• •* หาคู่*• •วันที่9
การเข้าค่าย3วัน3คืนได้ผ่านไปท่ามกลางความวุ่นวายที่เจ้าชายน้ำแข็งหายตัวไปและยิ่งสร้างความตกตะลึงมากขึ้นเมื่อคนที่หายไปกลับมาได้ด้วยตัวเองทั้งที่ส่งเจ้าหน้าที่ตามหาแต่กลับไม่เจอ พอเหล่าเจ้าหน้าที่กลับมาถึงได้รู้ว่าคนที่ตามหานั้นได้กลับมาเรียบร้อยแล้วแม้เนื้อตัวจะมอมแมมไปบ้างแต่ก็ไม่ได้มีบาดแผลสาหัสอะไร
ส่วนด้านของไดโนเสาร์กลายพันธุ์อย่างผมที่ได้รับบาดเจ็บก็ถูกรักษาด้วยฝีมือของว่าที่ผู้นำตระกูลเฟวรีเย่อย่างลับๆ ด้วยเสื้อผ้าแขนยาวขายาวที่ใส่ทำให้ไม่มีใครสังเกตถึงบาดแผลที่เกิดขึ้นทั้งตัวเลยสักคนเดียว
“แค่ก...”เสียงไอของผมดังขึ้นก่อนจะเปิดประตูห้องหมายเลข610ที่ตอนนี้กลายเป็นห้องประจำไปแล้ว ตั้งแต่กลับมาเชสก็พูดกับผมอย่างจริงว่าอยากให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน เขาจริงจังมากจนเดินเข้าไปคุยกับรูมเมทผมหรือเจฟโดยไม่บอกกันก่อนล่วงหน้าสร้างความแตกตื่นให้กับคนทั้งห้องเพราะวันนั้นเป็นวันนัดสรรสังค์พอดี
ไม่รู้ว่าไปพูดกันอีท่าไหนทำให้เจฟยอมในที่สุดแม้จะบอกว่าให้มาค้างบ้างก็ตาม
“กลับมาแล้ว”ผมบอกคนในห้องก่อนจะวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะข้างโซฟาแล้วถอดคอนแทคเลนส์กับวิกผมสีน้ำตาลออก
หลังจากที่เชสรู้ความจริงท่าทางของเขาก็ยังเหมือนเดิมไม่มีทีท่าว่าจะตีตัวออกห่างหรือไม่สนใจกันอย่างที่กลัวทำให้ทุกครั้งที่อยู่ห้องผมจะถอดทั้งคอนแทคเลนส์และวิกที่ใส่อยู่เสมอ
“อ้าว...ยังไม่กลับเหรอเนี่ย?”ดวงตาสีแดงอ่อนหันไปมองที่เตียงก่อนจะพบกับความว่างเปล่า
น่าแปลกที่จมูกผมรู้สึกรับรู้กลิ่นได้น้อยกว่าปกติ
ผมทิ้งตัวลงบนเตียงกลางห้องพร้อมซุกตัวลงที่หมอนใบใหญ่เพื่อสูดกลิ่นของเจ้าของห้องให้ชัดเจนมากขึ้น...เพียงแค่ได้กลิ่นหอมๆนั่นสติผมก็ล่องลอยไปอย่างรวดเร็ว
“...นี่...อานโน่”
เสียงทุ้มที่ได้ยินเรียกสติที่หายไปให้กลับมาเรือนผมสีเงินแซมน้ำเงินเงยขึ้นแล้วมองไปยังข้างกายที่มีคนคุ้นเคยนั่งจ้องมาอยู่บนเตียง
“...เชส?...วันนี้กลับช้านะ”ผมเอ่ยถามก่อนจะขยับหัวให้ไปนอนที่ตักของเชสตามความเคยชิน
“ต้องจัดการงานวิจัยให้เสร็จน่ะ”
“แล้วเสร็จยัง?”
“คิดว่าไงล่ะ?”น้ำเสียงยียวนที่ส่งมาเรียกรอยยิ้มผมได้ในทันที
“เสร็จอยู่แล้ว...อัจฉริยะของมหาวิทยาลัยนี่”
“หึ...ก็รู้นี่”
“แน่อยู่แล้ว”
“อานโน่”เชสเรียกผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“อะไร?”
“มีเรื่องสงสัย...ถามได้ไหม?”
“หื้ม?...ได้สิ”ผมถึงกับทำหน้างงที่อีกฝ่ายขอด้วยน้ำเสียงแบบนั้นแปลว่าเรื่องที่จะถามเป็นเรื่องที่ต้องใหญ่พอสมควรสินะ
“เห็นครั้งก่อนว่าแม่โทรมาใช่ไหม?”
