เปิดเทอมสำหรับเด็กมอหกของโรงเรียนไอ้กวิ้นนั้น เพื่อนร่วมห้องส่วนใหญ่เริ่มหายหน้าหายตาไปกันแล้ว ทางโรงเรียนก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะหลายคนที่หายไปก็มักจะลงเรียนพิเศษกันอย่างหนัก คงมีแต่ไอ้กวิ้นที่ไม่พึ่งพิงสถาบันกวดวิชาที่ไหนนอกจากติวเตอร์สมัยของมันเท่านั้น พี่สมัยยังคงเป็นติวเตอร์ให้กับไอ้กวิ้น เคี่ยวเข็ญให้ไอ้นกบื้อมันอ่านหนังสือ เก็บริบหนังสือการ์ตูนเข้าห้องเก็บของ ล็อคกุญแจและขอเก็บกุญแจไว้เองโดยที่พ่อกับแม่ไอ้กวิ้นหรือพี่แต้วก็ไม่มีขัด ไอ้กวิ้นมันโวยวายบ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องเชื่อฟังเมื่อได้รางวัลเป็นขนมหวานป้อนให้ถึงปาก ซึ่งเป็นขนมหวานที่ไอ้กวิ้นเสพติด มันมักจะได้กินหลังจากที่ทำแบบฝึกหัดได้ถูกต้องทุกข้อ ขนมหวานที่มีชื่อว่า ‘พี่หมัย’
‘พี่หมัย’ หวานล้ำยิ่งกว่าสายไหม ไอ้กวิ้นชอบกิน ถูกป้อนให้กินทุกเย็น ระหว่างติวหรือก่อนที่คนขายจะต้องกลับบ้าน หรือในวันเสาร์อาทิตย์ที่จะมาค้างด้วย แม้พ่อแม่ของไอ้กวิ้นจะกลับมาจากต่างประเทศแล้ว แต่ไอ้นกบื้อมันก็งอแง มันชินที่ช่วงปิดเทอมเรื่อยมาจนเปิดเทอมได้สองสัปดาห์ มันก็มีพี่สมัยนอนเคียงข้างตลอด แม้ในช่วงที่ไอ้เหมอมันกลับบ้าน พี่สมัยจะไม่ยอมตามใจมาหามันเลยก็ตาม ไอ้กวิ้นมันก็พาตัวเองไปนอนค้างบ้านไอ้เหมอจนได้ มันแค่อยากอยู่ใกล้ๆ ก็เท่านั้น และพี่สมัยก็ตามใจมันด้วย มันจึงยิ่งได้ใจไปกันใหญ่
“น้องกวิ้น มาคุยกับแม่หน่อยนะคะลูก” คุณแม่ผู้อ่อนหวานของไอ้กวิ้นเคาะประตูเรียกในเย็นวันจันทร์ วันนี้พี่สมัยติดงาน มาหามันช้า มันก็เอาแต่นั่งรอ ไม่ยอมทำการบ้าน เสื้อผ้าก็ไม่ยอมเปลี่ยน ยังอยู่ในชุดนักเรียนเต็มยศ ไม่ยอมอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนตามตารางที่พี่สมัยจัดให้เลย
“ครับแม่” ไอ้กวิ้นเปิดประตูห้องแล้วเดินตามคุณแม่ไปที่ห้องนั่งเล่น มันนั่งลงบนโซฟา ท่าทางใจลอยจนคุณแม่ของมันอดห่วงไม่ได้
“น้องกวิ้น แม่ว่าจะหาติวเตอร์คนอื่นมาสอนให้ น้องกวิ้นว่าอย่างไรคะลูก”
