..........
ผมกลับมาบ้านด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แม่เอาน้ำมาให้ล้างมือตามความเชื่อ จึงปล่อยผมให้อยู่คนเดียว
ในหัวมีแต่คำถามว่าทำไมเขาถึงดูเกลียดผมขนาดนั้น....ทั้งๆที่เราก็แค่...
ไม่สิ
มันสมควรแล้ว
นั่นภรรยาเขาเชียวนะ สูญเสียคนทั้งคน ก็คงทำให้คนดีๆเสียศูนย์
แต่จะดูไร้มารยาทเกินไปหรือเปล่า..
หรือนั่นคือตัวตนที่แท้จริงที่ใครๆต่างร่ำลือ
ผมคิดว่าตัวเองมักมองคนไม่ผิด....วินาทีที่เราสบตากัน ก็รับรู้ได้ว่าเขาคือบางสิ่งที่ตามหามานาน
คืออารมณ์แห่งฤดูฝน ชุ่มฉ่ำ ชุ่มชื่นเข้ามาในหัวใจ...
ผมจึงมองเขาอย่างไม่ละสายตา
และเขาก็เช่นกัน.....
เพียงแค่.....คนเราเมื่อไม่ได้เป็นเนื้อคู่กันแล้ว ก็คงไม่มีทางได้โคจรมาพบกันได้
เมื่อผมตัดสินใจคบกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน จึงทำได้เพียงส่งสายตาให้เขาเท่านั้น....ก็จะให้เลือกใครล่ะ ระหว่างคนที่ดูแลเราตลอดเวลา กับคนที่ยิ้มให้อย่างเดียว
ผมเกิดมาก็รู้ตัวว่าไม่ได้ชอบผู้หญิง และเข้าใจดีว่ารักร่วมเพศนั้นรักง่ายหน่ายง่าย ไร้หลักยึดนอกเสียจากใจของคนสองคน ผมจึงเลือกเพื่อนสนิทอย่างทัชมาเป็นแฟนคนแรก แต่เราก็เลิกกันในวันรับปริญญา
และผมก็ยังคงมีรักที่สอง รักที่สาม และรักอื่นๆ เรื่อยมาจนอายุ 26
โดยลืมเขาไปเสียสนิท...
“ครับพี่แทน” ผมรับสายโทรศัพท์จากพี่ชายคนปัจจุบัน หรือก็คือแฟนเก่า คนที่ทำผมร้องห่มร้องไห้จนรถชนนี่แหละ แต่ผมไม่ถือโทษโกรธเขาหรอก เพราะพี่แทนไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ผิดที่ผมเองที่ไม่ได้ใส่ใจพอ
เมื่อตอนนอนโรงพยาบาล พี่แทนก็มาเยี่ยมบ่อยๆ ทำให้เราพอจะปรับความเข้าใจกันได้บ้าง จนกลายมาเป็นพี่ชายที่ดีคนหนึ่งเหมือนแต่ก่อน
พี่แทนถามไถ่เรื่องที่ไปงานศพ แล้วเล่าเรื่องงานตัวเองให้ฟัง ซึ่งผมที่เป็นเลขาควรรับรู้ไว้เอาไว้ เพื่อวันหายดีจะได้ทำงานได้ง่ายขึ้น ตามงานได้ง่ายขึ้น
คิดว่าน่าจะภายในสองถึงสามอาทิตย์ ผมคงหายปวดแผล และผ่าเฝือกออกพอดี ติดแหง็กอยู่กับมันมาเป็นเดือนแล้ว ไม่อยากคิดสภาพตอนถอดออก ผมไม่เคยขาหัก จึงกังวลมากว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร...
.
.
.
ผมฝัน.....
ท่ามกลางรถราบนท้องถนน
พระอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า...
ผมเห็นผู้หญิงคนนั้นมายืนยิ้มให้อีกฝั่ง
เธอไม่มีท่าทีคุกคาม เธอเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น...
จนผมทนไม่ไหว เลยเรียกเธอ
แต่เธอกลับไม่มาหา เธอทำเพียงยื่นทั้งสองมือมาข้างหน้า
เกิดเป็นดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์.....
กุหลาบขาวปรากฏขึ้นบนอุ้งมือเธอเพียงชั่วครู่แล้วจางหางไป กลับกลายเป็นว่ามันมาอยู่ในอ้อมแขนของผมแทน
ผมซึ่งโอบช่อดอกกุหลาบขาวช่อใหญ่โดยที่ไม่รู้สึกเจ็บแขน แต่แรงรัดรึงนั้นทำให้รู้ว่าตัวเองอยากได้มันมากขนาดไหน ผมส่งยิ้มขอบคุณให้เธอ
แล้วจากนั้น...ผมก็ตื่นขึ้นมา
......................
“พี่แทนไม่ต้องมารับนัทแล้วนะ อาทิตย์หน้าพ่อจะถอยรถคันใหม่ให้” ผมปลดเข็มขัดออก ขอบคุณพี่ชายที่แสนดีที่ไปรับไปส่งทุกวัน อันที่จริงผมกำลังห้ามใจตัวเองอยู่ เพราะพี่แทนไม่ได้ต่างไปจากตอนคบกันเลย ถึงแม้จะให้เหตุผลว่ากลัวผมลำบากก็เถอะ
พี่แทนคงลืมไปแล้วว่าผมออกจากบ้านมาตั้งแต่ยังไม่จบมหาลัย...
“แล้วดีกับพ่อแล้วเหรอ ท่านถึงซื้อรถให้”
“เปล่าหรอกครับ นัทแค่ยืมก่อน ....อันที่จริง...พ่อก็จะซื้อให้ปลอบขวัญนั่นแหละ แต่นัทอยากใช้เงินตัวเองมากกว่า เลยพบกันครึ่งทาง”
ผมเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้พี่แทนฟัง พี่แกค่อนข้างเป็นที่ปรึกษาที่ดีมาก ด้วยวัยที่ห่างกันถึงสิบกว่าปี แต่พี่แทนยังคงหล่อเหลา เป็นผู้ชายเซอร์ๆแต่มีสกุลอย่างไรบอกไม่ถูก
เราสองคนเดินเคียงกันเข้าบริษัท
บริษัทของพี่แทนเป็นบริษัทเล็กๆในบ้าน รับงานออกแบบทั่วราชอาณาจักร มีพนักงานแค่ยี่สิบกว่าคน ส่วนที่อยู่ออฟฟิศจริงๆก็แค่เก้าคน บรรยากาศเลยเหมือนครอบครัว ผมจึงรักที่นี่ และไว้ใจคนที่นี่มากกว่าครอบครัวตัวเองเสียอีก
ปุ้ง!
“ต้อนรับกลับมาจ้า!”
ผมผงะตกใจกับเสียงเฮฮาและสายรุ้งโปรยปราย เหมือนเราไปแข่งเกมเรียลลิตี้แล้วได้เงินรางวัลหลายล้าน ปล่อยให้มันเกาะตัวอยู่อย่างนั้น เพราะว่าไปแล้วคงดูน่ารักดี พี่ๆน้องๆผลัดกันเข้ามาอวยพรรับขวัญ ผมซาบซึ้งใจเสียจนอดน้ำตาซึมไม่ได้
“ไม่เอานะอย่าร้องๆ เดี๋ยวไม่สวย” พี่ตาคนสวยเข้ามาเช็ดน้ำตาให้ ร่างอวบๆกอดผมแล้วรู้สึกอบอุ่นดีชะมัด ผมเอาร่างแกร็นๆของตัวเองกอดกลับ ทุกคนเห็นช่องทางที่จะได้แต๊ะอั๋งคนถือตัวแบบผมก็รีบกรูกันมากอดจนเป็นก้อนกลมๆ
เห็นพี่แทนเอากับเขาด้วยก็อดหัวเราะไม่ได้
พี่ๆทำให้ผมมีวันนี้
ผมรักทุกคนมากครับ...
