก็ลืมไปว่าพี่รหัสคนนี้นั้นเป็นผู้หญิง

“แปลว่าเด็ดจริง”
“เออ  อยากเห็นว่ะ เดี๋ยวให้พี่ดาส่งรูปมาให้ดูด้วยดีกว่า”
.
.
.

หลังการบรรยายในช่วงแรกเสร็จสิ้น นักศึกษาเกือบร้อยชีวิต แทบจะหมดแรง เพราะอาจารย์เล่นจัดหนักตั้งแต่วันแรกคาบแรกของวันเปิดเทอม

“นี่ถ้า ‘จารย์ไม่บอกว่าเป็นเนื้อหาที่เรียนตอนปีสองนี่กูคงนั่งงมอยู่นานว่าอ่ะ” แกนว่า ในสมุดเลคเชอร์มีเส้นโยงนู่นนี่สับสนไปหมด   จากพวกเขาในหลุ่ม แกนนี่เด็กเรียนที่สุดแล้ว

“กูก็ว่างั้น นี่ขนาดกูงีบ เสียงอาจารย์ยังลอยเข้ามาในหู” แชมว่าต่อ 

ต่ายหัวเราะ เมื่อได้ยินเพื่อนๆบ่นกันอย่างหัวเสีย ส่วนเขานะหรอ พระอินทร์เรียกตั้งแต่อ.เปิดสไลด์แรก 
ก่อนจะสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นขึ้นมา

กริส incoming call

“อ่า ว่าไง เลิกเรียนแล้วหรอ”
  ‘อือ กระต่ายมารับหน่อย’
“อ้าว โอเค ออกมารอหน้าตึกเลย เดี๋ยวไปหา” ปลายสายอือออ ก่อนจะกดวางสายไป

“ไงพวก จะไปส่องสาวบริหารหน่อยมะ กูจะไปรับเด็ก” สหายทั้งสหายผิวปากหวือ (ขนาดไอ้เอกที่มีน้องกวางแล้วยังไม่เว้น ) ก่อนจะตอบตกลงกันอย่างไม่ลังเล

“ทำไมมึงต้องดูแลเด็กขนาดนั้นเลยวะ” แชมถามขึ้น ระหว่างที่เขาและเพื่อนเดินไปที่คณะบริหาร
“ก็แม่เขาขอมาอีกอย่างกูก็รู้จักมาตั้งแต่เล็กๆแล้วด้วย” ต่ายยักไหล่ตอบ
“อ้าว กวางนี่หว่า ” เอกพยักเพยิดไปที่สาวๆที่ยืนอยู่หน้าตึกคณะกับไทกริสที่ทำหน้าตายกับบุคคลที่คาดว่าจะเป็นเพื่อนของไทกริสอีกสองคน
พอต่ายเดินเข้าไป ก็ได้ยินบทสนทนาขึ้น
“นะ น้องไทกริส เป็นเดือนให้คณะเราเถอะนะ”  ไทกริสกลอกตาไปมา ใบหน้าหล่อส่ายดิ๊กอย่างเดียว
“เห่ยย ยูเอาเถอะน่า  ไอว่ามันดีนะ” คนที่ยืนอยู่ข้างๆไทกริสเอ่ยขึ้ย  ต่ายเพิ่งสังเกตว่า เพื่อนของไทกริสนั่น หน้าฝรั่งกันทุกคน! งี้ไอ้ที่เอกพูดเมื่อเช้าคงไม่ใช่แล้วล่ะมั้ง
ไทรกิสคงจะเจอพวกเดียวกันแล้วสินะ

"เห้ยมึง นั่นไงเด็กคนนั้นที่พี่ดาบอก" ไอ้เอกรีบสะกิดต่ายยิกๆ ชี้ไม้ชี้มือไปที่พวกไทกริส
"หา!"
“กระต่าย” พอไทกริสเห็นเขาเดินเข้ามาก็เรียกทันที   แต่ต้องชะงักกึกเมื่อสหายทั้งสามของต่ายที่ทำหน้าหวอ แล้วหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไริทราบพวกมึง” ต่ายพูดลอดฟันออกมา  พวกเพื่อนเหมือนจะกลัวแต่ก็ไม่วายกลั้นขำจนไหล่สั่น
“อ๊ะ พี่เอก!  สวัสดีค่ะพี่ๆ” น้องกวางปรี่เข้ามาเอกเป็นอันดับแรก แต่ก็ยังใจดีเผื่อแผ่คำทักทายมาที่พวกเขาที่ยืนหัวโด่อยู่ข้างกันด้วย

