ตอนที่๑เด็กปีศาจ"sometimes I wonderWhere these thoughts spawn from...?" - some part from song Monster -
ดลกลับมาที่ห้องด้วยอาการอ่อนเพลีย รู้สึกเกลียดที่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ หลังจากที่ได้ดื่มยาจองหมออาคมไปแล้ว อาการปวดบิดมวนก็ค่อยๆบรรเทาลงไปมากพอสมควร ความคิดร้ายกาจในหัววิ่งวุ่นไปหมด เขาอยากตาย...แต่คำถามต่อมาก็ทำให้เขากลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ
'กล้าทำเหรอ' เพราะเขาเองก็กลัวเจ็บเหมือนกัน
'อ่อนหัดจริงๆ'
ไม่รู้ว่าถ้อยคำเหล่านี้มาจากความคิดของเขาหรือจากอีกคนที่อยู่ในร่างนี้กันแน่
“ทำไมต้องเป็นกูด้วยวะ”เขานอนพึมพำอยู่บนเตียง ไม่มีอาการปวดแล้วก็จริงแต่เขาก็นอนไม่หลับเพราะเครียด เขาจะออกไปเผชิญกับโลกภายนอกได้ยังไงในสภาพน่าเกลียดแบบนี้ เมื่อร่างกายอ่อนเพลียเขาถึงนอนหลับได้ ...หลับพร้อมกับฝันประหลาดเห็นผู้ชายคนหนึ่ง...ซึ่งเขามองไม่เห็นหน้า แต่เขากำลังฮัมเพลงกล่อมเด็กเบาๆ เสียงนุ่มนวลนั้นเหมือนกับกำลังกล่อมให้ดลหลับ เขาง่วงงุ่นและอ่อนเพลียแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“นอนได้แล้ว”เสียงนุ่มนวลนั้นกระซิบอยู่ข้างหู เขาค่อยๆปรือตาขึ้นมอง แต่ภาพใบหน้าที่เห็นก็ทำให้เขาผงะพร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว เป็นใบหน้าที่น่าเกลียดแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาขยะแขยงมันเหลือเกิน ชายหนุ่มจ้องมองณดลด้วยสายตาเศร้าหมอง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย
“มึงหนีกูไม่พ้นหรอก”
เฮือก!
ดลสะดุ้งตื่นอีกครั้ง ภายในท้องบิดมวนจนเขาครางออกมาเบาๆ แต่สักพักก็หายไป ความฝันประหลาดๆนี่มันอะไรกัน ดลมองท้องที่โตกว่าเมื่อวานด้วยแววตาสงสัย หรือผู้ชายในฝันนั่น...คือมันอย่างนั้นเหรอ หึ อุบาทว์จริงๆ เขาหวังอย่างสุดซึ้งว่ามันจะไม่ออกมาหน้าตาน่าเกลียดแบบในความฝันนั่น เขาเหลือบมองนาฬิกาที่ผนัง ตีสองกว่าแล้ว นอนไม่หลับแล้วด้วย เขาจึงค่อยๆเลื่อนตัวลงจากเตียง เปิดข่าวทิ้งไว้ ก่อนจะหาอะไรกินรองท้อง
'เมื่อต้นชั่วโมงที่ผ่านมาพบเด็กทารกหนึ่งเดือนถูกทิ้งที่ถังขยะข้าง....' ความคิดชั่วร้ายแล่นเข้ามา...เขาไม่ต้องการมัน ถ้าหากว่าเขาเอามันไปทิ้งล่ะ...
'กล้าเหรอ' ความคิดในหัวแวบขึ้นมา ดลยกยิ้มดุดันก่อนจะพูดกับตัวเอง
“กล้าสิ”เขากล้าแน่ๆ...เพราะมันไม่ใช่ลูกของเขา มันก็แค่ภูตผีปีศาจที่หนีมาเกิด มันต้องหยาบช้ามากแน่ๆถึงได้หนีออกมาจากนรก หึ เขานี่ล่ะจะส่งมันกลับไปเอง ผ่านไปสามวันท้องของเขาโตเสียจนเห็นได้ชัดจนเขาต้องลาป่วย ไอ้ภพก็มาหาอยู่บ่อยๆ วันนี้ก็เช่นกัน
“มองอะไรนักหนาวะ”ดลถามอย่างหงุดหงิดเมื่อหันไปเจอกับสายตาของเพื่อนที่จ้องมองเขาอยู่นานแล้ว ภพถอนหายใจเมื่อเห็นใบหน้าไม่สดชื่นของเพื่อน พลางนึกไปถึงถ้อยคำที่หมออาคมฝากมา
“หมออาคมเขามีข้อความฝากมาถึงมึง”ภพมองไอ้ดลที่ขยับตัวขึ้นมาเหมือนสนใจ
