❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly  (อ่าน 92653 ครั้ง)

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
« เมื่อ02-12-2015 14:37:26 »

❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly


เขา...คือความผูกพันเมื่อ 13 ปีที่แล้ว
เขา...คือเงาที่ติดตามผมไปทุกหนทุกแห่ง
เขา...คือพี่ชายที่แสนดี
ผมรักเขา...


แฟรงค์ วศินภัทร์ ชลาสัย - หนุ่มไฟแรงเจ้าของรีสอร์ทและบ่อตกปลาเขตชานเมืองกรุงเทพ ชีวิตสมบูรณ์แบบทั้งการงานและความรัก แต่...ในใจลึกๆ กลับโหยหาใครคนหนึ่งเสมอ

นัท ธนวรรธน์ โฆษะนาม - หนุ่มดีกรีปริญญาโทด้านการจัดการการท่องเที่ยว เพราะความผูกพันกับเพื่อนผู้เป็นเสมือนพี่ชาย แม้จากกันไปนานแล้ว แต่เงาแห่งอดีตยังตามเขาไปทุกลมหายใจ



อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ด กรุณาอ่านทุกคน
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วย

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

คำเตือน(1)! มีการใช้ภาพหรือ image ของตัวละคร ถ้าไม่ชอบ ลองขยับมุมคิดสักนิด หาด้านบวกอื่นๆ อีกหน่อย ถ้าไม่ไหวก็เลือกอย่างที่สบายใจ ไม่มีปัญหาครับ
คำเตือน(2)! ไม่นิยมคนอ่านนิยายทิ้งขว้าง ขอให้ตั้งใจมาอ่านจริงๆ นะครับ




สารบัญ

บทนำ ❤️ การกลับมาของพี่ชาย
ตอนที่ 1 ❤️ ในอ้อมกอดของพี่ชาย
ตอนที่ 2 ❤️ พี่ชายคนสนิทคิดไม่ซื่อ
ตอนที่ 3 ❤️ ในจินตนาการของพี่ชาย
ตอนที่ 4 ❤️ เงารักลวงใจ
ตอนที่ 5 ❤️ เพียงหนึ่งคืนที่ฝันร้าย
ตอนที่ 6 ❤️ ถ้าโลกนี้มีแฟรงค์สองคน
ตอนที่ 7 ❤️ ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม
ตอนที่ 8 ❤️ จูบแรกหรือกอดสุดท้าย (NC)
ตอนที่ 9 ❤️ วันฟ้าใสที่เขาค้อ
ตอนที่ 10 ❤️ บอกอะไรป่านนี้
ตอนที่ 11 ❤️ แสงดาว ลมหนาว ความรัก
ตอนที่ 12 ❤️ ความผูกพันที่เคยลืม
ตอนที่ 13 ❤️ พ่อบ้านแฟรงค์
ตอนที่ 14 ❤️ รักใหม่ที่บ้านเกิด
ตอนที่ 15 ❤️ เดือดศึกสายเลือด
ตอนที่ 16 ❤️ กรรมของคนหน้าด้าน
ตอนที่ 17 ❤️ Desperado
ตอนที่ 18 ❤️ นารีขี่ม้าขาว
ตอนที่ 19 ❤️ The Elope Wedding
ตอนที่ 20 ❤️ วิวาห์ใต้ฟ้าดาราพราว
ตอนที่ 21 ❤️ กำเนิด Straw'ry Cafe
ตอนที่ 22 ❤️ สองใจกับหนึ่งฝัน
ตอนที่ 23 ❤️ ขอขมาลาโทษ
ตอนที่ 24 ❤️ Your Story Counts!
ตอนที่ 25 ❤️ รักนิรันดร์ (จบ)

ตอนพิเศษ

ตอนพิเศษ 1 ❤️ หนึ่งวันของพี่แฟรงค์กับน้องนัท
ตอนพิเศษ 2 ❤️ อีเมล์จากน้องสาว

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและให้ความสนใจนะครับ
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

:) Sarawatta :)

ผลงานปัจจุบันที่กำลังเขียนอยู่

❤️ (✘) ไร้รัก ✥ Lovelessly
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50496.0

◄⎈interstellar⎈► รัก➀ล้านปีแสง
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50955.0

ผลงานที่ผ่านมา

◐◑ I Love Kim Jong Hoon ◐◑
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32450.0

♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ▚▚▚
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.0

▓ ▒ ░ ต้นสน: มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่? (V2) ░ ▒ ▓
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32768.0

▙▜ รักนี้มีล้อ ◯ น้องเก้า VS พี่แตซอง ▛▟
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32188.0

▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย (V3) ░ ▒ ▓
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46898.0

✿✿ ธุรกิจนี้มีรัก ✿✿
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46884.0
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 14:27:50 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

บทนำ ✢ การกลับมาของพี่ชาย



ถนนสุวินทวงศ์...

ถ้าไม่ใช่เพราะป้ายบอกทางต่างๆ หรือหลักเขตที่บอกว่าที่นี่ยังเป็นกรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์อยู่ ผมคงนึกว่าตัวเองหลงเข้ามาในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยไปแล้ว สภาพบ้านเรือนและถนนหนทางในแถบนี้ยังคงดูคล้ายต่างจังหวัดอยู่มากทีเดียว ตึกรามบ้านช่องยังอยู่ห่างๆ กัน ไม่มีตึกสูงโผล่มาให้เสียทัศนียภาพ ช่วยย้ำเตือนความจำมนุษย์ตัวจ้อยได้ดีทีเดียวว่าฟ้านั้นอยู่สูงกว่าที่คิด

เขตหนองจอก...

ตั้งแต่เข้ามาเรียนที่กรุงเทพ เรียนหนังสือและทำงานอยู่ที่นี่หลายปี ผมกลับไม่เคยมาที่เขตนี้เลย ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ากรุงเทพมีพื้นที่สำหรับการเกษตรและชุมชนต่างจังหวัดอย่างนี้อยู่ด้วย ถ้าถ่ายรูปกับทุ่งนาแถวๆ นี้แล้วเอาไปให้เพื่อนๆ ฝรั่งของผมดู พวกมันต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่านี่คือกรุงเทพ ผมเองยังไม่อยากเชื่อเลยด้วยซ้ำ

"เป็นไงแถวบ้านกู"

"ดีว่ะ เหมือนต่างจังหวัดเลย กูชอบ"

"แต่ยังไงๆ ก็ยังไม่สวยเท่าบ้านมึงหรอก กูชอบบรรยากาศแถวบ้านมึงมากกว่า"

"ก็แหงดิ บ้านกูเป็นจังหวัดท่องเที่ยวนี่หว่า ก็ต้องสวยอยู่แล้ว แต่กูว่าที่นี่ก็ดีนะเว้ย อากาศดี วิวก็สวย ไม่แออัด ไม่วุ่นวายดี"

"แล้วถ้าจะให้มึงมาอยู่มึงจะมามั้ย"

"ไม่ดีกว่า" หัวเราะแหะๆ แล้วพูดต่อ

"สงสัยกูคงจะหลงแสงสีเสียงแบบกรุงเทพไปแล้ว อยู่ที่นี่กูคงอึดอัดตายเลย มึงอยู่ได้ไงวะไอ้ปอนด์"

"ไอ้นี่...มึงก็พูดเกินไป หนองจอกไม่ได้ล้าหลังขนาดนั้นนะเว้ย อยากจะเข้าไปในเมืองหาแสงสีเสียงก็ไม่ได้ยากซะหน่อย ใกล้แค่นี้เอง"

เพื่อนผมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ผมกับปอนด์ไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปตั้งแต่เรียนจบมหาวิทยาลัย ผมนึกสงสัยว่าจะมีสักกี่คนที่จะอยู่กับเราไปจนวันตาย แม้อายุเพียงยี่สิบเศษๆ อย่างผมยังต้องเจอการจากลานับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนแถวบ้านที่วิ่งเล่นด้วยกันสมัยเด็กๆ เพื่อนสมัยประถม มัธยม มหาลัย เพื่อนตอนทำงานหรือเพื่อนตอนไหนๆ เราต่างเจอกันแค่ช่วงเวลาหนึ่ง สุดท้ายต่างคนต่างมีทางของตัวเอง วันหนึ่งเส้นทางโคจรของเราต้องแยกจากกันไป หวังเพียงว่าสักวันหนึ่งจะได้กลับมาเจอกันที่ใดที่หนึ่งอีกสักครั้ง

"มึงนี่ก็แปลกนะไอ้นัท ทำงานบริษัทใหญ่ๆ โตๆ อยู่ดีๆ ก็ลาออกซะงั้น เงินเดือนก็ตั้งเยอะ ไม่เสียดายเหรอวะ"

ผมยักไหล่อย่างไม่แยแส

"มึงก็ลองไปทำดูสิ แม่งเครียดฉิบหายเลย ทำงานดึกๆ ดื่นๆ ทุกวัน วันๆ ก็อยู่แต่ในออฟฟิศ แถมยังต้องฝ่ารถติดไปทำงานทุกวันอีก กูเบื่อว่ะ แล้วเจ้านายก็โคตรเห็นแก่ตัวเลย กูทำงานหนักแทบตาย แม่ง...คนได้หน้ากลับเป็นเจ้านายซะงั้น"

"แล้วมึงคิดหรือไงว่าทำงานกับผู้ประกอบการเล็กๆ แล้วมึงจะไม่เจอปัญหาเหมือนที่มึงเคยเจอ ทำไมมึงไม่กลับบ้านไปช่วยแม่มึงขายขนมจีนวะนัท กูว่ามันดีกว่าที่มึงจะมาเป็นลูกจ้างนะเว้ย"

ขายขนมจีนที่ว่านั้นไม่ใช่ขายธรรมดา แม่ผมมีร้านขายขนมจีนน้ำยาหลากชนิดบนถนนหมายเลขสิบสองที่เป็นทางผ่านของนักท่องเที่ยว ขายดีจนส่งผมเรียนจบปริญญาโทแถมยังมีคอนโดดีๆ ให้อยู่ใจกลางกรุงเทพอีกด้วย

"กูกลับไปแน่ไอ้ปอนด์ มึงไม่ต้องห่วงหรอก แต่ว่าตอนนี้กูอยากหาประสบการณ์ทำงานอีกซักสองสามปีก่อน กูคุยๆ กับแม่ไว้อยู่ว่าอยากจะเปิดรีสอร์ทหรือไม่ก็ทำไร่สตรอเบอรี่ที่ภูทับเบิก"

"ดีแล้วๆ กูยังอิจฉามึงเลยที่มึงมีบ้านมีที่อยู่ต่างจังหวัด ทำอะไรเป็นของตัวเองน่ะมันดีที่สุดแล้ว กูยังอยากมีธุรกิจสักอย่างเป็นของตัวเองเลย"

"มึงก็ค่อยๆ เก็บตังค์ไปก่อนดิ ค่อยๆ หาลู่ทางไป ถ้าเจอแล้วค่อยลาออกมาทำก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะ"

นั่นคงเป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดเท่าที่ผมพอมีให้เพื่อนได้ เพราะผมได้ฟังแบบนี้มาจากคนอื่นๆ อีกทีนั่นแหละ อันที่จริงผมยังไม่เคยมีประสบการณ์ทำธุรกิจของตัวเองหรอก จึงยังบอกไม่ได้ว่าต้องทำยังไง ที่แนะนำเพื่อนไปยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นคำแนะนำที่ใช้ได้หรือเปล่า

เรือนแพรีสอร์ท...