“ใช่...แล้ว?”ผมลุกขึ้นนั่งพร้อมหันหน้าไปหาเชสเพื่อจะได้คุยกับถนัดๆ
“...เอ่อ...”น้ำเสียงติดขัดของคนตรงหน้าทำให้ผมรู้ได้ในทันทีว่าสิ่งที่อยากถามคืออะไร
“แม่ที่ฉันพูดเป็นแม่เลี้ยงน่ะ...ฉัน...ไม่สิต้องบอกว่าพวกเราที่เป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์ไม่มีพ่อแม่หรือครอบครัวหรอก”ผมอธิบายในสิ่งที่อีกฝ่ายอยากรู้
“ไดโนเสาร์กลายพันธุ์?”เชสดูจะงงกับศัพท์ใหม่ที่เคยได้ยิน
“อืม...ชื่อเรียกของผลงานทดลองที่นำยีนของมนุษย์กับไดโนเสาร์มาผสมกันไงล่ะ”
“นายไม่ใช่ผลงานทดลอง!”อีกฝ่ายตะโกนบอกเสียงเข้ม
“...เชส”ทำไมถึงต้องโกรธล่ะ?
“พวกนั้นทำกับนายแบบนี้ได้ยังไง?!...ทำถึงทำเหมือนกำลังเล่นกับชีวิต!”เชสพูดด้วยแววตาเศร้าๆพร้อมยกมือขึ้นลูบใบหน้าผมอย่างอ่อนโยน
“นายเข้าใจผิดแล้วเชส”ผมบอกเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงเข้าใจผิดอยู่
“ยังไง?...พวกเขาสร้างนายขึ้นเพื่ออะไร?แถมบอกว่าพวกเราแปลว่าไม่ได้มีแค่นายใช่ไหม?...แถมยังมีพ่อแม่ปลอมๆนั่นอีก...ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่?!”
“นี่นายเก็บความสงสัยไว้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”ผมถามออกไปอย่างอึ้งๆ
เห็นไม่ถามอะไรนึกว่าจะไม่อยากรู้ผมเลยไม่ได้บอก
ใครจะคิดว่าเก็บความสงสัยไว้ขนาดนี้กัน?
“ก็...โธ่เว้ย!...จะให้ถามมันก็แปลกๆใช่ไหมทั้งที่ฉันบอกเองแท้ๆว่ายังไงนายก็เป็นมนุษย์”
“อืม...แล้วนึกยังไงถึงถามล่ะ?”ผมถามต่อ
“...”
“เชส?”
“...อยากรู้”
“ห๊ะ?”
“ฉันอยากรู้ทุกเรื่องของนาย”ดวงตาสีน้ำเงินเข้มสบมาพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง การกระทำนั่นทำให้หัวใจที่สงบนิ่งเต้นเร็วขึ้นทันตาเห็น
“...เข้าใจแล้ว...ฉันจะบอกทุกอย่างเอง”
“พูดแล้วนะ”
“อ่า...อย่างแรกที่ต้องบอกคือพวกเราถูกสร้างมาเพื่อช่วยมนุษย์...ไดโนเสาร์กลายพันธุ์อย่างพวกเราสามารถสื่อสารได้ทั้งมนุษย์และไดโนเสาร์เวลาที่มีไดโนเสาร์หลุดพวกเราก็จะเข้าไปจัดการพูดคุยในกรณีที่ไม่สามารถคุยได้ก็จะมีการต่อสู้เกิดขึ้น”
“พวกนายมีเยอะไหม?”เชสถามขึ้นหลังที่จบคำอธิบาย
“อืม...ไม่แน่ใจเรื่องจำนวนแต่ก็พอสมควร”
“ไม่กลัวว่าตอนคุยกับไดโนเสาร์แล้วจะถูกลากให้เป็นพวกเหรอ?...แบบว่าถ้าแพ้น่ะ”
“เพื่อกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นพวกเราเลยทำงานเป็นคู่...เราจะมีมนุษย์คอยเป็นคู่หูทำงานด้วยกันเมื่อจนมุมคู่หูก็จะเข้ามาช่วยสบทบทำให้การต่อสู้พลิกได้”ผมอธิบาย
“...นายก็เหมือนกันกันเหรอ?”
“อะไรเหมือน?”ผมถามกลับเพราะไม่เข้าใจคำถาม
“ก็...ที่มีคู่หูน่ะ”
“อ้อ...ฉันไม่มีหรอก...จะพูดให้ถูกคือปฏิเสธทุกคนที่เข้ามาเป็นคู่หูน่ะ”ผมตอบกลับไปตามตรง
“ทำไม?”
“ไม่รู้สิ...พวกเขาทำให้ฉันไว้ใจไม่ได้”
“ไว้ใจ...”