“ข้อความอะไรวะ”เขาถามด้วยเสียงตื่นเต้น
“ฟังดีๆนะ หมอเขาบอกว่า ช่วงนี้อยู่ในช่วงที่เด็กกำลังเจริญเติบโต เอ่อ…หมอบอกว่าเด็กในท้องมึงน่ะ ไม่เหมือนเด็กธรรมดาทั่วไปเพราะฉะนั้น มึงต้องทำตัวให้สดใสแช่มชื่น เลิกคิดอะไรที่มันแย่ๆ เพราะมันจะส่งผลต่อเด็ก”ณดลได้ฟังข้อความถึงกับถอนหายใจ ใช่ สองสามวันมานี้เขาเอาแต่คิดเรื่องที่จะกำจัดมันยังไงดี เขารู้ดีว่าไอ้เด็กที่กำลังทรมานเขาอยู่นั้นรับรู้ด้วยว่าเขากำลังคิดอะไร เพราะทุกครั้งที่เขานึกถึงวิธีกำจัดมัน ไอ้เด็กบ้านี่ก็จะดิ้นและทำให้เขาเจ็บปวดเสียทุกครั้ง หึ เป็นตัวมารของแท้ ถ้าเขาให้มันอยู่ด้วย ชีวิตของเขาไม่ฉิบหายวายวอดหมดเหรอ
ภพมองเพื่อนด้วยสายตาเป็นห่วง เขาเองก็ไม่ค่อยสบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับไอ้ดลมากนัก แต่ในเมื่อมันแก้ไขอะไรไม่ได้ เขาก็ไม่รู้จะช่วยยังไง
“กูไม่สนหรอกว่าไอ้เด็กนรกนี่จะเป็นยังไง”แล้วเขาก็ต้องกัดฟันแน่นเพราะแรงดิ้นในท้อง ไอ้ภพทอดมองเขาด้วยสายตา…สงสาร จนเขาเองรู้สึกเกลียดมันขึ้นมาจับใจ
“กูอยากอยู่คนเดียว”เขาพูดเสียงห้วน
“เออ ๆก็ได้ แต่มึงทำใจให้สบายนะเว้ย หมออาคมบอกว่าอีกไม่นาน…มึงจะไม่ต้องเจ็บท้องแล้ว”ดลหันขวับมองเพื่อนทันที
“หมายความว่า กูจะ…”เขาหาคำพูดมาอธิบายไม่ถูก จะใช้คำว่าคลอดมันก็…แย่เกินไปสำหรับเขา
“เออ ใกล้แล้ว นี่ยาสมุนไพร หมั่นกินบ่อยๆแล้วก็สวดมนต์ก่อนนอนทำจิตให้สงบด้วยนะเพื่อน กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย เพราะฉะนั้น…มึงอย่าคิดอะไรบ้าๆ”ไอ้ภพตบบ่าเขาเบาๆ ก่อนที่มันจะออกไป ใจจริงก็อยากเดินไปส่ง แต่เขาไม่ค่อยอยากจะขยับตัวมาก เพราะไม่สะดวก ทำอะไรเชื่องช้าไปหมด วันไหนที่เขาทานน้อย จะอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมดเพราะไอ้เด็กในท้องแย่งสารอาหารไปหมด
ฌดลค่อยๆพยุงตัวเองไปที่นอกระเบียง แสงแดดอ่อนๆเริ่มลาลับ เขาทอดมองการจลาจรเบื้องล่าง มองเห็นกลุ่มคนที่เดินไปมาแล้วรู้สึกแปลกแยก เขารู้สึกแปลกแยกจากผู้คน ให้ตายเถอะ…เขาไม่อยากจะอยู่ในสภาพแบบนี้เลย เขาวางมือลงบนท้องที่บวมโตรับรู้ถึงอีกชีวิตที่อยู่ในตัวเขา สายลมอ่อนๆพัดผ่านใบหน้า แต่ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเลย เขารู้ว่าช่วงนี้เขาจิตใจไม่เป็นสุข เหมือนเข้าสู่โรคซึมเศร้าเข้าไปทุกที ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง วันๆเอาแต่กินกับนอน แถมอารมณ์ก็แปรปรวนง่ายเหมือนยัยป้าแก่ๆในตลาด เมื่อไหร่เขาจะหลุดพ้นเสียที
‘กระโดดไปเลยสิ’
เสียงในหัวดังขึ้นอีกครั้ง เขามองไปเบื้องล่างอีกครั้งความสูงแค่สี่ชั้นคงทำให้เขาบาดเจ็บหนักได้ แต่คงไม่ถึงตาย
‘นึกดูสิว่าจะเป็นยังไง กระดูกหัก ท้องแตก สมองไหล…’
เขาสะบัดศีรษะไปมาเพื่อสลัดความคิดน่ากลัวพวกนี้ออกไปเขาสะบัดศีรษะไปมาเพื่อสลัดความคิดน่ากลัวพวกนี้ออกไป คิดจะทำให้เขาเป็นบ้าเหรอ
'ถ้าอยากตายจริงๆก็เอาหัวลงนะ รับรองไม่ฟื้นแน่ๆ ...'
