เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป ใจคนก็เปลี่ยนตาม กุมภามองประโยคขึ้นต้นในหนังสืออย่างนิ่งงัน ยามเย็นที่ทุกอย่างสงบสุขแบบนี้ ชายหนุ่มชอบมานั่งอ่านหนังสือนอกบ้าน จิบกาแฟ ฟังเพลง แล้วก็นั่งดื่มด่ำบรรยากาศสบายๆกับหนังสือเล่มโปรด นี่อาจเป็นแค่ช่วงเวลาธรรมดาๆที่ใคร หลายคนไม่นึกใส่ใจ แต่กับธีระที่ทำงานตัวเป็นเกลียวตั้งแต่จันทร์ถึงอาทิตย์ แทบจะกินต้นฉบับนิยายกับหนังสือแทนข้าวแล้ว ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวหลังส่งต้นฉบับเสร็จมันช่างสงบสุขดีแท้
สงบสุขซะจน...
ปี๊นนน!!!
เขาอยากลุกไปกระทืบไอ้เด็กเวรข้างบ้านนั่นจริงๆ! กุมภานับหนึ่งถึงยี่สิบในใจก่อนจะติดสินใจปล่อยเลยตามเลย เขาไม่ชอบไอ้เด็กข้างบ้าน ไอ้เด็กข้างบ้านก็ไม่ชอบเขา การกวนประสาทพวกนี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจ
ปี๊น ปี๊น ปี๊นนน
“โว้ย ไอ้เด็กเวร รับจ้างทดสอบแตรรถเหรอวะ บีบอยู่นั่นแหละ!” และสุดท้ายเขาก็ฟิวส์ขาด...จนได้ เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ที่กุมภาถูกไอ้เด็กข้างบ้านมันก่อกวน เชื่อสิว่าอีกเดี๋ยวมันจะโผล่หน้าตากวนส้นเท้ามาหาเรื่องเขาแน่ๆ
“อะไรของลุงเนี่ย...มือมันเผลอไปโดนเฉยๆเหอะ หาเรื่องกันนี่หว่า” นั่นไง ผิดจากที่คิดไว้ไหมล่ะ หน้าตากวนอวัยวะเบื้องล่างจริงๆด้วย กุมภาเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ กวาดตามองเด็กข้างบ้านที่...หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ในชุดนักศึกษา
“แกสิหาเรื่องไอ้เด็กเวร! ชาวบ้านเขาก็อยู่กันสงบๆ พอแกมาเท่านั้นแหละก็น่ารำคาญเลย”
ดวงตาคมมีเสน่ห์หรี่ลง ก่อนเจ้าเด็กนั่นจะแยกเขี้ยวขู่ฟ่อ
“ลุงว่าผมอีกแล้วนะ!”
“ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่หว่า”
เถียงกันไปได้สักพักกุมภาก็รู้สึกเหนื่อยใจแถมยังคอแห้ง พอดูเวลาจากโทรศัพท์ก็พบว่าใกล้ได้เวลาที่เขาต้องออกจากบ้านแล้ว ชายหนุ่มเลยสบถเบาๆ รีบหันหลังหนีจากเด็กข้างบ้านที่ยังบ่นว่าเขาไม่เลิก
“เฮ้ ผมยังพูดไม่จบเลยนะ ลุงจะไปไหน”
“เรื่องของฉันน่า”
เขาตอบอย่างรำคาญเต็มทน แอบเสียใจเล็กน้อยที่ใบหน้าหล่อๆนั่น...โอเค เจ้าเด็กข้างบ้านเขามันหล่อ ดีกรีเดือนคณะ มีแต่เขานี่แหละที่มองว่ามันไม่หล่อเพราะความหมั่นไส้มันบังตา แต่กระนั้นก็แอบเสียใจที่หลุดปากพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญออกไปไม่ได้ โดยเฉพาะตอนเห็นเด็กนั่นทำหน้าเศร้าๆแม้จะเพียงวูบเดียวก็ตาม
“จะออกไปกินข้าวข้างนอก” สุดท้ายเขาก็ยอมสละเวลาอันมีค่ามาตอบเด็กนี่จนได้ น่ารำคาญเป็นบ้า
“กับแฟนลุงน่ะเหรอ?” อีกฝ่ายเลิกคิ้วด้วยท่าทางกวนประสาททำเอาเขาอยากกระโดดเข้าถีบ “เออ ถ้าใช่แล้วจะทำไม!”
