Chapter 4
เจ็บ…
ปวดไปหมดเลย ขยับก็ไม่ได้ หายใจยังไม่ค่อยจะออก อย่างกับโดนผีอำแน่ะ แถมยังรู้สึกด้วยว่ามีสายอะไรก็ไม่รู้พันรอบตัวไปหมด
คงไม่ใช่ผ้าห่อศพใช่ไหม??…
พูดไปอย่างนั้นแหล่ะ ผมรู้ว่าไม่ใช่หรอก เพราะผมนอนอยู่แบบนี้มานานมากๆแล้ว ถ้าเขาจะเผาคงเผาไปนานแล้วล่ะ ใช่ครับ ตอนนี้ผมได้สติแล้ว แต่ยังเปิดตาไม่ขึ้นเลย ขยับตัวก็ไม่ได้ เสียงก็ฟังไม่ค่อยจะออก แต่ก็พอจะรู้ว่ามีคนพูดคุยกันละนะ ให้ตายสิ ลำบากจริงๆ
ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ผมก็รู้นะว่าไอเอกมันมาเยี่ยมทุกวัน คิดว่านะ ก็ผมไม่รู้เวลานี่ แต่ก็นะ มันมานั่ง แล้วก็บ่นๆพูดๆของมันไป แรกๆผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันพูดอะไร หลังๆมานี่เริ่มได้ยินชัดขึ้นแล้ว
เรื่องที่มันเล่าส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องทั่วๆไป เช่นว่า มันโดนอาจารย์ด่าเรื่องโปรเจ็คที่เสนอยังไงก็ไม่ผ่านบ้างล่ะ เล่นบอลพลาดจนข้อเท้าพลิกบ้างล่ะ หรือแม้กระทั่งเรื่องที่มันงอนๆกับลีนบ้างล่ะ…
แต่อันที่จริงหลังจากที่มันกลับไป ลีนก็มาหาผมนะ วันที่ทะเลาะกันน่ะ ส่วนวันที่อารมณ์ดีก็จะมาด้วยกันเลย ถ้าหากเธอ มาคนเดียว หรือเอกกลับไปก่อนละก็ เธอจะนั่งเงียบโดยที่ไม่ยอมพูดอะไรเลย แต่ก็ไม่ไปไหนเลยเช่นกัน คำพูดคำเดียวที่ผมได้ยินจากเธอคือคำว่า ขอโทษ…
บางวันเธอก็ร้องไห้ไปขอโทษไป เล่นซะผมอยากไปปลอบเลย แต่ว่า ผมดันขยับตัวไม่ได้นี่สิ ปัญหาใหญ่
อ้อ นอกจาก2คนนี้แล้วก็ยังมีอีกคน รู้สึกจะเป็น คู่สามีภรรยานี่แหล่ะ พวกเขามักจะมาเยี่ยมผมบ่อยๆ ถึงจะบ่อไม่เสองคนแรกก็เหอะ พอพวกเขามา เขาก็จะพูดประโยคเดิมๆ เหมือนกับลีน ให้ผมเดา พวกเขาคงเกี่ยวกับคนที่ขับรถชนผมแน่ๆ
ที่สำคัญคือ ทุกๆครั้งที่มา ฝ่ายคุณภรรยาจะชอบลูบหัวผมเบาๆ และเอ่ยปลอบผมตลอด มันทำให้ผมรู้สึก อบอุ่น… อบอุ่นจนผมเผลอหลับไปเลย
มันเป็นความรู้สึกที่ผมไม่เคยได้เจอเลยจริงๆ ความอบอุ่นจากพ่อแม่ ความอบอุ่นจากครอบครัว ให้ตายสิ เกิดผมเผลอ คิดว่าสองท่านนี้เป็นคุณพ่อกับคุณแม่ขึ้นมาจะทำยังไงล่ะเนี่ย
แอ๊ด…
เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงเท้าหลายคู่ที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ข้างๆตัวผม
“อาการปกติ ไม่มีอาการแทรกซ้อนแต่ยังไม่ได้สติ เหมือนเดิม”
เสียมารยาท ผมได้สติแล้วนะ แค่ยังขยับตัวไม่ได้เฉยๆ
“เดี๋ยวคุณช่วยเปลี่ยนถุงน้ำเกลือกับเลือดทีนะ เดี๋ยวผมกับพี่บีจะทำความสะอาดแผลเอง”
ผู้ชายคนนั้นพูดแล้วถอดเสื้อผมออก ค่อยๆแกะผ้าพันแผลทีละชั้นๆจนหมด
“ แผลปกติไม่มีการติดเชื้อ และเริ่มแห้งแล้ว อีกไม่นานคงได้ตัดไหมออกนะครับ คุณศริทรา..”
เขาพูดไปพลางทำแผลไป ถึงแม้ว่าเขาจะมือเบาแค่ไหนแต่ยาล้างแผลที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นแอลกอฮอล์ก็ยังคงแสบอยู่ดี นี่ดีนะที่ผมตื่นตอนที่แผลมันดีขึ้นแล้ว นี่ถ้าผมตื่นมาตอนแผลยังสดอยู่คงมีการโหยหวนเกิดขึ้นได้นะเนี่ย เจ็บสุดๆ
เขายังคงทำความสะอาดต่อไปเรื่อยๆอย่างเบามือ พอเสร็จจากตรงนี้ก็ไปทำตรงนู้นต่อ พร้อมกับรายงานไปเรื่อยๆว่าแผลผมเป็นยังไงบ้าง เท่าที่ผมฟังๆดูอาการก็ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ แต่ว่าร่างกายซีกซ้างผมคงบอบช้ำไปไม่น้อย เพราะนั่นเป็นด้านที่ผมเอาตัวข้าไปรับแรกกระแทกเต็มๆ
ส่วนอย่างอื่นก็ไม่รู้นะ แล้วก็เรื่องอวัยวะภายในก็หายห่วง เขาบอกว่าซ่อมแซมตัวเองเรียบร้อยเกือบหมดแล้ว เหลือแค่บางอย่างที่ยังช้ำๆอยู่ ซึ่งเขาไม่ได้บอกว่าคืออะไร
แต่ดูเหมือนว่ากระดูกสันหลังผมจะน่าเป็นห่วงที่สุดนะ เพราะว่าผมยังไม่ได้สติ เลยเอ็กซเรย์ไม่ได้ เพราะอวัยวะบางอย่างหากไม่ถูกกระตุ้นด้วยเครื่องกระตุ้น มันจะหยุดทำงานและอาจทำให้ผมน็อกได้ เขาเลยไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรผิดปกติอีกไหม
พอว่าเขาทำความสะอาดร่างกายและแผลของผมเสร็จแล้ว เขาก็ให้พยาบาลคนอื่นออกไปก่อน แล้วจึงทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผม เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนมาฟุบลงที่เตียงข้างผมแทน แล้วเอื้อมมือมาจับมือผมเล่นเบา
มาแล้วสินะ
“คุณศรินทราครับ ถ้าคุณได้สติแล้ว ช่วยบีบมือผมทีครับ “
อันที่จริงผมอยากบีบนะ แต่นิ้วมันดันไม่ขยับนี่สิ ไม่ว่าจะออกแรง หรืออพยายามมากเท่าไหร่ก็ไม่กระดิกเลย
“ถ้าย่างนั้น คุณกระพริบตาก็ได้ครับ” หมอพูดแล้วโน้มตัวมาใกล้ๆหน้าผม จนรู้สึกถึงลมหายใจเลย แต่ผมก็กระพริบตาไม่ได้อยู่ดี ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
“จะเอาอย่างไรกันแน่ครับคุณ หลับก็ไม่หลับ ตื่นก็ไม่ตื่น”
เขาพูดติดตลกก่อนจะกลับไปนอนฟุบข้างเตียงเหมือนเดิม ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ว่าผมได้สติแล้ว แต่ยังไม่สามารถตอบสนองได้อย่างนั้นสิ
“วันนี้คุณเพื่อนของคุณมาไม่ได้นะครับ เห็นว่าติดแข่งบอลนัดสำคัญน่ะ เขาฝากมาขอกำลังใจด้วย ส่งให้เขาด้วยนะครับ”
อืม ส่งให้แน่นอนอยู่แล้ว สู้ๆนะเว้ยเอก
“ส่วนคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายจะมาหาพรุ่งนี้ตอนสายๆนะครับ”
อ่า พรุ่งนี้ผมคงได้นอนกลางวันสินะ
“ตอนนี้แผลคุณหายดีแล้วนะครับ ผมอยากให้คุณตื่นเร็วๆจัง…”
เสียงที่เขาพูดออกมาติดจะเศร้านิดๆ นิ้วมือเรียวๆของเขาค่อยๆเกลี่ยผมที่ปรกของผมเบาๆ
“วันพรุ่งนี้เราจะเอาเครื่องกระตุ้นอวัยวะภายออกนะครับ เพราะว่าม้ามของคุณเข้ากับร่างกายคุณได้แล้ว ส่วนตับคุณก็แข็งแรงแล้วนะครับ แล้วก็ พอคุณใช้ชีวิตแบบปกติได้แล้ว เราจะเอ็กซ์เรย์นะครับ เราจะได้รู้ว่ากระดูกสันหลังคุณเป็นอะไรหรือเปล่า ตื่นเต้นไหมครับ??”
เขาเปลี่ยนมานวดมือผมเบาๆเหมือนการให้กำลังใจกลายๆ ให้ตายสิ จ้างมาเท่าไหร่เนี่ย ดูแลดีนะ หวังว่าคงไม่ให้ผมจ่ายทั้งหมดนะ ผมยอมตายเลย แพงแหงๆ
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็พักผ่อนเถอะครับ ร่างกายจะได้ซ่อมแซมตัวเองเร็วๆเนอะ ผมก็จะนอนกับคุณด้วย ถึงจะไม่มีใครมาเยี่ยม แต่ผมจะอยู่เป็นเพื่อนเองนะครับ”
เขาเอามืออีกข้างมาลูบหัวผมเบาๆ ถึงจะไม่อบอุ่นเท่าที่คุณน้าคนนั้นทำแต่มันก็ยังคงอบอุ่นอยู่ดี แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะความอุ่นจากฝ่ามือใหญ่ที่ส่งมา หรือเพราะคำสัญญาที่ว่าจะอยู่เฝ้าผมนั้นอันไหนจะทำให้ผมอยากหลับมากกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ ผมเริ่มง่วงแล้วสิ…
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆคงนานพอดู ตอนนี้คุณหมอคนนั้นยังคงกุมมือผมเอาไว้อยู่ ถึงแม้ว่าผมจะไม่เห็นหน้า แต่ผมก็จำได้ ไม่ผิดหรอก
ผมลองพยายามที่จะบีบมือนั้นดู แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ เหมือนกับว่า มือนั้น มันไม่ใช่ของผมอย่างไรอย่างนั้นแหละ
ให้ตายสิ
“คุณหมอคะ มีญาติมาเยี่ยมผู้ป่วยค่ะ” เสียงพยาบาลบางคนพูดขึ้น คุณหมอสะดุ้งตื่น ทำไมถึงสะดุ้งน่ะเหรอ ก็ เขาบีบมือผมแน่นเลยน่ะสิ ถึงผมจะขยับมือไม่ได้ แค่ผมก็ยังมีความรู้สึกนะ
“ อ่า เพื่อนคุณมาแล้วสิ ถ้าอย่างนั้นหมอไปก่อนนะครับ” เขาผละออกมาลูบหัวผมเบาๆสองสามที แล้วเดินออกไป พอเปิดประตู ผมก็ได้ยินเสียงเท้าหลายคู่เดินกรูกันเข้ามา
“เคียว กูมาเยี่ยมล้าวววววว” เสียงของใครบางคนที่ผมคุ้นๆว่าจะเป็นคุณวินเพื่อนอีกคนของผมดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเพี๊ยะจากการตีใครบางคน และคำต่อว่าจากคนคนเดิม
“แสด เขาห้ามเสียงดัง อิห่านนี่!”
“ เออๆ แต่กูว่ามึงเสียงดังกว่ากูอีกอ่ะด้า”
“อุ่ย…”
เสียงตบปากเบาๆสองสามทีดังขึ้น ยังเหมือนเดิมเลย เวลาพูดผิดก็ยังชอบตบปากตัวเองเหมือนเดิมเลย
“พอๆทั้งคู่ มาเยี่ยมไอ้เคียวไม่ใช่มาทะเลาะกัน” เสียงเอกพูดแบบติดตลก
“เออๆ กูอ่ะมาเยี่ยม แต่ไอ้เหี้ยนี่อ่ะ มากินของเยี่ยมละสัด ไอ้ดินสอ มึงออกมาจากของเยี่ยมกู!”
เสียงยางลบพี่ชายของไอ้ดินสอ พ่วงด้วยฐานันดร เมีย ดุไอ้ตัวที่กินของเยี่ยมคนป่วยก่อนจะฉุดกระชากลากถูน้องชายที่ตัวใหญ่กว่าคนเป็นพี่ออกจากของเยี่ยม ตีกันตลอด แต่ก็รักกันตลอดเลย
พวกนั้นมาเล่าเรื่องแข่งบอลในวันนี้ให้ฟัง แต่ละคนโม้กันว่าตัวเองทำอะไรเท่ห์ๆไว้ในสนามบ้าง โดยเฉพาะดินสอ เอกแล้วก็ วิน นี่ไม่มีใครยอมใครเลย ดาด้าก็มีขัดเวลาวินโม้เกินจริงนิดหน่อย แล้วเริ่มแฉว่ามันทำอะไรน่าอายในสนามบ้าง
พอได้ยินแบบนั้น คนที่ชอบนั่งดูอยู่ที่ที่นั่งข้างสนามอย่างยางลบก็เอ่ยปากแฉแฟนตัวเองอย่างเมามันทันที จากที่จะโชว์เท่ห์ กลายเป็นโชว์กากไปแล้วสิเนี่ย ดูเหมือว่าลีนจะไม่มานะ เพราะว่าผมไม่ได้ยินเสียงผู้หญิงเลยสักคน
ถึงพวกนั้นจะคุยกัน และรู้ว่าผมมาสามารถตอบสนองได้ แต่พูดนั้นไม่ได้คุยกันแล้วเมินผมสักนิด ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนคนที่ไม่ได้ดูการแข่ง แล้วพวกนั้นก็มาเล่าให้ฟัง เหมือนกับว่าผมยังมีสติ ตอบสนองพวกเขาได้ อันนี้ทำผมซึ้งจริงๆนะ น้ำตาจะไหลเลย
“เคียว กูได้ข่าวมาอ่ะ ว่าหมอที่ดูแลมึงอ่ะโคตรรรรรรรร หล่อเลยเว้ย แถมแม่งเป็นเจ้าของโรงบาลนี้ เห็นว่าตอนจบนี่เกียตินิยมอันดับ1 อ่ะมึง ” เสียงยางลบที่เริ่มกินของเยี่ยมของผมพูดขึ้นเพื่อยุติการเถียงของคนอื่นๆดังขึ้น
เท่านั้นแหละ ไอ้พวกที่เถียงอยู่ถึงขึ้นหยุดกึก
“เห้ยๆๆๆ กูนั่งหัวโด่อยู่นี่ เดี๋ยวเหอะๆ” ดินสอที่มีของกินอยาเต็มปากรีบพูดดักพี่ชายตัวเองอย่างรวดเร็ว
“อะไรเนี่ย กูแค่ได้ยินมา ใช่คนที่เดินสวนกับพวกเราป่าววะ”
“คงใช่แหละ ถึงจะเห็นหน้าไม่ชัดก็เหอะ เดี๋ยวแป๊ป กูวิ่งไปดูก่อน ความเสือกมันพลุ่งพล่านว่ะ อิๆ” ว่าแล้วดาด้าก็ใส่ตีนผีดีกรีนักวิ่งลมกรดของ มหาลัยออกไป
“ไปด้วยๆๆ”
“เห้ยย ไปกันนนนนนน รอก่อนดิ๊”
ว่าแล้วไอ้พวกที่เหลือก็วิ่งกันออกไปประหนึ่งดารามาอะไรทำนองนั้น เหลือเพียงใครบางคนที่ยังนั่งอยู่ และมันก็เริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆจากนั้นก็กุมมือผมเบาๆ
“กูได้ยินมาว่า มึงได้สติแล้วไม่ใช่เหรอวะ ทำไมมึงไม่ตื่นซักทีวะเคียว” มันเริ่มซุกหน้าของมันเขากํบมือของผม
ไม่รู้สิ กูอาจจะไม่อยากตื่นมาเจอมึงก็ได้มั้ง เอก
“กูอยากให้มึงดูตอนกูแข่ง มีแต่คนบอกว่ากูเท่ห์มากนะเว้ย กูอยากให้มึงเห็น”
อืม กูก็อยากเห็น เอก
“มีคนติดต่อกูให้ไปเป็นทีมชาติแหละ กูว่าจะไปนะ แต่กูว่ารอกูรียนจบก่อนดีกว่า มึงว่าไง”
มึงว่าไงกูก็ว่าอย่างนั้นเอก
เสียงของเอกเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงแรงที่บีบที่มากขึ้นจากฝ่ามือของมัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมเจ็บอะไรมากหรอกนะ ผมรู้ว่ามันคงเจ็บมากเหมือนกัน
“ทำไมมึงไม่ตื่นวะเคียว”
ไม่รู้สิ
“ทุกคนคิดถึงมึงนะเว้ย กูด้วย”
แต่กูไม่อยากให้มึงคิดถึงเอก
เสียงฝีเท้าของคนหลายคนที่ดังขึ้นเรื่อยๆทำให้เอกผละออกจากผมไป
ทำไมล่ะเอก มึงไม่อยากให้คนอื่นเห็นเหรอ เหอะ ถ้ากูเป็นลีน มึงคงไม่ถอยออกไปใช่ไหม??
“เคียว หมดแม่ง โคตรหล่อออออ!” เสียงมิกดังขึ้นพร้อมๆกับตอนี่เปิดปะตูเข้ามา ก่อนที่จะตามด้วยเสียง อุ๊บ และเสียงตบปากตัวเองเบาๆ
“แต่คือหล่อจริงๆนะ ไอ้ดินแม่งเทียบไม่ติดขี้เล็บเลย”
“เห้ย มากไปป่าวพี่ แรงว่ะ งอนๆๆๆ”
“เหอะๆ เอาที่มึงสบายใจเลยดินสอ”
“ไม่ๆลบ กูว่าไม่ใช่แค่ไอ้ดินที่เทียบไม่ติด กูว่าไอเอกยังจะหล่อน้อยกว่าเลยอ่ะมึง”
“ใช่ๆๆๆ คือ พี่หมอเค้าหล่อแบบ คุณชายอ่ะ คุณชาย แบบ พี่หมอที่สุดแสนจะอ่อนโยนอะไรแบบนี้ แลดูอบอุ่นมากอ่ะบอกเลย อิจฉาเว้ยยย มึงจ้างมาเท่าไหร่เนี่ย กูจะจ้างกลับบ้านเลย” มิกพูดแบบดี้ด้าสุดๆจนคนที่อยู่ข้างตัวต้องกระแอมใส่เบาๆ
“นินทาผมเหรอครับเนี่ย” เสียงนุ่มๆดังขึ้นก่อนที่เสียงเคาะประตูที่เปิดอยู่แลล้วจะตามมา ทำให้พวกนี้หัวเราะแห้งอย่างเด็กถูกจับได้
“ขออนุญาตนะครับ อันที่จริงควรจะปิดประตูไว้นะครับ เดียวเสียงมันจะออกไปข้างนอก”
“ขอโทษครับ แต่ว่าพี่หมอหล่อจริงๆนะ ผมชมอยู่นะเนี่ย” มิกพูดก่อนจะตบท้ายด้วยการหัวเราะแห้งๆ
“ฮ่าๆ ขอบคุณมากเลยครับผม แต่ว่าตอนนี้พี่หมอขอให้น้องๆเยี่ยมแค่นี้ก่อนได้ไหมเอ่ย หมดเวลาเยี่ยมแล้วนะครับ”
“เอ้อ ขอโทษครับ พวกผมเยี่ยมเพลินไปหน่อย” เอกพูดขอโทษก่อนที่คนอื่นๆจะเริ่มเก็บของ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ น้องเขาคงอยากให้พวกคุณมาบ่อยๆนะ สงสัยฟังแต่เสียงผมจนเอือนน่าดู”
“ครับ ไว้ผมจะมาอีก” เอกพูดปิดท้ายก่อนที่จะเดินออกไป ตามด้วยเสียงของฝูงทโมนทั้งหลายจะเอ่ยลาผม แต่ก็ยังไม่วายกลับมาอ่อยพี่หมออีกน่ะนะ คงไม่ต้องพูดใช่ไหมว่าใครอ่อย ฮ่าๆๆ
“มีเพื่อนๆที่ดีนะครับ”
พี่หมอพูดก่อนจะนั่งลงข้างๆผม แล้วเริ่มเช็คอาการของผม แล้วเริ่มจดอะไรบางอย่าง
“กับคนที่ชื่อเอกน่ะ เป็นแฟนกันเหรอครับ”
เสียงของพี่หมอที่เคยอบอุ่นอยู่ตลอด ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันเริ่มเย็นลงเรื่อยๆแล้ว ไม่พอใจเหรอ?
“หรือแค่แอบรักเขาครับ”
ถามไปผมก็ตอบไม่ได้หรอกครับ
“เห้อ ทำไมคุณต้องเอาตัวเองไปให้เขาทำร้ายอีกแล้วเนี่ย” พี่หมอถอนหายใจก่อนจะวางปากกาและกระดาษลง แล้วลูบหัวผมเบาๆ น้ำเสียงกระด้างเจือความไม่พอใจนั้นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด จนกลายเป็นเสียงนุ่มๆที่เจือความห่วงใยอย่างทุกที
“ให้ตายสิ ผมว่า ผมไปหาหมอที่แผนกจิตเวชหน่อยดีกว่า ท่าทางจะไม่ไหวแล้วนะ ผมน่ะ”
พี่หมอค่อยๆฟุบลงที่ข้างเตียงกุมมือผมแล้วลูบมันเบาๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมอยากหลับอีกครั้ง
อิ๊ๆ กลับมาละจ้าาาาาาาาาา คือไม่อยากบอกว่าหายไปนานมาก เพราะพอเปิดเทอมมาปุ๊บ
สรุปหนังสือทั้งเล่น ทำโครงงาน(คอม) ยังดีที่ได้การสร้างเกม ง่ายหน่อย บรรยายธรรม ทำแผ่นป้ายพุทธศาสนสุภาษิต เอาไปแปะที่ต้นไม้ ทำรักอ่านทั้งเล่ม สรุปวิชาศิลปะ เกือบทั้งเล่ม รายงานสุขศึกษา ทำคำถามท้ายบทวิชาวิทย์ทั้งหน่วย ทั้งหมดที่เรียน(ซึ่ง ประมาณ 25ข้อ ตอบแต่ละข้อนี่เกือบครึ่งหน้าได้)
คณิตศาสตร์นี่ไม่ต้องพูดถึง ด้วยความที่เรียนทั้งคณิตหลักคณิตเสริม แต่ละวิชาจะเรียนวันเว้นวัน สรุปคือวิชาคณิตเรามีเรียนทุกกกกกวัน ไม่พอ การบ้านก็มีทุกวันจร้าาาาา ที่สำคัญคือเราโง่คณิตศาสตร์มากกกกก ปกติเราจะไปลอกคนอื่นในข้อที่ทำไม่ได้ตอนเช้า แต่พอเรามาเรียนไวโอลินซึ่งต้องซ้อมตอนเช้าเลยกลายเป็นว่าเราไม่ได้ลอกเพื่อนซะงั้น
วิชาอังกฤษให้ทำรายงาน และนำเสนอเหมือนว่าให้เราไปสอนเพื่อนๆ ซึ่ง!! มันรุมเราทั้งหมดตั้งแต่เริ่มเรียนกันเลยทีเดียว นี่ยังดีนะที่เรานำเสนอวิชาอังกฤษไปแล้ว เลยมาปั่นต่อ เห้อมมม
ไม่พอ นี่มีบอร์ดห้องที่ทำทีไรตีกันทุกทีอีกนะ T^T
ขอโทษจริงๆน้าที่มาช้ามากๆขนาดนี้(ยังมีคนอ่านไหมน้อออ)
ร๊ากกกกกกทุกโคนนนนนนเหมียนเดิมมมมมม