ตอนที่ 7การสอบ GAT PAT ครั้งแรกนั้น ไอ้กวิ้นทำได้ดีทีเดียว คะแนนของมันจัดอยู่ในเกณฑ์ดีจนไม่มีอะไรให้ต้องกังวล แต่ร้อยเอกสมัยที่เป็นติวเตอร์ก็ยังคงเคี่ยวเข็ญมันเช่นเดิม จนเมื่อการสอบครั้งที่สามผ่านพ้นไปและคะแนนเป็นที่น่าพอใจของพี่สมัย ไอ้กวิ้นจึงได้รับอิสระ มันได้เลโก้ชุดใหญ่ยักษ์และจิ๊กซอว์รูปท้องฟ้าหมื่นชิ้นที่มันชอบอีกหนึ่งกล่องเป็นรางวัล
ตอนนี้ไอ้กวิ้นจึงไม่มีอะไรให้กังวลใจแล้วนอกเสียจากการสอบ O-net ที่รอมันอยู่เท่านั้น ไอ้นกบื้อจึงกลับมาตีปีกไร้สาระอีกครั้ง แต่แค่ไม่กี่วัน...จากนกที่ระริกระรี้กับอิสระที่ได้รับ ภูมิใจกับผลคะแนนที่ตัวเองทำได้...ก็กลับกลายเป็นนกหงอย... แค่เพราะรู้สึกได้ว่าใครอีกคน...กำลังเปลี่ยนไป
“พี่หมัย พี่หมัยกินข้าวมารึยัง”
ไอ้กวิ้นยังคงนั่งรอพี่สมัยเหมือนทุกครั้ง แม้จะรู้ว่าหน้าที่ติวเตอร์ของพี่สมัยนั้นใกล้จะสิ้นสุดแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าหลังจากที่ผลคะแนนออกแล้วพี่สมัยจะมาหามันไหม แต่มันก็ยังรอคอยอย่างมีความหวัง รอที่จะได้กินข้าวกับคนที่มันรักเหมือนหลายๆ เดือนที่ผ่านมา แต่สามวันมาแล้ว...มันกลับพบว่ามันรอเก้อ และเย็นวันนี้ก็คงไม่ต่างกัน
“อืม แล้วมึงล่ะ ดึกป่านนี้แล้วทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ ไม่เอาเวลาไปทบทวนหนังสือวะ ยังเหลือสอบ O-net อีกไม่ใช่เหรอ”
พักหลังมานี้...เรื่องที่พี่สมัยคุยกับไอ้กวิ้นจะมีแค่เรื่องสอบกับหน้าที่ครูสอนพิเศษเท่านั้น... ไม่เคยถามไถ่ไอ้กวิ้นถึงเรื่องอื่นบ้างเลย
“กวิ้นรอพี่หมัย” ไอ้กวิ้นบอกเสียงเบา ซ่อนแววตาตัดพ้อไว้ด้วยการก้มหน้าลงต่ำ “พี่หมัยไปไหนมาเหรอ”
“กูบอกแล้วนะว่าไม่ต้องรอ” น้ำเสียงของพี่สมัยเต็มไปด้วยความหงุดหงิด จนไอ้นกบื้อมันได้แต่เก็บซ่อนความเสียใจเอาไว้ ไม่กล้าที่จะเรียกร้องอะไรออกไป เพราะเป็นความจริง...ที่พี่สมัยไม่ได้บอกให้มันรอ มันรอของมันเองก็ไม่มีสิทธิ์จะไปโกรธ
ไอ้กวิ้นยังคงคลี่ยิ้ม ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่มันมักจะใช้รอยยิ้มของมันกลบเกลื่อนความเสียใจที่มี ...หรืออาจจะตั้งแต่ที่มันเริ่มหลอกตัวเองด้วยคำว่า ‘ไม่เป็นไร’ ก็เป็นได้ แต่ไอ้กวิ้นมันรู้สึกจริงๆ นะว่า...ถ้าหากยังยิ้ม มันก็ยังจะได้ฝันดีต่อ
“พี่หมัยเหนื่อยรึเปล่าวันนี้”
“เหนื่อย”
“จะอาบน้ำเลยปะ กวิ้นจะไปเตรียมน้ำอุ่นให้”
“มึงทำเป็นรึไง”
“เป็น ให้พี่แต้วสอน” ไอ้กวิ้นตอบพลางทำหน้ากระตือรือร้น กลบความผิดหวังไว้ในส่วนลึกของหัวใจ “พี่แต้วสอนวิธีการนวดคลายเส้นให้ด้วย ให้กวิ้นนวดให้พี่หมัยนะ”
“ไม่ต้องหรอก วันนี้กูจะกลับบ้าน คงอยู่ค้างกับมึงไม่ได้” ใบหน้าของพี่สมัยเคร่งขรึม ในขณะที่ไอ้นกบื้อมีแต่ความตัดพ้อส่งมาให้
“แต่กวิ้นอยากอยู่กับพี่หมัย”
“วันนี้กูเหนื่อยนะกวิ้น ไม่มีอารมณ์จะมาตามใจมึง”
คำพูดของพี่สมัยเหมือนน้ำเย็นสาดใส่หน้าไอ้กวิ้น มันทำเพียงแค่พยักหน้าบ่งบอกถึงความเข้าใจแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
“กลับขึ้นห้องไปอ่านหนังสือ กูแค่แวะมาดู เดี๋ยวก็ไป”
“อืม... แล้วพรุ่งนี้พี่หมัยจะมาอีกรึเปล่า”
“พรุ่งนี้กูมีธุระ คงไม่ได้มา”
ไอ้กวิ้นอยากถามว่ามีธุระอะไร แต่มันก็รู้ว่าขืนถามออกไป...คงถูกพี่สมัยต่อว่าว่ามันน่ารำคาญ
“งั้นพี่หมัยรอแป๊บนึงนะ... กวิ้นกับพี่แต้วทำคุกกี้ไว้...”
ไอ้กวิ้นยังพูดไม่ทันจบประโยค โทรศัพท์มือถือของพี่สมัยก็ดังขัดจังหวะ
“เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน กูกลับละ” พี่สมัยตัดบท หันหลังเดินออกไปพร้อมกับรับสาย “ครับ พี่กำลังจะกลับบ้าน อืม ไว้คืนนี้โทรหา เออน่า งอแงอะไรเหม่ง หึ โดนไอ้ยิ้มมันแกล้งหรือไง ครับๆ ไม่ขับเร็วหรอก ไม่ต้องห่วง”
ไม่รู้...ว่ายัง...ฝันต่อไปอีกได้ไหม ไอ้กวิ้นมันเป็นแค่นกโง่ ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้...ถูกปลุกให้ตื่นแล้วหรือยัง
“น้องกวิ้นค้า พี่แต้วเอาคุกกี้ใส่กล่องให้แล้วน้า อ้าว แล้วคุณหมัยล่ะคะ”
ไอ้กวิ้นที่ได้แต่ยืนนิ่งงัน ได้ยินเสียงของพี่แต้วก็ขยับยิ้มเล็กน้อย “พี่หมัยกลับไปแล้วครับ คงมีธุระ...”
พี่แต้วมองเด็กตัวสูงโย่งด้วยความสงสาร จับมือที่เต็มไปด้วยพลาสเตอร์ปิดแผลไว้อย่างแผ่วเบา นกบื้อตัวนี้ อยากลองทำคุกกี้ให้พี่สมัย แต่มันไม่ได้เชี่ยวชาญงานครัวมากนัก ยิ่งการใช้เตาอบมันยิ่งไม่ถนัด จึงถูกลวกเป็นแผลพุพองหลายจุด แต่มันก็ยังสุขใจเพราะพอได้นึกถึงใบหน้าของพี่สมัยยามได้ชิม นึกถึงคำชมที่มันจะได้รับ แผลเหล่านั้นก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ทว่า...สิ่งที่มันทำ...กลับไม่ได้เป็นที่ต้องการ
“ไม่เป็นไรนะคะ ถ้าคุณหมัยมาอีก ค่อยเอาให้ลองชิมดูก็ได้ พี่แต้วจะเก็บไว้ให้อย่างดีเลย”
“พี่แต้วทิ้งไปเถอะครับ...พี่หมัยคงจะไม่มาที่นี่อีกนาน”
“ทำไมล่ะคะ ทะเลาะอะไรกันรึเปล่าคะน้องกวิ้น”
“เปล่าหรอกครับ พี่หมัยแค่มีที่อื่นที่อยากจะไปมากกว่าที่นี่เท่านั้นเอง กวิ้นไปนอนก่อนนะพี่แต้ว”
“แล้วข้าวล่ะคะ น้องกวิ้นยังไม่ได้กินเลยนะคะ เดี๋ยวก็ปวดท้องเอาหรอก”
“ไม่เป็นไรครับ กวิ้นไม่หิว”
พี่แต้วได้แต่ถอนหายใจ มองตามเด็กน้อยที่ดูแลกันมาตั้งแต่อายุได้ขวบสองขวบด้วยความเป็นห่วง ลำพังกินข้าวครบทุกมื้อตัวก็ผอมจะแย่ ยังจะมาอดข้าวเย็นติดต่อกันมาหลายวันอย่างนี้อีก จะไม่ผอมเหลือแต่กระดูกเลยหรือ!