“กูบอกให้เงียบ!”เขาตะคอกเสียงดัง เห็นมีคนมองขึ้นมาสองสามคนด้วยความตกใจ เขาทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างทุกข์ทน ความรู้สึกที่อัดอั้นถาโถมเข้ามาจนเขาต้องปล่อยออกมาเป็นน้ำตา สายลมพัดผ่านมาเบาๆคล้ายจะปลอบประโลม ดลปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่นานจนความรู้สึกขุ่นมัวเริ่มหายไป เขาค่อยๆถอยห่างออกมาจากระเบียง ความกลัวจากจิตใต้สำนึกทำให้เขาเนื้อตัวสั่น ภาพน่ากลัวในหัวเริ่มหายไป
เขาทำตามที่หมออาคมบอกสวดมนต์นั่งสมาธิก่อนนอนแต่ก็ทำได้ไม่นานเพราะอาการปวดหลัง โทรศัพท์ที่ปราศจากคนติดต่อมาสามวันนอนอยู่ในลิ้นชัก เขาอยากกินยานอนหลับแต่ก็ทำไม่ได้เพราะหมออาคมสั่งห้าม ณดลนอนมองโป๊ะไฟบนเพดานห้อง แสงสลัวมัวๆมืดๆหม่นๆทำให้เขาเริ่มเคลิ้มหลับ ในหัวได้ยินเสียงเพลงขับกล่อมเบาๆ ชายหนุ่มหน้าตาอัปลักษณ์โผล่มาอีกครั้ง เขามุ่นคิ้วปรือตามองอีกครั้ง ฝามือเลื่อนไปที่ท้องของตนเอง...น่าแปลกที่มันแบนราบเหมือนปกติ ในอกเริ่มเต้นระรัว หรือที่ผ่านมาคือความฝัน ...
“ลองหยิกตัวเองสิ”เสียงจากชายหนุ่มดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มเยาะ เขาเม้มปากแต่ก็ยอมทำตาม ...ไม่มีความรู้สึกเลยสักนิด...นี่เป็นความฝันอย่างนั้นเหรอ
“มึงเป็นใคร”เขาถามเสียงห้วน
“คนที่มึงเกลียดไง”พูดพลางยิ้มร้ายกาจแต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด คนที่เขาเกลียดน่ะเหรอ...
“มึงคือไอ้เด็กนรกนั่นน่ะเหรอ เหอะ มึงอัปลักษณ์ขนาดนี้เลยเหรอวะ”เขาจ้องมองอย่างรังเกียจ จนกล้ามเนื้อบนใบหน้านั้นกระตุก
“ใช่ กูคือเด็กในท้องในโลกความจริงอันแสนทรมานของมึงไง รูปกายของกูสะท้อนมาจากความคิดของมึงเองนั่นแหละ”มันแย้มยิ้ม ปรายตามองณดล เขาพ่นลมหายใจออกมา ความคิดของเขาน่าเกลียดอย่างนั้นเหรอ เหอะ เพราะว่ามีมันไง
“กูอยากให้มึงตาย มึงรู้ใช่ไหม”เขากระซิบเบาๆ ดลเห็นปีกจมูกของมันขยับ สีหน้าที่อัปลักษณ์นั้นทำให้เดาไม่ออกว่ามันรู้สึกแบบไหน
“ถ้าตาย มึงก็ต้องตายด้วย”มันขยับเข้ามาประชิดตัวเขาอย่างรวดเร็ว สองมือกอบกุมที่ลำคอของเขาเเน่นราวกับกรงเล็บของสัตว์ร้าย ดลปัดป่ายมือที่แข็งแกร่งนั้นให้พ้นจากลำคอ เมื่อความอึดอัดทรมานกัดกิน
“ยังอยากตายอยู่ไหม”มันกระซิบ ลิ้นอุ่นร้อนลากไล้ไปตามลำคอของเขา ดลเริ่มหายใจติดขัด เหลือกตามองมันที่จ้องมองมาด้วยสายตาวาวโรจน์ ภาพน่าขยะแขยงฉายเข้ามาทำให้ทั่วทั้งร่างขนลุกไปหมด
“นับหนึ่ง...”มันกดน้ำหนักลงมามากขึ้นจนเขาทำเสียงขลุกขลักน่าเกลียด
“ป...ปล่อย”เขาจิกเล็บลงบนหลังมือนั้น เสียงหัวเราะสะท้อนก้องไปทั่วก่อนที่มือจะคลายออกและเขาตะเกียกตะกายหอบหายใจ
“ขี้ขลาด”มันกระซิบ ใบหน้าดูน่าเกลียดมากขึ้นจนไม่น่าเข้าใกล้ และดูราวกับมันล่วงรู้ความคิดของเขาเพราะมันขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะรวบเอวมันล่วงรู้ความคิดของเขาเพราะมันขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะดึงตัวของณดลเข้าไปหาพร้อมกับสองแขนที่โอบแน่น แน่นอนว่าเขาดิ้นหนี ความรู้สึกเกลียดชังตีเข้ามาจนเขาต้องข่วนไปตามร่างกายของมัน
“ขยะแขยงกันขนาดนั้นเลยเหรอ”มันกระซิบเสียงขุ่นเคืองริมฝีปากแนบชิดกับแก้มของเขา
“ปล่อยกู”เขาขยับหนีแต่มันก็ยิ่งโอบรัดแน่นจนเขาแทบหายใจไม่ออก มันฝังจูบไปตามลำคอและใบหน้าของเขาที่ดิ้นขลุกขลัก แรงเสียดสีจากร่างกายอีกฝ่ายสร้างความรู้สึกทรมานแปลกๆ
“ปล่อย”เขาเริ่มหอบจากการออกแรง เมื่อแรงกอดรัดยังไม่หายไป แต่ร่างนั้นเบียดแทรกลำตัวเข้ามาแทนที่จนณดลนึกอยากให้ความฝันนี้จบลงเสียที ใครก็ได้ช่วยปลดปล่อยเขาออกจากพันธนาการร้อนรุ่มนี่ทีเถอะ เสียงครางเครือแผ่วเบาจากอีกฝ่ายทำให้เขารังเกียจมันมากขึ้น เป็นความฝันที่ชวนสับสนและล่องลอย
จู่ๆก็เป็นเขาที่กำลังโยกขย่มบทรักอย่างดุเดือดบนร่างกายของมัน จนร่างกายร้อนรุ่มจนถึงขีดสุดก็สับเปลี่ยนมาเป็นมันที่กำลังตักตวงความสุขจากร่างกายของเขา มันช่างบ้าและสับสน เขาอยากออกไปจากความฝันบ้าๆนี่ แต่สิ่งที่เชื่อมเขากับมันไว้กลับไม่ยอมหยุดทำงานจนเขาบิดพล่านเพราะแรงอารมณ์ดิบเถื่อน เขาเห็นใบหน้าอัปลักษณ์แย้มยิ้มอย่างพอใจ ก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นสีขาวโพลน
เฮือก! ณดลสะดุ้งตื่นจากฝันที่เลวร้ายที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเขา เขากลืนน้ำลายก่อนจะค่อยๆเลื่อนมือไปยังบริเวณหน้าท้องของตน ...ก่อนส่งเสียงครางอย่างสิ้นหวัง มันยังอยู่! เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผาก เนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ แม้แต่ตอนนอนหลับเขายังต้องเจอกับความทรมานอีกหรือ เขาซบหน้าลงกับท่อนแขน เนื้อตัวยังคงสั่นเทิ่มราวกับเหตุการณ์ในฝันนั้นเกิดขึ้นจริง เขาคงให้มันเกิดมาไม่ได้แล้วจริงๆ!
เขากำลังบ้าคลั่ง ในอกเดือดไปด้วยความโกรธแค้น เขาพยุงตัวเองออกไปที่นอกห้อง ท้องไส้บิดมวนอีกครั้ง เขาเหนื่อยที่จะก้าวเดินแต่ก็มุ่งมั่นกัดฟันใช้มือยันผนังห้องไว้ก่อนจะเดินไปยังขั้นบันได ถ้าเขากลิ้งตกลงไปมันจะตายหรือเปล่า หึ ก็ต้องลองดู ณดลเดินลากขาไปที่บันได แต่จู่ๆเขาก็หมดแรงขยับขาไม่ได้เสียดื้อๆ
“ใครกันแน่วะ ที่ขี้ขลาด”เขาพึมพำ เหงื่อไหลมาตามหน้าผาก
“พ่อหนุ่มเป็นอะไรหรือเปล่า”เขาสะดุ้งเมื่อพบว่าป้าที่อยู่ชั้นเดียวกับเขามองมาด้วยสายตาตกใจ
“เปล่าครับ”
“แล้ว...นั่นเป็นอะไร”ป้าเดินมาดูเขาใกล้ๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่ท้องบวมโตของดลด้วยสายตาสงสัย
“คือ...ผมมีเนื้องอกน่ะครับ แต่ใกล้จะผ่าเอาออกแล้ว”ชายหนุ่มตอบเสียงเบา ก่อนจะค่อยๆยันตัวเองมาจากพื้น มีป้าเข้ามาช่วยพยุง
“งั้นเหรอ แต่แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไรท้องพ่อหนุ่มโตมากเลย อย่างกับคนท้องแหน่ะ”ดลใจกระตุกวูบ...ก่อนจะแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน บอกขอบคุณป้าก่อนจะปิดประตูห้อง
“กลัวตายสินะ”เขาพึมพำกับท้องโตๆของตัวเอง ก่อนจะพยายามข่มตาหลับอีกครั้ง
'ตายง่ายๆก็ไม่สนุกน่ะสิ'
เสียงไอ้อัปลักษณ์ดังขึ้นมาอีกแล้ว พระเจ้าช่วยเขาด้วย!เขาอยากตื่นแต่ก็ลืมตาขึ้นมาไม่ได้ ในห้วงความฝันเขาร่วงหล่นลงไปในความมืดที่ไม่รู้จบตกลงไปยังก้นบึ้งก่อนจะขึ้นมาใหม่ วนลูปซ้ำๆจนเขายกมือปัดป่ายในความเวิ้งว้างอย่างทรมาน ความเจ็บปวดกัดกินอยู่ภายใน ปวดเหลือเกินจนเขาต้องร้องครางเหมือนเด็กๆ
“ทำใจดีๆไว้พ่อหนุ่ม”เสียงแว่วของหมออาคมดังขึ้น
“ผมปวดท้องมากเลยครับ”แล้วเขาก็ปล่อยเสียงสะอื้นออกมาเหมือนเด็กๆ เขาโหยหาอ้อมกอดของแม่ เขาอยากกลับไปหาท่าน อ้อมกอดเย็นชืดจากใครสักคนโอบรอบตัวเขาอยู่
“ได้แล้วครับ”เสียงของไอ้ภพดังมาแว่วๆ ก่อนที่อะไรบางอย่างเย็นจะแผ่คลุมที่หน้าท้องของเขา
“เอ็งช่วยซับเหงื่อให้เพื่อนทีซิ ข้าจะเริ่มทำงานแล้ว”เสียงพึมพำเหล่านั้นฟังดูเลือนลาง ณดลรับรู้ถึงแรงเต้นระรัวในอก ก่อนที่อะไรบางอย่างที่แหลมคมจะกรีดผ่านผิวเนื้อของเขา แปลก...ที่มันไม่เจ็บเลย
ภพมองเพื่อนที่นอนเหงื่อแตกซิกเต็มตัว ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวราวกับกำลังต่อสู้กับอะไรสักอย่าง มือของเขาสั่นเมื่อเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าของเพื่อน เป็นเพราะภาพการผ่าคลอดของเพื่อนเขาที่ทำให้เขารู้สึกวิงเวียนขึ้นมา ภพเหลือบมองหน้าท้องที่ถูกผ่าแยกออก ภายในสีแดงสดนั้นเขาเห็นเด็กทารกตัวโตกว่าปกติคดคู้อยู่ในถุงรก นี่จะเป็นภาพที่เขาจดจำไปทั้งชีวิตแน่
ณดลครางออกมาเบาๆเมื่อรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูกแต่ความเจ็บปวดกลับถาโถมเข้ามาแทนที่ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดไป...
.........................................................
ดลลืมตาขึ้นมาในเช้าวันต่อมาที่บ้านของหมออาคม อาการปวดหน่วงที่ท้องน้อยนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่อาการเจ็บแปลบเวลาขยับตัวเท่านั้น เขามองไปรอบๆพบว่าเป็นห้องสี่เหลี่ยมอับๆแคบๆแหวนที่เคยได้มาเย็นเฉียบเมื่อเขาใช้นิ้วมือลูบเล่น
“ฟื้นแล้วเหรอวะ”เสียงของไอ้ภพดังอยู่ที่หน้าประตู สีหน้าของมันดูโล่งอกเป็นล้นพ้นก่อนที่มันจะหายออกไปจากกรอบประตูและกลับมาอีกครั้งในมือถือขันน้ำมาด้วย
“เอ้านี่ ยาสมุนไพร”มันส่งขันน้ำที่มีน้ำสีเขียวหม่นๆมาให้ ดลฝืนดื่มจนหมดก่อนจะเอนพิงหัวเตียงเบาๆ
“มึงสลบไปตั้งสองวันแหน่ะ”สองวันเลยหรือ...เขามองไปรอบๆอย่างหวั่นใจ หมออาคมเอาไอ้เด็กนั่นออกมาจากท้องของเขาแล้ว ให้ตายเถอะ รู้สึกดีอะไรอย่างนี้
“ไอ้ดล พูดอะไรหน่อยสิวะ”ภพเขย่าแขนเพื่อนเบาๆเมื่อเห็นว่ามันดูเหม่อๆชอบกล
“กูสบายดี แต่...”เขาอยากรู้ว่าไอ้เด็กนั่นเป็นยังไงบ้าง
“เด็กนั่นตายหรือยัง”เขาได้ยินไอ้ภพถอนหายใจ
“แข็งแรงดี ตัวใหญ่น่าชังเชียวว่ะ”ไอ้ภพหัวเราะเหมือนเห็นเป็นเรื่องน่ายินดี เขาถอนหายใจ
“มันเป็นเด็กปีศาจ”
“ไอ้ดล...ถึงกูคิดว่ามันจะแปลกๆก็เถอะ แต่ยังไงนั่นก็ลูกมึงนะ”
“ไอ้ภพ!”ดลตวาดลั่นก่อนจะร้องโอดโอยเพราะเจ็บแผล เมื่อความเจ็บทุเลาลงเขาก็มองเพื่อนด้วยสายตาผิดหวังอย่างรุนแรง เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้มาจากปากมันเลยด้วยซ้ำ ลูกเขาน่ะเหรอ? เหอะ เด็กปีศาจนั่นไม่ใช่ลูกของเขาแน่ๆ
“กูรู้ว่ามันทำใจยาก แต่ในเมื่อเด็กคลอดแล้วมึงก็ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด”ดลพ่นลมหายใจออกมาแรงๆก่อนจะคว้าหมอนโยนใส่เพื่อนอย่างหงุดหงิด
“มึงเอามันไปเป็นลูกแทนเลยไหมล่ะ มึงไม่ใช่กูมึงไม่รู้หรอกว่ากูรู้สึกยังไง”วินาทีนี้เขาอยากเป็นบ้าจะได้ไม่ต้องรับรู้เรื่องบ้าๆนี่ ดูเหมือนเสียงตะโกนของเขาจะทำให้อีกหนึ่งชีวิตตื่นเพราะได้ยินเสียงเด็กแรกเกิดร้องกระจองอแงแว่วมา ณดลจุกเสียดในอกทันที ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด ภพมองเพื่อนด้วยสายตาเห็นใจก่อนจะปล่อยให้ไอ้ดลอยู่คนเดียว พอออกมาก็เจอกับหมออาคมที่กำลังเอากำไลเงินใส่ข้อเท้าของหนูน้อยเพศชาย ถ้าไม่นับการเกิดที่แปลกประหลาด ที่เขามองดูก็เหมือนเด็กทารกทั่วไป แถมมองไปมองมาในความเห็นของเขานั้นเด็กคนนี้ก็มีส่วนคล้ายไอ้ดลเหมือนกัน
“เพื่อนเอ็งไม่ยอมรับง่ายๆหรอก...เพราะเด็กคนนี้ก็แสบเอาเรื่องเหมือนกัน”ปลายเสียงดูอ่อนล้า ภพมองหมออาคมที่อุ้มเด็กที่ร้องเสียงดัง
“คือ...ผมว่ามันแปลกดีนะครับ ผมหมายถึงว่าเด็กคนนี้ก็ดูเหมือนเด็กธรรมดาๆคนหนึ่ง”ภพมองสีหน้าแปลกๆที่ฉายอยู่บนหน้าของหมออาคม
“หึ ธรรมดาหรือ...มันโชคดีนะที่เกิดมาครบสามสิบสอง ส่วนใหญ่พวกที่หนีมาเกิดเขาว่ามีกรรม กรรมแต่ชาติปางก่อนถ้าอโหสิกรรมให้แก่กันก็คงจบ แต่ดูๆแล้วคงจบยาก เขาว่ากันว่าคู่แท้มักจะหน้าคล้ายๆกัน ไม่รู้ว่าคู่กรรมจะใช้ทฤษฏีเดียวกันได้ไหม”ภพขมวดคิ้วคิดตามคำพูดของหมออาคม แต่หมอแค่ยิ้มก่อนจะพึมพำเบาๆ
“ต่อจากนี้คงช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะนะ ยุ่งมากไปข้าจะเดือดร้อน กรรมใครก็กรรมมัน...”หมอพึมพำก่อนจะพาเจ้าเด็กนั่นเข้าไปหาณดล ภพได้แต่หวังว่าเพื่อนของเขาจะไม่สติแตกไปเสียก่อน
“เฮ้อ...ไม่รู้ไปทำเวรทำกรรมอะไรมา ไอ้ดลเอ้ย...”เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆสีหน้ากลัดกลุ้ม
ณดลมองเด็กทารกในอ้อมแขนของหมอตรงหน้าด้วยสายตาชิงชัง เขาไม่มีหรอกไอ้สายสัมพันธ์บ้าบออะไรนั่น มันแค่หนีมาเกิดอาศัยท้องของเขาเพื่อเติบโตเหมือนกาฝากตัวหนึ่ง
“หมอช่วยเอามันออกไปก่อนได้ไหม”เขาเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“ไม่ได้ บ้านข้าไม่ใช่ที่พักฟื้นคนป่วย อีกไม่นานข้าจะย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว”ดลหันขวับไปทางหมอทันที เขารู้สึกเหมือนคนที่พลาดรถเที่ยวสำคัญ
“ไม่ได้นะครับ แล้วผมล่ะ ผม...หมอจะไม่ช่วยผมแล้วเหรอ”เขาอ้าปากค้างอยากต่อว่าแต่ความสิ้นหวังก็โจมตีเข้ามาจนเขาจุกไปหมด
“เอ็งต้องแก้ด้วยตัวเอง เลี้ยงเขาให้ดีล่ะ อย่าทำร้ายเขาอย่างที่แล้วๆมา”ดลมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่เข้าใจ เขาเนี่ยนะทำร้ายมัน ไอ้เด็กนี่ต่างหากที่ทำร้ายเขา
“ผมไม่ต้องการมัน”และทันใดนั้นเจ้าเด็กปีศาจก็ร้องอ้อแอ้ออกมาราวกับฟังที่เขาพูดออก หมอส่งเด็กทารกให้เขา แต่เมื่อณดลไม่รับ หมอก็จำต้องวางเด็กน้อยลงบนเตียง
“บอกเอ็งให้รู้ไว้นะ เด็กคนนี้...เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเอ็ง เขามาเกิด...ไม่สิ เขาหนีมาเกิดเพราะถูกกังขังไว้ยาวนาน”ดลหันหน้าหนีถ้อยคำจากหมอก็แค่ผ่านหูของเขาไป
“เพราะมันหยาบช้ำถึงต้องหนีมาใช่ไหม”เขาก้มมองเด็กทารกนี่เป็นครั้งแรก...ใบหน้าดูสมบูรณ์ไม่ได้อัปลักษณ์แบบที่เขาเคยเห็นในห้วงความฝัน แววตาดำขลับราวลูกปัดจับจ้องอยู่ที่เขา
“เปล่าเลย...”หมออาคมมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาเห็นใจ เมื่ออีกฝ่ายหันมามองตน เขาจึงบอกสิ่งที่ได้รู้มา
“ตัวเอ็งในชาติก่อนเป็นคนกักดวงวิญญาณของเด็กคนนี้ไว้”ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ดวงวิญญาณนี้หลุดหนีมาจากบ้านหมอผีอีกคนได้ ช่างน่าประหลาดจริงๆ
“หมอพูดอะไร ผมไม่เห็นเข้าใจ”ดลขมวดคิ้วมุ่น
“ดูแลเขาดีๆล่ะ อย่าพลาดอีก...ถ้าฟื้นตัวแล้วก็กลับบ้านได้เพราะข้ามีลูกค้ารออยู่”หมอก้มมองเด็กทารก ฉับพลันนั้นเขาก็มองเห็นมากมาย...มากเกินกว่าที่ควรรู้ เพราะแบบนี้เขาจึงมอบแหวนให้ชายหนุ่มผู้น่าเวทนาคนนี้ แหวนที่จะช่วยเยียวยาจิตใจของเขา...สิ่งที่เขาได้เห็น...เขาไม่สามารถออกปากเตือนได้ ขอเพียงแต่...อย่าให้เกิดเรื่องขึ้นจริงๆเลย เพราะมันจะยิ่งผูกติดสองคนนี้มากขึ้น จนยากเยียวยา
...ลูกเอย...ขอให้หลุดพ้นเร็วๆล่ะ พ่อคงอยู่ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว...หมออาคมทอดมองเด็กทารกที่ครั้งนึง...เคยเกิดเป็นลูกของเขามาก่อน...อดีตช่างหมองเศร้านัก...เขาวางมือลงบนบ่าชายหนุ่มอีกคน
“ดูแลเขาให้ดีๆ”หมอย้ำอีกรอบจนเขาต้องแอบย่นคิ้ว เมื่อประตูห้องปิดลงเหลือเพียงเขาและเด็กปีศาจนี่ เขาก็ก้มมองสำรวจมองมันอีกครั้ง ให้ตาย เขาแทบทนไม่ได้ที่เห็นเค้าโครงบางอย่างที่เหมือนกับใบหน้าของเขา แต่ถึงยังไงเด็กคนนี้ก็ไม่ใช่ลูกของเขา ไม่มีทางใช่
…………………………………...............
ผ่านไปสามอาทิตย์ที่เขาต้องทนทุกข์ ต้องตื่นมาดึกๆดื่นเพื่อเอานมให้มันกิน ถ้าเขาไม่สนใจมันก็จะร้องเสียงดังจนเพื่อนข้างห้องมาด่าเขา เจ้าเด็กนี่โตวัยกว่าเด็กทั่วไปมาก บอกแล้วไงว่ามันเป็นเด็กปีศาจ
“ร้องอะไรนักหนาวะ ฮะ”ดลตะคอกใส่อย่างหงุดหงิดระหว่างที่แตะดูว่านมในขวดร้อนไปหรือเปล่า เขาเคยคิดอยากโยนมันลงจากชั้นสี่ด้วยซ้ำ แต่ก็ใจไม่แข็งพอ นับตั้งแต่มีมันมาอยู่ด้วยเขาไม่ค่อยอุ้มมันเหมือนเด็กคนอื่น คิดจะจ้างพี่เลี้ยงก็ไม่มีเงินมากพอ ตอนนี้เขาคิดจะทิ้งมัน...เหมือนในข่าว ถึงจะดูใจร้ายไปหน่อยก็เถอะ แต่เขาทนอยู่กับมันไม่ได้จริงๆ เขาฝันร้ายทุกวัน เหมือนคนที่ตายทั้งเป็น ถ้าเขาโหดเหี้ยมมากพอเขาคงเอาหมอนอุดปากอุดจมูกมันแน่ๆเวลาที่มันร้องกระจองอแงทุกครั้งที่เขาทิ้งมันไว้คนเดียว
“หลับได้แล้ว”ดลมองตาเด็กน้อยที่จ้องมองมาที่เขา ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะคิดตั้งชื่อหรือว่ากันตามตรงหมอบอกว่ามันมีชื่อของมันอยู่แล้วชื่อ สิงห์ เขาก็ไม่รู้ว้าหมอเข้าฌานไปถามยมบาลหรืออะไรก็แล้วแต่ ดลไม่สนใจ
“แอ้ๆ”มันขยับตัวไปมาเหมือนต้องการอะไรสักอย่าง เชี่ยเถอะ กูจะนอนโว้ยย เขามองมันด้วยสายตาหงุดหงิด ส่วนหนึ่งที่เขาไม่กล้าฆ่ามันคือมันหน้าตามีส่วนคล้ายเขา และนัยน์ตาคู่สวยเหมือนลูกปัด เเต่เขาก็เกลียดมันมากอยู่ดีทั้งๆที่ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมเขาถึงเกลียดมันมากขนาดนี้ ความรู้สึกมันเหมือนมีไฟมาสุมอกตลอดเวลา ดลขยับตัวไปนอนบนเตียงแต่มันก็ส่งเสียงร้องอีกครั้ง มือและเท้าน้อยๆปัดป่ายไปมา
“แอ้ๆ”มันมองหน้าดลอยู่นาน
“อะไวะ ต้องการอะไรอีก”ตัวมารของแท้เลย เขามองมันจากบนเตียง มันก็ขยับตัวอยู่แบบนั้น ให้ตายเถอะครับ เขาจำต้องลงไปหามันอีกครั้ง มันจงใจกวนประสาทเขาหรือเปล่าวะ เพราะเมื่อเขาลงไปนั่งใกล้ๆมันก็เงียบ เขาถอนหายใจเหนื่อยๆ ทั้งกายและใจ เขาจะทำยังไงกับมันดีนะ ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือเล็กๆเย็นๆยื่นมาแตะมือของเขา ดลมองเด็กน้อยที่นอนคว่ำมองหน้าเขาอยู่ เขาชักมือออก ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นกอดอก
“นอนซะ”มันจะฟังเขารู้เรื่องไหม ต้องรู้สิในเมื่อตอนที่มันอยู่ในตัวเขามันยังรู้เรื่องเลย
“ถ้ายังไม่นอนกูฆ่ามึงแน่”เขาขู่ แววตาของมันวาววับอยู่ครู่หนึ่ง เขาจับตัวมันให้นอนอีกครั้ง
'หัวมันเล็กแค่นี้ บิดทีเดียวก็หักแล้ว'
เสียงในหัวดังขึ้น เจ้าเด็กนั่นยื่นมือออกมาคว้านิ้วมือของเขาไปจับ ณดลถึงกับสูดหายใจเข้าลึกๆ ความรู้สึกบางอย่างอื้ออึงอยู่ในอก เขาพ่นลมหายใจออกมาทางปากช้าๆ ก่อนจะใช้อีกมือหนึ่งดึงผ้าผืนเล็กมาคลุมร่างของมัน
'เอาผ้าอุดจมูกเลยสิ ง่ายนิดเดียว แป๊บเดียวมันก็ตาย...'
เขาสะบัดศีรษะไปมา ทำไมความคิดของเขาช่างน่ากลัวแบบนี้ แต่วันนี้เขาเหนื่อยจริงๆจะยอมนอนข้างๆมันก็แล้วกัน เพราะพรุ่งนี้...มันจะไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว!
-03:30 น.
ณดลตื่นขึ้นมาราวกับตั้งนาฬิกาปลุกไว้ อันที่จริงเป็นเพราะว่าเขาฝันร้ายและสะดุ้งตื่นมาเวลานี้พอดี เขาหยิบตะกร้าหูหิ้วที่มีผ้าขนหนูนุ่มๆรองไว้มาวางใกล้ๆเจ้าหนูน้อยก่อนจะอุ้มมันอย่างเบามือ ชิบ...มันตื่นอีกแล้ว นัยน์ตาดำขลับจ้องมองเขานิ่ง เขาถลึงตาใส่ก่อนจะวางมันในตะกร้า มันตั้งท่าร้องแต่เขาคว้าจุกนมมายัดใส่ปากมันได้ทันก่อนจะเอาผ้าคลุมตะกร้าอีกที
ดลมีจุดหมายตามที่ดูลาดเลาเอาไว้ เด็กนี่แหกปากร้องตลอดทางที่เขาขับรถ ไม่รู้ว่ามีใครได้ยินบ้างแต่ใครสนล่ะ มันคงไม่มีแรงร้องไปได้ตลอดทางหรอก เขาหาข้อมูลมาแล้วว่าอีกฝากของจังหวัดมีห้องแถวเป็นคนจีนร่ำรวยมากเพราะความขี้งก ลูกหลานไม่ค่อยมี เมื่อมาถึงที่หมายเจ้าเด็กปีศาจก็เงียบไปแล้ว หน้าบ้านหลังใหญ่ปราศจากกล้องวงจรปิด เขาก็วางตะกร้าลงที่รั้วบ้าน
“กูใจดีกับมึงมากนะ ที่เอามึงมาทิ้งไว้ที่บ้านรวยๆ”น่าแปลกที่มันลืมตามองเขาเงียบๆ มันอาจจะคิดอะไรอยู่ก็ได้เพราะนัยน์ตาดำขลับนั้นดูวาวโรจน์ เขาส่งยิ้มให้ก่อนจะขี่รถออกไป เหลียวมองตะกร้าเล็กๆนั่นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะมองตรงไปข้างหน้าโดยไม่หันไปมองมันอีก เขาทำถูกแล้ว มันไม่ใช่ลูกของเขา...เขาเลี้ยงมันไว้ไม่ได้ เพราะลึกๆแล้ว...ความฝันครั้งนั้นตามมาหลอกหลอนเขาจนแทบนอนไม่ได้ มึงทำถูกแล้วไอ้ดล! ท้องฟ้าสีหมึกเบื้องหน้าเหมือนดูปั่นป่วนแปลกๆ เขาใจหายเล็ดน้อยเมื่อสายฟ้าแลบแปรบปราบลงมาเหมือนลางร้าย...คำพูดของหมออาคมแวบเข้ามาในหัว
'เลี้ยงเขาให้ดี'
“ช่างเถอะ เพราะต่อจากนี้ณดลคนเดิมจะกลับมาแล้ว”เขาจะได้ชีวิตของเขาคืนมาแล้ว!...แต่ใครจะรู้ว่านี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น
TBC.
มาอัพแล้ว ติดตามกันต่อไปว่าดลจะหนีพ้นไหม จะมีตัวละครเพิ่มมาอีก สองตัวค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามและรอค่ะ