บทที่ 26 เซอร์ไพร์ส!??????
ต่ายกลืนน้ำลายกับคำถามของแกน บางทีเขาอาจจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ถ้าไม่ไปเจอกับสีหน้าราวกับโลกจะสลายของเอกเสียก่อน
หมีใหญ่กำลังเสียสติ บ่นพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์
“ก็นะ” ยอมรับเสียงค่อย
มันจะน่าภูมิใจไหมล่ะ ที่คนแมนอย่างต่าย ต้องมาเป็นฝ่ายโดนเสียบ ถึงจะสมยอมก็เถอะนะ ....
แกนกับแชมหัวเราะในลำคอ สีหน้าราวกับผู้ชนะ ทำเอาต่ายชักคันไม้คันมือ อย่ากจะโบกเจ้าพวกนี้ซะทีสองที
สุดท้ายก็ต้องทำเมิน เพราะถึงเวลาเข้าเรียนซะก่อน ในขณะนั่งเรียน ยังไม่วายถูกล้อเลียนด้วยสายตาไม่หยุด
ต่ายได้ของขวัญจากสายรหัสมาสองสามชิ้น ส่วนใหญ่จะเป็นของกินมากกว่า พอถึงมือปุ๊บ ไม่ถึงชั่วโมงก็หมดปั๊บ เพราะมีวิญาณมาขอส่วนบุญเยอะ
“เออ พวกมึงหาที่ฝึกงานได้ยัง รีบทำเรื่องนะมึง เดี๋ยวไม่ทัน” แชมเอ่ยเตือน ต่ายที่กำลังดูดกาแฟเย็น ถึงกับสำลัก เพราะเขาเองลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท
“กูว่าจะไปแถวชลฯ นี่แหล่ะ” แกนว่า พลางตีมือเอกที่กำลังคว้าขนมของเขา
“กูยังไม่รู้เลย จะอยู่ออฟฟิศหรือไปไซต์งานดี” เอกตอบ
“มึงอยากทำงานจริงๆ หรือนั่งหลังขดหลังแข็งทำงานหน้าคอมล่ะ”
“กูอยากอยู่สบาย” ว่าแล้วก็ไถลหน้าไปกับพื้นโต๊ะ
“งั้นก็ไม่ต้องฝึก แล้วก็ไม่ต้องจบ”
“แบบนั้นก็ไม่ด้ายยยยยย” อีกคนว่าเสียงหลง
“อาจจะไปแถวๆที่แกนมันอยู่ก็ได้”
“อย่ามาหลอกหลอนกู ขอร้อง เหม็นหน้าจะแย่ละ” แกนทำหน้าเหยียดๆ
“อะไรว้าาาา”
“แล้วมึงล่ะ?” แชมมองสองคนนั้นอย่างปลงๆ ก่อนหันมาถามต่าย ที่กำลังทำหน้าครุ่นคิด
“หา กูเหรอ ไม่รู้ดิ” สั่นหัวดิ๊ก เพราะยังไม่ได้คิดเรื่องนี้
“มึงนี่ ลอยชายอยู่ได้ ยื่นเรื่องไม่ทันจะคอยดู”
“แล้วมึงอ่ะ”
“ฝึกที่บริษัทแม่นี่แหล่ะ”
“ดีอ่ะ กูไปด้วยได้ปะ”
“มาดิ แต่ก็เกณฑ์นักศึกษาฝึกงานนะเว้ย ไม่มีสิทธิพิเศษ”
“งั้นคิดดูก่อนแล้วกัน” ช่องทางสบายถูกปิด จริงๆ ถ้าทำงานกับคนรู้จัก มันน่าจะโอเคกว่า ในความรู้สึกเขาล่ะนะ แต่เอาเข้าจริง ก็ที่ไหนก็ได้ เพราะในที่ฝึกงานจริงๆ อาจจะไม่ได้ทำงานในสิ่งที่หวัง อาจจะต้องไปเป็นเบ๊ให้รุ่นพี่ เดินเอกสาร พิมพ์งานนู่นนี่นั่น ซึ่งรุ่นพี่ชอบมาบ่นให้ฟังตลอด
“ยังไงก็ คิดดีๆ ระวังคนทางนี้จะเหงานะ” แชมว่าอย่างขำๆ
ต่ายนึกถึงคนทางนี้ ที่ว่า ก็คงไม่พ้น เจ้าเด็กโค่งในความดูแลของเขานี่แหล่ะ
ถ้าเขาฝึกงานแล้ว ไทกริสจะเหงาไหมนะ ???