“เกิดอะไรขึ้นหรอ” ต่ายออกปากถามขึ้น เมื่อดูสถานการณ์วาจะไม่ค่อยสู้ดี (ในสายตาของเขา) 
“เอ่อ คือกวางอยากให้น้องไทกริสประกวดเดือนของคณะน่ะค่ะ”  คนสวยพูดเสียงอ่อย  โดยมีเพื่อนอีกคนช่วยพยักหน้าหงึกๆอยู่ข้างๆ
“ไม่สนหรอ กริส” มองจากสีหน้าแล้ว คงจะไม่สินะ
“พี่ให้ใบสมัครไว้ก่อนก็ได้ ให้สามคนนี้เลย ถ้าเปลี่ยนใจมาบอกพี่ได้ตลอดเลยนะ” กวางจัดการยัดกระดาษเอสี่สีขาวยื่นให้ไทกริส และผองเพื่อนผู้ร่วมชะตากรรม?!
“เฮ้ๆ ไอไม่เกี่ยวนะคนสวย” หนึ่งในเด็กฝรั่งหัวดำพูดขึ้น
“ช่วยพี่หน่อยนะ เนี่ยพวกน้องๆถูกใจพวกพี่มาตั้งแต่วันปฐมนิเทศแล้ว” เพื่อนน้องกวางอีกคนพูดขึ้น

ไทกริสย่นคิ้วให้ แต่ก็เก็บใบสมัครลงกระเป๋าหนังยี่ห้อหรู
“ลองไปถามน้านีดูสิ  เผื่ออยากได้ลูกชายเป็นเดือนนะ”  ต่ายว่าขำๆ  แต่ผลที่ได้คือสีหน้าเรียบตึง 
 ไม่น่าเล่นเลยแฮะ!
“ดูทำหน้าเข้า ปะ ไปกินข้าวๆ  นี่จะไปด้วยกันมั๊ย” ประโยคแรกคุยกับเด็กโค่ง ส่วนประโยคหลังก็กันไปถามผองเพื่อนฝรั่ง
“ไปครับ”  หน้าฝรั่ง แต่พูดไทยชัดแจ๋วเลยแฮะ

และแล้วพวกเขาทั้ง 6  (อันได้แก่ ต่ายและผองเพื่อน ไทกริสและสหายฝรั่ง ส่วนเอกและน้องกวางขอไปกินกันสองคน)ก็พากันไปที่โรงอาหาร

ระหว่างทางก็อีหรอบเดิม สาวๆมองกันคอแทบหลุด

ก็แหม ลำพังพวกเขาก็หน้าตา(เกือบ)ดีอยู่แล้ว
ยิ่งพอพ่วงคนอื่นๆมาด้วยอีก   โรงอาหารจะแตกก็คราวนี้

พวกเขาเลือกนั่งหน้าร้านอาหารตามสั่งเจ้าเด็ด โชคดีที่คนยังไม่มากเท่าไหร่ เลยไม่ต้องรอคิวนาน   
เขียนเมนูใส่กระดาษเสร็จ ก็มานั่งรอกันที่โต๊ะ รอให้แม่ค้าเรียกแล้วค่อยไปเอา 

“มาแนะนำก่อนดีกว่า  นี่พวกมึง  นั่นไทกริส น้องกู  ส่วนกริส ไอ้หัวตั้งๆนั่นชื่อแชม ส่วนไอ้เตี้ยนี่ชื่อแกน” ไทกริสพยักหน้ารับเบาๆ  แต่พวกเพื่อนเขานี่แทบจะบีบคอเขา โทษฐานที่แนะนำไม่ดี

“แล้วนั่นเพื่อนใหม่ใช่ไหม” ต่ายชี้ไปที่เด็กฝรั่งผมดำทั้งสอง
“อือ โจกับฟราน” ต่ายยิ้มให้ให้กับเพื่อนใหม่ของกริสที่ยกมือทัก

“กูไม่คิดว่ายังมีคนเรียกมึงว่ากระต่าย” แชมว่า 

แชมเป็นเพื่อนกับต่ายตั้งแต่สมัยมัธยม (ตั้งแต่ที่เขาย้ายมา) ซึ่งตอนนั้นเขาก็แนะนำตัวไปว่า ชื่อต่าย แล้ว  แต่มันเสือกปีนเกลียวมาเรียกเขาว่ากระต่าย  ก็เลยโดนตีนกระต่ายไปกิน  จ๋อยไปเลยพักนึง  จากนั้นมันก็มาทำตัวสนิทกับเขา  จนกลายเป็นเพื่อนรักของต่ายจนถึงทุกวันนี้   ส่วนเอกและแกนรู้จักตอนรับน้อง เพราะอยู่กลุ่มเดียวกัน ไปๆมาๆ ก็เลยเป็นแก๊งค์พวกเขาสี่คน

“ก็เรียกกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้วอ่ะนะ”
 “พอมีคนมามึงเรียกแบบนี้ กูว่ากูไม่ชิน ฮ่าๆๆ” แกนว่า ก่อนจะหัวเราะลั่น เมื่อนึกถึง กระต่ายที่เป็นสัตว์กับเพื่อนของเขาที่ถูกเรียกว่ากระต่าย  มุ้งมิ้งไหมล่ะ 

