(ต่อค่ะ)
“...จากที่ว่ามาทั้งหมดถือเป็นสิ่งสำคัญของผู้บริหารที่มีคุณภาพดังนั้นควรจดจำมันไว้ให้ดีนะ...”เสียงของอาจารย์ที่อธิบายบทเรียนด้านหน้าดังขึ้นเรียกสติที่ลอยไปให้กลับมามีสมาธิกับการเรียนอีกครั้ง
ตั้งแต่วันที่รู้ตัวว่ามีสิ่งที่อยากทำการเรียนในห้องก็ค่อยๆหมดความน่าสนใจลง ถึงตาจะมองไปยังกระดาษไวท์บอร์ดและมือยังคงจดสิ่งที่ได้ยินลงไปแต่ภายในหัวมีแต่ภาพจำลองเวลาที่ต้องต่อสู้กับไดโนเสาร์ร่วมกับอานโน่...
จะต้องหลบไปด้านไหนเพื่อจะโจมตีกลับได้เร็วที่สุด
ต้องต่อสู้ยังไงให้อานโน่ได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด
ทุกๆอย่างจำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและทักษะพิเศษที่เรียกว่าประสบการณ์ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนนอกจากการต่อสู้จริงนั่นทำให้ด้านข้างมีหนังสือเกี่ยวกับพฤติกรรมของไดโนเสาร์วางอยู่เต็มไปหมด...ถ้ารู้จักไดโนเสาร์ที่ต้องจัดการเราจะได้เปรียบในการต่อสู้มากขึ้นแต่เพราะไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าต้องเจอกับสายพันธุ์ไหนเลยต้องศึกษาให้มากเท่าที่จะมากได้
ครืดดดด~
เสียงสั่นของเครื่องมือสื่อสารเรียกให้ผมแอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะเห็นว่ามีข้อความเข้าจากคนที่เป็นคู่หูและพอกดเข้าไปดูคิ้วคมก็ขมวดเข้าหากันแน่น...
‘มีภารกิจ...เจอกันที่ตึกกลาง’
ข้อความที่ได้รับทำให้ผมเก็บข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นโค้งขออนุญาตแล้วเดินออกจากห้องไป การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยไม่ใช่สมัยมัธยมที่ต้องยกมือขอไปข้างนอก...นักศึกษามีสิทธิ์จะมาเรียนหรือลุกออกไปเมื่อไหร่ก็ได้ตราบเท่าที่อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด
“อานโน่!”ผมตะโกนเรียกแล้ววิ่งเข้าไปหาคนที่มาถึงก่อนแล้ว
“เร็วกว่าที่คิดแฮะ”ใบหน้ายิ้มๆนั่นน่าโมโหจริงๆทำเหมือนกับผมต้องมาสายงั้นแหละ
“พูดแบบนี้เดี๋ยวงดนอนตักสามวัน”
“ห๊ะ?...ไม่เอานะเชสแบบนั้นก็แย่สิ”อีกฝ่ายโวยวายขึ้นทันตาเห็น
“หึ...เลิกเล่นก่อน...ภารกิจที่ว่าคืออะไร?”ผมกลับเข้ามาเรื่องเครียด
ภารกิจครั้งแรกในฐานะคู่หู
“อธิการบดีแจ้งเข้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษว่าเห็นไดโนเสาร์บินอยู่บนท้องฟ้า...ทางฝ่ายประสานงานเลยติดต่อคู่ที่อยู่ใกล้ที่สุดคือเรา”
“อธิการบดีของมหาวิทยาลัยเรา?”ผมถามเพื่อความแน่ใจ
“ใช่”
“กี่โมง?...รายละเอียดล่ะ?”