คิดแล้วก็ปวดหัวตุบๆ สุดท้ายก็ฟุบหน้าลงไป ไปๆมาๆ ก็กลายเป็นหลับยาว จนเพื่อนสะกิดปลุกนี่แหล่ะ
“เมื่อคืนหนักรึไง”
“หนักไรวะ” ถามอย่างมึนๆ หรี่ตามองภาพตรงหน้าจนตาหยี
พลั่ก!!!
“ลุกๆ เลิกเรียนแล้วโว้ย” พอเจอแรงหมีของเอกเข้าไป ถึงกับตื่นเต็มตา เล่นผลักจนหน้าแทบคว่ำอย่างนี้
พวกเขาเดินลงจากตึกด้วยสภาพอย่างกับบอยแบนด์ อย่าว่าอย่างนู่นอย่างนี้เลยนะ พวกเขาก็มีแฟนคลับเหมือนกัน แต่คนที่ดูจะฮอตสุดก็ค'ไม่พ้น เดือนคณะอย่างแชม ซึ่งก็ไม่ได้อิจฉาอะไร
แฟนคลับเพื่อนก็เหมือนแฟนคลับเรา
หึหึ
“กระต่าย” ว่าแล้ว แฟนคลับหมายเลขหนึ่งของต่ายก็ปรากฏตัวขึ้น
ต่ายแอบเหล่มองรอยแดงๆที่โผล่พ้นปกเสื้อขึ้นมา
เจ้านี่ไม่รู้สึกอายรึยังไงนะ“เลิกนานยัง” ต่ายยกมือจัดทรงผมที่เริ่มยาวของไทกริส ว่าจะมัดผมให้ก็ลืมทุกที
“เพิ่งเลิก” แต่ดูจากสภาพของกินที่เกลื่อนเต็มโต๊ะนั่น คงไม่น่าใช้คำว่าเพิ่งเลิก
สองแฝดหัวดำ พอเห็นพวกเขาก็เอ่ยทักเสียงใส ทั้งที่ปากของตัวเองยังเคี้ยวอยู่ แถมยื่นขนมมาสร้างมิตรไมตรีอีก
แกนที่ต่ายรู้สึกพักนี้ ดูจะสนิทสนมกับโจจนเกินคนร่วมคอนโด แต่ต่ายก็ยังไม่ฟันธงอะไรใดๆ แค่ว่า มันสนิทกับถึงเนื้อถึงตัว กับแกนที่ดูเป็นคนนิ่งๆ แต่อย่าให้พูด คำพูดเชือดเฉือนเนื้อตัวจนเลือดซิบ กับเจ้าโจ ที่ดูยังไงก็หมาพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ชัดๆ ดูแล้วไม่น่าสนิทกับได้
ต่ายรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่ลงจากรถ รู้สึกมันหวิวๆ เหมือนกับกำลังจะเจอเรื่อง แต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจอะไร เพราะเจ้าเด็กโค่งจูงมือเขา ชนิดไม่แคร์สายตาใครที่เดินผ่านไปผ่านมาทั้งนั้น
พอกำลังจะเดินไปที่ลิฟต์
สาเหตุของความรู้สึกของต่ายนั้นก็ โผล่มา
“แม่”คนข้างๆต่ายเรียกขึ้น ก่อนจะรีบปรี่เข้าไปหา หญิงสาววัยกลางคนที่กำลังนั่งอ่านนิตยสารอยู่ที่โซฟาในส่วนของล๊อบบี้
“น้องไทก์ น้องต่าย มากันแล้วเหรอคะลูก” หล่อนเงยหน้าขึ้นมา พอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มหวาน พลางโผกอดคนที่เดินนำหน้าต่ายไป พอเห็นสองแม่ลูก พลัดกันหอมแก้ม ก็รู้สึกเขินๆ เพราะที่บ้านเขาไม่เคยมีใครทำแบบนั้น ส่วนใหญ่ต้อนรับกันด้วยลำแข้งมากกว่า
พอผละจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ก็ถึงคราวคนที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนรัก?! ต่ายทำตัวแข็ง ยามที่น้านีเดินเข้ามากอด หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ก่อนจะแซวว่าเขา ไม่ให้ความร่วมมือเสียเลย