ได้แต่บอกในใจ เพราะผม...เขิน
“ตัดผมแบบนี้ก็ดูน่ารักดีนะ ดูเก๋ไปอีกแบบ” พี่ตาชมผมทรงใหม่ที่ผมเพิ่งตัดแก้เคล็ดตามคำขอของแม่ จากที่ปล่อยยาวถึงกลางหลัง ก็เปลี่ยนเป็นรีดผมให้เรียบแล้วซอยให้เข้ากรอบหน้าประมาณบ่า
ใครๆก็บอกว่าอิจฉาที่ผมหน้าสวยกว่าผู้หญิงบางคน...ไม่ปฏิเสธนะ
ก็ผมรักสวยรักงามมาตั้งแต่เด็กนี่นา มีอะไรบำรุงได้ก็บำรุง ผมชอบที่ตัวเองดูดี ดูน่ารัก แต่ไม่ได้หมายความว่าอยากแปลงเพศนะ ผมยังอยากมีอวัยวะครบทุกส่วนตามใบเกิดมากกว่า แล้วเราก็ไม่ได้สาวอะไรขนาดนั้น แค่ไม่ถึกเหมือนผู้ชายทั่วไป ออกจะนิ่มๆ หงิมๆ
บางคนหมั่นไส้ บางคนชอบ...อะไรประมาณนั้น
“คุณเลขาครับ ทำงานครับ” พี่แทนยื่นหน้าเข้ามากลางวงที่กำลังเมาท์แตก ทั้งพี่ตา พี่แวว น้องกล้าสะดุ้งกันไปเป็นแถบๆ ผมรู้ว่าพี่แทนทำหน้าดุไปงั้นแหละ เอาเข้าจริงก็ไม่เคยต่อกรกับลูกน้องตัวเองได้เลย ใจอ่อนตลอด...
พี่แทนสวดอีกเล็กน้อยพอเป็นกระษัยก่อนลากผมเข้าไปคุยงานที่ผ่านมา เอกสารสรุปทุกอย่างทำออกมาเรียบร้อยด้วยฝีมือพี่แกเอง ผมมีหน้าที่เคลียร์ตาราง พิจารณารับงานก่อนเสนอให้พี่แทนสรุปอีกที
ดูเหมือนว่างานของผมง่าย....ใช่
มันง่ายจริงๆ
"กลับบ้านดีๆนะนัท ทำไมไม่ให้พี่ไปส่งก็ไม่รู้ แขนยังเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ"
"นัทบ่นไปงั้นแหละ อุปทานเพราะโดนเจ้านายใช้งานหนัก" ผมแกล้งหยอก จริงๆแผลผมผสานกันสนิทแล้ว เพียงแต่วันนี้จัดนู่นนี่ทั้งวัน เลยปวดขึ้นมา แปลกตรงที่มันปวดมากกว่าเก่าไปสักหน่อย
"โอ๊ย!" พี่แทนเขกหัวผมอ่า เขกทีเดียวจะไม่ว่าเลยนะ นี่ล่อไปตั้งชุดใหญ่ คิดว่ากำลังขึ้นแสตนด์เชียร์หรือไง!
"รีบๆกลับได้แล้ว มืดๆค่ำๆเดี๋ยวโดนฉุด"
"ห่วงจั๊งงง น่าจะเอาความห่วงไปขึ้นเงินเดือน โอ๊ย!"
ผมตบตีกับพี่แทนจนได้เวลาสมควรจึงลา แลบลิ้นหลอกคนตัวใหญ่เหมือนยักษ์ก่อนโบกแท็กซี่กลับบ้าน...
รู้สึกแปลกๆ
มันสังหรณ์ใจอย่างไรไม่รู้
เหมือนจู่ๆหน้าอกก็วูบโหวง
ผมต้องผ่านทางนั้น...เป็นครั้งแรกตั้งแต่หาย
นึกโทษตัวเองว่าน่าจะจำทางลัดที่พี่แทนพามาเมื่อเช้า
กุมขมับเครียด ไม่อยากมอง
นี่ผมยังนึกภาพไม่ออกเลยนะว่าจะขับรถเองได้อย่างไรในเมื่อกลัวขนาดนี้
ลองหรี่ตาให้เล็กลง เผื่อว่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ได้บ้าง....แต่มันก็ได้เพียงนิดเดียว
เมื่อรถแท็กซี่ขับผ่านจุดเกิดเหตุ ราวกับภาพสโลว์โมชั่น....
ภาพหญิงคนนั้นซ้อนทับขึ้นมา เธอส่งยิ้มให้....พร้อมดอกไม้ในมือ
รู้สึกอุ่นใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ผ่านมันมาได้แล้วก็หาร้านดอกไม้ทันที เพราะอะไรไม่รู้เหมือนกัน
ผมแค่รู้สึกดี....ดีมากๆ เหมือนความโกรธ ความกลัวที่มีมันหายไปหมด
....พอผมได้ดอกไม้มาแล้วก็ยืนดมหน้าร้าน
คืนนี้ดาวสวยจัง....ดอกไม้ก็หอม
ปริ๊นนนนน
รถใคร....ไม่มีมารยาท
เรายืนอยู่บริเวณหน้าร้านแท้ๆ ไปเกะกะเขาตรงไหน
ผมเคืองได้ไม่นาน ร่างสูงในรถนั้นก็ลงมา
....ไม่นึกว่าจะเป็นเขา
เขาใส่ชุดอย่างคนทำงาน เสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงสแล็คสีเทา
มาดเนี้ยบของเขาทำให้ผมใจสั่น
แต่เมื่อเห็นสายตาคมดุนั้นตวัดมามอง ผมก็เสหลบ
“หึ....สบายใจจริงนะ” พอจะเข้าใจนะกับความสูญเสีย แต่เขาดูเคียดแค้นมากไปหรือเปล่า?
“ผมแค่อยากใช้ชีวิตต่อไปนี่ครับ จะมามัวทุกข์ใจก็ใช่ที่”
“แล้วมาทำอะไรดึกดื่น”
จะมาอยากรู้เรื่องของเราทำไมเนี่ย?
เมื่อกี๊ยังแขวะกันอยู่เลย
“นึกอยากได้ดอกไม้น่ะครับ จนมาเจอร้านนี้”
“อืม” เขาส่งเสียงรับรู้ก่อนเดินเข้าร้าน ปล่อยผมยืนงงคนเดียว
เห็นท่าทางว่าไม่มีอะไรแล้ว จึงเดินไปรอรถแท็กซี่
ผมคิดว่าเขาคงพยายามทำใจเหมือนกัน แต่ด้วยอารมณ์ร้อนอย่างที่เคยได้ยิน จึงทำให้ควบคุมได้ไม่ดีนัก
.....ขอให้เขาดีขึ้นในเร็ววันละกัน
“นัท”
หืม...เขาเรียกผมเหรอ?
“อะไรครับ?”
อ้อก!!
“ขอโทษนะ”
....ทำไมต้องทำอย่างนี้
ผมถูกต่อยจนหมดแรง ทรุดตัวลงนอนกับพื้นอย่างน่าสมเพช
เขาอุ้มผมพาดบ่า
“ฮือ...ปล่อย”
น้ำตาไหลอาบแก้ม
ด้วยผมไม่ใช่คนแข็งแกร่งอะไร....
ความกลัวครอบงำ
คิดว่าคงโดนฆ่าแน่.....
ใครก็ได้....ช่วยที
.................................
ตอบคำถาม...เพราะว่าพระเอกและญาติยังทำใจไม่ได้ที่เสียคนดีๆอย่างพีชไป
พีชเป็นคนดีมากๆ คนดีที่เราทำให้ตาย

เลยหาแพะไปเรื่อย ไม่คิดว่าพีชที่ดีขนาดนั้นจะขับรถผิดกฎน่ะค่ะ
...ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