[16]
บัวมายืนอยู่ที่หน้าเรือนแพของโขนที่กาญจนบุรี ท้องฟ้ายามนี้มืดครึ้มจนบัวต้องรีบก้าวขาเพื่อหลบเข้าไปในเรือนแพก่อนที่สายฝนจะโปรยเม็ดลงมา บัวเปิดประตูก้าวเข้าไปก็พบว่ามีใครบางคนยืนกอดอกหันหลังให้บัวอยู่ ไม่ใช่พี่โขนแน่ๆ เพราะแผ่นหลังดูบางกว่า ไม่มีมัดกล้ามเนื้อแบบพี่โขน สูงโปร่ง ปลายผมด้านหลังยาวเลยไหล่
“สวัสดีครับ” บัวเอ่ยทัก ใครคนนั้นค่อยๆหันมา บัวตกใจถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
“มาแล้วเหรอ” เสียงนุ่มๆเอ่ยถามบัว
“คุณอาโป” บัวพยายามเพ่งมองใบหน้าของคนตรงหน้าให้ชัดๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาดไป
“มานั่งก่อน” อาโปเชิญบัวไปนั่งที่โซฟา บัวเดินตามไปแล้วนั่งลง
“คุณอาโปอยู่ที่นี่เหรอครับ” บัวถาม
“อยู่มานานแล้วล่ะ” อาโปตอบก่อนจะยิ้มให้บัว บัวได้กลิ่นหอม หอมเย็นเหมือนน้ำอบไทย
“แล้วพี่โขนรู้หรือเปล่าครับว่าคุณอาโปอยู่ที่นี่” บัวถาม อาโปมองหน้าบัวด้วยสายตาเศร้าหมอง
“เขารู้ แต่เขาคงไม่สนใจแล้วล่ะ”
“ไม่จริงหรอกครับ บัวจะไปบอกพี่โขนว่าคุณอาโปยังอยู่ เขาคงดีใจ เขาไม่เคยลืมคุณอาโปเลยนะครับ” บัวรีบบอกเพราะไม่อยากให้อาโปเข้าใจโขนผิด
“ไม่ลืม..ไม่ได้แปลว่าอยากจะจำ”
“อย่าเข้าใจพี่โขนผิดเลยนะครับ”
“พี่ไม่ห่วงโขนหรอกบัว ช่วยลูกของพี่ด้วย” อาโปร้องขอในสิ่งที่บัวไม่เข้าใจ
“ลูก..ลูกของคุณอาโปเหรอครับ ลูกของพี่อยู่ไหนเหรอครับ ช่วยอะไร ช่วยยังไงเหรอครับ”
“อย่าให้เขาถูกใครทำร้ายนะบัว ช่วยด้วยนะ ช่วยด้วย” อาโปเขย่าแขนบัวอย่างแรงจนบัวเริ่มเจ็บ
“คุณอาโปบัวเจ็บ”
“ลิต เราเสียใจ ลิต ฮือ..ลิต ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยลูกของพี่ด้วยนะบัว” อาโปร้องไห้ไปพูดไปเหมือนคนควบคุมสติไม่ได้ บัวเริ่มใจไม่ดี พยายามมองหาคนอื่นๆ จะลุกออกไปนอกเรือนแพแต่อาโปดึงบัวเอาไว้ ร้องไห้หนักกว่าเดิม บัวรู้สึกเจ็บแขน พยายามจะแกะมือของอาโปออกแต่มือของอาโปจับบัวแน่นมาก
“บัวจะช่วย บัวจะช่วย ปล่อยบัวก่อน” บัวร้องเสียงดังเพราะเล็บของอาโปจิกลงที่เนื้อของบัว บัวสะบัดแขนอย่างแรงจนบัวสะดุ้ง
เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นว่าภาพตรงหน้ามืดสนิท บัวแค่ฝันไปเพราะตอนนี้บัวยังอยู่ในอ้อมกอดของโขน แต่ฝันครั้งนี้มันเหมือนจริงเกินไป บัวยังรู้สึกกลัวและใจหายอยู่เลย บัวเห็นโขนขยับนิดหน่อยก่อนจะนิ่งเหมือนเดิมเลยพยายามนอนหลับตาเพราะไม่อยากให้โขนต้องตื่นมากลางดึกแบบนี้ บัวพยายามทบทวนความฝัน ทำไมถึงฝันเรื่องลูกของคุณอาโป บัวไม่เข้าใจว่าบัวคิดมากไปหรืออาโปมาเข้าฝันบอกบัวจริงๆ ถึงแม้ว่ามันอาจเป็นแค่ฝัน แต่บัวก็ตั้งใจเอาไว้ว่าตอนเช้าจะลงไปใส่บาตรให้อาโปเพื่อความสบายใจ