ต่ายเกาแก้มอย่างเขินๆ
“น้านีมาถึงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะครับ ไม่เห็นบอกกันเลย” ต่ายเอ่ยถามขึ้น
“น้าว่าจะมาเซอร์ไพร์สพวกเรากัน แต่ไม่มีคีย์การ์ดเลยขึ้นไปไม่ได้ แถมโทรเจ้าที่ห้องก็ไม่มีใครรับ เลยมานั่งรอ”น้านีพูดไปก็ขำไปกับความเปิ่นๆของตัวเอง
“เอ่อ งั้นขึ้นไปที่ห้องกันก่อนดีกว่านะครับ” ต่ายรีบชวน
พนักงานต้อนรับยิ้ม เมื่อเห็นน้านีโบกมือให้
“คนที่นี่ น่ารักนะลูก ตอนแรกแม่กลัวว่าจะโดนไล่ซะอีก แต่เขาจำลูกได้ ก็เลยให้นั่งรอ แถมเอาน้ำเอาขนมมาให้แม่อีก”
คนเป็นลูกชายพยักหน้าให้ตามประสาคนพูดน้อย พอถึงชั้นที่อยู่ ก็รีบคว้ากระเป๋าลากขนาดย่อมของน้านี เดินตรงไปที่ห้อง โดยมีต่ายเดินทิ้งท้าย
น้านีมองรอบๆห้อง พลางสำรวจนู่นนี้
ต่ายนึกในใจเขามีอะไรต้องห้าม ต้องรีบซ่อนรึเปล่า แต่นอกจากของขวัญที่พวกนั้นให้มา ก็ไม่มีอะไรแล้ว
มั้งนะ .....
“ต๊ายยย คอโดนอะไรกัดน่ะลูก แดงเชียว” น้านีร้องอย่างตกใจ เมื่อเห็นที่คอของลูกชายมีรอยแดง
คนโดนทัก ลูบคออย่างมึนๆ พลางมองมาที่ต่ายที่มองไปทางนั้นพอดี
ต่ายลืมวิธีหายไปชั่วขณะ หัวใจเต้นตึกๆ จนกลัวว่ามันจะเด้งออกมา ราวกับอยู่ในสถานการณ์ที่แอบจับได้ว่าทำผิด
ต่ายยิ้มแห้งดั่งทะเลทรายที่ไม่มีโอเอซิส เจ้าเด็กโค่งก็ไม่ตอบอะไร แต่ก็ลูบๆไป จนโดนน้านีตีมือเข้าให้
ต่อให้เป็นเด็กมัธยมก็รู้ว่ารอยนั้นมันเป็นอะไร แล้วน้านีที่เป็นผู้หญิงสมัยใหม่ขนาดนั้น มีหรือจะไม่รู้
“...เอ่ออ ขอโทษครับ ” ต่ายเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงหมดเรี่ยวแรง ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดคำนั้นออกไป
บางทีอาจจะอยากให้น้านีเข้าใจว่า เขาดูแลไทกริสไม่ดี “เอ้า น้องต่ายจะขอโทษน้าทำไมล่ะจ้ะ น้องต่ายไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย อีกอย่าง น้องไทก์ก็ผิวบางจะต่าย โดนนิดโดนหน่อยก็แดงแล้ว เดี๋ยวหายาทาก็หายเนอะ”
ผิดเต็มๆครับน้านี ไอ้ตัวการมันก็ยืนหน้าซีดอยู่ตรงหน้าน้านีไงครับ
ในหัวของต่ายตอบดังก้อง
“ครับแม่” ไทกริสยิ้มรับ พลางจูงมารดาให้ไปนั่งโซฟา
“แม่หิวไหมครับ กระต่ายทำกับข้าวอร่อยนะ” ต่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งใจแต่ไม่สุด เพราะในใจยังปั่นป่วน
ตราบใดที่เขายังไม่บอกเรื่องที่คบกับไทกริส ก็ต้องเสียวไส้เสียวพุงแบบนี้ไปก่อน
“งั้นเหรอจ๊ะ งี้แม่ก็อดโชว์ฝีมือน่ะซี่” หญิงสาวเอ่ยมาอย่างเสียดาย แต่สีหน้าร่าเริงเกินกว่าจะทำให้รู้สึกอย่างนั้น