“เปล๊า” มันตอบเสียงสูง ยกมือเสยผมสีน้ำตาลนั่นเหมือนตัวเองเป็นนายแบบโฆษณาก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น “แค่คิดว่าคนแบบลุงมีคนจีบด้วยเหรอ” และนั่นก็ทำให้เส้นความอดทนของกุมภาขาดสะบั้น เขาเผลอตะโกนใส่หน้าไอ้เด็กข้างบ้านนั่นแบบลืมไปว่าตัวเองชอบบอกว่าไม่ให้อีกฝ่ายโวยวายเสียงดัง
“ฉันมัน 30 ยังแจ๋วต่างหากละโว้ย ไอ้เด็กเวร!”
นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่กุมภาโมโหเด็กข้างบ้านมากจนแทบจะกินหัวมันเข้าไป ไอ้เด็กเวร เดี๋ยวพ่อก็จับฟาดหน้าแข้งซะหรอก ด้วยความโมโหสุดขีดชายหนุ่มจึงเหยียบคันเร่งซะมิด มาถึงร้านอาหารที่นัดพบกับแฟน...น่าจะใช่นะ ภายในเวลาแค่สิบนาที อันที่จริงนี่ก็ได้เวลานัดแล้วแต่ชายหนุ่มรู้ดีหรอกว่าคนๆนั้นยังไม่มา อีกฝ่ายชอบมาสายประจำแล้วก็จะปล่อยให้เขารอ...
ครั้งนี้ก็เช่นกัน และเพราะเหตุนั้นกุมภาเลยมีเวลาว่างมานั่งคิดถึงเจ้าเด็กข้างบ้าน ถึงจะแง่งๆใส่กันมากขนาดไหนแต่แน่นอนว่าทั้งคู่เคยมีช่วงเวลาดีๆด้วยกันมาก่อน
‘หมาเมษ’ กุมภาเคยเรียกอีกฝ่ายว่าแบบนั้นเพราะเจ้าเด็กนั่นชอบทำตัวเหมือนลูกหมา เรียกเขาพี่กุมภ์ไม่หยุด พันแข้งพันขา ไปไหนก็ขอตามไปด้วยตลอด
ความคิดนั้นเรียกรอยยิ้มให้ประดับบนใบหน้าหล่อเหลาและอ่อนกว่าวัยได้
กุมภาเคยช่วยคุณน้าข้างบ้านเลี้ยงดูเมษ เขากับเมษอายุห่างกันสิบปีพอดิบพอดี แต่ด้วยความที่หน้าเด็กและชอบอะไรคล้ายๆกันเมษเลยนับภุมภาเป็น ‘พี่ชาย’ หมายถึงเคยนับนะ ตอนนั้นพวกเขาเข้ากันได้ดีมากๆ กุมภาอยู่ไหนเมษต้องอยู่นั่น เขาเองก็เอ็นดูน้องชายข้างบ้านคนนั้นไม่น้อย
แล้วอะไรทำให้มันเปลี่ยนไปนะ...