************************************
นานมากแล้วที่ไม่ได้มาเดินซื้อหนังสือคนเดียวแบบนี้ ปกติไอ้กวิ้นจะต้องมีพี่สมัยมากับมันด้วย แต่วันนี้มันสะพายเป้ใบใหญ่ ขึ้นแท็กซี่มาลงที่สยาม เดินตรงดิ่งเข้าร้านหนังสือเพื่อซื้อโคนันเล่มล่าสุด ก่อนจะออกจากร้านหนังสือมาเดินเตร็ดเตร่ดูรองเท้าคอลเลคชั่นใหม่ของแบรนด์ที่มันชอบ และไม่ลืมที่จะถ่ายรูปรองเท้าคู่ที่ถูกใจส่งไปให้พี่สมัยดู ไอ้กวิ้นทำทุกอย่างด้วยความเคยชิน จนมันมานึกได้ทีหลังว่าสิ่งที่มันทำไปนั้นคงทำให้พี่สมัยรำคาญอยู่ไม่น้อย
รูปที่มันส่งไปหลายสิบรูปไม่ถูกเปิดดู ข้อความที่พิมพ์ส่งไปไม่ถูกเปิดอ่าน โปรแกรมสนทนายังไร้การตอบกลับ เกือบยี่สิบข้อความที่ส่งถึงพี่สมัยไม่ได้รับความสนใจแม้แต่นิด ไอ้กวิ้นจึงทำได้แค่ยิ้มเจื่อนให้กับตัวเอง เดินหาที่นั่งด้วยใจที่เหนื่อยล้า แม้แขนขาจะยังมีแรงแต่ก็ไม่อยากจะเดินต่อ มันนั่งพักที่ม้านั่งตัวยาวหน้าลานน้ำพุ มองคนที่เดินขวักไขว่ไปมา
หนึ่งในคนพวกนั้น...จะมีใครรู้สึกเหมือนมันบ้างไหม แล้วหนึ่งในคนพวกนั้น...จะเคยมีรักที่ไม่สมหวังบ้างหรือเปล่า
“พี่หมัย ตามมาเร็วๆ ไอ้พี่ยิ้มมันบอกว่าถ้าไม่ได้รองเท้าห้ามกลับบ้านนะ” เสียงหวานใสดังแว่วมาให้ได้ยิน ในขณะที่ไอ้กวิ้นได้แต่ตัวแข็งทื่อ ในหูของมันสะท้อนก้องไปด้วยคำว่า 'พี่หมัย' เต็มไปหมด รู้...รู้ดีว่าเจ้าของชื่อเป็นใคร เห็นกับตาว่าชายหญิงที่เดินเคียงคู่กันมานั้นเหมาะสมกันมากแค่ไหน
หัวใจของไอ้กวิ้นปวดหน่วงราวกับถูกขยี้ด้วยมือที่มองไม่เห็น มันรีบลุกจากเก้าอี้ สะดุดเท้าตัวเองเล็กน้อยแต่ก็รีบเดินออกห่างสถานที่ตรงนั้น มันเร่งฝีเท้า...วิ่งหนีภาพบางภาพที่ไม่อยากมอง เพราะไม่รู้...ว่าถ้าต้องเจอเข้าจังๆ มันจะต้องทำหน้าอย่างไร...ควรจะยิ้มหรือร้องไห้ แล้วควรจะแสดงความยินดีหรืออวยพรให้ไหม... ก็ยังคงไม่แน่ใจถึงเรื่องที่ควรจะทำเลยสักเรื่อง
กวิ้นกวิ้น: พี่หมัย มาหากวิ้นบ้างได้ไหม กวิ้นอยากเจอ
กวิ้นกวิ้น: พี่หมัย กินข้าวรึยัง อย่าลืมกินนะพี่ กวิ้นเป็นห่วง
กวิ้นกวิ้น: พี่หมัย ทำงานเหนื่อยรึเปล่าวันนี้ อย่าหักโหมมากนะ พักผ่อนเยอะๆ นะครับ
กวิ้นกวิ้น: พี่หมัย... รับสายกวิ้นหน่อยได้รึเปล่า อยากคุยด้วย ไม่กวนนานหรอก
กวิ้นกวิ้น: อยากเจอพี่หมัย กวิ้นไปหาที่บ้านได้รึเปล่าครับ
กวิ้นกวิ้น: พี่หมัยคุยกับใครอยู่เหรอ กวิ้นโทรหา...ขึ้นรอสายตลอดเลย
กวิ้นกวิ้น: ตอบกวิ้นบ้างได้ไหม
กวิ้นกวิ้น: พี่หมัย...