“เดี๋ยวมึงได้โดน” ต่ายชี้หน้าคาดโทษ   ครั้นมองไปที่ไทกริสที่คุยหงุงหงิงเบาๆกับเพื่อนฝรั่ง ก็อดยิ้มไม่ได้  เขาคิดว่าไทกริสจะหาเพื่อนไม่ได้ซักอีก

โฟ่วกันไม่นาน แม่ค้าก็เรียกให้ไปเอาข้าว

“สรุปไม่สนกันหรอ” ต่ายถามไทกริสอีกรอบ เมื่อนึกถึงใบสมัครที่ยังนอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าของอีดฝ่าย 
ไทกริสส่ายหัวให้อีกครั้ง  ส่วนเพื่อนก็ยิ้มแกนๆมาให้
“ผมขี้อายอ่ะ  ให้ไทกริสยังจะดีซะหว่า” คนที่ชื่อ โจ ว่า รายนี้ก็หน้าตาดูไปทางคนเอเชียกว่าอีกคน  ไม่ได้หล่อเด่น แต่ก็ดูมีเสน่ห์ โดยเฉพาะเวลายิ้ม  เห็นแล้วเหมือนหมาพันธุ์โกลเด้น ลาบาร์ดอร์ เทือกๆนั้น

“ไอก็ว่างั้น ยูลงไปเลย สาวตรึมแน่คราวนี้”  ฟรานว่า รายนี้หล่อแบบเลวๆ เวลายิ้มแล้วนึกถึงตัวร้ายในหนังตลอด 

ต่ายแย่งในใจว่า ไม่ต้องสมัครเดือนแค่นี้ก็ตรึมอยู่แล้ว !
“พี่ตามใจนายแหล่ะ  ไม่ได้ว่าอะไรหรอก”

หมดคาบเรียนตอนบ่าย ต่ายก็ต้องมานั่งรอไทกริสอยู่ที่ใต้อาคารคณะบริหาร  ยังดีที่มีลมเย็นๆให้พอเป่าเหงื่อแห้งบ้าง 

ส่วนเพื่อนๆเขาน่ะหรอ รีบชิ่งตั้งแต่อาจารย์ยังไม่ทันเก็บของออกจากห้อง   ไอ้เอกนี่ไปรับแฟนมัน ส่วนสองตัวที่เหลือคงไม่พ้นไปเล่นเกม

นั่งไถเฟสบุ๊ค ทวิต ไอจีไป 5 รอบเศษ   ไทกริสและผองเพื่อนก็เดินลงมา
“กระต่าย”
“หืม”
“โจกับฟราน ใครหล่อ” ต่ายอ้าปากเหวอกับคำถามนี้  คือเจ้าตัวก็ยืนอยู่ตรงนี้  จะให้เขาตอบ
นี่ถ้าเขาตอบไม่ถูกใจใคร เขาคงไม่โดนยำตีนใช่ไหมนี่

“ตอบมาเลยครับพี่  พวกเรากำลังเลือกไม่ถูกว่าใครจะลงดี” โจว่าอย่างขำๆ  พลางชูกระดาษเจ้าปัญหาเมื่อตอนกลางวัน

เอาจริงๆ คนที่สะดุดตาใครๆ น่าจะเป็นฟราน แต่โจเวลายิ้มก็ดูดีด้วยสิ แถมยังมีลักยิ้มด้วย 
 
ในขณะที่ต่ายกำลังคิดหนักราวกับเป็นข้อสอบระดับชาติ ร่างสูงของไทกริสก็เดินกระซิบข้างหู ทำเอาสมาธิของต่ายแตกกระเจิง

“ทำไมคิดนาน”
“หะเห้ย!!  ตกใจหมด”
“โธ่พี่ ไม่ต้องเครียดหรอก พวกเราชิลๆ เมื่อกี้เราก็เป่ายิงฉุบกันแล้ว ฟรานชนะ แต่หมอนี่ไม่ยอมซะงั้น  ไทกริสเลยบอกให้พี่เลือกดีกว่า”  โจบุ้ยปากไปที่ฟรานที่ยืนผิวปากชมนกชมไม้ ทำเหมือนตัวเองไม่ผิด

 ต่ายรู้สึกเหมือนคนน้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ออก ถ้าคนอื่นรู้ว่าสาขานี้เลือกเดือนมาด้วยวิธีนี้ คงมีเงิบแน่ๆ
“................พี่เลือก ”


:pig4: :pig4:
ฺBeva talk :  เลือกใครดี~   อิอิ   ขอบคุณที่ตอบกันมาน๊าา สรุปไม่เปลี่ยนแล้วล่ะ เอาอันนี้แหล่ะ  :katai2-1: 
เรื่องนี้บีว่าแต่งไปเรื่อยๆอ่าค่ะ แต่เป็นคนที่แต่งดราม่าอะไรไม่เก่ง คงจะแนวใสๆมุ้งมิ้งๆเกรียนๆมึนๆต๊องๆมากกว่า  :katai4:   ช่วงแรกๆจะเอื่อยๆหน่อยนะคะ อยากเก็บรายละเอียดก่อน ประมาณตอนที่ 5 น่าจะเริ่มเข้าสู่พล๊อตหลักๆแล้ว จะได้รู้ว่าไทกริสเป็นคนยังไง  :o8:
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เลยนะคะ  รุ้สึกมีพลังในการแต่งต่อ  นี่กลัวแป๊กมากเลย 
แอบตกใจห้องนี้ นิยายร่วงไปไวมาก  :mew5:
แต่ไม่เป็นไร ตราบใดที่ยังมีคนมาเม้นอยู่ เราก็จะแต่งต่อไป อิอิ  :hao7: :hao7: :hao7:

สุดท้ายนี้ อยากบอกอะไรกับคนแต่งเม้นได้เลยค่าาาา รักคนอ่านทุกคนนนน   :L1: :L2:

 



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-03-2016 00:24:12 โดย bevobova »

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
น่ารักดีค่ะ เนื้อเรื่องเรื่อยๆยังไม่ค่อยมีฉากมุ้งมิ้งเข้าพระนางเท่าไร (ก็เพิ่งตอนสามย่ะ)5555 รอนะคะมาต่อบ่อยๆน้า :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ไทกริสกับกระต่ายมีความมุ้งมิ้ง(ที่เราคิดไปเอง) ฮิฮิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
น่ารักอ่าาาาาาาาา

ออฟไลน์ Autonomyz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
มันมุ้งมิ้งแบบสัมผัสได้

เวลาเรียกว่า กระต่าย กระต่าย กระต่าย

น่าร๊ากกกก

ออฟไลน์ mayomhwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ค้างเลยยย พี่ต่ายจะเลือกใครรรรรรร  :z3:

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
น้องกริสดูร้ายนะเนี่ย ขี้อ่อยเชียว แล้วพี่กระต่ายจะไปไหนพ้น

ออฟไลน์ bevobova

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
บทที่ 4  ว่าแล้วไง!


“พี่เลือก นายแล้วกัน ฟราน”
“Oh no!! Whyyyyyyy!!” 
“ไหนๆนายก็เป่ายิงฉุบชนะแล้วนี่” ฟรานทำหน้าตาเหมือนกินยาขม ทำอิดออดเล่นตัวอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ยอมเขียนชื่อลงในใบสมัคร
“จากนั้นนายก็แค่เอาใบสมัครไปให้พี่สาวคนสวยคนนั้น”  โจพูด ฟรานกลอกตาขึ้นพลางถอนใจเฮือก

“เอาล่ะ  แม่นายมารึยังเนี่ย กริส” ต่ายหันถามคนตัวขาวที่ยืนเล่นโทรศัพท์อยู่
“กำลังมา”  ตอบต่ายทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้าจากโทรศัพท์
“โอเค” ต่ายพยักหน้า ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่นบ้าง 

ซักพัก ฟรานที่เอาใบสมัครไปส่งเดินกลับมาบอกลาพวกเขา

“เฮ้ ยู ไอกลับแล้วนะ” ต่ายหันไปพยักหน้าพลางโบกมือให้พอเป็นพิธี  ส่วนไทกริสก็ตอบรับในลำคอ ก่อนจะสนใจมือถือของตัวเองต่อ  ฟรานยักไหล่ให้คู่หูอย่างโจที่มองมาที่เพื่อนใหม่อย่างปลงๆ  ก่อนจะกอดคอกันเดินออกจากตึกไป



“กระต่าย”
“หืม?”
“ถ้าอยู่คอนโดได้ กระต่ายจะมาอยู่ด้วยไหม” ไทกริสถาม แววตาไม่ไร้อารมณ์เหมือนปกติ  แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ รู้แต่เพียงนัยน์ตาสีน้ำตาลตอนโดนแสงนั้นช่างประกายคล้ายกับสีของทองแดง

“ไม่เอาหรอก บ้านพี่ก็มี” ต่ายละสายตาจากนัยน์ตาชวนฝันนั่น ก่อนจะตอบ
“อยากให้อยู่”

ลมหายใจต่ายสะดุดไปกับคำพูดที่ดูเอาแต่ใจ 
ให้ตายเถอะ ไทกริสตอนโตนี่  ขั้นแอดวานซ์มาก


“ไปขอแม่ให้ได้ แล้วค่อยมาคุยกัน  โอเค๊” ต่ายตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ  ได้ยินเสียงหายใจฟึดฟัดแว่วๆ
“นี่”  ต่ายเรียก
“?” ไทกริสหันมาพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ดูพูดน้อยเนอะ” ต่ายยิ้มล้อ   

