14 กุมภาพันธ์ 2016 00.00 น. หลังจากที่ผมจดจ้องของขวัญไอ้อ๊อฟมานาน ในที่สุดผมก็ได้ฤกษ์เปิดมันสักที ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะลงมือหยิบกล่องของขวัญจากไอ้อ๊อฟขึ้นมา...
...แล้วก็ต้องเอามันลงไปวางไว้ที่เดิมเพราะมีคนมาร้องเรียกผมอยู่หน้าบ้าน
ไอ้อ๊อฟ...
“มีอะไร” ผมเปิดหน้าต่างแล้วร้องตอบมันไป
“กูหาของขวัญมึงไม่เจอ!” อ๊อฟร้องพร้อมกับทำสีหน้าเดือดเนื้อร้อนใจมาก “มึงต้องมาช่วยกูหา”
“ก็อยู่ในกองเมื่อวานนั่นแหละ หาๆ เอา ไม่ยากหรอก” จริงๆ ยากมาก...เพราะของขวัญผมเล็กจิ๊ดเดียว ของคนอื่นๆ ที่ให้มันก็มีขนาดเดียวกันกับผม สรุปก็คือหายากนั่นแหละครับ ช่วยไม่ได้ ไอ้คนรับมันเสือกฮอตเองนี่
ผมทำท่าจะปิดหน้าต่าง แต่เชี่ยอ๊อฟง้างมือที่กำก้อนหินเตรียมจะโยนใส่ผม
“มึงปิด กูโยน”
“พ่องตาย!” ผมร้องด่า “ออกไปเลยนะ ก่อนที่พ่อแม่กูจะตื่น”
“ก็ลงมาช่วยกูหาสิ”
“หาเอง ของขวัญมึง”
“แต่มึงเป็นคนให้”
“...”
“กูต้องหา กูต้องรู้ความลับของมึงให้ได้”
ผมมองใบหน้าหล่อๆ ที่ดูร้อนใจอย่างรุนแรง เห็นแล้วสงสาร ผมคงไปสร้างปมปัญหาที่แก้ยากสำหรับมันสินะ ดูทำหน้าเข้า...น่าสงสารฉิบหาย
แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้ นานๆ ทีผมจะถือไพ่เหนือกว่ามัน
“งั้นรอแป๊บนะงั้น” ผมพูด หยิบกล่องของขวัญของมันออกไปด้วยพร้อมๆ กับกุญแจบ้าน
ไม่นานนักผมก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ามันที่หน้าบ้าน เราสองคนใส่ชุดนอนกันทั้งคู่ คนที่มองอยู่ก็คงจะคิดว่าตลกดี แต่ใครเล่าจะมอง ในเมื่อมันดึกขนาดนี้แล้ว...แม้จะเป็นคืนเริ่มต้นวาเลนไทน์ก็เหอะ
“มึงห่อของขวัญสีอะไรวะ” ระหว่างที่เดินไปบ้านมัน เจ้าของของขวัญของผมก็ถามขึ้นมาทันที
“สีแดง”
“แม่ง มีตั้งเยอะ” อ๊อฟบ่น ก่อนที่จะมองของขวัญในมือของผม “มึงยังไม่แกะของกูอีกเหรอ”
“หมาตัวไหนบอกให้รอวันที่สิบสี่ กูก็รอให้ถึงวันที่สิบสี่ พอกำลังจะแกะ หมาตัวนั้นแม่งก็โผล่มา...”
“ถ้ากูเป็นหมา กูก็เป็นหมาแพง”
“พันธุ์อะไร...”
“หล่อๆ อย่างกูต้องชิสุอยู่แล้ว”
ไอ้บ้าเอ๊ย...ผมหัวเราะกับมุขของมัน ตอนนั้นเราสองคนถึงหน้าบ้านของมัน มันค่อยๆ เปิดประตูรั้วช้าๆ เพราะกลัวคนในบ้านจะตื่นขึ้นมากันหมด
บ้านปิดไฟมืด...ผมค่อยๆ ย่องตามไอ้อ๊อฟขึ้นไปบนบ้านและในที่สุดผมก็มาถึงห้องมันสักที
ของขวัญทุกชิ้นถูกเก็บไปหมดแล้ว...
