บทที่ 14
“ซี เสาร์นี้มึงว่างมั้ย?” ไอคินตะโกนโต้ลมมาจากด้านหลังของผม...ช่วงนี้มันซ้อนหนูแดงของผมกลับหอบ่อยๆ บางครั้งผมทำกิจกรรมคณะจนเกือบค่ำ บอกให้มันกลับไปก่อน ไอห่านี่ก็ไม่ยอม เอางานมานั่งทำรอผมอยู่ดี อ้างนโยบายประหยัดพลังงานห่าเหวไรของแม่งไม่รู้
“ทำไมอ่ะ? ว่างมั้ยของกู ขึ้นอยู่กับว่ามึงชวนไปไหน”
“..........”
“อะไรของมึง อ้ำอึ้ง...มึงจะไปไหนอ่ะ?”
“วันเกิดกู.....” มันพูดข้างหูผมด้วยเสียงอ่อยๆ
“แล้วมึงไม่กลับบ้านหรอวะ?” ปกติวันเกิดผม ผมจะตื่นไปตักบาตรและทำบุญกับพ่อแม่ ที่เหลือก็ไม่มีอะไรพิเศษ
“........”
“เงียบอีก...”
“คนที่ทำให้กูเกิดมา ไม่มีใครอยู่กับกูซักคน กลับไปก็ไม่เจอใคร กูอยู่หอนี่แหละ.....น่าจะดีที่สุดแล้ว...”
“........” คราวนี้เป็นผม ที่ไม่รู้จะพูดอะไร
.
.
.
“แล้วกูก็มีคนที่กูอยากอยู่ด้วยในวันเกิดแล้ว”
ไอห่านี่ มันเอาอีกแล้ว เดี๋ยวนี้เผลอไม่ได้เลยครับ มันได้จังหวะเมื่อไหร่ มันเล่นผมตลอด แรกๆผมก็เขินนิดๆ แต่คิดว่ามันคงพูดเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร แต่พอมันหยอดบ่อยๆ....แถมเจอกันเช้าเย็นแทบทุกวันแบบนี้ ผมเริ่มไม่กล้าสบตามันตรงๆ รู้สึกหน้าร้อนนิดๆทุกที โชคดีที่ตอนนี้มันนั่งอยู่ข้างหลัง และฟ้ามืดแล้ว คงไม่เห็นสีหน้าผมตอนนี้
“มึงอยากไปไหนอ่ะ?”
“ไม่รู้หวะ ที่ผ่านมากูแทบไม่เคยฉลองวันเกิด...เพราะไม่ได้รู้สึกว่าเป็นวันที่น่ายินดีอะไร มึงมีแพลนแนะนำกูมั้ย? กูยกให้มึงตัดสินใจเลย”
“สัด ใช้คำว่า “ยกให้กู”? กูต้องขอบใจมึงมั้ยเนี่ย?” ผมตบไฟเลี้ยวเข้าหน้าหอ ก่อนจะจอดให้ไอคินลง
“เออหน่า ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดกูไง” มันยิ้มจนตาหยี แล้วยื่นหมวกกันน๊อคคืนให้ผม
“เออๆ เดี๋ยวกูไปคิดมาแล้วกัน...แล้วอย่าบ่นนะ”
“ไม่มีทางบ่นครับ ขอบคุณนะครับ” มันยังคงยิ้มค้าง จนผมกับมันแยกกันกลับห้อง
.
.
.
.
.
“มึงง ตื่นยังง ตื่นเร็ว”
วันนี้ผมตื่นเช้าเป็นพิเศษ ลงทุนแหกขี้ตาตื่น และขึ้นมาเคาะประตูปลุกไอคินให้ไปตักบาตรด้วยกัน...เสียงไอคินตอนที่มันพูดว่าไม่มีใครอยู่กับมันในวันเกิดยังติดอยู่ในใจผม....ถ้ามันคิดว่าผมเป็นคนที่จะทำให้มันรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง ผมก็ยินดี แต่ผมไม่ค่อยมั่นใจว่าคนอื่นฉลองวันเกิดกันยังไง เลยอยากให้มันเริ่มต้นวันด้วยการตักบาตรแบบที่แม่สอนผมมาตลอด
“ทำไมวันนี้ตื่นเร็วอ่ะ?” มันยื่นหน้าออกมารับ สีหน้ายังเมาขี้ตาอยู่
“ไปตักบาตรไง มึงไปอาบน้ำเร็ว เดี๋ยวกูรอข้างล่างนะ ไปซื้อของใส่บาตรในมินิมาร์ทก่อน”
“.........” ไอคินยิ้มแบบกึ่งหลับกึ่งตื่นกลับมา
“เร็วๆดิ่ เดี๋ยวไปวัดแถวๆนี้แหละ รีบไป เดี๋ยวพระออกหมด”
.
.
.
ผมซื้อนมกล่อง3กล่อง ขนมปัง3ห่อ น้ำเปล่าอีก3ขวด และออกมาสั่งข้าวแกงกับข้าวเปล่าอีก3ถุง รอไม่นานไอคินก็เดินแผ่ออร่าอารมณ์ดีมาแต่ไกล
“ไปเร็ว เดี๋ยวพระหมด กูขี้เกียจรอพระกลับวัด” ผมเดินนำมันมาขึ้นมอเตอร์ไซค์
“ค่าของใส่บาตรเท่าไหร่?”
“เห้ย ไม่เป็นไร นิดหน่อย”
“ไม่ได้ดิ่ เงินทำบุญ” มันพูดก่อนจะยัดเงินใส่มือผม
“50เนี่ยนะ?” ผมพูดกลั้วหัวเราะ ขำที่มันไม่ยอมให้ผมออก แต่กลับให้ผมแค่50
“ก็ที่เหลือมึงออกไง จะได้เป็นการทำบุญร่วมกัน” ไอคินตอบลอยหน้าลอยตาพร้อมยักคิ้วกวนตีน
“เออๆ เอาที่มึงสบายใจเลย ขึ้นมาเร็ว”
ใส่บาตรพระ3รูป ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ ผมกับมันเลยแวะกินข้าวเช้าก่อนกลับหอ
“นานๆทีตื่นเช้าก็สดชื่นเหมือนกันหวะ เนอะ”
“เออดิ่ เพราะฉะนั้นมึงหัดตื่นมากินข้าวเช้ามั่ง ใครบอกนิติเรียนหนัก กูเห็นมึงเล่นแต่เกมส์จนดึก ตื่นก็สายโด่ง เข้าเรียนก็สาย อ่านหนังสือมั่งมั้ยเนี่ย จะสอบปลายภาคแล้วนะ”
“มึงเป็นพ่อกูรึไง บ่นยาวกว่าแม่กูอีก”
“กูไม่ได้เป็นพ่อ กูเป็นผ...” ผมรู้ทันทีว่ามันจะพูดอะไร เลยรีบยื่นมือไปตบกะโหลกมันคว่ำก่อนที่มันจะพูดจบประโยค
“ห่า ตบแรงสัด เดี๋ยวปั๊ด.....” ไอคินยกมือทำท่าจะตบกะโหลกผมกลับ
“ใครใช้ให้มึงพูดจาแบบนี้หละวะ กูเคยบอกมึงแล้วใช่มั้ย ว่ากูไม่ชอบ” ผมหน้าบึ้ง อารมณ์เริ่มคุ
“........”
“........”
“ซี”
“......”
“กูขอโทษ อย่าโกรธกูเลย...นะ” มันพูดเสียงอ้อน แววตาเหมือนหมาโดนขัง
“......” ผมถอนหายใจ จริงๆก็ไม่ได้โกรธมากหรอกครับ เข้าใจว่าไอคินพูดเล่น แต่ผมไม่ชอบเวลามันพูดแบบนี้
“วันนี้วันเกิดกูนะ” มันเปิดไพ่ตาย
“เออๆ กูยอมวันนึง แม่ง”
“น่ารักจัง”
“กินเงียบๆไปเลยไป”
“ไปไหนต่ออ่ะ?” มันถามหลังจากกินกันเสร็จ
“มึงอยากไปไหนเป็นพิเศษมั้ย? กูคิดมาคร่าวๆแล้ว แต่ถ้ามึงมีที่ที่อยากไป กูไปเป็นเพื่อนมึงก็ได้”
“ไม่มีหวะ ตามมึงเลย”
“งั้นไปทำบุญ แล้วไปเดินเล่นซื้อของ หาไรกิน เอาป้ะ?”
“ได้”
“ไปรถกูแล้วกัน ไปแถวท่าพระจันทร์ วังหลัง”
.
.
.
.
ผมจอดรถไว้ในซอยเล็กๆแถวท่าพระจันทร์ เสียค่าจอด20บาท โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์และยังเช้าอยู่ ที่จอดรถเลยหาไม่ยาก ระหว่างที่ขับรถมา ไอคินยิ้มตลอดทางเหมือนคนเมากัญชา อารมณ์ดีอะไรของแม่งนักหนาไม่รู้
“ข้ามเรือไปฝั่งนู้น เดินไปวัดระฆังทำบุญกันก่อน แล้วค่อยเดินเล่นวังหลังนะ?”
“ได้หมดเลยครับ”
ผมพามันข้ามเรือข้ามฝากแล้วเดินไปวัดระฆังแบบไม่รีบไม่ร้อน เดินกันไปเรื่อยๆ แวะดูของร้านข้างทางบ้างเป็นระยะ....ก่อนจะถึงวัด ผมเห็นลุงแก่ๆนั่งขอทานอยู่ริมฟุตบาทเลยหยอดเงินใส่กระป๋องไป10บาท
“มึงรู้ป้ะ กูว่าดีไม่ดี คนพวกนี้รวยกว่ากูอีก นั่งเฉยๆก็มีคนให้เงิน” ไอคินถามผมด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“กูไม่รู้หรอก....กูรู้แค่ว่าเค้าขอ เค้าอยากได้ แล้วกูให้ได้ ไม่ลำบากอะไร กูก็ให้ ที่เหลือกูไม่อยากคิดมาก เค้าอาจจะจำเป็นจริงๆก็ได้”
“ก็เพราะคนแบบมึงเนี่ยแหละ ขบวนการขอทานถึงไม่หมดซักที” มันพูดแล้วยื่นมือมาขยี้หัวผม
“เออหน่า 10บาทเอง”
“แต่กูก็ชอบที่มึงเป็นคนแบบนี้นี่แหละ” มันยิ้มกว้างก่อนจะเดินนำหน้าไป
.
.
.
ผมกับไอคินทำบุญที่วัดเสร็จก็เดินกลับมาวังหลัง ได้เสื้อยืดกันคนละ2-3ตัว รองเท้าผ้าใบมือสอง และของกินจุกจิกนิดหน่อย ตลอดทั้งวันผมได้ยินเสียงมือถือไอคินเตือนถี่ๆ เดี๋ยวโทร เดี๋ยวไลน์ แต่มันแค่ยกขึ้นมาดูแล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม...เดินกันจนเหงื่อซึมหลังและเริ่มหิว
“ข้ามกลับไปกินข้าวฝั่งท่าพระจันทร์กันมั้ยวะ? แล้วจะได้ขับรถกลับหอเลย” ผมชวน
“มึงอยากกลับแล้วหรอ?”
“กว่าจะกินข้าว กว่าจะถึงหอก็เย็นแล้ว กูเพลียแดดหวะ อยากกลับไปนอนซักงีบ”
“ก็ได้....” มันจ๋อยครับ หมดมาดหมาระริกที่มันมีมาตลอดทั้งวัน
“เดี๋ยววันหลังค่อยมากันใหม่”
“จริงนะ?”
“เออๆ”
“สัญญา?”
“เออออ สัญญา”
.
.
.
ผมกลับถึงหอแล้วล้มตัวลงเตียงก่อนจะสลบเป็นตาย ตื่นมาอีกทีฟ้าก็มืดแล้วครับ ตื่นเพราะไอคินโทรมาชวนลงไปหาไรกินส่งท้าย ก่อนจะหมดวัน.....
“นอนจนตาบวมแล้ว” มันทักทันทีที่เห็นหน้าผมชัดๆ
“ก็กูง่วงอ่ะ วันนี้ตื่นเช้า เมื่อคืนกูนอนไปไม่กี่ชั่วโมงเอง”
“........” มันยืนอมยิ้ม จ้องผมตาเป็นประกาย
“ยิ้มไร? เยิ้มเชียว มึงพี้กัญชามารึไงวันนี้”
“มึง...วันนี้ขอบคุณมากนะ”
“สบ๊ายยย” ผมยิ้มกว้างให้มัน”
กินข้าวและนั่งคุยกันซักพัก ยุงเริ่มกัดจนผมทนไม่ไหว เกายิกๆ
“ขึ้นห้องกัน นั่งต่อเดี๋ยวมึงโดนยุงหามพอดี” มันคงเห็นผมตบยุงไม่หยุดเลยชวนกลับห้อง
“เออ แต่มึงไปห้องกูแป้บนึงดิ่”
.
.
.
ผมยื่นกล่องเล็กๆที่ใส่สร้อยข้อมือทำจากหนังถัก ห้อยปิ้กกีตาร์สลักเป็นรูปดาวสีดำเล็กๆเรียงกันให้มัน
“ให้กูหรอ?” ไอคินตาโตยิ้มกว้าง เปิดกล่องดูแล้วทำหน้าตาดีใจเหมือนผมซื้อรถให้มัน
“ก็วันเกิดมึงหนิ กูฝากมึงเอาไปให้ไอนิลหน่อยแล้วกัน" ผมประชด
"กวนตีนกูละ"
"แต่กูไม่รู้จะให้อะไร จำได้ว่ามึงชอบมองฟ้ามองดาว งบกูมีแค่นี้แหละเดือนนี้” ผมเกาท้ายทอย เขินนิดๆกับสายตาคมกริบที่จ้องผมอยู่ไม่กระพริบ
“!!!!!!!!!!” อยู่ๆไอคินก็คว้าหัวผมไปกอด แล้วกดหัวผมไว้แน่น
“ซี.....”
“หืม?” ผมทำตัวไม่ถูก เลยปล่อยให้มันกอดค้างไว้แบบนั้น
“กูชอบมึงมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ....มันไม่ดีกับหัวใจกูเลย”
“.......” ผมอยากจะตอบกลับไปว่า ที่มึงทำอยู่ตอนนี้ก็ไม่ดีกับหัวใจกูเหมือนกันแหละโว้ยย แต่ก็ต้องเงียบไว้เพราะรู้สึกได้ถึงหัวใจไอคินที่เต้นแรงเหมือนกำลังจะทะลุออกมาจากอก
“กู....กูหวังได้ใช่มั้ย? กูรอได้ใช่รึเปล่าวะซี?”
“กู......” ความคิดผมตีกันอยู่ในหัวเมื่อได้ยินคำถามนี้
“.......”
“กูเคยได้ยินว่า ถ้าไม่อยากผิดหวัง ก็อย่าคาดหวัง....กูไม่รู้เหมือนกันหวะ ว่าอนาคต มึงกับกูจะเป็นยังไง กูอยากให้มึงเปิดใจ มองรอบๆด้าน มึงใจเย็นๆ ดูไปเรื่อยๆก่อน กูอาจจะไม่ใช่คนที่มึงตามหาก็ได้” ผมไม่อยากให้มันยึดติดอยู่กับผม ไม่อยากให้มันคาดหวังอะไรมากนัก ผมก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง
.
.
.
“กูดูมานานแล้วซี มึงแค่ไม่รู้ตัว”
“......”
“ไม่เป็นไร...มึงอย่าเงียบดิ่”
“.....”
“กูรอได้ นานแค่ไหนกูก็รอได้.....แต่กูแค่อยากให้มึงรู้ว่ากูรออยู่”
“สัด....พูดแบบนี้กูเรียกเร่ง” ผมดันตัวออกจากอ้อมกอดของมัน แต่มันคว้าหัวผมไว้แล้วจ้องเข้ามาในตา
“เป็นกูเถอะนะ....กูสัญญา ว่ากูจะไม่ทำให้มึงเสียใจ”
“!!!!!!” ไอคินยื่นหน้าเข้ามา ประกบปากมันกับปากผม เป็นจูบที่ไม่จาบจ้วง ไม่หวือหวา แต่แผ่วเบาและอ่อนโยน เหมือนมันต้องการย้ำว่าจะไม่มีวันทำร้ายผม
“หน้าแดงหมดแล้ว” มันเม้มริมฝีปากผมนิดๆ ก่อนจะถอนจูบและลูบแก้มผมที่ตอนนี้ร้อนผ่าว
“สัด ฉวยโอกาส กลับห้องมึงไปเลย”
“ของขวัญไง”
“วันเกิดมึงนี่เกินโควตาละ กลับไปเลยไป”
ผมดันหลังไอคินที่กำลังหัวเราะออกไปจากห้อง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียง เพื่อปล่อยให้หัวหายหมุน.....และให้หัวใจเต้นช้าลงอีกหน่อย .......ผมว่าแล้ว....
ไม่ดีกับหัวใจผมจริงๆด้วย.....
____________________________________________
มาแล้วค่าาาา มาช้าอีกแล้ว ขอโทษจริงๆนะคะ ฮือออออ เดี๋ยวนี้ไม่ว่างเลย
ขอบคุณทุกเม้นมากๆเลยนะคะ บอกเลยว่ากำลังใจมาจากตรงนี้จริงๆ
ขอบคุณที่เม้น ที่อ่านกันนะคะ