“ไม่เอา!” ไอ้กวิ้นตอบเสียงห้วนทันที “ทำไมอ่ะแม่ พี่หมัยจะไม่สอนกวิ้นแล้วเหรอ”
“เปล่าค่ะลูก แม่เกรงใจพี่หมัย เรารบกวนเขามากไปนะคะ แม่เพิ่มเงินให้พี่หมัยเขาก็ไม่เอา”
ไอ้กวิ้นขมวดคิ้ว หน้ายุ่ง แต่มันก็เห็นด้วยกับคุณแม่อย่างเถียงไม่ได้ว่ามันรบกวนพี่สมัยมากไปจริงๆ จนบางครั้งก็ดูน่ารำคาญ แม้แต่ตัวมันเองก็ยังรู้สึกได้ แต่เพราะพี่สมัยตามใจ ไอ้กวิ้นถึงได้กล้าที่จะเรียกร้อง
“แต่กวิ้นไม่อยากเรียนกับคนอื่น” ไอ้กวิ้นบอกเสียงอ่อย คุณแม่ที่น่ารักของมันเห็นก็รีบพูดเอาใจ
“ก็ได้ค่ะ แต่ลูกต้องไม่ดื้อนะคะ ไม่รบกวนพี่เขาจนเกินไป บางทีพี่หมัยก็อาจจะเหนื่อยกับงาน น้องกวิ้นต้องเห็นใจพี่เขาด้วยที่ต้องมาดูแลเราจนดึกดื่น บางทีก็งอแงให้พี่เขามาค้าง แม่กลัวว่าพี่หมัยเขาจะเหนื่อยกับเรามากจนเกินไป”
ไอ้กวิ้นรับฟัง มันพยักหน้าเห็นด้วยกับที่คุณแม่พูดทุกอย่าง “เข้าใจแล้วครับแม่”
“เป็นเด็กดีจังเลยค่ะ” คุณแม่หอมแก้มลูกชายสุดที่รักด้วยความรักใคร่ “แม่ดีใจที่น้องกวิ้นมีพี่ชายที่ดี หนูเป็นลูกคนเดียวก็คงเหงาใช่ไหมคะลูก แม่ขอโทษนะคะที่มีพี่น้องให้ไม่ได้”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ กวิ้นไม่เหงาหรอก” ไอ้กวิ้นกอดเอวคุณแม่ มันเป็นเด็กขี้อ้อน รู้ว่าพ่อกับแม่รักมันมาก เพราะร่างกายแม่ไม่แข็งแรง มีลูกยาก กว่าจะมีมันก็ต้องไปบนบานขอกับพระวัดดังๆ หลายที่ พอร่างกายแม่แข็งแรงก็ทำกิฟท์ หมดเงินไปเยอะ ไอ้กวิ้นจึงเป็นดังแก้วตาดวงใจ
“แล้วพ่อกับแม่จะเดินสายทำบุญอีกเมื่อไหร่เหรอ”
“ไปอีกทีตอนสิ้นปีค่ะ ตอนนี้คุณพ่อไม่ค่อยว่าง ต้องไปต่างประเทศบ่อยๆ หนูไม่เหงาใช่ไหมจ้ะลูก”
“ไม่ครับ กวิ้นอยู่ได้”
ไอ้กวิ้นยิ้มแย้ม แต่ลึกๆ ในใจมันก็มีบ้างที่จะรู้สึกเหงา เมื่อก่อน แค่มีคุโด้ ชินอิจิ มันก็อยู่ได้แล้ว แต่ตอนนี้...มันมีพี่สมัย ที่เป็นเหมือนคุโด้ ชินอิจิในโลกจริงของมัน ...ความเหงาจึงทุเลาลงได้บ้าง
“พี่หมัยคงมาแล้วนะคะลูก แม่ได้ยินเสียงรถ เดี๋ยวแม่เข้าครัวไปบอกพี่แต้วเตรียมของว่างให้นะคะ”
“ขอบคุณครับแม่”
ไอ้กวิ้นลุกขึ้นยืน ออกจากห้องนั่งเล่นไปที่หน้าประตูบ้าน มันได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถเพียงครู่ก่อนจะดับสนิทไป