“แจ้งว่าพบเมื่อ10นาทีที่แล้วรายละเอียดไม่ทราบเพราะว่าอยู่ไกลกว่าที่จะสังเกตอะไรได้”
“หมายความว่าเราไม่รู้สายพันธุ์ของมันสินะ”ผมสรุปออกมาง่ายๆ
“ตามนั้น”
“แล้วนายไม่ได้กลิ่นเหรอ?”ผมถามออกไปปกติอานโน่ไม่น่าพลาดถ้ามีไดโนเสาร์เข้ามานี่
“ไม่ได้เลย...อย่าลืมสิว่าสถานที่พบคือบนฟ้าด้วยแรงลมและอากาศที่เคลื่อนที่อยู่ตลอดทำให้กลิ่นกระจายเป็นวงกว้างยิ่งอยู่ไกลก็ยิ่งไม่ได้กลิ่น”
“งั้นเราต้องไปหาจากบนฟ้าสินะ”ผมสรุปพร้อมมองไปยังอานโน่ที่อยู่ในชุดไปรเวทเนื่องจากไม่มีเรียน...วิกผมและคอนแทคเลนส์สีน้ำตาลดูขัดตาอย่างบอกไม่ถูก
“คงต้องแบบนั้น...อาวุธเตรียมพร้อมรึเปล่า?”อานโน่ถามมาบ้าง
“เตรียมมาแล้วน่า”ผมตอบพร้อมกับหยิบปืนสั้นและปืนขนาดปกติออกมา...ปืนนี่ไม่ใช่ที่ใช้ตอนทดสอบทักษะการใช้อาวุธหรอกแต่เป็นปืนที่ผมสั่งทำออกมาเป็นพิเศษมีเพียงคู่เดียวในโลกทั้งการออกแบบและส่วนประกอบทุกอย่างผมล้วนคิดและคำนวณอย่างรอบคอบแล้ว อาวุธอีกอย่างคือกริซด้ามเงินที่ถูกออกแบบมาให้บางเฉียบและพกง่ายที่สุดเพื่อความคล่องตัวในการเคลื่อนที่
อาวุธทั้งสามชิ้นถูกเหน็บเข้าที่เอวซ้ายขวาและด้านหลังโดยที่ไม่ลืมขวดยาไว้สำหรับทาอาวุธเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยผมก็หันไปมองอานโน่ที่ใบหน้าเริ่มมีความกังวลเล็กน้อย
“ยังไม่เลิกกังวลอีกเหรออานโน่?”ผมถามพร้อมกับยกมือขึ้นลูบใบหน้าตรงหน้าเบาๆ
“...จะให้หายห่วงเลยคงไม่ได้หรอกภาพที่นายโดนมาพูซอรัสคาบมันติดตาอยู่ตลอด”
“อานโน่”
“แต่ฉันจะพยายามเพราะรู้ว่าคู่หูของฉันเก่งที่สุด”พูดจบริมฝีปากบางก็คลี่ยิ้มออกมาจนตาปิด
“ดีมาก...ไปจัดการภารกิจแรกให้สำเร็จกันเถอะ”
“อืม...ฉันจะกลับร่างไดโนเสาร์...นี่เสื้อผ้าฉันขอฝากไว้ก่อน”กระเป๋าเป้ถูกส่งมาก่อนที่ร่างของอานโน่จะกลับกลายเป็นไดโนเสาร์เกร็ดสีเงินแวววาว
ที่อีกฝ่ายกล้าจะกลายร่างตรงนี้อาจเป็นเพราะไม่มีคนอยู่รอบหรืออาจเป็นเพราะไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังคนรอบข้างแล้วก็ได้
ผมขึ้นไปขี่หลังไดโนเสาร์ด้านข้างก่อนที่ปีกใหญ่จะสยายออกพร้อมทะยานสู่ท้องฟ้าในยามกลางวัน...ถ้ามีใครถ่ายภาพหรืออัดวิดีโอไว้คงจะกลายเป็นข่าวดังในช่วงข้ามคืนอย่างไม่ต้องสงสัย
ท้องฟ้ายามสว่างดูสวยงามและสงบกว่าที่คิดไว้มากนัก...ปุยเมฆที่ล่องลอยอยู่สัมผัสผิวกายเบาๆเมื่อร่างของอานโน่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
อาณาเขตของการค้นหามันมากเกินไป
ถ้าบนพื้นดินคงจะสามารถหาได้ง่ายกว่าทั้งกลิ่น เสียงหรือแม้แต่การคาดการณ์
งี๊ดดด~
เสียงครางสูงพร้อมกับร่างเกร็ดเงินที่หมุนตัวกลับแล้วพุ่งไปยังด้านข้างทำให้มือผมจับเข้าที่ปืนทั้งสองข้างเพราะรู้ว่าอานโน่เจออะไรบางอย่างแล้ว...ปีกสีเงินสยายกว้างก่อนจะหุบลงอย่างรวดเร็วทำให้น้ำหนักที่มีกดให้ร่างใหญ่ล่วงลงไปใต้ผืนเมฆสีขาว
ทันทีที่หลุดพ้นกลีบเมฆก็ปรากฏภาพของไดโนเสาร์ตัวหนึ่งขึ้นมาต่อหน้าลำตัวโปร่งสีส้มออกน้ำตาล ปากรูปสามเหลี่ยมยาวอันแหลมคมและส่วนหางที่เรียวยาวออกมาและมีพู่อยู่ตรงปลาย...
รูปร่างแบบนั้นมัน...
“แรมโฟริงคัส”ผมพึมพำชื่อไดโนเสาร์มีปีกตรงหน้าออกมา อาจถือเป็นโชคดีที่ไม่เจอกับพวกตัวใหญ่แรมโฟริงคัสเป็นไดโนเสาร์ขนาดเล็กเรียกว่าเล็กกว่าอานโน่หลายต่อหลายเท่าเพียงแค่มันเห็นอานโน่ก็ส่งเสียงครางสูงพร้อมบินหนีไปด้วยความเร็วที่มองแทบไม่ทัน
“ตามไปอานโน่!”ทันทีที่ตะโกนร่างเกร็ดเงินก็บินตามไปด้วยความเร็วที่สูสี
ไม่สิ...ความเร็วสูงกว่าอีกเพียงไม่กี่วินาทีก็สามารถไล่แรมโฟริงคัสที่หนีเตลิดได้ทันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยอะไร
งี๊ดด!
ไดโนเสาร์ตัวยักษ์ครางออกไปเหมือนกำลังพยายามพูดกับไดโนเสาร์ร่างเล็กตรงหน้าอย่างเป็นมิตร...ตอนนี้ก็อยู่ที่อีกฝ่ายจะฟังสิ่งที่พูดรึเปล่าแต่จากที่ดูแรมโฟริงคัสก็ลดความตื่นกลัวลงไม่ช้าก็ยอมบินเข้ามาใกล้อานโน่
งี๊ดดด!
งี๊ดดดด!
เสียงครางคุยกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ผมที่เป็นมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวถึงกับเริ่มหงุดหงิดที่ไม่สามารถเข้าใจภาษาไดโนเสาร์ได้
ที่ไหนมีเปิดสอนภาษาไดโนเสาร์บ้างผมจะไปเรียน
งี๊ดดด~
งี๊ดดด~
เสียงพูดคุยยังคงดังต่อไป จากที่ดูไดโนเสาร์ร่างเล็กหรือแรมโฟริงคัสไม่มีท่าทีที่จะเปิดศึกการต่อสู้นั่นแปลว่าอาจจะจบภารกิจได้โดยไม่ต้องมีการต่อสู้
พึ่บ!
ปีกสีเงินกางออกกว้างก่อนจะพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้าทำให้คนที่นั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่บนหลังถึงกับหงายหลัง
โชคดีที่พยุงตัวกลับมาได้โดยไม่ปลิวตกหลังไปซะก่อน
“อานโน่จะไปไหนน่ะ?!”ผมตะโกนถามพรางมองไปด้านหลังที่มีแรมโฟริงคัสบินตามมาด้วยความเร็วที่ไม่ต่างกัน
งี๊ดดด!
เสียงครางเบาๆเป็นเหมือนคำตอบจากไดโนเสาร์ร่างเงินเพียงแต่ผมไม่อาจเข้าใจมันได้...ถึงจะมีบางครั้งที่พอเดาสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะบอกแต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะรู้แม้จะพยายามสักเท่าไหร่ก็ตาม
“ฉันไม่เข้าใจอานโน่!”
งี๊ดดด~
ร่างสีเงินขนาดใหญ่เปลี่ยนทิศโดยการพุ่งขึ้นไปด้านบนเมฆสีขาวก่อนจะพลิกตัวกลับไปมาจนผมต้องใช้สองมือจับที่เกร็ดสีเงินไว้แน่นเพื่อไม่ให้ตก
นี่ผมกำลังโดนแกล้งหรือเอาคืนอะไรสักอย่างใช่ไหม?
ลงไปเจอแน่อานโน่!
ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นทำให้คนที่อยู่บนหลังต้องก้มหน้าและหลับตาเพื่อลดแรงของลมที่เข้าปะทะใบหน้า...ไม่นานความเร็วที่สูงกว่าปกติก็กลับมาอยู่ในระดับปกติ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มค่อยๆลืมขึ้นก่อนจะพบกับภาพของถนนกลางกรุงที่มีรถหลายสิบคันแล่นอยู่บนถนนใหญ่โดยที่หนึ่งในรถเหล่านั้นมีรถขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับขนส่งไดโนเสาร์อยู่ด้วย
เพียงแค่เห็นผมก็เข้าใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแทบจะทันที...
เหตุผลที่แรมโฟริงคัสที่อยู่เป็นฝูงมีเพียงตัวเดียว
เหตุผลที่ตื่นตกใจกับสภาพแวดล้อมรอบกาย
และเหตุผลที่อานโน่พาผมมาที่นี่
“แรมโฟริงคัสตัวนี้หลุดออกจากการขนย้ายใช่ไหม?”ผมลองพูดสิ่งที่คิดดู
งี๊ดดด!
หัวสีเงินส่ายไปมาเหมือนจะบอกว่าไม่ใช่นั่นทำให้คิ้วสีน้ำตาลขมวดเข้าหากันก่อนที่จะวิเคราะห์สถานการณ์ใหม่อีกครั้ง...
มีบางอย่างที่คิดผิดไป
ถ้าหลุดออกมาคงไม่ใช่แค่ตัวเดียวแน่และทางรถขนย้ายคงจะไม่อยู่ในสภาพปกติอย่างที่ตาเห็น
ถ้าไม่ได้หลุดจากรถขนย้ายก็มีอยู่แค่ทางเดียว...
“เจ้าตัวนี้มาจากแหล่งเพาะพันธุ์?”ผมพูดขึ้นและครั้งนี้อานโน่ผยักหน้าเป็นการบอกว่าที่พูดมาใช่แล้ว
“ตามรถขนส่งนั่นไป”ถึงไม่บอกอานโน่ก็คงทำแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ
ร่างไดโนเสาร์สีเงินบินต่ำลงเพื่อจะได้ตามรถขนย้ายได้ง่ายขึ้นพร้อมกับแรมโฟริงคัสที่บินตามมาติดๆแต่นั่นก็ทำให้คนธรรมดาที่อยู่ด้านล่างตื่นตกใจเพราะมีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่บินอยู่บนท้องฟ้า พอก้มลงไปมองก็เห็นว่ามีหลายคนที่ยกกล้องขึ้นมาอัดวิดีโอไว้
พรุ่งนี้คงเป็นข่าวแน่
ไม่นานรถขนย้ายก็หยุดลงบริเวณอุทยานขนาดใหญ่ในส่วนที่มีลูกกรงขนาดใหญ่เป็นเหมือนโดมที่ไว้ขังพวกสัตว์หรือนกไม่ให้ออกนอกบริเวณ เมื่อเห็นแบบนั้นร่างของอานโน่ก็ลงสู่พื้นด้านข้างที่มีผู้คุมหลายคนยืนอยู่แค่เห็นเงาขนาดใหญ่คนกลุ่มใหญ่ก็ส่งเสียงเอะอะเตรียมวิ่งหนีโดยไม่ฟังเสียงผมที่ตะโกนลงไป
“ผมเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษชื่อกลาเช่ เฟวรีเย่ไม่ต้องห่วงนี่เป็นคู่หูผม”เสียงทุ้มอธิบายให้กลับกลุ่มคนที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติเพราะอานโน่ทำเพียงยืนอยู่เฉยๆไม่เข้าไปยุ่งกับใคร ส่วนแรมโฟริงคัสก็บินลงมาเกาะที่แผ่นหลังของไดโนเสาร์สีเงินอีกที
“หน่วยปฏิบัติการพิเศษ?...คุณมีธุระอะไรกับอุทยานของเราเหรอครับ?...ทางเราไม่ได้แจ้งขอความช่วยเหลือหรือทำอะไรที่ผิดกฏเลยนะครับ”อีกฝ่ายรีบพูดขึ้นพรางหันไปมองหน้ากันอย่างขอความเห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“พวกเราแค่มาเพราะแรมโฟริงคัสตัวนั้น”พูดจบดวงตาสีน้ำเงินเข้มก็หันไปมองแรมโฟริงคัสสีส้มที่เกาะอยู่บนหลังอานโน่
“แรมโฟริงคัสของพวกเราหลุดเหรอครับ?”
“ไม่ใช่...เพียงแต่...”พอพูดมาถึงตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายต่อยังไงดี เพราะที่รู้มีเพียงแรมโฟริงคัสตัวนี้ตามรถขนย้ายที่คาดว่าภายในจะเป็นฝูงแรมโฟริงคัสที่ถูกขนย้ายให้มาอยู่ที่นี่
“...เขาไม่อยากแยกจากครอบครัวเลยตามมาอยู่ด้วยกันน่ะครับ...ถ้ายังไงให้แรมโฟริงคัสตัวนี้มาอยู่ในอุทยานด้วยได้ไหม?”ร่างสีเงินกลับร่างโดยไม่บอกก่อนทำให้ผมหยิบเสื้อคลุมออกมาแทบไม่ทันโชคดีที่อย่างน้อยผมก็เอาตัวเองบังอานโน่ไว้
“...ครับ...ไม่มีปัญหาครับ”
และแล้วในที่สุดภารกิจแรกก็สำเร็จอย่างงงๆ...ผู้ได้รับใบอนุญาตหมาดอย่างผมไม่ได้แสดงฝีมือในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้เลยสักนิดเดียว ทั้งที่คิดว่าจะทำประโยชน์ให้มากกว่านี้แต่สุดท้ายก็เป็นอานโน่ที่จัดการพูดกับผู้ดูแลและพาเหล่าแรมโฟริงคัสทั้งหมดเข้าไปอยู่ในโดมใจกลางอุทานก่อนจะพาผมกลับมายังมหาวิทยาลัยโดยใช้ร่างไดโนเสาร์สีเงิน
“ทำหน้าไม่พอใจนะเชส”เสียงนุ่มเอ่ยถามพร้อมทิ้งหัวลงที่ตักผมทันทีที่ออกมาจากห้องน้ำ
“เปล่านี่”
“โกหก...คนโกหก”
“จะย้ำอะไรหลายรอบ?”ก็รู้ว่าปิดอีกฝ่ายไม่ได้แต่ไม่เห็นต้องย้ำนี่
“ย้ำให้รู้ไงว่าอย่าโกหกกัน...ไม่พอใจที่ครั้งนี้ไม่ได้ทำอะไรเลยใช่ไหมล่ะ?”คำพูดนั่นราวกับรู้สิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่เลย
“ใช่”ในเมื่อรู้ก็ไม่จำเป็นต้องแก้ตัวอะไร
“นายทำดีแล้ว...การที่ภารกิจไม่ได้จบลงที่การต่อสู้ฉันก็ดีใจ”
“นั่นสิ...ฉันก็ไม่อยากเห็นนายเจ็บตัว”ผมพูดพรางก้มหน้าลงไปมองใบหน้าขาวที่ส่งยิ้มมาให้
“แต่ครั้งต่อไปคงไม่ง่ายเหมือนอย่างวันนี้”
“ฉันรู้”
“นี่เชส...”
“อะไร?”
“ที่แม่ฉันบอกน่ะนายรู้นี่ว่าหมายความว่ายังไงบอกกันหน่อยสิ”คำพูดนั่นทำให้ผมถึงกับถอนหายใจออกมา...นึกว่าจะลืมไปแล้วซะอีก
สุดท้ายก็วกมาเรื่องนี้จนได้นะอานโน่
“ไม่บอก”ผมย้ำพรางส่ายหน้าไปมา
อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงมันด้วยตัวเองไม่ใช่เพราะผมบอก การบอกอาจเป็นเรื่องง่ายและคงได้อีกฝ่ายมาครอบครองไว้แต่มันก็เหมือนกับยัดเยียดความรู้สึกรักของตัวเองไปให้อีกฝ่ายโดยที่ไม่รู้ว่าความรู้สึกจริงๆของอานโน่เป็นยังไง
เขาอาจเชื่อเพราะเป็นสิ่งที่ผมพูดไม่ใช่หัวใจของตัวเองที่บอกแบบนั้นซึ่งผมไม่ต้องการ
“เชสสส...บอกหน่อยสินะครับ...นะ”มันมาอีกแล้ว ไอ้คำออดอ้อนที่ไม่ได้เห็นมาพักใหญ่นั่นแถมครั้งนี้ยังไม่ใช่แค่ทำเสียงแต่เป็นดวงตาสีแดงอ่อนที่ส่งสายตาปิ๊งๆมาให้
“...เลียนแบบคุณยูทาร์นี่”ผมพูดพรางจ้องภาพน่ารักๆตรงหน้า
“อืม...แล้วได้ผลไหมล่ะ?”
“ได้ผลสิ...”ได้มากด้วย
จริงอยู่ที่การออดอ้อนนั่นได้ผลแต่...แค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ไม่ยอม
“งั้นจะบอกใช่ไหม?”น้ำเสียงใสๆที่ถามมาทำให้ผมยกยิ้มขึ้นพร้อมก้มหน้าลงไปกระซิบคำตอบให้อีกฝ่ายฟังใกล้ๆ...
“ไม่บอก!”
พูดจบผมก็รีบลุกขึ้นแล้วตรงเข้าห้องน้ำโดยหลบหมอนใบโตที่ปาเฉียดใบหน้าไปเพียงไม่กี่มิลพร้อมกับเสียงตะโกนที่ตามมาด้านหลังติดๆ...
“คนใจร้าย!”
...................................................................................
มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์
แรมโฟริงคัส (อังกฤษ: Rhamphorhynchus) เป็นเทอโรซอร์ขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในยุคจูแรสซิก มีฟันแหลมคมไว้ใช้สำหรับจับปลา และมีหางยาว ซึ่งปลายหางมีหางเสือรูปสีเหลี่ยมขนมเปียกปูน ซึ่งใช้ในการรักษาสมดุล อาศัยอยู่ในยุคจูแรสซิกตอนต้น-ยุคจูแรสซิกตอนปลาย ค้นพบฟอสซิลที่เยอรมนี ในปีค.ศ. 1831 และยังค้นพบฟอสซิลที่ทวีปแอฟริกาอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
http://www.trueplookpanya.com/true/blog_diary_detail.php?diary_id=12890.......................................................................
สวัสดีค่ะ
มาอัพช้ามาก
ขออภัยจริงๆ แต่เราจะทดแทนด้วยกันแต่งตอนยาวๆมาให้นะคะ
มีคนอยากเห็นเชสสู้กับยูทาร์ด้วย อยากจะขอโทษเพราะคงไม่มีฉากนั้นค่า...แบบว่าไม่อยากพระเอกทั้งสองคนต้องมาสู้กัน แต่ถ้าเป็นแค่การฝึกซ้อมอาจมี...แต่ก็ต้องขอดูก่อนนะคะ
อย่างที่บอกไปว่าช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง มีเวลาพักอีกแค่2วันก็ต้องไปเรียนต่อแล้ว
เรียกว่าเราค่อนข้างเก็บกดพอสมควรเลยกำลังแต่นิยายระบายอารมณ์อยู่ค่ะ 555
ไม่มีอะไรที่ทำให้หายเครียดให้เท่ากันแต่งนิยายอีกแล้ว
ต้องขอบคุณทุกคนที่เข้าใจเรานะคะ
กำลังใจในการแต่งนิยายที่ดีที่สุดก็ต้องมาจากคนอ่านนี่แหละเนอะ อิอิ
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆกำลังใจนะคะ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