บทที่ 26.1 ความปรารถนา
เห็นคนบนเตียงกอดเข่าสั่นด้วยความหนาวเหน็บไม่หยุด องค์รัชทายาทก็กล่าวอย่างร้อนรน “เสี่ยวลู่ หมอหลวงมารึยัง”
“ใกล้แล้วพะยะค่ะ เดี๋ยวกระหม่อมจะออกไปรอรับท่านหมอหลวงเป่ยที่หน้าตำหนักเดี๋ยวนี้พะยะค่ะ”
“ท่านอย่าได้เรียกหมอมา ข้ารักษาตัวเองได้”
เสียงทัดทานดังกล่าวทำให้คนทั้งสองต้องชะงักงัน ซวนหยวนหมิงไท่มองต้าเซียนที่นอนแผ่อยู่บนเตียง สักพักคิ้วที่เรียงสวยก็ขมวดขึ้น เขาลอบถอนใจหันกลับไปกล่าวกับเสี่ยวลู่ “เจ้าไม่ต้องตามหมอหลวงแล้ว เพียงนำเสื้อผ้าชุดหนึ่งกับชุดยาของข้ามา”
“พะย่ะค่ะ” เสี่ยวลู่รับคำสั่งแล้วก็ถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านทนรอสักนิด ข้าจะทำแผลให้” ซวนหยวนหมิงไท่กล่าว แลไม่นานเสี่ยวลู่ก็กลับเข้ามาใหม่พร้อมกับอาภรณ์สีขาวชุดหนึ่ง รวมถึงกล่องยาขนาดไม่ใหญ่มากนัก “ท่านลุกขึ้นผลัดเปลี่ยนเสื้อเถิด ข้าจะใส่ยาให้”
ต้าเซียนรับฟังแล้วลุกขึ้นอย่างช้าๆ รับเอาเสื้อผ้าชุดใหม่จากเสี่ยวลู่ไป จากนั้นหันกายเพื่อผลัดเปลี่ยน
รัชทายาทหนุ่มเบนสายตาหลบ แม้ว่าต้าเซียนจะเป็นบุรุษก็ตามที ขณะนั้นก็กล่าวไปเรื่อย “ข้าขอโทษที่ไม่สามารถรั้งตัวเขาไว้ได้ เขาดื้อรั้นมาก ข้ามิอาจขวางเขาได้ทัน” กล่าวจบก็เผอิญเบนสายตากลับไปโดยมิตั้งใจ
เสื้อสีขาวปนชมพูชุดเก่าถูกปลดกองกับพื้น เผยให้เห็นถึงแผ่นหลังสีขาวซีดเปลือยเปล่ากระจ่างตา ต้าเซียนดึงเอาเสื้อที่ได้รับมาสวมใส่ แต่ก่อนที่จะสวมให้เข้าที่ น้ำเสียงตกใจก็พลันดังออกมา
“ต้าเซียน แผลนี้ท่านได้แต่ใดมา” องค์รัชทายาทขยับเข้าไปใกล้ แผ่นหลังที่ต้องทนตากฝนพรำๆนั้นซีดขาวจนรอยแผลที่สะบักไหล่ดูเด่นชัด ยังมีขอบแผลที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ
“ท่านอย่าได้สัมผัส มันเป็นพิษจากกรงเล็บจิ้งจอก” ต้าเซียนกล่าวอธิบาย อาวุธลับดังกล่าวนั้น เมื่อต้องที่ผิวกาย กรงเล็บนั้นจะมลายหายไปอย่างรวดเร็ว หลงเหลือเพียงพิษที่ซึมลึกกัดผิวเนื้อ
“เหตุใดท่านจึงดื้อรั้นยิ่งนัก ท่านควรพบหมอหลวง”
“ท่านอย่าได้ลืมไป ข้าคือมหาเทพแห่งแดนสวรรค์ แผลแค่นี้ มิอาจทำอะไรข้าได้ ท่านเพียงใส่ยาก็พอ”
“แต่”
“และโปรดอย่าเรียกข้าว่าต้าเซียนอีก”
ถึงตรงนี้ ซวนหยวนหมิงไท่ก็ไม่กล้าเอ่ยวาจาใดอีก ด้วยรู้ดีว่าสิ่งที่ตนต้องการทราบนั้น ถือเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับตอนนี้ รอจนใส่ยาที่หลังเรียบร้อยแล้ว เขาก็ทักขึ้นอีก “ท่านควรใส่ยารักษาแผลที่ด้านหน้าด้วย”
“อย่า ปล่อยมันไว้เถิด” ต้าเซียนกล่าวน้ำเสียงเบา เขาอยากเก็บรอยแผลนี้ไว้เพื่อเตือนตัวเอง ว่าระหว่างเขาและเซียวถิงฟง ไม่ได้มีอะไรติดค้างกันอีก หากพบกันคราหน้าหัวใจของชายหนุ่มในร่างนี้ เขาจะต้องคืนให้ อย่างแน่นอน
“เอาเถอะ ท่านอย่าได้คิดมากอีก อย่างน้อยท่านก็ควรพักบ้าง” มองดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายมีความในใจ ซวนหยวนหมิงไท่พยุงต้าเซียนให้นอนลง เหน็บผ้าห่มให้คนบนเตียงรู้สึกอุ่นกาย ครั้นเปลือกตาบางหลับลงก็เตรียมถอยร่น เพื่ออีกฝ่ายได้นอนพักอย่างสงบ ทว่าในชั่วอึดใจนั้นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลับเบิกโพลงแฝงแววสงสัย
“ไม่ถูก นั่นไม่ถูกอย่างยิ่ง” ต้าเซียนพึมพำไปมา ซวนหยวนหมิงไท่ฟังแล้วก็พลอยสงสัยไปด้วย
“ท่านกำลังกล่าวถึงเรื่องใด”
“เหตุใดเซียวถิงฟงถึงเข้าไปในตำหนักลุ่ยหวาได้ ทั้งๆที่ข้าใช้มนตร์ปิดกั้นแล้วแท้ๆ” ต้าเซียนผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นก้มมองฝ่ามือทั้งสองของตนเอง “รึว่าเวทย์ของข้าเสื่อมถอยลง” เขาครุ่นคิดอย่างหนัก
“นั่นเป็นไปไม่ได้ หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าที่ตามเซียวถิงฟงไปติดๆ เหตุใดจึงมิอาจเข้าไปภายในตำหนักได้” ซวนหยวนหมิงไท่กล่าวพลางนึก
หลังจากที่หลุดพ้นจากการจับกุมของเหล่าองครักษ์แล้ว เซียวถิงฟงก็ตรงดิ่งไปยังตำหนักลุ่ยหวาทันที ตัวเขาเองก็ตามไปติดๆ หากแต่เมื่อผ่านเข้าไปยังตำหนักด้านในแล้ว ร่างของเขาก็พลันปรากฏที่ด้านนอกตำหนัก ผิดกับเซียวถิงฟงที่ได้หายตัวไปแล้ว เขาพยายามทดลองเข้าไปอีกหลายครา ทว่าผลก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ดังนั้นเขาจึงได้แต่เฝ้ารอ
“เป็นไปได้รึไม่ ว่ามีคนตั้งใจปล่อยให้เซียวถิงฟงผ่านเข้าไปในตำหนักลุ่ยหวาเพียงลำพัง” ซวนหยวนหมิงไท่กล่าวถึงความเป็นไปได้ ทำให้ดวงตาสีน้ำตาลเกิดเป็นประกายวาบ
“นั่น ก็ไม่แน่นัก” ต้าเซียนกล่าวเสียงอ่อน หลุบตาลงขมวดคิ้ว หากเป็นไปตามที่ซวนหยวนหมิงไท่คาดการณ์ บุคคลที่สามารถทำเช่นนั้นได้ในตอนนี้กลับมีอยู่หนึ่ง แต่กระนั้นเขามิอยากจะเชื่อ
บังเกิดเป็นเสียงเงียบขึ้นในห้อง แม้ซวนหยวนหมิงไท่จะไม่คิดกล่าววาจาถามต่อ แต่ต้าเซียนก็รู้ว่าเขากำลังสงสัยผู้ใด ในสามพิภพตอนนี้บุคคลที่สามารถต่อกรกับเขาได้มีเพียงแค่ผู้เดียว และคนผู้นั้นก็บังเอิญอยู่ในวังหลวงแห่งนี้เช่นกัน