หลังจากที่บัวลงไปใส่บาตรที่หน้าคอนโดตั้งแต่เช้ามืดเสร็จบัวก็กลับมาทำอาหารเช้าให้โขน เตรียมอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วถึงได้มาปลุกโขนเพราะว่าวันนี้จะพาโขนไปต่อบัตรประชาชนที่ใกล้จะหมดอายุ บัวยังไม่ได้เล่าสิ่งที่ตัวเองฝันเมื่อคืนนี้ให้โขนฟังเพราะไม่อยากให้โขนคิดว่าบัวคิดถึงแต่เรื่องของอาโปจนเก็บเอาไปฝัน โขนเองก็ไม่ได้ถามว่าทำไมบัวถึงได้ตื่นแต่เช้า เขามัวแต่คุยโทรศัพท์กับอาทิตย์พ่อของบัวในเรื่องที่เขารบกวนให้อาทิตย์จัดการให้อยู่ จนกระทั่งบัวมาตามว่าถึงเวลาที่จะต้องออกไปข้างนอกแล้วถึงได้วางสายแล้วตามบัวออกไป
บัวมงคลพาโขนมาต่อบัตรประชาชนที่สำนักงานเขตใกล้คอนโดช่วงสายๆ ระหว่างที่รอโขนเข้าไปต่อบัตรประชาชน บัวเห็นว่าข้างๆสำนักงานมีตลาดนัดมาเปิดขายของเลยบอกว่าโขนว่าจะลงมาเดินเล่น บัวนึกถึงตอนที่ตัวเองต้องมาขายของท่ามกลางแดดร้อนๆ กว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทเหนื่อยแทบขาดใจ บัวได้เจอคนมากมายหลายประเภท ทั้งพ่อค้าแม่ค้าด้วยกัน ลูกค้าขาประจำและขาจร เหนื่อยแต่ก็มีความสุขไปอีกแบบ มันก็ค่อนข้างแตกต่างจากงานที่บัวทำอยู่ในตอนนี้ ค่าตอบแทนสูง แต่บัวก็ต้องระวังตัวมากกว่าการเป็นพ่อค้าตลาดนัดเสียอีก ต้องมาเป็นข่าวทั้งที่บัวไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ บัวเดินดูของเรื่อยๆก็ซื้อของกินได้สองสามอย่าง ซื้อขนมไปฝากโขนด้วย บัวสังเกตว่าโขนชอบทานขนมไทย
“บัว บัวจริงๆด้วย” เสียงเรียกที่บ่งบอกถึงความดีใจของ ’มิตร’ คนขายข้าวโพดต้มที่แอบหลงรักบัวตั้งแต่แรกเห็นดังขึ้นจนบัวต้องหันไปตามเสียง
“ไอ้พี่มิตร มาขายข้าวโพดที่นี่ด้วยเหรอ” บัวเองก็พลอยดีใจไม่ต่างกัน ปกติบัวจะไม่ค่อยชอบเวลามิตรมาหยอดขนมจีบบัว แต่พอไม่ได้เจอกันนานๆ บัวรู้สึกดีใจเหมือนได้เจอเพื่อนเก่ามากกว่าจะรำคาญเช่นทุกที
“โห ถ้าจะขึ้นว่าไอ้ ไม่ต้องมีพี่ต่อก็ได้นะน้องบัว” มิตรหยอกกลับ
“ก็ได้ไอ้..” บัวยังไม่ทันพูดจนจบประโยคมิตรก็รีบยกมือห้าม
“จอดตรงนั้นเลย เรียกไอ้พี่มิตรก็ได้ ยอมแล้ว แล้วนี่หายไปไหนมา ไม่เห็นมาขายของเลย พี่แอบขับรถไปวนดูที่หน้าบ้านก็เงียบกริบ”
“บัวไม่ได้ขายของแล้ว แล้วพี่ขายดีไหม” บัวถาม ข้าวโพดต้มของมิตรอร่อย เห็นเป็นผู้ชายดิบๆ แต่มิตรพิถีพิถันเลือกแต่ข่าวโพดฝักที่อ่อนกำลังดี ไม่อ่อนมากไปและไม่แก่เกินไปจนแข็งเป็นกาก ตัวข้าวโพดมีความหวาน ต้มในน้ำเกลือที่เค็มนิดๆ กินแล้วกลมกล่อม แม่ยังชมเวลาที่บัวซื้อกลับมาฝาก
“ข้าวโพดพี่มิตรมีเหรอที่จะขายไม่ดี” มิตรคุยโว
“รวยแล้วสิท่า”
“ยังไม่พอ เงินที่พี่เก็บเอาไว้ยังไม่พอค่าสินสอดที่จะไปขอน้องบัวเลย” มิตรหยอด เขาคิดถึงบัวมงคลจริงๆ ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ยิ่งเห็นก็ยิ่งน่ารัก ช่วงที่บัวมงคลไม่มาขายของ เขาเหมือนคนอกหัก แทบไม่มีแรงลุกมาต้มข้าวโพดจนแม่ด่าว่าเขาเวอร์
“บัวไปละ” บัวทำท่าจะเดินไป มิตรรีบวิ่งมาขวางหน้า