“อ้าว ไหน...”
อ๊อฟส่งยิ้มให้ผม ก่อนที่จะไปหยิบของขวัญของผมที่วางไว้อยู่บนเตียงมันขึ้นมาแล้วก็ยื่นมาให้ผมดู
“เปิดพร้อมกัน...”
“เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ผมร้องเสียงดังโดยไม่สนใจว่าใครในบ้านไอ้อ๊อฟจะว่าอะไรมั้ย “มึงตอแหลกูนี่หว่า” เหนือกว่าคำว่าโกหก ก็ตอแหลนี่แหละไอ้สาดดดดดด
ผมไม่อยู่แม่งแล้ว ผมจะกลับ...ผมหันหลังพร้อมเตรียมก้าวฉับๆ กลับบ้าน แต่ทว่าโดนมือของมันรั้งผมเอาไว้จนหลังของผมชิดเข้ากับตัวของมัน...
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก “ถ้ากูมีอะไรสงสัยกูจะได้ถาม...ตอนที่มึงอยู่ใกล้ๆ กู”
“...”
“ทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น ไม่ดีกว่าเหรอ”
ผมไม่เข้าใจในความหมายที่มันพูดเท่าไหร่ แต่ผมก็อายเกินกว่าที่จะอยู่ต่อหน้ามันในเวลาที่ของขวัญอยู่ในมือมันแบบนี้ จำได้มั้ยครับว่าผมชอบที่จะให้มันเห็นตอนที่ผมไม่อยู่ด้วยน่าจะดีกว่า
เพราะผมเขินแม่งฉิบหายยย เขินจริงๆ นะครับ...
“มึง กูไหว้ล่ะ ให้กูกลับเถอะ”
“มึงส่งระเบิดมาให้กูใช่มั้ยปั้น”
“จะบ้าเหรอ”
“ถ้าไม่ใช่ก็อยู่เหอะ...ไม่มีอะไรต้องอายหรอก”
มึงมันไม่รู้อะไรไงไอ้เชี่ยอ๊อฟ...
“เอางี้...”
มันค่อยๆ ลากตัวผมไปนั่งกับมันบนเตียง ให้ผมนั่งอยู่ตรงหว่างขาของมัน ตัวของผมก็นะ...เล็กจิ๋วกะทัดรัดเหมาะสำหรับการเป็นตุ๊กตาของไอ้อ๊อฟที่สูงร้อยแปดสิบต้นๆ ฉิบ...มันควบคุมผมได้สบายๆ จากขาและก็อ้อมแขนของมัน ณ ขณะนี้
“แบบนี้มึงก็ไม่เห็นหน้ากูแล้วใช่มั้ย”
ใช่ ไม่เห็น...แต่แค่หันไป(ในมุมเงย)ก็เห็นคอ เห็นคาง เห็นหัวมึงละฟาย...
หน้าผมแดงก่ำ แก้มร้อนราวกับว่ามีใครเอาไฟมาเผาใส่
ผมที่อยู่ในอ้อมแขนของไอ้อ๊อฟตอนนี้ตัวสั่นไปหมด เหมือนกลัวความผิดที่ตัวเองไม่ได้ผิด
“เป็นอะไรวะ” อ๊อฟหัวเราะ ในขณะที่ผมนั้นไม่มีอารมณ์ขันร่วมกับมันเลย “ใจเย็นๆ นี่กูเองนะ กูไม่แดกมึงหรอก”\
มึงนั่นแหละน่ากลัวที่สุดแล้ว...
“ชู่วๆๆ” มันกอดผมจากทางด้านหลังและก็ส่งเสียงปลอบ “มึงไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”
“กูไม่ได้กลัวเว้ย” ผมยังมีแรงเถียงกับมันอยู่
“แล้วมึงเป็นอะไร”
“กู...กู...กูตายแน่”
ไอ้อ๊อฟหัวเราะอีกครั้ง ก่อนที่จะหยิบของขวัญของมันขึ้นมาส่งให้ผม
“แกะของกูก่อนก็ได้...”