"เฮ้ยๆ จอดตรงนี้แหละ เดี๋ยวกูจะลงตรงนี้เลย"

ผมบอกเพื่อนเกือบจะทันที่ที่รถกำลังจะวิ่งเข้าไปในรีสอร์ทที่ผมต้องการมาสมัครงาน ปอนด์บอกว่าที่นี่กำลังประกาศรับสมัครผู้จัดการแทนคนเก่าที่เพิ่งลาออกไป ตอนแรกผมว่าจะส่งใบสมัครทางอีเมล์ แต่อยากจะแวะมาเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าที่อยู่แถวๆ นี้เสียหน่อย จึงถือโอกาสถ่อสังขารมาที่นี่เสียเอง จะได้มาดูให้เห็นกับตาด้วยว่ามันน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน

"มึงจะเดินเข้าไปเหรอวะ ไกลนะเว้ยกว่าจะถึงตัวรีสอร์ท"

ปอนด์เตือนอย่างเป็นห่วง ผมส่ายหัวเบาๆ แล้วหัวเราะหึๆ ถึงผมจะทำงานออฟฟิศไม่ค่อยตากแดดตากลม แต่ผมไม่อ่อนแอถึงขนาดนั้นหรอก

"ไม่เป็นไรหรอก กูว่ากูจะขอเดินดูซะหน่อย จะได้รู้ไงว่ามันน่าสนใจหรือเปล่า"

ปอนด์ทำหน้าลังเลใจ "เออๆ งั้นกูส่งมึงแค่นี้ละกันนะเว้ย ขอให้มึงได้งานใหม่เร็วๆ แล้วถ้ามีอะไรมึงก็โทรหากูได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ"

"ขอบใจเพื่อน"

ผมหันไปยิ้มให้เพื่อนก่อนจะค่อยๆ เปิดประตูรถเก๋งคันเก่าๆ ของเพื่อนออกมา พอก้าวขาออกมาจากตัวรถแล้วต้องหยีตาเล็กน้อยเพราะแดดค่อนข้างแรง ช่วงปลายฝนต้นหนาวหลังๆ มานี้แทบไม่มีฝนเลย มีแต่แดดเปรี้ยงๆ และร้อนจนตับแทบไหม้

"เดี๋ยวได้ผลยังไงกูจะโทรหามึง ถ้ากูได้งานที่นี่เดี๋ยวกูพามึงไปเลี้ยง"

ผมหันไปบอกเพื่อนก่อนที่จะร่ำลากัน คำว่า "เลี้ยง" ของผมนั้นพวกเพื่อนๆ ก็คงรู้กันดีว่าเลี้ยงอะไร

"เออๆ กูไปก่อนนะเว้ย โชคดีเพื่อน"

ผมปิดประตูรถให้ปอนด์แล้วโบกมือลา พอรถของมันแล่นหายลับตาไปแล้วผมจึงหันกลับไปมองรีสอร์ทข้างหน้าอีกครั้ง ทิวต้นสนตัดกับฟ้าสีครามใสดูสวยเหลือเกิน ผมไม่ได้เห็นธรรมชาติสวยๆ อย่างนี้มานานแล้ว ไม่น่าเชื่อว่ากรุงเทพจะมีแบบนี้ด้วยเหมือนกัน

วิวสวยๆ ของรีสอร์ทแห่งนี้ทำให้ผมแทบลืมไปเลยว่าอากาศร้อน แม้ว่าทางเดินเข้าไปที่ตัวรีสอร์ทค่อนข้างไกล ดอกไม้สวยๆ หลากสีที่ปลูกไว้โดยรอบนั้นทำให้ที่นี่ดูมีเสน่ห์สดใส ดูแล้วเพลินตาเพลินใจมากทีเดียว ใครกันนะช่างทำรีสอร์ทได้สวยและน่ามาพักผ่อนหย่อนใจได้ถึงขนาดนี้

รีสอร์ทนี้มีกิจกรรมทางน้ำให้คนที่มาพักและคนทั่วไปได้เข้ามาเล่นด้วย ไกลออกไปผมมองเห็นอาคารหลังหนึ่งยื่นเข้าไปในน้ำคล้ายๆ กับบ้านแพ มีทางเดินยื่นล้ำเข้าไปจนถึงเกือบกลางน้ำ แหล่งน้ำที่นี่มีขนาดใหญ่จนคล้ายทะเลสาบขนาดย่อมๆ มองไกลๆ เห็นคนเดินไปมาบนทางเดินกลางน้ำ แต่ก็ดูไม่ออกว่าทำอะไรกันบ้าง มีคนพายเรือและเล่นเจ็ตสกีกันด้วย

จะว่าไปที่นี่ดูไม่เลวเหมือนกัน ท่าทางเจ้าของคงรวยมากทีเดียวที่สามารถมีที่ขนาดใหญ่นับร้อยๆ ไร่ในกรุงเทพได้ ต่อให้เป็นชานเมืองก็เถอะ ขึ้นชื่อว่ากรุงเทพแล้วที่ดินตรงไหนก็แพงอยู่ดี

ผมเดินชมวิวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงอาคารที่น่าจะเป็นอาคารต้อนรับแขกและเช็คอินผู้เข้าพัก มีลักษณะเป็นบ้านคอนกรีตผสมกับไม้ตามรูปแบบรีสอร์ททั่วไป ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เพราะใช้เป็นจุดรับแขกและเช็คอินอย่างเดียว ข้างๆ กันนั้นมีร้านกาแฟเล็กๆ สำหรับลูกค้าที่มาพักด้วย นอกจากนี้ยังมีฟิตเนสและร้านเสริมสวยอยู่ไม่ไกล มีสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะขนาดนี้แสดงว่าต้องใช้คนดูแลหลายคนพอสมควร

"ผมมาสมัครงานตำแหน่งผู้จัดการครับ"

ผมบอกความต้องการไปกับพนักงานสาวคนหนึ่งที่ยืนประจำอยู่ตรงฟรอนท์ ตอนนี้เกือบบ่ายแล้ว ไม่ค่อยมีแขกเข้ามาป้วนเปี้ยนแถวนี้เท่าไหร่

"อ๋อ...สงสัยต้องรอก่อนนะคะ คนที่จะสัมภาษณ์ยังไม่เข้ามาเลย คงอีกซักชั่วโมง จะรอก่อนไหมคะ"

หญิงสาวในชุดลำลองแบบไทยๆ สีสันสดใสบอกพร้อมกับรอยยิ้มเกรงใจ

"ได้ครับ" ผมตอบแล้วก็ส่งยิ้มกลับไปเช่นกัน

"อืม...ถ้างั้น ผมขอไปเดินเล่นรอบๆ ที่นี่หน่อยได้ไหมครับ"

ความจริงผมได้เดินดูไปหลายจุดแล้ว แต่เพิ่งนึกได้ว่าควรขออนุญาตเอาตอนนี้

"อ๋อได้ค่ะ เชิญตามสบายเลยนะคะ

"งั้น...ผมฝากเอกสารไว้ที่นี่ได้ไหมครับ"

ผมบอกแล้วยื่นซองสีน้ำตาลที่มีใบสมัครและเอกสารประกอบต่างๆ ให้กับพนักงานสาวสวยคนนั้นรับไป

"ได้ค่ะ"

ผมส่งยิ้มรอบสุดท้ายให้กับแม่สาวตาคมแล้วเดินออกมาข้างนอก จุดมุ่งหมายของผมคือทางเดินรอบๆ ริมทะเลสาบอีกด้านที่ผมยังไม่ได้เดินไปดู อากาศที่นี่สดชื่นดีเหลือเกินจนผมอดที่จะสูดลมหายใจลึกๆ เข้าปอดไม่ได้ ถ้าได้มาทำงานที่นี่คงจะดีไม่น้อย สุขภาพปอดผมคงดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

ลมเย็นๆ โชยพัดมาตลอดเวลา ทิวต้นสนไหวโอนเอนไปมาตามแรงลมดูโรแมนติกดีเหลือเกิน สีเขียวของมันที่ตัดกับขอบฟ้าสีครามชวนให้ผมคิดถึงบ้านเกิดของตัวเอง บรรยากาศและวิวทิวทัศน์แบบนี้ผมเห็นมาตั้งแต่เกิดแล้ว แต่พอมาเรียนมหาลัยที่กรุงเทพ ผมได้กลับบ้านแค่ปีละครั้งสองครั้ง กลับทีก็อยู่แค่ไม่กี่วัน ยิ่งช่วงทำงานนั้นแทบไม่ต้องพูดถึง ได้กลับบ้านปีละหนก็นับว่าบุญแล้ว ผมจึงจำใจต้องตัดขาดจากธรรมชาติ แต่อยู่ไปอยู่มาก็เริ่มชอบชีวิตของคนเมืองหลวงไปซะแล้ว

ปิ๊นๆ ปิ๊นๆ

เสียงบีบแตรรถทำให้ผมต้องหยุดเดินและหันไปมองตามเสียง รถเบนซ์สปอร์ตสีดำคันหนึ่งวิ่งตามหลังผมมาอย่างช้าๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เจ้าของรถลดกระจกลงแล้วส่งรอยยิ้มมาทักทายก่อนเป็นอันดับแรก

"ชอบไหมครับ"

ชายหนุ่มรูปหล่อที่เป็นเจ้าของรถคันงามเอ่ยถาม ดูจากหน้าตาแล้วน่าจะวัยไล่เลี่ยกับผมนี่แหละ

"อ๋อ...ชอบครับ"

ผมตอบไปอย่างงงๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร เสื้อยีนส์สีน้ำเงินแขนยาวที่สวมทับอยู่บนเสื้อกล้ามสีขาวช่วยขับให้ใบหน้าของเจ้าของรถดูสดใสมีออร่าน่ามองมากทีเดียว ผมไม่ได้ชอบผู้ชายหรอก แต่ผู้ชายคนนี้ดูดีเสียจนผู้ชายด้วยกันยังต้องมองด้วยความอิจฉา

"มาคนเดียวเหรอครับ"

แน่ะ ไม่รู้จักกันแล้วยังมาชวนคุยอีก ผมว่าจะเดินเล่นคนเดียวให้สบายใจซะหน่อย

"ครับ"

"เดินเล่นให้สนุกนะครับ ต้องการอะไรก็บอกได้เลย"

ว่าแล้วชายหนุ่มรูปหล่อหน้าใสคนนั้นจึงค่อยๆ เลื่อนกระจกรถขึ้น ก่อนจะค่อยๆ แล่นจากไปอย่างช้าๆ มุ่งตรงไปทางรีสอร์ทที่ผมเพิ่งเดินออกมา

"ใครวะ"

ผมแอบสงสัยในใจ แต่แล้วกลับรู้สึกสะดุดใจกับบางสิ่งบางอย่าง แม้จะเห็นเพียงแวบเดียวผมกลับรู้สึกเหมือนเคยเจอชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้ที่ไหนสักแห่งมาก่อน แต่พยายามนึกเท่าไหร่กลับนึกไม่ออก

"ทำไมหน้าคุ้นๆ"

ผมถามตัวเองเบาๆ ใช้ความคิดอย่างหนักว่าเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหน หรือจะเป็นใครสักคนที่ผมเคยรู้จักนานมาแล้วหรือเปล่า

พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วผมจึงเบิกตากว้าง ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า แต่ผมอยากให้ใช่เหลือเกิน คนนี้นี่แหละที่ผมเฝ้าตามหามานานหลายปี คนที่ทำให้ชีวิตในวัยเด็กของผมสดใส อบอุ่นและสวยงาม แต่โลกของผมคงแบนสนิท วันเวลาผ่านมาสิบกว่าปีแล้วผมยังไม่เคยเจอใครคนนั้นอีกเลย นานจนลืมไปแล้วด้วยซ้ำ​
ผมรีบหันหลังกลับแล้วสาวเท้าเดินจนเกือบจะเป็นวิ่งตามรถคันนั้นที่หายลับตาไปแล้ว

สาธุ!!!

ขอให้เป็นคนที่ผมอยากเจอมามากกว่าสิบปีด้วยเถอะ ในช่วงหลายปีมานี้ ผมลืมคิดถึงคนๆ นี้ไปแล้วเพราะคิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีก แต่ผมไม่เคยลืมความทรงจำดีๆ กับคนๆ นี้เลย

ผมวิ่งมาเกือบๆ ถึงร้านกาแฟเล็กๆ ข้างอาคารต้อนรับแขกที่ผมเพิ่งเข้าไปเมื่อไม่ถึงยี่สิบนาทีที่แล้ว แล้วผมก็เห็นชายหนุ่มคนนั้นเดินลงมาตามทางเดินที่ปูด้วยแผ่นซีเมนต์เรียงห่างๆ กันอย่างรีบเร่ง ถ้าผมเดาไม่ผิด น่าจะกำลังเดินมาหาผมนี่แหละเพราะสายตาคู่นั้นจับจ้องมาที่ผมอย่างไม่ให้คลาดสายตา แถมยังขมวดคิ้วมุ่นคล้ายสงสัยบางอย่าง

ผมรีบสาวเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อเดินไปหาชายหนุ่มคนนั้นอย่างตื่นเต้น รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงและเลือดที่สูบฉีดไปทั่วร่างกายด้วยจังหวะที่ถี่ขึ้นกว่าปกติ จนกระทั่งเราสองคนมาหยุดยืนประจันหน้ากันที่หน้าร้านกาแฟพอดิบพอดี

"พี่แฟรงค์!!!"

