ตอนที่ 42 : Come Again, sweet love doth now invite เริ่มบทใหม่แห่งความรัก
อาราอิใส่เสื้อของจุ๊ยได้ แต่กางเกงแม้จะเป็นตัวใหญ่ที่สุดก็ยังดูสั้นเตอะ อวดขาขาวๆ
ตอนที่จุ๊ยหันมาเห็นอาราอิซึ่งกำลังยืนเฝ้ากระทะทอดปลา จึงแกล้งด้วยการตีที่น่องดังเปียะด้วยความหมั่นเขี้ยว
“อะไรเล่า..” อาราอิว่า
“ประเดี่ยวก็จิ้มด้วยตะหลิว”
“ตกลง เราชื่ออาราอิหรือโยชิ เพราะเห็นจุ๊ยเรียกเราว่าอาราอิ” ป๊าถามขึ้นมาในขณะร่วมโต๊ะอาหารค่ำที่มีกันแค่สามคน เพราะวันนี้เฮียค้างที่มหาวิทยาลัย ส่วนซัวก็บอกว่าทำงานกะบ่ายจะกลับดึก
“ผมชื่ออาราอิ แต่นามสกุลโยชิฮิสะ ครับ แต่ตอนแนะนำตัวชอบติดแนะนำแบบญี่ปุ่น เป็นโยชิฮิสะ อาราอิ ใครๆในประเทศนี้ก็เลยเรียกผมว่าโยชิ” อาราอิตอบ แล้วคีบกุนเชียงส่งให้บิดาของจุ๊ย
บิดาก็รับมาแต่โดยดี แถมกินด้วย
“งั้นอั๊วก็เรียกลื้อว่า อาราอิแล้วกัน”
พอเก็บล้างทำความสะอาดเสร็จ ทั้งสองก็ขึ้นมาที่ห้องของจุ๊ย
ตอนที่จุ๊ยกำลังหยิบแซกโซโฟนออกมา อาราอิก็เริ่มกวาดตามองรอบๆห้อง
แล้วก็ลุกไปที่ตู้ที่เต็มไปด้วยถ้วยรางวัลและโล่ประกาศเกียรติคุณ
"นี่นายชนะมาแล้วกี่เวที"
"ก็เยอะน่ะ จำไม่ได้หรอก เพราะโรงเรียนก็ส่งฉันไปประกวดอยู่เรื่อยๆ ตามแต่อาจารย์อติท่านจะหาเวทีให้ฉันได้ ประกวดไปเรื่อยๆ เอาประสบการณ์"
"นายไม่คิดจะเรียนต่อต่างประเทศบ้างเหรอจุ๊ย คือฉันว่าประเทศนี้ดนตรีแบบนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่ ถ้านายไปต่างประเทศนายน่าจะไปได้ไกลกว่านี้" อาราอิถาม
จุ๊ยหยุดมือที่กำลังทำความสะอาดชิ้นส่วนแซกโซโฟนอัลโต้แสนรัก
"ถ้าฉันไป ป๊าจะทำยังไงล่ะ นายก็เห็นครวบครัวเราก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เฮียก็ไปเรียนทุกวันแถมเรียนหนักด้วย ส่วนไอ้ซัวมันก็ไม่ค่อยลงรอยกับป๊า บ้านช่องไม่ค่อยอยู่ ถ้าฉ้นไป ป๊าจะทำยังไง จะให้ท่านมาทำงานหนักๆเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ได้แล้วนะ"
อาราอิหันมามองหน้าจุ๊ย
จุ๊ยกลับมายิ้มแล้วเริ่มต้นประกอบแซกโซโฟน
พอประกอบเสร็จก็หันมาถาม
“อยากฟังเพลงอะไรหล่ะครับน้อง” จุ๊ยดัดเสียงหล่อถาม
อาราอิมองจุ๊ยประกอบแซกโซโฟนอย่างคล่องแคล่ว
“อะไรก็ได้ครับคุณพี่”
จุ๊ยแย้มริมผีปากส่งเสียงหึๆ
“ประเดี่ยวเล่น Concerto ให้ฟังเสียเลยนี่”
“โอ้ยไม่ไหวอะ ไอ้เพลงที่มันเก่าๆใช่ไหม ไม่ไหวไม่ไหว”
“งั้นนี่” จุ๊ยว่าแล้วหันไปหยิบแฟ้มชีทเพลงจากบนโต๊ะส่งให้
“ให้โอกาสนายเลือก”
“เพลงอะไรก็ได้เหรอ” อาราอิถาม เพราะเป็นแฟ้มขนาดใหญ่
“ก็ฉันจำได้เกินครึ่ง ทีเหลือต้องดูชีท ไม่งั้นจำไม่ได้”
"เกินครึ่ง" อาราอิทำตาโตเท่า
"นี่มันกี่เพลงนี่ เท่าที่ดูเกินร้อยแล้วมั๊งนี่ จำเข้าไปได้ยังไง"
จุ๊ยทำหน้าคิด
