❖กุหลาบซ่อนหนาม❖ Mp+ตบจูบ ❖ บทส่งท้าย : อาลัว บัวลอย ❖ 06-02 ❖
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณทีมใคร????

ทีมปิญญ์ # หล่อเลวแบบนี้ใช่เลย จัดหนักจัดเต็ม
26 (15.3%)
ทีมขนมผิง # แกมาทำร้ายชั้นเรอะ ไม่ยอม ฉันจะเอาคืน
38 (22.4%)
ทีมแฝดลูกหมู # ปล่อยให้พ่อๆไปเคลียกันเอง มุ้งมิ้งกันสองคน
106 (62.4%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 170

ผู้เขียน หัวข้อ: ❖กุหลาบซ่อนหนาม❖ Mp+ตบจูบ ❖ บทส่งท้าย : อาลัว บัวลอย ❖ 06-02 ❖  (อ่าน 290967 ครั้ง)

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

  :110011: :z7:
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

  :write-a-letter: เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-02-2017 16:11:52 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
บอกไว้ก่อนว่าเรื่องนี้ผู้ชายท้องได้ ซึ่งหลายคนอาจจะเบื่อ หุหุ แต่ก็อยากลองดู
เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนในการอ่านเป็นอย่าสูง ใครอ่านจนจบได้ถือว่าสายดราม่า55


แฟนเพจเด็กหญิงเย็นชา2

❖เมนูของหวาน❖

จานที่ 1 เริ่มต้นแห่งตราบาป
จานที่ 2 สิ่งมีชีวิตในร่างกาย
จานที่ 3 สิ่งมีค่าที่หวงแหน
จานที่ 4 โชคชะตานำพา
จานที่ 5 ก้าวแรกของการเอาคืน
จานที่ 6 ชะล่าใจ
จานที่ 7 สิ่งที่ต้องการ
จานที่ 8 สั่นคลอน
จานที่ 9 ยัดเยียด
จานที่ 10 เจ็บใจ
จานที่ 11 หวงเกินเหตุ
จานที่ 12 ถ้อนคำที่ถูกเมิน
จานที่ 13 ผลกระทบ
จานที่ 14 ลักพาตัว
จานที่ 15 คุณพ่อมือใหม่
จานที่ 16 ป่วย
จานที่ 17 หมอนข้าง
จานที่ 18 วังวนความคิด
จานที่ 19 ไร้ประโยชน์
จานที่ 20 ยิ้มเล็กๆ
จานที่ 21 แย่งหรือขโมย
จานที่ 22 ดิ้นรน
จานที่ 23 ผิดพลาดหรือจงใจ
จานที่ 24 ปู่กับหลาน
จานที่ 25 ดูแล
จานที่ 26 ปล้น
จานที่ 27 แพ้ท้อง
จานที่ 28 กลลวง
จานที่ 29 ความลับที่ปกปิด
จานที่ 30 ขอร้อง
จานที่ 31 แผนการร้าย
จานที่ 32 คนที่ไม่รู้จัก
จานที่ 33 บทเรียนราคาแพง
จานที่ 34 แก้ตัว
จานที่ 35 ความรู้สึกที่ถูกเปลี่ยน
จานที่ 36 อีกด้านของตัวร้าย
จานที่ 37 ความสุขของครอบครัว
จานที่ 38 ความช่วยเหลือ
จานที่ 39 กระโปรงตัวเล็กๆ
จานที่ 40 เซอร์ไพรส์
จานที่ 41 เสี้ยนหนาม
จานที่ 42 ติดตาม
จานที่ 43 หวาดรแวง
จานที่ 44 ตัวประกัน
จานที่ 45 คำตอบของหัวใจ [จบ]
จานที่ 46




สารบัญถ้ามีเวลาจะมาทำให้นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2017 13:24:41 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
Re: ❖ แค่ขนมหวาน ❖ MP ❖ จานที่ 1
«ตอบ #2 เมื่อ01-10-2015 04:30:24 »

1 จุดเริ่มต้นแห่งตราบาป

 

         ‘ปิญญ์ชานนท์ อนันตไพลิน’ นี่คือชื่อที่เขาเกลียดสุดขั้วหัวใจ ริมฝีปากได้รูปเหยียดยิ้มเยาะเย้ยส่งมาให้เขา…ดูถูกแคลนเขา…ยามที่เขาไม่รู้จะทำยังไงต่อไปกับชีวิตที่พังพินาศ

“พูดธุระของนายมาซะสิ ฉันไม่มีเวลามากพอมานั่งดูนายยืนทำหน้าตาน่าสมเพชแบบหรอกนะขนมผิง”

เสียงทุ้มก้องกังวานของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าของเขามันทำให้เขากดดัน ขนมผิงกำมือแน่น จิกเล็บเข้าที่ฝ่ามือจนเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่ถึงกระนั้นความเจ็บปวดทางกายก็ยังเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดทางใจที่เกิดขึ้น

            ‘เขากำลังท้อง’

            กำลังตั้งท้องลูกของผู้ชายตรงหน้า…คนที่ย่ำยีศักดิ์ศรีที่มีอยู่ของเขาจนมันไม่เหลือชิ้นดี

            ทั้งหมดเป็นเพราะร่างกายของเขาครึ่งหนึ่งเป็นของพี่สาวฝาแฝดที่ตัวติดกันมาตั้งแต่เกิด…ร่างกายที่ทำให้เขารู้สึกเกลียดตัวเอง

            เพราะตอนเกิดสมองของพี่สาวขาดออกซิเจนทำให้แม่ต้องตัดสินใจเสียสละชีวิตของพี่สาวเพื่อช่วยเขาเอาไว้ หนึ่งชีวิตแลกกับหนึ่งชีวิต…นำพามาซึ่งความอัปยศ

            ‘สมเพช’ นั่นคงเป็นคำที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขาในเวลานี้ ขนมผิงจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า มองดูกายสูงใหญ่ลุกขึ้นจากเก้าอี้บุนวมราคาแพงลิบ

            ปิญญ์ชานนท์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา ยกแขนขึ้นมากอดอก หรี่ตามองเขาด้วยท่าทีเหยียดหยามราวกับว่าเขาเป็นสิ่งของไร้ค่า ปิญญ์ชานนท์ชอบคิดแบบนั้น เพราะตัวเขาถูกซื้อด้วยเงิน…เงินที่เขาไม่เต็มใจรับมัน

            “นายมีอะไรก็พูดมาสักที ฉันไม่มีเวลามากพอที่จะมารอฟังนายพูดหรอกนะขนมผิง”ปิญญ์ชานนท์ถามย้ำเอนกายพิงโต๊ะทำงานราคาแพง กดดันให้ขนมผิงเม้มปากเป็นเส้นตรง กัดริมฝีปากจนห้อเลือด

            “ผม…”

            ราวกับว่าริมฝีปากมันหนักอึ้งจนแทบจะยกไม่ขึ้น ขนมผิงกำลังตัวสั่น ร่างกายมันชาดิกราวกับโดนพิษของสัตว์ร้ายต่อยจนแน่นิ่ง

            “หรือว่านายต้องการเงินล่ะ…ถ้านายต้องการเงินเพิ่มทำไมไม่ลองไปหาน้องชายของฉันล่ะ บางทีเขาอาจจะเต็มใจใช้บริ…”

            “ไม่ใช่!! ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”

            “หืม…นายอย่าทำตัวเป็นนักโทษที่ไม่ยอมรับความผิดไปหน่อยเลยในเมื่อหลักฐานมันมัดตัวแน่นขนาดนี้”ปิญญ์ชานนท์แสยะ

            “ผมไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด!!”

            “แล้วยังไง ในเมื่อคืนนั้นนายก็ดูจะชอบมาก…หรือว่าเป็นแค่การบริการ”เอ่ยด้วยน้ำเสียงดูถูกก่อนที่สายตาหยาบโลนจะจ้องมองมาที่ขนมผิงหัวจรดเท้า

            เป็นอย่างนี้เสมอ…ปิญญ์ชานนท์มักดูถูกคนและตีค่าของคนอื่นต่ำกว่าตัวเอง

            “คุณจะว่ายังไงผมก็ไม่สน…ที่ผมมาวันนี้”พูดด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า น้ำตาที่กักเก็บเอาไว้มันเกือบจะไหลลงมาเต็มทน “ผมแค่…จะมาบอกคุณว่า…ผม…ท้อง…ท้องลูกของคุณ”

            ในที่สุดก็พูดออกไป สิ่งที่มันย้ำเตือนความคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก้อนเนื้อเล็กๆที่กำลังเติบโตอยู่ภายในร่างกาย เล็บที่จิกลงในอุ้งมือบาดลึกลงจนเลือดซิบ ความเจ็บเริ่มแปลเปลี่ยนเป็นความชาชิน…ไร้ความรู้สึก

            ขนมผิงจ้องมองดวงตาคมกริบมองมาที่เขาด้วยใจที่กำลังสั่นเทา แววตาที่มองมามันเต็มไปด้วยความดูถูกและเหยียดหยามเสียเขารู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า

            “หึ!! นายบอกฉันว่านายท้องอย่างนั้นเหรอ ขนมผิง นี่นายอับจนถึงขนาดต้องปั้นเรื่องเลยรึยังไงกัน นายนี่เกินความคาดหมายของฉันจริงๆ”

            ชายหนุ่มหัวเราะในรำคออย่างเย้ยหยัน ย่างก้าวเข้าหาร่างสูงโปร่งนัยน์ตาสีโศกอย่างย่ามใจ มันใกล้จนขนมผิงรู้สึกถึงลมหายใจที่เป่ารดใบหน้า หัวใจดวงเล็กเต้นกระหน่ำจนแทบรู้สึกว่ากำลังจะตายซะให้ได้

            “คุณจะเชื่อหรือไม่ผมไม่บังคับ ที่ผมมาหาคุณในวันนี้ผมแค่ต้องการให้คุณยืนยันคำตอบ”

            “หึหึ คำตอบอะไรล่ะนายลองเสนอมาสิ…เผื่อฉันจะสนใจ”น้ำเสียงที่เย็นชาถูกส่งเข้ามาในโสตประสาตพร้อมกับมือที่ร้อนราวกับเหล็กนาบไฟช้อนกรอบหน้าของเขาให้เงยขึ้นละจ้องตอบดวงตาดุดันคู่นั้น

            “คุณ…จะยอมรับลูกในท้องของผมว่าเป็นลูกของคุณไหม…ถ้าไม่ผมจะถือว่าคุณปฏิเสธ และนับตั้งแต่วันนี้ไปผมจะไม่เข้ามายุ่งในชีวิตของคุณอีก คุณเองก็ห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของผมกับลูกอีกต่อไป”บอกด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว พยายามบังคับไม่ดวงตาสั่นระริกเมื่อถูกจ้องมองด้วยแววตาเช่นนั้น

            ปิญญ์ชานนท์เหยียดยิ้มเล็กกับคำตอบของขนมผิง ราวกับเป็นเรื่องที่น่าขบขันก็ไม่ปาน ชายหนุ่มไม่คิดว่าขนมผิงจะท้องจริงๆ

            “นายมีหลักฐานอะไรมายืนยันว่านายท้อง”ปิญญ์ชานนท์ถามก่อนจะแตะมือที่ปลายคางของอีกฝ่ายปัดมันจนขนมผิงกันไปตามแรงอย่างดูแคลน

            ขนมผิงได้แต่กัดฟันจ้องมองด้วยความโกรธเคือง ปิญญ์ชานนท์ไม่เชื่อที่เขาท้อง เพียงแค่จ้องมองดวงตาคู่นั้นเขาก็รู้ดี ขนมผิงพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สั่นกลัวกับท่าทีของอีกฝ่าย ดวงตาจดจ้องมองไปที่ร่างของปิญญ์ชานนท์เดินกลับไปนั่งลงบนเก้ากี้บุนวมราคาแพงแล้วไขว้ขาอย่างวางท่าที ดวงตาดุดันราวกับดวงตาของพญามัจจุราชจับจ้องมาที่ขนมผิงราวกับว่ากำลังจะคาดคั้นเอาคำตอบ

            ขนมผิงหยิบซองจดหมายสีขาวสะอาดขึ้นมา วางมันลงบนโต๊ะกับเรียกให้ปิญญ์ชานนท์มองด้วยความสนใจทั้งที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์อันแสนชั่วร้ายยังคงประดับอยู่ที่มุมปาก

            “นี่เป็นหลักฐานจากโรงพยาบาลที่ผมไปตรวจ คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ว่ามันเป็นของจริง คุณตรวจสอบมันได้อยู่แล้ว”

            ปิญญ์ชานน์หยิบซองเอกสารสีขาวสะอาดขึ้นมาเปิดอ่านก่อนจะเหยียดยิ้มแล้วโยนมันลงกลับที่เดิมราวกับว่ามันเป็นสิ่งของที่ไร้ค่า

            “ฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าเด็กในท้องนั่นเป็นลูกของฉัน มันอาจจะเป็นของน้องชายฉันหรือลูกค้าคนอื่นๆของนายก็ได้ จะให้ฉันมั่นใจได้ยังไงกัน”

            “นั่นมันเรื่องของคุณว่าคุณจะคิดยังไง ผมแค่ต้องการคำตอบจากปากคุณว่าคุณจะรับหรือว่าปฏิเสธเด็กคนนี้เป็นลูก”ขนมผิงถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น มันเป็นทางเดียวที่จะปกป้องสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตของเขาได้

            “แน่นอนอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าเด็กนั่นเป็นลูกของใครแต่ถ้าคิดจะมาจับฉันด้วยวิธีนี้ล่ะก็นายเลิกหวังซะเถอะ เพราะคนอย่างนายมันไม่มีค่าพอที่ฉันจะลดตัวลงไปแตะรอบที่สองแน่นอน”

            “นั่นผมจะคิดเอาเองว่าคำตอบของคุณคือปฏิเสธ”

            “ถ้านายคิดจะรวยทางลัดด้วยการจับใครสักคนโดยใช้เด็กที่นายคิดว่ามีอยู่ในท้องของนายนายจะลองเข้าหาน้องชายของฉันก็ได้นะ บางที…หมอนั่นอาจจะพิจารณา อ้อไม่สิ อาจจะเต็มใจเลยด้วยซ้ำ”

            “ขอบคุณสำหรับคำตอบ”ขนมผิงตัดบท คงไม่มีอะไรที่เขาจะต้องพูดคุยกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว

            “หวังว่าเจอกันอีกทีนายคงไม่เป็นเมียของน้องชายของฉันนะ ฉันสงสารคนดีดีแบบเจ้าวุฒิที่ต้องติดกับคนชั้นต่ำอย่างนาย”คำพูดนั้นทำให้ขนมผิงชะงักฝีเท้า มือสองข้างกำเข้าหากันแน่น ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันอย่างเจ็บใจกับถ้อยคำดูถูกเหยียดหยาม

            “ครับ…หวังว่าเราคงจะไม่เจอกันอีก”

            บอกลาอย่างไม่เต็มใจ จบสิ้นกันสักทีที่ต้องแบกหน้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคนของบ้านอนันตไพลิน ถ้าไม่ใช่เพื่อลูกในท้องเขาจะไม่มีวันเหยียบย่างเข้ามาที่นี่เด็ดขาด

            จะไม่มีวันพาร่างกายที่เคยถูกย่ำยีมาที่นี่เพื่อให้ปิญญ์ชานนท์มองด้วยสายตาดูแคลนราวกับว่าเขาเป็นสิ่งของที่ไร้ค่า

            ‘ปิญญ์ชานนท์ อนันตไพลิน’ ถ้าหากฟ้ามีตาจริง สักวันเขาจะต้องบดขยี้อีกฝ่ายให้แหลกเหลวสมกับที่เคยโดนอีกฝ่ายกระทำกับราวกับเป็นสิ่งของที่ไร้หัวใจ…ผู้ชายที่ไม่ยอมรับเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง

 

            สามเดือนก่อนหน้านี้ที่เขาเจอกับปิญญ์ชานนท์ เป็นครั้งที่สองที่เคยเจอกับอีกฝ่ายสำหรับเขา ปิญญ์ชานนท์จับจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่ดูถูกดูแคลนอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

            ดวงตาดุดันคู่นั้นทำให้ขนมผิงนึกกดดันจนแทบอยากจะอาเจียนออกมา วันนั้นเป็นวันรับปริญญาของเขาและเพื่อนรุ่นพี่ว่าที่กุมารแพทย์คนใหม่อย่างคุณวุฒิ

            หากเขารู้มาก่อนว่าเพื่อนรุ่นพี่ที่เขาสนิทด้วยอย่างคุณวุฒิเป็นลูกพี่ลูกน้องกับปิญญ์ชานนท์และเป็นหนึ่งในคนของอนันตไพลิน เขาจะไม่มีวันข้องเกี่ยวกับคุณวุฒิเด็ดขาด

            หากแต่ทุกอย่างมันกลับสายไปแล้ว ความรู้สึกดีดีที่เขามีต่อคุณวุฒิมันมีมากจนเขาไม่อาจทำใจตัดตัดความสัมพันธ์นี้ให้ขาด

            ปิญญ์ชานนท์มาร่วมแสดงความยินดีกับน้องชายด้วยดอกไม้ช่อใหญ่ ความโดดเด่นของอีกฝ่ายแยกให้เห็นถึงความแตกต่างจากผู้คนรอบตัวโดยสิ้นเชิง ความสนิทความเอ็นดูของคุณวุฒิที่มีต่อเขาทำให้ปิญญ์ชานนท์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก ขนมผิงรับรู้มันได้ทางสายตาที่มองมาที่เขา

ช่วงเย็นเขาถูกเชิญมางานเลี้ยงเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับว่าที่นายแพทย์คนใหม่พร้อมกับกลุ่มเพื่อนคนอื่นๆอีกไม่กี่คน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของฝันร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น…รอยของตราบาปที่กำลังถูกประทับโดยไม่มีวันลบเลือน

 

            “ลูกไม้คงจะหล่นไม่ไกลต้นสินะ”น้ำเสียงที่ดูแคลนถามขึ้นขณะที่ขนมผิงกำลังก้มหน้าลงไปล้างหน้าเพื่อเรียกความสดชื่นหลังจากที่รู้สึกมึนเมากับเครื่องดื่มต่างๆที่เพื่อนคะยั้นคะยอให้ดื่ม

            ขนมผิงเงยหน้าขึ้นมามองกระจกเบื้องหน้าเล็กน้อยก่อนจะหยิบกระดาษทิชชู่ซับหน้าตัวเองอย่างไม่สนใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือใคร

คนของอนันตไพลิน…พวกที่เห็นแก่ตัวและใส่ร้ายแม่ของเขา

            ในห้องน้ำเวลาดึกสงัดทำให้ขนมผิงและอีกฝ่ายอยู่กันตามลำพัง สายตาของปิญญ์ชานนท์ทำให้ขนมผิงอึดอัดจนต้องเดินหนีออกมา ทว่าข้อมือก็ถูกคว้าเอาไว้และถูกดึงจนเซไปทางด้านหลังปะทะเข้ากับแผงอกของอีกฝ่าย

            “จะ…ทำอะไร!!”นัยน์ตาสีโศกเบิกกว้างอย่างตกใจไม่คิดว่าปิญญ์ชานนท์จะดึงเขาเอาไว้

            “เดี๋ยวสิจะรีบไปหาเหยื่อรึไง”คำพูดไม่กี่ประโยคแต่กลับแสดงออกถึงความดูถูกเขาอย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับที่คนของอนัตไพลินกล่าวหาแม่ของเขา…ว่าเป็นผู้หญิงขายตัว ทรยศ

            “ผมว่าคุณคงจะเข้าใจอะไรผิด”

            “หึ เข้าใจอะไรผิดล่ะ ถ้านายคือขนมผิง วารีจินดา ลูกของผู้หญิงทรยศคนนั้นล่ะก็ ฉันคงไม่เข้าใจผิดอะไร”ปิญญ์ชานนท์เหยียดยิ้มจ้องมองมาที่เขาราวกับของไร้ค่า

            “คนอย่างพวกคุณไม่มีสิทธิมาตัดสินคนอื่น พวกคุณมันก็แค่คนเห็นแก่ตัวที่ใช้อำนาจของเงินตัดสินค่าของคนจากภายนอก”ขนมผิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวพร้อมกับดวงตาที่แสดงออกถึงความไม่พอใจ

            เลว....ความเลวร้ายที่ตีตราลงบนครอบครัวของเขา ตีตราลงมาที่แม่ของเขามันโหดร้ายมากเกินกว่าที่จะรับไหว ในฐานะลูกชายของผู้หญิงที่ถูกมองว่าเป็นพวกขายตัวและทรยศ

            “นายจะพูดยังไง ความไร้ค่าที่ส่งผ่านมาทางสายเลือดมันก็ไม่หายไปหรอกนะ อย่าคิดว่าฉันจะไม่รู้ว่านายคิดจะจับน้องชายฉัน ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ตราบใดที่ฉันคนนี้ยังอยู่ คนไร้ค่าอย่างนายอย่าหวังว่าจะก้าวเข้ามายุ่งกับอนันตไพลินอีก อ้อ! ถึงแม้ว่านายวุฒิจะไม่ได้ใช้นามสกุลอนันตไพลินแต่ฉันก็ถือว่าเขาเป็นคนของตระกูล นายอย่าหวังว่าจะได้นายสิ่งที่คิด”

            “คุณบ้ารึไงพูดเป็นตุเป็นตะ ขอตัว!! ผมไม่คิดว่ามีอะไรจะต้องพูดกับพวกอนันตไพลินที่ชอบคิดเองเออเอง อีกอย่าง พี่วุฒิเขาไม่ได้เป็นเหมือนพวกอนันตไพลินที่ชอบคิดเอาเอง ถึงคุณจะรู้ว่าผมเป็นใครจะสืบอะไรมาเกี่ยวกับตัวผมบ้าง แต่ผมไม่มีอะไรที่อยากจะข้องเกี่ยวกับพวกคุณอีก โชคดี” เขาตอบกลับด้วยท่าทางที่แข็งกร้าวถึงแม้ว่ามือที่กำจนแน่นมันกำลังสั่นอยู่ก็ตาม เดินหนีออกมาจากห้องน้ำโดยที่ไม่สนว่าปิญญ์ชานนท์จะเดินตามมาหรือไม่ หัวใจของเขาเต้นรัวจนแทบบ้าเมื่อปิญญ์ชานนท์พูดถึงเบื้องหลังที่น่าอับอายที่เขาพยายามจะปกปิดมันเอาไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

            ถึงแม้จะเป็นโรงแรมใจหรูใจกลางเมืองแบบนี้ แต่ด้วยเวลาที่ค่อนข้างจะดึกมากทำให้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านสักเท่าไร

            “เท่าไรล่ะ ถึงจะซื้อนายได้”น้ำเสียงเย็นชาถามขึ้นอีกครั้งพร้อมกับมือแข็งราวกับคีมเหล็กดึงกระชากตัวเข้าให้เข้าไปหา

            ครั้งนี้มันไม่ง่ายที่ขนมผิงจะสะบัดมือออก ดวงตาคมนิ่งจ้องมองไปที่ร่างสูงของอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ ปิญญ์ชานนท์กำลังตีค่าเขาด้วยสายตาและรอยยิ้มชั่วร้ายที่จุดอยู่บนริมฝีปาก ขนมผิงรู้สึกโกรธกับคำพูดของอีกฝ่ายจนตัวสั่น

            “ถ้าคุณกำลังพูดถึงเรื่องทุเรศๆอยู่ล่ะก็ คุณคงจะพูดด้วยผิดคน”ขนมผิงตอบโต้พยายามแกะมือที่บีบข้อมือของเขาเอาไว้

            “หึ อย่าทำเป็นเล่นตัวไปหน่อยเลยขนมผิง หรือนายคิดจะไปกับนายวุฒิล่ะ”

            “คุณมันบ้า โรคจิต!! ไม่มีใครเขาคิดแบบคุณหรอก ปล่อยแขนผม ไม่งั้นผมจะร้องให้คนช่วย”

            “ก็เอาสิ นายคงไม่รู้ว่าฉันมีหุ้นอยู่ที่นี่ คิดดูเอาว่าเขาจะเชื่อฉัน…หรือว่าคนไร้ค่าอย่างนาย”

            “คุณต้องการอะไร!!”

            “ฉันต้องการให้นายเลิกยุ่งกับคุณวุฒิน้องชายของฉัน”

            “คุณจะบ้ารึไง ทำไมผมจะต้องเลิกยุ่งกับพี่วุฒิด้วย ผมจะยุ่งหรือไม่ยุ่งกับใครมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”

            “เกี่ยวสิ!!ทำไมจะไม่เกี่ยว นายเป็นลูกของผู้หญิงทรยศ ฉันจะไม่ยอมให้ลูกของผู้หญิงทรยศคนนั้นมาเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลฉันอีกเด็ดขาด”

            ผลั๊วะ!!

            ราวกับเป็นคำพูดที่ทำให้ขนมผิงสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ไม่ไหว ปล่อยหมัดเล็กๆไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างไม่พอใจ

            “ประสาท!! คุณมันก็แค่ไอ้พวกตระกูลโรคจิตที่เอาแต่มองคนอื่นจากคำพูดที่เชื่อถือไม่ได้ คุณไม่มีสิทธิมาว่าแม่ของผมอย่างนั้น!!”

            ปิญญ์ชานนท์หันไปตามแรงหมัดที่ส่งมาเล็กน้อยก่อนใบหน้าคมคายจะหันกลับมามองขนมผิงด้วยแววตาเกรี้ยวกราด

            “นายนี่มัน!!”

            สิ้นเสียงชายหนุ่มก็กระชากร่างของขนมผิงเข้าไปอีกครั้ง มือใหญ่กร้านจับดึงเอาใบหน้าเกลี้ยงเกลาของขนมผิงเอาไว้แล้วบีบกรอบหน้าจนขนมผิงรู้สึกเจ็บ

            “ปล่อย!!”

            “นายมันก็แค่ลูกของอีตัวที่เอาแต่พูดปฏิเสธความไร้ค่าความโสโครกของตัวเอง นายอย่าคิดว่าฉันจะไม่รู้ความคิดของนาย”ปิญญ์ชานนท์พูดด้วยน้ำเสียงตะคอก มือของเขาบีบลงบนกรามของขนมผิงแน่น แขนที่ถูกบีบเอาไว้เจ็บแสบขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงเล็บที่จิกลงมาบนผิวเนื้อ

            “ปล่อยผม”

            ขนมผิงพยายามดันตัวออกห่างจากพันธนาการที่หยาบคายของปิญญ์ชานนท์แต่กลับไม่ได้ผลเมื่อมือที่กุมเอาไว้นั้นแข็งบีบแน่นจนแกะไม่ออก

            “เท่าไรล่ะ นายถึงจะเลิกยุ่งกับนายวุฒิ”อีกครั้งที่ปิญญ์ชานนท์เสนอมูลค่าของเงินเพื่อแลกกับสิ่งที่ตัวเองต้องการ

            “เท่าไรดีล่ะ ล้านนึงคุณจ่ายไหวไหมล่ะ”ขนมผิงพูดออกไปด้วยความเบื่อหน่ายเต็มทนกับคนตรงหน้า ในเมื่อปิญญ์ชานนท์เสนอเขาก็จะสนอง

            “มันไม่แพงไปหน่อยรึไง สำหรับคนไร้ค่าอย่างนาย”ชายหนุ่มเหยียดยิ้ม

            “ไม่หรอกถ้าเทียบกับทั้งหมดในชีวิตของเขาที่ผมต้องการจะได้มา”ขนมผิงพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นจ้องตอบอีกฝ่ายอย่างทระนงตน

            ในเมื่อปิญญ์ชานนท์ต้องการที่จะยืดเยื้อแต่เขาต้องการที่จะจบ ทางเดียวที่คิดได้ก็คงเป็นการตอบรับไปส่งๆ แต่นั่นมันทำให้เขารู้สึกสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่มันผิด

            “ก็ได้ หนึ่งล้านแลกกับการที่นายจะเลิกยุ่งกับน้องชายฉันและอนันตไพลิน.....แล้วก็หนึ่งคืนกับบริการบนเตียงให้กับฉัน!!”

            สิ้นเสียงปิญญ์ชานนท์ก็ดึงเอาร่างขนมผิงให้เดินตามโดยไม่ฟังเสียงห้ามไปยังลิฟท์ที่อยู่ริมทางเดิน อ้อมแขนแข็งแรงดึงรั้งเอาขนมผิงเข้าไปกอดเพื่อพันธนาการเอาไว้ไม่ให้หนีรอดไปได้

            ลิฟท์หยุดลงที่ชั้นสามสิบกว่าพร้อมกับแรงกระชากทำให้ขนมผิงเซจนเกือบล้ม ประตูห้องถูกเปิดออกด้วยการ์ดก่อนที่ขนมผิงจะถูกผลักเข้าไปในห้องล้มลงบนพื้นพรมราคาแพง

            แววตาที่หยาบโลนจ้องมองมาที่เขาก่อนประตูจะถูกปิดลงขวางกั้นอิสรภาพเอาไว้ ถึงแม้ว่าพยายามจะร้องให้คนช่วยแค่ไหนก็ไร้ผล ร่างสูงใหญ่ของปิญญ์ชานนท์ก้าวเข้าหาพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตอย่างใจเย็นรอยยิ้มที่น่ากลัวของอีกฝ่ายเหยียดยิ้มออกมาราวกับร้อยยิ้มของปีศาจก็ไม่ปาน

            ขนมผิงถอยหลังหนีพลางมองไปที่ประตูอย่างหวาดระแวง ไม่เข้าใจว่าปิญญ์ชานนท์ทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร แขนถูกจับกระชากเหวี่ยงขึ้นไปบนเตียงอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บจุกที่ช่วงท้อง กายสูงเปลือยท่อนบนอวดแผงอกคืบคลานมาที่เขาราวกับราชสีห์กำลังล่าเหยื่อด้วยท่าทางคุกคาม

ทั้งที่เขาไม่เต็มใจ แต่ก็กลับถูกกดลงกับเตียงด้วยแรงมหาศาล เสื้อยืดตัวโปรดถูกดึงออกด้วยแรงมากจนมันฉีกออก ปิญญ์ชานนท์ไม่สนใจเสียงร้องห้ามของเขาแต่อย่างใด

            “บริการให้สมราคาด้วยล่ะ”

            สิ้นเสียงริมฝีปากที่พูดพร่ำแต่ถ้อยคำดูถูกระดมจูบลงมาที่ริมฝีปากของเขาอย่างรุนแรง กลิ่นเลือดจางๆพร้อมกับรสชาติฝาดเฝื่อนคละคลุ้งอยู่เต็มโพลงปาก ลิ้นร้อนราวกับเล็กที่นาบไฟสอดเข้ามาอย่างจาบจ้วงพร้อมกับมือที่ฟอนเฟ้นไปทั่วร่างของเขา

            "ปล่อย”

            เสียงหวีดร้องขอความเมตตากลับไม่ช่วยอะไร กลับยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ป่าเถื่อนของอีกฝ่ายให้โหมกระหน่ำ ร่างกายกำลังสั่นเทากับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

            เขากำลังถูกข่มขืน…โดยผู้ชายที่มาจากตระกูลที่เขาเกลียด

            “อยู่เฉยๆน่า!!”

            ปิญญ์ชานนท์ขู่เมื่อขนมผิงดิ้นรนหาหนทางรอดก่อนจะปลดเข็มขัดของตัวเองออก ขบกัดบนผิวเนื้อของขนมผิงอย่างหื่นกระหาย ความรุนแรงและความเจ็บปวดแล่นผ่านร่างกายจนขนมผิงแทบรู้สึกบ้า

            “ปล่อยผม อึก อย่าทำอย่างนี้ อย่า”ร้องขอน้ำเสียงสั่นพร่า

            “อย่าสำออยไปหน่อยเลย”

            “อะ โอ้ย”ฟันคมขบลงมาบนยอดยกขบกัดลงมาจนเลือดซึมทั้งรุนแรงและไร้ความปราณี ลิ้นร้อนชื้อตวัดเลียมันครั้งแล้วครั้งเล่าจนรู้สึกแสบ

            ฝ่ามือร้อนกับสัมผัสที่หยาบกร้านกำลังฟอนเฟ้นไปทั่วร่างกาย บีบเคล้นแรงให้เจ็บ…เจ็บจนร้องไม่ออกทั้งที่ใจกำลังกรีดร้องทุรนทุราย

            นิ้วแข็งแรงลุกล้ำเข้ามาในร่างกายไร้ความปราณี ขนมผิงพยายามเบี่ยงสะโพกหลบแต่ก็ถูกกดเอาไว้ ร่างกายจุกงอทันทีเมือหมัดที่ไม่ถึงกับแรงมากแต่ก็พอที่จะทำให้จุกส่งมาที่ช่องท้อง ความเจ็บแล่นพล่านไปทั่วร่างเมื่อสิ่งที่ทั้งทั้งใหญ่โตแข็งขืนยิ่งกว่านิ้วลุกล้ำเข้ามาข้างในโดยไม่มีความลังเล

            “ปล่อย…ผมเจ็บ”

            ร้องขอพลางจิกเล็บลงบนลาดไหล่ของชายหนุ่มเพื่อบรรเทาความเจ็บ แต่มันกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย

            “อยู่เฉยๆ อย่าเกร็ง!!”น้ำเสียงเข็งกร้าวตวาดก้องบีบมือลงบนบั้นเอวของเขาแน่น ขาทั้งสองข้างถูกจับให้อ้ากว้างตอบรับท่อนกายใหญ่โตเข้ามาในร่างกาย

            แต่สิ่งที่น่าอัปยศมากกว่านั้นก็คืออารมณ์ร่วมของเขาที่เกิดขึ้นมา…มันสวนทางกับจิตใจของเขาอย่างสิ้นเชิง

            ดวงตาที่แข็งกร้าวราวกับสัตว์ป่าจ้องมองร่ายกายเขาโลมเลียผ่านทางสายตาหยาบคายพร้อมกับรอยยิ้มเหยียดหยามฉายอยู่บนใบหน้า

            “อะ เอาออก ขอร้อง”ร้องขอออกไปเสียงสั่นพร่า พยายามดันสะโพกสอบที่กำลังขยับเข้าออกให้สิ่งที่อยู่ภายในหลุดออกไป แต่มันกลับเป็นเหมือนกับแรงกระตุ้นให้ปิญญ์ชานนท์ขยับเข้าออกอย่างรุนแรงมากกว่าเก่าโดยไม่สนใจเลยสักนิดว่าเขาจะเจ็บแค่ไหน

            มันเหมือนกับคมมีดที่กรีดมาในร่างกาย ความแสบที่เหมือนกับแผลที่ปริแตกมันแผ่ซ่านจนขนมผิงแทบไม่อยากที่จะขยับตัว ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ปิญญ์ชานนท์สอดกายเข้าไปในร่างของขนมผิง...ความโหดร้ายที่โหมกระหน่ำยามค่ำคืน

            เขาไม่รู้เลยสักนิดว่าค่ำคืนที่เลวร้ายมันจะไม่จบลงเพียงแค่นั้น แต่มันกลับเป็นจุดเริ่มต้นที่ฝังบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ในร่างกายของเขา

            สิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปตลอดกาล

 

            หลังจากวันนั้นอีกเพียงไม่กี่วัน เช็คมูลค่าหนึ่งล้านก็ถูกส่งมาที่บ้านของเขา ราวกับตอกย้ำความโสมมของจิตใจที่หยาบช้าของปิญญ์ชานนท์

            เงินที่อีกฝ่ายบูชาและคิดว่าสามารถซื้อได้ทุกสิ่งทุกอย่าง…เขาไม่ต้องการ ขนมผิงส่งมันคืนให้กับอีกฝ่ายโดยไม่ใยดีเลยสักนิดเพื่อตอกย้ำสิ่งที่ปิญญ์ชานนท์ดูถูกเขากับแม่ หลังจากคืนที่เลวร้ายมากที่สุดในชีวิตคืนนั้น เขาก็ไม่เจอกับปิญญ์ชานนท์อีกเลย

----------------------------------------------------------------------------

มีต่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 06:41:01 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
ต่อ

            “กลับมาแล้วเหรอผิง”ผู้เป็นแม่ทักทายหลังจากที่ขนมผิงเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อนกับการต่อรองที่จบลง

            “ครับ”

            “เป็นไงบ้าง ไปคุยกับพ่อของเด็กเขาว่ายังไง”ลำดวนเดินเข้าไปหาลูกชายแล้วแตะลงที่แขนเบาๆด้วยความเป็นห่วง

            ขนมผิงรู้ว่าแม่ของเขารู้สึกผิดที่ทำให้เขาถูกตราหน้าว่าเป็นลูกของผู้หญิงทรยศ แต่เขาไม่เคยโกรธแม่เลยสักนิด กลับตรงกันข้ามที่เขากลับโกรธเกลียดและชิงชังพวกคนที่ทำให้เขาและแม่เป็นแบบนี้มากกว่า

            “เขาไม่ยอมรับว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขา”ขนมผิงตอบเสียงแข็ง แม่ของเขาไม่รู้ว่าพ่อของเด็กในท้องคือใครเพราะเขาไม่เคยบอกและไม่ต้องการที่จะให้ใครรู้

            ขนมผิงกำเครื่องอัดเสียงในกระเป๋าแน่น สิ่งที่จะปกป้องลูกของเขาได้ก็คงจะเป็นสิ่งนี้

            ใจจริงเขาอยากที่จะให้ปิญญ์ชานนท์เซ็นเป็นลายลักษณ์อักษรเลยด้วยซ้ำเพื่อไม่ให้ปิญญ์ชานนท์เข้ามาข้องเกี่ยวกับเขาและลูก หากแต่คนอย่างปิญญ์ชานนท์คงจะไม่ยอมเซ็นอะไรให้กับใครง่ายๆ โดยเฉพาะกับเขา เอกสารที่บ่งบอกว่าเขากำลังตั้งครรภ์ ปิญญ์ชานนท์มองมันราวกับเป็นเรื่องตลกหลอกลวง ซึ่งนั่นมันก็เข้าทางของเขาเพราะหลังจากนี้เป็นต้นไป เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ปิญญ์ชานนท์เข้ามายุ่งกับชีวิตของเขากับลูกได้

            “แล้วเรื่องนี้ตั้งใจว่าจะบอกพ่อเขาเมื่อไรล่ะ”

            ขนมผิงถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพ่อของเขา…พ่อที่เขาพึ่งจะรู้ว่ามีตัวตน

            พ่อซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้แม่ของเขาถูกตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงเลวเพราะพ่อคือเจ้าของมณีรัตน์กรุ๊ป คู่แข่งของอนันตไพลินกรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่

            แม่ให้อนันตไพลินมาเกือบสิบปี เป็นเพียงผู้หญิงตัวคนเดียวที่ต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพังโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของลูกเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีเงินมากพอจะเลี้ยงแม่กับเขาได้สบาย

            เขาเกิดขึ้นมาด้วยความรักของแม่ที่มีต่อพ่อ แต่สุดท้ายพ่อก็ทิ้งไปตั้งแต่แม่ยังไม่รู้ตัวว่าท้องจนกระทั่งเกิดเขาขึ้นมา แม่เลี้ยงเขามาด้วยตัวคนเดียว เป็นพนักงานในเครืออนันตไพลินกรุ๊ปไต่เต้าจนได้เป็นผู้ช่วยเลขาของอาทิตย์ประธานคนเก่าซึ่งเป็นพ่อของปิญญ์ชานนท์

            อาทิตย์เป็นคนที่เข้ามาจีบแม่ของเขาแต่ก็ถูกปฏิเสธเพราะใจของแม่ยังไม่ลืมพ่อ เรื่องราวทั้งหมดมันเริ่มต้นที่พ่อของเขากลับมาและสารภาพว่าถูกที่บ้านบังคับให้แต่งงาน แต่ภรรยาใหม่ของพ่อก็เสียโดยที่ไม่มีลูกจึงกลับมาหาแม่ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้งระหว่างพ่อกับแม่โดยที่แม่ของเขาเป็นคนที่อยู่ภายใต้อำนาจของอนันตไพลินกรุ๊ป

            อาทิตย์กลับไม่พอใจและใส่ร้ายว่าแม่ของเขาเป็นผู้หญิงทรยศและเป็นนกสองหัว เห็นแก่เงิน ขายบริการให้พ่อและอีกมากมายที่เขาจะตีตราบาปลงมาได้

            หลังจากที่แม่ของขนมผิงถูกไล่ออกอาทิตย์ก็เกิดเส้นเลือดในสมองแตกจนทำให้เป็นอัมพาตไปครึ่งร่าง แม่ของเขาก็ถูกประณามมาตลอดว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดทั้งที่ไม่ได้ทำ

            ความอ่อนโยนทำให้แม่ของเขาเลือกที่จะไม่โกรธเคืองอีกฝ่ายถึงแม้จะโดนต่อว่าและดูถูกมากมายก็ตาม หลังจากที่ถูกไล่ออกแม่ของเขาก็พาเขาย้ายมาอยู่ที่บ้านของพ่อ…ในฐานะภรรยาและลูกที่ถูกต้องตามกฎหมาย

            และขนมผิงกำลังก้าวขึ้นมาเป็นทายาทของมณีรัตน์คนต่อไป เขาวาดเป้าหมายเอาไว้ด้วยความเจ็บใจ…สักวันเขาจะบดขยี้อนันตไพลินที่ตีตราบาปให้กับเขาและแม่ของเขาให้ได้

            “ถ้าพ่อกลับมาแล้วผิงจะบอกพ่อเอง ผิงคิดว่าผิงพร้อมแล้วที่จะเรียนรู้งานจากพ่อ”

 

            --------------------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 06:40:26 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
อืม สงสัยมานานแล้วว่ากรณีอย่างนี้สามารถทำอะไรเพื่อไม่ให้พระเอกมาทวงลูกคืนในอนาคตได้บ้าง คนมีเงินมีอำนาจจะทำอะไรก็ได้จริงไหม เชื่อถืออะไรได้กับคำพูด วันนี้เด็กยังไม่มีประโยชน์ พอแก่ๆแล้วอาจจะกลับใจอยากมีลูกขึ้นมาก็ได้แต่ไม่เอาแม่ไรเงี้ย นายเอกก็ซวยสิ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
น่าจะทำเป็นลายลักษณ์อักษรเลยนะ ว่าไม่ยอมรับเป็นลูก
ว่าแต่เรื่องที่มีผู้ชายอื่นมาพัวพันนี่ยังไง

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
2 สิ่งมีชีวิตในร่างกาย

 

            สามเดือนผ่านมาชีวิตของนักศึกษาจบใหม่ของขนมผิงก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ หน้าท้องที่แบนราบเริ่มพองนูนขึ้นมาราวกับคนลงพุง ขนมผิงไม่กล้าที่จะออกจากบ้าน ไม่กล้าแม้แต่จะออกจากห้องของตัวเองหากด้วยซ้ำหากไม่จำเป็น เพราะกลัวว่าจะถูกมองเป็นตัวประหลาด

            ร่างสูงโปร่งยืนจ้องมองป้ายหลุมศพของพี่สาวตัวเองในสุสานด้วยแววตาอันเศร้าสร้อย เขาไม่อยากจะคิดว่าหากคนที่จะต้องจากโลกนี้ไปในวันแรกที่ลืมตาขึ้นมาคือตัวเขามันคงจะดี เขาจะได้ไม่แบกรับความอัปยศที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้รู้สึกราวกับถูกฝังทั้งเป็น

            หลังจากที่ศักดิ์ศรีถูกบกขยี้ด้วยน้ำมือของปิญญ์ชานนท์ วันที่เดินก้าวเข้าไปในพื้นที่ของอนันตไพลินเพียงเพื่อจะไปบอกคนคนนั้นเรื่องลูกในท้อง

            เขาได้เรียนรู้งานจากเลขาคนสนิทของบิดาทีละเล็กทีละน้อยจนเริ่มเข้าใจของระบบงานภายในของมณีรัตน์มากขึ้น

            การนั่งอ่านเอกสารอยู่แต่ในบ้าน ในห้องสี่เหลี่ยมแคบยังไม่ยากเท่ากับอาการแพ้ท้องที่กำเริบอยู่เป็นระยะ ขนมผิงต้องพยายาปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่ไม่เคยรอบคอบของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นเพื่อสิ่งมีชีวิตที่ฝังตัวอยู่ในท้อง…ถึงสิ่งๆนั้นเขาจะไม่เคยต้องการก็ตาม

            ฝ่ามือผอมลูบลงบนผิวท้องผ่านเสื้อตัวคลุมด้วยความรู้สึกหวงแหน ดวงตาสีโศกหลุบตามองป้ายหลุมศพเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเช็ดหยดน้ำตาที่ซึมออกมาที่หางตา

            “ผิงกลับก่อนนะพี่เมไว้ผิงจะมาใหม่”ขนมผิงบอกลา

 

            “จะไปไหนต่อดีครับคุณหนู”ลุงแม้นคนขับรถของบ้านหันมาถาม

            “ไปห้างที่อยู่ใกล้คอนโดครับลุง”ขนมผิงยิ้มบางให้ลุงแม้นก่อนจะตอบ

            “แปลกนะครับ ปกติไม่เห็นคุณหนูเดินเล่น”

            “ผิงนัดเพื่อนไว้ครับลุง”

            เพื่อนรุ่นพี่ที่ไม่เชิงว่าเป็นเพื่อน ขนมผิงมีความรู้สึกดีดีต่อคุณวุฒิคนที่ปฏิบัติต่อเขาแตกต่างจากคนอื่นๆโดยสิ้นเชิงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกของผู้หญิงที่ถูกประณามจนชีวิตพังยับเยินไม่เหลือชิ้นดี มีแค่คุณวุฒิที่ยังคงดีกับเขาและคอยอยู่เคียงข้างมาตลอด จนระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมาหลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังใหม่ ความสะดวกสบายและชีวิตราวกับว่าถูกเปลี่ยนเป็นคนละคน

            เขาตัดสินใจที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ลบล้างความทรงจำที่เลวร้ายเพื่อก้อนเนื้อที่กำลังเติบโตอยู่ในร่างกาย ขนมผิงยอมตัดแม้กระทั่งความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนรุ่นพี่และคนอื่นๆ แต่จนแล้วจนรอดคุณวุฒิก็ได้เบอร์มาจากเพื่อนสนิทของเขาคนหนึ่งที่บังเอิญเจอแม่ของเขาเมื่อเดือนที่แล้ว

            คุณวุฒิเป็นฝ่ายโทรมาตัดพ้อแล้วคะยั้นคะยอให้เขาออกมาเจอ ซึ่งแน่นอนว่าตัวเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะตกลงตามคำเรียกร้องของอีกฝ่ายเพียงเพราะความรู้สึกลึกๆที่อยู่ภายในผลักดันให้เขาตอบรับคำเชิญ

            ขนมผิงก้าวเข้าไปในร้านอาหารที่นัดกันเอาไว้ ทันทีที่อีกฝ่ายที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วเงยหน้าขึ้นมารอยยิ้มปิติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ดวงตาภายใต้กรอบแว่นระยิบระยับราวกับเด็กที่พึ่งจะได้ของเล่นใหม่ที่ถูกใจ

            “นั่งสิผิง”คุณวุฒิรีบลุกขึ้นมาเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างเอาใจ

            “รอนานไหมครับ”

            “ไม่เลย พี่เองก็พึ่งมา”คุณวุฒิตอบถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะมาก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงเพราะความตื่นเต้น

            “สั่งอาหารเลยไหมครับ คงจะหิวแย่”

            ขนมผิงส่งยิ้มให้ ดวงตาสีโศกดูโปร่งประกายขึ้นมาเล็กน้อยจากเดิมที่มีเพียงความเศร้าโศกฉายอยู่ในแววตาตลอดเวลา จ้องมองเพื่อนรุ่นพี่แย้มยิ้มให้กับพนักงานอย่างเป็นมิตรสั่งเมนูอาการหลายอย่างที่เขาชอบอย่างรู้ใจ

            “มองอะไร นี่พี่ยังไม่ได้คิดบัญชีที่ผิงหายไปสามเดือนโดยไม่ติดต่อพี่มาเลยนะครับ”คุณหมอหันมาบ่นอุบคล้ายกำลังดุคนไข้ที่ไม่มาตามนัด

            “ผิงย้ายบ้านน่ะ”คำถามข้อแรกตอบไปตามความจริง

            “แล้วทำไมถึงไม่โทรติดต่อพี่บ้างเลยล่ะ อย่างน้อยก็ให้พี่ไปช่วยขนของบ้างก็ได้นี่”

            “โทรศัพท์ผิงหายแล้วผิงก็จำเบอร์ใครไม่ได้เลย อีกอย่างใครจะไปกล้าใช้คุณหมอมายกของล่ะครับ คนไข้รู้เข้าล่ะต่อว่าผิงแย่”ขนมผิงยิ้มทั้งที่คำตอบที่เพิ่งจะตอบไปเป็นคำโกหกเกือบแทบทั้งหมด

            “ช่างเถอะ ว่าแต่ทำไมช่วงนี้อยู่ดีกินดีหรือว่าอะไรทำไมพี่ถึงได้รู้สึกว่าผิงดูมีเนื้อมีหนังขึ้นมากกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกัน หรือว่ายังไม่ได้ทำงานแล้วนอนกินตีพุงอยู่บ้าน”

            “ก็ประมานนั้นแหละครับ รู้ทันผมทุกทีสิน่า”ขนมผิงแสร้งเออออยกมือขึ้นกุมท้องตัวเองกลัวว่าคุณวุฒิจะสังเกตเห็น ใบหน้าขาวสะอาดเริ่มซีดเผือดด้วยความระแวง

            “ให้พี่ช่วยให้พ่อฝากงานให้เอาไหมครับ”

            “มะ ไม่เอา!!”เพราะมันคงไม่พ้นอะไรที่เกี่ยวข้องกับอนันตไพลินแน่ ขนมผิงปฏิเสธออกไปทันที

            “เป็นอะไรรึเปล่าครับ หน้าซีดๆไปนะ”คุณหมอเด็กมือใหม่ยกมือข้ามทาบลงมาบนหน้าผากมน

            “มะ ไม่เป็นไรครับ อาหารมาแล้วกินกันดีกว่า”ขนมผิงเบือนหน้าหนีเล็กน้อยเมื่อหัวใจที่อยู่ในอกมันกำลังเต้นระรัวด้วยความดีใจที่อีกฝ่ายนั้นเป็นห่วงตน

            “กินเต็มที่เลยนะครับมื้อนี้พี่เลี้ยงเอง ฉลองที่ได้เจอกันหลังจากไม่ได้เจอกันมาตั้งสามเดือน”

            “ครับๆ จ่ายไม่ไหวอย่ามาบ่นใส่ผมนะ”ขนมผิงเบ้ปากเล็กๆประชดใส่พ่อบุญุทุ่ม

            จนอาหารจานสุดท้ายที่สั่งไปยกมาเสิร์ฟจนครบ ความรู้สึกคลื่นเหียนอยากจะอาเจียนก็กำเริบขึ้นมาเมื่ออาหารจานเนื้อที่เป็นเมนหลักวางลงบนโต๊ะ

            “ผิงเป็นอะไรรึเปล่า ดูสีหน้าท่าทางไม่ดี”คุณวุฒิทักด้วยท่าทีตกใจเมื่อเห็นว่าขนมผิงมีท่าทางคล้ายกำลังจะอาเจียนออกมา

            “นะ เนื้อครับ เอาเนื้ออกไปทีผิงเหม็น”

            “โอเคครับ เดี๋ยวพี่สั่งให้พนักงานเอาออกไปให้”คุณวุฒิรีบหยิบจานเนื้อส่งให้พนักงาน

            เมื่ออาหารจานเนื้อที่มักจะคลื่นไส้ทุกครั้งที่อาเจียนถูกยกออกไป ขนมผิงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

            “ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับ”

            “ผิงขอโทษที่ทำให้พี่วุฒิลำบาก”

            “ไม่เลย พี่ไม่ลำบาก มีแต่ผิงที่เหมือนจะอาการไม่ค่อยดีเท่าไร ไปหาหมอดีกว่าไหมครับ”

            “ไม่ ไม่ไปครับ!!”ขนมผิงเผลอพูดออกมาเสียงดังจนโต๊ะที่อยู่ด้านข้างหันมามอง “อะ เอ่อ ผมหมายถึงจะไปทำไมในเมื่อพี่วุฒิก็เป็นหมอ”

            “นั่นสินะครับ แต่ถ้าพี่ไม่รู้ว่าผิงเป็นผู้ชาย พี่คงวินิจฉัยว่าผิงท้องไปแล้ว”คุณวุฒิตอบซึ่งนั่นก็ทำให้ขนมผิงกำมือเล็กๆด้วยความอึดอัดใจกับสิ่งที่ปกปิดเอาไว้

            “ผมเป็นผู้ชายจะท้องได้ยังไงกัน”ผมขนมผิงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พยายามคุมเสียงไม่ให้สั่น

            “ดูทำหน้าเข้า พี่แค่ล้อเล่นน่ะ”

            “ช่างเถอะครับ กินกันดีกว่าผิงหิวไส้จะขาดอยู่แล้ว”

            “ทำเป็นหิวไป กินจนอ้วนขนาดนี้แล้ว

            “ใครบอกว่าผิงอ้วน ผิงบอกแล้วไงว่าผิงแค่กินเยอะ” ขนมผิงตัดบทกลับมายิ้มให้คุณหมออีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเป็ร้อยยิ้มที่แสร้งยิ้มออกมาเพื่อปิดบังสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ในใจ

 

            “ดูสิว่าฉันเจอใคร ไม่ยักรู้ว่านานสองคนยังติดต่อกันอยู่”

            ผ่านไปได้สักพักที่จัดการกับอาหารตรงหน้า จู่ๆเสียงทักทายของบุคคลที่สามก็ดังเหนือขึ้นไปทำให้ขนมผิงเงยหน้าขึ้นมามอง

            ความรู้สึกที่ราวกับถูกน้ำเย็นจัดสาดจนร่างกายด้านชาถาโถมเข้ามากัดกินจนช้อนที่อยู่ในมือร่วงหล่นกระทบจานข้าวเสียงดัง ฝ่ามือผอมเกาะกุมท้องตัวเองด้วยความหวงแหนแทบจะทันทีเมื่อสายตาดูแคลนนั้นเหยียดมองมาที่ตน

            “มาทานที่นี่เหมือนกันเหรอครับพี่ปิญญ์ ว่าแต่เดหลีล่ะครับได้มาด้วยกันรึเปล่า”คุณวุฒิถามถึงคู่หมั้นคู่หมายของญาติผู้พี่

            “ไปเข้าห้องน้ำน่ะอีกเดี๋ยวก็คงตามมา ว่าแต่เปลี่ยนไปมากเลยนะขนมผิง เปลี่ยน…จนเกือบจะจำแทบไม่ได้”

            ปิญญ์ชานนท์ก้มตัวลงมาจงใจเรียกชื่อของเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันและดูถูกจนฝ่ามือที่กำลังกุมท้องอยู่สั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุมได้

            ขนมผิงไม่ตอบโต้อีกฝ่าย แต่เลือกที่จะเบือนหน้าหนีเรียกให้ชายหนุ่มหน้าชาเมื่อถูกปฏิเสธการพูดคุยที่ตนเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน เดือดร้อนคุณวุฒิต้องรับแก้ต่างแทนให้

            “พอดีผิงเขาไม่สบายน่ะครับ”

            “อ้อ งั้นเหรอ ไม่สบายเป็นอะไรล่ะถึงได้กุมท้องซะแน่นขนาดนั้น” ปวดหัว ตัวร้อน หรือว่า ‘ท้อง’ กันล่ะ”

            “คุณปิญญ์!!”ขนมผิงปรามเสียงดังเมื่อปิญญ์ชานนท์พูดคำต้องห้ามขึ้นมาแทงใจดำ

            “เป็นอะไรไป เรียกฉันซะเสียงดังเชียว ฉันแค่จะบอกว่าท้องเสียน่ะ งั้นไม่กวนแล้วล่ะ กินกันให้อร่อยล่ะ หวังว่าเราคงจะได้เจอกันในอีกเร็ววันนะขนมผิง”

            พูดจบปิญญ์ชานนท์ก็เหยียดยิ้มร้ายส่งมาให้อีกครั้งก่อนจะเดินจากไปเมื่อเห็นว่าคู่หมั้นสาวสวยของตัวเองเดินเข้ามาภายในร้าน

            “ว่าแต่อิ่มรึยัง เดี๋ยวก็ท้องแตกหรอก”คุณหมอแซวเมื่ออาหารส่วนใหญ่จะตกไปอยู่ในจานของขนมผิงเสียหมด

            “ยังครับ ยังได้อีกเยอะ”ขนมผิงยิ้มตอบทั้งที่ใจยังคงนึกถึงแต่รอยยิ้มเหยียดหยามนั้นติดตา

            “กินเยอะระวังจะท้องแตกเอานะครับ”

            “ไม่กลัวหรอกครับ มีหมอคนเก่งอยู่ทั้งคน”แสร้งตอบอย่างเป็นปกติ แต่มือก็ยังคงกอบกุมอยู่ที่ท้องของตัวเองด้วยความหวาดระแวง

เพราะกลัวว่าคนเลวอย่างปิญญ์ชานนท์จะมาแย่งลูกที่อยู่ในท้องไป

           

            ----------------------------------------------------------

 

            “ให้พี่ไปส่งนะครับ”คุณวุฒิบอกพลางจับมือขนมผิงอย่างเคยชินเมื่อกำลังเดินออกมาจากโรงหนังที่คนกำลังพลุกพล่านอีกมือถือถังป๊อบคอร์นตัวการ์ตูนเรื่องที่เพิ่งจะดูจบไปเมื่อครู่

            “เดี๋ยวผิงกลับเองก็ได้ รบกวนพี่วุฒิเปล่าๆ อีกอย่างมันก็คงละทางกันเลยนะครับ”

            “ให้พี่ไปส่งเถอะนะจะได้เห็นบ้านใหม่ของผิงด้วย พี่จะได้วางใจว่าเวลาที่ผิงหายไปพี่จะได้ไปตามถูก”

            “ก็ได้ครับก็ได้ ตามใจคุณหมอ”

            สุดท้ายก็ตามใจลูกอ้อนปล่อยให้คุณวุฒิไปส่งจนได้ แต่สถานที่ที่ไปนั้นไม่ใช่บ้านที่เขากำลังอยู่ ไม่ใช่บ้านมณีรัตน์หลังใหญ่ที่เพิ่งจะย้ายเข้าไป แต่กลับเป็นคอนโดห้องใหญ่ที่ผู้เป็นพ่อซื้อเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว เอาไว้พักผ่อนเวลาที่เลิกงานดึกแล้วไม่อยากขับรถกลับบ้านไกลๆ

            “ผิงอยู่ที่นี่เหรอ”คุณวุฒิถามทันทีเมื่อขับรถมาจอดเบื้องหน้าตึกคอนโดหรูใจกลางเมืองด้วยความประหลาดใจ

            “ครับ ที่นี่พ่อเป็นคนซื้อให้แม่น่ะ”จงใจใช่คำพูดให้ดูกำกวมให้คุณวุฒิคิดว่าพ่อที่ว่าคือผู้ชายคนใหม่ของแม่อย่างที่คนอื่นชอบคิดกัน

            “น่าอยู่กว่าเดิมเยอะเลย ว่าแต่เจ้าของบ้านจะใจดีเชิญพี่ขึ้นไปกินน้ำกินท่ารึเปล่านี่สิ พี่ก็รอฟังคำเชิญอยู่”

            “ถึงจะออกปากไล่ก็คงไม่ยอมไปง่ายๆใช่ไหมล่ะครับ แต่บอกไว้ก่อนนะครับว่านอกจากน้ำแล้วไม่มีขนมหรืออย่างอื่นให้กินแล้วนะ”ขนมผิงยิ้ม

            “ครับๆ พี่เป็นคุณหมอเด็กไม่ใช่เด็กนะจะได้ร้องขอขนม”

            “ผิงไม่ยักกะมองเห็นความแตกต่าง”

            “เอาเข้าไป เอาเข้าไป”คุณวุฒิประชดเดินตามเจ้าของบ้าน

            มือผอมกดรหัสลงบนแป้นตัวเลขหน้าประตูสามสี่ครั้งจนเสียงปลดล็อกดังขึ้นแล้วผลักประตูเข้าไป ห้องสีขาวสะอาดเฟอร์นิเจอร์ครบครัน หากแต่ดูโล่งตาไม่ค่อยมีสิ่งของจุกจิกเหมือนมีคนอาศัยอยู่ทำให้คุณหมอย่นหน้าเล็กๆ

            “แล้วแม่ผิงล่ะครับ ไม่อยู่เหรอ”

            “แม่ออกไปข้างนอกกับพ่อน่ะ ไม่รู้จะกลับเมื่อไร”ขนมผิงโกหกอีกครั้ง

            “ห้องโล่งจังเลยนะ ถ้าไม่บอกนี่พี่คงคิดว่าไม่มีใครเคยอยู่ที่นี่จริงๆ”คุณวุฒิพูดตามจริงทำให้ดวงตาคมนิ่งสีโศกเริ่มหลุกหลิก

            “จะไม่ให้มีคนอยู่ได้ไงล่ะครับพี่วุฒิก็ว่าไปนั่น ห้องแค่นี้จะไปเทียบอะไรกับห้องใหญ่ๆของพี่วุฒิ”ขนมผิงเบ้ปากใส่ประชดประชัน

            เวลาผ่านไปนับหลายชั่วโมงที่เวลาสามเดือนยังไม่อาจจะเทียบได้กับประโยคตอบถามพูดคุยที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะร่วน ซึ่งนั่นก็ทำให้คนที่กำลังโกหกลืมเรื่องราวน่าหดหู่ไปได้พักใหญ่

 

            “ต้องกลับแล้วสิครับ น่าเสียดาย ห้องผิงน่าอยู่จนพี่ชักจะอยากมาขออาศัยอยู่ด้วยให้แม่ผิงช่วยเลี้ยงพี่เป็นลูกอีกสักคน พอจะมีที่ว่างให้พี่บ้างรึเปล่าครับ”

            “พี่ บ้านตัวเองก็ออกจะใหญ่โต รีบกลับได้แล้วครับพรุ่งนี้ต้องไปเข้าเวรแต่เช้าไม่ใช่รึไง”

            “ครับๆ หมูอ้วนขี้บ่น”

            “ว่าคนอื่นเขาเป็นหมูแบบนี้ไม่ดีนะครับ ขับรถดีดีนะครับคุณหมอ”ขนมผิงโบกมือลาส่งยิ้มให้ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในตึกของคนโด

มือผอมกระชับเสื้อคลุมเมื่ออากาศในเย็นจนเกือบจะค่ำเริ่มเย็นตัวลง ด้วยความเป็นห่วงลูกที่อยู่ในท้องของตนเอง

            นิ้วเรียวกดรหัสลงบนแห้นตัวเลขอีกครั้งก่อนจะผลักประตูให้เปิดออก วินาทีที่ประตูกำลังจะปิดลงมือปริศนาก็ผลักมันเข้ามาอย่างแรง

            ตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อร่างสูงใหญ่ที่ดูคุ้นตาดีแทรกตัวเข้ามาในห้องของตน สัญชาติญาณสั่งให้ก้าวเท้าถอยหนีไปครึ่งก้าวเพื่อตั้งหลักและยกมือขึ้นกุมท้องอย่างหวาดระแวง

            “คุ คุณปิญญ์”ขนมผิงหลุดปากเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงแผ่ว

            “ไง คิดว่าฉันจะเป็นเจ้าวุฒิรึไงกันถึงได้ดูผิดหวังซะขนาดนี้”ถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

            “คุณ ตามผมมา”ขนมผิงพึมพำยกมือขึ้นกุมท้องตัวเองด้วยความหวงแหนสิ่งที่อยู่ในร่างกาย

            “อย่าหลงตัวเองสิ ที่ฉันตามมาน่ะไม่ใช่นายแต่เป็นนายวุฒิต่างหาก นายกล้าดีนี่ที่ยังไม่เลิกยุ่งกับน้องชายของฉันอีก หน้าด้านหน้าทนซะจริง แล้วนี่ยังไง!!ทนไม่ไหวถึงต้องมากันมาพลอดรักถึงที่เลยรึไง”

            “ถ้าคุณจะมาพูดไร้สาระล่ะก็กลับไปเถอะ ผมต้องการพักผ่อน”

            “คงเหนื่อยสินะ เป็นไงล่ะชอบไหม นายวุฒิกับฉันชอบใครมากกว่ากันล่ะ”

            “คุณไม่ควรลากน้องชายของคุณมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องต่ำๆแบบตัวเอง”ขนมผิงปรามเมื่อปิญญ์ชานนท์กำลังดูถูกคุณวุฒิ

            “แล้วไง นายกำลังจะออกโรงปกป้องเหยื่อของตัวเองอยู่รึไง”ปิญญ์ชานนท์พูดเสียงกร้าวออกแรงกระชากขนมผิงให้เข้าไปหาจนร่างสูงโปร่งเซเข้าไปเกือบปะทะกับแผงอก

            “คุณทำบ้าอะไร อย่ามาทำกิริยาต่ำๆแบบนี้ในที่ของคนอื่นเขานะ”

            ขนมผิงพยายามยื้อแขนเอาไว้ไม่ให้ถูกดึงเข้าไปใกล้มากกว่านี้ ทั้งที่ใจจริงอยากจะออกแรงต่อต้านให้มันรู้แล้วรู้รอด หากแต่ความเป็นห่วงลูกในท้องกลัวว่าความรุนแรงอาจจะทำให้กระทบกระเทือนทำให้ต้องหักความใจเอาไว้

            “แล้วใครกันนะที่เป็นเมียของคนกิริยาต่ำๆอย่างฉันคนนี้”ปิญญ์ชานนท์ออกแรงบีบที่แขนมากขึ้นจนขนมผิงเริ่มรู้สึกเจ็บ

            “คนอย่างคุณมันไม่มีสิทธิแม้แต่จะมาเอ่ยสถานะเกี่ยวข้องกับผมด้วยซ้ำ”

            สิ้นเสียงร่างก็ถูกกระชากเข้าไปใกล้ ได้ยินเสียงลมหายใจที่พ่นออกมาจากอีกฝ่าย ความอุ่นร้อนของลมหายใจกำลังตกกระทบลงบนใบหน้าซีดเผือดของขนมขนมผิง ดวงตาคมนิ่งจ้องมองตอบดวงตาคู่ดุไม่วางตา

            “ปากดีนักนะขนมผิง ฉันจะเตือนนายอีกแค่ครั้งเดียวให้นายเลิกยุ่งกับนายวุฒิไปซะ ไม่อย่างนั้นนายได้เห็นดีกับฉันแน่”

            “คุณก็ลองไปถามพี่วุฒิเขาดูสิ ว่าใครเป็นฝ่ายมายุ่งกับใคร แล้วอีกอย่างออกไปจากห้องนี้ได้แล้ว แค่หายใจร่วมโลกอยู่กับคุณมันก็แย่พอแรงอยู่แล้ว”

            ขนมผิงกลั้นใจตอบออกไปด้วยถ้อยคำที่ไม่ต่างกัน ความเจ็บปวดที่ได้รับมาจากอีกฝ่ายมันมากเกินพอที่จะผลักดันให้แข็งกร้าวและกล้าต่อกรออกไป…ถึงแม้ว่าส่วนลึกกำลังกลัวว่าอีกฝ่ายจะมาแย่งลูกที่อยู่ในท้องของตนก็ตาม

            “นายนี่มันจริงๆเลยนะขนมผิง ลองดูสิว่านายจะลืมสิ่งที่ฉันทำกับนายไปแล้วรึยัง”

            พูดจบร่างกายก็ถูกดึงรั้งเข้าไปกอดรัด ถูกพาเข้าไปในห้องนอนที่เปิดประตูทิ้งไว้แล้วผลักลงบนเตียง

            “ปล่อยผมนะ!! คุณคิดจะทำอะไรกันแน่!!”ขนมผิงต่อว่าพลางดิ้นออกจากอ้อมแขนที่กอดรัด เบือนหน้าหนีริมฝีปากที่ฉกฉวยลงมาเกลือกกลัวบนใบหน้า

            “อย่าทำเป็นไม่เคยไปหน่อยเลยน่า อยู่นิ่งๆหน่อยสิวะ”

            ปิญญ์ชานนท์ตวาดก้อง ผลักร่างสูงโปร่งกดเอาไว้กับผืนเตียงกว้างด้วยมือข้างเดียวในขณะที่มืออีกข้างบีบรัดกรอบหน้าของขนมผิงเอาไว้ให้หันมาจ้องมองตน

            “คุณมันเลวเกินที่ผมจะบรรยายได้จริงๆ”ขนมผิงต่อว่าพยายามขดตัวเข้าหากันเพื่อปกป้องลูกในท้อง

            หากแต่ปิญญ์ชานนท์กลับโน้มกายเข้าหา จมูกโด่งรั้นยื่นเข้ามาจนเกือบชิดใบหน้าซีด ความใกล้ชิดที่มีมากจนเกินไปทำให้ขนมผิงรู้สึกคลื่นเหียนขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้กลับเป็นกลิ่นน้ำหอมที่ติดตัวมากกับอีกฝ่าย

            “ปะ ปล่อยผม อะ แหวะ”ขนมผิงรีบปิดปากแล้วกลืนสิ่งที่ขย้อนออกมาลงคอเข้าไปทันที ในขณะที่มืออีกข้างยังคงกุมท้องเอาไว้อย่างหวงแหน ซึ่งนั่นก็ทำให้ปิญญ์ชานนท์ยอมผละออกไปเล็กน้อย

            “เป็นอะไร สำออยรึไง”ปิญญ์ชานนท์ต่อว่าไม่วายส่งสายตาเหยียดหยามดูแคลนไปให้ขนมผิงเช่นเคย

            “เหม็น”

            “อะไรของนาย อย่ามาทำเป็นเสแสร้งไปหน่อยเลย”ปิญญ์ชานนท์ว่าพลางจ้องมองมือผอมกุมท้องที่นูนออกมา

            “กลิ่นของคุณมันเหม็น…เหม็นจนน่าสะอิดสะเอียน”ขนมผิงเหยียดยิ้มแบบเดิมส่งกลับคืนให้

            “นายว่าอะไรนะ!!”

            “ก็บอกว่ากลิ่นของคุณมันเหม็นจนน่าสะอิดสะเอียนยังไงล่ะ”

            “มันจะมากไปแล้วนะขนมผิง แล้วนั่นอะไร!! ที่นายกุมท้องอยู่อย่าบอกนะว่ายังไม่เลิกคิดอยู่อีกว่าตัวเองท้อง

            “นั่นมันก็แล้วแต่คุณจะคิด เรื่องทุกอย่างผมได้บอกคุณไปหมดแล้ว จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่คุณ เลิกยุ่งกับชีวิตของผมสักที!!”

            “ฉันคงเลิกยุงกับเมียตัวเองไม่ได้หรอกนะ นายเป็นเมียของฉัน ฉันจะไม่มีวันปล่อยนายไปยุ่งกับใคร โดยเฉพาะนายวุฒิ หมอนั่นอ่อนไหวเกินกว่าจะมาถูกนายหลอกได้”

            ผลั๊ว!!

            กำปั้นเล็กๆส่งออกไปกระทบใบหน้าคมคายถึงจะออมแรงเอาไว้เพราะกลัวว่าจะกระทบกระทั่งลูกในท้อง แต่มันก็พอที่จะทำให้ปิญญ์ชานนท์รู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่กำลังคละคลุ้งอยู่ในโพลงปากได้

            “นายกล้ามากนะขนมผิง ที่ทำแบบนี้!!”

            ปิญญ์ชานนท์ประกาศกร้าวก่อนจะกดร่างของขนมผิงจนแทบจะจมลงไปในที่นอนด้วยแรงมหาศาล ริมฝีปากหยักมีเลือดผุดซึมออกมาอย่างน่ากลัวเรียกให้ขนมผิงใจสั่น ขนมผิงพยายามดิ้นแต่ยิ่งดิ้นเท่าไรปิญญ์ชานนท์ก็ยิ่งออกแรงตรึงร่างของเขาเอาไว้

            “คุณจะทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะ คุณก็รู้ว่าผมท้อง”ขนมผิงร้องห้ามเมื่อปิญญ์ชานนท์ดูเหมือนจะไม่ฟังคำ

            “นายเลิกพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องได้แล้ว ไม่มีใครเชื่อเรื่องโกหกของนายหรอกน่า แต่ไม่ต้องห่วงฉันจะพยายามไม่รุนแรง เห็นแก่ที่นายสำออยคอยกุมท้องเอาไว้ตลอดเวลา”ปิญญ์ชานนท์เหยียดยิ้มชั่วร้าย

            ดึงรั้งเสื้อเชิ้ตตัวบางออกจากร่างสูงโปร่งที่พยายามขืนเอาไว้ สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทำให้ชายหนุ่มชะงักเมื่อท่อนบนของอีกฝ่ายเปลือยเปล่า แผ่นท้องที่เคยแบนราบกลับนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อไม่ได้ใส่เสื้อปิดบังร่างกาย

            “ดูท่านายจะกินเยอะไปนะ”ถึงจะตกใจและแปลกใจไม่น้อยแต่ปิญญ์ชานนท์ก็ไม่วายพูดถากถางอีกเช่นเคย

            ริมฝีปากร้อนระดมจูบไปทั่วร่าง ฝ่ามือกร้านเคล้นคลึงและลูบผ่านทุกอณูของผิวกายให้ขนมผิงขืนกายด้วยความทรมาน รอยจูบแดงเรื่อตีตราลงบนร่างกายครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับเป็นดอกกุหลาบที่แปดเปื้อนราคีไม่มีวันลบล้างมลทิน

            ขนมผิงได้แต่นอนขดกายเข้าหาตัวเอง ปล่อยให้ปิญญ์ชานนท์ย่ำยีอีกครั้งเพราะไม่สามารถขัดขืนอีกฝ่ายได้ ร่างกายทั่วทั้งร่างถูกสัมผัสจนหนำใจ เว้นเสียแต่หน้าท้องที่นูนออกมาเท่านั้นที่ปิญญ์ชานนท์ละเอาไว้ด้วยความสมเพชเวทนา

           

            -----------------------------------------------------------

 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 06:54:16 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
3 สิ่งมีค่าที่หวงแหน

 

            ฤดูหนาวของประเทศอังกฤษ เกร็ดหิมะสีขาวบริสุทธิ์เริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าเมื่อความมืดเข้ามาปกคลุม ทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยเกร็ดน้ำแข็งขาวโพลนดูแล้วละลานตาต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ที่กำลังมาถึง

            ภายในเซฟเฮ้าส์สองชั้นหลังขนาดพอดี ร่างสูงโปร่งเหยียดกายอยู่บนโซฟา ใบหน้าขาวสะอาดแดงระเรื่อซุกหน้าเข้าหาผ้าพันคอจากอากาศหนาวเย็นที่ยังคงเล็ดลอดเข้ามา คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเนื้อหาที่อยู่ในเอกสารที่อ่านอยู่นั้นทำให้เขาข้องใจ

            เส้นผมสีดำสลวยที่เคยสั้นบัดนี้ถูกปล่อยปะละเลยให้ยาวคลอเคลียช่วงลาดไหล่ขับให้ใบหน้ายิ่งดูอ่อนเยาว์ถึงแม้อายุจะล่วงเลยวัยเบญจเพสไปแล้วก็ตาม

            “ปลากริมครับ ดูน้องอย่าให้ไปเข้าใกล้ต้นไม้นะครับ เดี๋ยวจะล้มทับเอา”บอกลูกชายคนโตให้ดูน้อง

            “แต่หลิ่มอยากติดดาวนี่ฮับปะป๊า ดาวสวยๆ”สลิ่มหันมาตอบ

            “เดี๋ยวรอให้คุณอาทัพมาก่อนนะครับ ปะป๊าทำงานอยู่ มาเล่นหุ่นยนต์ตรงนี้ก่อนนะครับ”ขนมผิงออกอุบายหยิบเจ้าหุ่นยนต์บับเบิ้ลบีสีเหลืองขึ้นมาหลอกล่อลูกชายให้ไปนั่งเล่นใกล้ๆตัว

            ขนมผิงยิ้มพลางลูบหัวเด็กร่างอ้วนท้วนจ้ำม่ำทั้งสองคนสลับกัน คนโตมีชื่อว่าปลากริมมีผิวสีแทนสะอาดซึ่งไม่บอกก็รู้ว่าสีผิวเหมือนกับใคร ส่วนคนเล็กที่กว่าชื่อสลิ่มมีผิวขาวสะอาดเหมือนกับเขาไม่มีผิดเพี้ยน

            เขาจงใจตั้งชื่อของลูกแฝดทั้งสองเป็นขนมไทยให้เหมือนกับเขาและพี่สาวฝาแฝดที่ชื่อตังเม เพราะเดิมทีชื่อของมารดาของเขาคือลำดวนที่มาจากกลีบลำดวนที่เป็นขนมอีกเช่นกัน

            “ปะป๊า บีบีถ่านหมด ใส่ให้หน่อยฮับ”เจ้าตัวแสบคนน้องยื่นหุ่นยนต์เหลืองสีสดส่งมาให้พลางปีนขึ้นมาบนโซฟานั่งเงยหน้ามองขนมผิงแกะช่องใส่ถ่านออกมาด้วยความสนใจ

            “พี่กิมหลิ่มมาช่วยแล้ววววว”พอรับหุ่นยนต์ที่ใส่ถ่านเรียบร้อยแล้วก็กระโดดลงจากโซฟากระโจนหาแฝดคนพี่ด้วยความดีใจ

            “มาสิ ตอนนี้สัตว์ประหลาดเยอะมากเลย ต้องมีหุ่นยนต์อีกตัวมาช่วยถึงจะปราบได้”เจ้าตัวโตกว่าหันมายิ้มให้น้องชายจนแก้มปริจาหยี ขยับให้น้องชายเข้าร่วมวงปราบหุ่นยนต์สัตว์ประหลาดมากมายที่คุณตาเห่อหลานมานะส่งมาให้จากไทย

            ขนมผิงจ้องมองลูกชายทั้งสองเล่นกันสนุกสนาน เวลาสามปีกับลูกชายสองคนมันมากพอที่จะเติมเต็มและเยียวยาจิตใจของเขาให้ลืมเรื่องเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้น 

             เขาไม่คิดว่าเด็กที่เกิดมาจะเป็นแฝด ครั้งแรกที่ได้รู้ว่าตัวเองได้ลูกแฝดใจของเขามันสั่นรัวอย่างบอกกไม่ถูก กลัวว่าลูกในท้องจะเกิดมาแล้วมีปัญหาเหมือนกับเขาและพี่สาว

            พ่อของเขาได้ติดต่อทางสถานทูตผ่านทางเส้นสายที่รู้จักกับบิดาเพื่อขอให้ปกปิดเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับและออกสูติบัตรให้ชื่อของเขาเป็นพ่อเด็กโดยต้องยอมแลกกับเวลาหนึ่งปีที่ต้องอยู่ในการดูแลและการวิจัยขององค์การแพทย์เอกชนแห่งหนึ่งที่เสนอข้อตกลงทำคลอดให้และเฝ้าสังเกตการเจริญเติบโตของเด็กแฝดระยะหนึ่งอย่างใกล้ชิด

            แต่ก็มีเรื่องไม่คาดฝันเมื่อทางสถานทูตมอบสิทธิพิเศษด้วยการให้เด็กที่เกิดมาถือสัญชาติอังกฤษถึงเพื่อที่จะปกป้องสิทธิพลเมืองที่เกิดจากบุคคลพิเศษในโครงการลับของสถาบันแพทย์หรืออีกนัยหนึ่งก็เป็นการผูกมัดไม่ให้องค์กรอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องทำการเฝ้าสังเกตการก้าวก่ายกับเด็กแฝดที่เกิดขึ้นมาเนื่องด้วยต้องการเก็บเอาข้อมูลทางวิทยาการแพทย์เอาไว้ใช้แต่เพียงผู้เดียว

            สามปีที่ผ่านมากับการที่ทั้งเรียนไปด้วยและเลี้ยงลูกไปด้วย อีกทั้งยังต้องเรียนรู้เกี่ยวกับกิจการของครอบครัวมันค่อนข้างจะเป็นสิ่งที่หนักเอาการ แต่นั่นมันก็เทียบเท่ากับการที่เขาต้องถูกปิญญ์ชานนท์ดูแคลนไม่ได้เลย

            โชคดีที่ได้แทนทัพลูกชายคนสนิทของบิดาที่เป็นคนช่วยประสานงานเกี่ยวกับเอกสารต่างๆเพื่อเป็นการฝึกงานรับช่วงต่อและเป็นการช่วยเขาดูแลเด็กๆไปในตัว ทำให้ขนมผิงถูกแบ่งเบาภาระไปได้เยอะ และเพียงแค่สองปีเขาก็เรียนจบปริญญาโทในสาขาที่เกี่ยวกับการบริหารเพื่อนำมาใช้ในกิจการของครอบครัวที่ตนจะต้องรับช่วงต่อจากผู้เป็นพ่อ

            “ยังทำงานอยู่อีกเหรอครับ”

            น้ำเสียงนุ่มหูถามเมื่อแทนทัพเปิดประตูบ้านเข้ามาพบกับร่างสูงโปร่งนอนอ่านเอกสารอยู่

            “พอดีผมไม่มั่นใจว่าทางเราพร้อมที่จะขยายตลาดออกไปต่างประเทศรึเปล่า”ขนมผิงยิ้มบางให้กับแทนทัพผู้ที่จะต้องมารับช่วยต่อจากพ่อของตัวเอง ซึ่งก็คือคนที่จะต้องมาทำงานกับเขาในอนาคต

            ร่างสูงใหญ่ของแทนทัพเดินเข้ามาแล้ววางถุงกระดาษที่เต็มไปด้วยสายรุ้งและของประดับมากมายลงบนพื้นใต้ต้นสนสูงท่วมหัว

            “อย่ากังวลไปเลยครับ ผมเชื่อว่าคุณทำได้ แต่ก่อนอื่นตอนนี้คุณน่าจะวางเอกสารแล้วมาช่วยผมตกแต่งต้นไม้นี่ดีกว่า วันนี้วันคริสต์มาสนะครับ เราจะมาพักผ่อนให้สมกับเป็นวันหยุดกัน จริงไหมครับเด็กๆ”แทนทัพหันไปถามเรียกให้เจ้าสองแสบที่มัวแต่เล่นหุ่นยนต์ไม่สนใจสิ่งรอบข้างจนไม่รู้ว่าเขากลับมาเมื่อไร พอได้ยินก็หูผึ่งกระโดดขึ้นมาเกาะแข้งเกาะขากันยกใหญ่

            “คุณอาทัพฮับ ติดดาวกัน ติดดาวววว”

            “กิมก็อยากติดฮับอาทัพ อุ้มกิมหน่อย”เจ้าตัวแสบแย่งกันเกาะแข้งเกาะขาทั้งที่เมื่อครู่ยังเล่นด้วยกันสนุกสนาน

            “ไม่ต้องแย่งกันครับ ปีนี้อาทัพมีดาวมาสองดวง”แทนทัพหันไปยิ้มให้กับขนมผิงด้วยความแสบซนที่ไม่รู้ว่าสรรหามาจากไหนถึงได้มากมายขนาดนี้

            “เย้ๆ ดาวสวยๆ ปะป๊าอุ้ม ติดดาวหน่อยฮับ”

            “อาทัพอุ้มกิมด้วยฮับ กิมก็จะติดดาว”

            พอแบ่งดาวกันเรียบร้อยดีเจ้าสองแสบก็กระตุกชายเสื้อผู้ใหญ่ทั้งสองชูมือชูไม้ร้องให้อุ้มเมื่อยอดของต้นสนอยู่สูงลิบ จนสุดท้ายก็ติดดาวลงไปบนปลายยอดสองดวงโดยไม่ต้องมาแย่งกันเหมือนกับปีที่แล้ว

             “ปะป๊าฮับ ซานต้าจะมาหาพี่กิมกะหลิ่มไหมฮับ หลิ่มอยากขอให้ซานต้าเสกพ่อให้หลิ่ม”

            สลิ่มกอดคอซบหน้าลงกับอกของขนมผิง ทว่าคำถามที่ไร้เดียงสานั่นกับทำให้ทั้งขนมผิงและแทนทัพชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะตั้งสติตอบในสิ่งที่คิดว่าน่าจะดีที่สุดออกไป

            “สลิ่มมีป๊าอยู่แล้วนี่ครับจะเอาพ่อมาทำไมอีก ไม่รักป๊าแล้วเหรอครับ”

            “รักฮ๊าบบบ หลิ่มรักปะป๊า ไม่เอาพ่อแล้วก็ด้ายยย”สลิ่มส่ายหน้าซุกหน้าลงบนอกของขนมผิงอย่างออดอ้อน

            ขนมผิงถอนหายใจออกมาเล็กน้อยทั้งที่ก้อนเนื้อในอกมันกำลังสั่นกับสิ่งที่ลูกร้องขอเมื่อครู่

            ความเกลียดชังและความโกรธเคืองมันเริ่มตอกย้ำและผุดขึ้นมาจากส่วนลึกอีกครั้ง เขาไม่อยากจะยอมรับว่าปิญญ์ชานนท์เป็นพ่อของลูก และจะไม่มีวันที่จะยอมรับแน่นอน

 

            หลังจากพาเจ้าสองแฝดตัวแสบเข้านอน ขนมผิงก็กลับมาจมอยู่กับเอกสารกองเดิมอีกครั้งเพื่อที่จะตรวจเช็คบางสิ่งบางอย่างให้รอบคอบ

            “ยังไม่นอนอีกเหรอครับ”แทนทัพถามเสียงเบา

            “พอดีผมกำลังคิดอะไรอยู่นิดหน่อยน่ะ”

            “เมอรี่คริสต์มาสครับ”แก้วโกโก้ร้อนควันกรุ่นถูกยื่นมาให้

            “เมอรี่คริสต์มาสเช่นกันครับ”ขนมผิงยิ้มตอบ

            “อีกไม่ถึงสัปดาห์เราก็จะได้กลับบ้านกันแล้วนะครับ”แทนทัพชวนคุย

            “ครับ คิดถึงอาหารไทยจะแย่”

            “ว่าแต่กลับไปแล้วคุณผิงจะทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรกล่ะครับ”

            “ก็คงไม่พ้นหาอะไรเผ็ดๆกินอีกนั่นแหละ แล้วคุณล่ะคุณแทนทัพ”

            “ก็คงไปกินของเผ็ดๆกับคุณ”แทนทัพพูดติดตลก

            “ผมคิดว่าคุณจะรีบกลับไปหาแฟนดีดีสักคนแล้วก็แต่งงานมีลูกซะอีก”

            “คงไม่มีใครเขาสนใจผมหรอกครับ”แทนทัพพูดคล้ายตัดพ้อยกแก้วโกโก้ร้อนขึ้นมาจิบ

            “จะไม่มีได้ยังไง คุณเองก็หน้าตาดีแถมยังเก่งขนาดนี้ สาวๆคงจะสนใจคุณเยอะน่าดู จะว่าไปสาวผมบลอนด์ที่มหาลัยก็ถามหาคุณกันหลายคนเวลาที่คุณไปรับผมหลังเลิกเรียน”

            “นั่นไม่ใช่แบบที่ผมชอบสักหน่อย”แทนทัพปฏิเสธแทบจะทันทีกับสาวผมบลอนด์เพื่อของขนมผิงแต่ละคนที่ดูจะแก่แดดและแสบซ่ากันไม่ใช่น้อย

            “แล้วแบบไหนที่คุณชอบล่ะครับ”

            “ก็คงจะแบบคุณผิงมั้งครับ”

            คำตอบของแทนทัพทำเอาขนมผิงนิ่งเงียบ จ้องมองใบหน้าสีเข้มตาปริบๆ

            “เอ่อ คุณหมายถึงผู้ชายน่ะเหรอ”

            “ฮ่า ฮ่า ดูทำหน้าเข้า นั่นผมล้อเล่น แต่ที่บอกว่าชอบผู้ชายนั่นเรื่องจริงนะครับ อยากให้คุณผิงปิดเป็นความลับ เรื่องนี้ให้พ่อผมรู้ไม่ได้เด็ดขาด”แทนทัพหัวเราะร่วนทั้งที่หัวใจกำลังเจ็บราวกับถูกบีบคั้นด้วยมือที่มองไม่เห็น

            “อ่าครับ”ขนมผิงตอบรับ ยิ้มแห้งเมื่อไม่สามารถรู้ได้ว่าจริงๆแล้วแทนทัพพูดเล่นหรือพูดจริงกันแน่

            แต่จะยังไงก็แล้วแต่ ตอนนี้ใจของเขากำลังจดจ่อกับระยะเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ วันที่เขาจะได้กลับไปยังทีที่ได้จากมา…ที่ที่เต็มไปด้วยอดีตมากมายที่ยากจะลบเลือน

           

            -----------------------------------------------------------

 

             “ที่นายพูดมามันหมายความว่ายังไงกัน!! ใช้เวลาเพื่อตามหาคนๆเดียวถึงสามปีแต่ก็ยังไม่เจอ นายไม่คิดว่าเวลาที่เสียไปมันมากไปหน่อยรึไงกัน”น้ำเสียงแข็งกระด้างกรอกลงไปในเครื่องมือสื่อสารด้วยความหงุดหงิด

            สามปีแล้วที่เขาเฝ้าตามหาคนคนนั้นที่หายไปโดยไร้ซึ่งวี่แวว ไม่มีแม้แต่ข้อมูลใดใดหลงเหลืออยู่ราวกับว่าคนคนนั้นไม่มีตัวตน

            ‘ผมก็พยายามเต็มที่แล้วนะครับ แต่ข้อมูลของคนคนนี้มันเหมือนกับถูกซ่อนหรือถูกลบไปทำให้หาตัวได้ยาก’

            “จะบอกฉันว่ามีคนช่วยปิดบังข้อมูลของคนไร้ค่านั่นเอาไว้รึไง มันเป็นไปไม่ได้ที่คนชั้นต่ำแบบนั้นจะปกปิดตัวเองได้นานถึงสามปี สามปีแล้วนะที่นายไม่มีอะไรคืบหน้ามาให้ฉันเลย”ปิญญ์ชานนท์กระแทกเสียงไม่พอใจ

            ‘แต่ครั้งนี้ผมได้ข้อมูลที่น่าสนใจมานะครับ เกี่ยวกับคอนโดที่คุณให้ผมสะกดรอยตามเขาไป’

            “ข้อมูลอะไร”

            ‘คอนโดนั้นถูกซื้อในชื่อของคุณพิศนุ มณีรัตน์ประธานของมณีรัตน์กรุ๊ปครับ ซึ่งผมคิดว่ามันเชื่อมโยงกับเรื่องของคุณลำดวนที่ถูกครหาว่าเข้ามาสืบข้อมูลของอนันตไพลินได้พอดีเลยนะครับ’

            “เป็นแบบนี้นี่เอง คิดแล้วว่ามันคงจะไม่พ้นเรื่องแบบนี้ ครั้งหน้าฉันต้องการให้มีอะไรคืบหน้ามากกว่านี้ ฉันอยากรู้ว่าคนไร้ค่าคนนั้นนั่นไปหลบอยู่ที่ไหนกันแน่ ถึงได้รอดสายตาของฉันได้นานขนาดนี้”

            ‘ครับผมจะพยายามสุดความสามารถ’

            จบการสนทนากับปลายสายรอยยิ้มชั่วร้ายก็แสยะขึ้นมาด้วยความพึงพอใจ ในที่สุดเขาก็ได้ข้อมูลที่ตัวเองตามหามาตลอดสามปี ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ขนมผิงได้เป็นอิสระ ในเมื่อขนมผิงเป็นลูกของผู้หญิงทรยศที่ทำให้พ่อของเขาต้องล้มป่วย

            เวลาสามปีที่ขนมผิงเดินเข้ามาด้วยท่าทางราวกับลูกนกปีกหักน่าสมเพช เข้ามาบอกกับเขาว่าตั้งท้องลูกของเขาทั้งที่มันเป็นไปไม่ได้เลยแม้จะมีเอกสารที่จะยืนยันก็ตามที

            ถึงแม้ขนมผิงจะปิดบังที่อยู่ซ่อนตัวไว้ได้นานถึงสามปี แต่ในที่สุดเขาก็จะตามลากตัวของขนมผิงกลับมาให้ได้ กลับมารับโทษที่ทำตัวเป็นปรสิตกัดกินความคิดของเขาอยู่ทุกตลอดเวลา

            ด้วยอำนาจของเงินในกำมือของเขา ต่อให้มีใครต้องการที่จะปิดบังตัวตนของขนมผิงเอาไว้ เขาก็จะใช้ซื้อทุกสิ่งทุกอย่างแล้วดึงให้ขนมผิงมาศิโรราบอยู่แทบเท้าของเขาจนได้

 

            ----------------------------------------------------------

 มีต่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 06:55:57 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
เอาให้พระเอก มันช้ำในตายเลยนะ ขอนายเอกแบบแรงๆๆ ร้ายทันคน อิอิ

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ekuto

  • ถ้าวันไหนไม่เข้ามาในเล้า วันนั้นเหมือนชีวิตขาดบางอย่าง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 605
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-5
มันส์ๆ พระเอกอย่างงี้ต้องสั่งสอนให้เข็ด

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
มาติดตาม มันส์มากเื่องนี้ :katai5:

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage

ออฟไลน์ monaligo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
สนุกอ่ะ นายเอกดูเก่งดูสู้คนดี ปักหมุดไว้เลยรอติดตามตอนต่อไป o13

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199
พระเอกปากจัดแท้
นายเอกก็ไม่ยอม
ติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
เอาให้พระเอก มันช้ำในตายเลยนะ ขอนายเอกแบบแรงๆๆ ร้ายทันคน อิอิ

จัดปายจ้าาา

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
 :pig4: ขอบคุณทุกคนจ้า กำลังมาลงตอนต่อไป

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
ต่อ

            “เจอกันพรุ่งนี้ที่งานเลี้ยงนะครับ”แทนทัพบอกลาส่งยิ้มให้กับขนมผิง

            “ครับ เจอกันพรุ่งนี้”ขนมผิงบอกลาเช่นกันเมื่อมาถึงสนามบินของประเทศไทยรุ่งเช้าวันที่สองของปี “บ๊ายบายอาทัพกันสิครับ”

            “บ๊ายบายฮับอาทัพ”

            “บ๊ายบายฮับ”

            เจ้าสองแฝดตัวกลมพลัดกันยกมือยกไม้โบกมือลาแทนทัพท่าทางร่าเริงผิดกับเมื่อครู่ที่นอนหลับเป็นเด็กขี้เซาอยู่บนเครื่องบิน

            ขนมผิงจับเจ้าแฝดตัวกลมทั้งคนพี่คนน้องนั่งบนรถเข็นกระเป๋า ต่างก็หัวเราะกันคิกคักชอบใจราวกับได้ของเล่นหลังจากที่นอนกันมาอย่างเต็มอิ่ม

 

            “กลับมาแล้วเหรอตาผิง พ่อกับแม่รอตั้งนาน ไหนปลากริมสลิ่มมาให้ยายกอดหน่อยสิ”ทันทีที่เสียงรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านลำดวนก็ปรี่มารอหน้าประตูบ้านทันทีด้วยความคิดถึงหลานๆ

            “คุณยาย/คุณยาย”เจ้าสองแสบพอได้เห็นคุณยายก็วิ่งกระโดดเข้าแย่งกอดคุณยายจนคุณยายเกือบจะล้มเซไปทางด้านหลัง

            “หอมหลิ่มก่อนนะฮับ”สลิ่มดึงแขนคุณยาย

            “หอมกิมก่อนนนน”ปลากริมเองก็ไม่ยอมน้องง่ายๆดึงยื้อกันไปยื้อกันมาจนคุณยายเริ่มรู้สึกว่าตาลายกับเจ้าสองแสบเดือดร้อนให้ขนมผิงต้องเข้ามาปราบก่อนที่มารดาจะตาลายจนเป็นลมไปเสียก่อน

            “เอาอย่างนี้นะครับ ทั้งสองคนหอมแก้มคุณยายพร้อมๆกันจะได้ไม่มีใครเสียเปรียบ ตกลงไหม”

            “ตกลงฮ๊าบ/ตกลงฮ๊าบ”

            เจ้าเด็กตัวกลมพยักหน้าหงึกๆจนหัวคลอนหอมแก้มคุณยายไปกันคนละฟอดใหญ่

            “ไม่มีใครสนใจตากันบ้างเลยเรอะ ตาน้อยใจแย่ ลำดวนก็ไม่เรียกผมเลย”พิศนุเดินตามออกมาเมื่อได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวของหลานๆดังลั่นบ้าน

            “แหมก็คุณทำงานอยู่นี่คะ จะให้ลำดวนไปเรียกก็กระไรอยู่”

            “จะเก็บหลานไว้คนเดียวไม่แบ่งผมผมไม่ยอมหรอกนะ”คุณตามือใหม่ตัดพ้อเรียกให้เด็กๆหัวเราะกันคิกคักวิ่งกระโดดเข้าใส่คุณตาพร้อมกันสองคนจนคุณตาถึงกับรับแทบไม่ทัน

            ลำดวนและพิศนุรู้ทันทีเลยว่าการปรามเจ้าเด็กแฝดแสนซนสองคนทีเดียวไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ยิ่งด้วยวัยที่กำลังโตและแสบเอาเรื่องไม่อยากจะคิดเลยว่าบ้านหลังนี้จะหาวันที่สงบเงียบได้อีกเมื่อไร

            ขนมผิงจ้องมองพอกับแม่ด้วยความคิดถึง แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่พอใจอยู่เล็กๆที่พ่อกับแม่ของตนแทนตัวเองด้วยคำว่าตายายไม่ใช่ปู่ย่าอย่างที่ตนเองหวัง

 

            ----------------------------------------------------------

 

            “ลงมาทำไมล่ะตาผิง ทำไมไม่นอน ยังปรับเวลาไม่ได้ไม่ใช่รึไง”พิศนุคุณตาเห่อหลานถามเมื่อเห็นลูกชายเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เขาเรียกให้สถาปนิกมาปรับรูปโฉมเปลี่ยนใหม่เป็นสวนสนุกขนาดย่อมเพื่อเอาใจสองหลานจอมแสบ

            “จะให้ผิงนอนได้ยังไงล่ะครับ นี่มันยังบ่ายโมงอยู่เลย”ขนมผิงส่ายหน้านั่งลงบนพื้นบุโฟมกันกระแทกมองดูลูกชายวิ่งเล่นไปทั่วห้องนั่งเล่นโฉมใหม่ด้วยความดีใจ

            อันที่จริงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ปลากริมและสลิ่มได้ย่างก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้หลังจากที่เขาปล่อยให้ลูกๆต้องอยู่ห่างบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองนานกว่าสามปี ด้วยสถานที่และบรรกาศที่แปลกใหม่ทำให้ทั้งคู่ค่อนข้างจะตื่นเต้นกับเป็นพิเศษ

            “นั่นสินะ ยังบ่ายอยู่คงจะนอนไม่หลับเหมือนเจ้าลูกหมูสองตัวนี่”

            “ครับ ผิงเองก็คิดว่าจะเหนื่อยเดินทางจนซนไม่ออกซะอีก”ขนมผิงตอบรับก่อนจะนิ่งเงียบ

            “ที่ไหนได้ วิ่งไปวิ่งมาจนพ่อตาลาย อันที่จริงพ่ออยากให้ผิงหาพี่เลี้ยงมาช่วยดูเด็กๆอีกแรงนะ เด็กๆยิ่งโตก็ยิ่งซน”

            “ไม่หรอกครับ ผิงอยากเลี้ยงเด็กๆเอง”ขนมผิงปฏิเสธคำแนะนำแทบจะทันที

            เขาต้องการที่จะให้ลูกๆอยู่ข้างๆตัวเองตลอดเวลา ความระแวงที่เกิดขึ้นในจิตใจทำให้เขาเลี้ยงที่จะปล่อยปะละเลยลูกไว้กับคนที่ไม่ไว้ใจได้ เพราะถ้าหากถ้าเขาประมาท มันอาจจะหมายถึงการที่เขาจะต้องสูญเสียลูกไป

            “นั่นสินะ เลี้ยงเองย่อมดีกว่า…พ่อผิดเองที่ปล่อยให้ผิงกับแม่ลำบาก”

            “ไม่หรอกครับ เรื่องนั้นมันผ่านมานานแล้ว ผิงว่าเราอย่าพูดถึงกันเลยดีกว่า ตอนนี้พ่อมีหลานสองคนต้องช่วยเลี้ยง ผิงไม่อยากให้พ่อคิดถึงเรื่องอื่น”ขนมผิงเอนตัวเข้าไปซบไหล่บิดา

            คนที่เขาสมควรจะโกรธเกลียดไม่ใช่บิดาของตนหากแต่เป็นอนันตไพลินต่างหากที่พังชีวิตของตนและแม่จนไม่เหลือชิ้นดี

            “พ่อดีใจที่ผิงกับแม่ไม่โกรธพ่อ พ่อสัญญาว่าเวลาที่เหลือพ่อจะทดแทนทำให้ดีที่สุดเพื่อพวกเรา”ฝ่ามือกร้านของชายชราแตะลงบนหัวลูกชายอย่างอ่อนโยนทดแทนในสิ่งที่เขาไม่เคยทำให้กับลูกชายของตนเองตลอดเวลายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา

            “คุณตาฮับกิมร้อนถอดเสื้อให้กิมหน่อยฮะ”เสียงเจื้อยแจ้วมาแต่ไกลก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าของพิศณุยกมือให้ชวยถอดเสื้อตัวนอกออกให้

            “หลิ่มด้วยฮะ ไม่ใส่หลายตัวแล้ว ที่นี่อากาศดีกว่าตั้งเยอะ ที่นู่นหน๊าวหนาว”ว่าแล้วเจ้าแสบคนน้องก็กอดตัวเองทำท่าสั่นเรียกให้ทั้งขนมผิงและคุณตาเห่อหลานหัวเราะร่วนไปกับท่าทางน่าเอ็นดู

            “ที่นู่นมีหิมะตกด้วยฮะคุณตา เย็นเหมือนน้ำแข็งเลยฮะ กิมหนาวมากเลย”พ่อหันมาทางคนน้องคนพี่ก็พูดบ้างจนคุณตาต้องหันไปมาสลับกันจนขนมผิงเห็นแล้วก็ปวดคอแทน

            “โอ้ยตายๆ แม่เห็นละก็เวียนหัวตาลายแทน ไม่รู้ว่าผิงเลี้ยงคนเดียวไหวได้ไงกัน”คุณยายเห่อหลานไม่แพ้คุณตาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นก่อนที่จะเห็นเจ้าแฝดพากันชวนคุยให้หันไปหันมาน่ามึนงง

            “เด็กๆเชื่อฟังครับ ถ้าบอกให้หยุดก็จะหยุด แต่ถ้าไม่ก็จะเป็นอย่างที่เห็น”

            “ก็นั่นน่ะสิ แม่ไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าไม่จ้างพี่เลี้ยงเด็กน่ะ แต่เห็นแล้วแม่ก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำงานด้วยเลี้ยงด้วยยังไงไหว”

            “ไหวสิครับแม่ ลูกผิงผิงต้องเลี้ยงเองไหวอยู่แล้ว อีกอย่างอยู่ที่นู่นผิงเองก็ทั้งเลี้ยงลูกทั้งเรียนไปด้วยไม่เห็นจะเป็นอะไร”

            “ก็นั่นน่ะสิ แม่บอกแล้วว่าอยู่ที่นู่นมันลำบากให้กลับมาที่ไทยก็ไม่เชื่อ”ลำดวนส่ายหน้าเล็กๆกับความดื้อดึงของลูกชาย

            “ทำไงได้ล่ะครับ ค่านิยายสมัยนี้หากไม่จบสูงๆพนักงานที่อยู่ระดับต่ำกว่าจะไม่ให้ความเคารพเชื่อถือเอาได้นะครับ ผิงทนได้ถ้าเพื่อผลตอบแทนที่มันคุ้มค่า”ผมขนมผิงยิ้มให้มารดา

            บันไดที่เขาอดทนสร้างขึ้นมาตลอดระยะเวลาสามปี…เพื่อที่จะก้าวขึ้นสู่ที่สูงแล้วขึ้นไปเหยียบอีกฝ่ายให้จมดิน

            “แล้วพรุ่งนี้ผิงจะไปงานกับพ่อเขาไหวไหมล่ะ พึ่งจะเดินทางมาเหนื่อยแท้ๆเชียว”

            “ไหวสิครับ ถึงผิงจะเป็นคนอุ้มท้องเด็กๆแต่ผิงก็เป็นผู้ชาย”

            “นั่นสินะ แม่ก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าป่านนี้พ่อของเด็กๆเขากำลังทำอะไรอยู่ จะรู้บ้างไหมว่าตัวเองมีลูกน่ารักๆขนาดนี้ตั้งสองคน”

            “แม่อย่าไปพูดถึงเขาเลย!!ผิงไม่อยากจะพูดถึงเขาอีก คนอย่างเขามันไม่มีค่าพอที่เราจะไปพูดถึงเขาหรอก ผิงยอมเป็นทั้งพ่อและแม่ของเด็กๆถ้าเพื่อที่จะปกป้องเด็กๆให้ห่างจากมือของคนอย่างเขา!!”ขนมผิงพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวต่างจากเดิมจนคนเป็นแม่ถอนหายใจออกมาเมื่อลูกชายของคนยังคงยึดมั่นในความโกรธแค้นที่มีต่อพ่อเด็ก…พ่อที่ผลักไสไล่ส่งแม้กระทั่งลูกของตัวเอง

 

            ----------------------------------------------------

 

            เสียงเครื่องดนตรีของวงออเคสต้าบรรเลงไปตามตัวโน้ต  คอนดักเตอร์วาดมือไปในอากาศควบคุมจังหวะเสียงไปมาด้วยท่วงท่าที่สง่างาม สอดรับแสงไฟจากโคมไฟแชนเดอเลียสว่างไปทั่วห้องจัดเลี้ยง และแสงแฟลชวูบวาบคอยถ่ายเอาบรรดาคนดังและไฮโซที่มารวบงานอยู่ตลอดเวลา

            งานเลี้ยงการกุศลรวบรวมเอาเหล่าบรรดาคนดังและนักธุรกิจรายใหญ่ๆมารวมตัวกัน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป แต่นั่นเป็นเพียงข้ออ้างเมื่อแท้จริงแล้วมันเป็นงานเลี้ยงที่พาบรรดาคนสวมหน้ากากมาพูดคุยกับคู่ค้าเพื่อร่วมลงทุนและหาผลประโยชน์เสียมากกว่า  และขนมผิงเองก็มางานนี้ด้วยเหตุผลเดียวกัน เขามาเพื่อแนะนำตัวให้คนอื่นๆได้รู้จักในฐานะผู้ที่จะมาสืบทอดมณีรัตน์กรุ๊ปต่อจากผู้เป็นพ่อ

            บรรยากาศภายในงานเลี้ยงเป็นไปอย่างคึกคักท่ามกลางบรรดาแขกที่พากันสามหน้ากากตามคอนเซปของงาน เสียงเพลงคลาสสิกยังคงดังคลอเคลียกับเสียงพูดคุยจอแจดูน่าวุ่นวาย

            “ปะป๊าฮับ คนนั้นใส้หน้ากากสีชมพู”

            “คนนั้นก็สีดำ เท่จังฮะ”เจ้าสองแสบผลัดส่งเสียงด้วยความตื่นเต้นกับการออกงานเลี้ยงครั้งแรก

            “ชู่ววว อย่างเสียงดังครับ ถ้าเสียงดังจะถูกดุเอา”ขนมผิงปรามลูก เอื้อมมือลูบหัวลูกชายไปคนละที

            “รับทราบ/รับทราบ”สองแสบทำท่าตะเบะยิ้มหน้าระรื่นเดินจับมือขนมและคุณตาตามมาติดๆ

           

            “พ่อแน่ใจนะครับว่าจะคุมเด็กๆอยู่ ผิงไม่อยากให้เอามาด้วยเลย”ขนมผิงเริ่มกังวลเพราะเด็กๆต่างก็มองซ้ายมองขวาท่าทางตื่นเต้น

            “ทำไงได้ล่ะ พ่ออยากเอาหลานมาอวดเพื่อนพ่อบ้าง ปล่อยให้คนอื่นเขาอวดมาเยอะแล้ว”พิศนุส่งยิ้มให้ลูกชาย

            เป็นจังหวะเดียวกับที่สุพจน์เดินเข้ามาหาพิศนุแล้วกระซิบอะไรบางอย่าง ขนมผิงจึงหันไปมองรอบๆงาน มองเห็นบางคนไม่ได้ใส่หน้ากากปิดบังหน้าเอาไว้ อาจจะเป็นเพราะวัตถุประสงค์หลักไม่ได้มางานเพื่อร่วมเฉลิมฉลองหากแต่การเปิดเผยใบหน้าไม่ใส่หน้ากากนั้นให้ทำให้พูดคุยธุรกิจที่สะดวกมากขึ้น

            ขนมผิงได้แต่จ้องมองผู้คนที่กำลังแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัว ต่างคนต่างก็เห็นแก่ตัว มันจะต่างอะไรกันกับการที่ใส่หน้ากากในเมื่อภายใต้ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มมันกำลังแอบแฝงหน้ากากเอาไว้ภายใน

            “ผิง นี่คุณกษิณ เพื่อนพ่อสมัยยังเรียน รู้จักกันเอาไว้สิ เขาเป็นเจ้าของโรงแรมนี้”พิศนุแนะนำชายสูงวัยท่าทางภูมิฐานคนหนึ่งให้ขนมผิงรู้จัก

            “สวัสดีครับ”ขนมผิงยกมือไหว้ด้วยท่าทางอ่อนน้อม “ไหว้คุณตาสิครับ”หันไปบอกเด็กๆ

            “สวัสดีฮับ/สวัสดีฮัย”เจ้าสองแสบยกมือไหว้ก้มหัวเก้าสิบองสาตามที่ขนมผิงสอนท่าทางน่าเอ็นดูเรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี

            “นี่น่ะเหรอขนมผิงที่เคยบอก โตมาท่าทางใช้ได้เลยนี่ น่าอิจฉาเชียวมีหลานทีเดียวสองคนแบบนี้”

            “เห็นแบบนี้ก็ซนจนจับไม่ทันเลยล่ะครับ พอจับคนพี่ได้คนน้องก็วิ่งหนีทุกที”ขนมผิงยิ้มให้กับเพื่อนพ่อ

            “นั่นสินะ ท่าทางน่าจะซนน่าดู”ชายสูงวัยหัวเราะร่วน

            “ผิงเดี๋ยวพาเด็กๆไปหาอะไรกินก่อน พ่อขอคุยกับเพื่อนสักพักเดี๋ยวจะตามไป”

            “ครับ”ขนมผิงรับคำปล่อยให้บิดาได้ใช้เวลาส่วนตัวลำลึกความหลัง

            ส่วนตัวเองก็จูงเจ้าสองแสบมายังด้านข้างของห้องจัดเลี้ยงที่จัดเป็นเก้าอี้เอาไว้สำหรับนั่งพักผ่อนหรือคุยกันตามอัธยาศัย

            “นั่งอยู่ตรงนี้กันนะครับ ห้ามไปไหน เดี๋ยวปะป๊าไปหยิบขนมมาให้กิน”

            “รับทราบ/รับทราบ”สองแสบตะเบะยิ้มตาหยีส่งให้ก่อนจะหันไปคุยกันกระหนุงกระหนิง

            ขนมผิงหยิบขนมใส่จานกับแก้วน้ำส้มเพื่อจะเอาไปให้เด็กๆที่นั่งรออยู่ ทว่าใครบางคนที่เดินไม่ระวังตัวก็มาชนเข้ากับเขาเอาจนได้

            “โอ๊ะ ขอโทษครับ”ขนมผิงรีบขอโทษถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่ผิด แต่การที่ตนเองทำน้ำส้มหกใส่คนอื่นมันก็ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร

            “ไม่เป็นไรครับ คุณเปื้อนตรงไหนรึเปล่า”อีกฝ่ายถามกลับมา

            แต่ด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคยกับกรอบแว่นตาหน้าทำให้ขนมผิงชะงักเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายง ถึงแม้จะมีหน้ากากขนนกสีน้ำตาลปิดอยู่บนใบหน้าก็ตาม แต่เขาก็จำอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี

            “พี่วุฒิ”ขนมผิงหลุดปากเรียกชื่อของอีกฝ่ายออกมาด้วยความดีใจ ไม่คิดว่าจะได้เจอกับอีกฝ่ายในที่แบบนี้

            “ผิง!! ผิงใช่ไหม ผิงรึเปล่า”คุณวุฒิเงยหน้าตามเสียงเรียกแตะมือเข้ากับแขนของขนมผิงแล้วจับเอาไว้ราบกับว่าขนมผิงจะหนีหายไป “ผิงหายไปไหน ทำไมพี่ถามหากับใครถึงไม่มีใครรู้เลย”

            “จะ ใจเย็นๆครับ”

            ถึงจะรู้สึกดีที่คุณวุฒิแสดงท่าทีเป็นห่วงเขามาก แต่ด้วยสิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้คือลูก ทำให้ขนมผิงค่อนข้างทำลำบากใจเวลาที่จะต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย

            “จะให้พี่ใจเย็นได้ยังไงในเมื่อผิงไม่ติดต่อพี่มาบ้างเลย”

            “ผิงว่าพี่วุฒิเช็ดคราบน้ำส้มที่เปื้อนออกก่อนดีกว่านะครับ”ขนมผิงว่าพลางดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเช็ดคราบน้ำส้มให้คุณหมอ

            “ช่างมันเถอะมันเลอะไปแล้ว ซักเดี๋ยวก็หาย แต่ถ้าผิงหายไปอีกพี่ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาได้ที่ไหน”คุณวุฒิส่ายหน้าดึงมือขนมผิงออกแล้วจับเอามากุมไว้แทน “รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วง”

            “ผิงก็อยู่นี่แล้วไง”

            หัวใจในอกมันเต้นรัวเมื่อคนตรงหน้าคือคนที่เขามีความรู้สึกดีด้วยตลอดมาจนถึงทุกวันนี้

            “เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่า ในนี้เสียงดัง พี่มีเรื่องอยากจะถามผิงเยอะเลย”

            “ตะ แต่”ลูกๆของเขายังรออยู่

            “นะครับ”คุณหมอยังคงดึงรั้งมือของขนมผิงเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

            “มีอะไรกันรึเปล่าครับ”เสียงทุ้มนุ่มหูทักเมื่อมองเห็นว่าขนมผิงกำลังถูกคนแปลกหน้าจับมือเอาไว้ราวกับว่ารู้จักสนิทสนมกันมานาน

            “ปะ เปล่า ไม่มีอะไร”

            “คนรู้จักเหรอครับ”แทนทัพถามดวงตานิ่งเฉยจ้องมองชายสวมแว่นทับหน้ากากตรงหน้าด้วยท่าทางไม่ค่อยชอบใจที่อีกฝ่ายกุมมือของขนมผิงเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

            “คนรู้จักน่ะ ผมรบกวนคุณช่วยไปดูเด็กๆแทนผมสักครู่ เด็กๆนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ริมห้องจัดเลี้ยงครับ”

            “ได้ครับ”แทนทัพรับคำแต่ไม่วายจ้องมองอีกคนด้วยสายตาที่เคลือบแคลงใจ

            ขนมผิงได้แต่มองตามแทนทัพ มันคงไม่เป็นไรหากเขาจะฝากเด็กๆไว้กับแทนทัพสักพัก

            “คนนั้นใครเหรอครับ พี่ไม่คุ้นเลย”คุณวุฒิถามข้องใจที่ถูกมองด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรสักเท่าไร

            “คนของพ่อน่ะครับ”

            “ใช่พ่อคนที่ผิงบอกครั้งที่แล้วรึเปล่า”

            “ใช่ครับ”ขนมผิงพยักหน้ารับเพราะคุณวุฒิก็ยังคงคิดว่าพ่อที่พูดถึงก็คือผู้ชายคนใหม่ของแม่เขาอยู่ดี

            “เราไปคุยข้างนอกกันดีกว่านะครับ ข้างในเสียงดัง อีกอย่างพี่ก็เปื้อนแล้วด้วย”

            “ได้ครับ”

 

            ขนมผิงเดินตามคุณวุฒิออกมาจากงานเลี้ยงจนมาถึงส่วนที่เป็นระเบียงกว้างของตัวตึกมองเห็นวิวริมแม่น้ำได้อย่างชัดเจน

            “คราวนี้จะบอกพี่ได้รึยังว่าผิงหายไปไหนมาตั้งหลายปี”

            “ผิง…ไปเรียนต่อ”ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบจ้องมองแสงไฟเบื้องล่างยามค่ำคืน

            “แล้วทำไมถึงไม่ติดต่อพี่มาบ้างเลยล่ะ ผิงก็รู้ว่าพี่เป็นห่วงผิงมากแค่ไหน”

            “ตอนนั้นมันฉุกละหุกมากผิงบอกใครไม่ทัน”ตอบไปทั้งที่ไม่เป็นความจริง

            คุณวุฒิเดินเข้ามาใกล้จับแขนผอมดึงเข้าไปหาปลดหน้ากากสีขาวออกจากใบหน้าขาวสะอาดอย่างเบามือ ดวงตาภายใต้กรอบแว่นจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีโศกด้วยความคิดถึง มือนุ่มของหมอแตะลงบนโครงหน้าเกลี่ยปอยผมเส้นสีดำสนิทที่ถูกลมพัดจนปรกหน้าออกจากโครงหน้ากลมมน

            “พี่ไม่อยากให้ผิงหายไปอีก”

            “ผิง…ขอโทษ”ราวกับตกอยู่ในภวังค์ ความกลัวว่าสิ่งที่ปกปิดไว้กำลังจะถูกเปิดออกทำให้ก้อนเนื้อในอกเต้นระรัว เขาทั้งดีใจและเสียใจที่ต้องโกหก

            เขาจะปล่อยให้คุณวุฒิรู้ว่ามีลูกไม่ได้ เพราะถ้าหากคุณวุฒิล่วงรู้ว่าเขามีลูกเมื่อไร มันอาจจะทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนไป ขนมผิงหลุบตาจ้องมองปลายเท้าของตัวเองแน่นิ่ง

            “พี่ไม่ยกโทษให้ผิงหรอกนะครับ ผิงหายไปจากชีวิตพี่ตั้งสองครั้ง”

            “ผิงเข้าใจ”

            “พี่อยากให้ผิงสัญญา ว่าต่อจากนี้ไปผิงจะไม่หายไปเหมือนกับครั้งที่แล้วมา”

             “ครับ ผิงสัญญา”ว่าจะอยู่จนกว่าจะเหยียบย่ำใครบางคนได้สำเร็จ…จะไม่มีวันหนีเหมือนกับที่แล้วมาอีกต่อไป

            “แค่ผิงสัญญาพี่ก็พอใจแล้วครับ”คุณวุฒิยอมปล่อยแขนที่กุมเอาไว้ออกแย้มยิ้มให้กับเพื่อนรุ่นน้องที่ตนแอบมีใจให้



            ---------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 06:56:48 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
เป็นพระเอกที่ปากร้ายมาก
ขอบอก
ขนมผิงทำดีมาก ต่อซะปากแตกเลย o13

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
4 โชคชะตานำพา

 

            แทนทัพเดินกลับเข้ามายังส่วนจัดเลี้ยงเพื่อมองหาคู่แฝดทั้งสอง ทั้งที่ใจยังคงไม่คลายความสงสัยถึงใครอีกคนที่กำลังพูดคุยอยู่กับขนมผิง  ภาพมือของคนคนนั้นกำลังจับต้องราวกับว่าสนิทสนมกำลังติดอยู่ในความคิดของเขา…ความสนิทสนมที่ทำให้เขานึกอิจฉา

            “เด็กๆ รอนานไหมครับ”แทนทัพเดินเข้าไปหาเจ้าตัวอ้วนสองคนที่นั่งเล่นกันอย่างเรียบร้อยตามที่ถูกสั่งเอาไว้

            “อาทัพฮับ ปะป๊าไปไหนเหรอฮับ”สลิ่มเอียงคอถามเมื่อแทนทัพเปิดหน้ากากออก

            “ปะป๊าไปธุระนะครับ เดี๋ยวก็มา”แทนทัพตอบไปทั้งที่ใจยังคงถูกรบกวนด้วยสิ่งที่ตนกำลังคิด

            “กิมกะน้องหลิ่มหิวแล้วฮับอาทัพ ปะป๊าบอกจะเอาขนมมาให้แต่ก็ไม่มา”เจ้าแฝดคนพี่เอียงคอบอกด้วยท่าทางน่าชัง ทำทีเป็นกุมท้อง

            “ปะป๊าไปธุระครับ เดี๋ยวอาทัพไปเอาขนมให้กินเองตกลงไหม”

            “ฮับ/ฮับ”เสียงใสตอบพร้อมเพรียง

            พอเด็กๆพากันตอบรับแทนทัพก็เดินไปยังโต๊ะอาหารอีกครั้งเพื่อที่จะหาอะไรให้เด็กๆทาน ทิ้งให้เด็กๆนั่งรออีกครั้ง

            ทว่าเด็กยังไงก็เป็นเด็กเมื่อแฝดคนพี่กระโดดลงจากเก้าอี้พาร่างจ้ำม่ำยืนจังก้าอยู่เบื้องล่างเรียกให้คนน้องมองตามตาปริบๆ

            “พี่กิมไปไหน”เจ้าตัวกลมผิวในชุดทักซิโดน่ารักร้องทักพี่ชาย

            “ไปวิ่งเล่นไง”พี่ชายฝาแฝดผิวสีน้ำผึ้งอ่อนตอบพลางยิ้มแยกเขี้ยวโชว์ฟันน้ำนมอย่างเจ้าเล่ห์

            “แต่ว่าต้องยออาทัพนะ”

            “แต่อาทัพไม่ได้บอกว่าห้ามเล่นนี่”

            “จิงด้วย อาทัพไม่ได้บอกแบบที่ปะป๊าบอก”สลิ่มยิ้มกว้างตอบพี่ชายแล้วกระโดดลงจากเก้าอี้วิ่งตามไปติดๆ

            “นี่ ปะป๊าบอกว่าห้ามวิ่ง”สลิ่มร้องทักเพราะพี่ชายตัวใหญ่กว่าวิ่งเร็วขึ้นจนคนอื่นๆเริ่มมอง

            “จิงด้วย งั้นเราเดินเบาเบาเอาก็ได้เนอะ มาเล่นแปลงร่างกันดีกว่า พี่เปนอุนต้าแมน หลิ่มเป็นแบทแมนนะ”

            “ก็ได้ หลิ่มเป็นแบทแมน เราไปจับผู้ร้ายกัน”สลิ่มทำท่าแปลงร่างตามพี่ชาย

 

            ขณะที่ผู้ใหญ่ทั้งหลายต่างกำลังคุยธุรกิจเพื่อให้ได้มายังสิ่งของนอกกาย เด็กร่างจ้ำม่ำสองคนกำลังเดินย่องไปมาคุยกันกระหนุงกระหนิงกับเรื่องที่พวกเขาคิดว่าสนุก รอยยิ้มฉายอยู่บนใบหน้าที่เหมือนกันแต่ต่างสีผิว ไม่นานทั้งสองก็หยุดเดินและกุมท้องตัวเองพร้อมๆกัน ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันแล้วเงยหน้าขึ้นมองบนโต๊ะที่จัดขนมมากมายเรียงรายอย่างน่ากิน

            “พี่กิมหลิ่มหิวแล้ว”สลิ่มกุมท้องทำหน้าอ้อนพี่ชาย

            “พี่ก็หิวเหมือนกัน เดี๋ยวพี่หยิบให้นะ”ปลากริมเดินไปที่ริมโต๊ะก่อนจะเขย่งแล้วเอื้อมมือเพื่อหยิบขนมเค้ก

            “มันไม่ถึง ฮึ๊บ!!”เจ้าตัวอ้วนกลมบ่นพลางพยายามเขย่ง

            “พี่กิมขึ้นอีก จะถึงแล้ว สูงอีก”น้องชายยืนเชียร์ข้างๆ

นานนับหลายนาทีที่เจ้าตัวแสบทั้งสองต่างก็เขย่งเท้าพยายามจะหยิบขนมบนโต๊ะโดยไร้ซึ่งผู้ที่ผ่านไปมาจะสนใจ

            “มันม่ายถึงอ่า”ปลากริมปลดหน้ากากคาดไว้บนหัว

            “แต่หลิ่มหิว”สลิ่มนั่งยองๆข้างพี่ชายแล้วปลดหน้ากากคาดไว้บนหัวเลียนแบบ

            “พี่ก็หิวเหมือนกัน”

            “เราไปบอกให้คนนั้นหยิบให้ได้ไหม”สลิ่มเอียงคอชี้ไปยังชายร่างสูงตระหง่านยืนอยู่ไม่ไกล

            “แต่เขาตัวใหญ่มากเลยนะ ใหญ่กว่าปะป๊าอีกนะ น่ากลัวจะตายไป”ปลากริมส่ายหัว

            “แต่หลิ่มหิวอ่า”

            “งั้นก็ได้ พี่กิมจะไปบอกให้คุณลุงคนนั้นช่วยหยิบให้”ปลากริมคว้ามือน้องชายจูงไปยังชายร่างสูงเมื่อเห็นว่าน้องกำลังหิวมาก

            ทั้งสองคนมาหยุดอยู่ด้านหลังของชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนที่จะเอื้อมมือป้อมๆไปกระตุกชายเสื้อสูทของอีกฝ้ายเบาๆเรียกร้องความสนใจให้หันมามอง

            ปิญญ์ชานนท์ขมวดคิ้วเล็กน้อยหันมองตามแรงดึงเจอเข้ากับร่างเล็กอวบอ้วนของเด็กแฝดต่างสีผิวยืนเงยหน้าจ้องมองตนอยู่เบื้องล่าง

            “เอ่อ เอ็กคิวมี แคนยูเฮ้วมีพลีส”แฝดคนพี่เอ่ยถามออกมาด้วยใบหน้าเกรงๆเขาอยู่ไม่น้อย ตาคู่คมกริบยิ่งหรี่ตามองไปยังทั้งสองเมื่อภาษาที่ใช้ไม่ใช่ภาษาไทย

            “พี่หลิ่ม ปะป๊าบอกว่าอยู่นี่ให้พูดแบบที่พูดกับปะป๊า”สลิ่มกระตุกเสื้อพี่ชายแล้วเงยหน้าจ้องคุณลุงหน้าดุ

            “มีอะไรรึเปล่า”ปิญญ์ชานนท์ถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เรียกให้เจ้าตัวแสบทั้งสองสะดุ้งเล็กๆพากันเกร็งตัว

            “ช่วยหยิบหนมให้หน่อยได้ไหมฮับน้องหลิ่มหิว”ปลากริมตอบช้อนตากลมโตขึ้นมามอง

            “ได้สิ ว่าแต่พ่อแม่พวกเธอไปไหนล่ะถึงได้ปล่อยให้เด็กมาเพ่นพ่านแบบนี้”

            “ปะป๊าไปธุระฮับ”สลิ่มตอบเสียงใส ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าเค้กชิ้นโตกำลังถูกตักใส่จาน

            “เอานี่ กินดีดีล่ะระวังเลอะ”ชายหนุ่มยื่นจานขนมส่งให้เด็กแฝด

            “ขอบคุณฮ๊าบ/ขอบคุณฮ๊าบ”สองแฝดรีบยกมือไหว้รับจานขนมเค้กมาถือเอาไว้เร็วจี๋

            รอยยิ้มกว้างอวดเหงือกสีสดเรียกให้ปิญญ์ชานนท์มองตามเด็กทั้งสองด้วยความพึงพอใจกับกริยามารยาทที่ถูกฝึกมาอย่างดี อย่างน้อยเด็กสองคนนี้ก็ไม่ได้วิ่งเพ่นพ่านเหมือนกับลูกของคนอื่นๆที่อยู่อีกฝั่งห้องจัดเลี้ยง

            ปิญญ์ชานนท์ถอนหายใจให้กับการพบปะโดยมีจุดประสงค์แอบแฝงของงานเลี้ยง ต่างคนต่างก็ใส่หน้ากากจนเขาเริ่มที่จะเบื่อจึงผละออกมายังส่วนของอาหารที่คนไม่ค่อยพลุกพล่าน นึกไม่ถึงว่าจะมาเจอเด็กแฝดหน้าตาน่ารัก ถึงแม้จะมีสีผิวที่ต่างกันชวนให้น่าสงสัยอยู่ก็ตาม

            กว่าชายหนุ่มจะรู้ตัวจิตใต้สำนึกของเขามันก็สั่งให้เขาทำในสิ่งที่ตัวเองก็ต้องแปลกใจ เขาเผลอจ้องมองเด็กแฝดสองคนนั้นอยู่นาน และตัดสินใจเดินไปหยิบแก้วน้ำส้มที่ตนเองไม่ค่อยชอบสักเท่าไรติดมือมาสองแก้ว ย่างก้าวเข้าไปใกล้เด็กแฝดด้วยท่าทางสุขุมเหมือนทุกที…เขากำลังกลัวว่าเด็กแฝดจะกินขนมแล้วติดคอหากไม่มีน้ำให้กิน

            “คุณยุง”

            แฝดคนน้องเรียกเสียงยานคางเช็ดคราบครีมขาว ท่าทีหวาดกลัวกับใบหน้าเคร่งขรึม

            “นี่น้ำส้ม เผื่อจะติดคอ”ชายหนุ่มยื่นน้ำส้มให้ทั้งคู่

            “ขอบคุณฮับ/ขอบคุณฮับ”ตอบเสียงในแทบจะพร้อมกับแต่ก็ต้องทำหน้าแหยเมื่อไม่มีมือเหลือเพราะกำลังถือจานเค้กเอาไว้

            “ไม่มีมือแล้วฮับ”เจ้าตัวแสบส่ายหน้าไปมา

            “นั่นสินะ ฉันก็ลืมไป”ปิญญ์ชานนท์ยิ้มมุมปาก ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกับเด็กๆ มือใหญ่ถือแก้วน้ำส้มเอาไว้ทั้งสองข้าง ตาคู่ดุจ้องมองเด็กๆกินขนมเค้กท่าทางน่าอร่อยไม่วางตา

            บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาแก้เบื่อได้ชั่วคราว งานเลี้ยงใส่หน้ากากพูดคุยแต่เรื่องเดิมๆทำเอาเขานึกเอียนเต็มที เวลานี้เขาไม่ได้ต้องการที่จะพึ่งใคร เขากำลังยืนอยู่ในจุดที่สูงที่สุดและไม่มีสิ่งใดที่เขาจะต้องแข่งขันและแย่งชิงอีกต่อไป

            การมานั่งจ้องมองเด็กคุยกันไปอาจจะเป็นสิ่งไร้สาระที่เขาคิดว่าดีที่สุดในตอนนี้ก็ได้ เสียงเจื้อยแจ้วของบทสนทนาแปลกๆทำเอาชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อไม่รู้ว่าเด็กทั้งสองกำลังพูดถึงอะไรกันอยู่ โดยไม่รู้ตัว ปิญญ์ชานนท์ก็เผลอยิ้มให้กับท่าทีน่ารักน่าชังของเด็กๆที่แสดงออกมาด้วยความไร้เดียงสาเรียกให้ตัวเขาเองก็ยังแปลกใจ

            “กินหมดแล้วฮับ”ปลากริมหันมายิ้มแล้วส่งจานของตนกับน้องให้ปิญญ์ชานนท์รับจานมาแบบมึนงงปนขุ่นเคือง นี่เด็กสองคนนี้คิดว่าเขาเป็นบริกรเก็บจานรึยังไง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รับจานสองใบมาไว้ในมืออย่างช่วยไม่ได้แล้วยื่นแก้วน้ำส้มให้มือที่เอื้อมมาขอมัน

            “คุณยุงกินไหมฮะ กิมแบ่งให้”ปลากริมยื่นแก้วน้ำส้มแก้วหนึ่งคืนทั้งที่ยังไม่ได้กิน ปิญญ์ชานน์เลิกคิ้วตั้งคำถามกับแก้วน้ำส้มที่ยืนคืนมาให้หนึ่งแก้ว

            “แล้วเธอไม่กินรึไง”

            “กินอันเดียวกันก็ได้ฮับ ปะป๊าบอกพี่น้องต้องรักกัน แต่คุณยุงยังไม่ได้กิน กิมกะน้องหลิ่มแบ่งให้คุณยุงฮับ เนอะ”ปลากริมหันมายิ้มแป้นให้คุณลุงหน้าดุอย่างเขา

            “ปะป๊าสอนให้แบ่งกันฮับ”สลิ่มตอบเอียงคอส่งมาให้กับเขาเช่นเดียวกับพี่ชาย

            “นั่นสินะ”

            ปิญญ์ชานนท์รับแก้วน้ำส้มมาจิบเล็กน้อย ชายหนุ่มจับจ้องมองเด็กแฝดผลัดกันดื่มน้ำส้มในแก้วจนหมด ดูเหมือนว่าเด็กแฝดสองคนนี้จะถูกเลี้ยงมาอย่างดี พอเขาจ้องมองเด็กสองคนนี้นานๆก็ทำให้เขาเผลอนึกถึงใครบางคนขึ้นมา

            นั่นยิ่งทำให้เขานึกหงุดหงิดใจกับคนที่คอยรบกวนจิตใจเขามาตลอดหลายปี คนที่ปั้นเรื่องหลอกลวงว่าท้องลูกของเขาแล้วหายตัวไปราวอากาศ ซึ่งถ้าหากขนมผิงท้องจริงอย่างที่ปั้นเรื่องเอาไว้ เด็กที่อยู่ในท้องของขนมผิงคงจะอายุได้ประมาณนี้แล้ว ชายหนุ่มส่ายหน้าให้กับความคิดของตัวเอง

            มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ขนมผิงจะท้องในเมื่อขนมผิงเป็นผู้ชายถึงแม้ว่าเอกสารที่อยู่ในมือของเขามันจะน่าเชื่อถือแค่ไหนแต่เข้าก็อดที่จะหักล้างมันด้วยความคิดของตัวเองไม่ได้ ความคิดที่ว่าเงินสามารถซื้อได้ทุกสิ่งแม้กระทั่งความเป็นจริง และเขาไม่มีทางเชื่องเรื่องหลอกลวงพรรค์นั้นเด็ดขาด

            “มาอยู่ที่นี่เอง ตามหาแทบแย่”น้ำเสียงฟังดูกระวนกระวายใจเรียกให้ปิญญ์ชานนท์หันไปมองชายร่างสูงไม่ต่างจากเขาเดินตรงมายังเด็กๆ หน้ากากสีขาวที่เหมือนกับของเด็กๆทำให้ปิญญ์ชานนท์ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเมื่อคิดว่าคนคนนี้อาจจะเป็นพ่อของเด็ก

            “คุณอาทัพ/คุณอาทัพ”แต่ก็ไม่ใช่เมื่อเด็กทั้งสองต่างก็เรียกอีกฝ่ายว่าอา

            คงไม่จำเป็นแล้วที่เขาจะต้องอยู่ต่อ ปิญญ์ชานนท์ผลุดลุกจากเก้าอี้ก่อนจะเดินออกมา

            “เดี๋ยวสิครับ!!”เสียงทุ้มหูเรียกเอาไว้ให้เขาหันกลับไปมอง ปิญญ์ชานนท์เลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงตั้งคำถามให้อีกฝ่าย

            “ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลเด็กๆ”แทนทัพกล่าวก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับเด็กๆที่นั่งพึ่งท้องกันอิ่มแปร้

            ทิ้งให้ปิญญ์ชานนท์มองเด็กแฝดทั้งสองอยู่ครู่หนึ่ง ความรู้สึกที่คิดว่าถูกชะตากับเด็กสองคนนี้ทำให้เขานึกแปลกใจ บางทีเขาอาจจะทำงานมากจนไปจนเผลอคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้ก็เป็นได้

            เรื่องที่ไม่มีผลประโยชน์อะไรมันย่อมไม่สำคัญสำหรับตัวเขาอยู่แล้ว เรื่องอะไรที่เขาจะต้องมานึกถูกชะตากับเด็กที่ไม่มีแม้แต่ผลประโยชน์ให้กัน!!

 

-----------------------------------------------------------------------

 

            ปิญญ์ชาในชุดสูทสีดำสนิทขับให้ดูน่าเกรงขามมองดูน้องชายผู้มีศักดิ์เป็นลูกชายของอาด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความแปลกใจ ทำไมน้องชายเขาถึงได้มาอยู่ข้างนอกนี่ได้แทนที่จะอยู่ด้านในงานในฐานะตัวแทนของพ่อตัวเอง

            แต่พลันเขาก็ต้องชะงักเมื่อคนที่อยู่กับน้องชายคือคนที่เขาตามหามาตลอดเกือบสี่ปี คนที่หายเข้าไปในกลีบเมฆไม่เคยพบแม้แต่ร่องรอยตอนนี้กลับยืนอยู่กับน้องชายเขาตรงหน้าของเขา ขนมผิงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรในเมื่องานเลี้ยงนี้เป็นงานเลี้ยงของบรรดาเจ้าของผู้ประกอบการกิจการภายในประเทศรายใหญ่ทั้งนั้น แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาอีกฝ่ายไปอยู่ที่ไหนกันแน่เขาถึงได้หาตัวไม่เจอ

            มือใหญ่กำเข้าหากันแน่นอย่างแค้นเคืองใจเมื่อน้องชายกำลังจับมือถือแขนกับอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม รอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้าของทั้งสองคนทำให้เขานึกร้อนรุ่มในใจอย่างบอกไม่ถูก อุตส่าห์เจอทั้งทีแต่อีกฝ่ายก็ดันอยู่กับคุณวุฒิเสียได้ ทั้งที่เคยบอกให้เลิกยุ่งกับครอบครัวของเขาไปแล้วแต่ขนมผิงก็กลับมา อีกทั้งยังมาทำหัวร่อต่อกระซิกกับน้อยชายเขาไม่อายฟ้าอายดิน

            คงจะมาวางแผนล่อหลอกน้องชายเขาอีกครั้งสินะ ดูจากท่าทีแล้วมันทำให้เขาคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย และคนอย่างปิญญ์ชานนท์คนนี้จะไม่มีวันปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่

            ปิญญ์ชานนท์ขบกรามแน่นด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายในใจ ในเมื่อฝ่ายนั้นกล้าที่จะกลับมาทั้งที เขาก็จะให้คนแบบนั้นได้ลิ้มรสผลกรรมที่ได้ทำเอาไว้…ให้สาสมกับที่บังอาจเข้ามาก่อกวนจิตใจของเขาตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมา

           

            ----------------------------------------------------

 

            “ผมว่าลมเริ่มแรงขึ้นแล้ว เรากลับเข้าไปข้างในกันดีกว่านะครับ”ขนมผิงบอกเพราะรู้สึกว่าผ่านไปพักใหญ่แล้วกับการพูดคุย อีกอย่างเขากลัวว่าเด็กๆจะเล่นซนจนเกิดเป็นอันตายหรือรบกวนคนอื่นถึงแม้จะฝากแทนทัพให้ดูแทนแล้วก็ตาม

            “แต่พี่ยังคุยกับผิงไม่เต็มอิ่มเลยนะครับ”คุณวุฒิว่าพลางทำหน้าผิดหวัง

            “แต่ข้างนอกมันหนาวนะครับเดี๋ยวจะพากันไม่สบาย อีกอย่างพี่วุฒิเป็นหมอถ้าไม่สบายคนไข้ที่ไหนจะไว้ใจล่ะครับล่ะครับ”

            “เฮ้อ ก็ได้ครับ เข้าข้างในก็ได้”อีกฝ่ายตอบอย่างจนใจ

            ถึงแม้จะรู้สึกดีที่ได้กลับมาคุยด้วยกันอีกครั้ง แต่ภายในใจของขนมผิงนั้นกลับเต็มไปด้วยความกลัว เขากลัวว่าคุณวุฒิจะเจอเข้ากับเด็กๆ เวลานี้เขายังไม่พร้อมเลยที่จะรับมือกับเรื่องแบบนี้…เขากำลังกลัวว่าเมื่อคุณวุฒิรู้ความจริงจะตีตัวออกห่างแล้วรังเกียจในสิ่งที่ตัวเขาเป็น

            “พี่วุฒิเข้าไปก่อนนะครับ ผมคิดว่าจะไปล้างมือที่ห้องน้ำ”

            “พอดีเลยล่ะ พี่ก็กำลังคิดว่าจะไปล้างคราบน้ำส้มออกจากเสื้อพอดีเชียว”

            “ครับ”ขนมผิงปั้นยิ้ม มันดูไม่ง่ายเสียแล้วกับการที่เขาจะสลัดคุณวุฒิออกจากการเกาะติด

           

            ขนมผิงเดินตามคุณวุฒิเข้ามาในห้องน้ำ ในขณะที่ล้างมือร่างสูงของคุณหมอก็จัดการถอดเสื้อตัวนอกออกมาล้างคราบออก ตาคู่สวยเหลือบเห็นชายเสื้อของคุณวุฒิที่หลุดออกมาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

            “ชายเสื้อหลุดแล้วนะครับ”

            “จริงด้วย”คุณวุฒิว่าพลางปลดเข็มขัดเตรียมจัดชายเสื้อใหม่

            “ผมว่าเข้าไปทำในห้องน้ำดีกว่านะครับ ทำตรงนี้มันดูไม่ค่อยดีเท่าไร”

             “ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็มีกันแค่สองคน”

            “ถึงจะสองคนก็ไม่ได้ครับ เป็นคุณหมออย่าดื้อสิครับ”ขนมผิงว่าพลางดันหลังให้อีกฝ่ายเดินเข้าไปในห้องน้ำ

            “โอเคๆ พี่ไปจัดเสื้อใหม่ข้างในก็ได้ แต่ว่าผิงห้ามไปไหนนะครับตกลงไหม”

            “ครับ”

            ขนมผิงพยักหน้าตอบรับ รอจนได้ยินเสียงลงกลอนประตูจึงได้ถอนหายใจแล้วเดินหนีออกมา ตอนนี้สิ่งที่เขาจะเลือกก็คือลูกของตัวเอง ความระแวงทำให้ขนมผิงหันไปมองข้างในห้องน้ำเพราะกลัวว่าคุณวุฒิจะออกมาแล้วเจอว่าตนกำลังเดินหนีไปเสียก่อน

            ด้วยความไม่ระวังจึงไม่ได้มองว่ามีใครคนหนึ่งกำลังยืนขวางทางเข้าห้องน้ำอยู่ก่อน

            ปึก!!

            แผ่นหลังของขนมผิงชนเข้ากับคนที่ยืนขวาง แม้จะไม่แรงมากแต่ก็พอที่จะทำให้เซออกมาด้วยความตกใจ

            “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”บอกออกไปด้วยความรู้สึกผิด แต่ทว่า

            “เป็นอะไรไปล่ะ ทิ้งเหยื่อแล้วหนีไปแบบนี้ไม่สมกับเป็นนายเลยนะ”น้ำเสียงเย้ยหยันทักด้วยคำพูดดูถูก

            ปิญญ์ชานนท์!!

            “ทำไมล่ะ เห็นหน้าฉันแล้วทำไมต้องทำหน้าตกใจด้วยล่ะ”ช่างเป็นคำถามที่ทำให้เขานึกรังเกียจอีกฝ่ายจนแทบไม่อยากจะจ้องมองใบหน้าที่เปื้อนยิ้มดูถูก

            “หึ! ไม่ใช่ว่าผมตกใจอะไรคุณหรอกนะครับคุณปิญญ์ เพียงแค่ผมนึกสะอิดสะเอียนสายตาตัวเองมากกว่าที่ต้องมองหน้าคนอย่างคุณ”ขนมผิงเชิดหน้าขึ้น เขาพยายามตั้งสติกับการเจอกันที่ไม่ได้ตั้งใจกับอีกฝ่ายในครั้งนี้และทำทีเป็นไม่ใส่ใจทั้งที่ใจกำลังเต้นรัว

            “มันจะมากไปแล้วนะขนมผิง!! นายถือดียังไงมาพูดอย่างนี้กับฉัน!!”ปิญญ์ชานนท์ตะคอกก่อนจะดึงแขนผอมบีบเอาไว้แน่น ใบหน้าแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดกับคำพูดที่เขาพูดออกไป  อีกแล้วที่อีกฝ่ายมักจะใช้กำลังที่เหนือบกว่าบีบบังคับให้เขาต้องทนกับสิ่งที่ยิ่งเพิ่มความแค้นเคืองต่อกัน

            “ปล่อยมือคุณจากแขนของผม”ขนมผิงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ปรายตามองตอบกลับกับสายตาที่ดุดันอย่างไม่ลดละ

            “หึ!! ไม่เจอกันนานดูเหมือนนายจะเปลี่ยนไป…นิดหน่อยนะ”

            มันยิ่งทำให้ก้อนเนื้อในอกยิ่งรู้สึกราวกับถูกบีบรัดเมื่ออีกฝ่ายพูดลากเสียงแล้วจงใจมองมาที่ท้องของเขา แขนผอมดึงกลับพยายามที่จำหลุดออกจากมือใหญ่ที่ออกแรงบีบลงมา

            “นั่นมันไม่เกี่ยวกับคุณนี่ครับ”

            “ปากดีขึ้นเยอะนี่ แล้วนี่อะไร นายมาที่นี่ได้ยังไง หรือว่า…นายมาที่นี่กับลูกค้าล่ะ คงไม่ใช่ว่านายต้องการที่จะสลัดเหยื่อชิ้นโตเพื่อที่จะจับเหยื่อชิ้นที่โตกว่าหรอกนะ”

            “คิดต่ำแบบคุณในโลกนี้ก็คงไม่มีใครแล้วล่ะ เมื่อไรจะรู้ตัวสักทีล่ะครับว่าคนอย่างคุณน่ะคิดเป็นแต่เรื่องต่ำๆ”ริมฝีปากได้รูปเหยียดยิ้มมองชายหนุ่มเบื้องหน้าแน่นิ่ง

            “มันก็ถูกต้องแล้วนี่ที่คนคิดต่ำจะเจอกับคนชั้นต่ำ ถูกไหม?”

            “อย่าลากคนอื่นเขาไปเกลือกกลัวกับตัวเองเลยนะครับ คิดแล้วมันรู้สึกอยากจะอ้วกขึ้นมาเวลาที่ต้องมาใกล้คนอย่างคุณ อุตส่าห์ไม่ได้เจอกันตั้งนาน แต่กลิ่นของคุณมันยังน่าคลื่นเหียนเหมือนเดิมเลยล่ะ”

            “ปากดีนักนะขนมผิง!!”ราวกับไม่มีคำพูดที่จะโต้ตอบ ขนมผิงรับรู้ได้ถึงแรงบีบที่บนลงมาบนต้นแขน

            “อึก”ขนมผิงกลืนน้ำลายลงคอนิ่วหน้าเมื่อปลายคางถูกบีบกระชากด้วยมืออีกข้างของปิญญ์ชานนท์ แต่นั่นก็คือสิ่งที่เขาต้องการ

            “ดูเหมือนว่านายจะมีคนหนุนหลังดีจนน่าตกใจเลยล่ะถึงได้หายไปนานขนาดนี้ คนอย่างนายก็คงจะเดินตามรอยแม่ของนายสินะ”

            “จะดีไม่ดีผมก็ไม่รู้นะครับ แต่การที่คุณรู้ว่าผมหายไปนานแบบนี้เนี่ย…แสดงว่าคุณกำลังติดตามผมอยู่สินะ”ยิ้มมุมปากราวกับต้องการจะยั่วอารมณ์ของอีกฝ่ายให้ปะทุมากขึ้นทั้งที่แรงบีบลงมาบนคางและแขนมันกำลังมากขึ้นไปทุกที

            “ใครจะไปคิดถึงคนอย่างนาย!! ฉันไม่ได้บ้านะที่จะต้องมาคิดถึงคนอย่างนาย”พูดก่อนจะออกแรงผลักจนขนมผิงเซออกมาครึ่งก้าว

            ดูท่าจะเป็นไปในแบบที่เขาคิดจริงๆ การที่เขาจะหลุดออกจากพันธนาการของปิญญ์ชานนท์ได้คือการที่เขาจะต้องใช้ในสิ่งที่ปิญญ์ชานนท์กำลังคิดเข้าสู้

            เพราะว่าคนเรามักจะพ่ายแพ้ให้กับความคิดของตนเองเสมอ…

             “อย่างนั้นเหรอครับ…ผมก็นึกว่าคุณคิดถึงผมถึงได้ตามสืบเรื่องของผมอยู่ตลอด”

            ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าปิญญ์ชานนท์คอยส่งให้คนมาตามหาตัวเขาตลอดเวลา ความช่วยเหลือของผู้เป็นพ่อช่วยทำให้เขาหลบซ่อนตัวจากเงื้อมือของคนเลวๆอย่างอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี

            “นายอย่าได้คิดนะว่าฉันจะเป็นเหมือนเหยื่อคนอื่นๆของนาย ฉันไม่มีวันที่จะสนใจลูกชายของผู้หญิงทรยศเด็ดขาด นายอย่างมาหลงตัวเองไปหน่อยเลย”นัยน์ตาดุดันแสดงออกมาถึงความแข้งกร้าวอย่างเห็นได้ชัด แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นภายในนั้นมันกลับสั่นอย่างกระวนกระวาย

            แต่นี่มันแค่เริ่มต้น ขนมผิงรู้ดีว่าทุกอย่างมันคงไม่จบเพียงแค่นี้ ยิ่งเห็นปิญญ์ชานนท์รู้สึกไม่พอใจ ขนมผิงยิ่งรู้สึกพอใจขึ้นมาทันทีที่เห็นปฏิกริยาของอีกฝ่าย ก่อนที่เกมจะดำเนินไปไกลกว่านี้เสียงของคุณวุฒิก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน

            “อยู่นี่เอง พี่ก็คิดว่าผิงหนีพี่ไปอีกแล้ว ทำไมออกมาไม่บอกพี่ล่ะ”

            “ผิงออกมารอข้างนอกน่ะครับเห็นท่าว่าจะนาน”ขนมผิงตอบโกหก ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบของเขาทำให้ปิญญ์ชานนท์แสยะยิ้มขึ้นมาเมื่อรู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาพูด

            “แล้วพี่ปิญญ์ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะครับ ผมคิดว่าพี่จะอยู่ในงานซะอีก”

            “ฉันไม่เห็นว่านายอยู่ในงานเลยออกมาตาม ที่แท้ก็ออกมาอยู่กับคนแบบนี้นี่เอง”

            คนแบบนี้ที่อีกฝ่ายว่าคงจะเป็นคนชั้นต่ำอย่างที่ชอบใช้ดูถูกเขาสินะ

            “พวกเราเจอกันโดยบังเอิญน่ะครับ ใช่ไหมขนมผิง”คุณวุฒิหันมาพนักหน้าให้ ริมฝีปากสวยยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี

            “ครับ...บังเอิญ”ขนมผิงจงใจยิ้มตอบให้ดูเหมือนกับว่าเขาเป็นคนที่วางแผนเพื่อที่จะมาเจอกับคุณวุฒิ มันได้ผลเมื่อคิ้วหนาได้รูปของอีกฝ่ายขมวดเข้าหากัน

            “กลับเข้าไปในงานได้แล้วคุณวุฒิ!!”เสียงแข็งกร้าวสั่งผู้มีศักดิ์อย่างน้องชาย

            “โถ่ ทำไมล่ะครับผมพึ่งจะได้เจอกับขนมผิงเอง”

            คุณวุฒิตัดพ้อทีเล่นทีจริงในขณะที่ปิญญ์ชานนท์กำลังทำหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อตนเอง ขนมผิงค่อนข้างจะรู้สึกเฉยเมยเมื่อตาคู่ดุนั้นมองมาที่ตน เขากลับเหยียดยิ้มกลับคืนไปเพื่อยั่วอารมณ์ของอีกฝ่ายให้ยิ่งปะทุขึ้น เพราะต่อไปนี้เขาจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายอีกต่อไป ไม่มีวันที่จะอยู่นิ่งเฉยโดยไม่ตอบโต้ในสิ่งที่ได้รับมา

            เขาจะต้องแก้แค้นให้สาสมกับสิ่งที่ได้รับ แก้แค้นให้กับการทีอีกฝ่ายทำให้ลูกๆของเขากำพร้าพ่อ

            “ไม่เป็นไรหรอกครับ”มือผอมแตะลงบนไหล่ของคุณหมอพลางหันไปยิ้มให้ “พอดีพ่อของผิงพึ่งจะโทรมาตามเมื่อครู่ คงต้องรีบกลับเข้าไปข้างในแล้วล่ะครับไว้เจอกันนะครับ”

            เป็นโอกาสที่จะแยกตัวกับคุณวุฒิไปในตัว อีกอย่างเขาก็เป็นห่วงเด็กๆด้วยหลังจากที่ทิ้งให้แทนทัพดูแลแทน

            การเจอกันในครั้งนี้มันช่างเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายจริงๆสำหรับเขา ร่างสูงโปร่งจงใจเดินเบียดไหล่ชนกับหัวไหล่ของปิญญ์ชานนท์ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อที่จะกระซิบบอกอะไรบางอย่างออกไป

            “เฝ้าเขาเอาไว้ดีดีนะครับ”

            รองเท้าหนังขัดมันวับจงใจเหยียบลงไปบนเท้าของอีกฝ่าย ค่อยๆบดขยี้ลงไปเต็มแรงและแนบเนียนที่สุดเท่าที่จะทำได้เมื่ออยู่ต่อหน้าของคุณวุฒิ

            ตาคู่สวยจ้องมองใบหน้าที่หยิ่งทระนงแปรเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดและแค้นเคือง

            “นาย”เสียงแข็งเค้นรอดไรฟัน

            แต่นั่นคงจะไม่ทันที่จะได้จัดการกับเจ้าของร่างสูงโปร่งที่ทิ้งเสียงหัวเราะในลำคอเอาไว้ด้วยความสะใจแล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

 
----------------------------------------------------------------------------

มีต่อ


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 06:59:18 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
พระเอกแม่งเลวว่ะ มีอคติกับนายเอกแบบไม่มีเหตุผล

อล้วนี่เด็กในท้องจะเป็นอะไรไหม? :hao5:

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
สนุกมากๆ อยากให้ถึงเวลา พระเอกเจ็บบ้างจัง แล. เน้นๆๆ เลย มาลงบ่อยๆนะ อย่าหายไปนาน ชอบแนวนี้ อิอิ

ออฟไลน์ becrazie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 716
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
หนมผิงท้องอยู่ มันอันตรายนเฟ้ย!!!!

ออฟไลน์ Pithchayoot

  • พิชญ์ชยุตม์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
พระเอกใจร้ายจริงๆฮะ

ออฟไลน์ zeroj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
พระเอกร้ายกาจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก               

 :fire: :fire: :fire:

ออฟไลน์ monaligo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
สรุปวุฒิเป็นพระเอกสินะ แค้นเยอะๆเลยหนูผิง แล้วเอาคืนให้สาสม ผู้แต่งก็สู้ๆนะเค้ารออ่านตอนต่อไปอยู่ :katai2-1:

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
พระเอกเลว

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
เป็นนายเอกที่สู้คนมากลูก แล้วไปทำอีท่าไหนให้พระเอกเข้าใจผิดว่ามีอะไรกับวุฒิได้เนี่ย?

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ความเป็นคนอยู่ตรงไหนคะคุณพระเอก o12

ออฟไลน์ Oเด็กหญิงเย็นชาO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-3
ต่อ

            “คุณผิงครับ คุณพิศท่านตามหาอยู่นะครับ”เลขาของพิศณุเดินมาแตะแขนของขนมผิงทันทีที่เดินกลับเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง

            “มีอะไรเหรอครับคุณสุพจน์”

            “คุณพิศท่านอยากให้มาตามคุณผิงให้ไปทำความรู้จักกับประธานของอนันตไพลินกรุ๊ปน่ะครับ ทางนี้ครับ”

            คงไม่ต้องทำความรู้จักกันก็ได้ในเมื่อเขารู้จักกับอีกฝ่ายดี ขนมผิงได้แต่คิดในใจและเดินตามเลขาของผู้เป็นพ่อไป

            “เขาเป็นคู่แข่งของเราไม่ใช่เหรอครับคุณสุพจน์”

            “มันเป็นวิสัยของคุณพิศน่ะครับ ท่านชอบสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นแม้จะเป็นคู่แข่งกันก็ตาม”

            “นั่นสินะครับ”

            ในเมื่อพ่อของเขามักจะเป็นคนที่ชอบมองโลกในแง่ดีเสมอ

 

            “มาพอดีเลยตาผิง เดี๋ยวพ่อจะพาไปแนะนำคุณปิญญ์ชานนท์เจ้าของอนันตไพลินเสียหน่อย รู้จักกันเอาในฐานะคนที่ทำธุรกิจเหมือนๆกันจะได้ช่วยเหลือกัน รุ่นๆเดียวกับกับเราด้วยไม่น่าจะคุยกันยาก”เป็นแบบนี้ตลอด…มองโลกในแง่ดี

            “ผมมีอะไรอยากจะขอร้องพ่อสักอย่างได้ไหมครับ”ขนมผิงแตะแขนของผู้เป็นพ่อเอาไว้

            “อะไรล่ะ”

            “พ่อช่วยอย่าพึ่งบอกชื่อผิงกับเขาได้ไหม แค่แนะนำว่าผิงเป็นลูกของพ่อก็พอ”

            “ทำไมถึงบอกชื่อไม่ได้ล่ะ”

            “คือ…ผิงอายชื่อตัวเอง”แสร้งทำเป็นอายออกไปเพื่อกลบเกลื่อนเจตนาที่แท้จริง

            “อ้อ งั้นก็ตามใจก็แล้วกัน แต่ก็คงจะปิดได้ไม่นานหรอกนะพ่อบอกเอาไว้ก่อน เพราะสักวันเขาก็ต้องรู้จักชื่อของลูกอยู่ดี”

             “ครับ”ตอบรับพร้อมกับเลื่อนหน้ากากลงมาปิดบังใบหน้า ถ้าหากเขาปล่อยให้ปิญญ์ชานนท์รู้ตัวตนของเขาเร็วเกินไปเกมที่กำลังจะเริ่มมันก็คงไม่สนุก

 

            “สวัสดีครับคุณปิญญ์ชานนท์”พิศณะแตะไหล่ชายหนุ่มที่กำลังมองไปรอบๆเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง ก่อนที่ริมฝากได้รูปจะยกยิ้มขึ้นมา

            “ครับ ไม่รู้ว่าคุณพิศณุจะมางานนี้ด้วยผมจะได้เข้าไปทักทายคุณก่อน”ขนมผิงเฝ้ามองรอยยิ้มเสแสร้งผ่านทางหน้ากาก

            “ไม่เป็นไรๆ ทางนี้เองแต่แรกก็ว่าจะไม่มาอยู่แล้ว แต่ก็อยากจะพาลูกชายมาแนะนำตัวและจะพาหลานๆมาอวดเพื่อนๆด้วย ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปวิ่งเล่นกันที่ไหนแล้ว น่าเสียดาย”

            “ลูกชาย? ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าคุณมีลูกชาย”ใบหน้าคมคายมีสีหน้าแปลกใจ

            “มีไม่กี่คนหรอกที่รู้ว่าผมมีลูกชายน่ะ อายุน่าจะไล่เลี่ยกับคุณเลยว่าจะพามาทำความรู้จักกันไว้ วันข้างหน้าเผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้”

            “ครับ งั้นผมคงไม่ต้องแนะนำตัวแล้วนะครับ ดูท่าทางนั้นคงจะรู้จักผมดีอยู่แล้ว”บอกพลางยื่นมือมาเบื้องหน้าอย่างเป็นมารยาท

            “ครับ…ผมรู้จักคุณเป็นอย่างดีเลยล่ะ”

           

            -----------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 07:00:02 โดย Oเด็กหญิงเย็นชาO »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด