ตอนที่ 32
เดอะนิวสตาร์ให้ตายเถอะ ปวดเนื้อปวดตัวเป็นบ้า...
เมื่อคืนผมแค่...เอ่อ...มีอะไรกับกันต์แต่ทำไมรู้สึกเหมือนผ่านสงครามโลกมาอย่างนี้แหละครับ ผมขยับเนื้อตัวที่ปวดไปทั้งร่างของตัวเอง มองดูคนตัวยาวๆ ข้างๆ ที่กำลังหลับตาพริ้มเป็นสุขอยู่ เนื้อตัวท่อนบนของกันต์ไม่มีอะไรห่อหุ้มอยู่และผมก็มั่นใจว่าท่อนล่างเองก็จะเป็นอย่างนั้นเช่นกัน
ผมอดคิดถึงความร้อนแรงเมื่อคืนไม่ได้ กันต์มันเป็นคนแข็งแรงแถมยังหุ่นเซ็กซี่ที่สุดในโลก (ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า เพราะผมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน) สิ่งเหล่านั้นทำให้เมื่อคืนผมรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน
แต่กลับเจ็บปวดแปลบเมื่ออยู่ในความเป็นจริง
อย่าว่าแต่มันที่ไม่ได้ใส่อะไรเลยครับ ผมเองก็เหมือนกันนี่แหละ ผมขยับตัวเล็กน้อย มองดูเนื้อตัวของตัวเองที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีแดงจางๆ ยิ่งเห็นก็ยิ่งเขิน เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่เองว่ากันต์มันชอบจูบแรงๆ จนทำให้ร่างของผมเป็นรอยไปทั่วแบบนี้
ผมกะจะลุกขึ้นไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าผมนั้นตื่นแล้ว (จริงๆ แล้วไม่อยากให้มันมาเห็นหุ่นของผมที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนของมัน) แต่แล้ว...ปัญหาก็บังเกิดขึ้นจนได้
“คุณคิดว่าลูกของเราจะตื่นหรือยัง”
“ไม่รู้สิ สายป่านนี้ก็น่าจะตื่นแล้วแหละ”
พ่อกับแม่มาาาาาาาาาาาา!!!!!!ผมอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ไม่ลืมที่จะเขย่าตัวกันต์ให้ตื่น กันต์ทำหน้ายุ่งๆ ตอนตื่นนอน แต่เมื่อผมบอกว่าพ่อกับแม่อยู่ข้างนอก เขาก็ตาสว่างทันที
“ทำไงดี!” กันต์ร้องอย่างตกใจ
ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ผมจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าก่อน แต่แล้วโลกของผมมันก็หมุน ขาอันไร้เรี่ยวแรงของผมพาร่างกายของผมให้ล้มลงไปกองกับพื้นเพราะสงครามเมื่อคืนนี้
“เฮ้ย” กันต์ร้องอย่างตกใจ เขารีบมาหาผมด้วยร่างกายอันล่อนจ้อน บอกตามตรงตอนนี้เราทั้งคู่เห็นร่างของกันและกันชัดเจนยิ่งกว่าเมื่อคืนอีกครับ แต่ไม่มีใครสนใจอะไรกันแล้วทั้งนั้น
ประตูห้องของผมกำลังจะถูกเปิดออก กันต์ยกร่างผมมาวางไว้บนเตียง พร้อมกับเตะเสื้อผ้าของตัวเองซ่อนไว้ใต้เตียง หลังจากนั้นเขาก็มุดเข้าไปซ่อนในผ้าห่ม ทำทีว่ามีแต่ผมคนเดียวที่อยู่ในห้อง
ประตูถูกเปิดออกพอดี พ่อกับแม่เห็นผมนอนไม่ใส่เสื้อผ้าก็ทำหน้าประหลาดใจ
“ทำไมนอนไม่ใส่เสื้อแบบนั้น เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” พ่อพูด ก่อนที่จะมองผมอย่างสังเกต “ว่าแต่รอยอะไรอยู่บนตัว ไปถูกแมวข่วนมาหรือไง”
“ผมเกาน่ะครับ” ผมขยับผ้าห่มมาปิด กันต์ที่อยู่ใต้ผ้าห่มฝั่งที่อยู่ไกลจากพ่อแม่นอนนิ่งเนียนไปกับผ้าห่มแล้วครับตอนนี้ แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า...เชี่ยแม่งแกล้งลูบขาผมไปมาตอนนี้ ไอ้บ้า ดูสถานการณ์หน่อย! “เชี่ย!”
พ่อกับแม่หันมามองที่จู่ๆ ผมก็ด่า...
“ยุงมันกัดผมน่ะครับ” ผมกัดฟันตอบพ่อกับแม่ “พ่อกับแม่มาทำไมครับเนี่ย”
“ก็แค่...เบื่อๆ เซ็งๆ น่ะ” แม่ตอบแทน แม่ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ในขณะที่พ่อเดินสำรวจข้าวของในห้อง “ทำไมสองสามวันที่ผ่านมาไม่เห็นเจ้ากันต์ไปที่บ้านเลย”
ผมทำตาโตเมื่อได้ยินแม่พูดแบบนั้น
“คิดถึงเขาเหรอ” ผมแซวยิ้มๆ คิดว่าคนที่อยู่ใต้ผ้าห่มก็คงจะกำลังยิ้มอยู่เหมือนกัน
“เปล่า แค่สงสัยว่าทำไมจู่ๆ ก็หายไป”
“อยากรู้ว่าไปเกิดอุบัติเหตุที่ไหนมั้ย ไปให้หมาเตะจนบาดเจ็บ หรือว่าสะดุดก้อนหินล้ม” นี่พ่อเป็นห่วงหรือพ่อกำลังสาปแช่งกันแน่
“ช่วงนี้เขายุ่งๆ น่ะแม่” ถ้าพ่อแม่รู้ว่ากันต์อยู่ใต้ผ้าห่มนี่คงซวยตายห่า “เพราะพ่อกับแม่นั่นแหละทำให้เขาจริงจังกับชีวิตไปหมด”
“อยากดูแลลูกของแม่ก็ต้องมีสิ่งมารับประกันสิว่าจะดูแลได้”
“ด้วยการที่ให้เขากลับไปหาพ่อเขาที่บ้านเนี่ยนะ”
“ครอบครัวเดียวกันก็ต้องดีกันไว้สิ”
“เอาเถอะครับ” ผมตัดบทด้วยรอยยิ้ม “เอาเป็นว่าเดี๋ยวกันต์จะไปหา ถ้าพ่อแม่บอกคิดถึงเขาผมจะรีบโทรไปบอกเลย”
“อย่าทำอย่างนั้น” พ่อร้องห้าม “อีกสองสามวันพ่อกับแม่จะไปฮ่องกง จะไปช็อปปิ้ง”
“ก็คือจะมาบอกผมเอาไว้ว่าให้บอกกันต์ว่าถ้าจะไปหาช่วงนั้นคือไม่อยู่?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย!”
“กลับเถอะค่ะคุณ” แม่ชวนพ่อให้ออกไปจากห้องผม
“ให้ตายเถอะ มาถึงก็พูดแต่เรื่องของกันต์ แล้วเรื่องของลูกชายล่ะครับ” ผมแซวขำๆ
“ก็ดูสบายดีนี่ ถึงแม้จะถูกแมวข่วนก็ตาม”
“ผมบอกว่าผมเกามันนะพ่อ”
“เอาเถอะ อย่าลืมไปบอกเจ้ากันต์ล่ะ”
“สรุปให้ผมไปบอกเขาจริงๆ ใช่มั้ยพ่อ”
“ไปเถอะค่ะคุณ!”
พ่อกับแม่ออกจากห้องไปด้วยท่าทีที่ตลกมาก ทันทีที่ประตูปิดกันต์ก็โผล่ออกมาจากผ้าห่มและหัวเราะอย่างดีใจและสุขใจ
“พวกท่านยอมรับกันต์แล้ว” ผมพึมพำ “เพียงแต่ยังไม่ยอมรับ...”
“นั่นสินะ” กันต์หอมหน้าผากผมเบาๆ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา มีคนโทรเข้าเบอร์ของเขา “ว่าไงเชี่ยเต๊บ”
“...”
“เหรอวะ!!!!! กูไม่รู้ กูลืมไป เชี่ยแล้ววววววววววววววว!” กันต์มองหน้าผมก่อนที่จะวางสายไป
“มีอะไรเหรอ” ผมถามเมื่อจู่ๆ กันต์ก็รีบไปหมด
“เดอะนิวสตาร์น่ะครับ หมดเขตออดิชันวันนี้น่ะ”
“นี่ยังคิดจะไปสมัครอีกเหรอ...” ผมถามอย่างงงๆ
“มันหลายอย่างน่ะครับเกล้า เดี๋ยวเล่าให้ฟังนะ” กันต์แต่งตัวเสร็จไวมาก ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะแวะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดฯ เขาก่อนหรือเปล่า เขาก้มหน้ามาจุมพิตหน้าผากของผมอีกครั้ง “ผมต้องไปออดิชัน”
“เดี๋ยวพาไป” ผมพูด
“พักผ่อนเถอะครับ...”
“...”
“จะเดินยังลำบากเลยไม่ใช่เหรอ”
“...”
“ผมขอโทษนะ เดี๋ยวผมจะมาอธิบายทีหลัง”
อะไรวะ...กันต์หายไปจากห้องผม ทิ้งให้ผมนั่งอยู่ในท่าเดิมบนเตียงแบบนั้น นี่มันอะไรกันครับ เห็นทีผมจะต้องไปถามไอ้เต๊บซะแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้การประกวดนั่นผมนึกว่ากันต์ล้มเลิกไปแล้วซะอีก
“คืออย่างงี้เฮีย” เต๊บมันค่อยๆ อธิบายผ่านโทรศัพท์ ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าแล้ว ผมตื่นจากการนอนพักผ่อนต่อนิดหน่อยและกำลังแต่งเนื้อแต่งตัวอยู่ “พ่อไอ้กันต์ให้มันไปสมัครเพราะอยากให้พ่อกับแม่เฮียรู้ศักยภาพของมัน รู้ว่ามันมีความสามารถมากพอที่จะเป็นนักร้อง ในขณะเดียวกันก็เป็นนักธุรกิจได้ด้วย”
“เหรอวะ” ผมอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน
“อีกอย่างหนึ่งก็คือเป็นการทิ้งทวนเรื่องการใช้ความสามารถของมันน่ะครับ ถ้าไปได้ไกลก็ถือว่าโอเค แต่ถ้าไปได้ไม่ไกลอย่างน้อยมันก็ยังมีธุรกิจที่บ้านมันรออยู่ คือมันพูดกับที่บ้านมันและที่บ้านเฮียเอาไว้ด้วย สรุปก็คือมันทำเพื่อพิสูจน์ตัวเองนั่นแหละ”
“อะไรจะขนาดนั้นวะ” ผมส่งเสียงทึ่งไปให้ปลายสาย
“มันทำเพื่อเฮียยังไงล่ะ”
“กูไม่เห็นซีเรียสเรื่องนี้เลย”
“แต่กันต์มันซีเรียสนี่ครับ เอาเถอะเฮียไปเชียร์กันเถอะ ถือว่าขำๆ อะไรกันไป”
“นี่มันบ้าไปใหญ่แล้ว”
“เฮียกลัวมันดังล่ะสิ”
“ก็...”
“ไม่ต้องห่วงหรอกเฮีย มันรักเฮียจะตาย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันก็ยังรักเฮีย”
“...”
“ผมกำลังจะไปเชียร์มันนะ เฮียตามไปทีหลังได้เลยนะครับ”
ไอ้หนึ่งวางสายไป ทิ้งให้ผมยืนอึ้งอยู่ตามลำพัง จากที่ฟังๆ มาพ่อแม่ของกันต์กับพ่อแม่ของผมก็ถือว่ารับรู้เรื่องราวของเราสองคนแล้ว เพียงแต่ว่ากันต์ต้องทำในสิ่งที่เขาเคยพูดไว้ คือไปแสดงศักยภาพที่มีอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ทั้งที่บ้านของผมและก็ที่บ้านของเขาดูถูกความสามารถของเขา ผมคิดอย่างงี้ถูกอยู่ใช่มั้ยครับ...
เอาวะ ยังไงแฟนผมมันก็ไปแข่งแล้ว ผมควรไปเชียร์สิ ผมควรทำหน้าที่แฟนที่ดี
ว่าแต่ไอ้สถานที่ที่กันต์มันไปออดิชัน...อยู่ที่ไหนกันล่ะ
ยอมรับเลยครับว่าการออกมาอยู่ในที่ที่คนเยอะๆ ยามที่ตัวเองไม่สบายตัวนี่มันนรกชัดๆ
“เฮียมาแล้ว” ผมได้ยินเสียงไอ้หนึ่ง ข้างๆ ของมันคือไอ้สิบสี่ เฮ้ยยยย แม่งเซอร์ไพรส์มากกกก พวกมึงสองคนมาด้วยกันได้ยังไง หนึ่งเดินเข้ามาใกล้ ขยับมากระซิบใกล้ๆ หูผมว่า... “อย่าไปแซวเขานะครับ ผมขอ”
“อ้าวสิบสี่” ผมทักพนักงานผมที่ยกมือไหว้ ท่าทางของเขาเก้อเขินยังไงชอบกลที่ผมค้นพบว่ามันมากับไอ้หนึ่ง “มาเชียร์กันต์เหรอ”
“ครับ”
ผมสบตาไอ้หนึ่งอย่างล้อเลียน หนึ่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนที่จะมองไปข้างหน้า
“ไหนล่ะกันต์” ผมถามไอ้หนึ่ง เพราะผมมองไปมีแต่คนที่มาออดิชันและก็คนที่มาเชียร์ สถานที่ตรงนี้คนจึงเยอะเป็นพิเศษครับ ผมแยกออกตรงที่ว่าคนที่มาออดิชันจะมีสติ๊กเกอร์หมายเลขแปะอยู่บนตัวและส่วนใหญ่กำลังนั่งรอคิวเข้าไปออดิชันอยู่
“มันบอกผมว่าคิวที่ 1102 น่ะเฮีย”
“คนที่พันกว่าๆ เลยเหรอ” ผมอึ้งไปเลย
“ตอนที่ปิดรับสมัครไปแล้วคนสุดท้ายอยู่ที่เกือบ 1500 แน่ะ”
แม่เจ้า รายการนี้มันไม่ใช่ขี้ๆ จริงๆ ด้วยเว้ย...ผมมองคนมากมายหลายประเภทที่กำลังรอออดิชันอยู่พลางคิดอะไรบางอย่างในใจ
“มึงคิดว่ากันต์จะเข้ารอบแรกป่ะ”
“ไม่เข้าสิครับแปลก วิทยาลัยดุริยางคศิลป์เอกวอยซ์นะครับเฮีย” ดูเหมือนภูมิใจในตัวเพื่อนมันมาก “มันบอกผมว่าแค่เข้ารอบลึกๆ ก็ดีใจแล้ว อย่างน้อยสิ่งที่มันรักก็พิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่ามันเองก็มีความสามารถพอตัว”
“กูนึกว่าเรื่องทุกอย่างจะลงเอยด้วยดีแล้วซะอีก”
“ใจเย็นๆ นะเฮีย” หนึ่งพูดต่อไปอย่างออกรส “ที่มันทำอยู่เนี่ยก็เพราะเฮียล้วนๆ นั่นแหละ มันบอกกับผมว่าจริงๆ แล้วจะถอดใจเรื่องไม่เข้าแข่งตั้งแต่ที่ดีกันกับพ่อ แต่พ่อมันน่ะกลับบอกว่าให้ลงแข่งเพราะพ่อกับแม่เฮีย มันก็เลยต้องแข่ง”
ผมถอนหายใจเบาๆ ช้าๆ ก่อนที่จะถูกไอ้หนึ่งสะกิด
“นั่นไงครับเฮีย มันอยู่ตรงนั้น! ไปหามันกัน!”
กันต์ไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ที่คอนโดฯ ของมันจริงๆ ด้วย เสื้อยืดของมันถูกแปะด้วยสติ๊กเกอร์หมายเลข 1102 มันกำลังมองผมยิ้มๆ ตอนที่ผมกับหนึ่งและก็สิบสี่เข้าไปหา
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้นะ” ผมพูดน้ำเสียงอ่อนใจ
“ทิ้งทวนน่ะครับ...” กันต์ทำสีหน้ายิ้มๆ กับผม “มึงเล่าให้แฟนกูฟังแล้วใช่ป่ะ”
“อืม” หนึ่งที่ถูกถามตอบรับอย่างรวดเร็ว “ในเมื่อมึงมาถึงขนาดนี้แล้วอ่ะ ทำให้ดีที่สุดก็แล้วกันนะมึง”
“ขอบใจ” กันต์ชนกำปั้นกับไอ้หนึ่งอย่างเพื่อนซี้ ผมลอบมองเขาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
“เกล้า” กันต์ค่อยๆ เดินเข้ามาพูดกับผมสองคน “เกล้าไม่อยากรู้เหรอว่าความสามารถของผมจะทำให้ผมเข้าไปถึงรอบไหน”
“มันก็อยากรู้แต่ว่า...”
“นี่เกล้ากำลังโทษตัวเองใช่มั้ย” กันต์สบตาผมราวกับอยากรู้สิ่งที่อยู่ในใจของผม “ไม่ต้องโทษตัวเองหรอก ผมไม่ได้ลำบากเลย ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเสียงของผมจะทำให้ผมไปได้ไกลแค่ไหน ผมอยากลองทำให้ดีที่สุดดู”
ผมถอนหายใจเป็นคำตอบให้เขา
“รอผมนะ อีกนิดเดียวเราก็จะผ่านมันไปได้แล้ว”
“คิดว่าเราผ่านกันไปได้แล้วเสียอีก”
“อีกอึดใจเดียวครับ...” กันต์มองซ้ายมองขวาก่อนที่จะจับมือผมเบาๆ “...กลับไปรอผมที่บ้านนะ รายการนี้ไม่ให้ดูตอนที่ออดิชัน ผมจะไปบอกข่าวเกล้าที่บ้านอีกทีหนึ่ง”
“ตกลง”
“ผมรักเกล้านะครับ”
ผมกำลังลุ้นผลออดิชันของกันต์อย่างกับลุ้นผลสลากกินแบ่งรัฐบาล
“เฮีย โต๊ะสองเช็กบิล”
“...”
“เฮียครับ”
“...”
“เฮีย!!!” เวลาเชี่ยหนึ่งพูดคำว่าเฮียเสียงดังทีไรแม่งเหมือนคำว่าเหี้ยทุกทีไป ผมมองหน้าไอ้หนึ่งอย่างหาเรื่อง
“จงใจด่ากูป่ะเนี่ย”
“ผมเรียกเฮียว่าเฮียจริงๆ นะ” หนึ่งยื่นหน้าเข้ามาส่องดูเพื่อรอรับบิลโต๊ะสองจากผม ผมกลับมาทำงานที่ร้านแล้วครับ ในเมื่อกันต์บอกว่าให้กลับไปรอที่บ้าน ผมก็ตามใจเขา “เฮียใจลอยเรื่องไอ้กันต์ใช่มั้ย”
“มึงก็น่าจะรู้”
“มันเข้ารอบอยู่แล้วล่ะ แค่หนังหน้ามันก็ผ่านแล้ว”
“ก็กูลุ้น”
“นั่นไง มันมาแล้ว” หนึ่งชี้มือไปที่หน้าร้าน กันต์กำลังเดินเข้ามาพอดี รู้สึกแปลกๆ ไปสักนิดนะครับที่เห็นกันต์อยู่ในร้านในแบบที่ไม่ได้ใส่เสื้อยืดเบอร์สิบสองอีกแล้ว ผมส่งบิลให้ไอ้หนึ่ง รอคอยให้กันต์เดินมาหาผมที่นี่
“เข้ารอบ” กันต์ส่งเสียงชิลๆ มาให้ผม “พรุ่งนี้ไปคัดต่อให้เหลือสิบคน”
“รายการนี้ไวมากเลยแฮะ”
“ค่อนข้างไวน่ะครับ เพราะคัดกันแบบไม่ใช่รายการเซอร์ไวเวอร์น่ะ ผู้ชนะก็ได้ตังค์ไป คล้ายประกวดร้องเพลงธรรมดาๆ ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร ไม่ได้คัดออกทีละคน”
“แต่คนจับตาดูทั่วประเทศเลยค่ะคุณเกล้า” สองส่งไอแพดมาให้ผมดู เป็นเฟซบุ๊กของสองที่มีคนแชร์รูปกันต์เต็มไปหมด ส่วนใหญ่จะแชร์จากสำนักข่าวที่เอาเรื่องของกันต์ไปเขียน
‘หนุ่มหน้าตาดีดีกรีเอกขับร้องจากวิทยาลัยชื่อดัง เข้าไปตามดูรูปแซ่บๆ ของเขากันเลย!’
‘วินาทีไม่มีใครมาแรงเท่าหนุ่มกันต์ที่มาแข่งรายการเดอะนิวสตาร์อีกแล้ว’
‘นี่คือภาพพี่กันต์เดอะนิวสตาร์สมัยมัธยมค่ะ’“ดังไวชั่วข้ามคืน” สองพึมพำในขณะที่ผมกำลังมองสิ่งที่อยู่ในไอแพดอย่างอึ้งๆ กันต์ไม่ได้ใส่ใจที่มันดังไว มันกระตุกมือผมให้ผมขึ้นไปยังห้องทำงานของตัวเอง ไม่รู้ว่าเขามีเรื่องจะคุยอะไรกับผมหรือเปล่า
เมื่อถึงห้องทำงานพี่กันต์มันยังไม่พอใจครับ มันดันตัวผมเข้าไปยังห้องนอนของผมจากนั้นมันก็สวมกอดอย่างรวดเร็ว
“เป็นไงบ้าง ไม่ได้ดูแลเลย”
อ้าวกรรม...ผมนึกว่ามันจะบ่นว่าเหนื่อยซะอีก
“ไม่ได้เป็นไร” ผมพูด
“ยังจะไปทำงานอีก ไปนอนเลยไป”
“เฮ้ย ไม่ได้เจ็บมากขนาดนั้น”
“งั้นก็ทำอีกไหวน่ะสิ”
“บ้านมึง”
กันต์หัวเราะที่ทำให้ผมด่าเขาได้ เขามองผมอย่างชั่งใจดูเหมือนมีอะไรอยากจะพูดกับผมแต่ก็ไม่กล้าพูด
“มีอะไรเหรอ”
“ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบทางนี้แล้วล่ะครับ”
“หือ?”
“ผมชอบการร้องเพลงตามร้านมากกว่าน่ะ”
“ว่ายังไงนะ ติสต์แดกว่างั้น?”
“ก็ประมาณนั้น ผมอยากร้องเพลงสนุกๆ มากกว่า ผมไม่อยากร้องเพลงในที่ที่มีคนแข่งขันกันมากมายขนาดนี้”
“...”
“พ่อผมพูดถูกจริงๆ ด้วย ผมชอบการร้องเพลง แต่มันเป็นอาชีพของผมไม่ได้ ยิ่งอยากจะก้าวหน้าในอาชีพนักร้อง ผมยิ่งต้องไปเป็นดารานักร้อง ซึ่งวันนี้ผมค้นพบแล้วว่ามันไม่ใช่ตัวผม...”
“แต่ก็เข้ารอบไปแล้วนะ”
กันต์ยักไหล่เดินเข้ามากอดผมจากทางด้านหลัง...
“ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ ผมบอกแล้ว...”
“...”
“ถ้าเข้ารอบชิง เกล้าต้องไปดูให้ได้นะ” “กูเข้ารอบว่ะ”
“...”
“แต่กูรู้สึกแย่มากเลย”
“มึงเป็นอะไรวะกันต์”
“ไม่รู้สิ เหมือนทางนี้มันไม่ใช่กูอย่างแรง”
“มึงดังมากเลยนะเว้ยในโลกโซเชียล มีรูปมึงหลุดออกมาเต็มโซเชียลไปหมดเลยอ่ะตอนนี้”
“...”
“เชี่ยกันต์”
“...”
“ฮัลโหลๆ”
“...”
“อ้าวไอ้สัด วางสายไปซะงั้น”TBC*
น้องกันต์ผู้ดังไวชั่วข้ามคืน : ) 