“ฉันน่ะไม่ได้เข้ากับมนุษย์ได้ง่ายอย่างที่นายเข้าใจหรอกนะ...ถ้าเลี่ยงได้ฉันก็อยากจะเลี่ยงเพราะฉันรู้สึกถึงความเสแสร้งและความเห็นแก่ตัวของมนุษย์...คนเดียวที่ฉันไว้ใจคือแม่”
“แม่?...เป็นมนุษย์จริงๆสินะ”
“ใช่...แม่เป็นมนุษย์ที่เก่งมากทั้งทักษะการต่อสู้หรือผลงานด้านวิทยาศาสตร์ไม่ว่าใครต่างก็เคารพแม่ทั้งนั้น”ผมบอกด้วยความภาคภูมิใจ
“พูดเหมือนเป็นผู้ชายเลยนะ”
“ก็เป็นผู้ชายน่ะสิ”
“หื้อ?”เชสถึงกับอึ้งที่ได้ยินความจริง
“แม่ฉันเป็นผู้ชาย”
“งั้นพ่อล่ะ?”อีกฝ่ายถามด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันมากกว่าเดิม
“ก็ผู้ชายไง”
“...”
“พ่อกับแม่ฉันเป็นผู้ชายทั้งคู่...พวกท่านรักกันมากและก็รักฉันมากด้วยเพราะงั้นครอบครัวของฉันไม่ใช่ครอบครัวปลอมๆหรอกนะ...ทุกๆวันที่ได้อยู่ด้วยกันฉันมีความสุขมากไม่ได้ขาดเหลือหรืออิจฉาคนอื่นหรอก...อย่าเศร้าแทนฉันเลยเชส”ผมบอกพลางยกมือขึ้นลูบใบหน้าอีกฝ่ายคืนบ้าง
“...ใครบอกว่าฉันเศร้ากัน”คนฟังถึงกับหลุดหัวเราะเมื่อเจ้าชายน้ำแข็งไม่ยอมรับความจริง ประโยคนั่นแค่ฟังก็รู้แล้วว่าโกหก
“มีอะไรที่อยากรู้อีกไหม?”ผมถามต่อ
“มีอีกอย่าง”
“ว่ามาเลย...ฉันไม่มีอะไรต้องปิดบังนายอีกแล้ว”ไม่ว่าเขาจะถามอะไรมาผมก็พร้อมที่จะตอบไปตามความจริง
เชสเป็นคนเดียวที่ผมไม่อยากโกหก
“ที่บอกว่าไม่มีใครที่เชื่อใจนอกจากแม่น่ะ...ตอนนี้ยังเป็นแบบนั้นไหม?”ดวงตาสีน้ำเงินที่ประสานมาทำให้ผมถึงกับไปไม่ถูก
นับวันดวงตาสีเข้มคู่นี้ยิ่งมีอิทธิพลมากขึ้นทุกที
คำถามนั่นก็เหมือนกัน...
คนที่เชื่อใจที่สุดตอนนี้ไม่ใช่แม่แล้ว
แต่เป็นคนตรงหน้าต่างหาก
“อานโน่”ใบหน้าคมเรียกก่อนจะขยับเข้ามาใกล้จนเห็นเงาของตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาสีน้ำเงินเข้มคู่นั้น
“...ฉันอยากได้คู่หูแบบนาย”นี่คือคำตอบของผม
“หึ...ก็บอกมาตรงๆสิว่าเชื่อใจฉันมากพอๆกับแม่น่ะ”อีกฝ่ายพึมพำก่อนจะจูบเบาๆที่ปลายจมูกผมแล้วผละออก
“ทะ...ทำอะไรเนี่ย?”ถามถามเสียงสั่นพร้อมยกมือขึ้นปิดจมูกตัวเอง
“อยากได้ฉันเป็นคู่หูเหรอ?”
“อืม”
“งั้นก็ขอสิ...เผื่อฉันจะยอม”
“ไม่เอาหรอก”ผมส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“ทำไม?”คิ้วสีน้ำตาลขมวดเข้าหากันแน่นอย่างไม่เข้าใจ
“ถึงฉันจะอยากได้นายมาเป็นคู่หูแต่ฉันไม่อยากเห็นนายได้รับอันตราย...ภารกิจที่ได้รับแต่ละอันมันอันตรายมาก ยิ่งเป็นฉันที่เป็นไดโนเสาร์ตัวเดียวที่บินได้ภารกิจที่ได้ต้องเป็นเกี่ยวกับบนท้องฟ้าถ้านายเป็นคู่หูมันอันตรายเกินไป”ผมอธิบายออกไปตามความรู้สึกของตัวเอง
“แล้วนายล่ะ?”เสียงทุ้มนั่นถามกลับ
“ฉันทำไม?”
“ถ้าไปทำภารกิจแบบนั้นก็แปลว่านายก็ต้องเป็นอันตรายด้วยน่ะสิ!”เชสตะโกนขึ้นอย่างหมดความอดทน
“...เชส”ผมถึงกับทำตัวไม่ถูกที่ถูกตะโกนใส่แบบนั้น
แววตาที่จ้องมองมามันสั่นระริกราวกับกำลังจะหมดความอดทนกับอะไรบางอย่าง...ไม่นานมือแกร่งก็กระชากตัวผมให้ไปอยู่ในอ้อมกอดแล้วกอดรัดอย่างรุนแรงกว่าทุกๆครั้ง
“...เชส”
“ฉันก็เป็นห่วงนายไม่แพ้กันหรอกนะ...แค่ครั้งนั้นที่เห็นร่างนายเต็มไปด้วยบาดแผลฉันก็แทบทนไม่ได้แล้วนายยังจะคิดไปต่อสู้ทั้งที่ไม่มีฉันอีกงั้นเหรอ!”
“นายพูดอะไรน่ะเชส?”
“คนที่มาเป็นคู่หูนายเป็นใครก็ไม่รู้...ไว้ใจได้รึเปล่าก็ไม่รู้...จะปกป้องนายได้รึเปล่าก็ไม่รู้...ไม่รู้อะไรเลยสักอย่างแล้วคิดว่าฉันจะฝากชีวิตนายไว้กับใครก็ไม่รู้ได้งั้นเหรอ?!”
“...เชส”
“ฉันจะเป็นเอง”เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างใบหูพร้อมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
“ไม่นะ...นายพูดอะไรน่ะ?”
“ฉันจะเป็นคู่หูให้นายเอง”
“แต่ว่า...”
“ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นอานโน่...สิ่งที่ฉันจะฟังมีแค่คำตกลงจากนายเท่านั้น”
“แล้วที่บ้านนายล่ะ”ผมรีบพูดแทรก
นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะ
การเอามนุษย์ธรรมดาที่ไม่ผ่านทั้งการอบรมและการฝึกทักษะขั้นพื้นฐานไปเป็นคู่หู
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่แค่อยากก็จะได้
แล้วผมก็ไม่อยากให้เชสต้องเป็นอันตรายไปด้วย
“ฉันไม่สน”
“เชส”
“ให้ฉันเป็นคู่หูนายนะ”
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ...”น้ำเสียงของเขาทำให้ผมใจอ่อน
“ฉันจะทำ”
“...เชส”
“เชื่อฉันเถอะ”ยิ่งคุยนานก็ยิ่งใจอ่อน
เขารู้ว่าผมไม่ทางปฏิเสธได้
ทั้งที่รู้ก็ยังจะขอ
แล้วผมจะพูดอะไรได้ล่ะนอกจาก...
“อืม...ฉันจะปกป้องนายเอง”
ในเมื่ออยากได้เขามาเป็นคู่หูผมก็สัญญาว่าจะปกป้องไม่ให้เชสเกิดอันตราย
“ฉันสิจะปกป้องนาย”อีกฝ่ายไปยอมแถมยังเอนตัวนอนราบกับเตียงโดยที่ยังไม่ปล่อยผมจากอ้อมกอดทำให้ตอนนี้เรานอนกอดกันอยู่บนเตียง
“ฉันแข็งแรงกว่านายนะเชส...แค่ก”
“อานโน่?...ไม่สบายเหรอ?”เชสปล่อยผมแล้วยันตัวลุกขึ้น มือหนาทาบลงมาที่หน้าผากเพื่อวัดไข้
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกแค่ไม่สบายตัวนิดหน่อย...”พอพูดถึงตรงนี้อยู่ร่างกายก็รู้สึกร้อนขึ้นก่อนร่างมนุษย์จะเปลี่ยนกลับเป็นร่างไดโนเสาร์สีเงินขนาดยักษ์อย่างไม่ทันตั้งตัว
“เฮ้ย!...เกิดอะไรขึ้นอานโน่...”เจ้าของห้องก็ดูจะตกใจกับสถานการณ์นี้ไม่ต่างกัน
ร่างสีเงินที่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทำให้ห้องแคบลงทันตาเห็นแค่จะขยับร่างยังขยับไม่ได้เลย...ถึงห้องนี้จะใหญ่กว่าห้องที่ผมเคยพักกับเจฟแต่ถ้าเทียบกับขนาดตัวผมในร่างไดโนเสาร์ก็ยังถือว่าเล็กอยู่มาก
ตอนนี้เชสคงกำลังแบนอยู่ใต้ร่างผมแล้ว
ทำยังไงดี
ผมที่ควบคุมการกลายร่างได้กลับไม่สามารถกลับร่างเดิมได้ดั่งใจ
งื๊ดดด~
ผมส่งเสียงครางออกมาแล้วพยายามขยับร่างกายเพื่อให้คนใต้ร่างหลบออกมาได้...สัมผัสของมือที่เกาะยึดร่างสีเงินแล้วขยับเบาๆทำให้ผมรู้ว่าเชสกำลังพยายามออกมาจากด้านใต้นั่น
“แค่ก...เกิดอะไรขึ้นอานโน่?”เชสที่ออกมาจากใต้ร่างถามเสียงหอบตอนนี้ถึงอยากจะก้มลงไปมองเชสแต่ก็ทำไม่ได้เพราะปากถูกเบียดอยู่กับร่างกายจนขยับไปไหนไม่ได้
งื๊ดดด~
สิ่งเดียวที่ทำได้คือส่งเสียงครางเท่านั้น
“อานโน่?...แย่ล่ะ...แบบนี้เดี๋ยวหายใจไม่ออกพอดี...พยายามกลับร่างมนุษย์สิอานโน่”
งื๊ดดด~
ถึงจะบอกแบบนั้นแต่มันง่ายที่ไหนกัน!
ผมพยายามตั้งสมาธิคิดถึงร่างมนุษย์...
และดูเหมือนครั้งนี้จะสำเร็จร่างสีเงินขนาดใหญ่กลับสู่ร่างของมนุษย์ปกติอย่างรวดเร็ว...การที่กลับร่างอย่างกะทันหันทำให้ผมในร่างมนุษย์ลอยอยู่บนอากาศก่อนจะตกลงไปบนเตียงอย่างแรง
“อานโน่!”
“โอ๊ย!...”ผมถึงกับมึนไปชั่วขณะโชคดีที่ตกลงมาบนเตียงเลยไม่ได้รับการกระแทกมากนัก
“เป็นอะไร...”คำถามที่ชะงักทำให้คนที่พึ่งกลับร่างเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะพบกับเชสที่หน้าแดงก่ำ ดวงตาสีน้ำเงินเบิกกว้างโดยที่สายตายังจ้องมาที่ร่างผม
พอผมก้มลงมองตัวเองก็ถึงกับอึ้งไม่แพ้กันร่างเปลือยเปล่าอยู่ในสภาพที่อ้าขาออกเล็กน้อยจนเห็นอะไรต่อมิไรอย่างชัดเจน เพียงแค่นั้นเลือดทั่วกายก็สูบฉีดขึ้นมาอยู่ที่ใบหน้าอย่างรวดเร็ว
“ห้ามมองนะ!...โรคจิต!!”ผมรีบหุบขาตัวเองแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวไว้พร้อมตะโกนด่าอีกฝ่ายทั้งที่ไม่ใช่ความผิดเชสเลยสักนิด
“ห๊ะ?...โรคจิต?...ฉันไม่ได้อยากจะมองสักหน่อย”
“ไม่รู้ล่ะ...ลืมมันไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”ผมโผล่หัวออกมาแล้วบอกคนที่ยังหน้าแดงอยู่เสียงเข้ม
“...อย่าพูดเหมือนง่ายสิ”
“แล้วจะทำให้ยากไปทำไมเล่า?”
“นี่ย้อนฉันเหรอ?”
“หึ้ย!!...”นี่ผมเริ่มพาลแล้วเหรอเนี่ย
“แล้วสรุปเป็นอะไร?”ผ่านไปสักพักทั้งห้องก็กลับมาเป็นปกติ เสื้อผ้าถูกเชสเอามาให้จนในตอนนี้ผมอยู่ในเสื้อผ้าปกติตามเดิม
“ไม่รู้สิ...แค่ก...หรือเพราะไม่สบาย?”ผมพยายนึกถึงความเป็นไปได้
นี่เป็นครั้งแรกที่ไม่สบายแบบนี้
อาจเป็นเพราะอากาศที่ไม่ชินทำให้เกิดอาการป่วยขึ้น
“พอไม่สบายแล้วจะกลับร่างเหรอ?”เชสถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน”ผมตอบเสียงเบา
“หมายความว่ายังไง?”
“ก็นี่เป็นครั้งแรกที่ป่วย”
“ไม่เคยป่วย?”
“อืม”
“แบบนี้ถ้ากลับร่างไดโนเสาร์อีกจะทำไงล่ะ?”เชสถามต่อ
“นั่นสิ...เอางี้นะฉันจะไปนอนในป่าถ้าแบบนั้นเวลากลับร่างก็จะไม่มีใครเห็นแถมยังไม่อึดอัดด้วย”เสียงนุ่มเสนอความเห็น
“ไม่ได้”
“ทำไม?”ผมถามเชสที่ส่ายหัวปฏิเสธ
“ยิ่งไปอยู่ในป่าก็ยิ่งเป็นหนักน่ะสิ”
“แต่มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่...จะให้อยู่ห้องนายก็ไม่ได้ด้วย”
“...ก็ใช่...งั้นเดี๋ยวฉันจะไปหาผ้ามาทำเป็นที่อยู่ให้จะได้อุ่นแล้วก็ปลอดภัย”
“ผ้า?...ถ้าจะใช้ผ้าทำเป็นเหมือนซุ้มนายคิดว่ามันต้องใช้ผ้าตั้งเท่าไหร่กันร่างฉันยาวตั้ง8เมตรเลยนะ”ผมบอกอีกฝ่ายแม้ความคิดนั้นจะดีแต่ด้วยทางปฏิบัติไม่ใช่เรื่องที่จะทำคนเดียวได้
“ฉันมีทางน่า...ยังไงวันนี้ก็นอนนี่ก่อนพรุ่งนี้ค่อยย้ายไปที่ป่า”พูดจบเจ้าของห้องก็นอนลงบนเตียง
“แต่ถ้าฉันกลายร่างอีกนายจะแบนเอานะ”
“เอาน่า...แค่หนีออกมาให้ทันก็พอแล้ว”อีกฝ่ายว่าพร้อมพลิกตัวไปปิดไฟทำให้ทั้งห้องมืดสนิทในพริบตา
“เชส”
“...”
“เชส”
“...”
“โห่...ก็ได้ๆนอนนี่ก็ได้”ผมทิ้งตัวลงนอนเมื่อรู้ว่ายังก็คงเถียงไม่ชนะ
“ดีมาก”เสียงทุ้มชมก่อนจะพลิกตัวกลับมาทำให้พวกเรานอนหันหน้าเข้าหากัน
“...”ชิ...งอน
“มานี่มาจะให้รางวัล”คนข้างกายว่าพร้อมดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้แนบอก
ความอบอุ่นที่สัมผัสได้กับกลิ่นหอมที่แสนทรงเสน่ห์ทำให้สติที่มีค่อยๆหายไปช้าๆ
ความไม่พอใจที่มีถูกรบล้างไปหมดอย่างรวดเร็ว
“...คนขี้โกง”ผมบ่นอุบอิบ
เล่นใช้กลิ่นตัวเองมาเป็นของรางวัลแบบนี้แล้วจะให้ผมกล้าไปไหนได้ล่ะ
ช่วงเช้าพวกเรารีบออกไปยังป่าตอนที่คนอื่นๆยังไม่ตื่นกัน...เมื่อคืนก็กลับร่างตั้งสองรอบเปลือยจนอายไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วและด้วยความที่เกิดเสียงดังทำให้คนข้างห้องมาเคาะประตูแต่พอเห็นเชสตีหน้าตึงออกไปเปิดประตูคนที่มานั่นก็วิ่งกลับห้องตัวเองอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางฟ้าสลัวๆที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นลูกครึ่งไดโนเสาร์อย่างผมช่วยเชสขึงผ้าขนาดใหญ่ที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปหาผ้าผืนใหญ่ขนาดนี้มาได้ยังไง...แต่ก็ถือว่าเป็นโชคที่ไม่ต้องนอนหนาวๆคืนนี้
“เชสวันนี้นายมีเรียนนี่”ผมตะโกนบอกเชสก่อนจะกระโดดลงมาจากต้นไม้หลังจากที่ผูกเชือกไว้กับต้นไม้เสร็จแล้ว
“ไม่เข้าคลาสนึงไม่ทำให้ฉันสอบได้คะแนนน้อยลงหรอกน่า”คนที่นั่งผูกเชือกด้านล่างอยู่ตอบ
“นายนี่นะ...แต่ยังไงก็...”ยังพูดไม่ทันจบร่างของมนุษย์ก็เปลี่ยนเป็นร่างขนาดใหญ่สีเงินอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ผ้าที่ผูกเอาไว้ถูกร่างของผมทับจนขาดหมด
“เฮ้ย!...อานโน่”
งี๊ดดด~
ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย
ผมพยายามสื่อให้อีกฝ่ายใจก่อนจะก้าวถอยหลังไปยืนนิ่งอยู่ด้านข้างอย่างสงบเสงี่ยม
“เฮ่อ...โอเคๆรู้แล้วว่าไม่ได้ตั้งใจเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
งี๊ด!
ทำไมถึงได้รู้สิ่งที่ต้องการจะบอกล่ะ?
เชสพูดราวกับว่าฟังสิ่งที่ผมพูดได้เลยทั้งที่ในความเป็นจริงมนุษย์ไม่สามารถฟังสิ่งที่พวกเราสื่อออกไปได้
“ทำหน้าสงสัยเชียวนะ...แค่มองหน้านายก็รู้ว่าจะพูดอะไรแล้ว”
งี๊ดด~
จริง?
“หึ...”เชสไม่ตอบแต่หันไปจัดการสร้างเต็นท์ที่ผมต้องนอนคืนนี้อยู่แทน
ผมในร่างไดโนเสาร์ยักษ์นั่งมองมนุษย์ด้านหน้าจัดการผูกเชือกที่หลุดใหม่อีกครั้งก่อนเขาจะปีนขึ้นไปยังต้นไม้ด้านบนแล้วผูกเชือกใหม่อีกรอบแต่ในจังหวะที่ลงเท้าของเชสก็ลื่นทำทั้งร่างร่วงลงมาจากต้นไม้ ผมที่มองอยู่เลยวิ่งเข้าไปใช้หลังตัวเองรับอีกฝ่ายที่ตกลงมาอย่างทันท่วงที
“...เกือบไปแล้ว...ขอบคุณอานโน่”เชสที่ตั้งสติได้บอกก่อนจะค่อยๆลงจากหลังผม
งี๊ดดดด~
อย่าทำอะไรอันตรายแบบนี้อีกนะ!
“อะไร?...ทำหน้าเหมือนกำลังบ่นงั้นแหละ”มนุษย์ข้างกายหันมาถาม
งี๊ดดดด~
ก็บ่นน่ะสิ...ถ้าเกิดรับไม่ทันขึ้นมารู้ไหมว่ามันจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดไหนน่ะ?!
“ไม่รู้....ฉันฟังภาษาไดโนเสาร์ไม่ได้”
งี๊ดด!
คนโกหก!
ร่างสีเงินขนาดใหญ่ใช้ปากเรียวชนร่างของคนที่พูดกวนเบาๆก่อนจะสะบัดก้นหนีไปนอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ด้านข้าง แค่มองก็รู้แล้วว่าเข้าใจสิ่งที่ผมพูดแต่อีกฝ่ายไม่ยอมบอกมาตามตรง
“งอนอะไรฮึ?...มาๆเดี๋ยวเกาคางให้”
กรรร!
ผมไม่ใช่แมว!
เสียงขู่คำรามดังขึ้นเพื่อบอกอีกฝ่ายว่าไม่พอใจกับประโยคนั้นอย่างรุนแรง
“ฮะฮะฮะ”เสียงทุ้มที่หัวเราะออกมาทำให้ผมที่ส่งเสียงขู่ออกไปหยุดชะงัก
ปกติเวลาถูกขู่ไม่ว่าใครก็ต่างกลัวและวิ่งหนี...มีเชสเป็นคนแรกที่หัวเราะราวกับรู้ว่าถึงแม้จะขู่ก็ไม่ได้จะเข้าไปทำร้าย
หลังจากนั้นไม่นานเต็นท์ขนาดใหญ่ก็เสร็จพร้อมกับผมที่กลับร่างมนุษย์ได้อีกครั้ง...ทันทีที่คืนร่างเชสก็ส่งเสื้อผ้าที่เตรียมไว้มาให้ใส่ก่อนที่ผมจะโทรไปบอกแม่เกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้น...จากที่ฟังเห็นบอกว่าเป็นเรื่องปกติของไดโนเสาร์กลายพันธุ์เวลาป่วยจะกลับร่างไดโนเสาร์ บางครั้งก็อาจจะกลับหรือไม่กลับก็ได้ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน
ยาที่ถูกจัดโดยหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษหรือแม่ของผมถูกส่งมาอย่างรวดเร็วเพียง4ชั่วโมงเท่านั้นด้วยความที่ผมกลับร่างเป็นไดโนเสาร์เลยต้องให้เชสไปเอาให้...ของที่ส่งมาให้มีทั้งยาเม็ดที่ให้กินกับวัคซีนที่ให้ฉีดทันทีด้วยความที่ไม่สามารถหาหมอที่ไหนมาได้เลยต้องให้เชสเป็นคนฉีดซึ่งอยากบอกว่ามีเบามากจนแทบไม่รู้สึกเลย
จากคู่มือที่แนบมาเห็นว่าต้องใช้เวลาประมาณ2วันจึงจะสามารถกลับมาควบคุมร่างได้ตามปกติทำให้ผมต้องนอนภายในเต็นท์ที่เชสเป็นคนสร้างเพียงลำพัง
“หื้ม?”ผมลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืดภายในเต็นท์เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นที่คุ้นเคยเลยยื่นออกไปภายนอกเต็นท์ที่อากาศเย็นกว่าด้านในอยู่มากพอสมควรก่อนจะสบสายตากับดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่เดินมายังที่ที่ผมอยู่
“เชส?”
“ทำหน้างงอะไร?”คนที่พึ่งมาถึงถาม
“ก็ไม่คิดว่าจะมาหานี่...มันดึกแล้วนะเดี๋ยวก็ตื่นไม่ไหวหรอก”
“จะนอนแล้ว”
“แปลว่ามาบอกราตรีสวัสดิ์เหรอ?...แค่นั้นส่งข้อความมาก็ได้นี่?”ผมถามกลับ ถ้าแค่มาบอกฝันดีไม่เห็นต้องลงทุนเดินมาในป่าลึกแบบนี้เลย
“ใครบอกว่าจะมาแค่นั้น?”
“อ้าว?...แล้ว...”
“ฉันจะมานอนนี่”
“ห๊ะ?...เดี๋ยวนะ”อีกฝ่ายไม่ฟังคำที่กำลังจะเอ่ยออกไปสักนิดรู้ตัวอีกทีเชสก็เข้ามาอยู่ภายในด้วยซะแล้ว...ด้านในถูกปูด้วยผ้าผืนบางโดยมีผ้าหนาๆอยู่ตรงมุมสำหรับนอนเวลาที่กลับร่างมนุษย์ เชสเดินไปทางผ้าหนาก่อนจะล้มตัวลงนอนทันที
“เดี๋ยวสิ...นั่นมันที่ฉัน”ผมรีบวิ่งเข้าไปแล้วดันอีกฝ่ายให้ขยับออกไป ถึงจะไม่ใช่หน้าหนาวแต่อุณหภูมิก็ยังเย็นอยู่แถมที่นอนก็มีอยู่แค่นิดเดียวเองจะนอนพอสองคนได้ยังไง?
“งั้นก็มานอนด้วยกัน”พูดจบร่างผมก็ถูกคนด้านข้างดึงจนล่วงลงไปนอนเบียดกันบนผ้าหนาด้านล่าง ร่างของเชสขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะใช้มือรั้งเอวผมให้ขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น
ตอนนี้ร่างกายเราอยู่แนบชิดกันภายในผ้าห่มผืนหนา...สัมผัสอุ่นๆแผ่ออกมาแทบจะทันทีที่ร่างกายเราสัมผัสกันยิ่งถูกเชสดึงเข้าไปกอดความอบอุ่นนั้นก็ยิ่งมีมากขึ้นไปอีกหลายเท่า
“...เดี๋ยวไม่สบายนะ”ผมพึมพำทั้งๆที่เขยิบตัวเข้าไปหาอีกฝ่ายมากขึ้น...กลิ่นหอมอ่อนๆที่สัมผัสได้ค่อยๆกลืนสติของผมไปอย่างช้าๆเสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงทุ้มที่เอ่ยอย่างอ่อนโยน...
“ฉันไม่สน...ฝันดีอานโน่”
หลายวันผ่านไปอาการของผมก็หายสนิทจนสามารถกลับมานอนที่ห้องเดียวกับเชสได้ตามเดิม...วันนี้มีคลาสเรียนวิชาวิทยาศาสตร์การวิเคราะห์สารเลยต้องมาเรียนที่ห้องทดลองขนาดกลาง เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆสมแล้วที่เป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของโลกมีของเพียบพร้อมเหมือนกับที่แล็บของคุณปู่ที่เคยไปเลย
มือผมที่กำลังหยดสารเคมีบางอย่างลงในหลอดแก้วถึงกับชะงักเมื่อกลิ่นหนึ่งลอยเข้ามาในจมูก...ดวงตาสีแดงอ่อนใต้คอนแทคเลนส์หันไปมองยังกระจกบานใหญ่ด้านข้างพร้อมคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่น
ทำไมถึงได้กลิ่นของไดโนเสาร์?
แถมเท่าที่ได้กลิ่นไม่ใช่ตัวเดียวด้วย
ที่อุทยานยังไม่น่าแปลกใจเท่าในมหาวิทยาลัยแบบนี้
ตึง!
เสียงกระแทกประตูดังขึ้นเรียกความสนใจจากคนทั้งห้องให้หันไปมองยังผู้มาใหม่เพียงจุดเดียว นักศึกษาชายผมซอยสั้นเนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อและเสียงหอบตะโกนพูดประโยคหนึ่งที่ทำให้คนทั้งห้องถึงกับตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว...
“มีไดโนเสาร์หลุดเข้ามาในมหาวิทยาลัยเรา!!”
...............................................................................................
สวัสดีค่ะ
อย่างแรกขอสารภาพก่อนว่าตอนนี้กำลังติดนิยายที่ซท้อมาจากงานหนังสืออยู่ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาแต่งนิยายเลย...ถึงแบบนั้นก็ไม่อยากให้คนอ่านรอนานเลยตัดสินใจแต่งทันทีที่อ่านจบเล่ม
สำหรับตอนนี้หลายคนอาจมองว่าเชสได้เป็นคู่หูอานโน่ง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ?
บอกเลยว่าไม่ค่ะ
การจะเป็นคู่หูของอานโน่ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่เรื่องที่อานโน่สามารถตัดสินใจเองได้
ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนช่วยลุ้นไปพร้อมกับเชสด้วยนะคะ
ตอนหน้าเตรียมพบกับความตื่นเต้นของการต่อสู้กับไดโนเสาร์ในมหาวิทยาลัยและบุคคลหน้าใหม่ที่จะช่วยเข้ามาสร้างสีสันให้เรื่องสนุกขึ้น
เรื่องราวจะเป็นยังไงติดตามตอนหน้านะคะ
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆกำลังที่มีให้เสมอนะคะ
เรื่องนี้สามารถเกิดขึ้นได้เพราะมีนักอ่านทุกคนคอยสนับสนุนค่ะ
บ๊ายบาย
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