กุมภานึกแต่ก็ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง
อาจจะเป็นเพราะระยะเวลาและสังคมก็ได้
กุมภามีเพื่อน...แน่ละ ว่าย่อมต้องพาไปนั่งดื่มกันในสถานที่ที่พาเด็กแบบเมษไปด้วยไม่ได้ หรือจะเพราะตอนนั้นเขามีแฟนกันนะ กุมภาเคยมีแฟนสาว แฟนคนแรกเลยล่ะ ทั้งรักทั้งหลงจนอาจจะละเลยน้องชายข้างบ้านไป จนสุดท้ายาพวกเขาก็ห่างกันไป เมษเริ่มไม่เรียกเขาว่าพี่ เริ่มคิดอะไรที่มันเกินอายุ หัดดื่มเหล้าทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา พวกเขาทะเลาะกันแล้วก็ห่างกันไป
แล้วความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ต่อไม่ติดอีกเลย
ที่ว่ากาลเวลาเปลี่ยนคน คงจะเป็นเรื่องจริง
“กุมภ์” น้ำเสียงทุ้มดึงกุมภาให้หลุดจากภวังค์ เขาเงยหน้าขึ้นยิ้มให้กับแฟนหนุ่มของตน...ใช่ แฟนหนุ่ม ถึงจะมีช่วงที่คบกับผู้หญิง แต่หลังจากนั้นกุมภาก็ต้องยอมรับว่าตัวเองเริ่มชอบผู้ชายขึ้นมา...ทีละนิดๆ และคนที่ทำให้เขาหวั่นไหวได้มากที่สุดคงเป็นคนๆนั้น คนที่มีรอยยิ้มเหมือนดวงตะวัน สดใสและเจิดจ้า...
“รอนานไหม” อีกฝ่ายถามเขาซึ่งกุมภาก็ทำได้แค่ยิ้ม “ไม่นานหรอกครับ” แค่ยี่สิบนาทีเท่านั้นเอง พี่ควรจะมีสมองคิดนะครับว่าปล่อยให้คู่เดตรอยี่สิบนาทีนี่เสียมารยาทขนาดไหน
“กุมภ์สั่งอาหารหรือยังครับ” อีกฝ่ายยิ้มบางๆ แต่กับกุมภาที่มีสัญชาตญาณในการเดาแม่นประหนึ่งเป็นญาติกับโคนัน เขาว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ!
“พี่ต้นมีอะไรจะพูดกับกุมภ์หรือเปล่าครับ” กุมภาเอ่ยเสียงเรียบ เขาเป็นพวกไม่ชอบอ้อมค้อม ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้นะถึงเรื่อง ‘คู่นอน’ คนใหม่ของคนรักตัวเอง ที่มาสายนี่คงจะเพิ่งไปส่งเด็กมันมาล่ะสิ เมื่อเห็นสายตาจริงจังจากเขา อีกฝ่ายก็ยิ้มเจื่อน
นั่นไง ผิดจากที่คิดซะที่ไหน
“คือ พี่มีเรื่องจะบอกกุมภ์...คือ...พี่คิดว่าช่วงนี้...เราดูไปกันไม่ได้ พี่คิดว่าเราไม่เหมือนเดิม”
“เราไม่เหมือนเดิมหรือพี่ไม่เหมือนเดิมกันแน่ครับ”
ดวงตาของคู่สนทนาเบิกกว้างอย่างตระหนกเมื่อกุมภาสวนหมัดฮุคเข้าให้จังๆ
“พี่จะพูดอะไรก็รีบๆพูดเถอะครับ” กุมภาถอนหายใจ เขารู้สิ่งที่กำลังเกิดในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้ว “พี่กำลังทำผมเสียเวลา”
“คือ...พี่ว่า...เราไปกันไม่ได้แล้ว พี่อึดอัด...ไม่ได้หมายความว่ากุมภ์ไม่ดีนะ แต่พี่..พี่แค่รู้สึกว่ายิ่งรู้จักกุมภ์มากเท่าไหร่มันก็ไม่ใช่...ดังนั้น”
“สรุปว่าเราจะเลิกกันสินะครับ”
“อ่ะ...เอ่อ...ก็...ประมาณนั้น”
“โอเคครับ...งั้นเราก็เลิกกัน”
อดีตคนรักของเขาดูงุนงงไม่น้อยที่กุมภายอมเลิกราแต่โดยดี ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วคลี่ยิ้มออกมา “แต่เรายังเป็นพี่น้องกัน...”