กวิ้นกวิ้น: ขอร้อง พี่หมัยอย่าทำแบบนี้เลย ถ้ากวิ้นทำให้พี่หมัยโกรธ กวิ้นขอโทษนะ จะไม่ดื้อ ไม่งอแง ไม่งี่เง่าใส่พี่หมัยอีกแล้ว
กวิ้นกวิ้น: ขอโทษที่ข้อความของกวิ้นรบกวนพี่ มันน่ารำคาญ กวิ้นก็รู้ แต่กวิ้นคิดถึงพี่หมัยนะ
กวิ้นกวิ้น: พี่หมัย มารับหน่อยได้รึเปล่า กวิ้นอยากไปร้านหนังสือ
กวิ้นกวิ้น: พี่หมัยคงไม่ว่างใช่ไหม แต่ไม่เป็นไร กวิ้นมาถึงแล้ว ได้โคนันมาแล้วด้วย เดี๋ยวจะไปดูรองเท้า มีคู่ที่พี่หมัยเคยบอกกวิ้นว่าอยากได้ด้วยนะ ที่เราเคยดูในเว็บด้วยกัน
กวิ้นกวิ้น: พี่หมัย...อย่าลืมหาอะไรกินด้วยนะ ไม่กวนแล้วล่ะ ขอโทษนะครับพี่
ขอโทษ...ที่เอาแต่ส่งข้อความน่ารำคาญ ขอโทษที่เอาแต่โทรหาทั้งๆ ที่รู้ว่าพี่ไม่อยากคุย ขอโทษจริงๆ ที่ยังไม่ยอมตื่นจากฝันดีๆ ทั้งๆ ที่ถูกปลุกให้ตื่นแล้ว แต่นกบื้อตัวนี้...มันไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร หากในโลกความเป็นจริงจะต้องเดินเพียงลำพัง มันยังไม่พร้อม...ที่จะต้องอยู่คนเดียว
*********************************
วันที่ไอ้กวิ้นถูกปลุกให้ตื่นจากฝันดีผ่านมาได้เกือบเดือน แต่มันยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ไปเรียนไม่มีขาด กลับบ้านมาก็อ่านหนังสือเตรียมสอบ O-net พี่สมัยแวะเวียนมาดูบ้าง แต่ระหว่างมันกับครูสอนพิเศษก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิม มันเลิกส่งข้อความ เลิกโทรไปสร้างความรำคาญให้อีกฝ่าย บทสนทนายามเจอหน้าก็มีแค่เรื่องเรียนเท่านั้น ไอ้กวิ้นปิดหูปิดตาที่จะรับรู้ความเป็นไประหว่างพี่สมัยกับคนสำคัญของเขา ไม่ได้อยากรู้เพื่อสร้างความเจ็บปวดให้ตัวเองอีก มันแค่อยู่ในพื้นที่ของมัน ได้แอบมองคนที่มันรักในช่วงเวลาสั้นๆ ที่อยู่ด้วยกันเท่านั้น
จวบจนการสอบ O-net ผ่านไป มันก็ไม่ได้เจอพี่สมัยอีกเลย อีกฝ่ายไม่เคยแวะเวียนมาหา ราวกับหมดภาระหน้าที่ที่มีต่อกันแล้ว ไอ้กวิ้นก็ไม่ได้โวยวายในเรื่องนี้ มันเข้าใจดีอยู่แล้ว...เพราะไม่ใช่ไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมคราวนี้...ถึงได้เจ็บมากกว่าทุกที
บ่อยครั้ง...ที่มันหวนนึกถึงเรื่องราวของมันกับพี่สมัย หลายครั้งที่เอาแต่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ตามลำพัง แต่ต่อหน้าคนอื่นนั้น ไอ้กวิ้นก็ยังทำตัวตามปกติ เพราะมันไม่อยากให้ใครเป็นห่วง มันเป็นนกโง่ที่บางทีก็คิดทำอะไรเกินตัว คิดอยากบินขึ้นไปบนฟ้าเพื่ออยู่เคียงข้างเดือน...แต่สุดท้ายก็พบว่ามันเป็นแค่ความเพ้อฝัน นกอย่างมัน...แค่เดินก็ยังหกล้ม แล้วจะริอาจบินขึ้นไปได้อย่างไร
