[เรื่องสั้น] Hello, partner [END] <pg.3>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] Hello, partner [END] <pg.3>  (อ่าน 26133 ครั้ง)

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: [เรื่องสั้น] Hello, stranger [END]
«ตอบ #60 เมื่อ05-01-2018 22:25:07 »

น่ารักนะเนี่ยทั้งคนจีบและคนถูกจีบเลย เสียดายที่เป็นเรื่องสั้น ถ้าเป็นเรื่องยาวคงทำคนอ่านเขินกว่านี้แน่ๆ

ออฟไลน์ wichiwiwie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [เรื่องสั้น] Hello, stranger [END]
«ตอบ #61 เมื่อ02-02-2018 20:15:27 »

น่ารักมากกกกก ><

ออฟไลน์ naitay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: [เรื่องสั้น] Hello, stranger [END]
«ตอบ #62 เมื่อ04-02-2018 15:46:31 »

น่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ kipuuu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-0
Re: [เรื่องสั้น] Hello, partner [END]
«ตอบ #63 เมื่อ11-02-2018 14:42:12 »




เมื่อวาน
16 : 07 น.
งานบอลประเพณี

 

งานบอลปีนี้ไม่สนุก...
ที่จริงแล้วไม่ใช่เพราะงานหรอกว่ะ แต่เป็นเพราะตัวเองผม

ผมหงุดหงิด....
และการที่นักกีฬาจากมหา'ลัยผมเตะบอลเข้าประตูไปจนคะแนนขึ้นนำเป็น 0-1 หลังจากเริ่มแข่งไปได้แค่ไม่กี่นาทีก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น

ท่ามกลางเสียงโห่ร้องสะใจเพราะสแตนเชียร์ฝั่งผมแปรอักษรเป็นข้อความว่า 'ยิงให้เด็กมันดู' ผมกลับยืนเงียบๆ มองตรงไปยังคนที่ยืนถือกล้องอยู่ในพื้นที่ขอบสนาม  มันเองก็มองกลับมา สบตากันอยู่ครู่นึงด้วยสีหน้าตกใจนิดๆตามนิสัย ก่อนจะหันกลับไปคุยกับเพื่อนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เชี่ยแม่ง ขัดใจชิบหาย!

บรรยากาศครึกครื้นเพราะมหาลัยตัวเองยิงประตูนำสงบลงไปแล้ว แต่พวกเพื่อนๆของผมที่รักการเชียร์บอลเป็นชีวิตจิตใจถึงขั้นลงมายืนเกาะกลุ่มกันอยู่ที่ริมรั้วชั้นล่างสุดของสแตนยังคงส่งเสียงโหวกเหวกเป็นบ้าไม่เลิก...

ผมหันไปสะกิดเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างกัน แล้วพูดกับมันสั้นๆ

“บุหรี่หน่อย”               

“ไหนมึงบอกว่าเลิกแล้ว​?

“...”

“เหย...กูหมายถึงเลิกบุหรี่ ไม่ใช่เลิกกับแฟน”

เหี้ยนี่ก็วอนตีนจริงๆ

“หุบปากไปไอ้สัด”

มันยิ้มมุมปากรับคำพูดของผม ก่อนจะหยิบบุหรี่กับไฟแช็กขึ้นมาให้ แล้วพูดทิ้งท้ายสั้นๆ

“พิษรักกำเริบเหรอวะ”

ผมชูนิ้วกลางใส่ แล้วเดินแยกออกมา โดยไม่พูดอะไร

คนนอกสนามบางตาลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะบอลเริ่มเตะไปได้สักพัก ส่วนผมก็เดินมาหามุมที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่านเพื่อสูบบุหรี่ ยังไงเสื้อที่ใส่อยู่ตอนนั้นก็ประทับตรามหาลัยเด่นชัด ใครเห็นเข้าก็คงไม่ค่อยดี

เสียงความครื้นเครงของงานบอลประเพณีที่ทุกคนรอคอยดังมาถึงตรงนี้ แต่ผมนั่งมองซองบุหรี่กับไฟแช็คที่อยู่ในมือแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะยัดมันลงไปในกระเป๋ากางเกง โดยที่ยังไม่ได้แม้แต่จะเริ่มจุดบุหรี่สักมวน

...สัญญากับมันไว้แล้วว่าจะไม่สูบอีก

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ไล่ไปที่เบอร์โทรศัพท์ของมัน อยากโทรหาอยู่หรอก
แต่พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนก่อนก็ยังขัดใจไม่หาย

แม่ง...จะไม่โทรมาขอโทษกันก่อนจริงๆใช่มั้ย


◦ ◦ ◦ 



สามวันก่อน
22:30 น.
หอพัก - ราชเทวี



“กินข้าวยัง?”

ผมถามคนที่เดินนำเข้ามาในห้องแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยท่ากระรอกบินตามเคย
เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ท่าอะไรของมัน...

“ยังเลยว่ะ...อยากนอนแล้ว”

มองคนพูดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ พร้อมกับยื่นมือไปขยี้ผมยุ่งๆของมันให้มันยุ่งไปมากกว่าเก่า ก่อนจะเดินไปหยิบจาน จัดการเอาข้าวที่ก่อนหน้านี้ไปแวะซื้อมาใส่จานให้

พอทำแบบนี้แล้วแม่งก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย
ตกลงกูมีแฟนหรือมีลูกวะ? ...​หรือว่ากำลังเลี้ยงกระรอกบิน?

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของคนที่นอนอยู่บนเตียงทำให้ผมต้องหันไปมอง แล้วก็เห็นว่าฝ่ายนั้นกำลังเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าที่วางอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะค้นจนเจอโทรศัพท์ด้วยท่าทางเพลียๆ

“ครับพี่มีอะไร?”

ใครโทรมาวะ? นี่จะก็จะห้าทุ่มเข้าไปแล้ว

“ครับ... ถึงห้องแล้วครับ ยังเลย..ไม่เป็นไรพี่ ไว้เลี้ยงวันหลังก็ได้”

“ลุกมากินข้าวได้แล้ว!”