พอดีกับที่ภายนอกมีเสียงวิ่งอึกทึก ส่งผลให้ทั้งสองต้องเหลียวไปมองที่ประตู ประตูถูกผลักเปิดอย่างมิใคร่สนใจในเรื่องมารยาท พร้อมกันนั้นก็ปรากฏน้ำเสียงสดใสดังออกมา
“องค์รัชทายาททายสิว่ากระหม่อมเก็บอะไรมา” ถิงถิงพรวดพราดเข้ามาในห้องด้วยสภาพเปียกปอน มือหนึ่งก็ชูกรงนกขนาดใหญ่ขึ้นสูง ทำให้สายตาสองคู่ต้องให้ความสนใจ
ดูเหมือนไม่มีสิ่งใดอยู่ภายในกรง แต่แล้วกลับมีบางสิ่งค่อยๆผงกหัวขึ้น เผยให้เห็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ขนสีดำเรียบลู่ไปตามผิว อีกาผอมโซตัวหนึ่งกำลังพยายามลุกขึ้นยืน
“ฉุนซุ่ย” ต้าเซียนร้องเรียกอย่างตกใจ
“ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้” ถิงถิงก็ร้องอย่างตกใจไม่แพ้กัน
“นำมันมาให้ข้าเร็ว” เขารีบออกคำสั่ง ถิงถิงที่งงงันจึงส่งกรงนกให้แต่โดยดี หลังจากนั้นเขาก็วางกรงนกไว้ที่บนตักพลางมองฉุนซุ่ยที่อ่อนแรงด้วยความสงสาร
“เจ้าได้มันมาจากที่ใดกัน” รัชทายาทหนุ่มหันไปกล่าวถามถิงถิง
“กระหม่อมผ่านไปแถวสระน้ำไท่เย่ แล้วเผอิญได้ยินเสียงบางอย่างตกลงมาในสระ ดูเหมือนมีคนตั้งใจโยนมันลงมา กระหม่อมเห็นว่ามิชอบกลจึงกระโดดลงไปเก็บ ก่อนจะเห็นเป็นมัน กระหม่อมจดจำได้ อีกาที่ถูกเวทย์” นางกล่าวอธิบายอย่างรวดเร็ว ด้วยธรรมชาติของแมวนั้นไม่ถูกกับน้ำ แต่ผิดกับแมวอย่างถิงถิง ความอยากรู้อยากเห็นย่อมมาก่อนเรื่องหยุมหยิม
ต้าเซียนพยักหน้าให้น้อยๆแล้วจึงเปิดกรงออก โอบอุ้มอีกาตัวน้อยที่นอนหายใจแผ่วอย่างอ่อนโยน ฉุนซุ่ยเองก็ลืมตาขึ้นอย่างเหนื่อยล้า จากนั้นพยายามจิกที่มือของอีกฝ่ายอย่างรักใคร่ “หลายวันที่ผ่านมานี้คงลำบากเจ้าไม่น้อย” กล่าวจบประกายแสงสีทองก็วาบขึ้นในมือ
ความอบอุ่นแผ่กำจายไปทั่วร่าง ขนสีดำสนิทไม่เรียบลู่อีกต่อไป ฉุนซุ่ยร้องขอบคุณด้วยเสียงอันดัง ต้าเซียนยกร่างน้อยที่อยู่ในอุ้งมือขึ้นแนบริมหู มันส่งเสียงเบาๆอยู่ครู่หนึ่ง ก็เกิดประกายตาเฉียบคมในดวงตาคู่สีน้ำตาลทอง
เขาวางร่างของฉุนซุ่ยลงที่เตียง “พักเสียเถิด หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของข้า เจ้ามิต้องกังวล” กล่าวจบก็สะบัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วลุกขึ้นยืน
“ท่านจะไปที่ใดกัน” ซวนหยวนหมิงไท่กล่าวถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะจากไปทั้งที่ยังคงบาดเจ็บ
“ข้าจำต้องพบคนผู้หนึ่ง เดี๋ยวนี้” ต้าเซียนกล่าวเสียงเข้ม
“เดี๋ยวก่อน” ยังมิทันที่จะปรามจบ ร่างของต้าเซียนก็อันตรธานหายไปเสียแล้ว ซวนหยวนหมิงไท่ได้แต่กลับมานั่งที่ข้างเตียงพลางปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเอาเอง
ทันใดนั้นฉุนซุ่ยก็ร้องขึ้น รัชทายาทกวาดตามองมันนิ่งครู่หนึ่งก็ผุดลุกขึ้น “เสี่ยวลู่ ตอนนี้เซียวถิงฟงอยู่ที่ใด”
“เมื่อพระองค์เสด็จกลับถึงตำหนักเหวินหัว เหล่าองค์รักษ์เห็นว่าบรรลุแก้หน้าที่แล้วจึงปล่อยท่านรองแม่ทัพเซียวไปเรียบร้อยแล้วพะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเสี่ยวลู่กล่าวตอบ เขาก็ขมวดคิ้วมุ่น ความไม่สบายเกาะกุมจนมิอาจพรั่งพรูลมหายใจได้เต็มที่ อาจเป็นเพราะเรื่องราวมีพิรุธอยู่บ้าง เขาเบนศีรษะไปนอกตำหนัก
บัดนี้ฝนได้หยุดลงแล้ว ท้องฟ้าด้านนอกสว่างไสว แต่ใจเขากลับมิอาจสงบลงได้ ดูว่าเขาจำต้องกลับไปยังตำหนักลุ่ยหวาอีกครั้ง “ครานี้ข้าต้องพาเจ้ากลับมาได้ เซียวถิงฟง” ซวนหยวนหมิงไท่กล่าวพึมพำ
******************************************************
บนเก๋งหกเหลี่ยมหลังซึ่งตั้งอยู่ใจกลางในอุทยานของตำหนักเตี้ยนชิง เฟยหลงนั่งเหยียดขาข้างหนึ่ง อีกข้างยันขึ้นวางพาดไว้ด้วยลำแขน ดวงตาก็ทอดมองหาเงาร่างของคนผู้หนึ่งแต่ไกล เส้นผมสีดำที่มัดรวบขึ้นสูงยาวสยายไปตามสายลมแผ่ว
...เขามักเป็นฝ่ายรออยู่เสมอ แต่กระนั้นเขาก็ยังคงทนรออยู่ ในที่สุดคนที่รอก็มา เสื้อสีขาวบริสุทธิ์ เส้นผมสีน้ำตาลดูอ่อนนุ่ม ดวงหน้าเล็กอ่อนหวานแต่แฝงไปด้วยความคมคาย ท่วงท่าที่เต็มไปด้วยความสง่างามหาผู้ใดเปรียบไม่
เฟยหลงยิ้มแล้ว ร่างสีขาวเหาะเหินเข้ามา ต่อเมื่อปลายเท้าสัมผัสลงที่หลังคาก็พลันหยุดลง เขาจับจ้องทุกท่วงท่าอิริยาบถด้วยสายตาชื่นชม จนมิอาจละไปจากคนผู้นี้ได้
“เฟยหลง”
ดวงตาคู่งามอันน่าหลงใหลมองสบ น้ำเสียงน่าฟังเอ่ยขึ้น เขาชอบให้คนผู้นี้เรียกนามของตน เขาลุกขึ้นแล้วกอบกุมมือเรียวเล็กไว้
“เหตุใดตัวของท่านจึงเย็นยิ่งนัก” เฟยหลงกล่าวด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าเจือด้วยรอยยิ้ม แต่กระนั้นใบหน้าของท่านมหาเทพกลับทาบทับไปด้วยความเย็นชาเสียหลายส่วน
ต้าเซียนดึงมือออกจากการเกาะกุม กล่าวน้ำเสียงเคร่งเครียด “ข้ามีเรื่องต้องคุยกับเจ้า เฟยหลง”
ฉับพลันนั้นก็รู้สึกถึงบางสิ่ง แต่เฟยหลงก็ยังคงใช้น้ำเสียงปกติ “ข้าพาท่านกลับห้องก่อน แล้วเราค่อยกล่าวถามดีรึไม่”
“ไม่ ข้าอยากรู้ตอนนี้ ข้าจำเป็นต้องรู้ตอนนี้” ต้าเซียนกล่าวซ้ำไปซ้ำมาอย่างสับสน ใบหน้าของเฟยหลงเองก็แฝงแววเคร่งเครียดประการหนึ่ง เขาพยายามสงบสติอารมณ์ก่อนถามเสียงแข็ง “เป็นเจ้าที่ปล่อยให้เซียวถิงฟงเข้าไปยังตำหนักลุ่ยหวาใช่รึไม่”
ทันทีที่เอ่ยปาก ดวงตาดุจพญาอินทรีก็เบิกกว้างขึ้น ก่อนแปรเปลี่ยนกลับเป็นปกติ เฟยหลงไม่ตอบคำเพียงเดินเข้ามากอดร่างของเขาไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเขาจะหนีหายไประหว่างบทสนทนานี้
“เจ้าตั้งใจจะให้เซียวถิงฟงช่วยเหลือนางปีศาจจิ้งจอก ขัดขวางข้าไว้เพื่อที่จะให้นางฆ่าเขาในภายหลังใช่หรือไม่” ต้าเซียนพยายามถามซักไซ้ จากคำบอกเล่าของฉุนซุ่ย มันได้กล่าวถึงแผนการของจอมมารเฟยหลงและนางปีศาจ
ดวงหน้าเล็กถูกจับซบอยู่ระหว่างอกแกร่ง เสียงหัวใจของร่างเล็กดังชัดจนสามารถจับความเคลื่อนไหวได้เป็นอย่างดี เสียงนั้นกำลังเต้นไปพร้อมกับจังหวะหัวใจที่อยู่ในกายเขา เฟยหลงเลื่อนมือหนึ่งโอบศีรษะคนตรงหน้า มืออีกข้างยังกอดร่างบางเอาไว้ เขาเคลื่อนใบหน้าลงกระซิบตอบที่ข้างหู “ใช่ ข้าต้องการให้เขาตาย”
เสียงตอบนั้นเบาบาง แต่กลับแฝงไว้ด้วยความอาฆาตรุนแรง แรงเสียกระทั่งทำให้ต้าเซียนต้องชาวาบไปทั้งตัว ทว่าเฟยหลงยังคงกล่าวต่อ
“ข้ารู้ว่ามันเสี่ยงมากที่ทำเช่นนี้ ท่านอาจรู้ความจริง แต่ข้ายังคงต้องเสี่ยง ข้าต้องรีบตัดความสัมพันธ์ระหว่างเขากับท่าน ข้ามิอาจละเว้นชีวิตของเขาได้” เจ้าของดวงตาดุจพญาอินทรีกล่าวแล้วเหยียดยิ้ม
เขาเป็นฝ่ายรอมาเนิ่นนานแล้ว และจะไม่ยอมอยู่สูญเสียท่านมหาเทพไปอีก ดังนั้นเขาจำต้องเป็นฝ่ายลงมือก่อน เฟยหลงยังคงลูบที่ศีรษะของต้าเซียนอย่างไม่รู้สึกผิด
“เจ้ารู้จักกับนางปีศาจจิ้งจอกตนนั้น แต่เจ้าแสร้งบอกข้าว่าเจ้าหาได้รู้จักนางไม่ ทำไม”
“ข้าไม่ไว้ใจชายผู้นั้น เขาทำให้ท่านหวั่นไหว ข้ามิอาจให้เขาคงอยู่ในใจท่านได้ ใจของท่านเป็นของข้า กายของท่านก็เช่นกัน และเป็นเพราะข้ามิอาจลงมือฆ่าเขาเองได้ ดังนั้นมีแต่นางที่ทำตามที่ข้าปรารถนาได้” พูดจบเฟยหลงก็ขยับใบหน้าเข้าจุมพิตที่หน้าผากของร่างเล็กอย่างแผ่วเบา
ทว่าต้าเซียนกลับเบนศีรษะหนีพลางซักถามต่อ “ดังนั้นเจ้าจึงสั่งให้ปีศาจจิ้งจอกทำร้ายกระทั่งข้าด้วยอย่างนั้นรึ” นึกถึงคราที่ต้องอสรพิษแมงมุม วันนั้นแทบทำให้เขาเกือบต้องสูญเสียหัวใจของเซียวถิงฟงไป
“ข้าบอกท่านแล้ว ข้ามิอาจยอมให้ใจท่านมีเขาได้” เฟยหลงตอบสั้นๆ สายตาทอดมองต้าเซียนอย่างโหยหา
“เช่นนั้นทำไมวันนั้นเจ้าต้องช่วยข้าไว้”
“........”
เฟยหลงไม่ตอบ หากแต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่บริเวณหนึ่ง ต้าเซียนมองตามสายตานั้น ก่อนหยุดลงที่หน้าอกข้างซ้ายของตน จู่ๆก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว คล้ายสิ่งที่ติดขัดอยู่ในใจกำลังคลี่คลายออกทั้งหมด
สีหน้าซีดขาวลงอย่างฉับพลัน ฝ่ามือหนึ่งยกขึ้นทาบที่หน้าอกตนเอง อีกข้างหนึ่งก็เอื้อมสัมผัสบริเวณหน้าอกของเฟยหลงอย่างสั่นไหว ใจคาดหวังมิให้สิ่งที่ตนกลัวบังเกิดขึ้นจริง แต่แล้วดวงตาก็ต้องเบิกกว้าง
หัวใจของเฟยหลงเต้นเร็วแรงเป็นจังหวะ คล้ายกับหัวใจในร่างตนที่เต้นอย่างตื่นตระหนก...เสมือนมีบางสิ่งบีบรัดอยู่ในอก ต้าเซียนพยายามเค้นเสียงถามอย่างเจ็บปวด “หัวใจครึ่งดวงของเซียวถิงฟงอยู่ที่ใด”
“ข้ารักท่าน ท่านมหาเทพ ท่านรู้ไหมว่าข้ารอท่านมานานเท่าใด เฝ้ามองท่านมาเนิ่นนานแค่ไหน” เฟยหลงกล่าวจบก็รวบตัวต้าเซียนเข้ากอดไว้แน่น
เฟยหลงตอบไม่ตรงคำถาม ต้าเซียนขมวดคิ้วแน่น เริ่มสูญเสียการควบคุมตนเอง เขาผลักดันร่างของเฟยหลงออก ก่อนตะเบ็งเสียงตวาด “บอกข้ามาหัวใจของเขาอยู่ที่ไหน”
สายตาดั่งพญาอินทรีเริ่มทอประกายเหี้ยม แต่แล้วก็เปลี่ยนกลับเป็นสงบลงอย่างรวดเร็ว “พรุ่งนี้เราจะไปจากที่นี่ เราจะขึ้นเหนือไปด้วยกัน มิว่าเป็นเพราะเรื่องใด หรือผู้ใดก็มิอาจพรากเราสองคนไปได้อีก” เฟยหลงกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างสุขใจ ท่ามกลางการยื้อยุดของร่างเล็กในอ้อมกอด
ชั่วพริบตาต่อมาร่างสีขาวก็หลุดรอดออกจากวงแขนแกร่ง พร้อมกันนั้นก็วาดฝ่ามือไปยังคนตรงหน้าจนบังเกิดเป็นเสียงดัง
เพียะ ต้าเซียนหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ใบหน้าของเฟยหลงหันเหไปด้านข้าง เส้นผมดำปรกจนเห็นเพียงโครงหน้าที่ได้รูป ร่างแกร่งค่อยๆหันหน้ามาอย่างเชื่องช้า ใบหน้านั้นก้มต่ำลง จนทำให้เขามิอาจเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายได้ในยามนี้
ในที่สุดเฟยหลงก็เงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาที่แดงก่ำ คำตอบที่ไม่เบี่ยงเบนประเด็นถูกกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงคำรามลั่น ทั้งยังแฝงไปด้วยความอำมหิต “ข้าทำลายไปแล้ว”
ภายในอกเสมือนถูกฉีกกระชากออก ต้าเซียนจ้องมองสายตาอันแดงก่ำคู่นั้นแล้วต้องใช้มือหนึ่งกุมที่หน้าอก หัวใจภายในร่างถูกบีบคั้นอย่างแสนสาหัส หัวใจครึ่งดวงนี้กำลังเจ็บปวดเขารู้ดี
แต่กระนั้นหัวใจของเซียวถิงฟงกลับไม่อยู่อีกแล้ว เขาปกป้องมันไว้ไม่ได้ ตลอดเวลาที่เขาไม่สามารถสัมผัสถึงความรู้สึกของเซียวถิงฟงได้ มิใช่ว่าชายหนุ่มมิได้รู้สึกรู้สา หากแต่ว่าหัวใจของเซียวถิงฟงนั้นไม่มีอยู่ในร่างเขาอีกต่อไป เขาจึงมิอาจสัมผัสมันได้อีก
