Kong : ป้าน คืนนี้เดี๋ยวเจอกันนะครับที่ร้าน Kingsley ตอน 22.30
Kong : แต่งตัวมาหล่อๆ เลยนะ
Mr.Pan : เห้ย จริงอ่ะ
Mr.Pan : มีอะไรรึเปล่าอ่ะ ตื่นเต้นนะเนี่ย
Kong : มีเซอร์ไพรส์ : )
Kong : เดี๋ยวเจอกันนะ
Mr.Pan : เดี๋ยวจะรีบไปให้ตรงเวลาเลย
Mr.Pan : เจอกันครับ
18.00
เพลงชาติเสียงดังกังวาลไปทั่วทั้งรถผม
ผมเปิดวิทยุไปด้วยและก็ขับรถไปด้วย ตอนนี้ผมกำลังจะกลับบ้านเพื่อที่จะไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่มีคนนัดผมไว้ ให้ตายเถอะ ผมตื่นเต้นชิบหาย นี่เป็นการนัดเจอกันสองต่อสองครั้งแรกกับคนที่ผมคุยด้วยอยู่ ผมชอบเขามาก ชอบจนผมรอคอยให้เขาทักมาหาผมเสมอ ในที่สุดวันนี้เราสองคนก็จะได้เจอกันสองต่อสองสักที!
ไม่แน่เหมือนกันว่าวันที่ผมรอคอยอาจจะเป็นวันนี้
วันที่เขากับผมอาจจะได้คบกันอย่างเป็นทางการ!
แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วล่ะครับ ผมนึกไปถึงชุดที่จะใส่และทรงผมที่จะเซ็ทสำหรับคืนนี้ มันจะต้องเป็นอะไรที่ดีเยี่ยมที่สุดสำหรับผม
ผมกำลังขับรถอย่างอารมณ์ดี อีกไม่นานก็จะถึงซอยเข้าบ้านผม นึกว่าทุกอย่างจะไปได้สวย แต่แล้วก็ถูกขัดด้วยมอเตอร์ไซค์คันเบ้อเริ่มที่แม่งจู่ๆ ก็มาขับตัดหน้าผม
ผมเกือบหักหลบเข้าข้างทาง เกือบเอาอามิดาล่า (ชื่อรถของผมเอง ผมบ้าสตาร์สวอร์) ไปจูบกับฟุตบาทข้่างทางแล้ว!
รถมันคันละสี่แสนกว่า แต่รถผมคันละเป็นล้านนะโว้ย!
ด้วยการที่ผมเองก็รักรถ ชื่นชมในความเร็วของรถ โดนมันขับตัดหน้าแบบนี้อีกทั้งยังขับส่ายตูดรถไปมาต่อหน้าผมนี่ทำเอาฟิวส์แทบขาด อยากจะชนและก็สอยแม่งไปถูกับพื้นถนนให้หายซ่าส์ซะ (มันขับกวนบาทากวนโมโหกวนส้นมากเลยนะครับ!) แต่ก็คงทำได้แค่คิดนั่นแหละครับ ทำแบบนั้นผมติดคุกหัวโตพอดี...
อย่างน้อยก็ขอโชว์สปริตความที่เป็นเจ้าของรถที่ติดอันดับหนึ่งในสิบรถที่มีความเร็วที่สุดในโลกหน่อยก็แล้วกัน
มึงอยากมาขับตัดหน้ากู ส่ายตูดรถไปๆ มาๆ ยียวนกูก่อนเองนะ!
ทันทีที่ผมเหยียบ ให้บิ๊กไบค์ (ขอเรียกอย่างงี้ไปก่อนละกัน) มันก็เหมือนจะรู้ตัวว่าผมไม่อ่อนให้มันง่ายๆ แม่งบิดแข่งกับผมเฉย ตอนนี้ทั้งถนนที่มีรถอยู่บ้างนิดๆ หน่อยๆ กลายเป็นสนามแข่งขนาดย่อมระหว่างผมกับมันไปแล้ว...
*กรุณาอย่าลอกเลียนแบบ*
“เชี่ยยยยยย”
จังหวะอะไรก็มิอาจทราบได้ มีรถคันที่สามมันมาแทรกระหว่างรถผมกับบิ๊กไบค์คันนั้น ผมเสียหลักไปสอยตูดไอ้บิ๊กไบค์ลงข้างทาง คนขับหกคะเมนล้มคะมำทันที
“ชิบหายแล้วกู...”
ไม่น่าซ่าส์เลย ใจผมเต้นรัวแรง มือสั่นกลัวความผิด กลัวมันจะเจ็บ กลัวมันจะมีอันตรายถึงชีวิต กลัวไปหมดเลย
ผมทำอะไรลงไป
ผมขับรถไปจอดใกล้ๆ เดินไปดูไอ้บิ๊กไบค์ที่ล้มออกไปไม่ห่างจากรถมันเท่าไหร่ มันโคตรโชคดีเพราะมันสวมเซฟตี้อย่างดี อีกทั้งจังหวะที่รถของผมกับมันมาเจอะกันเป็นช่วงที่ผมกับมันลดความเร็วพอดี
มันดูไม่เจ็บเท่าไหร่ แต่รถมันน่ะ...อาการน่าเป็นห่วง
“เหี้ยเอ๊ย...” เสียงเล็ดลอดออกมาจากหมวกกันน็อค มันขยับตัวให้ลุกขึ้นมานั่งในขณะที่ผมยืนดูอยู่อย่างเก้ๆ กังๆ
“เป็นไงบ้าง” ผมค่อยๆ ถาม
“เจ็บดิไอ้เหี้ย มาลองขับมอ’ไซค์แล้วให้กูขับรถยนต์ชนท้ายลงข้างทางมั้ยล่ะ”
อืม...เป็นมิตรโคตรๆ
ผมเห็นมันช่วยเหลือตัวเองด้วยกันลุกขึ้นยืน...
“มองเหี้ยไรล่ะ” บอกแล้วใช่มั้ยครับ...ว่าแม่งโคตรจะเป็นมิตร
“ไปโรงพยาบาลมั้ย”
“ไม่ไป” บิ๊กไบค์ตอบทันควัน “แค่นี้สิวๆ แต่มึงอ่ะ...จ่ายมาเลย เจ็ดแสนห้า!”
พ่องตาย “ว่าไงนะ”
“รถกูเพิ่งไปถอยไม่กี่วัน ราคาสี่แสนกว่าบาทเงินสด แล้วโดนมึงทำซะเละแบบนี้ กูขอค่าทำขวัญเพิ่มด้วย” มันยื่นมือออกมาทั้งๆ ที่มันยังไม่ถอดหมวกกันน็อค
ผมเริ่มฉุน มองดูสภาพรถและก็หันมามองดูหน้าไอ้บิ๊กไบค์ใส่หมวกกันน็อค
“รถตั้งแพงซ่อมแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ขับได้แล้ว โทรเรียกประกันดิ เดี๋ยวกูจะรีบเคลียร์ รีบไป”
“ไม่”
เอ๊ะไอ้เชี่ยนี่... “ว่าไงนะ”
“กูต้องการเงินสด ตอนนี้ เวลานี้”
มิจฉาชีพ นักต้มตุ๋นหรือเปล่าวะ ผมมองมันขึ้นลงด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ พอมันเห็นดังนั้นมันจึงได้ถอดหมวกกันน็อคออก
กรุณานึกภาพตามอย่างสโลโมชั่น ในจังหวะที่มันถอดหมวกกันน็อคออกจนหมด มันสะบัดหัวให้ผมจัดทรงเองโดยอัตโนมัติ ก่อนที่จะตวัดสายตามองผมด้วยสีหน้าหงุดหงิดอารมณ์เสีย
ผมบอกได้คำเดียวว่า...หล่อเหี้ยเหี้ย
มันหล่อกว่าคนที่ผมชอบและกำลังจะไปเจอคืนนี้อีกนะ
“ว่าไง” มันถามย้ำหลังจากที่ผมเงียบไป
“บ้าเหรอ รถชนแล้วอยู่ดีๆ จะให้หาตังค์มาให้เจ็ดแสนห้า มึงบ้าไปแล้ว”
หน้าหล่อบิ๊กไบค์มองผมอย่างชั่งใจ...ดวงตาเหมือนลูกครึ่งของมันอยู่ภายใต้ผมดำขลับที่เปียกชุ่มด้วยเหงื่อเล็กน้อย
มันจ้องผมอยู่นาน หลังจากนั้นจู่ๆ มันก็ละสายตาจากผมไปมองรถที่ขับผ่านมา แล้วมันก็ทำหน้าตาตื่นที่สุดในชีวิต
“เชี่ย” มันร้อง กระชากแขนผมให้เดินกลับมาหารถตัวเอง “มึงขับหนีไปไกลๆ เลยนะ!” มันสั่งเหมือนมันจะนั่งไปกับผมด้วย
“เดี๋ยว เหี้ยไรเนี่ย”
“เร็วๆ อยากโดนพวกแม่งรุมกระทืบหรือไง!” มันร้องดังลั่น
“กูไม่เข้าใจ เชี่ยอะไร...”
“ให้ตาย งั้นกูขับเอง!”
มันโยนหมวกกันน็อคทิ้งอย่างไม่ใยดี ก่อนที่จะถือวิสาสะขึ้นรถผมทางฝั่งคนขับ เดี๋ยวนะ! รถกูป่ะวะ มึงทำเหี้ยไร
“เชี่ย! จะเอารถกูไปไหน!”
“ขึ้นรถ กูไม่มีเวลาอธิบาย!”
“มึง ไอ้โจรหน้าหล่อเอ๊ยยยยยยย!”
“กูบอกให้ขึ้นรถไง!!!”
ผมยืนเก้ๆ กังๆ จนมานึกขึ้นได้ว่ากลัวมันจะขโมยรถของผมไป ก่อนที่จะมีเรื่องอะไรไปมากกว่านี้ผมจึงตัดสินใจนั่งรถตัวเองไปกับมันเลยดีกว่า
ทันทีที่ผมปิดประตู มันก็เหยียบไปจนสุดตีนของมันเท่าที่ตีนของมันจะทำได้
“เชี่ยยยย รถกู!!!!!!!!!!” ผมร้องลั่น “ซิ่งหาพ่อมึงเหรอออออออออ” มันขับหวาดเสียวมาก และกำลังทำท่าเหมือนหนีอะไรอยู่ ผมพยายามเกาะทุกอย่างบนรถเพื่อกันไว้ก่อน
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็หุบปากไป” มันตวาด
“กูจะเจ็บเพราะมึงขับเนี่ยแหละ” ผมร้องลั่น “อะไรวะ ขับมอ’ไซค์ก็ขับกวนตีน มาขับรถก็ขับหวาดเสียวอีก จอดและก็ลงจากรถกูไปเลยนะ ไอ้ห้าร้อย!!!!”
“หุบปาก เสียงโคตรน่ารำคาญ!”
“จอด!”
“กูไม่จอด!”
“กูบอกให้จอดไง!”
“ไม่จอดโว้ยยยย กูไม่ใช่ขโมย กูแค่กำลังหนี!”
ผมนิ่งไปแป๊บหนึ่ง ก่อนที่จะมองดูอย่างไม่ไว้ใจอยู่ดี “มึงเป็นคนร้ายเหรอ...มึงขโมยดูคาติคนอื่นมาขับใช่มั้ย”
มันมองผมทางหางตาอย่างรำคาญ “ไม่ใช่”
“แล้วมึงหนีทำไม...”
“กูไว้ใจได้ กูไม่ใช่หัวขโมย กูเป็นคนดี!”
“…”
“เชื่อใจกูและก็นั่งไปเงียบๆ! พูดมากกูจะพาลูกรักมึงลงข้างทางเดี๋ยวนี้”
มันพูดแค่นั้นผมถึงกับนั่งเงียบไปเลย...แต่ก็ไม่วายที่จะมองมันอย่างหวาดระแวงอยู่ดี
แค่เห็นมันหล่อแค่นี้อย่าไปไว้ใจอะไรมันง่ายๆ เลย...
ผมมองใบหน้าด้านข้างของมันที่ขับรถหนีรถที่ตามมาอย่างเคร่งเครียด อยากจะบอกโลกใบนี้เหลือเกินว่าผมก็กำลังเคร่งเครียดพอๆ กันกับมัน
ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายคนนี้จะกลายเป็นคนที่อยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป...
คืนนี้ของผมกับมันยังอีกยาวไกล
และตอนนี้มันก็เพิ่งเวลา 18.23 น. เท่านั้นเอง
TBC*
Talk : เป็นเรื่องสั้นขนาดหลายตอนนะคะ