“พี่ล้อเล่น อย่าเพิ่งไปสิ แล้วบัวทำงานอะไรอยู่” มิตรรู้ดีว่าบัวมงคลไม่ได้คิดอะไรกับตัวเอง ถึงน้องบัวจะหน้าหวานๆตัวบางๆ แต่น้องบัวไม่ได้มีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน มิตรก็ทำใจแล้วว่าคงไม่มีหวัง แต่ถึงยังไงมิตรก็อยากจะจีบน้องบัวทุกวัน ดั่งคำที่ว่า น้ำหยดลงหิน สักวันหินมันยังกร่อน นับประสาอะไรกับหัวใจอ่อนๆของคน
“พี่บัว พี่บัวจริงๆด้วย” เสียงใสๆเรียกบัว ทั้งบัวและมิตรเลยหันไปตามเสียง เด็กสาวในชุดนักศึกษาสองคนวิ่งตรงมาทางบัวแล้วทำท่าทางดีใจ บัวยิ้มตอบทั้งที่ยังงงว่าเด็กสาวสองคนนี้เป็นใคร วันนี้ทำไมมีแต่คนมาทักบัว
“พี่บัว หนูเป็นแฟนคลับของพี่โขน หนูเป็นหนึ่งในแอดมินเพจแฟนคลับ มะยมเล่าให้หนูฟังว่าตัวจริงพี่บัวใจดี น่ารัก น่ารักจริงๆด้วย เนอะแกเนอะ” หนึ่งในเด็กสาวแนะนำตัวยาวก่อนจะพรูลมหายใจเมื่อจบประโยคเพราะเหนื่อยจากการที่วิ่งเข้ามาหาบัว
“อ๋อ สวัสดีครับ” บัวได้ยินชื่อมะยมที่เด็กสาวคนนี้เอ่ยอ้างก็จำได้เลยทักทายกลับ
“พี่ เพื่อนหนูมันเป็นแฟนคลับพี่ ขอถ่ายรูปกับพี่ได้ไหม มันอาย ดูหน้ามันสิ แกจะอายทำไม” เด็กสาวพูดกับบัวสลับกับพูดกับเพื่อนของตัวเองที่ยืนหน้าแดงม้วนไปม้วนมาอยู่ มิตรได้ยินก็ขมวดคิ้ว
“แฟนอะไรกันน้อง นี่เพื่อนสนิทพี่เอง เพื่อนพี่จะไปมีแฟนคลับได้ยังไง” มิตรถามเสียงขุ่นๆ ทำไมถึงมีสาวๆมาล้อมหน้าล้อมหลังบัวอย่างนี้
“พี่บัวมายืนตรงนี้” เด็กสาวไม่สนใจมิตร แต่ดึงแขนบัวให้เดินออกมา แล้วจัดตำแหน่งให้เพื่อนยืนข้างๆบัว จากนั้นก็รัวถ่ายรูปหลายสิบรูป
“วันนี้พี่โขนไม่มีงาน พี่บัวเลยว่างใช่ไหม อ่อ ลืมไป หนูชื่อแก้ว นี่เพื่อนหนูชื่อขวัญ” เด็กสาวยังคงเจื้อยแจ้ว
“แล้วไม่ไปเรียนกันเหรอ สายแล้วนะ” บัวไม่ได้ตอบเรื่องโขน พ่อเคยบอกว่าเราจะเลือกปฏิบัติและให้ความสนิทสนมกับแฟนคลับคนใดคนหนึ่งไม่ได้ มันจะมีปัญหาทีหลัง ต้องมีระยะห่างที่พอดีกับทุกๆคน โดยเฉพาะเราเป็นแค่ผู้จัดการ เราต้องคิดในส่วนของดาราที่เราดูแลมากกว่าคิดแทนแฟนคลับ บัวเลยต้องรักษาความเป็นส่วนตัวให้โขน แต่บัวก็ไม่อยากโกหก เลยเลือกที่จะไม่ตอบคำถามดีกว่า
“มีเรียนบ่ายค่ะพี่ ดีใจจังที่ได้เจอพี่ ฝากบอกพี่โขนด้วยนะคะว่าพวกหนูจะซัพพอร์ทพี่โขนเสมอ สู้ๆ” แก้วบอกกับบัว บัวยิ้มให้ ส่วนขวัญพอเห็นรอยยิ้มบัวก็ก้มหน้าเขินอาย
“เสียดายจัง อยากคุบกับพี่บัวนานๆ อย่ากลัวพวกหนูเลยนะ หนูแค่คุยเก่งแต่หนูไม่ใช่พวกโรคจิต หนูต้องไปเรียนแล้ว แล้วเจอกันใหม่นะคะ” แก้วยังคงเป็นฝ่ายพูดจ้อจนบัวตอบไม่ทัน ได้แต่ยิ้ม
“ขอบคุณครับ พี่จะบอกพี่โขนให้ ตั้งใจเรียนกันนะ แล้วพี่จะบอกให้พี่โขนเข้าไปทักทายทุกคนในเพจนะครับ” บัวบอก แก้วกรี๊ดเบาๆ ยกมือไหว้บัวแล้วถึงแยกตัวออกไป บัวหันกลับมาอีกก็เห็นมิตรยืนหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ด้านหลัง
“น้องบัวไปเป็นดาราเหรอ” มิตรถาม บัวยังไม่ทันตอบแต่สายตามองเลยไปด้านหลังของมิตร บัวก็ชะโงกหน้าไปดูที่มุมถนน บัวว่า..บัวเห็นพี่อิสยืนอยู่ พี่อิสมาทำอะไรแถวนี้ ไม่ใช่แถวบ้านและไม่ใช่แถวที่ทำงานของพี่อิส บัวกำลังจะเดินไปดูใกล้ๆว่าใช่หรือเปล่า แต่หญิงสาวคนนั้นก็ก้าวขึ้นรถที่มาจอดรับพอดี
“นี่มันรถคุณรามนี่นา” บัวจำได้เลยพูดออกมาลอยๆ พลางนึกในใจว่าทำไมพี่อิสถึงได้ไปอยู่กับคุณราม หรือว่าบัวจะมองผิดไป
“ใครคือรามอีก” มิตรถามพร้อมกับเกาหัว
“พี่ บัวไปก่อนนะ แล้วเจอกันใหม่ ขอให้ขายดีๆนะ” บัวบอกจบก็รีบเดินกลับไปที่สำนักงานเขต เพราะหายมาพักใหญ่แล้ว กลัวว่าโขนจะรอนาน อีกอย่าง บัวไม่อยากให้มิตรถามอะไรมากเลยเลี่ยงออกมาจะดีกว่า ส่วนมิตรได้แต่ร้องเรียกบัว แต่จะทิ้งร้านไปก็ไม่ได้เพราะตอนนี้มีลูกค้ามายืนรอซื้ออยู่ เลยได้แต่เสียดายที่ยังคุยกับบัวได้ไม่เท่าไหร่เลย
บัวเดินกลับขึ้นไปบนสำนักงานเขตก็เห็นว่าเจ้าหน้าที่หลายท่านกำลังขอถ่ายรูปกับโขนกันใหญ่ แต่โขนก็ไม่ได้มีทีท่ารำคาญหรือหงุดหงิด ยิ้มแย้มดีด้วย จนโขนเห็นบัวเดินมาเลยขอตัวออกมา แต่ก็ยังมีหลายคนที่แอบยืนถ่ายรูปโขนอยู่ในมุมไกลๆ โขนสวมแว่นดำ สวมหมวกแล้วเดินกลับมาที่รถ พอขึ้นรถได้บัวก็รีบเคลื่อนตัวออกไปเพราะเริ่มมีคนที่จำโขนได้แล้ววิ่งมาขอถ่ายรูปกันหลายคน
“บัวขอโทรศัพท์หาพี่อิสหน่อยนะครับพี่โขน” บัวต่อโทรศัพท์หาพี่สาวคนที่สี่ที่สนิทกับบัวมากที่สุด แต่เนื่องจากบัวเป็นคนขับรถเลยต้องเปิดบูทูธและลำโพง บัวแค่อยากถามว่าพี่สาวอยู่ที่ไหนเลยคิดว่าคงไม่เป็นถ้าโขนจะได้ยิน
“ว่าไงแมวน้อย” เสียงปลายสายดังออกมาจากลำโพง โขนอมยิ้มเมื่อได้ยินว่าพี่สาวของบัวเรียกบัวว่าอะไร
“พี่อิส อยู่ที่ไหน” บัวถาม
“อยู่ที่ทำงาน ทำไมเหรอ” ปลายสายตอบมา
“อ๋อ ไม่มีอะไร เมื่อกี้บัวคงตาฝาด เหมือนเห็นพี่อิสแถวๆคอนโด” บัวตอบกลับไป
“บ้าเหรอ ตาฝาดแล้ว แล้วไปทำอะไรมาถึงได้ตาฝาด นอนน้อย คุณดารากวนทั้งคืนเหรอ” ปลายสายแซวกลับ บัวหน้าเหรอหรารีบหันไปมองโขน บัวไม่เคยพูดเรื่องนี้กับพี่อิสเลย ทำไมพี่อิสถึงได้แซวกลับมาแบบนี้
“พี่อิส แค่นี้ก่อนนะ บัวขับรถอยู่” บัวจะรีบวาง
“ฮ่าๆ ไอ้แมวเขินเหรอ ไม่ต้องมาเขิน ไหนเล่ามาเลยว่าโดนจุ๊บๆรึยัง นายปิดพี่ไม่ได้หรอกนะ” อิสยังคงแซวต่อ บัวส่งยิ้มแหยๆไปให้โขนที่นั่งหน้านิ่งๆอยู่
“ไม่ใช่ อิสเข้าใจผิดแล้ว พี่โขนเป็นเจ้านายบัวนะ แค่นี้นะ”
“แหน่ะๆ ไม่ผิดหรอก พี่เห็นสายตาพี่โขนมองน้องพี่เหมือนจะกินเข้าไปทั้งตัวแล้ว ทำเป็นเก๊กไปงั้นแหละ ตานี่เชื่อมหวานจนน้ำตาลจะฉาบไอ้แมวน้อยของพี่แล้ว”
“พี่อิส บัวต้องวางแล้วนะครับ แล้วเจอกันนะ” บัวรีบกดวางสายก่อนจะค่อยๆแอบเหลือบมองโขน อยากจะเขกหัวตัวเองที่ดันเปิดลำโพง
“บัวขอโทษนะครับ” บัวบอกเสียงอ่อย
“ขอโทษเรื่องอะไร” โขนถามเสียงเรียบๆ
“ก็...ที่พี่อิส..”
“ไม่เห็นต้องขอโทษเลย อิสเขาแค่เข้าใจผิด เราไม่ได้เป็นแฟนกันนี่” โขนตอบ บัวอึ้งไป ไม่คิดว่าโขนจะโกรธเรื่องนี้
“พี่โขนโกรธบัวเหรอครับ บัวแค่ไม่อยากให้พี่โขนเสียชื่อ” บัวเริ่มหน้าเจื่อนเมื่อเห็นโขนทำหน้าเย็นชาใส่ แถมยังไม่ยอมพูดอะไร
“พี่โขน... อย่าโกรธบัวเลยนะ” บัวพยายามง้อ
“หอมแก้มพี่ แล้วพี่จะหายโกรธ” โขนยื่นข้อเสนอไป บัวถึงกับชะงักเมื่อได้ยิน ช่วงจังหวะที่รถติดไฟแดงพอดี บัวเลยหันมาจ้องหน้าโขน
“แกล้งงอนบัวเหรอ” บัวถาม
“ไม่ได้แกล้ง จะหอมไม่หอม” โขนถามเสียงนิ่งๆ
“เดี๋ยวคนเห็น ให้ถึงคอนโดก่อนนะ นะ เดี๋ยวบัวหอมหลายๆทีเลย”
“หึหึ พูดเองนะ” โขนหลุดขำจนได้เมื่อเห็นบัวกระพริบตาถี่ๆให้ดูน่าสงสาร ใครจะไปโกรธด้วยเรื่องไร้สาระแบบนั้น โขนก็แค่อยากหยอกบัวก็เท่านั้น ส่วนบัวมั่นใจแล้วว่าโดนโขนแกล้งก็เลยแอบส่งสายตาค้อนให้โขน
“เป็นนักแสดง แค่อยากให้แฟนหอมต้องแอคติ้งเกินร้อยด้วยอะ” บัวว่าโขน โขนยกยิ้ม
“บัวมองตาพี่หน่อย” โขนบอกกับบัว บัวหันมาสบตาของโขน มองกันไปมองกันมาโขนก็ไม่ได้พูดอะไรอีกบัวเลยต้องถาม
“มีอะไรเหรอครับ” บัวถาม
“สายตาพี่เหมือนจะกินบัวจริงๆเหรอ” โขนถามกลับ
“คิๆๆ ฮ่าๆๆ” บัวพยายามจะกลั้นขำกับคำถามของโขน แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ต้องหัวเราะออกมา
“ขำอะไรไอ้แมวน้อย” โขนเอื้อมมือไปเกลี่ยแก้มของบัว
“บัวไม่รู้หรอกว่าพี่โขนมองบัวแบบไหน แล้วพี่โขนอยากกินบัวจริงๆเหรอ” บัวมัวแต่ขำจนถามคำถามที่พอตัวเองถามแล้วก็อึ้งไปเอง มันดูเชิญชวนพี่โขนให้มากินตัวเองไปรึเปล่านะ
‘ตายละหว่า..จอดรถแล้ววิ่งหนีพี่โขนตอนนี้ทันไหม บัวถาม..แต่บัวเขินจนไม่กล้ามองหน้าพี่โขนแล้ว’
“ถ้าอยาก กินได้ไหมละ” โขนพูดไปขำไป ยิ่งเห็นบัวเขินโขนยิ่งอยากจะจับบัวกินตรงสี่แยกนี่เลย
“ไฟเขียวแล้ว รถโล่งดีเนอะ พี่โขนอยากไปไหนไหม” บัวรีบเปลี่ยนเรื่อง โขนไม่ได้ตอบ ได้แต่ยิ้มแล้วเลื่อนมือที่เกลี่ยแก้มของบัวมาวางทาบที่มือของบัวแทน
“เอาไว้ให้บัวมั่นใจในตัวพี่มากกว่านี้ พี่จะบอกเรื่องของเรากับพ่อแม่ของบัวนะ” โขนรู้ว่าบัวมงคลยกให้โขนเป็นคนสำคัญ แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่บัวต้องเรียนรู้ตัวตนของเขา บางทีเมื่อรู้จักเขามากพอ บัวมงคลอาจจะไม่อยากอยู่กับเขาแล้วก็ได้
“บัวมั่นใจในตัวพี่โขนนะครับ แต่ไม่ต้องบอกพ่อกับแม่หรอก มันไม่ได้สำคัญอะไรว่าใครจะรู้ว่าเราเป็นอะไรกันหรือเปล่า บัวมีความสุขกับที่เป็นอยู่ทุกวัน” บัวคิดแบบนั้นจริงๆ บัวไม่รู้ว่าพ่อกับแม่จะเข้าใจแค่ไหน ถึงท่านทั้งคู่จะรักโขน แต่ถ้าบัวกับโขนไม่ได้อยู่แค่ในฐานะนายจ้างและลูกจ้าง ท่านอาจจะเสียใจ สำหรับบัว บัวแค่รู้ว่าบัวรักใครและเขาคนนั้นก็รักบัวมันก็เพียงพอแล้ว
“ขอบคุณนะครับที่มั่นใจในตัวพี่ แต่บัวอาจจะยังไม่รู้จักพี่มากพอ” โขนบีบกระชับมือของบัว เขารู้ดีว่าตัวเองกับบัวมงคลคบกันเร็วเกินไป ถึงตัวเขาจะมั่นใจว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับบัว แต่การจะใช้ชีวิตกับใครสักคนมันไม่ใช่แค่รู้สึกว่ารักแล้วก็จบ เขาไม่อยากใช้ชีวิตเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว การคิดอะไรน้อยๆและใช้แต่อารมณ์ มันทำให้เขาสูญเสียอะไรไปมากมาย เขาอยากแก้ไขตัวเองจากรักครั้งนี้และรู้สึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ให้เขาได้ใช้โอกาสนี้กับบัวมงคล
“บัวก็กำลังทำความรู้จักพี่อยู่นี่ไงครับ เรียนรู้ไปรักไปก็ได้นี่เนอะ แต่บัวมั่นใจนะ ว่าบัวโชคดีที่ได้มาอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆพี่โขน” บัวหันมายิ้มให้โขน รอยยิ้มสดใสที่เป็นยาของหัวใจ รอยยิ้มที่ค่อยๆชะล้างความเจ็บปวดที่โขนเก็บกดเอาไว้มานานนั้นให้จางลง
“ทำไมน่ารักแบบนี้นะแมวน้อย” โขนยกมือของบัวขึ้นมาจูบเบาๆ
“เมี๊ยวววว” บัวแกล้งเลียนเสียงแมวก่อนจะส่งยิ้มสดใสให้โขนอีกรอบ เมื่อเห็นรอยยิ้มละมุนที่โขนยิ้มตอบมา บัวแทบจับพวงมาลับรถไม่ไหว
..คนอะไรหล่อจริงๆเลย ถ้าพี่โขนยังใจแข็งไม่กินบัวหรือบัวจะกินพี่โขนแทนดีนะ..
...
หลังจากที่กั้งวางสายจากพ่อของบัวแล้วก็นั่งสะลึมสะลืออยู่อีกสักพัก เมื่อคืนกว่าจะได้กลับมานอนก็เกือบตีสี่ แต่เมื่อครู่พ่อทิตย์โทรมาบอกว่ารอนจะได้ไปถ่ายโฆษณาการท่องเที่ยวเอเชีย งานเดียวกับที่โขนได้รับ โปรดิวเซอร์ใหญ่ของงานนี้โทรมาทาบทามกับคุณพจน์ โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงให้โขนถ่ายคู่เนตรอัปสร ส่วนรอนได้ถ่ายคู่กับลุลา กั้งจดงานแบบคร่าวๆเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้กั้งเองยังไม่ได้กลับบ้าน กั้งนอนค้างที่บ้านของราม รอนเป็นคนบอกให้กั้งพักที่นี่เพราะสงสารคนขับรถที่อยู่รอรอนทำงานจนเสร็จ ถ้าหากต้องไปส่งกั้งอีกก็คงไม่ได้นอน กั้งเลยต้องตกลงค้างที่นี่
กั้งลุกไปอาบน้ำเตรียมพร้อมที่จะกลับบ้าน กั้งดูแล้วว่ามีเวลาพอที่จะกลับไปทำธุระส่วนตัว เพราะรอนจะมีงานช่วงสายๆ กั้งคิดว่าน่าจะกลับมาทัน แต่พอลงมาด้านล่างก็เจอคุณแม่บ้านบอกว่าทำอาหารเช้าเอาไว้ให้กั้งแล้วตามคำสั่งของราม
“คุณรามไปทำงานแล้วเหรอครับ” กั้งถามคุณแม่บ้าน
“ค่ะ”
“รอนยังไม่ตื่นใช่ไหมครับ”
“ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วดิฉันขอตัวไปทำงานต่อนะคะ”
“เดี๋ยวครับ ผมมีเรื่องจะถามสักหน่อย คือว่าผมเคยเป็นแฟนคลับคุณอาโปมาก่อน ผมชื่นชอบคุณอาโปมากเลย น่าเสียดายที่เขาจากไปเร็ว ผมอยากให้ป้าช่วยเล่าเรื่องน่ารักๆของคุณอาโปให้ผมฟังบ้างได้ไหมครับ” กั้งพยายามเนียนถามแม่บ้านคนเก่าคนแก่ที่อยู่ที่นี่มานาน เธอได้ยินคำถามของกั้งก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ แต่ในแววตาของป้าตุ่นนั้นมีความเศร้าปรากฏอยู่เช่นกัน
“หนูอาโปเป็นคนใจดี น่ารัก มีน้ำใจ มักจะนึกถึงคนอื่นๆก่อนเสมอ เพราะเป็นคนไม่อยากขัดใจใคร บางทีก็ทำให้ตัวเองแอบมาเสียใจอยู่ลำพัง” ป้าตุ่นนึกถึงอดีตเจ้านายอีกคนที่เธอเอ็นดูนักหนา
“คุณรามคงเสียใจน่าดูนะครับ ผมเห็นมีรูปคุณอาโปเต็มไปหมดเลย คงเป็นคนสำคัญมาก” กั้งพูดพลางมองไปที่รูปของอาโปที่ติดอยู่บนผนัง ไม่ว่าจะมุมไหนของบ้านใหญ่หลังนี้จะมีแต่รูปของอาโปเต็มไปหมด
“คุณรามเธอรักของเธอมาก เธอดูแลและคอยปกป้องหนูอาโปเสมอ หนูอาโปก็รักคุณรามมากเหมือนกัน ตั้งแต่คุณอาโปจากไป บ้านหลังนี้ก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย” ป้าตุ่นถอนหายใจ
ป้าตุ่นยังจำวันแรกที่รามพาอาโปมาที่นี่ ป้าตุ่นเองก็ตกใจเมื่อรู้ว่าหนูอาโปเข้ามาในฐานะอะไร เธอไม่เคยรู้ว่ารามรักชอบพอกับคนเพศเดียวกันมาก่อน ก่อนหน้านั้นเธอก็สงสัยอยู่ว่าทำไมรามถึงได้ไม่มีคนรักเสียที มากระจ่างก็วันที่หนูอาโปเข้ามา คุณท่านกับคุณนายที่ย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศก็เสียไปหลายปี คุณรามที่อยู่ดูแลกิจการคนเดียวที่เมืองไทยก็เอาแต่ทำงาน ไม่เคยให้ความสำคัญกับสิ่งใดนอกจากงาน จนกระทั่งหนูอาโปเข้ามาในบ้านหลังนี้ ถึงได้เห็นว่าคุณรามแทบจะเป็นคนละคนกับคุณรามที่เธอรู้จักมาตั้งแต่เด็ก มุมที่อ่อนโยนของคุณรามเวลาอยู่กับหนูอาโปมันทำให้ป้าตุ่นพลอยอบอุ่นใจไปด้วย
“ป้าครับ แล้ว..คุณอาโปอยู่ที่นี่มาตลอดเลยเหรอครับ” กั้งเห็นป้าตุ่นนิ่งไปนานเลยเอ่ยถามขึ้นมาอีก
“ค่ะ แต่ก็มีระยะหลังที่หนูอาโปหนีไปอยู่กับเพื่อนสนิทบ่อยๆ ตอนนั้นคุณรามไม่เป็นอันทำงานทำการเลยค่ะ ทะเลาะกันบ่อยมาก ป้าก็ไม่กล้าที่จะยุ่งเรื่องของเจ้านาย เห็นทั้งคู่ไม่มีความสุขป้าก็สะเทือนใจไปด้วย ป้าก็ไม่รู้เขาเข้าใจผิดอะไรกัน แต่คุณอาโปเจ้าอารมณ์มากขึ้น คุณรามก็ไม่ยอมอ่อนให้ ไม่ยอมให้ออกไปไหน ไม่ให้รับงานแสดง ให้อยู่แต่บ้าน จนคุณอาโปต้องแอบหนีไป”
“แล้ว..” กั้งกำลังจะถามต่อแต่มีเสียงเข้มดังแทรกมาก่อนจนป้าตุ่นสะดุ้งสุดตัว
“ป้ากลับไปทำงานได้แล้ว วันหลังถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว ป้าก็ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ” รามก็ไม่อยากจะเอ็ดคนเก่าคนแก่ที่ดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็ก แต่รามไม่พอใจที่ป้าตุ่นเล่าเรื่องของตัวเองให้คนอื่นฟัง จะว่าไปคนที่รามควรโกรธคือคนตัวเล็กที่ยังลอยหน้าลอยตาทานอาหารเช้าอย่างไม่นึกสลดเลยสักนิด ต่างจากป้าตุ่นที่หน้าซีดจนรามต้องถอนหายใจแล้วลดความดุดันลง
“ป้าช่วยเอากาแฟให้ผมหน่อย” รามสั่งด้วยเสียงที่เบาลง ป้าตุ่นรีบรับคำแล้วกลับเข้าไปในครัว รามหันไปจ้องหน้ากั้งที่ยังคงทำเหมือนไม่ว่า..การยุ่งเรื่องชาวบ้านเป็นเรื่องปกติ
“นายมีหน้าที่อะไร รู้หน้าที่ของตัวเองไหม” รามถามเสียงเข้ม
“คุณเป็นคนจ้างผม คุณไม่รู้เหรอว่าผมทำหน้าที่อะไร” กั้งย้อนถาม กั้งไม่ได้อยากก้าวร้าวกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนายจ้าง แต่ไม่รู้ทำไมกั้งถึงรู้สึกได้ว่ารามมีอะไรที่ลึกลับซับซ้อนและกั้งก็ไม่ไว้ใจ
“นี่นาย..” รามรู้สึกว่าอยากจะบีบคอคนก็วันนี้ ไอ้ปากเชิดๆท่าทางรั้นๆมันทำให้รามหงุดหงิด
“ผมขอโทษก็แล้วกันที่ถามเรื่องของคุณ ต่อไปผมจะไม่ถามอีก”
“คิดได้ก็ดี” รามทำเสียงเยาะ
“ผมจะถามแต่เรื่องของคุณอาโปก็พอ” กั้งพูดต่อ
“อย่ามายุ่งเรื่องของอาโป” น้ำเสียงของรามดุดันไม่ต่างจากใบหน้า กั้งแอบอึ้งเล็กน้อยที่เห็นว่ารามดูจะโกรธจัด แต่กั้งก็ไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวเลยสักนิด แค่อึ้งไปนิดเดียวแล้วก็กินอาหารเช้าต่อเหมือนว่ารามไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น กั้งโตมากับพวกนักเลงคุมตลาดของพ่อ เลยไม่ค่อยกลัวเวลาเจอคนที่แสดงอำนาจบาทใหญ่ใส่ตน
“ฉันขอเตือนนายอีกทีนะ อย่าทำในสิ่งที่ฉันไม่ชอบ ฉันไม่ใช่คนใจดี โดยเฉพาะกับคนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น” รามเดินมาพูดกับกั้งใกล้ๆด้วยเสียงเรียบเย็น กั้งวางช้อนลงแล้วลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับราม
“ผมจำเป็นต้องกลัวไหม” กั้งถาม รามกัดฟันพยายามอดทนไม่ให้บีบคอคนตรงหน้า จนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราร่วนของรอนดัง ทั้งคู่ถึงได้หันไปมอง
“คุณราม พนาวิทย์ ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอ พี่กั้งสุดยอดเลย” รอนปรบมือชอบใจ
“รอน ทำไมวันนี้ถึงตื่นเร็วนัก” น้ำเสียงของรามเปลี่ยนไปจนกั้งงง เมื่อครู่ยังตวาดกั้งอยู่เลย พอเจอน้องชายก็เปลี่ยนเสียงเป็นอ่อนโยนแทบจะทันที สงสัยจะรักน้องชายมาก แต่กั้งก็ไม่แปลกใจหรอก นิสัยของรอนเหมือนโดนตามใจจนไม่แคร์ใคร แต่สิ่งหนึ่งที่กั้งเห็นในตัวรอนก็คือ แม้รอนจะดูไม่สนใจใคร ไม่ยินดียินร้าย ออกจะไม่มีมนุษย์สัมพันธ์กับคนแปลกหน้า แต่กับคนใกล้ตัวก็มีมุมดีๆที่หลุดออกมาให้เห็น เช่นการเห็นอกเห็นใจคนขับรถหรือไม่ก็เวลาที่รอนพูดกับป้าตุ่น รอนจะเหมือนเด็กน้อยน่ารักไม่มีพิษสง
“ตื่นเร็วแล้วไม่ดีเหรอ พอรอนตื่นสายพี่ก็บ่น” รอนพูดพลางยักไหล่
“รอน พี่ว่ารอนขึ้นไปอาบน้ำดีกว่า จะได้ลงมาทานข้าว” รามพูดกับน้องชาย
“พี่เลิกไล่รอนสักทีได้ไหม ทุกครั้งที่เจอหน้าก็ต้องไล่ให้รอนไปทำนั่นทำนี่ การเห็นหน้ารอนมันทำให้พี่ไม่มีความสุขรึไง” รอนถามพี่ชายด้วยน้ำเสียงขมขื่น ส่วนกั้งเริ่มเห็นปัญหาของคนในครอบครัวนี้แล้ว
“มันไม่ใช่แบบนั้น” รามรีบเดินไปหาน้องชาย แต่รอนหันหลังให้
“พี่กั้ง รอนจะขึ้นไปอาบน้ำแล้วรอนจะออกไปพร้อมกับพี่เลย” รอนพูดก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องไป รามหันมามองหน้าของกั้ง กั้งยักไหล่ให้รามก่อนจะนั่งลงที่เดิมเพื่อรอรอน
“เพราะนายคนเดียว” รามกัดกรามระงับความหงุดหงิดแล้วโทษกั้ง
“ถ้าโทษผมแล้วคุณสบายใจขึ้นก็เชิญตามสบาย คุณเจอมาหนักแล้ว ผมสงสาร” กั้งยั่วโมโหเพราะไม่ชอบคนที่เอาแต่โทษแต่คนอื่น รามยิ่งหงุดหงิดหนักกว่าเดิมแต่ก็ต้องระงับอารมณ์เอาไว้ ยังไงกั้งก็เป็นเพื่อนของบัวมงคล เขาไม่อยากให้กั้งไปพูดถึงเขาในทางที่ไม่ดีให้บัวมงคลฟัง รามมองหน้ากั้งแล้วนึกอะไรบางอย่างออก เขารู้วิธีที่จะดัดนิสัยคนอวดดีคนนี้แล้ว
“หึ สงสารงั้นเหรอ เก็บความสงสารเอาไว้ให้ตัวเองดีกว่า” รามพูดจบก็หัวเราะชอบใจ ป้าตุ่นเดินเอากาแฟมาให้รามพอดี รามเลยสั่งให้ป้าตุ่นเอาไปให้ที่ห้องทำงาน
“ท่าจะประสาท” กั้งบ่นเบาๆเมื่อรามเดินพ้นออกไปแล้ว
กั้งก็ย้อนคิดถึงคำบอกเล่าของป้าตุ่นเมื่อครู่ เดาว่าเพื่อนสนิทที่อาโปไปอยู่ด้วยน่าจะเป็นโขน คงจะเป็นรักสามเส้า แต่ในเมื่อป้าตุ่นบอกว่าอาโปรักรามมากแล้วทำไมถึงได้เปลี่ยนใจไปรักโขน กั้งได้แต่เก็บความสงสัยนี้เอาไว้และคิดว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสาม มากกว่าจะเป็นความรักสามเส้าธรรมดาแน่ๆ
****โปรดติดตามตอนต่อไป****
ช่วงนี้ฝนตกบ่อยๆ อากาศวันหนึ่งนี่ผสมหลายฤดูเกินไปแล้วเนอะ ดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ
ขอบคุณมากที่มาเป็นกำลังใจและแวะมาทักทายน้องบัวกับพี่โขนกันนะคะ อย่าไปกลัวดราม่าค่ะ
ยืนยันว่าไม่โหด 555 อาจจะมีพอเป็นอรรถรสนะคะ
อ่อ มีอีกเรื่องจะมาแจ้งนิดหนึ่ง เรื่องกาลครั้งหนึ่งความรัก พาร์ท ซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายรองเท้าแตะ
ที่ผู้แต่งแต่งจบไปแล้ว บางท่านที่เคยอ่านอาจจะยังจำได้ ตอนนี้ผู้แต่งมี สนพ.มาทาบทามไปรวมเล่มแล้วนะคะ
ซึ่งในฉบับรวมเล่มจะมีการปรับปรุงเนื้อหาและการใช้ภาษาให้มันสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น มีตอนพิเศษด้วย
น้องมะนาวขี้มโน จะมโนเรื่องอะไรอีก พี่ธีมจะรับมือไหวไหมน้อ ต้องติดตามในตอนพิเศษฉบับรวมเล่มนะคะ
ก็เลยขอมาฝากเนื้อฝากตัวเผื่อใครต้องการจะมีผลงานของผู้แต่งวางเอาไว้บนชั้นหนังสืออีกสักเล่ม อ้อนนนนน
ตอนนี้อยู่ในระหว่างการปรับปรุง ถ้ามีการอัพเดทจะรีบมาแจ้งนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