ไม่ต้องเสียเวลาพูดพล่ามทำเพลงครับเริ่มภาคสองกันต่อเลยแล้วกัน(ทำเหมือนหนังเลยเนอะ..เหอๆ)..
.
.
หลังจากจบเรื่องของไอ้แบ๊งค์ไปได้ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติตัวเราเองเมื่ออาการดีขึ้นก็กลับไปเรียนเหมือนเดิม(พร้อมกับตามเก็บงานมากมายที่สุมสะสมไว้ตอนนอนเดี้ยงอยู่ที่บ้าน)เพื่อนในคณะไม่มีใครได้รู้เลยว่าเรื่องวุ่นวายได้เข้ามาเยี่ยมเยือนคนสองคนมากมายขนาดไหนในช่วงเวลาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาและในเย็นวันหนึ่งหลังจากเลิกเรียนแล้วจึงเดินไปห้องพักอาจารย์เพื่อเอางานพรีเซนต์ส่วนตัวที่ดองไว้ไปวางส่งที่โต๊ะเวลาตอนนั้นประมาณห้าโมงเย็น(ไอ้ต่อคงเล่นบอลเสร็จพอดี)อาคารเรียนก็เริ่มร้างแล้วเลยรีบวางแล้วรีบออกมาจะได้กลับบ้านไม่ค่ำมากพอลงมาถึงชั้นล่างก็เจอไอ้ไอซ์ยืนรออยู่
.
"มีอะไร.." ถึงจะลังเลนิดๆว่าควรเสวนาด้วยดีมั้ยแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดกันให้รู้เรื่องไป
"อยากคุยด้วยหน่อย.." มันพูดไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่นัก
"ว่ามาสิ.." เอาสิวะ..ตอนนี้ยังพอมีคนเดินผ่านไปมาบ้างมันจะกล้าทำไรตรงนี้ก็ลองดู...(กรูจะแหกปากให้ลั่นเลยเหอๆ...)
"ไปคุยกันหลังตึกได้มั้ย.." หื้มมมม...ว่าไงนะ
"เหอะ..ไม่ มีอะไรจะพูดก็ว่ามาตรงนี้เลย" คิดว่ากรูฉลาดน้อยเรอะ..
.
ไอ้ไอซ์ไม่ตอบแต่ล้วงมือไปหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากถุงกระดาษใบที่วางอยู่ข้างๆตัวแล้วยื่นให้
.
"เสื้อของต่อ..เค้าลืมทิ้งไว้" มันจงใจรึเปล่าไม่รุ้..แต่รู้สึกเจ็บแปรบขึ้นมานิดๆเหมือนกันเมื่อภาพเหตุการณ์ในวันนั้นย้อนกลับมาในหัว
"อืม..ขอบใจที่เอามาให้.." รับคืนมาแล้วก็ม้วนๆหนีบเอาไว้ที่แขน
"ฝากบอกเค้าด้วยว่าเราขอโทษ.." เพิ่งนึกได้เหรอ...
"อืม..จะบอกให้" บอกไม่บอกก็ค่าเท่ากันนะความจริง
.
หลังจากฟังไอ้ไอซ์พูดจบแล้วเราก็ออกเดินต่อแต่ออกมาได้ไม่กี่ก้าวมันก็เรียกอีกครั้ง...
.
"พลาด..."
"หือ...มีอะไรอีก.." เอี้ยวคอหันกลับมามองหน้ามัน
"เราขอโทษนายด้วย" ไอ้ไอซ์พูดแล้วเดินเข้ามาประชิด
"..." บอกตามตรงว่าไม่เคยคิดว่าจะได้คำนี้จากมันเลย...พอได้ยินก็ถึงกับอึ้งไปนิดๆ
"เราไม่คิดว่าพวกนั้นจะทำนายขนาดนั้น.." มันพูดพลางเอามือมาแตะๆรอยช้ำบนหน้าที่ยังปรากฏให้เห็นจางๆ
"ช่างมันเหอะ.." เค้าขอโทษมาก็คงต้องรับไว้ล่ะ...
.
ในตอนนั้นเองไอ้ต่อเดินกลับมาถึงบริเวณหน้าตึกคณะพอดีและเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น(โดยไม่ละเอียด)
.