“น้านีมาเหนื่อยๆ นั่งพักดีกว่าครับ เดี๋ยวมื้อนี้ผมทำดีกว่า แต่ว่า ฝีมือคงไม่เท่าน้านีหรอกนะครับ ฮ่าๆ”
“แหม น้องไทก์ชมว่าอร่อย ต้องอร่อยสิ แล้วน้าจะรอจ้ะ” น้านียิ้มให้ ต่ายจึงขอตัวเข้าครัวไป โดยมีผู้ช่วย(วุ่น)อย่างไทกริสเดินตามไปด้วย
“โอยยย เหมือนจะตาย” ต่ายกุมหน้าอกตัวเองหลังจากลุ้นระทึกไปหลายเรื่อง ไทกริสหัวเราะในลำคอ ก่อนจะลูบหัวต่ายเบาๆ
“ไม่ต้องกลัวนะต่าย แม่เราไม่ดุหรอก” คลี่ยิ้มหล่อให้อย่างรับประกัน
ต่ายหัวเราะอย่างหมดเรี่ยวแรง
แม้ตัวต้นเรื่องจะเป็นไทกริส แต่ต่ายก็รู้สึกว่า ต้องรับผิดชอบเจ้าเด็กนี่ ..... “ไปนั่งกับแม่เลยป่ะ” ต่ายไล่ตัววุ่น ที่นอกจากจะทำให้เขาทำงานช้าลงแล้ว เจ้าเด็กนี่ยังจับนู่นจับนี่ให้จั๊กจี๋เล่น จนเสี่ยงจะโดนน้านีจับได้อีก
คนโดนว่า ดื้อดึงไม่ยอมไป จนต่ายต้องชักสีหน้าใส่ อีกคนถึงล่าถอยไป
ได้ยินเสียงกระหนุงกระหนิงของสองแม่ลูก ซึ่งค่อนไปทางเสียงของแม่มากกว่า เพราอีกคนน่าจะสายเงียบ ต่ายก็อดยิ้มท่ามกลางความรู้สึกผิดไม่ได้
จนกระทั่ง อาหารง่ายๆ อย่าง ไข่เจียวกุ้งสับ กะเพรากุ้ง และผัดผักรวมมิตร เสร็จสิ้น ต่ายก็เดินออกไปเรียกทั้งสอง
“อาหารง่ายๆหน่อยนะครับ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกจ้า น้าทานอะไรก็ได้อยู่แล้ว กลิ่นหอมเหมือนกันน๊าาา”
ระหว่างมื้อนั้น น้านีก็ชมเรื่องกับข้าวไม่ขาดปากว่าทำอร่อย จนคนโดนชมเหมือนจะลอยทะลุผนังให้ได้
“ว้าย เริ่มมืดแล้ว น้ากลับก่อนดีกว่า”
“อ้าว ไม่ได้นอนนี่เหรอครับ” ต่ายเอ่ยถาม
“น้าไม่รบกวนหรอกจ้า หนุ่มๆอยู่กัน ให้คนแก่อย่างน้าอยู่ด้วย เดี๋ยวจะเบื่อแย่”
“ไม่เลยนะครับน้านี ผมกับกริสคิดถึงน้านีจะตาย อีกอย่างดึกขนาดนี้แล้วด้วย มันอันตรายนะครับ”
“จริงเหรอจ๊ะ น้าเขินนะเนี่ย” น้านีเดินเข้ามาหยิกแก้มของต่ายที่ขึ้นสีน้อยๆ
“เดี๋ยวผมไปจัดที่นอนให้ดีกว่า” ต่ายบอก พลางเดินไปที่หน้าห้องตัวเอง ที่แทบจะไม่ค่อยได้ใช้เลย
“ให้น้านอนห้องน้องต่าย แล้วน้องต่ายจะไปนอนที่ไหนล่ะ”
ก็นอนกับลูกชายน้าไงครับ เอ่ยตอบในใจ
“เดี๋ยวผมมานอนโซฟาตรงนี้ก็ได้ครับ”
“ว๊าย ไม่เอาหรอกจ้ะ ลำบากจะแย่”
“ไม่หรอกครับน้านี อีกอย่างผมเป็นแค่คนอาศัย นอนตรงไหนก็ได้อยู่แล้ว” ต่ายยิ้มจางๆ อย่างไม่ได้รู้สึกลำบากลำบนอะไร
ก่อนที่เรื่องจะยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้ คนที่ยืนเงียบมานาน อย่างไทกริส ก็เข้ามาไกล่เกลี่ย
“กระต่ายนอนกับไทก์ แม่นอนห้องกระต่ายนะ”
“ไม่อึดอัดเหรอลูก ฮึ?”