“ทำไมเจ้าต้องทำเช่นนี้ด้วย” ต้าเซียนตวาดถามอย่างไม่เข้าใจ ทั้งเรื่องพนันนั่นก็เช่นกัน เฟยหลงรู้ดีอยู่แก่ใจ หัวใจในร่างเขามิอาจเป็นของเซียวถิงฟงได้ เนื่องเพราะหัวใจครึ่งดวงนั้นได้ถูกทำลายไปแล้ว ด้วยน้ำมือของเฟยหลงเอง ดังนั้นเขามิอาจเป็นฝ่ายชนะได้อีก กระนั้นแล้วก็ยังคงหลอกล่อให้เขารับพนันในครั้งนั้น
“เพราะข้ารักท่าน ข้ายอมที่จะต้องถูกเนรเทศออกจากแดนสวรรค์ ถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ เป็นจอมปีศาจที่ไร้ซึ่งความเมตตา เพียงเพื่อมีท่าน แต่แล้วข้ากลับต้องพบกับความสิ้นหวัง หมดอาลัยตายอยาก ข้าสูญเสียท่านไปเนื่องเพราะท่านคือมหาเทพแห่งแดนสวรรค์ ท่านมิมีหัวใจ ท่านไม่เคยมีความรักเฉกเช่นมนุษย์ แต่ท่านรู้ไหม ในวันที่ข้ารู้ว่าท่านมีหัวใจ โชคชะตากลับเล่นตลกกับข้า
แม้ท่านจะมีหัวใจแต่ทว่าภายในใจของท่านกลับไม่มีข้า มันเป็นเพราะชายผู้นั้น ทั้งที่เขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา แต่เขากลับยึดครองพื้นที่ภายในใจของท่าน...ท่านมหาเทพ ข้ามิอาจทนรับการสูญเสียท่านได้เช่นพันปีก่อน ดังนั้นข้าต้องยอมให้ผู้อื่นทำร้ายท่าน ทั้งต้องยอมเป็นคนที่หลอกลวงท่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อให้ได้ท่านมา”
เฟยหลงระบายความในใจทั้งหมดออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขามิอาจขาดท่านมหาเทพไปได้ ดังนั้นเขาทำได้ทุกๆอย่างเพียงเพื่อให้ได้มา ไม่ว่าจะถูกหรือผิด หรือแม้จะต้องอำมหิตเลือดเย็นสักแค่ไหน ทำร้ายใครมากสักเท่าใด เขาก็ไม่สนใจ
“เฟยหลง นั่นมันผิดไปแล้ว เจ้าผิดไปแล้ว” ต้าเซียนก้มหน้าลงส่ายหน้าอย่างรู้สึกผิด มิใช่ว่าเขาไม่รู้สึกถึงความรักของเฟยหลง แต่เป็นเพราะว่าความรักของเฟยหลงนั้นเปี่ยมไปด้วยความต้องการ ไม่สนแม้แต่สรรพสิ่งใดๆ อีกทั้งความต้องการนั้นยังคงเปี่ยมไปด้วยการเข่นฆ่าทำลาย
“ไม่ ข้าไม่ผิด” สองตาเฟยหลงเบิกค้าง แววตาส่วนลึกนั้นว่างเปล่า เขาปฏิเสธอย่างแข็งกร้าว ทั้งใช้สองมือจับเข้าที่ไหล่ของท่านมหาเทพไว้แน่น “เพียงแค่ชายผู้นั้นตาย ในใจของท่านก็จะไม่มีเขาอีก ท่านมิต้องเป็นห่วง อีกไม่นานท่านก็จะลืมเขาไปเอง”
เฟยหลงกล่าวเหมือนคนเสียสติ ต้าเซียนมองดูความบ้าคลั่งนั้นอย่างเจ็บปวดใจ แล้วพยายามตวาดเรียกเพื่อให้อีกฝ่ายคืนสติ แต่ทว่ามันกลับไม่สะทกสะท้านถึงสติของอีกฝ่าย ร่างแกร่งยังคงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งเขารั้งสาบคอเสื้อเจ้าตัวเข้ามากล่าวด้วยน้ำเสียงอันดัง “เจ้าพอได้แล้ว ทำเช่นนี้หาได้มีประโยชน์อันใดไม่”
ครานี้เสียงหัวเราะของเฟยหลงหยุดชะงักแล้ว หากแต่กลับแทนที่ด้วยน้ำเสียงอำมหิต “ไม่มีประโยชน์รึ หากข้าไม่มีท่าน เขาก็อย่าได้หวังว่าจะมีท่านได้เช่นกัน”
“ข้าบอกว่าพอได้แล้ว ถึงเขาจะตายรึไม่ ข้าก็ยอมติดตามเจ้าไปอยู่แล้ว เช่นนั้นเจ้าจะฆ่าเขาอีกทำไมกัน” ต้าเซียนกล่าวด้วยความสัตย์จริง
ไม่ว่าหัวใจของเขาจะเป็นของเซียวถิงฟงหรือไม่นั้น เขาก็ตัดสินใจที่จะตามเฟยหลงไปแต่แรกอยู่แล้ว อันเพื่อความสงบของสามพิภพและเพื่อให้เขาได้ชดใช้บาดแผลในใจของอีกฝ่าย เขายอมติดตามเฟยหลงไปทุกหนแห่ง ดังนั้นไม่ว่าจะแพ้หรือชนะพนันนั้นก็ย่อมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเขาได้
“ท่านคิดจะไปกับข้าจริงๆรึ” น้ำเสียงของเฟยหลงนั้นเริ่มอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
ต่อเมื่อเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น ต้าเซียนก็รีบกล่าวตกลง “ข้าให้สัญญา จบเรื่องนี้ข้าจะไปกับเจ้า ฉะนั้นเจ้าอย่าได้คิดฆ่าเซียวถิงฟงอีก” ดูว่าดวงตาของเฟยหลงอ่อนแสงลงได้ไม่นาน ก็กลับต้องฉายแววฟาดฟันอีกครั้ง
“ถึงที่สุดแล้วท่านก็ยังเป็นห่วงชายผู้นั้นอยู่ดี ท่านยังไม่เข้าใจอีกรึ สิ่งที่ข้าต้องการมิใช่เพียงแต่ตัวท่าน ข้ายังต้องการหัวใจของท่านด้วย หึ ข้ารับรอง ไม่เกินคืนนี้ เขาต้องตายด้วยน้ำมือของปีศาจจิ้งจอก” เฟยหลงกล่าวหนักแน่นทั้งยังหัวเราะขึ้นอีกครา
ใจของต้าเซียนวูบโหวงไปในทันที เขาไม่น่าปล่อยปละปีศาจจิ้งจอกเป็นครั้งที่สอง ทั้งที่รู้ว่าปีศาจตนนั้นจะเป็นภัยแก่เซียวถิงฟง กระนั้นเขากลับใจอ่อน ห่วงแต่ความรู้สึกของอีกฝ่าย ด้วยกลัวว่าจะโดนเกลียด ทว่าสิ่งที่เขากลัวกลับกลายเป็นความเห็นแก่ตัวของเขาเองทั้งสิ้น และสิ่งนั้นจะทำลายชีวิตของเซียวถิงฟง
ต้าเซียนผละกายออกจากเฟยหลง ทว่าสองมือใหญ่กลับเอื้อมมาพันธนาการมือเขาไว้ ตอนนี้เขารู้แล้ว เขามิอาจหยุดยั้งทั้งความคิดและการกระทำของเฟยหลงได้ เนื่องเพราะมันไม่มีประโยชน์ ไม่มีประโยชน์อันใด
สองเท้าก้าวถอยหลังห่างออกไป จนกระทั่งสองมือที่กอบกุมนั้นเลื่อนหลุดออก เฟยหลงพยายามไขว่คว้าสองมือนั้นไว้ ทั้งยังกล่าวด้วยน้ำเสียงและสายตาอ้อนวอน “อย่าไป”
“แล้วข้าจะกลับมา” ต้าเซียนกล่าวสั้นๆ จากนั้นกระโดดลงจากหลังคาเก๋งหกเหลี่ยม โผทะยานเหาะเหินมุ่งหน้าไปทางทิศหนึ่ง ทิ้งไว้ให้เฟยหลงคำรามก้องอย่างโดดเดี่ยว ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องสว่างอย่างมืดมน
*************************************************