ซ่า
น้ำในแก้วใสถูกมือเรียวคว้าแล้วสาดขัดจังหวะการพูดของอีกฝ่าย กุมภามองอดีตคนรักด้วยสายตาเย็นชา “พี่น้องเหรอครับ...กับคนที่แอบมีคนอื่นตอนคบกับผมอยู่เนี่ย...ไม่ค่อยอยากจะนับญาติกันเลยครับ เอาเป็นว่าเราจบกันแค่นี้ก็พอนะครับ” พูดจบก็เดินออกไป เชิด หยิ่ง ไม่สนใจ ต่อให้ถูกเหยียบขยี้ความรักก็ไม่ได้เจ็บช้ำเท่าไหร่ เพราะเขาเองก็รู้ว่าคนนี้ก็ยังไม่ใช่ ที่เสียดายก็แค่เวลาดีๆที่เคยมีด้วยกัน
คนนี้ก็ยังไม่ใช่...
เมื่อออกมาเดินท่ามกลางแดดร้อนกลางเที่ยงวันกุมภาก็เริ่มรู้สึกหิว ตะกี้หงุดหงิดจนลืมสั่งอาหาร ท้องที่ไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจึงเริ่มร้องประท้วง ชายหนุ่มจึงตัดสินใจแวะเข้าไปในร้านอาหารเล็กๆร้านหนึ่ง เป็นร้านที่ขนาดไม่ใหญ่มาก ตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนสบายตาน่านั่งเล่นเป็นที่สุด
กุมภาเลือกที่นั่งติดกระจก เขาชอบที่จะทานข้าวไปมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย ผู้คนบนถนนที่มากหน้าหลายตาก็เป็นเครื่องดึงความสนใจอย่างดี จนกระทั่งชายหนุ่มหันไปเห็นร่างของใครบางคนกำลังเดินอยู่อีกฝั่งของถนน
ร่างสูงของเด็กข้างบ้านควงคู่มากับเด็กสาวน่ารักอีกหนึ่งคน
ทั้งคู่พากันหัวเราะอย่างมีความสุข ดูเหมาะสมกันมากๆ คนหนึ่งก็หล่อ อีกคนก็สวย
ความคิดนั้นทำให้กุมภารู้สึกเจ็บแปลบในอก
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เก็บมันมาคิด ทำเพียงแค่ทานข้าวแล้วก็เดินทางกลับบ้าน
เมษรู้สึกได้ว่าวันนี้มันผิดปกติ ตอนที่ขับรถมาถึงบ้านหลังจากส่งเพื่อนสาวในคณะที่มาช่วยซื้อของเสร็จ เขาเลิกคิ้วเมื่อบ้านข้างๆปิดไฟจนมืดสนิท หน้าต่างก็รูดม่านปิดสนิท
ไม่อยู่บ้าน?
เด็กหนุ่มมองนาฬิกาดิจิตอลที่ข้อมือ...สามทุ่มครึ่ง
ทำไมวันนี้ปิดไฟนอนเร็ว?
ด้วยความสงสัยเด็กหนุ่มรีบเดินไปหน้าประตูรั้วบ้านอีกฝ่ายทันที ผลักทีเดียวก็เปิดได้ คิ้วเข้มขมวดมุ่น ทำไมสะเพร่าแบบนี้นะ เกิดมีใครปีนบ้านเข้าไปขโมยของจะทำยังไง ถึงเมษแน่ใจว่าอีกฝ่ายดูแลตัวเองได้ก็เถอะ
เมื่อเดินไปถึงประตูหน้าบ้านก็พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล๊อกประตูไว้ ให้ตายเถอะ!
เมษพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด นึกโมโหที่อีกฝ่ายสะเพร่าไม่ยอมล๊อกบ้านไว้ มือใหญ่คลำหาสวิสต์ไฟ หลอดไฟกระพริบสองสามทีก่อนที่ห้องรับแขกที่อยู่ติดกับประตูหน้าบ้านจะสว่าง ยังไม่ทันจะไดเดินตรวจดูอะไรเขาก็สะดุดกับอะไรสักอย่างที่ขวางอยู่หน้าประตูจนเกือบล้มจูบพื้น
“เชี่ยแม่ง อะไรวะเนี่ย!” เมษสบถ แต่พอก้มลงมองก็ต้องสะดุดกึกเมื่อเห็นร่างของลุงข้างบ้านนอนขดอยู่กับพื้น ข้างๆมีกระป๋องเบียร์เปล่าวางระเกะระกะอยู่เต็ม เมษรีบก้มลงไปอุ้มร่างอีกฝ่ายขึ้นมาทันที ร่างของกุมภ์อ่อนปวกเปียกในอ้อมแขน กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้ง อีกฝ่ายคงดื่มหนัก เมาจนหลับไป
ให้ตาย เขาบอกอีกฝ่ายหลายครั้งแล้วนะว่าอย่าดื่มหนักขนาดนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองคออ่อนขนาดหนักแท้ๆ!
