ตอนที่ 9
หลังจากการฉลองวันเกิดของไอ้เหมอที่ร้านชาบูผ่านพ้นไป ไอ้กวิ้นก็พบว่า...มันต้องเจอพี่ชายของไอ้เหมอบ่อยขึ้น ซึ่งเจอกันแต่ละครั้งก็เหมือนกับว่ามันไปทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิด ทั้งๆ ที่ไอ้กวิ้นแน่ใจว่าตัวมันไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการขุ่นเคืองใจให้พี่ชายของไอ้เหมอทั้งสิ้น มันทำตัวตามปกติ เก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้อย่างมิดชิด แม้จะยังพูดคุยเหมือนปกติไม่ได้ แต่อย่างน้อยไอ้กวิ้นก็ไม่ได้ลำบากใจที่จะเจอ
วันเวลาทำให้คนทุกคนเติบโต ยิ่งผันผ่านยิ่งทำให้แข็งแกร่ง ยิ่งต้องเจ็บซ้ำๆ ก็ยิ่งต้องปกป้องตัวเอง ต้องเข้มแข็งเพื่อจะก้าวเดินต่อไปให้ได้ ซึ่งไอ้กวิ้นก็เป็นตามนั้น แม้มันจะเป็นนกโง่ที่ไม่รู้จักวิธีการตัดใจก็ตาม
“ไอ้นะ กินไรดีวะวันนี้”
“อะไรก็ได้” ชนะตอบ ท่าทางเบื่อหน่าย “แล้วเหมอไม่กลับเหรอสัปดาห์นี้”
“เห็นว่ามันต้องอยู่ซ้อมกีฬาเตรียมแข่ง คงไม่ได้กลับอีกนาน” ไอ้กวิ้นบอก เพราะช่วงนี้ไอ้เหมอไม่ว่าง ผ่านมาเกือบเดือนแล้วที่ไม่ได้เจอหน้าเกรียนๆ ของมัน มีติดต่อทางเฟซบ้างเป็นครั้งคราว เรื่องส่วนใหญ่ที่คุยก็เป็นเรื่องของไอ้รูปหล่อชนะซ้ำยังฝากฝังให้ไอ้กวิ้นดูแลเป็นอย่างดีโดยที่มันมีค่าตอบแทนให้อย่างงาม แต่ค่าตอบแทนของไอ้เหมอนั้น...มักมาพร้อมกับการสร้างความหนักอึ้งในหัวใจของไอ้กวิ้นไปเสียได้
“อืม” ไอ้หล่อเลื้อยตัวราวกับงูไปตามโต๊ะตัวยาว ล่อสายตาสาวๆ รอบข้างให้จ้องมองชายเสื้อนิสิตที่เลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องขาว ไอ้กวิ้นเห็นดังนั้นก็รีบดึงชายเสื้อลงปิดให้ ขืนปล่อยไว้ แล้วไอ้เสือเกรียนมันรู้เรื่องว่าปล่อยให้มีแมลงตัวอื่นมาตอม ไอ้กวิ้นได้เป็นนกย่างแน่ “จะไปกินข้าวก็ปลุกนะ กูนอนก่อน”
“เออๆ นอนไปเถอะ” ไอ้หล่อมันนอนได้ทุกที่ เว้นแต่เวลาที่อยู่กับไอ้เหมอที่จะไม่ค่อยเห็นมันนอนเท่าไหร่ ถ้าไม่เอาแต่หัวเราะก็จะรวมหัวกับไอ้เหมอแกล้งไอ้กวิ้น หรือบางทีพวกมันก็จะชวนกันเล่นเกม ปล่อยให้ไอ้กวิ้นต้องเดียวดายอยู่กับจิ๊กซอว์และเลโก้ของมันเพียงลำพัง แต่ไอ้กวิ้นก็ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ เพราะมันไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
P’mai: อยู่ไหน?
ไอ้กวิ้นสะดุ้งเล็กน้อย โปรแกรมสนทนาที่มันเคยคิดว่าถูกอีกฝ่ายบล็อค กลับเด้งข้อความจากคนที่ทำให้หัวใจเต้นรัวแรง
กวิ้นกวิ้น: ที่มอ
P’mai: ฝากเลโก้ไว้ที่พี่แต้ว
กวิ้นกวิ้น: อืม
P’mai: ไหนคำขอบคุณ? มึงเป็นเด็กไม่มีมารยาทตั้งแต่เมื่อไหร่
กวิ้นกวิ้น: นี่ก็ด่าได้ด่าดี รำคาญ
P’mai: นิสัยเสีย
กวิ้นกวิ้น: ก็จริงนี่ อีกอย่างก็ไม่รู้จะขอบคุณคนที่ไม่เต็มใจทำให้ แต่ต้องทำไปตามที่น้องชายเทวดาสั่งไปทำไม
กวิ้นกวิ้น: แต่ก็จะขอบคุณละกัน ขอบคุณครับ
P’mai: ไอ้เด็กบ้า
กวิ้นกวิ้น: ใครกันแน่ที่บ้า เจอหน้าก็ทำอย่างกะเกลียดกันมาสิบๆ ชาติ
P’mai: เอาหัวแม่ตีนคิดเหรอวะ
กวิ้นกวิ้น: แล้วเป็นไรล่ะ
พี่ชายของไอ้เหมอทิ้งบทสนทนาไว้แค่นั้น ในขณะที่ไอ้กวิ้นรอเพียงครู่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมตอบมา มันก็จัดการวางโทรศัพท์มือถือลงตามเดิม
นั่งอ่านการ์ตูนไปจนเกือบสี่โมงเย็น ไอ้กวิ้นก็ปลุกชนะให้ตื่น ก่อนจะพากันไปที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ มหาวิทยาลัย
“แบล็คแคนย่อนมะ กูอยากกินกาแฟด้วย” ไอ้กวิ้นเสนอ
“เอาดิ”
นกบื้อกับคนรูปหล่อจึงเดินเคียงคู่กันเข้าร้าน แต่ยังไม่ทันได้หาที่นั่ง ไอ้กวิ้นก็สะดุดตากับพี่ชายของไอ้เหมอและสาวสวยอีกคน ไม่รู้ว่าโลกกลมหรือมีใครจงใจทำให้มันกลมกันแน่ ถึงได้ต้องมาพบมาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้
“รีบเดินดิวะ” ชนะเร่ง ล็อคคอไอ้กวิ้นที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ให้เดินตาม ไอ้หล่อมันคงไม่เห็นพี่ชายของไอ้เหมอ แต่ไอ้กวิ้นนั้นเห็นเต็มสองตา และตามมารยาทก็ควรจะเข้าไปทัก เมื่อพบเจอคนรู้จัก ทว่า...ตอนนี้มันก็ไม่ได้อยากมีมารยาทมากนัก
“นะ มึงสั่งเผื่อกูด้วยนะ ไปเข้าห้องน้ำแป๊บ”
“อืม รีบๆ มาล่ะ”
“เออๆ”
ไอ้กวิ้นรีบลุกจากที่นั่ง เดินออกนอกร้าน ตั้งใจจะไปทำธุระส่วนตัวก็เจอกับคนรู้จักเข้าเสียก่อน
“อ้าว กวิ้น มากับใครอ่ะ” แพร สาวสวยที่ไอ้กวิ้นคุยด้วยตั้งแต่อยู่มัธยมปลายเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันก็ยังคงคุยกันเช่นเดิม แต่เป็นการคุยกันเหมือนเพื่อน เหมือนคนที่เคมีตรงกันมากกว่าจะเป็นคนรัก แพรมีความชอบคล้ายๆ กับไอ้กวิ้น ชอบแต่งคอสเพลย์ ติ่งวันพีซ เธอคอสเพลย์เป็นนามิ แม้ไอ้กวิ้นจะแซวบ่อยๆ ว่าขนาดหน้าอกไม่เหมือนก็ตาม แต่ความสวยความน่ารักนั้นเหมือนแน่นอน
“มากับเพื่อน แพรล่ะ มาคนเดียวเหรอ” ไอ้กวิ้นยิ้มยินดีแล้วตีปีกเข้าไปหา “ไม่เจอนานว่ะ คิดถึง”
“จ้า เหมือนกัน” แพรยิ้มหวานส่งมาให้ “แพรมากับเพื่อนอ่ะ แต่มาเข้าห้องน้ำ ถ้ารู้ว่ากวิ้นว่างจะชวนมาด้วยแล้วเนี่ย”
“โทษทีนะที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ตอบไลน์”
“ไม่เป็นไรหรอก รู้แหละว่ากำลังเฮิร์ตหนัก”
“โหยย แซวว่ะ” ไอ้กวิ้นผลักหน้าผากสาวสวยเบาๆ “แล้วนี่อยู่ที่ร้านไหนกัน”
“พิซซ่าจ้ะ”
“กินเยอะระวังอ้วนน้า” ไอ้กวิ้นยิ้มล้อ ในขณะที่แพรต่อยท้องมันเบาๆ “โหดตลอด”
“ก็กวิ้นว่าแพรก่อน” สาวเจ้าหน้าบึ้ง ไอ้นกบื้อมันจึงยกมือขึ้นขยี้หัวอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
“ขอโทษครับขอโทษ งั้นกวิ้นไปก่อนนะ ไว้โทรหานะแพร”
“จ้ะ จะรอนะ”
“ครับผม”
ไอ้กวิ้นยิ้มสุขใจ ร่ำลากับสาวสวยรวยรอยยิ้มแล้วก็เดินเลี่ยงมาเข้าห้องน้ำชาย ริมฝีปากยังขยับยิ้มจนกระทั่งมาเจอเข้ากับหน้าหงิกงอของพี่ชายไอ้เหมอ ทั้งๆ ที่คิดว่าจะมาเข้าห้องน้ำให้นานพอที่พี่สมัยจะลุกออกจากร้านไป แต่กลับต้องมาเจอในระยะใกล้แบบนี้ ไอ้กวิ้นก็อยากจะหันหลังเดินออกไปจากห้องน้ำเสียจริงๆ
“ผู้หญิงคน ผู้ชายคน... มึงคิดจะจับปลาสองมือหรือไง” คำถามที่ไม่คาดคิดดังออกจากปากของพี่ชายไอ้เหมอ ไอ้กวิ้นถึงกับนิ่งงันราวกับถูกน้ำเย็นสาดใส่หน้า นกบื้อไม่ตอบ เม้มริมฝีปากมองแล้วเดินเลี่ยงไปใช้ชักโครกในห้องแทนโถปัสสาวะ แต่อีกฝ่ายก็ตามมารั้งแขนมันไว้
“อะไรของพี่วะ!” ไอ้กวิ้นสะบัดแขนแต่มือของพี่สมัยยังคงจับแน่น มันถูกผลักจนแผ่นหลังกระทบเข้ากับผนังห้องดังตึง! ประตูห้องน้ำก็ถูกลงกลอนจนไอ้นกบื้อเบิกตาโตด้วยความตกใจ
“พี่หมัย” ไอ้กวิ้นร้องเรียกได้แค่นั้น ริมฝีปากของมันก็ถูกปิดสนิท พี่ชายของไอ้เหมอบดเบียดริมฝีปากเข้าใส่อย่างรุนแรง ไอ้กวิ้นได้แต่ทุบอกท้วง หัวใจปวดหนึบจนอยากจะร้องไห้ มันไม่เข้าใจในการกระทำของพี่สมัยเลยสักนิด
ตึง!
ดิ้นขัดขืนแต่พี่สมัยก็ตรึงร่างมันไว้ ยิ่งขยับมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจ็บเท่านั้น แผ่นหลังของมันกระทบกับผนังอยู่สองสามครั้ง เพราะคิดดิ้นหนี แต่สุดท้ายก็ไม่รอดจากพันธนาการของอีกฝ่าย “อึก!”
“พี่หมัย...ปล่อยกวิ้นนะ พี่เป็นบ้าอะไรเนี่ย” ไอ้กวิ้นถามทั้งน้ำตา ปากมันเจ็บระบม แผ่นหลังก็ชาหนึบเพราะแรงกระแทก ขาของพี่สมัยแทรกเข้ามาระหว่างขาทั้งสองข้างของมัน บดเบียดเสียดสีอย่างจงใจกับกลางลำตัวจนไอ้กวิ้นอยากหนีอายด้วยการมุดชักโครกหนีไปเสีย “พี่หมัย ปล่อย!”
“มึงชอบไม่ใช่เหรอแบบนี้ ถึงได้อ่อยใครต่อใครไปทั่ว” น้ำเสียงของพี่สมัยเข้มจัด ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มเต็มไปด้วยโทสะ
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่หมัย นี่มันเรื่องของกวิ้นปะวะ” ไอ้กวิ้นมันก็โกรธเป็นเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าพี่สมัยโกรธเป็นอยู่ฝ่ายเดียว ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่กลับมาโดนทำแบบนี้ แม้จะเป็นนกบื้อที่ไม่ค่อยเอาเรื่องเอาราวกับใครก็คงอดไม่ได้ที่จะตอบโต้เหมือนกัน
“ใช่ เรื่องของมึง” พี่สมัยมองด้วยสายตาเหยียดหยัน “แต่มึงกำลังจะแย่งคนที่น้องเหมอชอบไป น้องชายกูฝากให้มึงดูแล ค่าจิ๊กซอว์ค่าเลโก้แต่ละเดือนก็ถือเป็นของตอบแทน แต่เท่าที่กูเห็น มันไม่ใช่ น้องกูเชื่อใจมึง อย่ามาทำตัวเป็นแมวขโมย”
น้ำตาเริ่มไหลออกจากดวงตาของไอ้นกบื้อทีละหยด “พี่หมัยพูดเหมือนไม่รู้จักกันเลย ในสายตาพี่หมัยกวิ้นแย่มากเลยเหรอ... ตลอดเวลาที่เคยอยู่ด้วยกัน มันไม่ได้ทำให้พี่หมัยรู้จักกวิ้นเลยใช่ไหม”
คิดได้ยังไง...ว่าไอ้กวิ้นจะแย่งคนที่ไอ้เหมอชอบไป คิดได้ยังไงในเมื่อไอ้กวิ้นรักพี่หมัยมากขนาดนี้... นกบื้อตัวนี้ในสายตาพี่หมัย...คงเป็นได้แค่ตัวภาระ ไม่มีค่าความสำคัญอะไรเลย
“กู...”
ไอ้กวิ้นซุกหน้าลงกับฝ่ามือ แม้หลายเดือนมานี้จะพยายามเข้มแข็ง แต่คนที่ทำให้ความเข้มแข็งของมันพังลงมาอย่างง่ายดายก็ยังคงเป็นคนๆ เดิม... อ้อมกอดของพี่หมัยก็ยังหลอมละลายน้ำแข็งภายในใจไอ้กวิ้นได้เช่นเดิม
“กูแค่...ไม่อยากให้น้องเหมอเสียใจ”
ไอ้กวิ้นพยักหน้ารับรู้ มันเข้าใจดีว่าอย่างไรพี่สมัยก็ต้องห่วงความรู้สึกของน้องชายตัวเองอยู่แล้ว
“ไม่ต้องห่วงหรอก กวิ้นกับไอ้นะเป็นแค่เพื่อนกัน” ไอ้กวิ้นบอกด้วยน้ำเสียงเหินห่างอย่างที่มันพยายามจะทำให้ได้มากที่สุด “กวิ้นมีแฟนอยู่แล้ว พี่หมัยสบายใจได้”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น... กูก็สบายใจ”
“อืม ปล่อยได้ไหม มานานแล้ว ไอ้นะคงรออยู่” ไอ้กวิ้นขยับตัวเล็กน้อย เพื่อให้พี่สมัยรู้ว่าถึงเวลาที่ควรคลายอ้อมแขนจากตัวมัน “พี่หมัย ได้ยินรึเปล่า”
“ได้ยิน” อีกฝ่ายตอบรับเสียงเข้ม ก่อนจะเบียดริมฝีปากเข้าหาริมฝีปากของไอ้กวิ้น แต่คราวนี้นกบื้อมันปิดปากแน่น แม้จะถูกลิ้นของอีกฝ่ายเลียชิมไปตามขอบปากจนแทบระทวยก็ตาม “กวิ้น”
“อะ...อื้ออออ” ไอ้นกบื้อมันบื้อที่จะขานรับ ตอนที่ขยับริมฝีปากก็ถูกพี่สมัยสอดลิ้นเข้าสำรวจจนมันร้องท้วง อยากตะโกนให้ดังแต่ก็ได้ยินเสียงคนข้างนอกห้อง ไอ้กวิ้นจึงได้แต่ทุบอกกว้างของอีกฝ่ายเป็นการท้วง ถึงอย่างนั้น...มันก็ถูกปล่อยหลังจากที่ถูกชิมจนปากบวมอยู่ดี
“พี่หมัยทำแบบนี้ทำไม” ไอ้กวิ้นถามด้วยความไม่พอใจ นอกจากจะโกรธแล้วมันยังไม่เข้าใจในการกระทำของพี่ชายไอ้เหมออีกด้วย
“อยากทำ”
“เหตุผลระยำแบบนี้ก็พูดออกมาได้ ไม่ชั่วไม่เลวจริงคิดไม่ได้นะบอกเลย” ไอ้กวิ้นว่าเสียงเย็น “ไม่มีใครเขาจูบคนที่คิดได้แค่น้องชายอย่างนี้หรอก พี่มันก็แค่คนมักมาก”
“จะว่าอะไรก็เรื่องของมึง”
“รู้ว่าคนหน้าหนาอย่างพี่ไม่สะเทือนหรอก แล้วก็ปล่อยได้แล้วเว้ย ปล่อยสิวะไอ้พี่หมัย”
“แฟนมึงคนไหน”
“อยากรู้ไปทำไม”
“ผู้หญิงคนนั้นเหรอ”
“คนไหน”
“มึงมีหลายคนรึไง”
ไอ้กวิ้นหรี่ตามองอีกฝ่าย ก่อนจะยักคิ้ว “มีคนเดียว อ่า...และคงจะเป็นคนสุดท้ายด้วย”
คำตอบของไอ้กวิ้นคงไม่เป็นที่ถูกใจ เพราะพี่สมัยตีหน้ายักษ์ใส่มันทันที “มึงว่ากูมักมาก แต่มึงก็หลายใจ”
“ยังไง?”
พี่สมัยไม่ตอบ แต่ไอ้นกบื้อรู้ทัน มันแสยะยิ้มแล้วตบแก้มพี่ชายไอ้เหมอเบาๆ “โกรธเหรอที่กวิ้นมีใครมาแทนที่พี่เร็วขนาดนี้ ไม่พอใจเหรอที่กวิ้นไม่รักพี่แล้ว หรือเสียใจ...ที่ตัวเองจะไม่สำคัญกับกวิ้นอีก บอกมาสิพี่หมัย”
“ปากดี มึงมันเป็นแค่นกบื้อ”
ไอ้กวิ้นยักไหล่ หัวเราะอย่างไม่สนใจสายตาดุจัดของพี่สมัย “นกบื้อ...ถ้ามันได้เรียนรู้ มันก็จะฉลาดขึ้นสักวันนะพี่ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย พี่ไม่ใช่ผู้ชายที่จะทำให้ใครฝังใจไปตลอดชีวิตเสียหน่อย”
“ไอ้กวิ้น”
“ไอ้พี่หมัย”
“เด็กบ้าเอ้ย”
“กวิ้นโตแล้วพี่หมัย โตพอจะรู้ว่าแบบไหนที่เรียกว่าความรัก และแบบไหนที่เรียกว่าให้ความหวังทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้สึกอะไร”
“มึงยังไม่โตหรอกกวิ้น ยังคงเป็นแค่นกบื้อ”
“ก็แล้วแต่พี่จะคิด”
ไอ้กวิ้นยักไหล่ไม่ใส่ใจ มันถูกคุกคามด้วยริมฝีปากของพี่ชายไอ้เหมออีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ดิ้นรนหนี กลับตอบรับจูบของอีกฝ่ายอย่างถึงใจ
“พี่มันเลวจริงๆ พี่หมัย” เสียงกระซิบของไอ้กวิ้นถูกกลืนหายเพราะถูกริมฝีปากของคนเลวครอบครอง
ไม่รู้...ว่าจะต้องอยู่ในวังวนที่แสนโง่เขลานี้ไปอีกนานแค่ไหน ไอ้กวิ้นหลีกหนีจนสุดกำลังแล้ว แต่มันก็ยังถูกดึงกลับเข้าไปอีกอยู่ดี จะทำอย่างไร...ให้หัวใจยังคงเข้มแข็งอยู่ในวังวนนี้ต่อไปได้ ไอ้กวิ้น...ก็จนปัญญา
************************************
“แพร เรามาคบกันไหม”
“หา!! คบกันเนี่ยนะ กวิ้นก็รู้ว่าแพรชอบผู้หญิง”“อือ แพรก็รู้ว่ากวิ้นชอบผู้ชายเหมือนกัน”
“แล้วเราจะคบกันไปเพื่ออะไรล่ะค้า”“ช่วยกวิ้นหน่อย”
“เป็นไรไปอ่ะ เรื่องคนนั้นอีกแล้วเหรอ”“อือ”
ไอ้กวิ้นมักจะเล่าเรื่องราวชีวิตรักของมันให้กับแพรฟังเสมอ คงเพราะมีความรักที่ไม่อาจเป็นไปได้เหมือนๆ กัน แพรคนสวยนั้นชอบเพื่อนสนิทของตัวเองและไม่สามารถบอกความรู้สึกออกไปได้ ถ้าบอกออกไปก็คงผิดหวังไม่ต่างจากไอ้กวิ้น
“กวิ้นไม่เข้าใจว่ะแพร กำลังจะทำใจได้แล้วนะเว้ย แต่เขาก็ยังมาให้ความหวัง”
“ยังไงเหรอ...กวิ้นคิดไปเองอีกแล้วรึเปล่า”คำถามของเพื่อนสาวทำเอาไอ้กวิ้นจุกอก มันรีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนให้กับแพรฟัง เพื่อยันยันว่ามันไม่ได้มโนเพ้อพกไปเองฝ่ายเดียว
“เลวอ่ะ”“อือ นิสัยไม่ดีเลย”
“กวิ้นตัดใจได้แล้ว เขาก็แค่กลัวว่าตัวเองจะไม่สำคัญแล้วก็หงุดหงิดแค่นั้นแหละ เขาไม่ได้รักกวิ้นจริงๆ หรอก”“แพรคิดอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ เหมือนหมาในรางหญ้าอ่ะ ตัวเองกินไม่ได้ แต่ก็ไม่ยอมให้คนอื่นกิน น่าตบอ่ะ กวิ้นน่าจะตบไปสักสองสามทีนะ จะได้ได้สติขึ้นมาบ้าง”แพรมักจะออกความเห็นอย่างถึงพริกถึงขิง บางครั้งก็จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแทนไอ้กวิ้นจนไอ้นกบื้อมันนึกขำ
“ไม่กล้าหรอก กลัวเขาเจ็บ”
“กวิ้นก็เป็นซะแบบนี้อ่ะ เขาทำเจ็บเท่าไหร่จำมั่งสิ นี่ถ้าเป็นแพรนะ จะข่วนหน้าให้ลายเลย เกลียดผู้ชายก็เพราะอย่างนี้อ่ะ แต่ยกเว้นกวิ้นนะ”“อื้อ รู้แล้ว” ไอ้กวิ้นรับคำเสียงอ่อน “งั้นแพรเอาไงอ่ะ”
“เดี๋ยวแพรช่วย จะตอกให้หน้าหงายไปเลย หวงดีนักใช่ไหม ฮึ”“มันจะเหมือนเด็กไปปะ เราทำแบบนี้อ่ะ”
“กวิ้นไม่ต้องคิดมากหรอก อีกฝ่ายต่างหากที่เด็ก เราพยายามตัดใจแล้วแท้ๆ ยังมาจูบกันอีก”“นั่นสิ” ไอ้กวิ้นพูดได้เท่านั้นก็ถอนหายใจ มันเผลอยกนิ้วขึ้นไล้ริมฝีปาก เพราะวันนั้นถูกจูบไปนับครั้งไม่ถ้วน ริมฝีปากจึงบวมแดงจนกลับไปหาไอ้นะมันก็ยังมองด้วยความสงสัย แต่ไอ้หล่อมันอินดี้ ไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นจึงไม่ถามอะไรไอ้กวิ้นเลย “แพรว่าเขาไม่รักกวิ้นสักนิดเลยเหรอ”
“โอ้ย เลิกหวังได้แล้วพ่อนกบื้อ เขามีแฟนแล้วนะกวิ้น ตัดใจ ตัดใจ ท่องไว้”“ตอกย้ำขนาดนี้นั่งแท็กซี่เอามีดมาแทงกวิ้นที่บ้านเลยดีกว่า”
“จิ๊ นี่ถ้าว่างก็จะไปอยู่นะ แต่เดี๋ยวจะออกไปดูหนัง ฮิฮิ”“กับใครเหรอ”
“ก็...คนนั้นแหละ”“หูยย อิจฉา”
“ความสุขเล็กๆ น้อยๆ อ่ะ”“ไม่ตัดใจล่ะ บอกกวิ้นตัดใจ แพรก็ตัดใจดิ”
“มันทำได้ง่ายๆ ก็ดีสิ เอ๊ะ เหมือนถูกย้อนยังไงก็ไม่รู้ เอาเถอะๆ แพรวางก่อนนะ ไว้คุยกันจ้า”“อื้อ”
ไอ้กวิ้นวางสายจากแพรแล้วก็นอนเกลือกกลิ้งบนเตียง วันนี้ไอ้หล่ออินดี้มันแบกกล้องไปปากช่องทิ้งไอ้กวิ้นเพื่อนซี้ให้แกร่วอยู่ที่บ้านเพียงลำพัง
กวิ้นกวิ้น: ไอ้พี่หมัย
P’mai: ไร
กวิ้นกวิ้น: ไม่มีไร ทักเฉยๆ
P’mai: หึ
กวิ้นกวิ้น: อยู่ไหนอ่ะ
P’mai: มากินข้าว
กวิ้นกวิ้น: คนเดียวเหรอ?
P’mai: เปล่า
กวิ้นกวิ้น: อืม งั้นไม่กวนละ
P’mai: กวนได้
กวิ้นกวิ้น: เกลียดพี่หมัยว่ะ
P’mai: เรื่องของมึง
กวิ้นกวิ้น: เกลียดจริงๆ ไอ้คนเลว
P’mai: เป็นบ้าไรนกบื้อ ด่ากูแต่หัววัน
กวิ้นกวิ้น: เบื่อพวกเลวแต่ไม่รู้ตัว
P’mai: บางเรื่องก็อาจจะไม่ใช่อย่างที่มึงคิด
กวิ้นกวิ้น: มาพูดอะไรตอนนี้วะ มันไม่ทันแล้ว
P’mai: จริง?
กวิ้นกวิ้น: เออ
P’mai: หึหึ
กวิ้นกวิ้น: ถามจริงนะพี่หมัย ทำแบบนี้ไม่สงสารพี่สมายด์บ้างเหรอ
P’mai: กูสงสารมึงมากกว่า
กวิ้นกวิ้น: ไม่จำเป็น บอกแล้วไงว่าอยู่ได้
P’mai: ไม่ได้สงสารเรื่องนั้น
กวิ้นกวิ้น: อะไรของพี่วะ
P’mai: ขอโทษว่ะ ขอโทษที่พอมึงกำลังจะทำใจได้แล้วกูก็ดึงมึงเข้ามาใกล้อีก
กวิ้นกวิ้น: พี่มันเลวไง
P’mai: ยอมรับ
กวิ้นกวิ้น: พอละ เบื่อว่ะ
P’mai: ตอนเย็นกูไปหา
กวิ้นกวิ้น: ไม่ต้องมา ไม่อยากเจอ
P’mai: รอนะ อย่าไปไหน
กวิ้นกวิ้น: จะไปหาแฟน ไม่รอ
P’mai: กวิ้น
กวิ้นกวิ้น: ไม่รอ ไม่รู้จะรอไปทำไม รอในฐานะอะไร ไม่รู้เลยว่ะพี่หมัย แล้วพี่ก็ไม่ดีพอให้รอด้วย พูดตรงๆ
แม้ไอ้กวิ้นจะพูดบอกไปอย่างนั้นและอีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่พอถึงตอนเย็น ไอ้นกบื้อมันก็ไม่ตีปีกบินไปไหนอยู่ดี มันนอนกลิ้งไปมาบนเตียงตั้งแต่เที่ยง ดูโคนันปี 14 ได้สิบตอน ต่อเลโก้ที่คงค้างไว้ได้อีกหลายส่วน จวบจนถึงตอนเย็นก็ลงมาทานข้าวกับพ่อแม่และพี่แต้ว ก่อนจะขอตัวขึ้นบนห้อง
รู้อยู่แล้วว่าจะไม่มีใครมา แต่ไอ้กวิ้นก็ยังแอบรอ... มันลุกเดินไปที่หน้าต่างอยู่บ่อยครั้ง แง้มผ้าม่านเปิดดูเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ แต่ก็พบว่าเป็นรถของคนข้างบ้านที่คงเพิ่งกลับจากที่ทำงาน
ความคาดหวังของไอ้กวิ้นถูกทำลายลงอีกครั้งเพราะหัวใจที่เจ็บไม่เคยจำและความโง่ของมัน แม้จะพูดอวดฉลาด แต่การกระทำกลับสวนทางกับคำพูดแทบทุกอย่าง... ไอ้กวิ้นจึงเป็นได้แค่นกบื้อที่ปากดีราวกับคนเข้มแข็งแต่จิตใจกลับอ่อนแอเท่านั้น
****************************
“พี่เหมอคัมแบ็คคคคคคคคคคคค” ไอ้หัวเกรียนแหกปากลั่นบ้าน โดยมีไอ้กวิ้นนั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่น มันถูกไอ้เหมอสั่งให้มารอที่บ้านเพราะจะได้แว้นน้องพิ้งฟีโน่คันสวยไปหาชนะด้วยกัน ไอ้เหมอเพิ่งกลับจากโรงเรียนโดยมีพี่ชายของมันไปรับกลับ
“กลับมาก็แหกปากเลยนะไอ้เหมอ” คุณหญิงเสมือนว่าด้วยความเอือมระอาในนิสัยของลูกชายคนเล็ก “ทำไมแกไม่หัดทำตัวเรียบร้อยเหมือนน้องกวิ้นบ้างห้ะ”
“คุณหญิงแม่รู้ไหมว่าค่าเฉลี่ยของเด็กเก็บกดมาจากการโดนเปรียบเทียบกับลูกคนข้างบ้าน ถ้าคุณหญิงแม่ไม่อยากให้เหมอเก็บกด จง ลด! ละ! เลิก! การเปรียบเทียบนี้ซะ” ไอ้เหมอรีบทรุดตัวนั่งบนโซฟา พลางก่ายแข้งขึ้นพาดขาไอ้กวิ้นจนถูกคุณหญิงแม่ฟาดเข้าให้ “โอ้ย! เหมอเจ็บนะ”
“ทำตัวดีๆ”
“ไอ้กวิ้นมันยังไม่เห็นว่าอะไรเลย” ไอ้เหมอเบะปาก “แล้วไอ้นกโง่นี่มึงจะนั่งบื้อไปถึงไหน พี่เหมอกลับมาทั้งทีเอาหัวมาให้ตบได้ชื่นใจหน่อย”
“เป็นเพื่อนกับมึงนี่เวรกรรมกูจริงๆ” ไอ้กวิ้นขมวดคิ้ว โยกหัวหลบมือหยาบกร้านของไอ้เหมอที่กำลังจะตบหัวมัน
“เลิกคบกับมันไปเถอะน้องกวิ้น เชื่อแม่” คุณหญิงเสมือนมองเพื่อนของลูกชายด้วยความสงสาร ก่อนจะหันไปทางลูกชายคนโตที่กำลังเก็บข้าวของที่น้องกองไว้ “หมัย ไม่ต้องเก็บ ให้ไอ้เหมอมันเก็บเอง ขับรถมาเหนื่อยๆ ก็มานั่งพัก ไอ้เหมอ ไปเก็บของของแกเดี๋ยวนี้”
“อะไรล่ะคุณหญิงแม่ พี่หมัยกำลังเก็บอยู่แล้วก็ให้เก็บให้เรียบร้อยดิ”
“เดี๋ยว... เดี๋ยวก่อน แกรอฉันอยู่ที่นี่ เมื่อคืนฉันเพิ่งเจอหวายที่พี่แกเอาไปซ่อน ไม่ตีกันบ้างคงจะไม่เข็ดหลาบ”
“แม่ครับ ใจเย็นๆ ครับแม่ อย่าตีน้องเหมอเลย”
ไอ้กวิ้นอยากจะจับคอไอ้เหมอล็อคให้คุณหญิงแม่ของมันตีอยู่หรอก แต่เห็นพี่ชายมันแทบจะขาดใจแล้วไอ้กวิ้นก็อดสงสารไม่ได้ “ไอ้เหมอ มึงไปเก็บของให้เรียบร้อยไป ถ้าโดนตีจนน่องแตกมึงไปหาไอ้นะไม่ได้แน่ หมดสวย”
ไอ้เหมอได้ยินเสียงกระซิบจากเพื่อนซี้มันก็พยักหน้าหงึกทันที “พี่หมัยยย เดี๋ยวเหมอเก็บเอง คุณหญิงแม่ก็ฮาร์ทคูลไว้ ทำเป็นเฮ้ดฮอทไปได้ เหมอไม่ใช่คนเลซี่ แต่แค่เครซี่แอนด์บิ้วตี้เท่านั้นเอง อิอิ”
คุณหญิงเสมือนทำหน้างงกับคำศัพท์ของไอ้เหมอ แต่ก็ยอมความเมื่อเห็นว่าไอ้เกรียนมันเดินไปเก็บของของมันแล้ว “งั้นแม่เข้าครัวก่อนก็แล้วกัน ตามสบายเลยนะน้องกวิ้น”
“ครับคุณแม่”
คุณหญิงเสมือนแยกตัวไปทางห้องครัว ส่วนไอ้เหมอก็เก็บรองเท้าของมันเข้าตู้รองเท้าและถือกระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้อง ทิ้งไอ้กวิ้นเพื่อนโง่ให้อยู่กับพี่ชายของมันตามลำพัง
“กวิ้น”
“...”
“ไอ้กวิ้น กูเรียกไม่ได้ยินเหรอ”
“ได้ยิน หูไม่ได้หนวก”
“ไลน์ไปทำไมไม่ตอบ”
“ไม่ว่าง”
“โทรหาก็ไม่รับ”
“ไม่อยากคุย”
“โกรธไรวะ”
“มากกว่าความโกรธไปเยอะแล้วพี่” ไอ้กวิ้นตอบเสียงนิ่ง “จากโกรธอยู่ดีๆ เปลี่ยนเป็นเกลียดแทน”
“...”
“เกลียดได้ใช่ปะ”
“ไม่ได้”
“รักก็ไม่ได้ เกลียดก็ไม่ได้ งั้นควรรู้สึกยังไงกับพี่ดี? เฉยๆ ดีมะ”
“อย่ากวนกูนะกวิ้น”
“ใครมันเริ่มก่อน”
ไอ้กวิ้นเค้นเสียง มันมองพี่ชายของไอ้เหมอด้วยความหงุดหงิดใจ จากวันที่มันรอเก้อจนดึกก็ผ่านมาเกือบเดือน แต่พี่ชายของไอ้เหมอก็เป็นเหมือนเดิม มันทำตัวปกติในวันต่อมา ไลน์มาบ้าง โทรมาบ้าง หายไปหลายวันและมันก็กลับมาอีก วนเวียนอยู่แบบนี้จนไอ้กวิ้นแทบบ้า เคยบล็อคเบอร์แต่ก็ทำได้ไม่ได้เพราะก็อยากเห็นเบอร์อีกฝ่ายโชว์บนหน้าจอแม้มันจะไม่รับสายก็ตามที บล็อคไลน์ก็เคยทำ แต่ก็ยังอดใจไม่ไหว ความรักความคิดถึงอีกฝ่ายทำให้หัวใจมันอ่อนยวบทุกที ถึงไอ้กวิ้นจะทำปั้นปึ่งใส่ แต่มันก็แอบรออยู่ทุกวัน บางวันที่ไม่มีมิสคอล ไม่มีข้อความจากโปรแกรมสนทนา หัวใจก็ห่อเหี่ยว แต่พอมี...มันก็สับสน เพราะไม่รู้จะดีใจดีหรือไม่...
“กลับมาคุยกันดีๆ ไม่ได้แล้วเหรอวะ”
“พี่จะให้กลับไปในฐานะอะไรไม่ทราบ”
ประโยคคำถามที่แสนธรรมดา แต่ไอ้กวิ้นกลับคาดหวังกับคำตอบจนเหมือนจะบ้า แต่พอได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายแล้วหัวใจของมันก็เหมือนกับถูกเหยียบซ้ำอีกรอบ
“
น้องชาย... ได้ไหม”
ไอ้กวิ้นถอนหายใจ แม้ใจจะเจ็บแต่กลับรู้สึกชินชาจนเหมือนเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
“ขอเวลาหน่อย ตอนนี้...มันไม่ไหวจริงๆ ว่ะพี่”
“อืม...กูจะรอนะ”
“แต่บอกไว้ก่อนนะพี่หมัย มันไม่ใช่ทุกครั้งหรอกที่พี่จะทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้ได้ พี่นึกอยากทิ้งพี่ก็ทิ้งอย่างไม่ใยดี พอนึกอยากจะกลับมา พี่ก็ดึงเข้าหาโดยไม่สนใจความรู้สึกของใครเลย กวิ้นเคยชื่นชมพี่มากเลยนะเว้ยพี่หมัย แต่พอพี่เป็นแบบนี้แล้วโคตรผิดหวัง ทำแบบนี้โคตรไม่แมนเลยว่ะพี่”
“ขอโทษที่กูทำให้ผิดหวัง แต่กูก็เป็นแค่คนๆ หนึ่งว่ะกวิ้น กูเห็นแก่ตัว...กูยอมรับ”
“มันเหมือนกับบอกว่าถ้ารักกูก็ต้องยอมรับกูให้ได้เลยเนอะพี่ แม่ง...เลวว่ะ”
ไอ้กวิ้นไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาต่อว่าได้อีก เพราะไม่ว่ามันจะพูดอะไรไป อีกฝ่ายก็ยอมรับโดยไม่เถียง
รู้ว่าเลว รู้ว่าเห็นแก่ตัว รู้ว่าหลอกให้ความหวัง รู้อย่างนั้น...แต่มันก็ยังรัก ยังรักและยังตัดใจ ยังกล่อมให้ตัวมันเกลียดผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลยจริงๆ.....................................................................TBC........................................................................
ขอโทษที่มาช้านะคะ พอเงินเดือนออกนี่เหมือนต้องทำงานให้คุ้มเงินเดือนเลยอ่ะ คือประดังประเดตอนต้นเดือน ฮืออ