ชีวิตของไอ้กวิ้นหลังจากที่สอบปลายภาคของมอหกเทอมสองเสร็จจึงวนเวียนอยู่กับสิ่งที่มันชอบ มันแทบจะไม่ออกจากห้องไปพบเจอผู้คน แม้กระทั่งพี่แต้วพี่เลี้ยงคนสำคัญก็ยังได้เห็นหน้ามันวันละหน ไอ้กวิ้นเอาแต่นั่งต่อจิ๊กซอว์รูปท้องฟ้า ต่อเสร็จก็รื้อทิ้งแล้วต่อใหม่ ทำอย่างนั้นอยู่ซ้ำๆ ทุกวัน เดือดร้อนพี่แต้วต้องตามตัวน้องเหมอเพื่อนซี้หัวเกรียนมาดูอาการ
“เชี่ยไรมึงเนี่ย เก็บตัวอยู่แต่ในถ้ำ แล้วผลแอดประกาศเมื่อไหร่วะ" ไอ้หัวเกรียนบ่น มันเพิ่งกลับบ้านหลังจากผ่านการละลายพฤติกรรมจากครูฝึกเพื่อต้อนรับนักเรียนขึ้นเหล่าปี 1 ได้ไม่ทันไรก็ถูกพี่แต้วโทรไปฟ้องเรื่องไอ้กวิ้น และก็จริงอย่างที่พี่แต้วว่า...ไอ้กวิ้นเพื่อนโง่ดูแปลกไป ใบหน้ามันอมทุกข์ พูดน้อยคำ ชวนไปเที่ยวก็บอกขี้เกียจ ชวนไปค้างที่บ้านมันก็ไม่ยอมไป จนไอ้เสือหัวเกรียนต้องเก็บเสื้อผ้าดั้นด้นมาค้างกับนกโง่ถึงที่
"ถามก็ไม่ตอบกูอีกไอ้ห่า มึงอยากโดนลูกถีบพี่เหมอใช่ไหมวะ!"
“กูกำลังใช้สมาธิ” ไอ้กวิ้นบอกเสียงเรียบ พิจารณาชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ในมือ จิ๊กซอว์รูปท้องฟ้ามีส่วนยากเพราะลวดลายที่แตกต่างกันนั้นไม่มีความเด่นชัด ต้องใช้สายตาแยกแยะลำดับเฉดสี และมันเป็นความท้าทายที่ไอ้กวิ้นนึกชอบ เพราะในเวลาที่มันกำลังนั่งต่อชิ้นส่วนทุกชิ้นเข้าด้วยกัน... ก็เหมือนนกอย่างมันกำลังได้โบยบินอยู่บนท้องฟ้ากว้างไกลอย่างที่ได้นึกฝันไว้
แต่ไอ้เหมอไม่เข้าใจในอารมณ์อินดี้ของเพื่อนรัก มันหมั่นไส้จึงยกเท้าเตะจิ๊กซอว์ที่ไอ้กวิ้นมันตั้งอกตั้งใจต่อจนกระจาย แต่ไอ้นกบื้อมันก็ไม่โกรธ กลับแค่ส่ายหน้าระอาแล้วเริ่มต่อใหม่
“ไอ้กวิ้น! มึงแม่งโคตรกวนตีนกู” ไอ้เหมอชักสีหน้า แต่ก่อนไอ้เสือมันจะระเบิด ไอ้นกบื้อมันก็ยอมให้ความสนใจเสือเหมอเพื่อนซี้
“เออๆ กูขอโทษ แล้วมึงถามว่าไงนะ”
“กูถามว่าผลแอดมันประกาศวันไหน”
ไอ้กวิ้นยื่นคะแนนไปแล้ว มันเลือกคณะและมหาลัยที่มันอยากเรียนไว้อันดับหนึ่ง ส่วนอีกสามอันดับมันปล่อยว่าง เพราะคิดว่าถ้าพลาดก็จะต้องแอดอีกปี “คืนนี้”
“คืนนี้? แล้วมึงก็มานั่งจำศีลต่อจิ๊กซอว์อยู่นี่นะ เชี่ย มึงควรตื่นเต้น เพราะถ้ามึงหลุดแอด มึงจะไม่มีที่เรียนนะเว้ยไอ้นกโง่” ไอ้เหมออดที่จะตื่นเต้นแทนไม่ได้ แต่ไอ้กวิ้นมันกลับทำหน้าเฉยชา
“ตื่นเต้นไปก็เท่านั้นนี่หว่า ได้คือได้ ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ยังไงผลมันก็ไม่เปลี่ยน ไม่ได้เหมือนลุ้นหวยรัฐบาลเสียหน่อย เตรียมตัวมากกว่าก็มีสิทธิ์ได้มากกว่าอยู่แล้ว สัจธรรม”
ไอ้เหมอมองเพื่อนซี้ของมันอย่างไม่เชื่อสายตา “เฮ้ยยย ไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือน ทำไมคำพูดคำจาดูฉลาดขึ้น”
“กูฉลาดของกูมานานแล้วไอ้เหมอ แค่แกล้งโง่ให้พวกอวดฉลาดมันตายใจเฉยๆ”
“เหี้ยนี่พูดกระทบกูเหรอวะ เดี๊ยะๆ”
"มึงไปส่องผู้ชายของมึงต่อดิ อย่ามากวนกู" ไอ้กวิ้นใช้เท้าเขี่ยไอ้เหมอให้มันกลับไปสนใจแม็คบุ๊คที่มันหอบหิ้วมาจากบ้านด้วย ไอ้เกรียนมันจึงชักสีหน้าใส่ก่อนจะหันกลับไปทำหน้าเคลิ้มใส่หน้าจอแต่โดยดี
ไอ้กวิ้นกับไอ้เหมออยู่ด้วยกันเงียบๆ ต่างคนต่างทำสิ่งที่ตัวเองชอบจวบจนเที่ยงคืน ไอ้เหมอมันก็ละความสนใจจากผู้ชายแล้วหันมาดึงคอไอ้กวิ้นเพื่อให้เพื่อนโง่ของมันเลิกสนใจจิ๊กซอว์แล้วมานั่งลุ้นผลแอดด้วยกัน
"อ้าว ไอ้สัด แม่งประกาศเลื่อน" ไอ้เหมอหน้าหงิก "มันบอกพรุ่งนี้เที่ยงว่ะ"
"อืม ช่างแม่งเหอะ ต่อให้ประกาศคืนนี้เว็บแม่งก็ล่มอยู่ดีแหละวะ เด็กทั่วประเทศก็คงรอเข้าดู"
"มึงนี่เป็นโรคความรู้สึกตายด้านแน่ๆ ไปๆ นอนๆ"
ไอ้เหมอตัดบท เดินไปปิดไฟกลางห้อง ในขณะที่ไอ้กวิ้น พุ่งตัวลงนอนบนเตียง ก่อนนอนมันไม่ลืมที่จะเช็คมือถือของตัวเองที่เกือบสองเดือนมานี้ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ไม่มีข้อความแชทจากพี่สมัย ไม่มีมิสคอลจากคนที่มันกำลังรอให้โทรมา โทรศัพท์มือถือเครื่องละหลายหมื่นของมันทำหน้าที่ไม่ต่างจากนาฬิกาปลุกเลยสักนิด หรือบางที...ก็ทำแค่เป็นไฟฉายให้ความสว่าง
จะดื้อด้านแค่ไหน...แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมรับความจริง ยื้อต่อแค่ไหน...ก็ยิ่งเหนื่อยแค่นั้น ในเมื่ออีกฝ่าย...ทำราวกับมันเป็นคนแปลกหน้า... ทำราวกับว่าไม่เคยจูบ ไม่เคยกอด ไม่เคยตามเอาใจนกบื้อตัวนี้เลย
กวิ้นกวิ้น: พี่หมัย พรุ่งนี้เย็นมาที่บ้านหน่อยนะครับ
ไอ้กวิ้นไม่คาดหวังว่าจะมีการตอบกลับ แต่ครั้งนี้พี่สมัยตอบกลับมันมาอย่างรวดเร็ว
P'mai: กูไม่ว่าง
กวิ้นกวิ้น: ผลแอดประกาศพรุ่งนี้ จำได้ไหมว่าถ้ากวิ้นสอบเข้าวิศวะได้ พี่หมัยบอกจะฟังทุกอย่างที่กวิ้นพูด เพราะฉะนั้น มานะครับ ใช้เวลาไม่นานหรอก
P'mai: กี่โมง?
กวิ้นกวิ้น: ห้าโมงเย็นก็ได้ครับ จะได้ไม่รบกวนเวลาถ้าหากว่าพี่หมัยจะไปกินข้าวเย็นกับแฟน
P'mai: อืม ไว้เจอกัน
ไอ้กวิ้นค่อนข้างมั่นใจกับผลสอบเข้าของมัน และก็ไม่ผิดหวัง เมื่อเข้าเว็บประกาศผล พ่อแม่ พี่แต้วและไอ้เหมอก็เฮกันลั่นบ้าน คงมีแต่ไอ้นกบื้อที่ทำแค่คลี่ยิ้มเท่านั้น... มันคงดีใจมากกว่านี้ถ้าคนที่อยู่ร่วมยินดี...มีพี่สมัยเป็นหนึ่งในนั้น
พ่อกับแม่บอกไอ้กวิ้นว่าจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้ เย็นนี้ให้เชิญพี่สมัยมาด้วย มันก็ได้แค่รับปาก แต่ไม่อาจบอกได้ว่าพี่สมัยจะมาร่วมงาน เพราะในเย็นของวันนี้...อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่มันได้เจอกับพี่ชายของไอ้เหมอ
บ่ายสี่โมงห้าสิบนาที ไอ้กวิ้นแต่งตัวเรียบร้อย ปล่อยไอ้เหมอให้นอนเล่นเกมอยู่บนห้อง ส่วนมันลงมาที่ชั้นล่าง ถือกล่องดนตรีลูกแก้วหิมะที่มีนกเพนกวิ้นอยู่ในนั้นแค่ตัวเดียว... ไอ้กวิ้นจะใช้มันเป็นของขวัญขอบคุณพี่สมัยสำหรับความดูแลเอาใจใส่ที่ผ่านมา และจะถือเป็นของขวัญจากลาของมัน
ไอ้กวิ้นออกมาที่หน้าบ้านก็เห็นว่ารถของพี่สมัยมาจอดรออยู่ก่อนแล้ว ในรถไม่ได้มีแค่พี่สมัยแต่มีผู้หญิงสวยหวานอีกคนนั่งอยู่ด้วย ไอ้กวิ้นก้มหน้า สูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกแล้วยืนรอให้อีกฝ่ายลงจากรถมาหามัน
"หวัดดีครับ" ไอ้กวิ้นเป็นฝ่ายยกมือไหว้ขึ้นก่อน พี่สมัยพยักหน้ารับไว้ แล้วเดินมาหยุดยืนตรงหน้า
"นี่ครับพี่หมัย" ไอ้กวิ้นยื่นกล่องของขวัญไปให้ "ขอบคุณที่ดูแลกวิ้นเป็นอย่างดี"
พี่สมัยไม่ได้ยื่นมือมารับ กลับยืนนิ่งมองของในมือไอ้กวิ้นอยู่อย่างนั้น "แฟนพี่หมัยไม่เข้าใจผิดหรอกครับ บอกเธอไปก็ได้ว่าเป็นของที่ลูกศิษย์ให้ตอบแทนที่สอบเข้ามหาลัยได้แค่นั้น นะครับพี่หมัย รับไปเถอะ"
ไอ้กวิ้นเสือกกล่องเข้าใส่มือของพี่สมัย แล้วก็ยิ้มให้เล็กน้อย "แล้วก็เรื่องที่กวิ้นอยากจะบอกพี่ กวิ้นคิดว่าพี่คงรู้นานแล้ว"
"พอเถอะ อย่าพูดมันออกมา"
ใบหน้าเครียดขรึมของพี่สมัยทำให้หัวใจของไอ้กวิ้นเจ็บหนัก แม้แต่คำว่ารัก...เขาก็ยังไม่อยากฟัง แล้วอย่างนี้...จะให้มันหลอกตัวเอง...ว่าคงได้ฝันดีต่อได้อย่างไร
"กวิ้นรักพี่"
"กูบอกว่าอย่าพูด"
"กวิ้นรักพี่ รักพี่หมัย รักมานานแล้ว ต่อให้พี่ห้ามไม่ให้พูดยังไง พี่ก็ห้ามหัวใจของกวิ้นไม่ได้"
ไอ้กวิ้นมันได้พูดออกไปแล้ว แม้น้ำเสียงจะสั่นไหว แต่มันก็ได้พูดความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจมานานหลายปีออกไปจนหมด
"ตอนนี้กูยังไม่อยากจะมีใคร...แต่ถึงอย่างนั้น กูก็ไม่ได้คิดอะไรกับมึงเกินกว่าน้องชายเลยกวิ้น"
แต่น้องชายที่ถูกพี่กอด ถูกพี่จูบ ถูกพี่ตามใจ...มันกลับคิดกับพี่เกินกว่าพี่ชายไปแล้ว
"พี่หมัย...ไม่รักกวิ้นสักนิดเลยเหรอ" คำถามของมันแผ่วเบา
"อืม" และเสียงที่ตอบกลับมาของพี่สมัยก็แผ่วเบาเช่นกัน แต่มันกลับดังก้องไปทั้งใจของนกบื้อตัวนี้
"แล้วพี่หมัยจูบกวิ้นทำไม... ทำดีด้วยทำไม ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับกวิ้นเลย"
ไอ้กวิ้นพยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล แม้หัวใจมันกำลังปวดร้าว แต่จะให้น้ำตามาบังสายตาที่กำลังมองพี่สมัยของมันไม่ได้เป็นอันขาด... เพราะนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่มันจะได้มองพี่สมัยใกล้ๆ อย่างนี้
"มึงเป็นเพื่อนน้องเหมอ...เป็นน้องชายที่กูเอ็นดู กูไม่ได้รักมึงเกินกว่านั้น ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด"
คงไม่มีคำถามอะไรจะถามอีกแล้ว คงไม่ต้องหาเหตุผลอะไรมาแย้ง... ไม่รักก็คือไม่รัก จุดสำคัญมันคงมีเท่านั้น
"ช่างเถอะพี่ ไม่เป็นไร"
"กวิ้น..."
"พี่หมัยไม่ต้องพูดแล้วล่ะ กวิ้นเข้าใจแล้ว" ไอ้กวิ้นขยับยิ้ม "ถึงจะเป็นเวลาไม่นาน แต่กวิ้นก็มีความสุขมากนะ ขอบคุณที่เคยให้ฝันดีไปกับพี่ ตอนนี้พี่คงมีคนที่อยากจะฝันด้วยต่อแล้ว เพราะงั้น...พี่หมัย มีความสุขมากๆ นะ"
"มึง...อย่าร้องไห้ได้ไหม"
แม้จะห้ามยังไง น้ำตาก็ไหลไม่หยุด ไอ้กวิ้นอยากยิ้มอวยพรให้ อยากให้ครั้งสุดท้ายก่อนมันจะตัดใจได้เป็นครั้งสุดท้ายที่มันเข้มแข็งและมีแต่รอยยิ้ม แต่รู้แล้วว่าตอนนี้...คงทำอย่างนั้นไม่ได้ ไม่ว่าจะทำใจมานานเท่าไหร่ แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็ยืนอยู่แทบไม่ไหว
"โชคดีนะพี่ กวิ้นเข้าบ้านก่อนนะ"
ตัวของไอ้กวิ้นถูกดึงรั้งเข้าไปในอ้อมกอดของพี่สมัย มันถูกกอดไว้แน่น "กูขอโทษ ขอโทษที่เราเป็นมากกว่านี้ไม่ได้ ขอโทษจริงๆ"
"..."
"อย่าเอาแต่ร้องไห้... เพราะต่อจากนี้กูปลอบใจมึงไม่ได้แล้ว"
...................................................................TBC................................................................
มีเพียงความยินดี ที่เธอได้เริ่มต้นใหม่ อยากขอบคุณเธอจริงๆ ที่เคยรักกัน ถึงแม้ไม่นานเท่าไหร่ มันก็สวยงาม