"เมิง..ไปห่างๆเลย.." ไอ้ต่อทิ้งของลงกับพื้นแล้วเดินดิ่งเข้ามาทันที
"เฮ้ย..ไม่มีอะไร..ไอซ์นายไปเหอะเดี๋ยวเราจะบอกมันให้..." พูดแล้วก็บุ้ยหน้าให้ไอ้ไอซ์รีบไปจากตรงนั้นซะส่วนอีกมือก็รั้งตัวไอ้ต่อไว้ไม่ให้ตรงเข้าไปคลุกวงใน
.
ไอ้ไอซ์พยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบเดินออกไปจากที่ตรงนั้นจนเมื่อมันเดินหายไปแล้วถึงได้ปล่อยแขนพ่อนักเลงของเราออกได้
.
"นักเลงจริง...เค้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย" พูดแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเดินไปช่วยมันหยิบสมุดหนังสือที่หล่นบนพื้น
"ไว้ใจได้ที่ไหน...มันมาพูดไรกับเมิงน่ะ..." ไอ้ต่อถามพลางหยิบเอาสมุดจากมือเราไปถือไว้เอง
"มีอะไรที่ไหน...มันเอาเสื้อมาคืนเมิงนี่..." ว่าแล้วก็ยื่นให้มันไป
"แค่นั้นเหรอ.." ไอ้ต่อถามเสียงแบบไม่ค่อยเชื่อ
"มันมาขอโทษเมิงกับกรูด้วยกับเรื่องที่เกิดขึ้น" ก็ว่าไปตามจริง
"หืม...จริง" เหอๆตอนแรกกรูก็ไม่อยากเชื่อ...
"จริงสิ..กรูจะโกหกทำไม...แล้วเมิงล่ะยกโทษให้มันได้มั้ย.." ถามแล้วก็ออกเดินต่อไม่งั้นวันนี้คงไม่ได้พ้นรั้วมหาลัยฯซักที
"ไม่..." แค้นฝังหุ่นวุ้ย...
"กรูเป็นคนโดนซ้อมนะ..กรูยังยกโทษให้มันได้เลย.." ก็ว่ากันไป..
"เมิงจะยกโทษก็ยกโทษไป...กรูไม่.." ดื้อจริงว่ะ...
"งั้นก็ไม่ต้องมายุ่งกับกรู...กรูเกลียดคนเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่เข้าท่า..อยู่ด้วยแล้วกรูไม่มีความสุข..." เหอๆ...ปกติไม่ชอบวิธีการแบบนี้หรอกนะ..
"เมิงอ่ะ.." มันตัดพ้อ
.
เร่งฝีเท้าเดินเพื่อทิ้งห่างมันให้มากขึ้นจนกระทั่งถึงป้ายรถเมล์ระหว่างยืนรอมันก็เดินมาทัน..
.
"รีบเดินไปไหน..." ถามแล้วก็มากระแซะ
"ห่างๆ..ไปไกลๆ.." พูดไปเอามือผลักๆมันให้ออกไปห่างๆ
"หูยยย เมิงอย่าทำแบบนี้ได้มั้ย...จะมาโกรธกรูทำไมเนี่ย.." ไอ้ต่อพูดเสียงดังจนต้องรีบหันไปมองรอบตัว..โชคดีที่ไม่มีคนยืนรอรถเมล์อยู่...
"กรูไม่ชอบคนเจ้าคิดเจ้าแค้นบอกแล้วไง...ไปห่างๆกรูไม่ต้องมาใกล้"
.
ยิ่งไล่ไอ้ต่อยิ่งวิ่งเข้าหาเอาแขนมาคล้องเกาะดึงไปโอบพอดิ้นหลุดได้ก็มาจับไปอีกจนสุดท้ายเลยเอาส้นรองเท้ากระทืบเท้ามันหนักๆไปทีนึงถึงได้หายบ้าเงียบไปพักใหญ่ถึงเดินเข้ามาหาอีกครั้งแล้วพูดเบาๆเสียงอ่อยๆ
.
"กรูขอโทษ..." พูดไปก็กระแซะๆไป
"ไม่ให้อภัย..แล้วเมิงออกไปไกลๆเข้ามาใกล้ทำไมอยากโดนกระทืบตรีนอีกเหรอ.."
"เมิงจะโกรธอะไรนักหนาเนี่ย...มีเหตุผลมั่งได้ป่ะ..เรื่องของมันไม่เห็นจะเกี่ยวกับเราสองคนเลย.." เหมือนจะฟิวส์ขาดไอ้ต่อพูดออกมาซะยาวเหยียด..
"แล้วไง..เมิงรู้รึยังล่ะว่ารู้สึกยังไงเวลาที่ขอโทษใครไปแล้วเค้ายังไม่ยอมยกโทษให้ยังรั้นหัวแข็งไม่มีเหตุผล..."
"....." ไอ้ต่อเงียบไปบ้างคราวนี้
"เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว..ผ่านไปแล้ว..ตอนนี้มันก็ไม่ได้มายุ่งมาวอแวด้วยเมิงจะผูกใจเจ็บมันไปเพื่ออะไรล่ะ..รกสมองเปลืองหัวใจ..สู้ให้อภัยมันไปซะมันจะไม่ดีกับทุกฝ่ายกว่ารึไง.."
"แต่เมิงเจ็บตัวเพราะมัน.." มันยังดื้อไม่เลิก...
"งั้นเมิงก็ยิ่งต้องให้อภัยมัน..ต้องนึกขอบคุณมันเลยด้วยซ้ำ..."
"ทำไม..." ไอ้ต่อถามกลับทันที
"ก็ถ้าไม่มีเรื่องพวกนั้น...กรูก็คงไม่รู้ว่าเมิงรักกรูแค่ไหน.." นานๆทีพูดหวานๆกับมันบ้างแล้วกัน
.
ได้ผลเกินคาดไอ้ต่อออกอาการเขินอย่างเห็นได้ชัดรีบหลบสายตาหันไปมองทางอื่นแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีจนเมื่อรถเมล์และกลับมาถึงบ้านขณะกำลังเราที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่นั้นมันก็พูดขึ้นมา
.
"เอาเป็นว่ากรูยกโทษให้มันก็ได้..." ถึงจะฟังดูพูดไม่ค่อยเต็มปากนักแต่ก็โอเค..พอกล้อมแกล้ม...
"ได้อย่างงั้นก็ดี...กรูก็รู้สึกดีด้วย.." อนุโมทนาเถอะโยม...
"แต่..." ทำไมต้องมีแต่ฟะ...- -"
"อะไรเมิงอีก..." วางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วหันไปมองหน้ามัน
"เมิงต้องไม่ไปสุงสิงกับมัน...แล้วมันก็ห้ามมายุ่งกับเมิงด้วย.." ไม่ต้องห้ามกรูก็ไม่คิดจะยุ่งอยู่แล้ว - -
"เออๆๆ..ไม่ยุ่งด้วยแน่ๆล่ะพอใจรึยัง.." เรื่องเยอะจริง..
"อีกเรื่องนึงด้วย.."
.
ไอ้ต่อพูดแค่นั้นแล้วผลุดลุกขึ้นนั่งเอื้อมมือมาฉุดเราลงจากเก้าอี้ไปนอนบนเตียงแล้วพลิกตัวขึ้นคร่อมทับเอาไว้ไม่ให้ดิ้นแล้วเริ่มซุกไซร้ที่ข้างๆใบหูเบาๆลมหายใจอุ่นๆไหลรดต้นคอจนรู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมา
.
"เมิงจะทำไรเนี่ย..ไม่อ๊าววว.." ทั้งดิ้นทั้งผลักออกแต่สู้แรงมันไม่ได้
.
มันไม่พูดอะไรออกมาซักคำแต่กลับลงมือไซร้ไล่ลงมาที่คอหนักขึ้น(ตอนนั้นตัวอ่อนปวกเปียกแล้ว...)มือข้างหนึ่งของมันล้วงเข้าไปในเสื้อแล้วลูบตามตัว
.
"ไม่เอาเมิง..อย่านะ..กรูจั๊กจี้..." ไม่เอาอ่ะ...ไม่อยากทำตอนนี้กำลังอ่านหนังสืออยู่เดี๋ยวขาดตอนต้องกลับไปอ่านใหม่แต่ต้น...
"เมื่อตอนเย็นเมิงทำกรูอารมณ์เสีย...ตอนนี้เมิงต้องทำให้กรูอารมณ์ดีก่อน.." ไอ้...ไอ้หื่น...ทั้งหน้าตาทั้งน้ำเสียงเลยน่ากลัวที่สุด
"ไม่เอา...เมิงไม่เอาตอนนี้กรูอ่านหนังสือก่อน.." ทั้งดิ้นทั้งถีบสุดชีวิตแต่ไม่มีประโยชน์เลยถึงตอนนั้นไอ้ต่อก็ถลกเสื้อยืดขึ้นมาและเริ่มไซร้ลามลงมาที่ตัวแล้ว
.
และในวินาทีที่อธิปไตยกำลังจะถูกรุกล้ำนั้นเองเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น(ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนคนที่เรือแตกลอยอยู่กลางทะเลแล้วเห็นเรือชูชีพลอยมารับ)รีบสปริงตัวขึ้นหมายจะไปรับสายทันทีแต่ทว่าไอ้ต่อกดตัวเอาไว้อย่างแรงจนขยับไม่ได้...
.
"อึ้ยยยยย...ปล่อยกรูจะไปรับโทรศัพท์.." ตะเกียกตะกายสู่ทางออกสุดท้ายของอันตรายครั้งนี้
"ไม่..." สั้นๆคำเดียวแล้วมืออีกข้างมันก็เริ่มล่วงละเมิดกางเกง(อย่างทะลักทุเลเพราะเราก็ดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างไม่ลดละ..)
.
ในที่สุดเสียงโทรศัพท์ก็เงียบไป...เลิกดิ้นรนแล้วนอนนิ่งอย่างหมดหวังยอมรับในชะตากรรมตัวเองและปลงกับการต้องเริ่มอ่านหนังสือใหม่แต่ต้นและไม่กี่นาทีต่อมาเสียงเคาะประตูแบบรัวไม่นับก็ดังขึ้นพร้อมเสียงเรียกจากคุณแม่(สุดที่รัก..รักที่สุด สวรรค์ส่งมาช่วย..)
.
"แหม่มโทรมาลูกลงมารับสายเร็วทำไมเค้าโทรเข้ามือถือแล้วไม่รับสายล่ะเมื่อกี้.."
"คร้าบแม่...จะลงไปรับเลยครับ.." อาศัยจังหวะไอ้ต่อตกใจไม่ทันตั้งตัวผลักมันตกเตียงแล้วจัดเสื้อผ้ารีบเปิดประตูลงไปรับโทรศัพท์ข้างล่างทันที
.
ไอ้แหม่มโทรมาชวนออกไปเที่ยวกลางคืน(ในช่วงใกล้สอบ...)มันคงไม่เหมาะจะออกไปเท่าไหร่นักเลยปฏิเสธไปแล้วเดินกลับขึ้นมาบนห้องก็เจอไอ้ตัวแสบนั่งเล่นเกมในคอมอยุ่..(เออก็ดีเมิงจะได้ไม่ต้องระรานกรู..)หลังจากสงบอยู่ได้พักนึงมันก็เริ่มอีก...
.
"แตกไฟล์เพลงที่โหลดมาใส่พาสเวิร์ดอะไร.." มันถามพลางคลิกเข้าไปยังไฟล์ .rar ที่ยังไม่ได้แตกไฟล์บนเดสทอป
"พาสเวิร์ดเค้าบอกไว้ในชื่อไฟล์แล้วน่ะ..." ก็บอกมันไปแต่ตายังไม่ละจากหนังสือ..
"แล้วถ้าจะเข้าไปในใจเมิงใช้พาสเวิร์ดอันนี้ได้มั้ย..."
"...." พูดไม่ออกเลย...
.
ละสายตาขึ้นมามองหน้ามันด้วยอารมณ์เลี่ยนที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ก่อนจะหันหนีไปอีกทางและอ่านหนังสือต่อ
.
"เมิงเคยอยากลองเปลี่ยนศาสนามั้ย...ความจริงกรูเคยอยากนับถือคริสต์นะ..." มันยังชวนคุยไม่เลิกแต่คราวนี้ดูมีสาระขึ้นนิดนึง...
"แล้วทำไมไม่นับถือล่ะ...กรูน่ะนับถือพุทธตามที่บ้านมาแต่เกิดแล้วเลยไม่รู้สึกอะไร.." ก็ตอบมันพลางย้อนถามไปด้วย
"ก็ศาสนาคริสต์เค้าสอนให้รักทุกคน..แต่กรูทำไม่ได้กรูรักเมิงคนเดียว..."
"....." เอ่อ....ขอถอนคำพูดที่ว่ามีสาระ
.
ทั้งห้องเงียบสงัดหลังจากจ้องหน้ากันด้วยความมึนจนพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งมันก็หันไปเล่นเกมต่อส่วนเรากลับไปอ่านหนังสือเหมือนเหตุการณ์เมื่อสักครู่ไม่เคยเกิดขึ้น...
.
.
เดี๋ยวขอตัวไปอาบน้ำเตรียมตัวลงไปเตรียมของทำบุญก่อนนะครับเดี๋ยวคืนนี้ถ้าสะดวกจะมาต่อให้