ผมร้องเรียกชื่อนั้นออกมาอย่างดีใจ ริมฝีปากสั่นระริกจากความตื่นเต้นจนควบคุมไม่ได้ ใครได้เห็นสีหน้าของผมตอนนี้คงจะรู้ว่าผมดีใจมากแค่ไหน ผมไม่ได้เรียกชื่อนี้มานานเหลือเกินทั้งๆ ที่เคยเป็นชื่อที่ผมเคยเรียกแทบทุกวันตอนเด็กๆ เรียกบ่อยกว่าเรียกแม่แท้ๆ ของตัวเองด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา จากนั้นจึงฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจไม่แพ้กัน

"ก็บอกแล้วไงว่าไม่ให้เรียกพี่ จำไม่ได้เหรอ"

น้ำตาผมแทบจะร่วงเสียให้ได้ ใช่พี่แฟรงค์จริงๆ ด้วย สมัยเรียนประถมด้วยกัน ผมชอบเรียกแฟรงค์ว่าพี่เพราะเราเรียนกันคนละชั้น แฟรงค์เกิดเดือนสิงหาคมปี 2533 ส่วนผมเกิดเดือนมกราคมปี 2534 อายุเราจึงห่างกันไม่กี่เดือน พอเกิดคนละปีจึงไม่ได้เรียนชั้นเดียวกัน ผมจึงติดเรียกแฟรงค์ว่าพี่บ่อยๆ แม้ว่าแฟรงค์จะคอยเตือนว่าไม่ให้เรียกพี่ก็ตาม

คนที่จะพูดประโยคนี้กับผมมีเพียงคนเดียวเท่านั้นในโลกนี้ ใช่แล้ว...นี่แหละคนที่ผมตามหาและอยากเจอมานานแสนนาน

"พี่แฟรงค์!"

"นัท!"

... ... ...

ถ้าถามผมว่าเจอพี่แฟรงค์ครั้งแรกตอนไหน ผมคงตอบไม่ได้ แม้ว่าวัยเด็กจะเป็นวัยที่เรามีความสุขมากที่สุด แต่เรื่องราวเหล่านั้นมักถูกลบลืมไปจนแทบจำไม่ได้ ผมรู้แต่ว่าเราเรียนโรงเรียนประถมที่ตัวอำเภอเขาค้อเหมือนกัน น่าจะเจอกันตอนปอหนึ่งปอสองนั่นแหละ เพียงแต่เราไม่เคยคุยกัน ถึงกระนั้น ผมพอจะจำเหตุการณ์ที่ทำให้ผมกับแฟรงค์เริ่มสนิทกันได้ไม่เคยลืม

ตอนนั้นผมอยู่ปอสาม วันหนึ่งผมขออนุญาตครูออกไปปัสสาวะที่ห้องน้ำหลังโรงเรียนในระหว่างที่เรียนอยู่ คงจะเป็นคราวซวยของผม จู่ๆ โดนหมาตัวหนึ่งงับที่น่องซ้ายเข้าให้โดยที่ผมไม่รู้ว่ามันมาจากทางไหน ผมร้องไห้เสียงดังด้วยความเจ็บปวดระคนตกใจ พี่แฟรงค์บังเอิญอยู่แถวนั้นพอดีจึงวิ่งมาช่วย ได้พี่แฟรงค์นี่แหละที่ช่วยไล่หมาตัวนั้นไป แถมยังช่วยไปตามครูประจำชั้นมาพาผมไปหาหมอด้วย

ผมขาบวมอยู่หลายวันเพราะมันกัดเข้าไปลึกมาก ลึกจนเป็นแผลเป็นที่น่องอยู่จนถึงทุกวันนี้ ไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้าหลายครั้ง ไม่ได้ไปเรียนตั้งหลายวัน วันแรกที่กลับไปเรียน พี่แฟรงค์เดินมาหาแล้วถามอาการใหญ่เลยว่าเป็นไงบ้าง นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นมิตรภาพของ "พี่ชายแฟรงค์ปอสี่" กับ "น้องชายนัทปอสาม"

วันนั้นผมไปโรงเรียนกับพี่สาวชื่อนิว แม่ไม่อยากให้ผมปั่นจักรยานเองเพราะกลัวขาบวมขึ้นมาอีก ขาไปตอนเช้าไม่มีปัญหา แต่ตอนขากลับพี่นิวดันลืมรับผมกลับด้วย โชคดีที่ผมได้เจอแฟรงค์ก่อน จึงได้ซ้อนท้ายจักรยานของแฟรงค์กลับบ้านแทน

แฟรงค์ส่งผมที่บ้านแล้วขี่จักรยานต่อไปอีกราวๆ หนึ่งกิโลเพื่อกลับบ้านของตัวเอง เนื่องจากบ้านผมเป็นทางผ่านไปกลับโรงเรียนของแฟรงค์อยู่แล้ว ตอนเช้าแฟรงค์จึงมารับผมไปโรงเรียนด้วย ตอนเย็นมาส่งถึงบ้าน แม้ว่าตอนหลังผมหายดีแล้วและขี่จักรยานเองได้ แฟรงค์ยังขี่จักรยานกลับบ้านกับผมและมาส่งผมที่บ้านก่อนกลับบ้านตัวเองเสมอๆ ผมยังพอจำบรรยากาศที่มีแต่เสียงหัวเราะสนุกสนานของเราสองคนได้ดี แม้ว่าภาพจะลางเลือนก็ตามที อ้อ...บางวันแฟรงค์มากับน้องสาวชื่อเฟิร์นด้วย เฟิร์นอายุเท่าๆ กับผมเลย เราเรียนชั้นเดียวกันแต่คนละห้อง

ผมกับแฟรงค์สนิทกันเร็วมาก คุยกันตามประสาเด็กผู้ชายได้ทุกเรื่อง อาจจะเป็นเพราะเราสองคนมีพี่น้องเป็นผู้หญิงทั้งคู่จึงอยากมีพี่น้องเป็นผู้ชายบ้าง วันเสาร์อาทิตย์หรือปิดเทอม แฟรงค์มักจะแวะมาเล่นกับผมและเพื่อนๆ แถวบ้านบ่อยๆ ผมเองเคยไปบ้านแฟรงค์บ่อยครั้งจนรู้จักกับพ่อแม่ของแฟรงค์และคนในครอบครัวหมดทุกคน บ้านแฟรงค์มีฐานะดีพอสมควรเพราะทำธุรกิจรีสอร์ท ตอนนั้นเราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ จนใครๆ คิดว่าเราสองคนเป็นพี่น้องกันไปแล้ว นึกถึงช่วงเวลานั้นทีไรก็มีความสุขทุกครั้ง

แม่ผมทำขนมจีนเส้นสดอร่อยมาก เวลาแฟรงค์มาส่งผม แม่มักจะฝากขนมจีนห่อใส่ถุงให้แฟรงค์เอากลับไปที่บ้านด้วย ที่บ้านแฟรงค์ติดใจขนมจีนฝีมือแม่ผมมากถึงขนาดเคยตามมาขอซื้อถึงบ้าน แต่แม่ผมกลับไม่ขาย บ้านแฟรงค์จึงได้กินขนมจีนฝีมือแม่ผมโดยไม่ต้องเสียเงินจนกระทั่งแฟรงค์เรียนจบปอหก

ผมมีความทรงจำดีๆ ตามประสาเด็กๆ หลายอย่างกับแฟรงค์ แต่น่าเสียดายที่ผมจำเรื่องราวเก่าๆ ไม่ค่อยได้แล้วเมื่อโตขึ้น แม้ว่าจำรายละเอียดไม่ได้ทั้งหมด แต่ผมไม่เคยลืมความรู้สึกอบอุ่นใจที่ผมได้รับจากพี่ชายคนนี้เลย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความรู้สึกที่เรามีต่อคนๆ หนึ่งจะยังคงอยู่กับเราตลอดไป

อีกเรื่องหนึ่งที่ผมยังจำได้ดีเสมอคือเรื่องที่แฟรงค์ชอบดุผมเวลาผมเรียกพี่นี่แหละ อายุของเราห่างกันแค่สี่เดือนเศษๆ แฟรงค์จึงไม่อยากให้เรียกพี่เท่าไหร่ คอยห้ามผมไม่ให้เรียกพี่อยู่บ่อยๆ ผมจึงเรียกแฟรงค์บ้าง พี่แฟรงค์บ้าง สลับกันไปมาจนบางทีผมสับสนซะเอง

วันสุดท้ายที่ผมได้เจอแฟรงค์คือวันสุดท้ายก่อนปิดเทอม แฟรงค์ขี่จักรยานมาส่งผมที่บ้านอย่างที่เคยทำมาตลอด ผมส่งการ์ดที่เขียนเองกับมือให้แฟรงค์ไป ในนั้นมีข้อความสั้นๆ เขียนไว้ว่า

"ขอบคุณครับพี่ชาย ผมจะไม่ลืมพี่แฟรงค์นะครับ"

ผมกอดแฟรงค์แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นใหญ่เลย รู้สึกหดหู่ใจและเสียใจมากที่ต้องพลัดพรากจากคนที่ผมผูกพันด้วย ร่ำร้องอ้อนวอนไม่ให้แฟรงค์ไปจนแฟรงค์พลอยร้องไห้ไปด้วย พอผมไม่ยอมปล่อย แม่ต้องมาช่วยปลอบอีกคนจนผมยอมปล่อยแฟรงค์ไป

ก่อนกลับ แม่ผมส่งถุงขนมจีนให้แฟรงค์เอากลับไปฝากที่บ้านเหมือนเช่นเคย คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่แฟรงค์จะได้กินขนมจีนฝีมือแม่ผม พี่แฟรงค์เดินเข้ามากอดไหล่ผมไว้เบาๆ เป็นครั้งสุดท้ายแล้วสัญญากับผมว่า

"ปิดเทอมหน้าพี่จะมาหานัทนะ"

แฟรงค์ไม่เคยเรียกแทนตัวเองว่าพี่เลย ปกติจะเรียกตัวเองว่าแฟรงค์ตลอด มีวันนั้นแค่วันเดียวที่แฟรงค์เรียกแทนตัวเองต่างไป คำว่า "พี่" ทำให้ผมยิ่งใจหาย เพราะ "พี่" คือความรัก ความอบอุ่น ความผูกพัน และ "พี่" คือคนๆ เดียวที่ผมมอบความไว้วางใจที่มีทั้งหมดให้

ผมโบกมือลาให้พี่ชายต่างพ่อต่างแม่ที่ขี่จักรยานคู่ใจไกลออกไปด้วยความใจหายและอาลัยอาวรณ์ แฟรงค์คอยหันกลับมามองผมเป็นระยะๆ จนกระทั่งค่อยๆ หายลับไปจากสายตาของผม ผมได้แต่ยืนนิ่งและงุนงงว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ไม่อยากเชื่อเลยว่าแฟรงค์ได้จากน้องชายคนนี้ไปแล้วทั้งๆ ที่เมื่อวานเรายังเพิ่งวิ่งเล่นด้วยกันอยู่เลย

นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมไม่เคยเจอพี่แฟรงค์อีกเลยตลอดสิบสามปี...

หลังจากวันนั้น ผมขี่จักรยานไปกลับโรงเรียนคนเดียวเหงาๆ เจอเฟิร์นที่โรงเรียนบ้าง แต่เจอแค่เทอมเดียวแล้วเฟิร์นกลับหายไปอีกคน ครอบครัวแฟรงค์ย้ายไปอยู่กรุงเทพกันหมดแล้ว ผมยิ่งใจหายหนักกว่าเก่าเพราะเริ่มสังหรณ์ใจว่าคงไม่ได้เจอกันอีก แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วย

ผมมีรูปถ่ายหนึ่งใบของผมกับแฟรงค์เก็บไว้ในอัลบั้มรูปเก่าๆ รูปนั้นถ่ายตอนที่เราไปเข้าค่ายลูกเสือด้วยกันที่อนุสรณ์สถานบนเขาค้อ ตอนนั้นผมอยู่ปอห้า แฟรงค์อยู่ปอหก ครูคนหนึ่งช่วยถ่ายรูปของเราไว้ แม่ผมช่วยเอาไปอัดให้แล้วเก็บไว้คนละใบ แม้ว่านานๆ ครั้งจะได้หยิบมาดู แต่รูปใบนั้นช่วยทำให้ผมไม่เคยลืมหน้าของแฟรงค์เลย ผมไม่รู้หรอกว่าแฟรงค์ยังเก็บรูปนี้ไว้อยู่หรือเปล่า รวมถึงการ์ดใบนั้นที่ผมเขียนให้ด้วย

ผมมักจะขี่จักรยานไปที่บ้านเก่าของแฟรงค์ด้วยความคิดถึงอยู่บ่อยๆ ตอนนั้นมีครอบครัวใหม่มาอยู่แทนแล้ว เห็นบ้านแฟรงค์ทีไรผมก็ใจหายทุกที คิดถึงแต่ไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน ผมกลายเป็นคนเงียบเหงาเศร้าซึมนานเป็นปีๆ เลย

วันสุดท้ายที่ผมไปที่นั่นคือตอนที่ผมเริ่มเรียนมอหนึ่ง บ้านเก่าของแฟรงค์ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย ผมมองดูอย่างเศร้าๆ แล้วเกิดความคิดในใจขึ้นมาว่าผมควรจะเลิกมาที่นี่เสียที ยังไงๆ แฟรงค์คงไม่กลับมาอีกแล้ว ผมค่อยๆ ละสายตาจากบ้านหลังนั้นแล้วขี่จักรยานจากไป ไม่เคยกลับไปที่นั่นอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น

พี่แฟรงค์ ผมคิดถึงพี่มากนะ พี่เป็นฮีโร่ในดวงใจของผม ผมจะไม่ลืมพี่เลย...

วันเวลาผ่านไปหลายปีแล้ว ความคิดถึงค่อยๆ เจือจางไปและแทบไม่มีผลกับชีวิตของผมอีก ชีวิตยังเดินต่อไปตามประสาเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง วัยเด็กอย่างเรานั้นลืมง่ายจะตาย พอเจอเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ ความทรงจำเก่าๆ จึงค่อยๆ ลบเลือน แต่ทุกครั้งที่ผมกลับมาบ้านที่เขาค้อ ผมมักถามหาแฟรงค์จากเพื่อนเก่าๆ ของแฟรงค์บางคนที่ยังอยู่ที่นั่นเสมอๆ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าแฟรงค์อยู่ที่ไหนนอกจาก "กรุงเทพ" แต่รู้ไปก็ใช่ว่าจะหาเจอเพราะกรุงเทพใช่เล็กๆ ที่ไหน

แม้ดูเหมือนว่าผมจะลืมวันคืนเก่าๆ ไปหมดแล้ว แต่ในใจของผม ผมไม่เคยลืมพี่ชายที่แสนดีเลย ยังคงหวังอยู่เสมอๆ ว่าสักวันหนึ่งจะได้เจอพี่แฟรงค์อีกสักครั้งเพื่อกล่าวคำขอบคุณ ขอบคุณที่ครั้งหนึ่งเราเคยเป็นพี่น้องที่ผูกพันกัน มีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน

ที่สำคัญ ผมยังคงรอคอยคำสัญญานั้นของแฟรงค์เสมอ...

สิบสามปีแล้วที่เราจากกัน นานจนผมแทบจะลืมไปด้วยซ้ำว่าเคยอยากเจอใครและตั้งใจไว้ยังไง จนกระทั่งวันนี้และตอนนี้ คนที่ผมเฝ้ารอคอยมานานแสนนานกำลังยืนอยู่ตรงหน้าราวปาฏิหาริย์

พี่แฟรงค์ ผมดีใจเหลือเกินที่เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง แม้ว่าเรื่องราววันนั้นจะผ่านไปนานแล้ว แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนพี่แฟรงค์ยังคงเป็นพี่ชายที่แสนดีของผมเหมือนเดิม คำสัญญาที่พี่แฟรงค์เคยให้กับน้องชายคนนี้ไว้เป็นจริงแล้วในวันนี้ พี่แฟรงค์ได้กลับมาหาผมแล้ว

ความผูกพันของเราเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่ถูกทิ้งให้ขาดน้ำขาดฝนนานถึงสิบสามปี แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าเมล็ดพันธุ์นี้ยังไม่ตาย และมัน...กำลังได้จะได้รับน้ำหล่อเลี้ยงเพื่อกลับมาเติบโตในใจของเราสองคนอีกครั้ง!


อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 15:50:20 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
อ่านแว็บๆ

เหมือนจะดราม่าป่าวอะ

ชอบโคลงเรื่อง น่าสนใจมากๆ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
เพื่อนในวัยเด็กห่างหายกันไปนานสินะ ถ้าได้งานที่นี่ก็อาจจะเจอกันบ่อย ๆ ??

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
อยากอ่านต่อจังเลย  :mew1: นัทนี่เป็นชื่อที่ใคร ๆ ก้อชอบน่ะเนี่ย เป็นชื่อที่เจอบ่อยมาก ๆ เลย ตั้งแต่อ่าน BL มา  :mew4:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
มาแล้วๆ
คุณณัทเองก็กำลังมีหนังเรื่อง Fathers ใช่ไหมนี่
อยากดูนะ  ถ้าอยู่เมืองไทยจะไปสนับสนุน
ขำที่เรารู้จักดาราคนนี้จากอิมเมจที่ใช้ในนิยายคุณ Sarawatta

แนวดราม่า + อบอุ่นหรือเปล่าคะ?
อยากรู้ว่าคู่นี้มีอะไรจากเมื่อก่อนหรือเปล่า?

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อยากอ่านแล้วอ้ะ

ไม่น่าเชื่อเนอะ หายไปนานแล้วยังจำกันได้ ดีจังเลย

เราเองเพื่อนมัธยมบางคนเห็นหน้ากันในเฟซบุ๊คยังนึกไม่ออกว่า ตอนนั้นหน้าตามันเป็นอย่างไร 55555

ขอบคุณสำหรับนิยายอ่านสนุกทุกเรื่องเลย

ปล. 'โคตร' เขียนแบบนี้ ไม่ใช่ 'โฆตร' จ้ะ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ผมอัปเดต "บทนำ" เพิ่มเติมอีกเล็กน้อยนะครับ สามารถอ่านต่อจากเดิมได้เลย
แค่เริ่มเรื่อง น้ำตาก็ถามหาซะแล้ว 555

เรื่องนี้ดราม่าหรือเปล่า...
นิดหน่อยครับ ไม่เท่ากับต้นสนอย่างแน่นอน
สองเรื่องที่เป็นดราม่าสุดๆ ของผมก็คงยกให้ "ต้น-สน" กับ "รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต" นี่แหละ

เรื่องนี้จะออกแนวอบอุ่น โรแมนติก ผสมดราม่าเป็นช่วงๆ หน่วงๆ บ้าง
มีอะไรไม่คาดฝันเยอะเหมือนกัน แต่ผมชอบ

ผมได้พล็อตเรื่องนี้มาจากตัวเองส่วนหนึ่ง
ผมเพิ่งได้เจอเพื่อนสมัยประถมคนหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ผมตามหาเพื่อนคนนี้มานานมาก
ตั้งแต่จบปอหกก็ไม่เคยได้เจอกัน เขาเป็นเพื่อนที่ผมเคยแอบชอบตอนสมัยเรียนประถมด้วย 555

ประกอบกับที่ผมเพิ่งไปเที่ยวที่เขาค้อกับภูทับเบิกมา ผมก็เลยได้ไอเดียมาเขียนเรื่องนี้
เรื่องนี้มีอาชีพเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ที่ผมบอกไว้ว่าจะลงตัวเต็มปีหน้าเพราะผมยังต้องหาข้อมูลอีกเยอะ
บางทีผมว่าผมจะไปพักที่ "เรือนแพรีสอร์ท" ดูสักวันสองวันบ้าง เผื่อจะได้ไอเดียเพิ่มมาอีก

เนื่องจากเป็นเรื่องความผูกพัน ผมก็อดนึกถึงตัวละครหลักของ "ต้น-สน" อีกไม่ได้
ผมว่าสองคนเขาเหมาะและลงตัวกับเรื่องราวอย่างนี้ดี

ปีหน้าพบกันครับ  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

Sarawatta

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
อ่านแล้วอยากจะพูดว่า  " I can't waite for next year!! " อ่านแล้วมันอยากอ่านต่อจังเลยค่ะ แต่รอรอค่ะมาแนวที่ชอบอีกแล้ว
ถึงจะดราม่าแต่ก็อยากอ่านค่ะ ...

เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะค่ะ :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
จะได้อ่านปีหน้า

งั้นคนแต่ง แต่งไว้ในสต็อกเยอะๆเลยนะ

เวลามาลงคนอ่านจะได้อ่านเรื่อยๆ

อ่านได้ต่อเนื่องไม่ขาดตอน ขาดอารมณ์

สู้ๆ รอจ้า

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
 แววดราม่าตั้งแต่เริ่มเรื่องเลยครับบบบ แต่ยังไงก็จะติดตาม อิอิ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ตอนนั้นพี่แฟรงค์คงเป็นเหมือนกับฮีโร่สำหรับเด็กชายน้องนัทเลยนะคะนั่น เพราะนอกจากจะช่วยเหลือแล้วยังมีการติดตามผลหลังจากนั้นอีกต่างหาก น่ารักจริงๆ เลยค่ะ ^^

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
ความผูกพันที่ไม่เคยจางหายตามวันเวลาได้หวนกลับมาอีกครั้ง เป็นโชคชะตาจริง ๆ ที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งน่ะ เราก้อเคยจากกันกับเพื่อนเก่าที่สนิทกันแต่พอมาเจอกันกลับไม่ได้คิดที่จะขอเบอร์เพื่อติดต่อกันเลย อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายมีครอบครัวไปแล้วโอกาสที่จะไปมาหาสู่ก้อคงแทบไม่มีแล้วล่ะ ก้อต้องมาดูกันว่าคู่นี้โชคชะตาจะพาไปทางไหน  :mew1:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
แค่เปิดเรื่องก็สนุกแล้วคับ อดใจรอปีหน้าก็ได้ ๕๕๕

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly

ตอนที่ 1 ✢ ในอ้อมกอดของพี่ชาย



ร้านกาแฟเรือนแพ...

เวลาตอนนี้เพิ่งจะบ่ายโมง ไม่มีลูกค้าเข้ามาที่ร้านกาแฟเพราะส่วนใหญ่ไปกินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารกลางน้ำ ในร้านจึงมีแค่ผมกับแฟรงค์เพียงสองคนที่นั่งมองหน้ากันไปมา เหมือนว่าไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง แต่กระนั้นก็ไม่ทำให้บรรยากาศอึดอัดแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม สายตาของเราสองคนกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

"พี่แฟรงค์ รู้ตัวมั้ยว่าพี่แฟรงค์หล่อมาก นัทนึกไม่ออกเลยว่าพอพี่โตมาแล้วจะหล่อขนาดนี้"

นั่นคือประโยคแรกที่ผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่สั่งเครื่องดื่มไปแล้วและนั่งมองหน้ากันเขินๆ อยู่นานสองนาน

"ขนาดนั้นเลยเหรอนัท" แฟรงค์หัวเราะเบาๆ แก้เขิน

"จริงสิ พี่แฟรงค์หล่อจริงๆ นะ ไม่อยากเชื่อเลยว่านัทมีพี่ชายหล่อขนาดนี้ พี่แฟรงค์ดูเท่มาก สมาร์ท แล้วก็ดูเป็นผู้ใหญ่ด้วย"

"พอแล้วๆ เดี๋ยวแฟรงค์ก็ลอยทะลุเพดานพอดี"

ผมกับแฟรงค์หัวเราะด้วยกันอย่างที่เราเคยหัวเราะเมื่อตอนเด็กๆ รอบตัวเราดูเหมือนจะรายล้อมไปด้วยบรรยากาศและความรู้สึกเก่าๆ ที่ย้อนกลับมาอีกครั้งอย่างไม่นึกไม่ฝัน

"พี่แฟรงค์สบายดีนะ แต่แหม...ขับรถเบนซ์หรูซะขนาดนี้ คงจะล่ำซำดีนะพี่"

"สบายดี แล้วนัทล่ะ"

ผมหลุบตาต่ำลงเล็กน้อยเมื่อเจอคำถามนี้ แม้จะเป็นคำถามง่ายๆ แต่กลับเป็นคำถามที่ผมไม่อยากตอบเท่าไหร่

"ก็สบายดี" ผมตอบเสียงเบา

สีหน้าของแฟรงค์ยังคงระบายไปด้วยรอยยิ้มดีใจตั้งแต่ที่เพิ่งเจอกันเมื่อกี้แล้ว แต่ไม่ทันไรผมก็เห็นเหมือนมีหยดน้ำใสๆ ไหลซึมออกมาจากสองตาคู่นั้น

"พี่แฟรงค์ร้องไห้ทำไม"

ผมถามด้วยสีหน้าตกใจและสงสัย หันไปมองรอบๆ แล้วก็ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่ไม่มีใครหันมาสนใจ

"นัท...ตอนที่นัทขี่จักรยานไปโรงเรียนคนเดียว นัทเหงาหรือเปล่า แฟรงค์ขอโทษนะที่แฟรงค์ไม่ได้ไปหานัทเลย"

"พี่แฟรงค์ยังจำได้อีกเหรอ"

ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อ แต่เหตุการณ์นั้นก็ผ่านมานานมาก ไม่น่าจะทำให้ผมหรือแฟรงค์รู้สึกอะไรกับมันอีกแล้ว แฟรงค์พยักหน้าช้าๆ พยายามสะกดกลั้นน้ำตาเต็มที่เพราะขืนร้องไห้ตรงนี้เด็กๆ ในร้านคงตกใจน่าดู

ทำไมแฟรงค์ยังรู้สึกกับเรื่องที่ผ่านมาเป็นสิบๆ ปีได้อีกหนอ เมื่อก่อนแฟรงค์รักผมมากในฐานะน้องและเพื่อน แม้ไม่ใช่น้องแท้ๆ แต่ก็ดูแลผมไม่ต่างจากน้องที่คลานตามกันมาเลย แฟรงค์อาจจะสะเทือนใจเพราะเรื่องนี้เป็นแน่ แต่คนที่รู้ที่มาของน้ำตาหยดนี้ดีที่สุดก็คือคนตรงหน้าผม

"แฟรงค์อย่าพูดอย่างงี้สิ นัทจะร้องไห้ตามแล้ว"

ผมเองก็เริ่มมีน้ำตามาเอ่อที่ขอบตาเช่นกัน เรามองหน้ากันแล้วก็ขำกันเอง ช่างเป็นอารมณ์ที่แปลกเหลือเกิน ทั้งอยากหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมๆ กัน

"แฟรงค์ยังเก็บรูปแล้วก็การ์ดใบนั้นของนัทไว้ตลอดเลย เดี๋ยววันหลังจะเอามาให้ดู"

"จริงเหรอ..." ผมยิ้มดีใจ  "นัทก็เก็บรูปของแฟรงค์ไว้เหมือนกัน รูปนั้นแหละ"

"นึกว่านัทจะลืมแฟรงค์แล้วซะอีก"

"ใครจะลืมได้ล่ะ ขี่จักรยานไปโรงเรียนด้วยกันตั้งหลายปี พี่แฟรงค์รู้มั้ย...นัทตามหาพี่แฟรงค์มานานมาก เจอเพื่อนเก่าคนไหนของพี่แฟรงค์ นัทก็ถามหาพี่แฟรงค์ตลอดเลย นัทยังเคยขี่จักรยานไปที่บ้านเก่าของพี่แฟรงค์บ่อยๆ นัทคิดถึงพี่แฟรงค์มากเลยตอนนั้น แต่พี่แฟรงค์ก็ไม่กลับมาหานัทเลย..."

น้ำเสียงและสีหน้าผมหม่นเศร้าในตอนท้าย ยิ่งทำให้แฟรงค์ต้องคอยกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไม่ให้น้ำตาไหลลงมา วันเวลาที่ผ่านไปอาจทำให้ความทรงจำหลายอย่างลบเลือน แต่สิ่งที่ไม่เคยลบเลือนเลยก็คือความรู้สึกดีๆ ที่เราเคยมีให้กัน แล้วความรู้สึกในวันนั้นก็กำลังจะกลับมาอีกครั้ง

"แฟรงค์ขอโทษนะที่แฟรงค์ผิดคำสัญญา เรื่องมันยาวมาก เอาไว้วันหลังแฟรงค์จะเล่าให้นัทฟังนะ"

ผมเพิ่งเคยเห็นผู้ชายตัวโตมีน้ำตาก็วันนี้แหละ แม้ว่าแฟรงค์จะพยายามแค่ไหนก็ห้ามน้ำตาไม่สำเร็จ ผมจึงส่งกระดาษเช็ดปากที่อยู่บนโต๊ะให้แฟรงค์ไปหนึ่งแผ่น ก่อนหยิบของตัวเองมาด้วย ต่างคนต่างซับน้ำตาแล้วก็ขบขันกันเอง ทำไมเราสองคนถึงร้องไห้? เพราะความรู้สึกลึกๆ บางอย่างที่ถูกเก็บซ่อนไว้มานานหรือเปล่า? ท่าทางของเราไม่น่าเป็นคนอ่อนไหวง่ายจนผิดวิสัยผู้ชายทั่วไปเลย

"นัทไม่เคยโกรธพี่แฟรงค์เรื่องนั้นหรอก นัทเข้าใจ..."

แม้จะยังไม่รู้ว่าเพราะอะไรแฟรงค์ถึงไม่เคยกลับไปที่บ้านเกิดอีกเลย แต่ผมก็พอจะเดาได้ว่าคงมีปัญหาบางอย่าง

"นัทก็หล่อเหมือนกันนะ แฟรงค์ก็ดูไม่ออกเหมือนกันว่าโตขึ้นมาแล้วนัทจะหล่อขนาดนี้ คงมีสาวๆ มาชอบเยอะล่ะสิท่า"

แฟรงค์ชวนคุยตลกๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้สดใสขึ้น แต่ผมกลับทำได้แค่ยิ้มเศร้าๆ

"แล้วพี่แฟรงค์ล่ะ หล่อๆ อย่างงี้...คงมีเจ้าของแล้วแน่ๆ เลย"

แฟรงค์เอนตัวไปข้างหลังติดพนักเก้าอี้ในอิริยาบถสบายๆ ก่อนจะพยักหน้ายอมรับอย่างช้าๆ

"อืม..."

"ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ"

ผมถามอย่างนึกสนุก แฟรงค์ขมวดคิ้วทำหน้าฉงน แล้วก็ดีดขึ้นมานั่งตัวตรง

"ทำไมถามงั้นล่ะนัท"

"อ้าว สมัยนี้เป็นเรื่องธรรมดานะแฟรงค์ แฟรงค์จำไอ้ม่อมได้มั้ย ไอ้ม่อมที่อยู่ห้องเดียวกับนัทไง ตอนที่ไปเข้าค่ายลูกเสือ แฟรงค์เคยขอสลับให้ไอ้ม่อมไปนอนกับอีกคน แล้วแฟรงค์ก็มานอนกับนัทแทน จำได้มั้ย"

ผมถือโอกาสเท้าความถึงเรื่องที่ผมพอจำได้ไปด้วย ตอนนั้นเราไปเข้าค่ายลูกเสือ ตอนเย็นครูให้รุ่นน้องกับรุ่นพี่จับสลากว่าใครจะได้นอนคู่กับใคร บังเอิญว่าแฟรงค์จับได้คู่กับม่อม แฟรงค์ก็เลยแอบมาเจรจาลับขอสลับคู่กันจนได้มานอนกับผมในที่สุด

"อ๋อ...จำได้ๆ คืนนั้นนัทนอนกอดแฟรงค์ทั้งคืนเลย"

"ก็มันหนาว" ผมแก้ตัวเขินๆ

เราไปเข้าค่ายช่วงหน้าหนาวพอดี ใครๆ ก็รู้ว่าจังหวัดเพชรบูรณ์ขึ้นชื่อเรื่องความหนาวแค่ไหน

"แล้วนัทพูดถึงไอ้ม่อมทำไมเหรอ"

แฟรงค์วกกลับมาถาม คงงงๆ ที่อยู่ดีๆ ผมก็พูดเรื่องเพื่อนสมัยเรียนอีกคนขึ้นมา

"มันผ่าแล้ว"

"ผ่าแล้ว!"

ผมเห็นคำถามล้านแปดอยู่ในสายตาคู่นั้น แฟรงค์คงจะงงว่า "ผ่า" คืออะไร

"ไอ้ม่อมมันเป็นอะไรเหรอถึงต้องผ่าตัด"

ผมเอนหลังไปติดพนักเก้าอี้บ้าง แล้วก็ขำท่าทางงงๆ ของแฟรงค์

"มันผ่าตัดแปลงเพศเป็นผู้หญิงไง"

"ไอ้ม่อมเนี่ยนะ!!!" แฟรงค์ทำหน้าไม่เชื่อ "มันโคตรเฮี้ยวเลย ไม่บอกไม่เชื่อนะเนี่ย"

"นัทถึงต้องถามพี่แฟรงค์ก่อนไงว่าเจ้าของของพี่แฟรงค์เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง"

แฟรงค์ส่ายหน้าแล้วก็หัวเราะตลกกับคำถามของผม

"นัทนี่ตลกเหมือนเดิมเลยนะ เอาเป็นว่า...แฟรงค์ไม่ได้ผ่าเหมือนไอ้ม่อมละกัน"

ผมไม่แปลกใจหรอก ถึงแฟรงค์จะไม่ใช่ผู้ชายที่โลดโผนโจนทะยานแต่ก็ไม่มีท่าทางกระเดียดไปทางนั้น

"แฟรงค์แต่งงานแล้วเหรอ"  ผมถามเพราะคิดว่าคนวัยย่างยี่สิบหกอย่างแฟรงค์น่าจะแต่งงานได้แล้ว

"ยัง...จะแต่งต้นๆ ปีหน้านั่นแหละ"

ผมพยักหน้ารับรู้ แต่ก็มีความรู้สึกบางอย่างผ่านแวบเข้ามาในความคิด ผมปล่อยให้มันผ่านไปโดยไม่สนใจ ไม่อยากรู้ด้วยซ้ำว่ามันคือความรู้สึกอะไร

"อิจฉาคนมีคู่จัง นัทสิ...ยังหาไม่ได้เลย" ผมพูดติดตลก

"เดี๋ยวก็เจอ ว่าแต่...นัทมาทำอะไรถึงที่นี่ล่ะ"

"นัทว่าจะมาสมัครงานตำแหน่งผู้จัดการรีสอร์ทที่นี่ซะหน่อย เห็นเค้าประกาศรับสมัครอยู่"

แฟรงค์เท้าแขนบนโต๊ะ เอามือประสานกันแล้วก็มองผมอย่างสนใจ พอเห็นหน้าใสไร้สิวใกล้ๆ ของแฟรงค์แล้วผมก็ต้องขอยอมรับตามตรงว่าแฟรงค์เป็นคนมีเสน่ห์น่ามองมาก

"จริงเหรอ แล้วนัทรู้ได้ยังไงว่าที่นี่เค้ารับสมัครผู้จัดการคนใหม่ นัทอยู่แถวนี้หรือเปล่า"