นอนจนเป็นห้องประจำไปแล้ว แถมยังฟีทเจอร์ริ่งกับแล้วอีก
แต่เตียงห้องของเจ้าเด็กโค่งใหญ่จนต่ายกลิ้งได้หลายตลบ ให้น้านีมานอนอีกคนก็พอดีด้วยซ้ำ
"อ่า สบายมากครับ" ยิ้มแฉ่งรับประกัน จนน้านีพยักหน้ารับ
ต่ายเดินเขาไปที่ห้องที่เคยเป็นห้องของตัวเอง สภาพที่แทบจะไม่ได้ใช้งาน มีเพียงโต๊ะเขียนหนังสือที่เต็มไปด้วยกองหนังสือกับชีทเท่านั้นที่ถูกใช้งาน
“สะอาดจังเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้ชายอยู่ น้าคิดว่าจะรกกว่านี้ซะอีก”
“แห่ะๆ ครับ”
“เดี๋ยวกลางๆปี เราก็จะได้มาอยู่ด้วยกันแล้วน๊า ดีใจไหมครับ”เสียงพูดคุยกัน ทำให้ต่ายที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ชะงักเท้าที่กำลังจะเดินเข้าไป
“.....” ต่ายไม่ได้ยินว่าไทกริสตอบว่าอะไร เพราะมันงึมงำจนฟังไม่ออก
ต่ายกำลังเดินออกไปอย่างเงียบๆ แต่ไทกริสก็เงยหน้าขึ้นมาเรียกซะก่อน
“กระต่าย” คนโดนเรียกสะดุ้งอย่างกับคนมีความผิด ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย
คนมีชนักปักหลังก็อย่างนี้ ... รอยยิ้มแห้งดั่งทะเลทราบปรากฏขึ้นมาบนหน้าของต่ายอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไป
“แม่เอ้ยน้า เรียกแม่ดีกว่าเนอะ เพราะแม่ก็เห็นว่าน้องต่ายเป็นลูกอีกคนเหมือนกัน” พูดเองเออเอง เป็นนิสัยเฉพาะของครอบครัวนี้หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ต่ายได้แต่พยักหน้าอย่างเบลอๆ
“อ่าครับ น้า เอ้ย แม่นี” เรียกผิดเรียกถูก จนหัวเราะออกมา
“เนี่ย เดี๋ยวซักเดือนมิถุนา แม่กับพ่อก็ย้ายมาอยู่ที่นี้อย่างเป็นทางการแล้วนะ ”
“แล้วเรื่องฐานการผลิต?”
“จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วจ้ะ เดิมทีที่เมืองไทยลุงก็ดูแลให้อยู่แล้ว แต่ก็ให้ไปบริหารกันสองพี่น้อง แม่ก็จะได้มาอยู่กับลูกๆอย่างเต็มที่ซะที”
“อ่าครับ”
“ส่วนบ้าน นี่ก็ซื้อไว้แล้วแถวXXX แม่ว่าจะชวนน้องต่ายไปอยู่ด้วยกัน เราก็ขึ้นปี 4 นี่ใช่ไหม”
แม้ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวเขากับครอบครัวไทกริสจะแน่นแฟ้นก็จริง แต่ต่ายก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใจดี ถึงขนาดชวนเขาให้อยู่กันง่ายๆขนาดนี้
“เอ่อ เรื่องนั้น...” ความเกรงใจค้ำคอต่ายเป็นอย่างมาก ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ พลางส่งสายตาไปที่ไทกริสที่มองมาทางต่าย
“คือ ปี 4 ผมก็ต้องฝึกงาน แล้วพอไปคุยกับพ่อ พ่อให้ผมไปที่เชียงใหม่น่ะครับ” ต่ายพูดขึ้น เรื่องนี้เพิ่งไลน์ไปถามพ่อไป หลังตอนที่แชมทักเรื่องฝึกงาน
อีกฝ่ายก็ชักชวนให้ไปทำงานของเพื่อน ที่เพิ่งเปิดโรงงานใหม่ได้ไม่กี่ปี เห็นบอกยังต้องมีการตรวจสอบ ปรับปรุง วางระบบอีก ให้ไปศึกษาดู
“จริงเหรอจ๊ะ” นีรดาหันไปมองปฏิกิริยาของลูกชาย ก่อนจะหันมาถามต่าย
“แล้วฝึกนานแค่ไหนล่ะ”
“สองเดือนครับ”
“หวา งี้น้องไทก์เหงาแย่เลย” นีรดาเอ่ยเย้า ต่ายมองไทกริสอย่างหวาดๆ เพราะเขายังไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้
ไทกริสไม่ได้พูดอะไร แต่คิ้วเข้มๆที่ขมวดจนแทบจะผูกกันได้ ทำให้ต่ายรู้ว่า ไทกริสนั่นไม่สบอารมณ์อย่างแน่นอน
“แล้วถ้า กลับไปอยู่ที่บ้าน แล้วคอนโดนี่?” ต่ายเอ่ยถามอย่างนึกเสียดาย เพราะทำเลตรงนี้ก็ถือว่าสะดวกมาก ทั้งใกล้มหาวิทยาลัย ทั้งห้างและที่สำคัญ ร้านเหล้าด้วย (อันนี้สำหรับต่าย)
“เอาไงดีครับน้องไทก์ ปล่อยทิ้งไว้แม่ก็เสียดายอยู่นะ มันใกล้กับมหาลัยน้องไทก์ด้วย”
“...” ไทกริสไม่ตอบ เอาแต่นั่งก้มหน้า คิ้วขมวด
ต่ายและนีรดา ต่างมองหน้ากัน ก็พอรู้นิสัยของอีกคนล่ะนะ
“เอาไว้ใกล้ๆแล้วค่อยคิดเนอะ” นีรดาลูบหัวลูกชายเบาๆ
“อ่า นี่ก็ดึกแล้ว น้าว่าน้าไปนอนดีกว่า” ต่ายพยักหน้ารับก่อนจะบอกลาหญิงสาว ส่วนลูกชายอย่างไทกริสก็จุ๊บแก้มมารดาราตรีสวัสดิ์
ทีนี้ก็เหลือแต่เขากับไทกริส
“อ่า เราก็ไปนอนกันเถอะ จะ 4 ทุ่มแล้ว” เอ่ยชวน เอาจริงๆ ต่ายไม่ได้รู้สึกง่วงแต่อย่างใด ก็คงนั่งไถโทรศัพท์ จนง่วงนั่นแหล่ะ
ไทกริสพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะเดินตามต่ายอย่างว่าง่าย
หลังจากปิดประตูห้องเสร็จ เจ้าเด็กโค่งก็เข้าประชิดตัวแล้วโถมกอดจากด้านหลัง จนต่ายสะดุ้งโหยง
“อ้ะ!???”
TBC
----------------------------------------
BEVA TALK : (ตัดฉับ) เกิดอะไรขึ้นนกันนะะะะะะะะ /// พี่ต่ายดูตื่นเต้นมาก ในขณะที่น้องนิ่งมากก ทำไมกันนะ???? 55555
ตอนนี้ค่อนข้างเวิ่นเวอร์ในความรู้สึกของพี่ต่าย แต่คนมันกังวลนี่เนอะ ไปให้ลูกเขาเสียบ ลูกเขาเสียหายอ่ะะะะ
ตอนที่แล้วน้องชาร์จแบตไป หลายคนเสียดายที่น้องไม่ชาร์จทั้งคืน แบบว่า ทดลองใช้งานอ่าเนอะ ไว้เชี่ยวค่อยจัดเต็ม
ขอบคุณทุกบวก ทุกเม้นท์เช่นเคยค่าาาาา
รู้สึกอย่างไรกับตอนนี้ ติชมกันด้วยน๊าาาาาาาาาา พลีสสสส