"ที่จริงฉันก็สงสัยนะ คือตอนเด็กๆฉันก็งงเหมือนกัน เพราะเวลาฉันฟังเพลงอะไร จำโน้ต จำทำนองมันได้เลย พอเขียนชาร์ทเป็นก็เริ่มบันทึกโน้ตที่จำได้จากเพลง อาจารย์ถนอมเห็นก็เลยเอาไปอ่าน ท่านก็เลยถามว่าฉันทำได้ยังไง ฉันก็บอกไม่รู้ ฟังแล้วก็แยกโน้ตได้ แยกได้ก็จำได้ จำได้ก็เขียนได้ ตอนแรกฉันก็นึกว่าทุกคนต้องทำได้เหมือนฉันนะ แต่อาจารย์หัวเราะ แล้วบอกว่า ไม่ใช่นะ ลองถามไตรดูสิว่าทำได้ไหม”
”พอฉันไปถามพี่ไตร พี่ไตรก็งง ท่านก็เลยบอกว่าฉันมีระบบประสาทหูดีกว่าคนอื่นที่เรียกว่า Absolute Pitch แล้วก็มีระบบจำทำนองเพลงที่ดีกว่าคนอื่น อันนี้เขาเรียก Relative Pitch แถมหูก็ได้ยินเสียงมากกว่าคนอื่นด้วย พอได้ยินมันจำได้ พอจำได้ มันก็เขียนได้ พอเขียนได้ก็เล่นได้"
อาราอิยังคงมองหน้าจุ๊ย
"ถ้าฉันจำอะไรได้อย่างโน้ตก็ดีนะ เพราะเรื่องเรียนนี่ไม่ไหวเอาเลย อ่านหนังสือทีไรก็ได้เฝ้าพระอิศวรทุกที จำอะไรไม่ได้สักกะอย่าง"
"เอ้าตกลงจะเอาเพลงอะไร เลือกเอาเลย" จุ๊ยถามอีกรอบ
"หลับตาสุ่มเอาเลยก็ได้"
อาราอิก็เลยหลับตา แล้วพลักเปิดแฟ้มไปแบบสุ่มๆ แต่พอมองลงไป เห็นชื่อเพลงเขาก็ชะงัก
อีกด้านแม้จะอยู่ห่างออกมา แต่จุ๊ยก็เห็นมองเห็นชื่อเพลง
“ไม่ต้องเล่นก็ได้นะ” อาราอิบอก
แต่จุ๊ยยิ้มออกมา
แล้วก็จรดปาก
Summertime Sadness ดัง อีกวาระ จากอัลโต แซกโซโฟนไม่ใช่โซบราโน่ เสียงของมันทั้งเลื่อนไหล และต่อเนื่อง หางเสียงฟุ้งอบอวลในอากาศ ยิ่งในห้องที่แคบขนาดนี้ มันยิ่งทำให้รู้สึกถูกล้อมเอาไว้ด้วยเสียงเพลง
อาราอินั่งมองจุ๊ย หัวใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะเฉกเดียวกับที่เคยเป็นทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของแซกโซโฟนของจุ๊ย
แล้วเขาก็ไม่อาจจะยั้งใจตัวเอง เขาลุกขึ้นมายืนตรงหน้าจุ๊ย
จุ๊ยมองตามอาราอิที่ก้าวมายืนตรงหน้า ระยะห่างของคนทั้งคู่ตอนนี้แค่แซกโซโฟนกั่น
ทว่าเขาเป่าต่อไปจนโน้ตสุดท้าย ลดแซกโซโฟนลงข้างตัว
อาราอิขยับเข้ามาจนทั้งสองอยู่ห่างกันแค่ไม่ถึงครึ่งฝามือ ห้องของจุ๊ยเก็บเสียง ในทางกลับกันมันก็กันเสียงจากภายนอก
ใน ความเงียบ ทั้งสองได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน จุ๊ยกลายเป็นฝ่ายที่ขยับเข้าหา แล้วเขาโอบเอวไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง อีกข้างเกาะที่หัวไหล่
อาราอิก็รวบเขาไว้ด้วยสองแขน ก้มหน้าลงมาประสานริมผีปาก ครั้งแรกแตะกัน ครั้งที่สองบดลงมาแรงขึ้น และครั้งที่สามก็บดแรงขึ้นและดูดดื่ม
จุ๊ยดันอาราอิให้ถอยไปจนถึงเตียง เขาก็นั่งลงโดยริมฝีปากยังไม่แยกจากกัน
แล้วจุ๊ยก็ถอนการจูบ สบดวงตากับดวงตาที่มองมา ลมหายใจทั้งคู่รดกันในอาการหอบถี่
จุ๊ยจูบที่ข้างหูแล้วซุกไซร้ไปบนคอยาวได้รูป อาราอิก็ปล่อยอารมณ์ตอบสนองต่อการสัมผัสอันนุ่มนวลทว่าเปี่ยมไปด้วยความปรารถาของจุ๊ย
ไม่ชอบดนตรีคลาสซิค แต่อาราอิกลับได้ยินบทเพลงอันอ่อนหวานของบทโอเปร่าก้องในความรู้สึก "Come Again, sweet love doth now invite” ประพันธ์โดย John Dowland