“หวัดดีครับพี่หมัย” ไอ้กวิ้นยกมือไหว้ ในขณะที่สมัยพยักหน้า เลิกคิ้วมองไอ้นกบื้อที่ท่าทางหงอยๆ ปกติมันจะต้องตีปีกเข้ามาหา แต่วันนี้มันยืนเฉย ยกมือไหว้เสร็จก็ยิ้มหงอยๆ ให้
“เป็นไรไป” สมัยถามพลางโยกหัวไอ้กวิ้นเล่น “โดนดุมาหรือไง”
“เปล่า” ไอ้กวิ้นส่ายหน้า เดินนำอีกฝ่ายเข้าบ้าน
“คุณแม่อยู่ไหนล่ะ”
“ในครัว”
“งั้นขึ้นไปข้างบนก่อน กูไปไหว้คุณแม่แป๊บ”
“อืม”
ไอ้กวิ้นขึ้นมาชั้นบน มารีบเอาหนังสืออ่านเสริมกับสมุดสำหรับทำแบบฝึกหัดมาวางรอบนโต๊ะญี่ปุ่นที่ใช้ติวหนังสือเป็นประจำ พอสมัยขึ้นมาบนห้องพร้อมกับของว่างที่พี่แต้วฝากมาด้วยก็มองอย่างแปลกใจ ปกติไอ้กวิ้นจะต้องดีดดิ้นไม่อยากเรียน เอาแต่จ้องไอแม็คที่กำลังเล่นวิดีโอทางยูทูบ จะให้มันมานั่งทำแบบฝึกหัดได้ก็ต้องด่ากันไปหลายรอบ
“เอ... มึงมาแปลกจริงๆ นะวันนี้” สมัยขมวดคิ้วมองไอ้กวิ้นอย่างจริงจัง “ไหน เป็นไร พูดมาดิ๊”
“ไม่ได้เป็นไร” ไอ้กวิ้นปฏิเสธ “พร้อมแล้ว พี่หมัยเริ่มเลย สอนเสร็จเร็วก็ได้กลับเร็วไง ไม่ดีเหรอ”
“จะถามอีกครั้ง เป็นไร”
ไอ้กวิ้นวางคางบนหนังสือแล้วบอกเสียงแผ่ว “กวิ้นไม่อยากทำให้พี่หมัยเหนื่อย”
“ยังไม่เคยบอกสักคำว่าเหนื่อย”
“กวิ้นรู้สึกว่ารบกวนพี่หมัยมากเกินไป”
“สมองมึงนี่ทำไมไม่เก่งเรื่องเรียนเท่าเรื่องคิดไปเองวะ นั่งดีๆ” สมัยส่ายหน้าระอา เดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ แล้วดึงให้ไอ้กวิ้นนั่งตัวตรง ไอ้นกบื้อมันก็รีบเอนตัวเข้าหา ซุกหน้ากับอกกว้างของพี่ชายเพื่อนทันที
“พี่หมัยทำงานมาเหนื่อยไหม”
สมัยอมยิ้มกับคำถามของไอ้เด็กช่างอ้อน พลางยกมือขึ้นลูบศีรษะมันอย่างอ่อนโยน “ก็...ไม่เท่าไหร่”
“กวิ้นไม่อยากให้พี่หมัยเหนื่อย กวิ้นเป็นห่วง”
“แค่มึงไม่ดื้อ ก็พอแล้ว”
“ถ้าไม่ดื้อก็ไม่ใช่กวิ้นอ่ะ”
“นี่มึงกำลังสำนึกอยู่ไม่ใช่เหรอ” สมัยว่าเสียงกลั้วหัวเราะ
“ก็ใช่ แต่อยากดื้อกับพี่หมัยนี่”
“ชอบให้ดุหรือไง”
“อื้อ” ไอ้กวิ้นพยักหน้าซื่อจนสมัยนึกคำมาต่อว่าไม่ได้ “พี่หมัย กวิ้นนวดให้นะ รู้ว่านั่งเก๊กคงเมื่อยมาทั้งวัน”
“มึงนี่มันน่าตีจริงๆ”
“ตีกวิ้นลงเหรอ” ไอ้กวิ้นเอียงคอถาม มันขโมยหอมแก้มพี่สมัยของมันแล้ว นวดแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามให้ “พี่หมัยดีปะ”
“อืม ลงน้ำหนักอีกหน่อย”
“ได้เลย” ไอ้กวิ้นทำตัวน่ารักก็เป็น มันนวดแขนให้เสร็จก็นวดไหล่ เรื่อยขึ้นไปจนถึงขมับ “พี่หมัย ทำไมชุดทหารต้องรัดแบบนี้อ่ะ หายใจออกปะ”
“ก็ปกติ รัดตรงไหน”
“งั้นแสดงว่าพี่หมัยอ้วน กระดุมแทบปริ”
“กล้ามกูเยอะไหมล่ะ”
“ไขมันเหอะ”
“เถียงๆ เดี๊ยะๆ”
“ง่ำ” ไอ้กวิ้นกัดที่กล้ามเข้าให้ ปกติมันก็ชอบงับเล่นอยู่แล้ว พี่สมัยก็ไม่เคยว่าอะไร เวลาโดนมันงับก็แค่ดีดหน้าผากมันกลับ
“มาๆ มานั่งดีๆ ไม่ต้องนวดละ จริงจังได้ไม่นานมึงก็เล่นตลอด จะทำอะไรรอดบ้างเนี่ยชีวิต”
“ถึงจะอย่างนั้น เรื่องของพี่หมัย กวิ้นจริงจังตลอดนะ” ไอ้กวิ้นบอกอย่างจริงใจ ทำเอาพี่สมัยของมันเงียบไปหลายนาที “กวิ้นพูดเล่นอ่ะ”
“อืม เริ่มทำแบบฝึกหัดได้แล้วมึง เสียเวลาไปเยอะละ”
“จ้า” ไอ้กวิ้นขานรับเสียงใส เก็บซ่อนความรู้สึกวูบหน่วงไว้ในใจ
แค่บอกว่าจริงจัง...ทำไมต้องทำหน้าลำบากใจด้วย หรือครั้งนี้...กวิ้นจะคิดไปเองคนเดียวอีกแล้ว**********************************
ความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ต้นเดือนหน้าไอ้กวิ้นก็ต้องลงสนามแรกในการสอบวัดคะแนนเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว โควต้ารับตรงมักจะมาในช่วงเทอมแรกของชั้นมอหก ไอ้นกบื้อมันจึงหัวฟู อ่านหนังสืออย่างหนัก ได้อยู่กับพี่สมัยทั้งที ก็ทำได้แค่คุยกันเรื่องโจทย์ที่กำลังฝึกทำเท่านั้น พี่สมัยจริงจังและตั้งอกตั้งใจติวให้ ไอ้กวิ้นมันจึงทำเล่นๆ ไม่ได้
แต่ทั้งอย่างนั้น ทั้งที่ตั้งใจ ทั้งที่พี่สมัยติวให้อย่างหนัก ไอ้กวิ้นก็ยังพลาดโควต้ารับตรง 20 คนของมหาวิทยาลัยที่มันอยากเข้า
"พี่หมัย กวิ้นขอโทษ" ไอ้กวิ้นน้ำตาคลอ วันประกาศผลมันกับพี่สมัยนั่งลุ้นอยู่ด้วยกัน แต่หาอย่างไรก็ไม่เจอชื่อของมัน
"ไม่เป็นไร มึงทำเต็มที่แล้ว" สมัยกอดปลอบไอ้นกบื้อที่น้ำตาเริ่มไหล ตอนไปสอบก็ไปส่ง นั่งรอนกบื้ออยู่หลายชั่วโมง เห็นแล้วว่าตอนนั้นมันทำสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี คงจะทำไม่ได้ "ครั้งแรก มาลองข้อสอบ ลองสนามก่อน ไม่ต้องคิดมาก"
"ไม่คิดมากได้ไง พี่หมัยสอนให้ขนาดนี้ กวิ้นโง่เอง เป็นนกโง่จริงๆ ด้วย" มันพูดเสียงเครืออย่างน่าสงสาร สมัยจึงเช็ดน้ำตาออกจากแก้มให้อย่างอ่อนโยน
"กวิ้น มึงฟังกูนะ ในโลกนี้ ยังมีคนเก่งๆ อีกเยอะแยะ มึงทำไม่ได้ไม่ใช่ว่ามึงโง่ แต่เพราะยังมีคนที่เขาเก่งกว่ามึง เขาอาจจะพร้อมกว่า เตรียมตัวมามากกว่า เพราะฉะนั้น สิ่งที่มึงทำได้ตอนนี้ก็คือต้องพร้อมให้มากกว่าเขา ไม่ร้องๆ กูปลอบคนไม่เก่ง"
"งั้นพี่หมัยก็จะไม่เรียกกวิ้นว่านกบื้อแล้วใช่ปะ" ตาโตวาววับด้วยน้ำตาจ้องมาอย่างออดอ้อน "พี่หมัยบอกว่ากวิ้นไม่โง่ กวิ้นไม่บื้อแล้ว"
"แต่มึงก็ยังเป็นนกบื้อของกู ปะ พาไปกินไอติมปลอบใจ"
"ไม่มีอารมณ์อยากกินเลยจริงๆ นะพี่หมัย" ไอ้กวิ้นบอกหน้าหงอย "แต่พาไปกินไฮเกนดาสหน่อยนะ"
"อย่างมึงแค่ไอติมตัดที่ขายตามรถก็พอละ"
"ไม่เอาาาาาาา"
"นกบื้อ ขี้แย งอแงก็เก่ง พ่อแม่เลี้ยงอาหารนกผิดสูตรอย่างไม่ต้องสงสัย"
"บ่นแต่ก็จะพากวิ้นไปใช่ม้า" ไอ้กวิ้นเกาะแขนไม่ยอมปล่อย "พี่หมัยน่ารักที่สุดเลยยย"
หลังจากนั้นไอ้กวิ้นก็ได้กินไอศกรีมราคาแพงสมใจ สมัยนั้นไม่โปรดของหวาน จึงทำแค่มองไอ้นกบื้อมันฟาดไอศกรีมเรียบไปหลายก้อน พอมันได้กินสมใจ มันก็อ้อนอยากดูหนัง และสมัยก็ไม่ขัด พามันไปดู ซื้อชุดป๊อบคอร์นที่ได้ของแถมเป็นแก้วกับกระบะใส่ป๊อบคอร์นน่ารักๆ ให้มันไปอีกชุด
"พี่หมัยๆ กวิ้นง่วง" ไอ้นกบื้อมันเหมือนเด็ก พอท้องมันอิ่มมันก็เริ่มง่วงทันที
"กูไม่ได้ซื้อตั๋วหนังให้มึงเข้ามานอนนะกวิ้น"
"แต่แอร์เย็นดีนี่นา กวิ้นชอบ"
"มึงนี่มันตัวล้างผลาญกูจริงๆ เอนมาทางนี้ อย่าไปซบคนอื่นเขา" สมัยกระซิบเสียงดุ จับหัวนกเขตหนาวมาซบที่ไหล่
"พี่หมัย"
"อะไร"
"จับมือหน่อย"
สมัยยื่นมือไปให้ไอ้กวิ้นจับไว้ มันรีบสอดมือเข้าประสานแล้วยิ้มกริ่มพลางหลับตาลง "มือพี่หมัยอุ่นจัง"
"ขี้อ้อน"
"ชอบอ้อนพี่หมัยคนเดียว" ไอ้กวิ้นบอกเบาๆ ก่อนมันจะเข้าสู่ห้วงนิทรา
ในฝันของไอ้กวิ้นเป็นฝันดี ฝันที่บางครั้งยังนึกเสียดายที่มันเป็นแค่ฝัน พี่สมัยของมัน ผู้ชายที่มันแอบรักบอกว่ารักมันมากและอยากจะอยู่ด้วยกันตลอดไป อยากฝันอย่างนี้ไปนานๆ แต่มันก็ถูกปลุก
"กวิ้น ตื่นได้แล้ว" น้ำเสียงของพี่สมัยกระซิบใกล้หู มือใหญ่สะกิดที่แขน ไอ้กวิ้นจึงขยับตัว ใบหน้ายับเพราะถูกปลุกจากฝันดี
"กวิ้นกำลังฝันดี"
"ไปฝันต่อที่บ้าน"
"พี่หมัยขัดใจเค้า"
"นกบื้อ งอแงได้ตลอดจริงๆ มึง"
ไอ้กวิ้นเบะปาก แต่รู้สึกเหมือนริมฝีปากตัวเองจะบวมเล็กน้อย "พี่หมัย"
"อะไร"
"ปากกวิ้นบวมปะ มันเจ็บๆ อ่ะ"
พี่สมัยเลิกคิ้ว ตอบคำถามโดยไม่ยอมสบตาไอ้กวิ้น "ไม่บวม ปากมึงก็หนาปกติอยู่แล้ว"
"จิ๊ ไอ้พี่หมัย นี่เขาไม่เรียกว่าหนา เขาเรียกว่าริมฝีปากอวบอิ่มและเซ็กซี่"
"เซ็กเสื่อมสิไม่ว่า"
"ไอ้พี่หมัยยยย ว่าน้องงงง"
"พอๆ ลุกได้แล้ว"
ไอ้กวิ้นทำหน้าบึ้ง ลุกขึ้นสะบัดหน้าเดินหนี ปล่อยพี่สมัยของมันเก็บของตามหลัง โดยที่ไอ้กวิ้นจะไม่มีวันรู้เลยว่า ระหว่างที่มันหลับ ริมฝีปากของมันถูกบดจูบไปมากแค่ไหน ลำคอของมัน...ก็ถูกฝากรอยไว้ ถ้ามันอาบน้ำเมื่อไหร่ คงได้โวยวายเมื่อนั้น
ไอ้กวิ้นหน้าบึ้งได้ไม่นานก็เริงร่า เพราะพี่สมัยง้อโดยการพาเข้าร้านหนังสือ ให้มันเลือกหนังสือที่อยากได้ ไอ้กวิ้นก็เลยจัดหนักซะเกือบโดนปิ้ง แต่หลังจากโดนบ่นไปครึ่งชั่วโมงมันก็ได้หนังสือการ์ตูนสมใจ
"พี่หมัย คืนนี้กวิ้นดูการ์ตูนนะ พักวันหนึ่ง พรุ่งนี้ค่อยอ่านหนังสือ"
"เออ ตามใจมึงเถอะ" สมัยว่าอย่างอ่อนใจ อยู่กับไอ้กวิ้นทั้งวันทีไรเหมือนอายุเพิ่มมากขึ้นไปอีกสิบปี มันเป็นเด็กไฮเปอร์คนหนึ่งเลยทีเดียว ไม่ค่อยอยู่นิ่ง แต่เวลามันหงอยก็น่าสงสารจับใจ
"พี่หมัยๆ"
"อะไรอีกวะ"
"โทรศัพท์พี่หมัยสั่นอ่ะ ใครโทรมาหว่า" ไอ้กวิ้นกำลังจะยื่นมือไปหยิบจากที่วางในรถ แต่มันถูกปัดมือออก พร้อมกับที่พี่สมัยของมันกดตัดสายทันที
"พี่หมัยทำไมไม่รับสาย"
"เบอร์แปลก กูไม่รับ"
"ปกติพี่หมัยก็ไม่ชอบเมมชื่อใครอยู่แล้ว ขนาดเบอร์กวิ้นพี่หมัยยังไม่เมมไว้เลย เครื่องพี่มีแต่เบอร์ไอ้เหมออ่ะ แล้วอย่างนี้กวิ้นโทรหาพี่หมัยก็จะไม่รับใช่ปะล่ะ"
พี่ชายของไอ้เหมอเป็นบราค่อนตัวจริงเสียงจริง เพราะในมือถือนั้นไม่มีเบอร์ใครนอกจากเบอร์น้องเหมอสุดที่รัก ไอ้กวิ้นมันน้อยใจอยู่บ่อยครั้งที่เวลาโทรหา อีกฝ่ายจะต้องถามอยู่ร่ำไปว่ามันเป็นใคร
"กูจำเบอร์มึงได้"
"จำได้เมื่อไหร่ เมื่อก่อนโทรหาก็ยังถามอยู่เลยว่าใครๆ"
"ก็ตอนนี้จำได้แล้วไง" สมัยผลักหัวไอ้นกบื้อที่ชอบต่อปากต่อคำจนมันหน้าหงาย "กูจำได้ตั้งแต่ต้องคุยกับมึงทุกคืน พอใจยัง"
"พอใจแล้วครับ อิอิ" ไอ้กวิ้นยิ้มกว้าง แต่หลังจากนั้นคิ้วก็ขมวด "แล้วพี่หมัยไม่รับจะดีเหรอ"
"ไว้กูโทรกลับเอง"
"หูยย งั้นก็ต้องรู้ใช่ปะว่าเบอร์ใคร ไม่งั้นไม่โทรกลับหรอก"
"มึงจะพูดอะไรกันแน่"
ไอ้กวิ้นเงียบ "พี่หมัยไม่ได้มีใครใช่ปะ"
เพราะความเงียบ ทำให้ไอ้กวิ้นไม่สบายใจ แต่แล้วมันก็ยิ้มกว้างเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับว่า "ไม่มี มึงไม่ต้องคิดมากหรอก"
"ไม่ได้คิดมากซะหน่อย"
"ดีแล้ว ตอนนี้หน้าที่ของมึงคือตั้งใจเรียนก็พอ ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น"
"รับทราบ!"
"หึหึ นกบื้อเอ้ย"
ไอ้กวิ้นยิ้มดีใจ มันถูกลูบหัวเล่น แต่รอยยิ้มมันก็เจื่อนลงเมื่อเบอร์เดิมยังคงโทรกลับเข้ามาและพี่สมัยก็ตัดสายทิ้ง ก่อนจะปิดเครื่อง
ไม่รู้ว่าเบอร์ใคร...แต่ไอ้กวิ้นกลัวเหลือเกิน...กลัวว่าจะเป็นใครสักคนที่จะมาแย่งพี่สมัยไปจากมัน กลัวว่าคนๆ นั้นจะทำให้ความสำคัญของมันลดน้อยลง..."ครับ ตอนนั้นพี่ขับรถ มายด์มีอะไรไหม อืม เย็นพรุ่งนี้พี่ว่าง บอกไอ้ยิ้มด้วยก็แล้วกันว่าจะเข้าไปหา ครับ ฝันดีนะครับเหม่ง หึหึ รู้แล้ว ตั้งใจอ่านหนังสือล่ะ"
พี่สมัยคงไม่รู้ว่าไอ้กวิ้นมันยังไม่ได้หลับเหมือนที่พี่สมัยคิด ไอ้กวิ้นขดตัว กลับหมัดแน่น สั่นเกร็งไปเพราะหัวใจที่เริ่มเจ็บแปลบ
ถ้าอยากฝันดีต่อไป...ก็ไม่ควรถามใช่ไหม ว่าคนๆ นั้นเป็นใคร..................................................TBC......................................................
เธอไม่รู้หรอก เธอหลอกใครไม่เก่ง บ่อยครั้งที่ฉันรู้ทัน #นกบื้อ #ไม่ได้บื้ออย่างที่คิด