เด็กหนุ่มอุ้มอีกฝ่ายไปวางบนโซฟา เตรียมจะไปหยิบอ่างใส่น้ำกับผ้าขนหนู แต่ติดตรงที่จู่ๆคนที่ควรเมาหลับคอพับก็เอื้อมมือมารั้งชายเสื้อเขาไว้ ดวงตาที่มักจะฉายแววหงุดหงิดตอนนี้กลับอ่อนเชื่อม น้ำเสียงทุ้มที่ตวาดด่าเขาบ่อยๆตอนนี้กลับฟังดูอ่อนแรงจนน่าสงสาร
“นาย...ก็จะไปอย่างนั้นเหรอ จะทิ้ง...ฉันไป...เหมือน...ไอ้แฟนเก่างี่เง่าของฉันเหรอ”
อ่า...โดนแฟนทิ้งมา ‘อีกแล้ว’ สินะ
“เฮ้ๆ อย่ามาเมาแล้วพาดราม่าได้ไหม ผมเตือนลุงแล้วนะว่าไอ้หมอนั่นมันกากแล้วก็งี่เง่ามาก ลุงก็ยังบอกมันดีอย่างนั้นอย่างนี้ นี่ความผิดลุงคนเดียวเลย”
“ไอ้เด็กบ้า อย่ามาโทษกันนะ!” กำปั้นหนักๆซัดเข้าที่ไหล่ทำเอาเมษร้องซี้ด ขณะที่คนแก่กว่าตะกายตัวลุกขึ้นนั่ง น้ำตาหยดแหมะๆแถมยังงอแงเป็นเด็กๆทำเอาเมษปวดหัวจี๊ด เพราะแบบนี้ไงถึงได้ไม่อยากให้กินเหล้า เมาแล้วร้องไห้โวยวายทุกที
“ก็...ก็ฉันไม่มีใครนี่นา...ฉันแก่แล้วนะเว้ย แก่ก็เรียกฉันตลอดว่าลุง...ฉันแค่อยากจะ...อึ๊ก...มีใครสักคน มันผิดด้วยเหรอวะ หา ตอบฉันสิที่ฉันไม่อยากแก่ตายแบบเหงาๆมันผิดด้วยเรอะ แล้วทำไมใครๆถึงได้ทิ้งฉันไป” เอาหัวใจของเขาไป แล้วก็ทิ้งเขาไว้เดียวดาย
ทั้งพ่อแม่...ที่จากเขาไป...ทิ้งให้เขาร้องไห้เดียวดายในความมืด
ทั้งแฟนเก่า...ที่เข้ามาในชีวิตแล้วก็จากไป ทิ้งให้เขาจมกับความเปลี่ยวเหงาเพียงลำพัง
และ...
เจ้าเด็กข้างบ้านนิสัยไม่ดีคนนั้นด้วย
“ฉันจะไม่รักใครอีกแล้ว...ฮึก...ฉันจะ...หยุดทำร้ายตัวเองแล้ว”
“ถ้าลุงทำแบบนั้นผมคงจะเสียใจมาก” เมษที่นั่งเงียบมาตลอดโพล่งขึ้น ร่างสูงดึงร่างของลุง..ไม่สิ พี่ชายข้างบ้านเข้ามากอดแน่น เช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน “ผมคงจะเสียงใจมากๆ”
“ทำไมแกต้องเสียใจด้วยฮะ แกไม่ได้ถูกทิ้งนะเว้ย แกมีเพื่อน มีพ่อแม่ มีแฟน”
“ผมไม่มีแฟนซักหน่อย”
“โกหก แล้วหมาตัวไหนมันเดินควงกะสาววันนี้วะ”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นก่อนจะถึงบางอ้อ “นั่นเพื่อนในคณะ เขาขอให้มาช่วยถือของ ถึงอีกฝ่ายจะคิดอะไร...แต่ผมไม่ได้คิดอะไรด้วยสักหน่อย”
“แต่แกก็ออกไปกับเขา มันก็คือการให้ความหวังนั่นแหละ!” ภุมภ์ตวาด เหวี่ยงหมอนอัดหน้าอีกฝ่ายไม่หยุด ทั้งความเศร้า ความโกรธ ความน้อยใจที่อัดแน่น เหมือนจะหายไปทีละน้อย เมษที่โดนประทุษร้ายยกมือปัดป้องเป็นพัลวัน “โว้ย ไหงไปๆมาๆกลายเป็นสอบสวนความผิดผมล่ะ ผมต่างหากที่ต้องว่าลุง...อกหักอยากกินเหล้าก็ไปเคาะประตูเรียกดิวะ มาปิดไฟจนมืดนั่งเมาคนเดียวแถมไม่ล๊อกบ้านแบบนี้มันอันตรายนะรู้ไหม!”
กุมภ์ที่กำลังโวยวายถึงกับอ้าปากค้าง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆเมื่อเจ้าเด็กข้างบ้านจู่ๆก็โวยวายตัดบทเขาขึ้นมา เมษที่สบโอกาสเพราะกุมภ์เงียบก็รีบว่าต่อ
“แล้วไอ้จะไม่รักใครแล้วน่ะ พูดออกมาได้ยังไง ลุงไม่คิดถึงใจคนฟังเลยเหรอวะ ทำไมกัน...ทั้งๆที่ผมชอบลุงมากขนาดนี้แท้ๆ ลุงจะยังไม่สนใจผมอีกเหรอ!” สิ้นเสียงคนพูดก็หอบหายใจน้อยๆ ขณะที่คนฟังยังแข็งค้างเป็นรูปปั้น กว่ากุมภาจะหาเสียงตัวเองเจอก็หลายนาทีหลังจากนั้น
“นาย...ชอบฉันอย่างนั้นเหรอ ฉัน...ที่นายกวนประสาทอยู่ทุกวันเนี่ยนะ”
“ใช่ ผมชอบลุง...ชอบมาตั้งนานแล้ว” ท้ายเสียงนั้นอ่อนลง เมษทรุดตัวลงนั่งข้างๆกุมภา สบตากับอีกฝ่าย “ที่ผมแกล้งลุงทุกวันเพราะอยากให้ลุงสนใจผมบ้าง ผมพยายามคิดอะไรให้เป็นผู้ใหญ่เพื่อจะได้..อ่า...เรื่องความต่างของอายุจะได้ไม่เป็นปัญหามากนัก ผม...อยากจะบอกชอบลุง แต่ผมไม่เคยมีความกล้ามากพอ สุดท้ายก็เลยได้แต่แกล้งลุงไปเรื่อยๆ มองลุงมีคนใหม่ไปเรื่อยๆ”
“ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่กล้า โธ่เว้ย ผู้ชายก็อายเป็นนะลุง!” เมษเสยผม ทั้งเขินทั้งหงุดหงิด แต่เมื่อเห็นร่างตรงหน้าที่เม้มปากแน่น แก้มสองข้างซับสีแดงระเรื่อ หัวใจก็พลันเต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่ เมษยื่นมือข้างหนึ่งไปลูบไล้แก้มของอีกฝ่าย โดยไม่รู้ตัวใบหน้าทั้งสองก็ใกล้กันเรื่อยๆ จนหน้าผากทั้งคู่แตะกัน
“ฉันเอง...ก็ชอบนาย”
สิ่งที่ได้ยินทำให้เด็กหนุ่มตัวสูงตาโต ไม่คาดคิดมาก่อน “ลุงว่าอะไรนะ?” ร่างบางเบือนหน้าไปอีกทางแต่เขาก็จับให้ใบหน้าน่ารักนั่นหันกลับมามองตัวเอง ยิ่งเห็นคนตัวเล็กกว่าทำท่าอึกอักเมษก็ยิ่งตื่นเต้น บ้าน่า คนที่เขาแอบชอบมาหลายปี จะรักเขาเหมือนกัน นี่มันนิยายหรือไง!
“ฉัน...ฉันเองก็ชอบนาย...มาตั้งนานแล้ว ไม่รู้จะทำยังไง เลยได้แต่พยายามลืมๆมันไปแล้วก็...หาคนใหม่ไปเรื่อยๆ เพราะฉันคิดว่าถ้าบอกไปนายจะต้องไม่โอเคแน่ๆ ฉันไม่อยากให้นายเกลียดฉัน” พูดๆไปน้ำตาก็รื้นขึ้นมาที่ขอบตาอีกรอบ
แต่เมษกลับรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อซักร้อยตัวบินวนในท้อง หัวใจเหมือนลูกโป่งที่พองฟู มันมีความสุขจนอธิบายไม่ถูก ได้แต่ยิ้มกว้างเหมือนคนบ้า ร่างสูงกอดรัดอีกฝ่ายแน่น หัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่าๆ จะบ้าเหรอ ผมไม่เกลียดลุงหรอกน่า! ผมชอบลุงนะ...ชอบลุงมากๆ ใครจะไปเกลียดคนที่ตัวเองชอบลงกัน!”
กุมภาเองก็หน้าแดงไม่ต่างกัน ร่างเล็กกว่าเม้มปาก เจ้าก้อนเนื้อในอกเต้นถี่รัวจนน่ากลัวว่าเขาจะหัวใจวายไปซะก่อน และมันยิ่งเต้นแรงขึ้นเมื่อเมษก้มหน้าลงมามองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาใกล้อีกครั้ง พร้อมคำถามกระแทกแสกหน้าระดับสิบ
“งั้นผมจูบลุงได้ไหม?”
แล้วแบบนี้กุมภาควรจะตอบว่าอะไร ปฏิเสธ...ทำไมล่ะ? ในเมื่อเขาเองก็ชอบเจ้าเด็กแสบข้างบ้านนี่อยู่แล้ว คำตอบมันก็มีอยู่แบบเดียว
“จะจูบก็จูบ อย่าพูดมาก เสียเวลา”
แล้วกุมภาก็ได้รับรู้ถึงสัมผัสอ่อนโยนแบบที่เขาไม่ได้รับมานาน เมษจูบเขาอย่างใจเย็น ให้เขาคล้อยตามได้ไม่ยาก พรากสติของเขาให้หลุดหายไปทีละน้อย เนิ่นนานกว่าอีกฝ่ายจะถอยออกไป เมษแตะหน้าผากเข้ากับหน้าผากของเขา จูบจมูก เปลือกตา แก้ม แล้วก็วนมาที่ริมฝีปากอีกครั้ง กอดเขาเอาไว้แน่น
น่าแปลกที่การกระทำแค่นี้ทำให้ความเหงาและความเสียใจหายไปเกือบหมด เหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ด้วยความเหนื่อยล้าและฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เปลือกตาเริ่มหนัก ขณะที่กุมภาตัดสินใจที่จะงีบสักหน่อย เมษก็กระซิบข้างหู “ตื่นมาพรุ่งนี้พี่อาจจะลืมเรื่องในวันนี้ไปแล้ว...แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมจะบอกรักพี่อีกครั้งนะครับ...บอกไปเรื่อยๆจนกว่าพี่จะจำได้”
เพราะตอนนี้เขามีความกล้ามากพอแล้ว
**********************************************************
บทจะสั้นก็สั้นเลย ฮือออออ เรื่องสั้นที่แต่งมาแบบวูบๆ ชอบโมเม้นท์แบบแอบรักคู่กัดข้างบ้านค่ะ มันน่ารักดี 5555
ถึงบางครั้งการที่บ้านใกล้กันจะทำให้รำคาญกันไปบ้างก็เถอะ แต่มีแฟนอยู่ข้างบ้านก็ดีเหมือนกันน้า บอกรักริมรั้วบ้านอะไรแบบนี้
เนอะ พี่กุมภ์เนอะ