“...”
“ดีนะเนี่ย...นั่งแบบนี้...มึงจะได้ไม่ต้องเห็นหน้ากูในตอนนี้เหมือนกัน”
ผมมองของขวัญที่อยู่ในมือของผมอย่างเริ่มอยากรู้สิ่งที่อยู่ภายใน...ผมค่อยๆ แกะกระดาษห่อของขวัญออกอย่างเชื่องช้า สัมผัสได้ว่าคนที่อยู่ข้างหลังผมนั้นตัวชาและก็แข็งทื่อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“คือในตอนแรกอ่ะ...กูกะจะให้มึงในวันปัจฉิม...”
ข้างในกล่องกูอัลบั้มรูปเล็กๆ เหมือนถูกเจาะรูและก็ใช้เหล็กกลมห้อยรวมกันอย่างสร้างสรรค์
“...แต่อย่างที่บอก...กูแม่งไม่เคยรู้เหี้ยอะไรเกี่ยวกับใจกูเลย จนกระทั่งวันที่มึงมาบอกว่ามึงจะจากกูไป...” ข้างหน้าอัลบั้มเป็นกระดาษสา ถูกเขียนเอาไว้ด้วยลายมือของไอ้อ๊อฟ
อัลบั้มของข้าวปั้น เป็นภาพของผมตั้งแต่ตอนม.4 จนถึงตอนม.6 เป็นรูปที่ Print มาจากรูปในโทรศัพท์ของไอ้อ๊อฟ รูปส่วนใหญ่เป็นรูปทีเผลอ ที่มันแต่งเองผ่านสิ่งที่เรียกว่าแอพลิเคชั่น ความคมชัดนั้นพัฒนาเพิ่มตามชั้นปีและก็รุ่นโทรศัพท์ เหมือนฝีมือในการถ่ายรูปของไอ้อ๊อฟ
ผมอึ้งมาก...บางภาพผมยังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ...
“...เพราะมึงบอกไม่ได้อะไรจากใครในวันวาเลนไทน์กูก็เลยให้ไอ้นี่กับมึงไปก่อน...”
“...”
“แต่ว่าจริงๆ ก็ดีนะ...มึงจะได้รู้ไงว่าที่ผ่านมามึงไม่เคยอยู่นอกสายตากูเลยแม้แต่นิดเดียว”
“...”
“มึงอาจจะเป็นคำตอบที่กูตามหามาโดยตลอดก็ได้ปั้น” ผมเปิดทีละรูปดูอย่างเชื่องช้า...บางรูปก็เป็นตอนที่ผมหลับ บางรูปก็เป็นตอนที่ผมไปเฝ้าไอ้อ๊อฟซ้อมบาส บางรูปก็เป็นตอนที่ผมยืนรอมันอยู่ในโรงเรียน
มันถ่ายก่อนที่จะเดินเข้ามาหาผม...
“มึงอาจจะเป็นคำตอบของกูที่ว่ากูไม่สามารถมีใครเข้ามาในใจได้เลย”
“...”
“เพราะใจกูมีมึงอยู่ก่อนแล้ว” ริมฝีปากของไอ้อ๊อฟจุมพิตเข้าที่ขมับของผมอย่างแผ่วเบา
“กูคงไม่รู้ตัวช้าเกินไปใช่มั้ยปั้น...” น้ำตาของผมเอ่อคลออยู่ที่ขอบตา...อ๊อฟดึงสิ่งที่อยู่ในมือของผมออกไปอย่างเชื่องช้า และก็ดึงกล่องที่เป็นของขวัญจากผมมาอยู่ตรงหน้าแทน
ตอนนี้ผมไม่มีแม้แต่ความอายหลงเหลืออยู่ ผมมีแต่ความตื้นตันใจ...และก็ดีใจ...