"เปล่า...นัทอยู่รัชดาโน่น พอดีนัทคุยกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนตรีด้วยกันทางเฟส นัทบอกเพื่อนไปว่านัทลาออกจากที่ทำงานเดิมแล้ว อยากหางานทำที่เกี่ยวกับพวกโรงแรมหรือรีสอร์ทที่ไม่ใหญ่มากในกรุงเทพ หรือใกล้ๆ กรุงเทพนี่แหละ แล้วเพื่อนนัทมันอยู่แถวนี้พอดี มันก็เลยบอกให้นัทลองเข้าไปดูในเฟสของเรือนแพรีสอร์ทดู นัทเห็นประกาศรับสมัครผู้จัดการก็เลยสนใจอยากลองมาสมัคร ตอนแรกว่าจะส่งใบสมัครมาทางอีเมล์นั่นแหละ แต่คิดไปคิดมา...มาสมัครเองดีกว่า นัทจะได้มาหาเพื่อนด้วย นี่นัทก็เพิ่งไปหาเพื่อนมา อ้อ...แล้วแฟรงค์ล่ะ แฟรงค์มาทำอะไรที่นี่ แล้วตอนนี้แฟรงค์อยู่ที่ไหน ทำงานที่ไหน"

"เอาคำถามไหนก่อนดี"

"ตอบมาเหอะ คำถามไหนก่อนก็ได้"

แฟรงค์เอามือลงจากโต๊ะแล้วก็นั่งตัวตรงเหมือนเดิม

"ก็ทำงานแถวๆ นี้แหละ บ้านอยู่มีนบุรี ที่มาที่นี่ก็...มีธุระสำคัญอะไรบางอย่างนิดหน่อย"

"อ้าวเหรอ...แล้วแฟรงค์ต้องรีบไปธุระหรือเปล่า นัทรบกวนเวลามั้ย" ผมถามด้วยสีหน้ากังวล

"ไม่หรอก แฟรงค์มาก่อนเวลาน่ะ ยังคุยกับนัทได้อีกนานเลย"

ผมยิ้มอย่างโล่งอก นึกว่าจะได้คุยกันแป๊บเดียวเสียแล้ว

"ดีเลย นัทคิดถึงแฟรงค์มาก มีอะไรอยากคุยกับแฟรงค์เยอะเลย"

"นี่แหละนัทตัวจริง เดี๋ยวก็เรียกแฟรงค์ เดี๋ยวก็เรียกพี่แฟรงค์ ก็บอกแล้วไงว่าให้เรียกแฟรงค์เฉยๆ"

แฟรงค์ทำเสียงดุไม่จริงจังนัก

"ไม่รู้สิ เหมือนจิตใต้สำนึกของนัทมันไม่เชื่อยังไงไม่รู้ ยังไงๆ แฟรงค์ก็อายุมากกว่านัทนั่นแหละ"

แฟรงค์ยิ้มอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มนั้นมีเสน่ห์น่าประหลาดจนทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ได้เหมือนกัน ผมมองดูคนตรงหน้าด้วยสายตาชื่นชม ที่ผ่านมาผมก็มองพี่แฟรงค์ด้วยสายตาที่ชื่นชมราวกับเป็นฮีโร่ในดวงใจเสมอ ไม่ว่าจะมองตรงไหนแฟรงค์ก็ดูดีไปหมด ผู้หญิงที่ได้แต่งงานกับแฟรงค์คงโชคดีมากเพราะแฟรงค์เป็นคนชอบดูแลเอาใจ ที่ผมผูกพันกับแฟรงค์ก็เพราะเหตุนี้แหละ

"แล้วนัทเรียนจบที่ไหนมา ทำงานที่ไหนมามั่ง"

"ถามเหมือนสัมภาษณ์งานนัทเลยนะเนี่ย" ผมพูดติดตลก แล้วก็พูดสืบไป

"นัทจบตรีการจัดการการท่องเที่ยวและการโรงแรมที่ มศว. มา แล้วก็จบโทการจัดการการท่องเที่ยวที่นิด้าอีกใบ พอจบตรีแล้วก็ทำงานที่โรงแรมในเครือแอคคอร์อยู่ที่หนึ่ง ก็ทำอยู่หลายปีเหมือนกัน ตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่จะลาออกก็เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ"

"แล้วทำไมออกล่ะ"

"มันเครียดน่ะแฟรงค์ ทำงานกับบริษัทใหญ่ๆ แล้วก็รู้สึกเลยว่า...เค้าใช้เรายังกะวัวยังกะควาย แล้วก็อีกหลายๆ เรื่อง ช่างมันเถอะ อย่าไปพูดถึงมันเลย เอาเป็นว่าตอนนี้นัทอยากทำงานกับรีสอร์ทเล็กๆ อย่างนี้แหละ เงินเดือนน้อยลงก็ไม่เป็นไรหรอก นัทกะว่าจะทำงานซักสองสามปีหาประสบการณ์ซักหน่อย แล้วนัทก็จะกลับไปทำรีสอร์ทหรือไม่ก็ไร่สตรอเบอรี่ที่ภูทับเบิก แม่ซื้อที่ไว้แถวนั้นไว้หลายไร่เลย"

แฟรงค์พยักหน้ายิ้มๆ แถมยังหัวเราะด้วยสีหน้าแปลกๆ อีก

"ก็ดีเหมือนกันนะ แล้ว...น้านวลเป็นไงบ้าง สบายดีนะ แฟรงค์ไม่ได้กินขนมจีนเส้นสดน้านวลนานมากเลย"

แฟรงค์ชวนเปลี่ยนเรื่องคุยอีกแล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่ได้เจอกันนานก็เลยมีหลายเรื่องที่อยากรู้ เวลาคุยกันก็เลยกระโดดไปเรื่องนั้นเรื่องนี้เป็นธรรมดา

ผมมองถ้วยกาแฟของเราสองคนแล้วก็ขำเบาๆ ไม่รู้ว่าเด็กในร้านเอามาเสิร์ฟตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครยกขึ้นมาจิบเลย

"สบายดี แฟรงค์...นัทขอยืมโทรศัพท์แฟรงค์แป๊บนึงดิ"

ผมพูดอย่างนึกสนุก แฟรงค์มองอย่างงงๆ แต่ก็ส่งไอโฟนรุ่นล่าสุดมาให้ผมแต่โดยดี ปลดล็อกหน้าจอให้ด้วย ผมรับโทรศัพท์มาจากแฟรงค์ด้วยสีหน้ายิ้มมีเลศนัย พอจะกดปุ่มโทรศัพท์ก็รู้สึกสะดุดใจกับภาพวอลเปเปอร์ที่หน้าจอของแฟรงค์ มันเป็นภาพของแฟรงค์ถ่ายคู่กับผู้หญิงสวยคนหนึ่ง น่าจะป็นแฟนของแฟรงค์นั่นแหละ ผมไล่ความคิดนั้นออกไปโดยเร็วแล้วก็กดไอค่อนรูปโทรศัพท์ ก่อนจะกดเบอร์ของแม่ที่ผมจำได้จนขึ้นใจ ผมกดโทรออก เปิดลำโพงแล้วก็ส่งโทรศัพท์ให้แฟรงค์ไป

"อะไร...จะให้แฟรงค์คุยกับใคร" แฟรงค์ถามด้วยสีหน้างงๆ

"แม่นัทไง"

"อ๋อ"

แฟรงค์ทำสีหน้าสบายใจขึ้นมาหน่อย พอแม่ผมรับสาย การสนทนาก็เริ่มขึ้น

"สวัสดีครับน้านวล น้านวลสะดวกคุยหรือเปล่าครับ"

"สะดวกจ้ะ ใครโทรมาเหรอ เสียงคุ้นๆ"

"แฟรงค์ครับน้านวล น้านวลจำผมได้มั้ยครับ แฟรงค์...เพื่อนนัทไงครับ"

"แฟรงค์เหรอ จำได้ๆ เป็นไงบ้างลูก แล้วนี่ไปได้เบอร์น้ามาจากไหน" น้ำเสียงของแม่ผมฟังดูดีใจและตื่นเต้นมากทีเดียว

"ผมเจอนัทโดยบังเอิญที่กรุงเทพครับน้านวล ตอนนี้นัทก็นั่งอยู่กับผมนี่แหละครับ น้านวลสบายดีนะครับ คิดถึงขนมจีนเส้นสดของน้านวลมาก สงสัยผมจะต้องหาเวลากลับไปกินอีกสักครั้ง ไม่ได้กินนานแล้ว"

"มาเลยลูก มากับนัทก็ได้ ตอนนี้น้าเปิดร้านขายขนมจีนอยู่ติดถนนสายสิบสองเลย ชื่อร้านแม่นวล ป้ายเบ้อเร่อเลย หาไม่ยากหรอก มากินให้จุใจเลยลูก แล้วแฟรงค์เป็นไง ทำอะไรอยู่ พวกเราคิดถึงแฟรงค์กันมากรู้มั้ยลูก ตอนที่แฟรงค์ไปเรียนกรุงเทพใหม่ๆ นัทมันเหงามาก แม่เห็นแล้วก็สงสาร นั่งหงอยอยู่คนเดียวทุกวัน คอยถามหาแต่พี่แฟรงค์ๆ"

ผมทันได้เห็นสายตาของแฟรงค์ที่สลดลงเล็กน้อย การที่แฟรงค์ผิดคำสัญญากับน้องชายที่รักมากคนหนึ่ง อาจเป็นเรื่องติดค้างในใจมาตลอดตั้งแต่จากกันก็ได้

แฟรงค์คุยกับแม่ผมอยู่นานหลายนาที คุยเสร็จแล้วแฟรงค์ก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงตัวเองไป

"นัทขอเบอร์แฟรงค์ไว้หน่อยได้มั้ย นัทมีอะไรอยากคุยกับแฟรงค์เยอะแยะเลย แต่คงต้องนัดคุยวันหลังแล้วล่ะ เพราะว่าเดี๋ยวนัทจะต้องไปพบหัวหน้ารีสอร์ทเรื่องสมัครงานแล้ว นัทไม่อยากให้เค้ารอ เดี๋ยวจะดูไม่ดี"

"ไปหาเค้าทำไม ไม่ต้องไปแล้ว"

ผมขมวดคิ้วมองแฟรงค์ นึกหาเหตุผลไม่ออกเลยว่าทำไมแฟรงค์ถึงได้พูดอย่างนั้น

"อ้าว แฟรงค์ไม่อยากให้นัทสมัครงานนี้เหรอ นัทอยากทำงานที่นี่มากเลยนะ"

แล้วแฟรงค์ก็หัวเราะชอบใจใหญ่ ไม่รู้ว่าตลกอะไรของแฟรงค์นักหนา แถมยังส่ายหัวอีกด้วย

"นัท...นัทไม่รู้จริงๆ เหรอว่านัทกำลังคุยกับใครอยู่"

นั่นน่ะสิ! ผมก็ชักสงสัยแล้วเหมือนกันว่าแฟรงค์เป็นใครกันแน่

แฟรงค์ยืดตัวขึ้นพร้อมกับสูดหายใจยาว เอามือสองข้างจับต้นขาตัวเอง ยิ้มละไมแต่ก็มีเลศนัยอยู่ในที แต่ไม่ว่าจะยิ้มแบบไหน รอยยิ้มของแฟรงค์ก็ดูอบอุ่นเสมอ ใบหน้าที่คมคายขึ้นจากตอนเด็กๆ นั้นทำให้รอยยิ้มเดิมแผ่พลังอบอุ่นออกมาได้มากกว่าแต่ก่อนหลายเท่านัก

แฟรงค์ลดไหล่ลงตามเดิม ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่นที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา

"มาทำงานกับพี่นะ"

... ... ...

สรุปว่าแฟรงค์เป็นเจ้าของรีสอร์ทนั่นเอง จะว่าเป็นเจ้าของก็ไม่เชิงเพราะที่นี่เป็นรีสอร์ทของปู่แฟรงค์ ตอนที่แฟรงค์มาเรียนที่กรุงเทพ ธุรกิจรีสอร์ทของพ่อแฟรงค์ที่เขาค้อมีปัญหาหลายอย่าง สุดท้ายก็เลยต้องขายแล้วย้ายมาอยู่กรุงเทพกันทั้งครอบครัว

แฟรงค์เคยเล่าให้ผมฟังว่าปู่ของแฟรงค์มีลูกด้วยกันทั้งหมดห้าคน แต่มีอยู่วันหนึ่งลูกๆ ทั้งห้าคนขับรถไปเที่ยวด้วยกันแล้วก็เกิดอุบัติเหตุ พ่อของแฟรงค์รอดคนเดียวส่วนคนอื่นๆ เสียชีวิตหมด ทรัพย์สมบัติทั้งหลายของปู่จึงยกให้พ่อแฟรงค์คนเดียวเลย

พอธุรกิจที่เขาค้อมีปัญหาและขายทิ้งไป พ่อของแฟรงค์ก็มาดูแลเรือนแพรีสอร์ทแทนปู่ของแฟรงค์ที่เริ่มอายุมาก นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้แฟรงค์ไม่ได้กลับมาที่เพชรบูรณ์อีกเลย พอแฟรงค์เรียนจบ พ่อของแฟรงค์ก็ค่อยๆ ถ่ายโอนภาระความรับผิดชอบที่รีสอร์ทแห่งนี้ให้แฟรงค์ จนกระทั่งแฟรงค์ดูแลเองได้หมด พ่อจึงวางมือไป แต่ก็ยังคอยดูอยู่ห่างๆ

แฟรงค์พาผมเดินดูจนทั่วรีสอร์ท พื้นที่ที่นี่กว้างใหญ่มากจึงใช้เวลานานพอสมควร กว่าจะดูจนหมดและตอบคำถามที่ผมสงสัยได้ทุกอย่างก็เย็นพอดี

ก่อนจะกลับเราก็มานั่งคุยสรุปกันสั้นๆ อีกครั้งที่ห้องทำงานของแฟรงค์ เหลือแค่ตกลงกันว่าจะเริ่มทำงานเมื่อไหร่ยังไง ผมบอกแฟรงค์ไปว่าผมพร้อมอาทิตย์หน้า แฟรงค์เป็นห่วงผมเรื่องขับรถไกลมาทำงาน แต่ผมก็ว่าจะลองดูก่อนเพราะไม่อยากทิ้งคอนโดในเมืองไว้ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยหาทางแก้ปัญหาอีกที

อ้อ ผมมีรถเก๋งอยู่คันหนึ่ง แต่วันนี้ไม่ได้ขับมาด้วยเพราะกลัวหลงทาง ก็เลยนั่งแท็กซี่มาหาไอ้ปอนด์แล้วให้มันมาส่งที่นี่

"ให้พี่ไปส่งนัทนะ" แฟรงค์อาสาขึ้นมาตอนที่ผมกำลังจะขอตัวกลับพอดี

อย่าว่าแต่ผมเลยที่สับสน บางทีแฟรงค์ก็สับสนเหมือนกันว่าจะเรียกแทนตัวเองว่ายังไง แต่ผมก็ชอบที่แฟรงค์เรียกแทนตัวเองว่าพี่ ได้ยินทีไรผมก็อบอุ่นใจทุกครั้ง

"ไม่เป็นไรหรอกแฟรงค์ นัทกลับเองได้ รัชดามันไกลด้วย รถก็ติด เดี๋ยวแฟรงค์เสียเวลา"

"เสียเวลาอะไรกัน นัทเป็นน้องชายของพี่นะ นัทรู้มั้ย...แฟรงค์เสียใจมากนะที่แฟรงค์ทิ้งนัทมา ไม่เคยกลับไปดูแลนัทอีกเลย ให้พี่ไปส่งนัทเป็นการไถ่โทษนะ พี่อยากดูแลนัทเหมือนที่พี่เคยดูแลไง"

แฟรงค์ทำท่าเหมือนจะร้องไห้อีกแล้ว คงสะเทือนใจเรื่องนี้มากพอดู พอเห็นสีหน้าจริงจังและน้ำเสียงรู้สึกผิดอย่างนั้น ผมก็ไม่กล้าขัด ดีเหมือนกัน ผมจะได้มีเวลาคุยกับแฟรงค์ให้หายคิดถึง ตอนเด็กๆ เราสองคนไม่เคยเบื่อที่จะคุยกันเลย คุยกันได้ทั้งวัน

ตลอดเส้นทางที่แฟรงค์ไปส่งผม เราสองคนคุยกันไม่หยุดเลย ผมมีความสุขและอบอุ่นใจเหลือเกินที่วันนี้มีแฟรงค์นั่งเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่เราเพิ่งได้เจอกัน ความรู้สึกเก่าๆ ก็กลับคืนมาอย่างรวดเร็วจนรู้สึกสนิทใจเหมือนตอนเด็กๆ

"ตอนแรกแฟรงค์นึกว่านัทเป็นลูกค้ามาเดินเล่นไง ก็เลยจอดรถถามว่าชอบที่นี่หรือเปล่า"

"แล้วตอนแรกแฟรงค์จำนัทได้หรือเปล่าล่ะ"

"ตอนแรกก็จำไม่ได้หรอก แต่พอขับรถออกไปแล้วก็ชักสงสัย รู้สึกว่าหน้าคุ้นๆ พอจอดรถแล้วก็เลยวิ่งกลับมาดูอีกทีเผื่อว่าจะใช่"

"นัทก็เหมือนกัน ตอนแรกนัทก็งงๆ ว่าใคร แต่ก็รู้สึกว่าหน้าคุ้นๆ เหมือนเคยเจอที่ไหน ก็เลยวิ่งตามไปดู"

"ไม่น่าเชื่อนะว่าเราจะได้กลับมาเจอกันอีก พี่ดีใจมากนะที่พี่ได้กลับมาเจอน้องชายของพี่อีก ดีใจที่สุดเลย"

แฟรงค์เอื้อมมือมาลูบผมของผมเบาๆ นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้รู้สึกอบอุ่นใจอย่างนี้

"นัทก็ดีใจนะพี่แฟรงค์ ดีใจที่สุดในโลกเลย" ผมบอกแล้วก็ยิ้มเขินๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกเขินขึ้นมาได้

"โชคดีนะที่โลกเรามันเป็นทรงกลม ต่อให้เดินห่างไปไกลแค่ไหน...ก็ยังมีโอกาสกลับมาเจอกันได้ แต่ถ้าโลกมันแบน...ยิ่งเดินไปเราก็คงยิ่งห่างกัน แฟรงค์คงไม่ได้เจอนัทอีก"

ผมพยักหน้าเห็นด้วย แฟรงค์พูดเหมือนกับที่ผมเคยคิดเลย ผมภาวนาเสมอๆ ว่าขอให้โลกกลมๆ ใบนี้พาผมกับแฟรงค์มาเจอกันอีกสักครั้ง ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นจริง

"พี่แฟรงค์คิดถึงนัทมั้ย"  นี่เป็นคำถามหนึ่งที่ผมสงสัยและอยากรู้มากที่สุดตลอดหลายปีที่ผ่านมา

"คิดถึงสิ" แฟรงค์ตอบเบาๆ ยิ้มเศร้าๆ

"คิดถึงมากหรือเปล่า"

แฟรงค์หันมาพยักหน้า แล้วก็หันไปมองทางต่อ

"นัทคิดถึงพี่แฟรงค์มากนะ นัทยังจำได้เลยว่านัทชอบไปยืนมองบ้านเก่าของพี่แฟรงค์บ่อยๆ ตอนที่พี่แฟรงค์ย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพ ตอนนั้น...นัทรู้สึกเศร้ามากเลย แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก พอเวลาผ่านไป...นัทก็ลืมๆ ไปเกือบหมดแล้วล่ะ ถ้าไม่ได้เจอกันวันนี้...นัทก็คงลืมไปแล้วจริงๆ"

ผมพยายามระมัดระวังคำพูดเพราะกลัวแฟรงค์เสียใจ แต่แฟรงค์ก็แค่ยิ้มเศร้าๆ ไม่ได้พูดอะไรกลับมาเลย คงเป็นเพราะจังหวะนั้นมีคนโทรมาหาแฟรงค์พอดี แฟรงค์จึงรับโทรศัพท์ก่อน พอฟังการสนทนาดีๆ ผมก็พอเดาได้ว่าน่าจะเป็นแฟนของแฟรงค์

"เดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้นะเพียว วันนี้แฟรงค์ออกมากับเพื่อน เป็นเพื่อนเก่าไม่ได้เจอกันนานเลย"

ผมได้ยินประโยคนี้ชัดเจนที่สุด ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้นผมก็ฟังได้ยินบ้าง ไม่ได้ยินบ้าง หรือไม่ได้ฟังเลยก็มี ไม่รู้สิ...ผมไม่อยากฟังแฟรงค์คุยกับแฟนเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าฟังไม่ได้ แค่รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ ที่ผมยังหาคำตอบไม่ได้เท่านั้นเอง

แฟรงค์ขึ้นมาส่งผมจนถึงห้อง พอเข้ามาในห้องแล้วผมก็เดินไปที่ตู้เย็น รินน้ำเย็นๆ ใส่แก้วแล้วเอามาส่งให้แฟรงค์

"เห็นมั้ยนัทบอกแล้วว่ารถติด กว่าจะมาถึงก็ทุ่มกว่าเลย แล้วกว่าแฟรงค์จะกลับถึงบ้านอีกล่ะ"

"ไม่เป็นไร อย่าคิดมาก"

แฟรงค์บอกแล้วก็รับน้ำไปดื่มจนหมดแก้ว ส่งแก้วน้ำคืนให้ผมแล้วก็เดินไปดูตรงนั้นตรงนี้ในห้อง เราคุยกันอยู่อีกสักพักใหญ่แฟรงค์จึงขอตัวกลับ

จังหวะที่จะลุกเดินจากโซฟาไปที่ประตูนั้น ความรู้สึกบางอย่างก็พลุ่งพล่านขึ้นมาในใจผมอีกแล้วเมื่อรู้ว่าคนที่ผมผูกพันด้วยกำลังจะไป แม้ว่าจะไปเพียงชั่วคราวก็เถอะ ความกลัวว่าจะถูกทอดทิ้งทำให้ผมควบคุมตัวเองไม่ได้เลย

"พี่แฟรงค์"

แฟรงค์หยุดและหันมามองอย่างสงสัย พอเห็นผมเริ่มร้องไห้แฟรงค์ก็ตกใจ

"นัท!"

"พี่แฟรงค์...อย่าทิ้งนัทไปอีกนะพี่แฟรงค์"

แล้วผมก็โผเข้ากอดแฟรงค์ แฟรงค์คงจะตกใจมากทีเดียว แต่ก็พยายามลูบหลังปลอบใจผมไว้ตลอดเวลา

"นัทเจ็บน่ะพี่แฟรงค์ เจ็บมาก..."

คราวนี้ผมปล่อยโฮเลย รู้สึกเหมือนแขนขาไร้เรี่ยวแรงจนต้องค่อยๆ ทรุดลงไปกองกับพื้น แฟรงค์รีบย่อตัวลงมานั่งพื้นด้วยกันกับผมแทบจะทันที

"นัทเป็นอะไร บอกพี่ได้มั้ย" แฟรงค์ถามอย่างเป็นห่วง

"พี่แฟรงค์...นัทคิดถึงพี่นะ พี่แฟรงค์อย่ารำคาญนัทนะที่นัทขี้แงแบบนี้ นัทเจ็บมากน่ะพี่ แล้วนัทก็ไม่มีใครเลย"

ผมยังไม่ตอบคำถามแฟรงค์เพราะว่าไม่สามารถเล่าได้ในตอนนี้ เอาไว้ให้ผมสงบจิตสงบใจได้ก่อนละกัน

"พี่ไม่รำคาญนัทหรอก นัทไม่ต้องกลัวนะ พี่มาอยู่กับนัทแล้ว พี่จะไม่ทิ้งนัทไปไหนอีก"

"จริงนะพี่แฟรงค์..."

ผมปล่อยโฮใหญ่อีกครั้งแล้วก็กอดแฟรงค์แน่น ปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเคยอึดอัดและอัดอั้นตันใจออกมาทั้งหมด ตั้งแต่โตมา ผมไม่เคยร้องไห้อย่างนี้ให้ใครเห็นหรอก ไม่มีใครสักคนที่ผมไว้ใจมากพอที่จะทำอย่างนี้ให้เห็นต่อหน้าได้ แต่ผมไว้ใจแฟรงค์ แม้ว่าจะจากกันไปนานแค่ไหนผมก็รู้ว่าแฟรงค์คือคนที่ผมไว้ใจได้เสมอ ขอให้ผมร้องไห้ระบายสิ่งที่เจ็บปวดกับพี่ชายของผมสักครั้งเถอะ ผมรู้ว่าพี่ชายคนนี้จะช่วยทำให้ความเจ็บปวดของผมบรรเทาเบาบางลงได้

จู่ๆ ประตูห้องผมก็ถูกเปิดออก ผมกับแฟรงค์หันไปมองพร้อมกันด้วยความตกใจว่าใครเข้ามา พอเห็นว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งแฟรงค์ก็ทำท่าจะผละออกไป ผมเลยต้องออกแรงดึงตัวแฟรงค์ไว้ให้นั่งอยู่กับผมอย่างเดิม

"ไม่ต้องสนใจหรอกพี่แฟรงค์ ไม่ต้องไปสนใจเค้า"

ผมบอกด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น แฟรงค์คงจะงงๆ อยู่เหมือนกันแต่ก็ยอมทำตามที่ผมบอกแต่โดยดี

"ตามาเอาของที่ลืมไว้แค่นั้นแหละ"

เสียงพูดห้วนสั้นและสายตาที่เย็นชานั้นทำให้ผมเจ็บปวดมานักต่อนักแล้ว ผมจึงทำหูทวนลมและปล่อยให้เธอคนนั้นเดินไปหยิบของที่เธอลืมไว้อย่างที่ต้องการ จะเข้าใจว่าผมกับแฟรงค์เป็นอะไรกันก็ช่างเถิด ผมไม่สนใจแล้ว

เมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว เธอก็รีบเดินไปที่ประตูโดยไม่คิดจะหันกลับมาแยแสผมเลย แล้วผมก็ได้ยินเสียงเหมือนมีของตกลงที่พื้น คีย์การ์ดห้องผมที่ผมให้เธอไว้นั่นเอง เธอคงไม่ต้องการมันอีกแล้ว

"ทุเรศ!"

แม้จะเบา แต่น้ำเสียงกดต่ำนั้นก็บ่งบอกว่าเธอคงสมเพชผมเต็มทีที่อ่อนแอไม่สมกับที่เป็นผู้ชายเอาเสียเลย แล้วประตูก็ปิดดังปังจนแฟรงค์เองยังสะดุ้งตกใจ

เมื่อพูดถึงเรื่องความรักแล้ว ผมก็ไม่เคยคิดอยากจะรักเธอหรือรักใครเท่าไหร่หรอก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่วันที่ผมได้รู้จักผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อต้องตา เธอก็ทำให้ผมสะดุดใจกับคำพูดหนึ่งของเธอ

"นัท...อย่าเรียกตาว่าพี่สิ ตาแก่กว่านัทแค่เดือนสองเดือนเอง"

ผมก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมคำพูดนี้ถึงทำให้ผมสนใจเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่คนนี้ได้ หลังจากนั้นผมก็ตามจีบเธอจนสำเร็จ เราเป็นแฟนกันอยู่หลายปีจนกระทั่งมาถึงวันนี้ที่ทุกอย่างพังลงไปหมดแล้ว

"นัทใจเย็นๆ นะ จะให้พี่อยู่เป็นเพื่อนนัทคืนนี้มั้ย พี่อยู่ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ"

ผมไม่ตอบคำถามของแฟรงค์แต่ซุกตัวลงกับอกอุ่นๆ นั้นอย่างอ่อนล้า แม้จะเจ็บสักแค่ไหนผมก็รู้สึกดีที่มีพี่ชายคนนี้คอยปลอบใจ อ้อมแขนของแฟรงค์ช่างอบอุ่นเหลือเกิน แม้ว่าใจของผมจะร้อนรุ่มทุรนทุรายสักแค่ไหน ไออุ่นนั้นก็ช่วยทำให้บรรเทาเบาบางลง โชคดีเหลือเกินที่เราสองคนได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง คนที่ผมต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คือแฟรงค์

"แฟรงค์ แฟรงค์คอยดูนะ...นัทจะไม่รักใครอีกแล้ว ไม่มีวันที่นัทจะเอาหัวใจไปให้ใครทำร้ายอีก คอยดูนะแฟรงค์"


- TBC -[/center]

อ่านจบ บวกเป็ด คอมเมนต์ ทุกเรื่อง ทุกตอน :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 12:31:03 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ความรู้สึกดีๆให้กันสินะ
เริ่มต้นได้นุ่มนวลดีค่ะ
แรกๆที่อ่านตอนหนุ่มๆน้ำตาคลอก็คิดว่า นุ่มไปนิด แต่คิดอีกทีก็ห่างกันมานานเหลือเกิน
อีกตอนที่นัทร้องไห้ออกมานั้นก็น่าจะเป็นเพราะสุดทนแล้ว

เราไม่ใช่คนชอบความรุนแรงนะ
แต่พอผู้หญิงคนนั้นออกปากพูดออกมาว่า *ทุเรศ* นี่
ความรู้สึกเราก็คือ น่าตบปากมันนัก

ขอบคุณมากค่ะ  นึกว่าต้องรอปีหน้าเสียแล้ว

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ความรู้สึกดีๆให้กันสินะ
เริ่มต้นได้นุ่มนวลดีค่ะ
แรกๆที่อ่านตอนหนุ่มๆน้ำตาคลอก็คิดว่า นุ่มไปนิด แต่คิดอีกทีก็ห่างกันมานานเหลือเกิน
อีกตอนที่นัทร้องไห้ออกมานั้นก็น่าจะเป็นเพราะสุดทนแล้ว

เราไม่ใช่คนชอบความรุนแรงนะ
แต่พอผู้หญิงคนนั้นออกปากพูดออกมาว่า *ทุเรศ* นี่
ความรู้สึกเราก็คือ น่าตบปากมันนัก

ขอบคุณมากค่ะ  นึกว่าต้องรอปีหน้าเสียแล้ว

มีเหตุให้คนเขียนรอปีหน้าไม่ไหวครับ

ผมใช้คำว่า "ดำดิ่ง" ไปกับความรู้สึกของตัวละครเพราะว่าเนื้อเรื่องตอนนี้มันวิ่งอยู่ในหัวผมตลอดเวลา
เขียน "ต้น-สน" ตอนพิเศษได้สักพักก็ต้องหยุด เขียนต่อไม่ได้
เปลี่ยนไปเขียน "รักหมดใจ นายต่างดาว" แล้วก็เจออาการเดิม
ในที่สุดผมก็หยุดตัวเองไม่ไหว ตัดใจหยุดเรื่องอื่นไว้ก่อนแล้วเขียนตอนนี้ เพราะอารมณ์มันมาแล้ว รอปีหน้าไม่ได้
ตอนนี้เขียนเสร็จแล้ว โล่งใจหน่อย อารมณ์ค่อยๆ ไปแล้ว คาดว่าวันนี้น่าจะเขียนเรื่องอื่นๆ ได้

ผมไม่เคยทำงานที่เกี่ยวกับธุรกิจโรงแรมหรือรีสอร์ทมาก่อน ตอนนี้หาข้อมูลเยอะเลยครับ
เตรียมไว้สำหรับตอนต่อๆ ไป

ขอเปลี่ยนชื่อเรื่องนิดหน่อยนะครับ ตอนนี้น่าจะลงตัวที่ชื่อนี้แล้ว

"❤ (✖) ไร้รัก ✣ Lovelessly"

ผมชอบมากเลยครับ

:) Sarawatta :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2015 10:03:07 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
ตอนจบเอาซะเอ๋อเลย
ไม่รู้จะเมนต์อะไรดี พูดไม่ออกอ่ะ แรกๆมานุ่มมาก
สนุกค่ะ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ถ้าเกิดว่าคนคนนั้นของนัทไม่ใช่แฟรงค์ก็คงจะเป็นคนอื่นไปไม่ได้แล้วเหมือนกันนะคะ เพราะขนาดตอนที่ตกลงคบกับต้องตาจิตใต้สำนึกลึกๆ ยังสั่งให้เลือกคนนี้เพราะคำพูดประโยคนั้นที่คล้ายๆ กันกับที่แฟรงค์เคยพูดเมื่อตอนยังเด็กเลย อารมณ์ประมาณว่าทดแทนกันน่ะค่ะ แต่ในเมื่อนัทไม่รู้ตัวก็ย่อมไม่ผิดอยู่แล้วล่ะเนอะ :กอด1:

ปล. ต้องตาว่าตัวเองทำไมคะ :laugh:

รอตอนต่อไปจ้า ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เหมือนเจอของสำคัญที่หล่นหาย
เหมือนร้ายนั้นกลายเป็นดีมากเลย
....เมื่อฉันได้มาพบกับเธอ...

อ่านแล้วนึกถึงเพลงนี้

ขอบคุณนะ


ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เราจะค่อยๆ รอดูความสัมพันธ์ของทั้งคู่ว่าจะดำเนินไปยังไงนะคะ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
สนุกมากๆคับ ซึ้งอ่ะแต่เสียใจกับนัทที่เลิกกับแฟนแล้ว
    รอ รอ รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
"มาทำงานกับพี่นะ" คำพูดนี้แบบว่า ยังกับคำขอเป็นแฟนเลยอะ ในความรู้สึกผม ฟินสูดๆ อิอิ

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
คู่นี้น่ารักจริง ๆ เลย แฟรงค์เข้ามาได้จังหวะจริง ๆ กับเส้นทางที่กำลังโดดเดี่ยวอ้างว้างของนัทพอดีเลยน่ะ ที่ทางเดินใหม่ของนัทอาจจะมีแฟรงค์เป็นเป้าหมาย แต่แฟรงค์ก้อกำลังจะแต่งงานอีก  :mew4: งานนี้ดราม่ากำลังกวักมือเรียกเลย  :mew2:
คุณ sarawatta ตามแต่เลยจ้ะ มีไฟกับเรื่องไหนก้อเอาเรื่องนั้น แต่อย่าทิ้งเรื่องของเนตั้นนานนักน่ะจ้ะ ชอบอ่ะ มันถูกคอ

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
มาให้กำลังใจนักเขียนไฟแรงจ้า

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
นัทนี้ฝังใจในรักแรกที่เขามีให้ะแฟร๊งมาก...แต่พี่แฟร๊งมีแฟนแล้วนี้นะซิ ต่อให้ผู้หญิงคนนั่นทิ้งนัทไปแล้วก็ตาม
แต่อยากตามไปตบปากนางมากที่นางพูด"ทุเรศ"ออกมา แต่อย่างว่าแหละนะแค่เขามีแระโยคและอายุมากกว่าไม่กี่เดือนนัทก็คบกับเขาแล้ว
สงสัยเรื่องนี้จะหมดกระดาษทิชชู้หลายม้วนแน่ๆ รอค่ะ .... เป็นกำลังใจให้ตนแต่งค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
รอเค้าขยับความรู้สึกเข้าหากัน
เราว่าแฟรงค์มากกว่าที่รักฝังใจ555

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
นัทนี้ฝังใจในรักแรกที่เขามีให้ะแฟร๊งมาก...แต่พี่แฟร๊งมีแฟนแล้วนี้นะซิ ต่อให้ผู้หญิงคนนั่นทิ้งนัทไปแล้วก็ตาม
แต่อยากตามไปตบปากนางมากที่นางพูด"ทุเรศ"ออกมา แต่อย่างว่าแหละนะแค่เขามีแระโยคและอายุมากกว่าไม่กี่เดือนนัทก็คบกับเขาแล้ว
สงสัยเรื่องนี้จะหมดกระดาษทิชชู้หลายม้วนแน่ๆ รอค่ะ .... เป็นกำลังใจให้ตนแต่งค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:

เดี๋ยวก็จะได้รู้ว่าใครรักฝังใจมากกว่ากันครับ 555
ถ้าเรื่องนี้เป็น "ต้น-สน" ภาคสอง คงมีการเอาคืนกันอย่างสนั่นหวั่นไหวแน่เลย

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
มาให้กำลังใจนักเขียนไฟแรงจ้า

ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ หวังว่าจะพออ่านนิยายดราม่าเรื่องนี้ได้นะครับ
แต่ไม่ดราม่ามากเท่าเรื่องอื่นๆ ที่ผมเขียนหรอก เรื่องนี้อบอุ่นและสดใสกว่าเยอะ

Sarawatta

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด