ตอนที่ 10“พี่หมัย จะอยู่ในสังคมก้มหน้าอีกนานปะ” สาวสวยหัวเหม่งเจ้าของชื่อสมายด์กำลังสไมล์พลางจ้องมองนายทหารหนุ่มรูปหล่อ ผู้มีศักดิ์เป็นเพื่อนของพี่ชายและทำทีเหมือนจะเข้ามาจีบหลายเดือนมาแล้ว นับจนถึงตอนนี้ก็ปีกว่าๆ แต่ก็ยังไม่เห็นพัฒนาการความคืบหน้าอยากครอบครองในตัวเธอแต่อย่างใด
ร้อยเอกสมัยนั้นออกจะให้ความรู้สึกพี่ชายที่แสนดีมากกว่าชายหนุ่มที่หวังเข้ามาตีสนิท โทรคุยกันบ้างในบางครั้ง มารับไปกินข้าวบ้างในบางที หรือจะมีไปดูหนัง พาเดินช็อปปิ้งซื้อของ แต่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเพื่อนเหมือนพี่มากกว่าจะคิดเป็นอื่น สมัยไม่เคยทำตัวรุ่มร่าม มากสุดแค่จับมือพาเดิน ไม่มีการแตะเนื้อต้องตัวที่เกินเลยไปกว่านั้น
“โทษทีๆ เราถามอะไรพี่รึเปล่า”
สมายด์ส่ายหน้า เหลือบตาเห็นการแจ้งเตือนจากโปรแกรมสนทนาแล้วก็ได้แต่ยิ้ม “แอบคุยกับสาวอื่นเหรอ”
“เปล่า น้องชาย”
“ไม่เชื่ออออ”
“น้องชายจริงๆ”
“ใช่น้องคนที่พี่กอดตอนโน้นนนป้ะ”
ยังจำได้ไม่ลืม ที่เมื่อหลายเดือนก่อนนายทหารหนุ่มไปรับเธอที่มหาวิทยาลัยอย่างกะทันหัน สีหน้าในตอนนั้นของเพื่อนพี่ชายทำให้เธอไม่กล้าปฏิเสธ รีบขึ้นรถไปกับเขา แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่รออยู่ในรถเท่านั้น คนหัวเหม่งยังคงมึนงงมาจนถึงทุกวันนี้ว่าแล้วตอนนั้นพาเธอไปด้วยทำไม
“พี่หมัย”
“ว่า?”
“พี่กำลังมีความรักต้องห้ามอยู่เหรอ”
สมัยทำหน้าราวกับกลืนเข็มเข้าไปพันเล่ม เพราะเจอคำถามแทงใจจากน้องสาวของเพื่อนสนิทเข้าอย่างจัง
“มาจีบหนูเพราะหวังผลใช่ปะ” คนหัวเหม่งเร่งเอาคำตอบ “มันดีแล้วเหรอที่พี่ทำอย่างนี้ คือหนูก็ไม่เดือดร้อนอะไรหรอกนะ เพราะยังไงหนูก็มีแฟนแล้วอ่ะ แต่ว่า... คนรักของพี่เขาจะไม่เสียใจแย่เหรอ”
สมัยทำหูทวนลมกับคำถามทุกคำถาม ก่อนจะถามกลับไปด้วยสีหน้าที่แสร้งตกใจ “อ้าว เรามีแฟนแล้วเหรอ ไหนไอ้ยิ้มบอกโสด”
“ข้างกายว่าง แต่หัวใจไม่ว่างไงพี่” สมายด์ตอบเสียงเรียบ “แฟนหนูเขานอนไม่รู้สึกตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ถูกรถชนเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่เพราะหนูเชื่อว่าปาฏิหาริย์มีจริง หนูก็เลยรอ”
ด้วยเพราะท่าทีสบายๆ ของอีกฝ่ายทำให้สมัยต้องขมวดคิ้วมอง “ไม่ทุกข์ร้อนเลยรึไงเรา”
“แรกๆ ร้องไห้จะเป็นจะตายเลยล่ะพี่ แต่ตอนนี้มันโอเคขึ้นแล้ว หนูไปโรงพยาบาลจนแม่คิดว่าหนูกำลังติดพันหมอที่โรงพยาบาลอยู่ ฮ่าๆๆ”
“เหม่งเอ้ย” สมัยผลักหัวคนหัวเหม่งไปหนึ่งที “เพราะเราเป็นแบบนี้ไง ทางบ้านถึงเป็นห่วง”
“พี่หมัย หนูก็รู้นะว่าหนูทำให้คนที่บ้านเป็นห่วง ทั้งแม่ ทั้งพี่ยิ้ม แต่ว่านะพี่หมัย ชีวิตเป็นของหนู หนูจะเลือกทุกอย่างที่หนูต้องการด้วยตัวเอง ความรักก็เหมือนกัน ถ้าหนูเลือกแล้ว ใครก็มาเปลี่ยนใจหนูไม่ได้” สมายด์บอกอย่างจริงจัง จ้องมองนายทหารหนุ่มที่กำลังรับฟังด้วยความสงบ “ชีวิตคนเรามันสั้นนะพี่หมัย พี่ไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะอยู่ไปได้นานเท่าไหร่ แล้วคนที่พี่รัก...เขาจะอยู่กับพี่ไปจนวันสุดท้ายของชีวิตพี่รึเปล่า”
“มันก็จริง” สมัยเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
“พี่เชื่อไหม... วันก่อนหน้าที่แฟนหนูจะถูกรถชน เรายังไปกินข้าว ดูหนัง เดินเที่ยวด้วยกัน สัญญากันไว้ว่าพรุ่งนี้เช้าเราจะไปเรียนด้วยกัน วางแพลนไว้แล้วว่าปิดเทอมจะไปเที่ยวเหนือ มีแผนการในหัวมากมายเลยนะพี่ แต่สุดท้าย...กลับไม่ได้ทำเลยสักอย่าง เหมือนโลกมันพังทลายเลยตอนนั้น แต่ที่ทำให้หนูเข้มแข็งขึ้นมาได้ก็เพราะยังได้เห็นหน้าเขา ดีแล้วที่เขายังอยู่กับหนู แม้ว่าจะไม่ได้พูดคุย จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเขาอีกเลยก็ตาม แต่หนูดีใจนะพี่ ที่ก่อนเขาจะหลับไปอย่างทุกวันนี้... สิ่งที่หนูจำได้ดีก็คือรอยยิ้มที่เรามีให้กัน เป็นรอยยิ้มสุดท้ายที่ได้เห็นจากเขา”
คนหัวเหม่งเล่าไปพลางน้ำตาไหลไปพลางจนสมัยต้องรีบเลื่อนกล่องทิชชู่ส่งไปให้ มีบางคนในร้านกาแฟให้ความสนใจกับโต๊ะของพวกเขาเหมือนกันและอาจจะประณามเขาในใจว่าทำไมถึงทำให้ผู้หญิงสวยคนนี้ร้องไห้
“ถ้ามีปาฏิหาริย์จริงๆ ก็คงดี”
“ไม่มีหรอก...ของแบบนั้น” สมัยบอกเสียงเบา “มีแต่สิ่งที่เป็นเหตุและผลบนโลกใบนี้”
“แต่ถ้าพี่มัวแต่ยึดเหตุและผล พี่ไม่มีวันมีความสุขหรอกพี่หมัย บางเรื่อง ปล่อยให้อารมณ์มันนำไปบ้าง อย่ายึดติดมากนักเลย อย่างตอนนี้...หนูดีใจนะที่พี่มาจีบ เพราะแม่จะได้เลิกหาลูกชายเพื่อนพ่อที่โคตรขี้เก๊กมายัดเยียดให้เสียที”
สมัยหัวเราะขำ นึกถึงหน้าผู้ชายที่มีพ่อเป็นนายทหารแล้วก็พอนึกออกว่าชอบเก๊กกันแบบไหน “ไม่ชอบสักคนเลยหรือไง”
“ก็มีแฟนแล้ว...”
“แฟนที่อาจจะไม่ตื่นขึ้นมาน่ะเหรอ”
“สักวันก็ต้องตื่น แต่ถ้าไม่ตื่นก็ช่าง รอได้พี่ หัวใจอ่ะ ถ้ามันได้รู้จักรัก ได้มีคนเป็นเจ้าของมันแล้ว...มันเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆ หรอก”
“แม้แต่พี่ก็เปลี่ยนเราไม่ได้ใช่ไหม”
“อือ”
“ยอมแพ้เลย อกหักแล้วสินะ” สมัยยังคงยิ้ม มองน้องสาวของเพื่อนสนิทที่เป็นคนซื่อๆ พูดตรงแล้วก็ได้แต่เอ็นดู
“หน้าไม่เห็นเหมือนคนอกหัก หน้าตอนที่กอดน้องกวิ้นตอนนั้นยังดูอกหักมากกว่าเสียอีก” สมายด์ส่ายหน้าเอือมระอากับความปากแข็งของนายทหารหนุ่ม “พอรู้จากพี่ยิ้มมาบ้างแหละพี่หมัย ไม่ต้องมาทำปิดบัง มาจีบกันเล่นๆ แบบนี้เป็นผู้หญิงคนอื่นเขาโกรธพี่นะรู้ปะ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ผู้ชายควรทำเลยอ่ะ ความรู้สึกของใครก็เอามาเล่นไม่ได้”
“เออ รู้น่า ก็ไม่ได้คิดจีบเล่นๆ คิดจริงจังเลยนะเหม่ง”
“ชื่อมายด์ๆ ทำไมต้องเรียกตามพี่ยิ้ม”
“เรียกมาตั้งแต่แกอยู่ประถม จะให้เรียกมายด์ก็กระดากปาก ยิ่งสมายด์นี่ไปกันใหญ่”
“พี่หมัยเป็นผู้ชายปากจัดสินะ นิสัยเสียด้วย” สมายด์มองค้อน ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นเด็กตัวสูงโย่งที่กำลังเดินเคียงคู่อยู่กับเด็กสาวหน้าตาน่ารัก “พี่หมัยๆ น้องกวิ้นของพี่อ่ะ”
สมัยรีบมองตาม ก่อนใบหน้าจะเคร่งขรึมลงทันที
“ชีวิตคนเรามันสั้นนะพี่ ความสุขอยู่ตรงหน้าก็รีบคว้า จะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลัง รู้หรอกว่าครอบครัวของพี่หมัยเป็นยังไง เอางี้มะ แฟร์กันทั้งคู่เลย ถ้าพ่อพี่ถาม พี่ก็บอกว่าคุยกับหนูอยู่ก็ได้ เพราะเราก็คุยกันจริงๆ ไม่ได้โกหกใคร แต่จะพัฒนาไปเป็นความสัมพันธ์แบบอื่นไหม ก็คงต้องดูกันอีกที”
“แกจะขึ้นคานก็เพราะรู้มากไปนี่แหละเหม่งเอ้ย ถ้าไม่ใช่แฟนแกคนนั้น ใครมันจะอยากได้ผู้หญิงแบบนี้ไปเป็นแฟนวะ”
“พูดดีๆ พี่หมัย แบบนี้น่ะแบบไหน หาไม่ได้แล้วนะเว้ย”
“พูดวะพูดเว้ย เดี๋ยวจะฟ้องไอ้ยิ้ม”
“อย่าน้าาาาาา”
สมัยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะผ่อนไหล่และหลังที่ตั้งตรง แล้วพิงไปกับพนักเก้าอี้ “เหนื่อยว่ะ”
“แบกอะไรไว้เยอะก็เหนื่อยทั้งนั้นแหละพี่”
ไม่ได้อยากแบกไว้ แต่ก็จำเป็นต้องแบก ...รู้ว่าไม่มีใครบังคับ แต่สมัยเลือกที่จะแบกทุกอย่างไว้เอง ความหวังของพ่อ ความภูมิใจของแม่ หน้าตาและจุดยืนในสังคมของครอบครัว เขาผู้เป็นพี่ชายคนโต...ต้องรับผิดชอบ ถ้าหากละเลยไปแล้ว...ภาระหน้าที่นี้...คงตกไปอยู่กับน้องชายที่เขาแสนรักเป็นแน่
“เหม่ง”
“ว่า”
“ขอโทษว่ะ” สมัยพูดจากใจ “รู้ว่าทำแบบนี้ไม่ดี แต่ก็ไม่ได้คิดเล่นๆ นะเหม่ง พี่คิดจริงๆ ว่า...ถ้าจะต้องเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่... ก็อยากให้เป็นใครที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เหมือนเพื่อน เหมือนน้อง คิดออกก็มีแต่แกคนเดียว ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวงใครเลย”
สมายด์คลี่ยิ้ม กุมมือผู้ชายที่ยกให้เป็นพี่ชายอย่างเต็มใจเอาไว้ “ไม่เป็นไรหรอกพี่ หนูรู้ว่าพี่ก็คงทรมานที่ต้องฝืนตัวเอง แต่อยู่กับหนู พี่คิดได้เต็มที่เลยนะ อยากคิดถึงใครก็คิดได้เลย อยู่กับหนู พี่วางกฎเกณฑ์ของชีวิตที่ถูกขีดไว้ลงได้”
“ขอบใจ แกโตมากแล้วนี่หว่า”
“แน่นอน” คนหัวเหม่งยืดอกอย่างภูมิใจ “ว่าแต่พี่คิดถึงวันที่พี่แต่งงานกับหนูออกเหรอ”
“ไม่อ่ะ”
“คิดภาพตอนที่เรามีอะไรกันออกไหม”
“ใครสั่งใครสอนให้แกพูดแบบนี้วะ เรื่องทะลึ่งแบบนั้นจะทำกับแกได้ยังไง”
“แล้วกับน้องกวิ้นอ่ะ พี่หมัยคิดปะ”
“คำถามอะไรของแกเนี่ยไอ้เหม่ง”
“ชื่อมายด์เว้ย”
“ไปเป็นทอมให้รู้แล้วรู้รอดซะ”
“อ้าว...พี่รู้เหรอว่าแฟนหนูเป็นผู้หญิง”
“ห้ะ!” สมัยร้องอย่างหมดมาด “แฟนแกเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ”
“ไม่อ่ะ ผู้หญิง หนูเป็นเลส”
เพราะสมายด์ยืดอกรับ สมัยจึงทำได้แค่ยิ้มเก้อ สรรหาคำพูดอะไรมาพูดไม่ได้ สุดท้ายก็หัวเราะเต็มเสียง
“เพิ่งมารู้ว่าเป็นก็ตอนรักเขานี่แหละ เขาน่ารักมากนะพี่ นี่ๆ จะให้ดูรูป” คนหัวเหม่งเข้าโหมดคนอวดแฟนอย่างที่สมัยตั้งตัวไม่ติด มารู้อีกทีก็ตอนโดนสายตาจิกของนกขาสั้นจ้องมองมา หันไปมองสบตาอีกฝ่ายก็เบือนหนี
“เป็นไง สวยใช่ปะ นมนี่โต... โอ้ยยย”
“ไม่ต้องเล่า แกนี่แอ๊บหญิงซะเนียนเลย”
“เอ้า แอ๊บที่ไหน ก็หนูเป็นผู้หญิงง้ะ”
“ไอ้เหม่งเอ้ย ไปๆ กลับ”
“เดี๋ยวหนูต้องไปโรงพยาบาลแล้ว”
“ไปทำไมวะ จีบพยาบาลไง”
“บ้านพี่ดิ ไปหาแฟน โทรบอกแม่ให้ด้วยนะพี่หมัย ว่าหนูจะไปกินข้าวกับพี่”
“ปวดหัวกับแกจริงๆ เออๆ ไปๆ จะไปไหนก็ไป”
“พี่หมัยไปรับหนูที่โรงพยาบาลแล้วไปส่งที่บ้านด้วยนะ ถ้าจะกลับจะโทรบอกน้า”
“ครับๆ ไปได้ละ ไป”
สมายด์แยกตัวออกไปแล้ว คงเหลือแต่นายทหารหนุ่มที่เอาแต่นั่งทอดถอนใจ ที่ไอ้ยิ้มเพื่อนซี้มันเตือนว่ายังไงก็คงจีบน้องสาวมันไม่ติด คงเป็นเพราะเหตุผลนี้ แต่แปลกใจที่พอรู้ก็โล่งใจอย่างประหลาด ...อาจเพราะ...กังวลมาตลอดเลยว่าถ้าหากสมายด์คิดจริงจังกับเขาขึ้นมา... ถึงวันนั้นความสัมพันธ์จากแค่คนคุยกันและมีความรู้สึกที่ดี มันจะพัฒนาไปได้มากกว่านั้นอีกไหม...แล้วถ้ามันไปต่อไม่ได้ เขาจะรับผิดชอบกับความเจ็บปวดของคนที่เขาทำร้ายอย่างไร
สมัยนั้นยอมรับว่าตัวเองโง่เขลาอย่างแท้จริง... ตัดสินใจไปแล้ว เลือกทางเดินของตัวเองแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังลังเลแล้วพาตัวเองกลับไปยังทางแยกตรงจุดเดิม... จุดที่ต้องเลือก จุดที่ต้องทำร้ายใครอีกคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทรนงตนมากไป คิดว่าหัวใจตัวเองนั้นสามารถควบคุมได้ แต่สุดท้าย...ก็พ่ายแพ้ให้กับความรู้สึกที่ยิ่งนานก็ยิ่งทวี
*********************************
“ไปไหนมา” น้ำเสียงเข้มจัดดังขึ้นเมื่อไอ้กวิ้นเปิดประตูเข้าไปในบ้าน มันปิดประตูเบาๆ หันหน้าเผชิญก็เห็นว่าพี่ชายของไอ้เหมอยืนตีหน้ายักษ์อยู่ใกล้ๆ ตู้เก็บรองเท้า
“พี่หมัยมาได้ไง” ไอ้นกบื้อถามอย่างแปลกใจ มันเก็บรองเท้าเข้าตู้เสร็จก็เงยหน้าขึ้นมองคนหน้าบึ้ง
“จะมาได้ไงไม่สำคัญ นี่มันกี่โมงแล้ว ทำไมเพิ่งกลับ”
“ก็...ไปดูหนังกับ...แฟน”
“แฟน?” สมัยเลิกคิ้ว ทวนคำด้วยเสียงดุดัน “ใคร”
ไอ้กวิ้นเม้มริมฝีปาก เดินเลี่ยงหลบ แต่ก็ไม่พ้นเมื่อพี่ชายของไอ้เหมอตามขวาง ทั้งยังจับข้อมือของมันไว้ “ถามว่าใคร”
“ไม่ใช่เรื่องของพี่หมัยซะหน่อย”
“มึงยังเด็กนะกวิ้น”
“กวิ้นโตแล้วนะพี่หมัย” ไอ้กวิ้นเถียง “ปล่อยได้ปะ จะไปอาบน้ำ” แต่คำขอของไอ้กวิ้นก็ถูกปฏิเสธ มันไม่ถูกปล่อย ทั้งยังถูกลากให้เดินตามขึ้นชั้นสองของตัวบ้าน
“พี่หมัย เป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย”
“มึงโกหกกูกี่เรื่อง จำไม่ได้เลยเหรอ”
ไอ้กวิ้นเบะปาก มองแผ่นหลังของนายทหารอย่างหมั่นไส้ “พี่หมัยก็โกหกกวิ้น”
“กูไม่ได้โกหก”
“พี่หมัยโกหก พี่หมัยบอกกวิ้นว่าอยู่ที่บ้าน แต่ไปโผล่ที่ห้างกับแฟนพี่ได้อ่ะ มันหมายความว่ายังไง ใครโกหกกันก่อนล่ะ กวิ้นตาไม่ได้บอดนะ ที่จะได้ไม่เห็นว่าพี่กำลังหัวเราะกำลังมีความสุขกับใคร”
“แล้วไง กูหัวเราะกับแฟนกูไม่ได้ใช่ไหม”
“แล้วทำไมต้องโกหกล่ะ บอกว่าอยู่กับแฟนก็จบ ไม่ได้โง่นะเว้ย”
ทั้งไอ้กวิ้นและพี่ชายไอ้เหมอต่างฝ่ายต่างเงียบ โชคดีที่พี่แต้วเข้านอนไปแล้วและพ่อแม่ของไอ้นกบื้อก็ไปเดินสายทำบุญ ไม่งั้นคงได้มานั่งตอบคำถามกันอีกยืดยาว
“ขอโทษ”
“เบื่อจะฟัง” ไอ้กวิ้นบอกเสียงนิ่ง เมื่อมาถึงที่ห้องนอนของมัน พี่สมัยก็ยอมคลายแรงบีบ มันสะบัดข้อมือออกแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง “ดึกแล้วพี่ไม่กลับบ้านรึไง”
“ไม่” พี่สมัยรีบตอบกลับทันที “พ่อแม่มึงไม่อยู่ กูเลยมาอยู่เป็นเพื่อน”
“อยู่คนเดียวได้... อยู่ได้มาตั้งนานแล้วด้วย”
“อย่าพูดอย่างนี้ดิวะ”
“กวิ้นพูดจริงๆ ตอนที่พี่ไม่มาหา กวิ้นก็อยู่ได้มาตลอดนะ ไม่ได้เดือดร้อน ตอนนี้พี่กลับไปก็ได้”
“ไม่กลับ” สมัยยืนยัน เดินเข้าไปสวมกอดนกบื้อจากข้างหลัง “ถึงมึงจะอยู่คนเดียวได้แล้ว กูก็ยังอยากอยู่ด้วย”
“มันไม่ทันแล้วปะพี่ มาพูดอะไรเอาตอนนี้วะ” ไอ้กวิ้นถามเสียงแผ่ว มันไม่ดิ้นหนีอ้อมกอด แต่กลับพิงหลังกับแผ่นอกกว้างกำยำของพี่สมัยอย่างเหนื่อยล้า “พี่มันบ้าอ่ะพี่หมัย เลือกไปแล้ว...ยังจะกลับมาอีกทำไม”
“ก็เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่อยากเลือก...”
ไอ้กวิ้นนิ่งงันในอ้อมกอดของพี่สมัย แต่หัวใจของมันนั้นกลับเต้นรัวแรง
นับตั้งแต่วันที่ได้คุยกันเพื่อขอเวลา...ในการกลับไปเป็นเหมือนเดิม กลับไปเป็นน้องชายของพี่สมัย ก็ผ่านมาได้เกือบสองเดือน ไอ้กวิ้นอยากขอเวลามากกว่านี้แต่พี่สมัยกลับไม่ปล่อย ยิ่งมันหนีอีกฝ่ายก็ยิ่งขยับเข้าใกล้ ทั้งๆ ที่หัวใจของมันยังไม่พร้อม ยังไม่แข็งแรงดีพอจะรับแรงสะเทือนจากนายทหารหนุ่มที่กำลังกอดมันคนนี้ได้
“กวิ้น”
“หืม”
“สมายด์...ยังไม่ใช่แฟนกู แค่คุยกัน...เท่านั้น มีเท่านั้นจริงๆ อย่างที่เคยบอกมึงไว้...กูยังไม่อยากมีใคร”
ไอ้กวิ้นถูกหมุนตัวให้หันกลับไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ก่อนใบหูมันจะแดงระเรื่อเมื่อได้สบมองกับแววตาของพี่สมัย
“แล้วพี่หมัยมาบอกกวิ้นทำไม ไม่ได้อยากรู้”
“จริงเหรอ”
“อือ”
“แล้วใครที่มันยิ้มแก้มแทบแตก” สมัยจิ้มแก้มไอ้นกบื้อก่อนจะดึงแก้มมันแล้วบีบเบาๆ
“อ่อยยยยยย (ปล่อย)”
ไอ้นกบื้อตีปีกสู้ แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความแข็งแรงกำยำของพี่สมัย มันหอบฮั่ก ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะการต่อสู้ขัดขืน
“ไอ้พี่หมัยคนบ้า อะไรคือการคุยกับคนๆ หนึ่งมาปีกว่าๆ แล้วบอกยังไม่อยากมีใคร นิสัยของพี่มันเกินเยียวยาแล้ว”
“จะด่าอะไรก็เรื่องของมึง” สมัยยักไหล่ไม่แคร์ ดึงรั้งให้ไอ้กวิ้นเดินไปนั่งโซฟาด้วยกัน ไอ้นกบื้อแม้ปากจะพยศ แต่ร่างกายก็ยอมโอนอ่อนตามไปอย่างว่าง่าย
“กวิ้น”
“อือ” ไอ้นกบื้อครางรับ มันซุกหัวกับไหล่กว้าง แล้วช้อนตาขึ้นมอง
“มันจะเห็นแก่ตัวมากไปไหม...ถ้าบางครั้ง กูอยากให้เรา...อยู่ด้วยกันแบบนี้บ้าง”
“เห็นแก่ตัว” ไอ้กวิ้นบอกอย่างรวดเร็ว ก่อนมันจะขยับมือขึ้นโอบรัดอีกฝ่ายไว้ “แต่กวิ้นก็อยากให้เป็นอย่างนี้...แค่บางครั้งก็ยังดี”
“กูอาจจะอยู่ตรงนี้ได้แค่ในฐานะพี่ชาย...”
“พี่ชายที่ชอบจูบน้องชายตัวเองน่ะเหรอ” ไอ้กวิ้นถามเสียงกลั้วหัวเราะ “บอกหน่อยสิว่าพี่จะอยู่ตรงนี้นานแค่ไหน แล้วสุดท้าย จะทิ้งกวิ้นไปอีกไหม”
“...”
“บอกไม่ได้เหรอ” ไอ้กวิ้นถามเสียงอ้อน รอยยิ้มของมันเศร้าสร้อยจนสมัยนึกอยากตบหน้าตัวเองสักพันครั้ง “งั้นบอกได้ไหม...ว่าที่ทำแบบนี้ เพราะรักหรือเปล่า”
ไอ้กวิ้นก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ถ้าคำตอบที่มันได้ เป็นคำยืนยันจากปากของพี่สมัย แทนรสจูบที่แสนหวานราวกับขนมสายไหมที่มันได้รับก็คงดี
“มีแค่สิ่งเดียวที่กูแน่ใจ... คือกูไม่อยากทิ้งมึงไว้คนเดียว”
ไอ้กวิ้นกอดตัวพี่ชายของไอ้เหมอไว้แน่น “พี่หมัยขี้โกง พูดแบบนี้... แล้วจะให้กวิ้นคิดยังไง”
“ไม่ต้องคิดอะไร... มีความสุขตอนอยู่ด้วยกันก็พอ”
“สุขอมขมกลืนสิไม่ว่า อะ...อืมมมม อื้อออ พะ...พี่หมัย กวิ้นจะไป...อืมมม อะ...อาบน้ำ พี่หมัย พอแล้ว หายใจไม่ทัน”
พี่ชายของไอ้เหมอเหมือนคนตายอดตายอยาก ชิมน้ำหวานจากปากไอ้กวิ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนไอ้นกบื้อมันทั้งทุบอกท้วง ทั้งเบี่ยงหน้าหลบหนี แต่ริมฝีปากของพี่สมัยก็ตามมาทาบทับ มือใหญ่ยึดจับข้อมือของมันไว้ไม่ให้ดิ้นขัดขืน ส่วนริมฝีปากก็เฝ้าสำรวจโพรงปากร้อนของนกเขตหนาวไม่รู้เบื่อ ไม่พอยังลากไล้ไปตามลำคอขาวซีดจนไอ้นกบื้อบิดตัวเร่า มันหอบหายใจ ทั้งหูทั้งหน้าแดงก่ำเมื่อลิ้นนุ่มของพี่สมัยดุนดันที่ผิวเนื้อบริเวณลำคอ
“พี่หมัย...อย่า... ไม่เอา” ไอ้กวิ้นปัดป้อง หน้าอกแบนราบของมันกำลังถูกมือที่เคยยึดจับข้อมือไว้สอดเข้าไปใต้เสื้อที่สวมใส ปัดลากปลายนิ้วสะกิดผ่านเม็ดทับทิมที่เริ่มแข็งเป็นไตของมัน “พี่หมัย หยุดเถอะ อ๊ะ ไอ้พี่หมัย”
เสียงครางแผ่วเบาของไอ้กวิ้นทำให้พี่สมัยยอมหยุด ไอ้นกบื้อมันมองค้อนมาด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้ม เสื้อเลิกขึ้นจนเห็นแผ่นอกขาว ผิวแก้มที่เคยซีดราวกับกระดาษซับสีระเรื่อ ริมฝีปากบวกเจ่อ ทั้งลำคอยังมีรอยประทับที่ถูกทำไว้โดยที่มันไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก
“อย่ายั่วดิ” สมัยกลืนน้ำลายลงคอ มองไอ้นกบื้อด้วยสายตาอันตราย ราวกับสัตว์ร้ายจ้องตะครุบเหยื่อ
“ไม่ได้ยั่ว พี่หมัยนั่นแหละทำกวิ้น” ไอ้นกบื้อนั้นทั้งซื่อทั้งบื้อกว่าที่คิด “อีกนิดเดียวก็จะดูดนมกวิ้นอยู่แล้วอ่ะ นิสัยไม่ดี”
“นึกว่าชอบให้ทำ”
“ไม่ชอบ” ไอ้กวิ้นตอบไม่เต็มเสียง ก่อนมันจะเบือนหน้าหนีสายตากรุ้มกริ่มของพี่สมัย “ไม่ต้องมองอย่างนั้นเลย พี่หมัยอ่า หยุดมองนะ”
“หึหึ” สมัยหัวเราะ ก้มลงหอมแก้มไอ้นกบื้อไปสองที “ไปอาบน้ำได้แล้วปะ”
“พี่หมัยอาบให้หน่อย”
“บ้านมึง ลุกเลย” ไอ้กวิ้นถูกดึงให้ลุกขึ้น ก่อนตัวมันจะถูกอุ้มเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า พอดีกับที่โทรศัพท์มือถือของพี่สมัยสั่นเตือนอยู่บนโต๊ะ
“กวิ้น ลงก่อน กูไปรับโทรศัพท์แป๊บ”
“ไม่เอา ถ้าอยู่กับกวิ้นห้ามรับสายคนอื่น”
“มึงพูดเหมือนตัวเองเป็นเมียน้อย”
“ไม่อยากเป็นเว้ย แต่ไม่ชอบอ่ะ”
“งอแง”
“อย่ารับเลยนะพี่หมัย”
“กวิ้น”
“จูบกวิ้นหน่อย”
“มึงนี่นะ”
เพราะเด็กมันยั่ว ก็เลยต้องสนองให้ถึงใจ แม้สายที่โทรเข้าจะเป็นใครก็ตาม...คงไม่น่าดึงดูดใจเท่าความหวานของไอ้นกบื้อตัวนี้หรอก
**********************************
ไอ้กวิ้นนอนห่มผ้าคลุมถึงคอ มองพี่สมัยที่นอนอยู่เคียงข้างกันตาปริบๆ ทุกอย่างดูกะทันหันและตั้งตัวรับไม่ทัน ทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะมีวันได้มาใกล้ชิดกันอย่างนี้อีก แต่สุดท้าย...ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน ...เพราะความรัก...ก็คงเปรียบเหมือนดั่งสายลม อยู่ใกล้ก็เย็นชื่นใจ เปลี่ยนทิศไป...ก็มีแต่ร้อนรุ่ม
“มองอยู่ได้ ทำไมไม่นอน”
“นอนไม่หลับ แล้วพี่หมัยทำไรอ่ะ”
“ดูเฟซน้องเหมอ”
ไอ้กวิ้นทำปากเป็ดใส่จนถูกพี่สมัยดึง มันดีดดิ้นก่อนจะจับมือของอีกฝ่ายไว้ พลางแลบลิ้นเลียฝ่ามือ นายทหารหนุ่มที่ใส่กางเกงขายาวนอนแค่ตัวเดียวถึงกับขมวดคิ้วใส่
“หมากวิ้น”
“เป็นนกต่างหาก” ไอ้กวิ้นเถียง จับมือพี่สมัยไว้ไม่ยอมปล่อย “พี่หมัยเลิกดูได้แล้ว เฟซไอ้เหมอไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ นอกจากพร่ำเพ้อหาคนที่มันชอบแล้ว ไอ้เหมอมันก็ไม่มีสาระอะไรอีกหรอก”
“อย่าว่าน้องกูดิ”
สมัยแสร้งทำหน้าดุ แม้ในใจจะเห็นด้วยกับไอ้นกบื้อมันก็ตาม
“สมัย”
“เพื่อนเล่นมึงไง”
“ไม่ใช่ แต่อยากเรียกอ่ะ” ไอ้กวิ้นทำหน้ากวน ก่อนจะย้ายศีรษะจากหมอนไปหนุนอกกว้างของพี่สมัย “สมัย”
“อะไร” น้ำเสียงติดรำคาญทำให้ไอ้นกบื้อหัวเราะคิกคัก “กวนตีนกูสนุกมากปะ”
“ไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย”
“หึ ไปนอนดีๆ ปะ”
“นี่อ่ะดีแล้ว” นกบื้อนั้นแสนขี้อ้อน ยิ่งกับคนที่มันรักมันชอบ มันยิ่งอ้อนหนัก “พี่หมัย”
“หืม”
“กับพี่สมายด์...ไม่ได้เป็นแฟนกันจริงเหรอ” ไอ้กวิ้นถามเสียงเบา มันถูกปฏิเสธมาครั้งหนึ่งแล้ว ถูกหลอกให้ฝันดีและถูกปลุกอย่างใจร้ายมา... ครั้งนี้มันถึงได้กลัวมาก... กลัวว่าจะฝันดีได้อีกไม่นานก็จะถูกปลุกให้ตื่นอีก
“อืม” พี่สมัยกระซิบบอก พร้อมกับกดริมฝีปากลงบนขมับของไอ้กวิ้น “ไม่ได้เป็น”
“แล้วมีสิทธิ์จะเป็นไหม...”
“ไม่รู้”
ไอ้กวิ้นใจแป้ว “ไม่ชอบคำตอบแบบนี้เลย”
“เรื่องอนาคตใครจะไปรู้”
“แล้วกับกวิ้นอ่ะ”
“ก็เป็นนกบื้อของกูไง”
“ระวังเถอะ จะมีคนเลี้ยงนกเก่งกว่าพี่”
“ถ้ามีคนๆ นั้น กูก็คงมีแต่ความยินดีให้”
ไอ้กวิ้นได้ยินคำตอบก็รีบขยับตัวเข้าแนบชิด “พี่หมัย”
“หืม”
“อย่ามีแฟนเลยนะ เราเป็นแบบนี้ก็ได้ อยู่ด้วยกันแบบนี้ก็ได้ แต่พี่อย่ามีใครเลย”
พี่สมัยไม่รับปาก แต่ก็กระชับอ้อมแขนที่โอบตัวไอ้กวิ้นไว้ให้แน่นขึ้น “มึงจะทนได้เหรอกวิ้น กับความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกแบบนี้... มึงไม่อยากมีแฟนที่เดินควงแขนกันได้... หึงหวงกันได้ หรือ...ทำอะไรหลายๆ อย่างด้วยกันได้หรอกเหรอ”
ไอ้กวิ้นยอมรับว่ามันก็อยากจะมีคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับมัน แต่ว่า... “แล้วมันจะสำคัญอะไร ถ้าทำทุกๆ อย่างด้วยกันได้ แต่คนๆ นั้นไม่ใช่พี่ กวิ้นมาไกลมากแล้วพี่ไหม ตัดใจไม่ทันแล้ว”
“ขอโทษนะ” สมัยบอกเสียงเบา “ขอโทษที่กลับมาและยังยื้อมึงไว้อย่างนี้... เพราะความจริงแล้ว กูก็ไม่อยากให้มึงตัดใจ”
“ต่อให้พี่อยากให้กวิ้นตัดใจ กวิ้นก็ทำไม่ได้ง่ายๆ หรอก”
“อืม”
ไอ้กวิ้นลองแล้ว...พยายามอยู่หลายครั้ง ทั้งคุยกับใครคนใหม่ ทั้งเปิดใจรับใครคนอื่น แต่มันกลับ...คิดถึงพี่สมัยอยู่ตลอดเวลา เอาแต่คิดว่าถ้าคนที่อยู่กับมัน...ในสถานที่ดีๆ บรรยากาศดีๆ และได้สร้างความทรงจำที่ดีร่วมกันคนนั้นคือพี่สมัย... ไอ้กวิ้นคงมีความสุขราวกับบินอยู่บนท้องฟ้า
“ทน...เท่าที่มึงทนไหว แต่ถ้าฝืนต่อไม่ได้ หรือมึงเจอใครคนใหม่ ก็อย่าลังเลที่จะเลือกเขา”
ไอ้กวิ้นพยักหน้า น้ำตาคลอ “พี่หมัยก็อย่าฝืนตัวเอง ถ้ารำคาญ หรือกวิ้นวุ่นวายมากเกินไป พี่หมัยบอกกวิ้นนะ ...แล้วก็... ถ้าพี่หมัยคบกับพี่สมายด์วันไหน ก็อย่าลืมบอกด้วย อย่าหายไปเฉยๆ เหมือนที่ผ่านมาอีก”
“อืม”
“สัญญานะ”
“อืม”
“พูดครับสิ”
“ครับ” พี่สมัยแยกเขี้ยวใส่ เตรียมจะงับหัวไอ้กวิ้น แต่ไอ้นกบื้อมันยิ้มกว้างแถมยังหอมแก้มอีกสองที จากที่หงุดหงิดจึงเปลี่ยนเป็นกระตุกยิ้ม “นกบื้อ”
“ฮี่ๆ น่ารักจัง หิวนมมะ?”
“ถามเพื่อ?” สมัยทำหน้างงหนัก ก่อนจะแทบขยับตัวหนีเมื่อไอ้นกบื้อมันเลิกเสื้อนอนขึ้นจนเห็นแผ่นอกขาว แถมหัวนมมันยังอมชมพูไม่เหมือนของน้องเหมอที่ดำยิ่งกว่าถ่าน เอ้ย! สมัยแทบอยากจะข่วนหน้าตัวเองเพราะเผลอไปว่าน้องชายสุดที่รักเข้า คงเพราะไอ้กวิ้นมันขาว ตรงยอดอกถึงได้สีสวยอย่างนี้
“ดูดนอนกวิ้นได้นะ อิอิ”
“มึงอ่อยเหรอ”
“เปล่า แต่อยากให้เอา”
“ไอ้เด็กบ้า ปล่อยเลย กูจะไปนอนโซฟา”
“โหยย พี่หมัย พี่อย่ามาหัวโบราณหน่อยเลย” ไอ้กวิ้นทำทีมองค้อน รู้ว่าพี่ชายของไอ้เหมอนั้นเป็นสุภาพบุรุษขนาดไหน ถึงจะชอบจูบชอบลวนลามไอ้กวิ้นไปบ้าง แต่ข้ามขั้นกว่านั้นนายทหารผู้ซื่อตรงเหมือนแผ่นหลังที่ตั้งตรงตลอดเวลาคงไม่ทำ
“ไม่ได้หัวโบราณเว้ย นอนดีๆ แล้วเสื้อนี่มึงก็ไม่ต้องเปิดโชว์ เดี๋ยวเป็นหวัด”
“จิ๊ พี่หมัยนี่ไม่เข้าใจวัยรุ่นเลยอ่ะ ไม่ดูดจริงนะ”
“เออ”
“งั้นเก็บ”
ด้วยความหมั่นไส้เต็มเปี่ยม หลังจากไอ้นกบื้อมันพูดจบ มันก็ถูกม้วนเข้าไปในผ้าห่มเหมือนดักแด้ด้วยฝีมือนายทหารรูปหล่อ
“พี่หมัยยยย ปล่อยหนูน้าาาาาา”
“หนูเหี้ยไรตัวเท่านกยักษ์ มึงนอนอย่างนี้แหละ จะได้ไม่แผลงฤทธิ์”
ไอ้กวิ้นร้องโวยวายเพราะมันร้อน โผล่ออกมาให้เห็นได้แค่หน้า ส่วนอื่นในร่างกายนั้นถูกห่อด้วยผ้าห่มและพี่สมัยก็ใช้ตัวเองแทนเชือก รัดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“พี่หมัย จุ๊บหน่อย”
และเท่านั้น...แม้แต่หน้าของมันก็ไม่ได้โผล่ออกมาอีกเลย
ฮิฮิ รู้หรอกว่าเขิน เขินกวิ้นหนักมากด้วย ...อยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไป...จะได้ไหมนะ.................................................TBC................................................
เหมือนที่มีคนแนะนำไว้ว่าเรื่องนี้คือแฟนตาซีชีวิตนก ไม่ต้องหวังดราม่าหนักเพราะไม่มี จะเป็นแบบนี้ไปจนจบนั่นแหละ
ปล. ขอโทษนะคะที่หายไปหลายวัน