ของขวัญที่ผมมอบให้อ๊อฟก็คือสร้อยคอที่ผมสั่งทำเป็นพิเศษ ตรงจี้ที่ห้อยอยู่เป็นอักษรรูปตัว A ที่เป็นชื่อของมัน แต่ทว่าในกล่องกลับมีจี้อีกอันหนึ่งนั่นก็คือตัว P แต่ไม่ได้ห้อยไว้ร่วมกัน
ในนั้นมีจดหมายขนาดเล็กที่ผมเขียนไว้...
จากปั้นถึงอ๊อฟ
สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะมึง ตกใจมั้ยที่กูให้ของขวัญมึงอ่ะ ฮ่าๆๆ กูเองก็ตกใจเหมือนกัน ว่าทำไมกูต้องให้มึงด้วย...
เขาบอกว่าวันวาเลนไทน์เป็นวันแห่งความรัก กูให้ของขวัญในวันแห่งความรักกับมึง งั้นก็แสดงว่า...กูรักมึงสินะ
ใช่...กูรักมึง
กูขอโทษที่คิดกับมึงแบบนี้ แต่มึงมาเป็นเพื่อนกูตอนที่กูแอบรักมึงไปแล้ว เพราะฉะนั้นกูไม่ผิด กูไม่ได้ทรยศในมิตรภาพ มึงมันหล่อตั้งแต่ม.ต้นและก็กูเอาแต่มองมึงตั้งแต่ตอนนั้น เพราะงั้นถ้ามึงจะเกลียดกูเพราะกูรักมึง กูก็จะถือว่าไม่ใช่ความผิดกู ความรักไม่ใช่สิ่งที่ผิดและกูก็ไม่เคยร้องขอให้มึงมารักกูตอบ
กูรักมึง...มากพอๆ กับน้ำที่กูซื้อให้มึงตอนมึงซ้อมกีฬาเสร็จ
กูรักมึง...มากพอๆ กับจำนวนการบ้านที่มึงลอกกูก่อนเข้าห้องเรียน
กูรักมึง...มากพอๆ กับความรู้สึกที่มีต่อมึงของสาวๆ ในคอลเลคชันมึงรวมกัน
กูรักมึง...มากจนกูรู้สึกเหมือนกูจะขาดใจตายแน่ๆ ถ้ากูไม่ได้บอกมึงไปในวันนี้
แต่กูเข้าใจมึงนะ...หากมึงจะไม่ได้รักกูแบบที่กูรัก กูไม่ได้ว่าอะไรเลย กูขออย่างเดียวขอแค่มึงอย่าเลิกเป็นเพื่อนกับกู เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นกูคงไม่มีวันทำใจได้
กูจะไปเรียนที่ออสเตรเลียเพื่อที่จะตัดใจจากมึง ขอโทษที่ไม่ได้เรียนจุฬากับมึงนะ...หวังว่ามึงจะเข้าใจกู
รัก
จาก ปั้น ผมหลับตาจนทำให้น้ำตาไหลออกมาหนึ่งหยด...
“คิดไปเองแท้ๆ” ไอ้อ๊อฟยังคงหัวเราะอยู่ มันวางจดหมายลงหลังจากนั้น...
มันก็โผเข้ากอดผมชนิดที่เรียกว่าตะครุบก็น่าจะไม่ผิด
“โอ๊ยยย” ผมร้อง เพราะแม่งรัดผมแน่นมากจนผมเจ็บไปหมด
“ถ้าใจตรงกันขนาดนี้แล้ว...ไม่ไปที่อื่นได้มั้ยวะ”
“...”
“เถอะนะ ใจกูขาดแน่เลย มึงคือคำตอบของกู มึงไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นไอ้ปั้น”
“สาดดด อนาคตกูเลยนะ” ผมยังคงแกล้งมันต่อไป
“ไม่เอา”
“อ๊อฟ...”
“หา”
“ปล่อยกู” ผมพูด เขย่าแขนมันแรงๆ ให้มันปล่อยผม
ผมหันกลับไปมองหน้ามันที่แดงก่ำจนเหมือนลูกมะเขือเทศ น่ารักฉิบหายจนอยากจะถ่ายรูปเอาไว้ ฮ่าๆๆ
“มึงเป็นอะไร” ผมยิ้ม แม้จะยังเขินๆ อยู่ก็ตามแต่ก็ต้องถามมันออกไปเพราะอยากจะแกล้ง
“กู...กังวล”
“...”
“จริงๆ แล้วกูก็เขินด้วยนั่นแหละนะ” อ๊อฟเกาหัว เอามือผมมาจับ “ตกลงมึงไม่ไปต่อนอกแล้วใช่มั้ย”
“บอกไม่ได้ว่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะกูไม่ได้ยื่นที่ไหนไว้สำรองเลยน่ะสิ”
“แอดมิชชั่นไง เลือกจุฬาไปเลยสี่อันดับ”
“มั่นหน้ามากเลยเนอะ” ผมรำพึง
“คะแนนมึงก็มากพอที่จะทำให้มั่นหน้าอยู่...ขอร้อง...เดี๋ยวกูช่วย”
“อยากให้กูไปเรียนด้วยขนาดนั้น”
“ใช่” อ๊อฟทำหน้าขึงขัง
“แล้วตอนที่ยังไม่รู้ใจกันอ่ะ มึงอยากให้กูไปเรียนด้วยทำไมวะอ๊อฟ”
อ๊อฟบีบมือผม ก่อนที่จะพูดออกมาช้าๆ
“บอกแล้ว...กูชินกับการที่มีมึงอยู่เคียงข้างจนกูลืมคิดไปว่านั่นแหละคือการที่มึงมานั่งอยู่ในใจของกูแล้ว มึงเข้าใจมั้ยวะ...”
“...”
“ที่กูจีบผ้าไหม กูจีบคนนั้น กูคบคนนี้ เหมือนกูรู้ว่ายังไงมึงก็ไม่ไปจากกู จนกระทั่งมึงบอกเรื่องไปต่อนอกนี่แหละ”
“...”
“กูก็เลยคิด...ไม่มีมึงกูคงแย่...ไม่มีมึง...กูคงแอบแต๊ะอั๋งใครไม่ได้อีกแน่ๆ และก็กูทำแบบนั้นกับใครไม่ได้ด้วย”
“มึงไม่ได้ชอบสกินชิพกับทุกคนเหรอ” ผมถามอย่างอึ้งๆ
“จะบ้าเหรอ จะให้กูกอดเอวไอ้อ้วนเนี่ยนะ กูทำไม่ได้” อ๊อฟทำท่าสยอง
“สันดานชอบสกินชิพนี่ก็เฉพาะกับกูงั้นสิ...”
“ใช่ นั่นก็ส่วนหนึ่งที่กลายมาเป็นคำตอบของกู...”
“มึงนี่เห็นแก่ตัวนะ...”
“อะไรว้า” อ๊อฟทำเสียงผิดหวัง
“คิดได้ยังไงว่ากูจะอยู่กับมึงตลอดเวลา มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”
“เพราะงั้นกูถึงรู้ใจตัวเองยังไงล่ะปั้น” อ๊อฟดึงมือผมให้ผมเข้าไปหาช้าๆ “พอเถอะนะ...กูพูดออกไปหมดเปลือกแล้วเนี่ย อย่าให้กูทรมานใจอีกเลย”
“ทรมานใจเรื่อง?”
“เรื่องมึงไงไอ้สัดดดดด” อ๊อฟดึงผมเข้าไปฟัดหนึ่งที โดยการฝังจมูกเข้ามาที่คอผม
“ไอ้เหี้ย!!!!” ผมดันหน้ามันออกไปไกลๆ
“ไม่ต้องไป ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้น อ้อ...” อ๊อฟบีบมือผมแน่นขึ้น “...เป็นแฟนกูด้วยนะ”
ผมหน้าร้อนขึ้นแต่ก็พยายามปั้นหน้าเหมือนไม่ได้เป็นอะไร “เป็นแฟน...แต่ไปต่อนอกได้มั้ย”
มันหน้าบูดบึ้ง “ไม่เอาหนึ่ง กูจะเอาสอง”
“โลภมาก”
“มึงเชื่อใจแฟนมึงคนนี้เหรอ” มันพูดเองปุบปับอย่างไวมากเรื่องสถานะใหม่ของเราสองคนพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ ใส่ “มึงก็รู้ว่ากูเจ้าชู้ เอ๊ย ไม่สิ มีผู้หญิงมายุ่งด้วยเยอะมาก มึงยังจะปล่อยให้กูอยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวหัวใจอีก...”
“มึงนี่มัน...” ผมห้ามใจตัวเองไม่ให้ชกหน้าไอ้อ๊อฟ “เออ อยู่ก็อยู่”
“เยส!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“แต่ไม่รู้ว่าจะติดจุฬามั้ย...”
“ติดอยู่แล้วล่ะ...”
“กูไปนอนได้หรือยัง” ผมถาม “เดี๋ยวพ่อแม่จะสงสัยว่ากูไปไหน”
“ได้ไงล่ะ...” ไอ้มือปลาหมึกเอื้อมมือมาจับผมไปกอดพร้อมๆ กับเอาหน้ามานัวเนียผมไม่ขาด ตอนเป็นเพื่อนว่ามันเล่นหนักแล้ว ตอนนี้น่าจะเล่นใหญ่กว่าอีกหลายเท่า...
เหนือคำว่าสกินชิพคือคำว่าลวนลาม...
ลามไปหมดแล้วเนี่ยไอ้เหี้ยยยยย
“พอออออออ” มันดันหัวไอ้อ๊อฟออกไป “ไม่งั้นกูเปลี่ยนใจ...”
“โอเค” อ๊อฟถึงกับนิ่ง หยิบของขวัญของเราสองคนไปวางไว้บนเตียง จากนั้นก็เดินไปปิดไฟ และก็เอาผ้าห่มมาคลุมร่างที่นอนอยู่ของเราสองคน
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก...และไม่ถึงสิบห้าวินาที...
“ของขวัญของมึง...ไม่น่าจะเรียกว่าความลับนะ...” อ๊อฟรำพึงในความมืด
“เรียกว่าความลับสิ”
“ตอนแรกมีมึงรู้อยู่คนเดียว ตอนนี้มีกูรู้ด้วยแล้วไง...”
“ความลับของเราสองคนไงไอ้สัด...”
“เออ! กูชอบคำนี้นะ...”
“...”
“พรุ่งนี้โรงเรียนต้องวินาศสันตะโรแน่ๆ”
“ทำไม”
“เพราะกูจะเปิดตัวแฟนกู!” อ๊อฟพูดเสียงดังขึ้น
“เชี่ยยย ไม่ต้อง คบกันเงียบๆ พอแล้ว”
“ไม่ล่ะ กูชอบแกรนด์โอเพนนิ่ง”
“เชี่ยอ๊อฟ”
“อะไร...”
“ถ้ามึงเปิดแบบเอิกเกริก กูจะเปลี่ยนใจ...”
“โอเคครับเมีย...แล้วแต่เลย”
“เมียเหี้ยไร...”
“อย่างมึงจะเป็นผัวได้เหรอ ตัวแค่นี้”
“จะนอนมั้ย ไม่งั้น...”
“ไม่งั้นจะเปลี่ยนใจ” เชี่ยแม่งล้อเลียนผม...
“ไอ้อ๊อฟ...”
“เอาจริงๆ เปลี่ยนใจเรื่องไปเรียนนอกได้นะ...แล้วแต่มึงเลย...แต่ว่า...”
“...”
“อย่าเปลี่ยนใจไปจากกูก็พอ...” “อ้วกได้มั้ย...”
เรื่องราวของคู่รักใหม่คู่หนึ่งที่เกิดขึ้นในวาเลนไทน์ปี 2016 จบลงด้วยประการฉะนี้
[END]
Talk : สุขสันต์วันวาเลนไทน์ปี 2016 นะคะทุกคน