เขาสังเกตตั้งแต่เจอกันแล้ว ไทกริสเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ตอนเด็กออกถึงแม้จะไม่ใช่เด็กช่างพูดแต่ก็ไม่ได้เงียบอะไรขนาดนี้  รวมถึงท่าทางเอื่อยๆเฉื่อยๆเหมือนคนไม่อยากทำอะไรนี่ด้วย

 เกิดอะไรขึ้นกับเด็กโค่งในช่วง 10 ปีก่อนนะ

“ทำไม”
“ห๊ะ   อืมม  ก็แบบ  เปลี่ยนไปนะ”

ครืน ~ 
ไทกริสอ้าปากเหมือนจะพูด แต่โทรศัพท์ที่ถือไว้อยู่ก็ขัดจังหวะซะก่อน

“ครับ ...อยู่ครับ .........ครับ” ต่ายมองคนที่คุยโทรศัพท์อยู่ข้างๆ หน้าตาไม่บอกอารมณ์ไหน 

แต่ก็แปลกที่เขากลับรู้สึกชอบ มันเหมือนรูปปั้นในยุคโรมันยังไม่รู้ 

“แม่มาแล้ว” ก่อนที่ต่ายจะตกอยู่ในภวังค์ ไทกริสก็วางสาย แล้วหันมาพูด
“อ่า  โอเค กลับกัน”

เดินออกมา บริเวณเดิมที่เขาลงจากรถเมื่อเช้า ก็พบรถคันคุ้นตาจอดอยู่

“น้านี สวัสดีครับ”  ต่ายยกมือไหว้นีรดา ซึ่งหญิงสาวก็ยิ้มหวานรับ 
แต่พอหันไปมองลูกชายของตนที่เพียงแค่ยกมือไหว้พร้อมเสียงเบาๆในลำคอ ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก


“เป็นไงกันบ้างคะ เรียนวันแรก” นีรดาเอ่ยถาม ขณะขับรถออกจากรั้วมหาลัย 

ต่ายยิ้มแกนๆพลางนึกไปถึงบทเรียนที่ได้เรียนมาในวันนี้ เรียกได้ว่าลากเลือดเลยทีเดียว  ทั้งที่เพิ่งเปิดเทอมแท้ๆ

“ก็ดีครับ” ไทกริสตอบ
“งั้นเหรอ อยู่ได้ใช่ไหม” นีรดาถามลูกชายอย่างเป็นห่วง
“...ครับ  กระต่ายก็อยู่” พอไทกริสพูดถึง  ต่ายก็เกิดสำลักน้ำลายอย่างไม่รู้สาเหตุ  คำพูดมันกำกวมชะมัด
“ฮ่าๆ  งั้นน้องไทก์ก็อย่าดื้อกับพี่กระต่ายนะ เข้าใจไหม” นีระดาสอนลูกชาย

ซึ่งในมุมมองของต่าย ก็รู้สึกอบอุ่นเล็กๆ  แม้คำว่า ’อย่าดื้อ’นี้มันดูจะเกินอายุของอีกคนไปแล้วก็ตาม

“อ๋าา จะว่าไป แม่มีอะไรจะบอกด้วยล่ะ” นีรดาร้องขึ้น เมื่อนึกอะไรได้
ไทกริสเลิกคิ้วใส่อย่างงุนงง
“แม่คุยกับ แด๊ดแล้วก็แกรนด์ฟาแกรนด์มาแล้วนะ .... เขาบอกว่าจะยังไม่ตอบอะไร จนกว่าจะได้เจอกับน้องไทก์ก่อน”

ไทกริสหยุดนิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่ไปซักพัก ก่อนจะพยักหน้ารับ

“น้องไทก์ต้องเข้าใจแม่แล้วก็ทุกคนนะคะ  ที่ต้องทำแบบนี้เพราะทุกคนเป็นห่วงน้องไทก์กันทั้งนั้น”
“ผมเข้าใจครับ”
“เฮ้ออ เรื่องนั้นไว้ก่อนเนอะ   หิวกันรึยังน้องกระต่าย  น้าว่าจะพาไปกินชาบูเจ้าอร่อย”
“เอ่อ งั้นผมขอถามแม---”
“ไม่ต้องหรอกจ้า เพราะน้าเพิ่งแวะไปหาแม่น้องกระต่ายมา เห็นว่าจะชวนพ่อเราไปเดินเล่นแถวจตุจักร ให้พาเราไปได้เลย” ต่ายอ้าปากหวอทันทีเมื่อนีรดาว่าจบ

แม่กับพ่อหนีเขาไปเดทรึไงกัน !!!!

“ให้ตายสิ ทั้งคู่เลย” ต่ายสบถออกมาเบาๆ  แต่เหมือนนีรดาจะได้ยิน
“นานๆทีจะเจอกัน ก็ให้เวลาเขาหน่อยเนอะ”

แล้วเขาล่ะแม่  ???

แต่พอมานึกๆดู แม่คงจะคิดถึงพ่อมากแหล่ะ เพราะเห็นชอบเอาอัลบัมรูปสมัยยังจีบกันใหม่มาดูตอนว่างๆอยู่เรื่อย

น้านีพาเขากับไทกริสมาที่ร้านชาบูไม่ไกลจากหมู่บ้านของไทกริส  เห็นจำนวนคนในร้านก็แอบอึ้ง แต่ก็โชคดีที่พวกเขามากันสามคนเลยยังพอมีที่ให้นั่งอยู่  ลูกค้าที่นี่มีตั้งแต่พนักงานออฟฟิศยันเด็กมัธยม  คงเพราะราคาไม่แพงเลยเข้าถึงลูกค้ามากกว่าด้วย

“สั่งเลยจ่ะ ไม่ต้องเกรงใจ” น้านียื่นเมนูอาหารมาให้ต่าย  ด้วยความที่เขากินได้ทุกอย่าง เลยให้เป็นหน้าที่ของไทกริสกับน้านีไป

ของที่สั่งไปส่วนใหญ่จะหนักไปทางเนื้อสัตว์มากกว่า 
อันที่จริง ต่ายคิดว่าน้านีจะออกแนวเฮลตี้เน้นผักซะอีก แต่พอถาม หญิงสาวกลับหัวเราะ  แล้วบอกเขาว่า
“กินผักก็ไม่คุ้มสิคะน้องกระต่าย”

ซักพักหม้อชาบูก็มาตั้งหน้าพวกเขา เหลือบมองเด็กโค่งที่เริ่มขมวดคิ้วแล้ว 
นั่นไง ไม่ถูกกับของร้อนสิท่า เป็นแมวสินะ
จนพนักงานเซ็ตความร้อนอะไรเสร็จก็ออกไป  ไม่นานของที่สั่งก็ทยอยมาเสิร์ฟ  ถ้าเป็นต่ายกับเพื่อนนี่มีอะไรก็จับโยนลงหม้อ แต่พอมาทานกับน้านีแล้ว ..
“เนี่ย เนื้ออันนี้  มันบางเราแกว่งซัก 10 วิก็สุกแล้ว  อย่านานนะน้องกระต่าย น้องไทก์ เดี๋ยวมันจะแข็ง ไม่อร่อย”
“ส่วนอันนี้เขาแช่แข็งมา น้าว่าต้มให้นานๆหน่อยดีกว่า”
“ผักอันนี้ต้มแล้วก็กินเลยนะ เดี๋ยวมันจะเละไม่อร่อย”
“กุ้งต้องปลอกแบบนี้ ดูนี่นะคะ  ชึบ ชึบ ไงล่ะง่ายมั๊ย”
เรียกได้ว่าเหมือนกูรูอาหารมาเอง!


“น้องไทก์ไม่ทานหรอคะ ”  นีรดาว่าพลางมองกองเนื้อสัตว์ในถ้วยลูกชาย ที่เธอตักให้
“มันร้อนครับ”
“อ้ออ แม่ก็ลืมไปค่ะ แต่ว่านะ ของแบบนี้ต้องทานร้อนๆถึงจะอร่อยน๊า ใช่ไหมน้องกระต่าย” ต่ายที่กำลังสวาปามเนื้อวากิว สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ทั้งๆที่เคี้ยวเนื้อเต็มปาก

เห็นเด็กในความดูแลยังขาดความเชี่ยวชาญ?!   ต่ายเลยต้องโชว์เคล็ดลับความอร่อยที่สั่งสมมาตั้งแต่ปี1
คีบเนื้อร้อนๆเป่าเบาๆ 2 ที  จิ้มในไข่ดิบ จิ้มน้ำจิ้ม เอาเข้าปาก

ฮรืออ ฟินสิครับรออะไรอยู่

เด็กโค่งมองต่ายที่ทำหน้าฟินแล้วก็หัวเราะหึออกมา  ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบเนื้อในถ้วยเข้าปากบ้าง
 
จนครบชั่วโมงของทางร้านกำหนด  พนักงานก็เข้ามาพร้อมบิลค่าอาหาร  คุณแม่ของไทกริสยิ้มหวานก่อนจะหยิบบัตรเครดิตให้ไป 

“เป็นไงคะ อิ่มไหมน้องกระต่าย”
“อิ่มครับ  ขอบคุณน้านีมากเลยครับที่พามาเลี้ยง” ต่ายยกมือไหว้ขอบคุณนีรดา
“โอ้ยย ไม่ต้องขอบคุณน้าหรอกลูก  น้าต่างหากที่ต้องขอบคุณน้องกระต่ายที่ช่วยดูแลลูกชายของน้า” นีรดาว่า พลางลูบหัวไทกริสที่นั่งอยู่ข้างๆ 

 ภาพอันแสนอบอุ่น เรียกรอยยิ้มจากต่ายที่นั่งตรงข้ามไม่ยาก

.
.
.
.
.

ในที่สุดก็วันศุกร์!  ต่ายอยากจะกรีดร้องให้ก้องโลกว่าเขาโหยหาวันหยุดแค่ไหน  ต่ายไม่คิดว่าปี3 การเรียนจะหนักหน่วงขนาดนี้   นี่เปิดเทอมแค่สัปดาห์เดียว ต่ายและผองเพื่อนก็ได้โปรเจ็คเบาๆ 2  โปรเจ็ค ไม่รวมงานยิบย่อยอีก 

เขาอยากทิ้งตัวกับทุ่งหญ้าสะวันนารึเกิน


วันนี้เขามีเรียนตอนบ่าย แต่ไทกริสมีเรียนแค่เช้าอย่างเดียว เลยไม่ได้มาด้วยกัน  ฉะนั้นวันนี้เขาเลยต้องขับรถมาเอง


แต่ไหงพอเขาลงมาจากตึกคณะ  ถึงได้เห็นเด็กโค่งตัวขาวยืนล้วงกระเป๋าอยู่ใต้ถุนอาคารล่ะเนี่ย

“กริส!”  ต่ายร้องเรียก ไทกริสที่ยืนอยู่ก็เดินตรงเข้ามา
“กระต่าย กลับบ้านกัน” ต่ายส่งสายตาให้ผองเพื่อนที่เดินตามหลังมา

ซึ่งเจ้าพวกนั้นก็เข้าใจดี โบกมือบ๊ายบายเขาและไทกริสเสร็จสรรพ ก่อนจะเดินออกไปอย่างกับบอยแบนด์

“นี่นายรอพี่งั้นหรอ” ต่ายถามอย่างไม่แน่ใจ

เกิดหน้าแตกขึ้นมา ก็แย่สิ


“อือ อยากกลับกับกระต่าย” ไทกริสว่า แม้ใบหน้าจะนิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์

 แต่ในความคิดของต่ายนั้น เหมือนกับไทกริสกำลังอ้อนเขาอยู่?!

“อ่า โอเค  ร้อนไหมเนี่ย” ไทกริสส่ายหน้า  แต่ต่ายเห็นเหงื่อที่ซึมอยู่ตามไรผม  เลยยื่นกระดาษทิชชู่ให้ 

พออีกคนทำหน้างงใส่ก็จัดการ ใช้ทิชชู่แผ่นนั้นซับให้แทนเสีย

แม้บรรยายกาศจะดูออกม่วงๆก็ตาม  แต่สำหรับต่ายกลับรู้สึกดีแปลกๆ อาจจะเป็นเพราะมันเป็นสิ่งที่เขาเคยทำในสมัยเด็กด้วยมั้ง
 
“รีบไปดีกว่าเนอะ” พอเห็นสายตาคนอื่นๆ ที่มองมาที่เขาอย่างสนใจใคร่รู้แล้วต่ายเลยต้องรีบพาอีกคนขึ้นรถทันที

“จะรอก็ไม่บอกพี่  แล้วนั่งรอคนเดียวรึเปล่า” ต่ายซักถาม
“โจกับฟรานเพิ่งกลับไปเมื่อตอนบ่ายสาม”   ไทกริสชี้แจง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ต่ายรู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่ 
ก็นี่มัน ห้าโมงกว่าแล้วนี่นา  เพราะเขาต้องเข้าช๊อป กว่าจะผ่าน ต้องแก้อยู่หลายรอบ
“เฮ้อ ให้ตายสิ ทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย” ไทกริสหันขวับมา ต่ายแอบสะดุ้งเบาเมื่อมือขาวตบปุๆที่ผมของเขา
“อย่าโมโหเลยน่า  เดี๋ยวเลี้ยงไอติม”

ใครสั่งใครสอนให้พูดประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงโมโนโทนกันฮะ !

ให้ตาย แล้วทำไมเขาถึงรู้สึกปวดแก้มชะมัด



สุดท้าย เด็กโค่งก็พาต่ายมาเลี้ยงไอติมตามที่ตัวเองพูดจริงๆ 

อยู่กับไทกริสนี่ ต่ายรู้สึกว่าตัวเองอุดมสมบูรณ์ขึ้นเยอะ   

“อืม จะว่าไป พ่อนายจะมาหานายวันไหนเหรอ” ต่ายถาม
“พรุ่งนี้” ไทกริสตอบ มือขาวตักไอติมเข้าปากอย่างอร่อย   

ทีอย่างนี้ไม่ลังเลเลยนะ  ไม่รู้ว่าไม่จี๊ดสมองบ้างรึไง ถึงได้ตักเอาตักเอา  พอไปเทียบกับอาหารร้อนแล้วปฏิกิริยาคนละแบบจริงๆ

“ยังไงก็อย่างอแงล่ะ  จะอยู่คอนโดทำไมก็ไม่รู้ พี่ว่าอยู่บ้านก็ดีออก”

สำหรับต่ายที่มีบ้านอยู่ในกรุงเทพ แถมไม่ได้ไกลจากสถานศึกษา ยังได้กินกับข้าวฝีมือนายแม่อีก  แม้จะต้องไปต่อสู้กับการจราจรยามเช้าและยามเย็นก็ตาม เขาว่านี่มันดีกว่าการต้องไปอยู่ตัวคนเดียวด้วยซ้ำ

“ไม่อยากให้แม่ขับรถไกล”
“งั้นนายก็หัดขับรถสิ”
“ขับเป็นแล้วต่างหาก”
“อ้าว แล้วทำไมไม่ขับมาเอง”
“แม่บอกให้สอบใบขับขี่ที่นี่ให้ได้ก่อน”
“โว๊ะ ก็สอบซะทีสิ จะได้ไม่เป็นภาระของน้านีเข้าใจมั๊ย” ดีดหน้าผากขาวใสไร้รอยสิวนั้นเบาๆ 

ได้ยินอีกคนพ่นลมหายใจใส่ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าตักไอติมเข้าปาก ปฏิกริยานั้นทำให้ต่ายรู้สึกได้ใจ

จากดีดหน้าผากก็เลื่อนมาที่จมูกโด่งๆ

ป๊อก!!!
.
.
.
.
อ่ะ  กะแรงผิดไป

“เห้ย ขอโทษๆ”  ต่ายรีบยกมือขอโทษขอโพย

เขาดันดีดแรงไปหน่อย ปลายจมูกโด่งขึ้นแดงสีระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด  ขนาดเขายังรู้สึกเจ็บนิ้วเลย 

จากเสือกลายมาเป็นกวางเรนเดียร์เลย

ไทกริสสบถอะไรไม่รู้เป็นภาษาต่างด้าว?!  พลางลูบปลายจมูกตัวเองไป ต่ายเห็นความรู้สึกผิดก็ทิ่มแทงหัวใจ

“ไหนๆดูหน่อย” ใช้สองมือจับใบหน้าอีกคนไว้ ซึ่งไทกริสก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

“เพี๊ยง ความเจ็บจงหายไป” ต่ายค่อยๆยื่นหน้าตัวเองเข้าไป ใช้ปากเป่าเบาๆที่ปลายจมูกโด่งเป็นสันนั้น

ต่ายไม่รู้ว่ามุกที่เคยใช้เมื่อตอนเด็กๆนั้นยังจะได้ผลเหมือนเดิมรึเปล่า  แต่ในตอนนั้นเด็กชายไทกริสก็ไม่เคยร้องไห้เพราะความเจ็บอีกนะ   

ส่วนปัจจุบัน...
ใบหน้าหล่อเหลาที่ต่ายมองเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกชินซักที ไหนจะความวิบวับในนัยน์ตาสีน้ำตาลดั่งทองแดงนั้นอีก

ไทกริสนิ่งงันในทันใด

หยุดนิ่งแล้วสินะ ......
แปลว่าคาถานี้ยังได้ผลอยู่


TBC...



Beva talk :  มาแล้วค่าาาาา เคลียร์งานเสร็จก็มาลงเลยยย  :katai4:   คุณเห็นอะไรม๊ายยยยย!!!!  ถ้าไม่เห็นอ่านอีกรอบซะนะ อิอิ
 
เริ่มเข้าสู่พล๊อตที่วางไว้นิดนึงแล้วค่ะ  ตอนหน้าล่ะรู้เรื่องเลย(มั้ง) :mew3: 

เห็นบางคนสัมผัสถึงความมุ้งมิ้ง  ใช่แล้วค่ะ ไทกริสก็อ่อยพี่ต่ายตลอดแหล่ะ  ไม่รู้ว่าใครจะกินใคร  หึหึ  :katai2-1:
ไหนใครอยู่ทีมไหน  #ทีมกริสต่าย  #ทีมต่ายกริส   :hao7: :hao7: :hao7:

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเม้นค่าาาา  :pig4: 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-03-2016 00:23:46 โดย bevobova »

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
งื้ออออนิ่งเลยน้องไทกริส
คาถาพี่กระต่ายน่ารักจังงื้อออ

ออฟไลน์ PingPong_Hunlay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น่ารักกกกกกกกก :heaven

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
แค่พี่น้องจริงจริ๊งงงงงงงงงง =.,=

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
(แอบ)หวังว่าจะไม่มีดราม่านะครับ

ออฟไลน์ mayomhwan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฉากสุดท้ายฟินไปอีกกกกก  :-[ :-[ :-[

#ทีมกริสต่ายรัวๆๆๆ   อยากเห็นพี่ต่ายโดนกินค่ะ  :z1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด