20
#Secretlove
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน... เขารู้สึกป่วยมากในตอนนี้ ป่วยจริงๆ ป่วยจริงจัง ป่วยแบบต้องนอนพัก
หลังจากเพิ่งปรับความเข้าใจกับหมอไป ความไม่สบายใจผ่านไป ความไม่สบายกายก็เข้ารุมเร้าเขา เขาป่วยเพราะพิษไข้ เนื่องด้วยร่างกายอ่อนแอ ตื่นมาตอนเช้านี่คือเกือบลืมตาไม่ไหว
“ตัวร้อนมาก”
หมอเอามือมาอังที่หน้าผาก
“อือ สงสัยวันนี้ต้องหยุดพัก” เขาบอกหมอ
“ไปหาหมอมั้ย” หมอถามอย่างเป็นห่วง
“นอนพักเดี๋ยวก็หายมั้ง”
“เออๆ แล้วแต่มึง” มันไม่ก้าวก่ายอะไรมาก
“กูมีเรียนเช้า แล้วมีธุระกับที่บ้านนิดหน่อย ไว้จะแวะมาหาตอนเที่ยงนะ” มันบอก
“ไปเหอะ”
แอบเขินเหมือนกัน แต่ก็พยายามควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติ หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย ท้องฟ้าที่สดใสเหมือนกำลังรออยู่เบื้องหน้า พายุใหญ่ได้พัดผ่านไปอย่างเงียบๆ
“ทำหน้าเคลิ้มเชียว โคตรดีใจล่ะสิ” หมอกระแซะ พลางส่งยิ้มกวนให้
“ดีใจอะไร” โมโหความอยากรู้ของตัวเอง ไม่มีเสียงก็ยังจะตอบ
“ใจเราตรงกันไง” มันกระซิบ แล้วผละออกไป
“มาก” เขาตอบ
เอาดิ อ่อยมาอ่อยกลับไม่โกง
เขารู้สึกว่าปวดหัวยิ่งกว่าเมื่อเช้าอีก โอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว เขาลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล มือค่อยๆเอื้อมไปแตะโต๊ะข้างเตียงเพื่อพยุงตัวเองขึ้น พอยืนขึ้นได้ หัวดูจะหมุนเคว้งแปลกๆ แต่ก็ยังกัดฟันลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า
เขาต้องไปหาหมอ
หมอที่เป็นหมอจริงๆ
ตอนนี้สิบโมงกว่า เขายังไม่คิดจะไปรบกวนหมอของเขาหรอกนะ
รายนั้นบอกจะมาหาตอนเที่ยง
อืม…เขาออกไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับมาแล้วมั้ง
ตอนนี้พบว่าตัวเองขอบตาร้อนผ่าว ร้อนหน้ามากมาย หายใจรวยริน เจ็บคอ อยากนอนพัก แต่ต้องพาร่างกายนี้ไปคลินิกใกล้ๆให้ได้
เอาจริงๆ แดดร้อนเปรี้ยงๆนี่ทำเขานึกอยากจะถอดใจกลับไปนอนพักที่หอ
ผู้คนเดินไปมา
ทำไมเขาต้องคิดถึงหมอตอนนี้ด้วย
อ้อ หมอ วิศวะ อ่ะนะ
เห็นหลังคาคลินิกอยู่รำไร น้ำตาจะไหล ในที่สุดก็มาถึงซะที
กรุ๊ง กริ๊ง เสียงน่าภิรมย์ดังขึ้น
เปิดประตูเข้าไปนี่เกือบยอบตัวลงคลานละ
เขามานั่งหายใจผะแผ่วตรงเก้าอี้รอคิวหมอ
เพราะมีแค่คลินิกนี้คลินิกเดียวที่เปิดเวลากลางวัน คนจึงค่อนข้างจะเยอะมากมาย เขานั่งรอนอนรอก็แล้ว ไม่เห็นแววว่าจะถึงคิวเขาพบหมอซะที
ก้มดูบัตรคิว
คิวที่ห้าสิบเอ็ด
“คิวที่สอง เชิญด้านในค่ะ”
ร้องไห้ได้มั้ย T^T
ไอโฟนก็ไม่ได้เอาติดตัวมา จากที่คิดว่ามาคลินิกแป๊บเดียวก็จะกลับ คือปรากฏว่ามันนานมาก นานจนเปลือกตาเขาจะหลับแหล่มิหลับแหล่ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา เที่ยงครึ่ง
“คิวที่สามสิบ”
ถามว่าแซดมั้ย ก็ไม่นะ แต่น้ำตาจะไหลแล้ว
นี่อีกตั้งยี่สิบกว่าคิว งีบก่อนได้มั้ย อยากถามว่านี่มันโรงพยาบาลหรือคลินิก คนดูจะเยอะไปนะเอาจริงๆ
“หนูเป็นอะไรรึเปล่าลูก”
ยายคนที่นั่งข้างๆถามเขา เขาส่ายหัวยืนยันไป ไม่ลืมจะขอบคุณความเป็นห่วงเป็นใยของคุณยาย ทั้งที่คุณยายดูจะสาหัสรุนแรงกว่ามาก จามหลายที แถมไอมากมาย
คุณยายเป็นคนดีจริงๆ
เขาซาบซึ้ง T^T
“คิวที่สี่สิบห้า”
เขาสะดุ้งตื่น พบว่าเผลอหลับไป แต่คุณยายที่นั่งข้างกันก็ยังไม่หายไปไหน แสดงว่าคุณยายเองก็ยังไม่ได้ตรวจเหมือนเขา
“ยายได้คิวสี่สิบเก้าน่ะ” เหมือนคุณยายจะรู้แกวว่าจะถูกเขาถามเลยชิงตอบก่อน
“แหะๆ ผมได้คิวที่ห้าสิบเอ็ด ถัดจากยายไปอีกสองน่ะครับ”
“แต่หนูดูเหมือนจะไม่ค่อยไหวแล้วนา อย่าว่ายายละลาบละล้วงเลย ถือว่าคนแก่เป็นห่วงหลานเถอะนะ หนูมาคนเดียวเหรอจ๊ะ”
“ครับ”
“แล้วหนูจะกลับไหวไหมจ๊ะนั่น ดูหน้าหนูซีดเป็นไก่ต้มแบบนี้”
“น่าจะ…”
“เอางี้ไหม ให้ยายไปส่งไหม อย่าว่างั้นงี้เลย ยายสงสารหนูน่ะ เห็นมานั่งรอตั้งแต่เช้าแล้ว ยังไม่ได้ตรวจ ได้คิวก็เหลืออีกตั้งเยอะกว่าจะถึง ต้องรออีกนาน”
“ครับ?”
“เดี๋ยวจะมีคนมารับยาย หลานชายยายน่ะ”
“…”
“กลับด้วยกันนะหนู”
“ครับ ขอบคุณครับ”
เขาเผลอตอบรับไป หลงใหลรอยยิ้มจริงใจของคุณยาย มันดูคล้ายรอยยิ้มของใครบางคนที่เขารู้จักเลย
เขาซาบซึ้งกับความใจดีของคุณยายคนนี้จริงๆ
แอบชื่นชมวาดภาพหลานชายคุณยายไว้ในใจว่าจะต้องใจดีเหมือนคนๆนี้แน่เลย
“หนูเสร็จแล้วเหรอจ๊ะ”
เขาพยักหน้าตอบกลับคุณยายที่อุตส่าห์นั่งรอเขาตรวจเสร็จ แอบเกรงใจมากๆกับการที่จะอาศัยรถเขากลับแล้วยังต้องให้เขามานั่งรอเราอีก
“ครับ เกรงใจแย่เลย ให้คุณยายมารอแบบนี้ ความจริงคุณยายกลับไปก่อนเลยก็ได้ แหะๆ รบกวนคุณยายจริงๆ”
เขาพูดอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอก เจ้าหลานชายยังไม่มารับเลย”
“อ้าว ซะงั้น”
“หนูนี่น่ารักนะ ยายชอบคนแบบนี้แหละ ไม่รู้ทำไม รู้สึกถูกชะตาหนูมากเลย”
คุณยายใจดียกมือขึ้นลูบหัวเขา
“มาๆ นั่งคุยกันก่อน”
เขานั่งลงข้างคุณยาย
“ยายน่ะอยากมีหลานชายแบบนี้มากๆเลย” คุณยายท่านบ่นไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนแก่
“อ้าว แล้วหลานชายคุณยายล่ะครับ” เขาอดจะถามไม่ได้
“หลานชายยายมันห่ามๆ ตอนมัธยมปลายยายล่ะปวดหัวกับความดื้อด้านของมัน ตอนนั้นมันอยู่อุบล แต่จู่ๆมันก็บอกอยากเรียนวิศวะ อยากเข้ามหาลัย XXX ซะงั้น ตอนแรกยายก็ไม่คิดว่ามันจะสอบได้ แต่มันก็ติดนะ มันเลยย้ายมาอยู่กับยายที่กรุงเทพนี่แหละ พักหลังๆไม่ค่อยกลับบ้าน เพราะยายซื้อคอนโดให้มันอยู่ ไม่รู้มันจะรู้มั้ย ว่าคนแก่คนนี้เหงามาก”
ยายแกก็บ่นหลานชายแกไปตามประสาคนแก่ใจดี ไอ้น้อยใจน่ะ เขามองว่ายายแกพูดเล่นๆ ไม่จริงจังมากมาย เพราะสังเกตจากดวงตาและใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเมื่อพูดถึงหลานชายของแก แกรักหลานชายคนนี้มากจริงๆ
เขามั่นใจแล้วว่า หลานชายแกเป็นคนดี
“แล้วหนูล่ะจ๊ะ ดูๆไปหนูยังเรียนอยู่ใช่มั้ยจ๊ะ” คุณยายวกกลับมาถามเขา
“ครับ ผมอยู่ปีสอง เรียนอักษรน่ะครับ เอกประวัติ”
“หือ หนูชอบประวัติศาสตร์เหรอจ๊ะ” คุณยายถามอย่างแปลกใจ
“ครับ จะว่ารักเลยก็ได้ ผมชอบอะไรที่มันเป็นอดีต มันน่าค้นหา ผมชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ เพราะเมื่อเปิดอ่านมันเราเหมือนได้เข้าไปอยู่ในเวลานั้นๆ เหตุการณ์นั้นๆ ในอดีต”
“ยายเองก็ชอบประวัติศาสตร์เหมือนกัน”
เพียงเท่านั้นล่ะ เขาและคุณยายก็หัวเราะคิกคักพร้อมกัน
“แต่ยายชอบเพราะยายอยากเรียนรู้เรื่องราวในอดีต ยายมองว่ามันเป็นกระจกอีกบานที่ส่องถึงความรุ่งเรืองในปัจจุบัน”
เขาเข้าใจทุกคำพูดของคุณยายดี
“แต่เรานี่ดูไม่น่าจะมาชอบอะไรอย่างนี้”
“อ้าว แล้วผมเหมาะกับทางไหนล่ะครับ”
“อืม ยายก็คิดไม่ออกเหมือนกัน”
เขากับคุณยายหัวเราะด้วยกันอีกครั้ง ไม่รู้เมื่อไหร่ เขารู้สึกเหมือนว่ารู้จักคุณยายมาแรมปี สนิทกับท่านมาแสนนาน ท่านเป็นคนแก่ที่ใจดีมากๆ มีอารมณ์ขัน ทำให้ความเจ็บปวดของร่างกายเพราะพิษไข้ไปชั่วขณะ เราทั้งคู่เหมือนตกอยู่ในวังวนแห่งประวัติศาสตร์ คุยกันถูกคอจนคนภายนอกที่มองมาต่างคิดในใจแล้วอมยิ้ม
สองยายหลานนี่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
เหมาะสมเป็นยายหลานกันจริงๆ
“เอ๊ ตาหมอนี่มัวไปทำอะไรอยู่นะ” คุณยายดูเวลาแล้วบ่นหลานชาย
“หมอ?”
“จ๊ะ หลานยายชื่อหมอน่ะ”
“อ่อ ชื่อเหมือนคนรู้จัก ผมก็เลยตกใจนิดหน่อย” มิวพึมพำตอบ
“แต่นี่มันนานจริงๆเทียว ตาหมอนะตาหมอ” คุณยายบ่นพึมพำ
“กลายเป็นว่าให้หนูมานั่งรอซะงั้น”
“ไม่เป็นไรครับ ถือโอกาสคุยเป็นเพื่อนคุณยายด้วยเลย”
“ปากหวานนะเรา” คุณยายลูบไหล่เขา
สิบนาทีผ่านไป
“ตาหมอ หายไปไหนเนี่ย”
ยี่สิบนาทีผ่านไป
“ยายชักเป็นห่วงซะแล้ว”
สามสิบนาทีผ่านไป
“คุณยายลองโทรหาสิครับ”
“ยายลืมเอาโทรศัพท์มาน่ะจ๊ะ”
สี่สิบนาทีผ่านไป
เข็มนาฬิกาชี้เลขหนึ่ง บ่ายโมงกว่าแล้ว
คนในคลินิกเริ่มซาลง
คุณหมอเองก็พักทานข้าว
“อ้าว คุณยายยังไม่กลับอีกเหรอครับ”
“รอหลานชายอยู่น่ะจ๊ะ”
“แย่เลย แต่หมอจะออกไปกินข้าวข้างนอกพอดี ติดรถหมอไปมั้ยครับ”
เดาว่าหมอคนนี้คงจะรู้จักคุณยายอยู่พอสมควร
“ไม่เป็นไรจ๊ะ ยายมีคนคุยด้วยแล้ว รอนานเท่าไหร่ก็ได้ หมอทานข้าวให้อร่อยนะจ๊ะ”
“ครับๆ”
หมอเดินออกไป
“แล้วคุณยายไม่หิวเหรอครับ”
เขาถาม
“ยายยังไม่ค่อยเท่าไหร่ หนูหิวเหรอจ๊ะ เอาขนมปังมั้ย หลานยายมันซื้อมาให้ มันบอกเก็บไว้กินถ้าหมอตรวจช้า ก่อนไปนี่ยังด่าคลินิกนี้เสียๆหายๆ ยังไม่ทันจับมาตีก้น ก็แล่นรถออกไปซะแล้ว”
โอ๊ย เขาหัวเราะ หลานยายโตแล้วนะ
คุณยายและเขายิ้มให้กัน
แล้วเราก็ต้องนั่งรอหลานชายคุณยายต่อไป
กรุ๊ง กริ๊ง
“อ้าว นั่นไง มาพอดีเลย ตาหมอ เดี๋ยวเถอะ หายไปไหนมา”
คุณยายทักทายหลานชาย
เพราะที่ๆเขานั่งอยู่หันหลังให้ประตู เลยต้องหันไปดู
O_O
O_O
ช็อค
“หมอ?” “มิว?” “ใช่จ๊ะ นี่หลานชายยายเอง เดี๋ยวก่อน นี่รู้จักกันเหรอจ๊ะ”
เขากับหมอมองหน้ากัน
พยักหน้าพร้อมกัน
ว่าละมันทะแม่งๆ ว่าแล้ว เขาว่าแล้ว
รอยยิ้มคุณยายดูคุ้นตามาก
ไม่แปลกใจเลยว่าหมอมันจะได้คุณยายมามากจริงๆ
เหมือนกันทั้งยายทั้งหลาน
ยิ้มสะกดจิตคนให้รัก ให้หลง โอ๊ย ช็อคมาก
ไม่รู้ทำไมมองหมอแล้วรู้สึกร้อนๆหนาวๆ อาจเพราะสายตาที่มองมา…
สายตาแปลกๆนั่น
ตลอดทางกลับคุณยายของไอ้หมอท่านทั้งอึ้งทั้งดีใจ หมอแวะมาส่งเขาก่อนที่หน้าหอเพราะต้องไปส่งคุณยายไปที่อื่นอีก
ก่อนจากกันคุณยายท่านยังบอกแกมขอร้องให้เขาไปเทียวที่บ้านท่าน ท่านเอาสิ่งที่เขาชอบมาล่อ ท่านบอกว่าที่บ้านมีหนังสือประวัติศาสตร์เยอะแยะ ทั้งที่หาอ่านไม่ได้แล้วมากมาย ท่านสะสมไว้ตอนเป็นสาว ทำให้เขาไม่สามารถปฏิเสธได้เลยจริงๆ
รถแล่นออกไปแล้ว
“มองเขาตลอดเลย”
“ครับ?”
หมอมองตายายที่มองมาอย่างมีเลศนัยอยู่ก่อนแล้ว สายตาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมองทะลุเขาซะพรุน
“ไม่บอกยายก็ไม่เป็นไร แต่ยายจะบอกให้รู้ไว้”
“…”
“ยายชอบหนูคนนั้นมาก” “…”
“พามาหายายบ่อยๆนะ” หมอรับรู้
ผ่านสายตาของคุณยาย
“แล้วยายจะแนะนำเขากับพ่อแม่เราให้” พอเข้าห้องมามิวก็พบถุงข้าวมากมาย ซึ่งพอจับดูพบว่ามันเย็นชืดไปหมดแล้ว
ลางสังหรณ์เขารีบรุดไปหยิบไอโฟนที่เก็บไว้ในลิ้นชักตู้มาเปิดดู
143 สายไม่ได้รับ
45 ข้อความในแชทที่ส่งโดย หมอ หล่อ
‘มิวมึงไปไหน’
‘ตอบกูที กูจะเป็นบ้าแล้ว’
และต่างๆอีกมากมาย
เดาว่าเพราะเขาปิดเสียงไอโฟน ตอนที่หมอเข้ามาในห้องเลยไม่ได้ยินเสียง และที่สำคัญ
มันคิดว่าเขาไม่ตอบแชท และรับสายมัน
มันไม่รู้ว่าเขาลืมไว้ในห้อง
เขาเข้าใจแล้ว
สายตาคมวิบวับที่ส่งมาให้เขาตอนอยู่คลินิก
สายตาที่พร้อมจะลงโทษเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย…แบบเขา
โอ๊ย ตาย
เอี๊ยด
เสียงดับรถก็ตามมา
ที่ประตูห้อง
พบร่างมัจจุราชนามว่า หมอ
“เตรียมตัวรับโทษไว้แล้วสินะ” ใครก็ได้ ช่วยเขาที
ให้เดาว่ามันจะลงโทษแบบ อุ้มขึ้นตียง แล้วปล้ำมั้ย
ใช่แล้ว มันลงโทษแบบนั้นแหละ ตอนนี้เขากำลังนอนร้องไห้ที่เตียง
เสื้อผ้ายังอยู่ครบ
ใช่…นอนฟังมันบ่นมาสามชั่วโมงแล้วเนี่ย
คือ ไปเรียนไป๊
แต่วันนั้น ให้ทายจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากแอดมินเพจคิ้วท์บอย ที่ได้โพสต์ภาพแสนอบอุ่น
‘โอ๊ย มันคือ’
เป็นภาพเขากับหมอ และคุณยาย ในภาพคุณยายอยู่ตรงกลางโดยมีเขากับหมอจับจูงมือท่าน
เรายิ้มให้กัน ข้ามหัวคุณยายไป ‘กรี๊ด มันคือความฟินค่ะ’
‘ไม่พลาด บอกเลย รักแอดมินมากมาย’
‘โอ๊ยยยยยยย นางมีกล้องดี’
‘กล้องเริ่ด กล้องเด่น กล้องเลอค่า’
แอดมินเพจคิ้วท์บอย นางไม่ยอมพลาดหรอกงานนี้
“หมอๆ”
เขาพยายามชวนหมอคุย ขณะที่มันเช็ดตัวให้ โอ๊ย คือเขินไง
“อะไร”
“สรุปที่มึงมารับคุณยายสายเป็นเพราะกูใช่มั้ย”
เขาพอจะเดาได้นะ
“เออ”
“…”
“เพราะมึง”
“…”
“ทำให้กูเป็นห่วงไปหมด”
“…”
“มึงแม่ง” “…”
“สำคัญเท่าครอบครัวกูเลยนะ” “…”
“จำไว้” แล้วมันก็โยนผ้าชุ่มน้ำมาโปะหน้าเขา โอ๊ย คือมันจะเขินก็ช่วยเช็คเขาด้วย
เขินเหมือนกัน
To Be Continue
********************************************************************************************
21
◤แอบรัก◢
มามุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง งุงิ ที่นี่...
MewSN