ผมส่งเสียงเรียกออกไปแบบที่มั่นใจเลยว่ามันดังพอจะลอดเข้าไปโทรศัพท์ที่อีกฝ่ายถือแนบหูอยู่
พอได้ยินแบบนั้นคนฟังก็ลุกขึ้น เดินลงมานั่งลงตรงข้ามผมที่โต๊ะกินข้าวเล็กๆมุมห้อง แถมยังทำเป็นถลึงตาใส่กันอีก
...น่ากลัวตายล่ะมึง

“ได้ครับ พรุ่งนี้เรียนเสร็จสี่โมง เดี๋ยวสี่โมงครึ่งผมตามไปแล้วกัน... ครับ..”

ผมนั่งเท้าคาง มองคนที่เอาช้อนเขี่ยข้าวในจานไปมา เพราะยังคุยโทรศัพท์ไม่เสร็จสักทีแล้วนับหนึ่งถึงสิบในใจ

หนึ่ง...
สอง...
สาม...
สี่...
ห้า...

พอ!
กูไม่นับแม่งละ!

ผมคว้าโทรศัพท์ที่ไอ้คนตรงหน้าถืออยู่มากดวางสายให้ ก่อนจะใส่ลงกระเป๋าเสื้อตัวเองแล้วพูดต่อ

“คุยอะไรเยอะแยะวะ จะห้าทุ่มแล้ว กินข้าว!”

มันขมวดคิ้ว ท่าทางเหมือนจะไม่พอใจ เพราะผมแย่งมือถือมากดทิ้ง ทั้งที่ยังคุยไม่จบ แต่ก็ไม่ได้เถียงกลับมาเหมือนทุกที และยอมนั่งกินข้าวต่อไปเงียบๆ

ดูก็รู้...ว่าบรรยากาศไม่ค่อยดี
แต่มันก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามเรื่องที่อีกฝ่ายคุยโทรศัพท์อยู่เมื่อครู่

“พรุ่งนี้ก็ต้องไปอีก?”

“อืม...”

“แล้วไหนบอกกูว่าทำงานที่ต้องส่งวันจันทร์ยังไม่เสร็จ”

“ก็...อือ...”

“แล้วจะทำวันไหน”

“อาทิตย์”

“แล้วที่นัดกูไว้?”

“ก็...ไปสัปดาห์หน้าได้มั้ย?”

“งั้นดูบอลจบก็แยกย้ายเลยแล้วกัน วันอาทิตย์กูไม่มาหามึงแล้วนะ”

ปกติผมจะมารับมันทุกเย็นวันศุกร์ แล้วก็ลากเด็กในเมืองไปศึกษาวิถีชีวิตชาวทุ่งรังสิตด้วยกันในช่วงวันหยุด ก่อนจะพากลับมาส่งที่หอช่วงค่ำวันอาทิตย์

ผมตั้งใจจะซื้อโน้ตบุ๊คใหม่ แล้วไอ้คนตรงหน้านี่ก็รับปากซะดิบดีว่าจะไปช่วยเลือก แต่สัปดาห์ก่อนมันก็เบี้ยวนัดผมไปทีนึงแล้ว เพราะต้องไปช่วยถ่ายรูปโปรโมทงานบอลประเพณี  พอมาสัปดาห์นี้แม่งก็ไม่ว่างอีก   ช่วงเย็นจันทร์-ศุกร์ก็ไม่ได้เจอกันเลยเพราะยุ่งทั้งคู่ นับไปนับมาแม่งก็สิบกว่าวันแล้วมั้งที่ไม่ได้เห็นหน้ากันแบบนี้

จริงๆโน้ตบุ๊คเครื่องเดียวเนี่ย ผมไปซื้อเองก็ได้ จริงๆก็แค่อยากใช้เวลาด้วยกันมากกว่าว่ะ

แล้วดูมันตอบกลับมา...

“มาไม่มาก็แล้วแต่มึงดิ”​

อาการมาละ เริ่มงอแงละเหอะ

“พรุ่งนี้ไม่ต้องไปช่วยงานที่ม.ได้ปะล่ะ เคลียร์งานให้เสร็จ วันอาทิตย์จะได้ว่าง ซื้อคอมเสร็จไปดูหนังกัน เดี๋ยวเลี้ยง”

“กูรับปากพี่เค้าไว้แล้ว”

“รับปากแล้วก็ยกเลิกได้ ทั้งมหาลัยมีมึงถ่ายรูปเป็นคนเดียวรึไง?”

คราวนี้มันวางช้อนที่ถืออยู่ลง แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากัน

“ตอนค่ายโฟโต้พี่เค้าก็ช่วยกูไว้เยอะ แล้วก็ดีกับกูมากๆด้วย พอมีโอกาสกูก็ต้องตอบแทนเค้าบ้าง”

“อ๋อ...”

“....”

“พี่มึงนี่ดีมากเนอะ รุ่นน้องทำงานยังไม่เสร็จ ยังขอให้ไปช่วยงานตัวเองอีก...”

ยอมรับ... ผมพาล ก็ไม่ชอบใจที่มันปกป้องและให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าผม
แม่งเอ๊ย! ยิ่งฟังก็ยิ่งหงุดหงิด!

“มึง...”

“อะไร?”  ​

“เลิกพูดเหอะ”

คำพูดที่ได้ยินทำเอาผมฉุนขาด

วันนี้ผมรอมันตั้งแต่  1 ทุ่ม ถึงจะไม่โง่นั่งตากยุงรอหน้าคณะ แต่ไปเดินสยามดูโน่นดูนี่แล้วค่อยมาหาร้านกาแฟนั่งรอก็เหอะ พอมันทำงานเสร็จ โทรมาบอกให้ไปรับ ผมยังแวะไปซื้อข้าวซื้อขนมให้ เพราะรู้ว่าทำงานมาเหนื่อยๆยังไงก็ต้องหิว
แล้วดูสิ่งที่ได้รับกลับมา....

เรามองสบตากัน มันรู้ว่าผมโกรธแล้วแน่ๆ แต่ก็ยังเงียบ...ไม่ยอมพูดอะไรต่อ
แล้วก็เป็นผมเองที่ทำลายความเงียบนั้น...

“ถ้ามันเป็นหน้าที่ที่มึงต้องรับผิดชอบตั้งแต่แรกกูจะไม่พูดอะไรเลย นี่อยู่ๆเค้าก็โยนมาให้มึงทำไม่ใช่รึไง? แล้วดูดิ๊ แม่ง...ดึกป่านนี้ยังโทรมาไร้สาระ  จริงๆมันหาเรื่องอยู่ใกล้มึงรึเปล่า”

คนฟังถอนหายใจ มองหน้าผมนิ่งๆอยู่สักพักแล้วตอบกลับมา

“ถ้าจะมาแล้วหาเรื่องกันแบบนี้ก็กลับบ้านไปเลยไป”

“เหรอ?”

“....”

“ไม่ได้เจอกันสิบกว่าวัน พอกูมาหาแล้วไล่กันแบบนี้...ก็ไม่ต้องมีแฟนไปเลยดีกว่ามั้ง”

มันนิ่งไปนิดนึงตอนที่ได้ยินผมพูด แต่ยังคงมองสบตากัน ผมเห็นริมฝีปากคู่นั้นเม้มเข้า น้ำตาคลอ มันโกรธผมแล้วแน่ๆ

“แฟนอะไร กูไปเป็นแฟนมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นรู้เลย!”

พูดจบมันก็กลับไปกินข้าวต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมยังนั่งอยู่ตรงนั้น มองคนที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเดินออกจากห้องมา แล้วขับรถกลับหอ

หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยกันอีก...


◦ ◦ ◦

♦♦
สองวันก่อน
19:18
หอพัก-สามย่าน

ผมหอบโน้ตบุ๊กมาทำงานที่หอพักของเพื่อน...
แต่นี่ 15 นาทีผ่านไป งานที่นัดกันไว้ว่าจะทำยังคงไม่ได้ฤกษ์ตัดริบบิ้นเริ่มลงมือกันสักที

ปกติแล้วผมจะรับถ่ายรูปเพื่อโปรโมทสินค้าตัวใหม่ของร้านขายเสื้อผ้าที่เพื่อนทำอยู่ พอแต่งรูปใส่ตัวหนังสือชื่อร้านเสร็จเรียบร้อย ก็จะส่งงานให้มันทางอีเมล์

แต่คุยกันไปคุยกันมา วันนี้ผมดันหาเรื่องจะมานั่งทำงานที่หอมันให้ได้ แถมยังต้องให้เจ้าของห้องขับรถไปรับถึงที่ซะด้วย
แค่นี้ก็ผิดสังเกต จนโดนถามทันทีที่ขึ้นรถเต่าคันสีเหลือง ว่า 'คนขับรถประจำตัวไปไหน?'

ตอนนั้นผมชวนมันเปลี่ยนเรื่อง ไม่ยอมตอบคำถาม แล้วค่อยมาปักหลักคุยกันจริงจังตอนที่มาถึงหอพักแล้ว

“เลิกกันแล้ว!?”

ไอ้นี่ก็ตกใจเล่นใหญ่ตลอดเวลา

“อืม...”

“ทำไมอะ? กูเห็นวันก่อนเค้ายังมารับมึงถึงที่อยู่เลย...”

“ทะเลาะกัน”

“อ้าว...”

ถ้าเป็นคนอื่นคง 'อ้าว...' แล้วก็จบ แต่ผมทำงานกับมันมานานจนเป็นเพื่อนกัน ผมถ่ายรูปให้ร้านเสื้อผ้าของมันตั้งแต่เปิดร้านใหม่ๆ จนตอนนี้คนติดตามในอินสตาแกรมขึ้นหลักหมื่น รู้เลยว่าเดี๋ยวมันต้องมีคำถามต่อไป

“ทะเลาะกันเรื่องอะไรวะ?”

นั่นไง!  ถ้ากูเดาใจแฟนตัวเองได้เหมือนเดาใจไอ้คนขี้เสือกนี่ ชีวิตคงดีกว่านี้ขึ้นมาอีกหน่อย...

“ก็มันบ่นกูก่อน แล้วกูก็เหนื่อย เรียนด้วย โดนลากไปช่วยเรื่องงานบอลด้วย พอกลับหอมาก็จะห้าทุ่มแล้วอะ ยังโดนบ่นอีก...”

“อะฮะ...เอาเป็นว่า กูจะติดประเด็นที่พวกมึงอยู่ด้วยกันเอาไว้ก่อนนะ แล้วถามต่อว่า ทะเลาะกันได้ไง?”

“กูเบื่อ กูเลยไล่ให้มันกลับไปเลย”

“ให้ขับรถกลับประเทศรังสิตตอนห้าทุ่มเนี่ยนะ?”

“กลับประเทศไหนก็เรื่องของมันดิ จะไปรัสเซีย ไปแม่สาย ไปเมืองจีน หรือจะไปเป็นตัวเหี้ยอยู่ที่ไหนก็เรื่องมันดิ”

“จ้าๆๆ แล้วไงต่อ?”

“มันก็เลยบอกว่า ถ้าแฟนมาหาแล้วไล่กันแบบนี้ก็ไม่ต้องมีแฟนไปเลยมั้ย”

“หูย...แรง แล้วมึงตอบไปว่าไง”

“กูบอกว่า กูไปเป็นแฟนมันตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นรู้เลย”

“หูย แรงกว่า...”

“มึง....ดูสนุกกับปัญหาชีวิตกูเนาะ”

“แหม ก็นิดหน่อย ฟังมึงเล่าแล้วกูอินไง ก็เลยตื่นเต้น”

“เออ!”

ผมพูดพลางลุกขึ้นนั่ง แล้วถอนหายใจ ก่อนจะพูดต่อ

“มึงไม่ต้องถามเลยว่าทำไมกูพูดแบบนั้น เดี๋ยวกูเล่าเอง... ว่าแต่ แมวอ้วนมึงไปไหนเนี่ย”

“หนีตามผู้ชายไปแล้ว เล่ามาเลย อย่าเปลี่ยนเรื่อง!”

“ก็ที่กูเป็นแฟนมัน เพราะวันนั้นอะ อยู่ดีๆมันก็ลากกูไปกินเหล้ากับเพื่อน แล้วก็ประกาศตรงนั้นเลยว่ากูเป็นแฟนมัน”

“หา????”

“หาทำไม? อะไรหาย?”

“กวนตีน! หาเพราะมึงนั่นแหละ แล้วมึงก็เป็นแฟนกันไปทั้งอย่างนั้นเนี่ยนะ?”

“อือ! ไม่เคยขอ! ไม่เคยบอกว่ารักสักคำ! ไอ้เหี้ยเอ๊ย!”

“เอ่อ... แล้วมึงก็ไม่ปฏิเสธเนี่ยนะ?”

“อืม...ก็ตามนั้น”

 “เดี๋ยวๆ ตามนั้นคือ? ....ก็คือไม่ได้ตั้งใจจะจะปฏิเสธอยู่แล้วถูกมั้ย?”

“อ...อืม”

“แล้วที่พูดไปนั่นก็ไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆใช่มั้ย?”

“อืม...”

“แค่เสียใจที่เหมือนจะโดนบอกเลิก เลยพยายามพูดอะไรก็ได้ให้อีกคนเสียใจกว่าใช่มั้ย?”

“อืม....”

“แล้วจนวันนี้เค้าก็ยังไม่ง้อถูกมั้ย?”

“มึงเป็นตัวอะไรเนี่ย ทำไมรู้มากขนาดนี้!”

“กูก็เดาๆเอาอะนะ”

“เหรอ?”

“อืม...​แล้วถ้าเกิดเค้าไม่ง้อขึ้นมาอะ มึงทำไง?”

รู้มากแล้วยังเสือกมากถามจี้ใจดำกันอีก!

“ไม่รู้แม่ง”

“....ขอพลังจงสถิตอยู่กับตัวมึงเถอะเพื่อน”

ผมไม่ทันได้ตอบอะไรกลับไป เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พร้อมกับที่ประตูห้องเปิดออก
แล้วนี่มึงใช้ชีวิตยังไงวะ ทำไมไม่ล็อคประตู...

“กูเอาคุณนายมาคืน”

คนที่มาเป็นพี่ที่ผมเคยถ่ายรูปไปก่อนหน้านี้ ในสภาพที่เซอร์ โทรม และกล้ามฟีบกว่าวันนั้นโคตรมาก แถมยังอุ้มแมวอ้วนสีขาวไว้อีกต่างหาก  ได้ยินอย่างนั้นไอ้เจ้าของแมวก็รีบลุกขึ้นเดินตรงไปหาทันที

พอพี่แกหันมามอง ผมก็ยกมือไหว้ เพราะหลังจากวันนั้นก็เจอกันอยู่บ้างครั้งสองครั้ง น่าจะจำกันได้อยู่แหละ

เห็นเพื่อนตัวเองเดินไปอุ้มแมวถึงหน้าประตูแล้วก็อดไม่ได้ที่คิดในใจ ว่าแมวมึงอ้วนขนาดนั้น ปล่อยให้มันได้ออกกำลังเดินเข้าห้องมาเองก็ได้มั้ง ทำไมต้องอุ้มกันตลอดเวลา?

ที่ไหนได้... เพื่อนผมรับแมวมาแล้ววางลงกับพื้นทันที ก่อนจะพูดต่อ

“เราซื้อชีสเค้กกับผัดไทมาฝากเฮียด้วย ชีสเค้กเอาไว้กินตอนดึกๆนะ ผัดไทรีบกินเลย เดี๋ยวเย็นแล้วไม่อร่อย”

 “อืม ขอบใจ ส่งงานแล้วเดี๋ยวกูเลี้ยงคืน”

“ได้เลย เฮียอย่านอนดึกมากนะ”

“เออๆ”

“รับปากกันเพราะยังไงก็ไม่นอนดึกอยู่แล้ว แต่นอนเช้าไปเลยถูกมะ?”

“รู้มากจังวะ! กูไปทำงานต่อแล้ว”

“อื้อ!”

เห็นท่าทางของเพื่อนตัวเองแล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะแซว

“เดี๋ยวนี้มึงรับจ็อบเป็นไลน์แมน ขับรถซื้อของกินส่งให้คนถึงบ้านด้วย?”

“ยุ่ง! เรื่องตัวเองเอาให้รอดก่อนเหอะ”

“เออๆ ช่างแม่งมันเหอะ ทำงานๆ”

ผมนั่งแต่งรูปต่อไปเงียบๆ ไอ้เจ้าของห้องก็มีงานของมันที่ต้องทำ ส่วนแมวอ้วนนี่เดินไปกินข้าวแล้วก็นอนแผละอยู่บนเตียงสะบัดหางไปมา...

อยู่ดีๆในใจก็คิดไปถึงสิ่งที่เพื่อนพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้
ถ้าเกิดมันไม่ง้อผมขึ้นมา...จะทำยังไงดีวะ?

ผมรู้ตัวนะว่าผมผิด ที่ช่วงนี้ไม่ค่อยใส่ใจกันเท่าไหร่ ทั้งที่ฝ่ายนั้นก็ขับรถมาหากันตั้งไกล
แต่งานมันก็ยุ่งจริงๆปะวะ แล้ววันนั้นอะ คนที่ใช้อารมณ์ก่อนก็คือมันด้วยเหอะ

ทุกครั้งที่ทะเลาะกันแบบนี้ ถึงผมจะพยายามทำเป็นเฉยๆแล้วใช้ชีวิตให้เหมือนปกติมากที่สุด แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบายใจกลัวว่าเรื่องงี่เง่าๆแบบนี้จะทำให้เราเลิกกันจริงๆขึ้นมาสักวัน

แต่คิดดูแล้ว จะให้เราคบกันแบบเนิบๆ หวานๆ เชื่อมๆ แม่งก็โคตรจะไม่ใช่อะ
อยู่กันไปตีกันไปแบบนี้นี่แหละลงตัวแล้ว ดีกันบ้าง เถียงกันบ้าง ต่อปากต่อคำบ้าง เหนื่อยหน่อย แต่ก็มีความสุข สนุกด้วย
คิดถึงมันแล้วอะ...

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไลน์เช็คดูและพบว่า รูปโปรไฟล์มันก็ยังเหมือนเดิม สเตตัสก็ยังเป็นแบบเดิม แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
.... จะไม่ง้อกันก่อนจริงๆเหรอวะ?

◦ ◦ ◦

♦♦
เมื่อวาน
16 : 05 น.
งานบอลประเพณี


งานบอลปีนี้ไม่สนุก...
ผมรับปากจะช่วยถ่ายรูปให้เชียร์ลีดเดอร์ระหว่างที่กำลังโชว์แบบกะทันหัน เพราะคนที่รับผิดชอบหน้าที่นี้อยู่ดันป่วยแล้วมาไม่ได้
อันที่จริง ที่ยอมมารับหน้าที่นี้เพราะแผนที่วางไว้ดันพังไม่เป็นท่า...

ผมตั้งใจจะมางานบอลกับมัน  เป่ายิงฉุบกับเรียบร้อยแล้ว ผมชนะสามครั้งรวด สรุปว่ามันต้องใส่เสื้อม.ตัวเองมานั่งดูบอลกับผม แถมยังเลี้ยงค่าตั๋วเข้างานด้วย

พอทะเลาะกันวันนั้น  จนมาวันนี้ก็ยังไม่มีใครยอมติดต่อหาอีกฝ่ายก่อน
ผมก็ไม่อยากขึ้นไปนั่งดูบอลบนสแตนแม่งละ
ทางออกก็เลยหาอะไรทำให้มันยุ่งๆเข้าไว้ จะได้ไม่ฟุ้งซ่านเป็นบ้าไปมากกว่าเดิม

ระหว่างที่กำลังเดินตามเชียรลีดเดอร์ ซึ่งข้ามมาแสดงให้อีกมหาลัยนึงดู เสียงพากย์ที่ดังขึ้นก็บอกให้รู้ว่ามหาลัยผมเสียประตูแรกไปซะแล้ว

ก่อนเสียงเชียร์ที่เสียงดังโหวกเหวกกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด แถมยังมีแต่คำหยาบพ่นออกมาเต็มไปหมดจะเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง แล้วก็ดันสบตากับคนที่ตอนนี้ก็ยังตอบไม่ได้ว่าอยากเจอหรือไม่อยากเจอกันแน่

มันไม่ได้ใส่เสื้อถุงสัมเพ็งเหมือนตอนนั้น เห็นแล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาอีกหน่อยเพราะปีนี้เสื้อบอลมหาลัยมันสวยผิดหูผิดตาอย่างไม่น่าเชื่อ แถมเจ้าตัวก็ยังใส่แล้วดูดีจนน่าโมโห

สักพักอีกฝ่ายก็มองกลับมา...
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นตัวเองหวังอะไรอยู่ ให้มันยิ้มให้เหรอ? ร้องไห้เหรอ? หรือจะให้ตะโกนด่าผมมาจากบนนั้นดี?
ไม่ไหวมั้ง..

ที่รู้คือผมไม่ชอบเลยที่แม่งมาทำเป็นเฉยชาใส่กันแบบนี้
สัดเอ้ย!
...อยากเขวี้ยงกล้องขึ้นไปอัดหน้าเต็มๆสักทีให้หายขัดใจ ถ้าไม่ติดว่าราคามันแพงกว่าค่าเทอมไปเป็นห้าเท่าสิบเท่า!

ผมเลิกมองมันได้ในที่สุด แล้วก็หันกลับไปคุยกับเพื่อนที่เดินมาข้างๆ  แกล้งทำเหมือนอารมณ์ดีตามปกติ ทั้งๆที่ในใจไม่ได้เป็นอย่างนั้นสักนิด

พอมองไปรอบๆก็นึกถึงงานบอลเมื่อสองปีก่อน ตอนที่มันเดินฝ่าดงเด็กมหาลัยผมมานั่งตรงบันไดแล้วชวนคุยไร้สาระ...
ตอนนั้นมันคิดอะไรอยู่วะ?
เหี้ยเอ้ย ฟุ้งซ่าน....

ยุ่งๆสักพัก รู้อีกทีบอลก็แข่งเสร็จแล้วด้วยคะแนนที่เสมอกัน แถมยังเกือบมีมวยประเพณีให้ได้เชียร์เพิ่มซะด้วย

ผมเคลียร์ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยตอนที่คนบนสแตนกำลังทยอยลงมาในสนาม พอหันไปบอกลาแก๊งเชียร์ลีดเดอร์ที่เดินตามมาทั้งวัน และตั้งใจจะขอตัวกลับหอ  ผมก็มองไปเห็นว่ามีคนกำลังเดินตรงมาทางนี้ แล้วก็เป็นคนเดียวที่แม่งทำให้ผมรวนไปหมดตลอดสองสามวันที่ผ่านมา

อีกฝ่ายเดินตรงมาทางนี้ด้วยท่าทางนักเลงโคตร ไม่ใช่ว่าจะพุ่งมาต่อยกันเพราะขัดใจผลบอลนะเว่ย!

ผมมองสบตามัน และพบว่าอีกฝ่ายกำลังขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ยิ่งมองหน้าตาท่าทางมันก็ยิ่งมั่นใจ... ด่ากูแน่อะ เดินตรงมาด่ากูแน่ๆอะ เอาไงดีวะ? หนีไปไหนดี
คนเยอะแยะไปหมด ไม่เอานะเว่ย! แม่งๆๆๆ ทำไงดีวะ!

พอถึงระยะที่มันสามารถเอื้อมมือมาได้ ผมก็เผลอตัวก้าวเท้าถอยหลังหนีโดยที่ไม่รู้ตัว แถมยังไปชนกับใครไม่รู้เข้าเต็มๆ

หลังจากหันไปขอโทษคนที่ผมไปชนเข้าเสร็จ ถึงได้รู้ตัวว่ามีมือยื่นมาจับต้นแขนเอาไว้ ผมมองกลับไปแล้วก็สบตากับมันเข้าพอดี
คนตรงหน้าถอนหายใจออกมา โดยที่ยังไม่ได้พูดอะไร
...แค่นั้นก็ทำเอาผมใจเสียไปเลย

มึงจะมาต่อย บอกเลิก หรือว่าจะมาง้อกันแน่วะเนี่ย
มันหน้าบึ้งอะ นิสัยก็ยังกะหมาบ้า ใครจะไปรู้วะว่าจะทำอะไร!

พอพยายามจะดึงแขนที่โดนจับไว้ออก แม่งก็กำมือแน่นเข้าไปใหญ่
จะทำอะไรก็ทำดิวะ จะมายืนทำหน้าดุใส่กันทำเหี้ยไรอะ เป็นบ้าปะเนี่ย!

“มึงนะมึง...”

หืม...​เปิดประโยคมาก็ไม่ใช่แล้วโว้ย!

“ทำกูคิดมากไม่เป็นอันนอนเลย สัดเอ้ย...”

“แล้วมึงจะด่ากูทำเหี้ยอะ.....”

“เป็นแฟนกูมั้ย?”

“.....ไร?”

ห...หา?
มันใช่เวลาเหรอวะ! ไอ้เวรนี่! แม่ง เมากาวปะเนี่ย!
ผมตัวแข็งไปแล้ว มันแบบขยับตัวไม่ได้ เหมือนจะวูบๆไปยังไงก็ไม่รู้ แถมหัวใจยังเต้นจนสัมผัสได้เลยว่ามันดังตึกๆๆ
ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกตัวอยู่หรอก ตอนที่มันก้มลงมาแล้วกระซิบให้ได้ยินใกล้ๆ

“สองปีก่อนที่ร้านเหล้า ตอนนั้นใครๆก็มองเพื่อนมึงทั้งนั้นแหละ โคตรสวย แถมยังเป็นเจ้าของวันเกิด มีแต่กูที่เอาแต่มองมึง..."

“...”

“ชอบมึงว่ะ ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ...ถ้าบอกแบบนี้จะเป็นแฟนกูมั้ย”

โอ่ย....ผมรู้สึกเหมือนจะยืนไม่ไหวว่ะ ทำไงดีวะเนี่ย...
เอาไงดี! เอาไงดี! เอาไงดี!

“ว...วันนั้น...วันที่กูอ้วกพุ่งใส่มึงอะนะ!”

สัสเอ้ย กูพูดอะไรออกไป...

ยังดีที่พอได้พูดออกมาบ้าง ผมก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นนิดหน่อย พยายามจะไม่นึกถึงเรื่องที่มันบอกกันเมื่อครู่ขึ้นมาอีกรอบ เพราะกลัวตัวเองจะวูบเป็นลมลงไปจริงๆเหอะ อาการหนัก...

ผมกับกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถแล้วก็เงยหน้าขึ้นไปมองสบตากับอีกฝ่าย

“เออ วันนั้นแหละ”

ผมยิ้มรับสิ่งที่ได้ยิน มันชอบผม แต่ผมดันไปอ้วกแตกใส่มันเนี่ยนะ?
แล้วตอนนี้ หลังจากเวลาผ่านมา 2 ปี มันก็มากระซิบสารภาพรักกับผมกลางสนามบอลที่มีคนมากมาย...

“มองเหี้ยอะไร เดี๋ยวก็จับจูบตรงนี้แม่งเลย”

หมดกัน!
โอ่ย...กลัวแล้ว!

“เชี่ยนี่!”

ผมบิดแขนตัวเองออก แล้วเปลี่ยนมาจับมือมันเอาไว้ พร้อมประสานปลายนิ้วเข้าด้วยกัน โชคดีที่เพลงคุ้กกี้ทำนายกันอะไรสักอย่างแม่งดังขึ้นตรงสแตนพอดี คนเลยเทกันไปอยู่ตรงนั้นหมด ทำให้ประตูทางออกโล่งผมจนผมสามารถจูงมือมันเดินออกมาจากกงานได้ โดยที่ไม่ต้องเบียดกับคนเยอะแยะ

ผมจับมือมันแน่น แบบที่ลืมคิดไปเหมือนกันว่าถ้ามีคนสังเกตเห็นเราสองคนมันจะแปลกๆมั้ยวะ ผู้ชายเดินจูงมือกัน...​แถมไอ้คนที่มากับผมก็พอจะเป็นที่รู้จักในมหาลัยอยู่บ้างด้วยเหอะ

ระหว่างที่กำลังเดินไปตามทางเดินมืดๆซึ่งจะไปทะลุออกบริเวณด้านข้างของห้างสรรพสินค้า ผมก็หันไปมองอีกฝ่าย และพบว่าคนที่เดินอยูข้างๆตัวเอาแต่มองตรงไปข้างหน้าโดยไม่หันมาสบตากันสักนิด

ถึงอย่างนั้นก็ยังเห็นว่าหูของมันแดงแป๊ดไม่แพ้ปกเสื้อที่ใส่อยู่
อ๋อ...ที่เงียบๆนี่คือเขิน?

ผมเม้มปากกลั้นเสียงหัวเราะ ก่อนจะหยุดเดิน และหันไปกระซิบบอกเจ้าของฝ่ามือที่จับกันไว้จนชื้นเหงื่อ

“เป็นแฟนกันอยู่แล้วจะมาขอกูเป็นแฟนอีกทำเพื่อ?”

คราวนี้มันหันมามอง ขมวดคิ้วใส่แล้วไม่ตอบอะไร จนผมต้องพูดต่อ

“ห้ามด่านะ ช่วยไม่ได้ มึงซื่อบื้อมาชอบกูก่อน”

“เชี่ยนี่ แล้ววันก่อนหมาตัวไหนมันงอแงโวยวายว่าเป็นแฟนกูตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไม่รู้วะ?”

“หมาที่ไหน? หมาบ้านมึงพูดได้ด้วยรึไง? หรือว่ามึงพูดภาษาหมาฮะ?”

พูดจบผมก็หัวเราะ ทั้งๆที่รู้สึกถึงสายตาที่มองมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ขู่ได้ขู่ไป ไม่กลัวเหอะ!

“เดี๋ยวอุ้มโยนลงถังขยะแม่ง กวนตีนนะมึงอะ”

“กวนตีนแล้วทำไม ยังไงมึงก็ชอบกูอยู่ดี”

ผมพูดแล้วเดินต่อ พร้อมหันหน้าหนี ก่อนจะแอบยิ้มโดยไม่ให้อีกฝ่ายเห็น รู้ตัวอีกทีก็มีแขนยื่นมาล็อคคอผมเอาไว้ ไม่ทันได้โวยวายอะไรก็รู้สึกถึงฟันคมๆที่งับลงมาบนหัว

“เจ็บ! หมาบ้าปะเนี่ย! ฉีดยายัง!”

พอผมโวยวายมันก็คลายแขนออกแล้วเปลี่ยนมาเดินกอดคอกันแทน พร้อมกับถามออกมา...

“มึงอะ ชอบกูปะ?”

“ต้องชอบปะ?”

“ไอ่นี่หนิ!”

มันคงหงุดหงิดผมพอตัวแล้วว่ะ ถ้ากวนอีกหน่อยมีหวังได้โดนจับโยนลงถังขยะจริงๆแล้วคราวนี้

“ไม่ชอบจะให้มึงลากไปเที่ยวทุ่งรังสิตอยู่เป็นปีเหรอวะ ซื่อบื้อ!"

“....”

ไม่รอให้มันด่ากันอีกที ผมก็รีบพูดต่อ

“...ขอโทษเรื่องวันก่อนด้วย”

“ขอโทษเรื่องอะไร?”

“เรื่องที่กูไม่ใส่ใจมึงอะ ไม่จัดเวลาให้”

“มีอีก...”

“เรื่องที่คุยกับคนอื่นต่อหน้า”

“มีอีก...”

“เรื่องที่ไล่มึงกลับบ้าน ทั้งที่มึงขับรถมาตั้งไกล”

“ยัง...​ยังมีอีก”

“มีอีกอะไรวะ หมดแล้ว!”

“เรื่องที่มึงดื้อกับกูไง ดื้อตลอด ดื้อทุกวัน”

“ดื้ออะไร ไม่เห็นเกี่ยวเลย”

“เกี่ยวสิวะ กูบอกว่าเกี่ยวก็ต้องเกี่ยวอยู่แล้ว”

“เอาแต่ใจชิบ!”

“หึ...ไม่ได้เอาแต่ใจ...”

“...”

“...ตัวก็เอาว่ะ”
 
ไอ้คนพูดมันยิ้มมุมปากแล้วทำเป็นยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ยิ่งมันกอดคอผมเอาไว้แบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนโดนต้อนซะจนมุม

“วุ่นวายนัก จับแดกแม่งเลย”

“ถอยไปดิ๊!”

ทางรอดเดียวของผมคือการกำมือแล้วทุบลงไปบนหน้าอกมันแบบที่แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้
ง้องแง้งจริงกู...

มันคงได้แกล้งจนพอใจแล้วถึงได้ขยับถอยออกไปเดินตากปกติ ทั้งๆที่ยังกอดคอผมอยู่ไม่เลิก
บทสนทนาที่เราคุยกันค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นเรื่องทั่วๆไป อย่างเช่น วันนี้แดดดไม่ร้อนอย่างที่คิด เดี๋ยวจะไปกินอะไรกันดี จนกระทั่งเรื่องของการแปรอักษรตอบโต้กันของทั้งสองมหาลัยเมื่อตอนเย็น

คืนนี้อากาศดีเหมือนกันนะ...


                                                                                         
◦ ◦ ◦
มีต่อด้านล่างค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-02-2018 14:55:18 โดย kipuuu »

ออฟไลน์ kipuuu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-0
Re: [เรื่องสั้น] Hello, stranger [END]
«ตอบ #64 เมื่อ11-02-2018 14:54:36 »




วันนี้
07 : 14 น.
หอพัก – ราชเทวี

แรงฟาดหนักๆที่ซัดเข้ามาเต็มหน้าทำเอาผมต้องลืมตาตื่น ไม่ทันได้โวยวายว่าใครต่อยกูวะ ก็เห็นว่าไอ้คนที่ทำร้ายร่างกันมันนอนหลับตาพริ้มซะจนน่าเตะ

แม่ง..นอนดิ้นชิบหาย

ผมหลุดยิ้มเพลียๆ แล้วจัดการยกมือที่ยังคงวางแหมะอยู่บนหน้าตัวเองออก แล้วจัดการรวบตัวไอ้เจ้าของมือนั่นมากอดเอาไว้แน่นๆ ไม่ให้มันได้ดิ้นจนทำร้ายร่างกายกันอีก พอได้ยินคนที่ยังนอนหลับอยู่ส่งเสียงเหมือนจะรำคาญที่โดนกอดซะแน่นขนาดนั้น ผมหลุดขำ แล้วแอบตีหัวมันไปอีกทีนึง ก่อนจะจูบลงไปบนหน้าผากแล้วนอนต่อ

วันอาทิตย์ทั้งที...
ตื่นสายหน่อยก็ได้มั้ง

 
                                                                               
◦ ◦ ◦

♦♦
วันนี้
08 : 45 น.
หอพัก – ราชเทวี

ผมตื่นนอนเพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆมาวางทับอยู่บนตัว พอลืมตาขึ้นมามองก็เห็น ว่าไอ้อะไรหนักๆที่ว่านั่นคือ...ขาของคน
มานอนเอาขาพาดกันงี้ได้ไงวะ?

แม่ง..นอนดิ้นชิบหาย

เห็นอย่างนั้นผมก็ลุกขึ้น ผลักขาที่วางพาดกันอยู่ออกแล้วหันไปขมวดคิ้วใส่ไอ้คนที่ยังคงนอนไม่รู้เรื่อง
เชี่ยนี่!

ผมแกล้งถีบมันไปเบาๆจนคนที่นอนตะแคงอยู่พลิกกลับไปนอนหงาย เมื่อพบว่าอีกฝ่ายยังคงหลับไม่รู้เรื่องก็หลุดยิ้มออกมาก่อนจะทิ้งตัวกลับลงไปตามเดิม ขยับไปนอนหนุนไหล่มันไว้ เหลือบสายตาไปมองนาฬิหาที่วางอยู่ข้างเตียงแล้วก็สรุปกับตัวเองว่า

วันอาทิตย์ทั้งที...
ค่อยตื่นมาทำงานตอนบ่ายก็ได้มั้ง...




END

ออฟไลน์ Tatangth

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: [เรื่องสั้น] Hello, partner [END] <pg.3>
«ตอบ #65 เมื่อ11-02-2018 15:42:19 »

ออกตัวก่อนเลยว่า #ทีมพิถุง เลือดเหลืองแดงมันเข้มข้น 555555555555
ทะเลาะกันเหมือนจะหนักนะ พอดีกันแล้วก็ดูง้องแง้งเฉย ยัยกระรอกก็น่าตีก้น!!
พอมาอ่านแล้วคิดถึงงานบอลเลย ขอบคุณคนเขียนนะคะที่เขียนให้ได้อ่านกัน
เย่  :mew1:

ออฟไลน์ wichiwiwie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [เรื่องสั้น] Hello, partner [END] <pg.3>
«ตอบ #66 เมื่อ11-02-2018 16:38:00 »

น่ารักกกก ชอบการง้องแง้งกันสองคน ><

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: [เรื่องสั้น] Hello, partner [END] <pg.3>
«ตอบ #67 เมื่อ11-02-2018 19:37:10 »

คิดว่าจะดราม่าซะแล้ววว แง้ น่ารักมากเลยค่า

ออฟไลน์ xinpitar

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: [เรื่องสั้น] Hello, partner [END] <pg.3>
«ตอบ #68 เมื่อ12-02-2018 00:14:51 »

น่ารักอะ สัมผัสได้ถึงความร้ากกกก งือออออ
เขิน ยิ้มแก้มปริ :-[ :-[

ออฟไลน์ MonKeez

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: [เรื่องสั้น] Hello, partner [END] <pg.3>
«ตอบ #69 เมื่อ12-02-2018 01:28:40 »

❤❤ เรื่องสั้นปีละหนสองหน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] Hello, partner [END] <pg.3>
« ตอบ #69 เมื่อ: 12-02-2018 01:28:40 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: [เรื่องสั้น] Hello, partner [END] <pg.3>
«ตอบ #70 เมื่อ12-02-2018 04:01:39 »

เฮ้ยยย เพิ่งเห็นว่ามีต่อด้วย เข้ามาเชียร์น้องกระรอกบินเพราะเลือดชมพูเหมือนกัน แค่น้องกระรอกบินก็นิสัยไม่ยอมใครเหมือนกันนะเนี่ย ดีนะที่เขากลับมาง้อเนี่ยย

ออฟไลน์ MacaroonCookie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: [เรื่องสั้น] Hello, partner [END] <pg.3>
«ตอบ #71 เมื่อ12-02-2018 21:09:15 »

น่ารักกกกกก มาต่อของงานบอลปีนี้ด้วย  :mew1:

ออฟไลน์ pamhicc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: [เรื่องสั้น] Hello, partner [END] <pg.3>
«ตอบ #72 เมื่อ13-02-2018 22:03:15 »

น่ารักกกกก ติดตามสองคนนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: [เรื่องสั้น] Hello, partner [END] <pg.3>
«ตอบ #73 เมื่อ13-02-2018 23:22:52 »

อยากอ่านแบบนี้ทุกๆปีเลยย :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-02-2018 23:28:49 โดย utamon »

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
Re: [เรื่องสั้น] Hello, partner [END] <pg.3>
«ตอบ #74 เมื่อ27-02-2018 21:52:25 »

 :pig4:

ออฟไลน์ PoPoe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: [เรื่องสั้น] Hello, partner [END] <pg.3>
«ตอบ #75 เมื่อ29-04-2018 02:09:11 »

อ่านแล้วอินมากๆ
โดยเฉพาะเกือบได้ดูมวย
แล้วอีกอย่างที่อินมากคือ ขับรถไปกลับทุ่งรังสิตกับสยามบ่อยๆเนี่ย
เหนื่อยมากเลยนะะะะะะะ  :o12:
ฮืออออ อย่ามาไล่ให้เรากลับไปทั้งๆแบบนี้//อันนี้อิน

ออฟไลน์ tixjubz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: [เรื่องสั้น] Hello, partner [END] <pg.3>
«ตอบ #76 เมื่อ14-02-2019 10:15:26 »

งือ น่ารัก กรุ่นความรักกกกกกกกกกกกกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด