ต่อ
“น้องผีเสื้อ น้องก็รู้ว่ามันผิดที่จะใช้มนตราลักพาเอามนุษย์มาเช่นนี้”ร่างสูงใหญ่ใบหน้าดุดันราวกับรูปปั้นเทวาแห่งสงครามกล่าวด้วยท่าทีตำหนิน้องสาวร่วมสายเลือดของตนเองด้วยท่าทีที่เป็นกังวล
“น้องรู้ว่ามันผิด แต่น้องหลงรักเขาตั้งแต่แรกเห็น เขารูปงามเกินกว่าที่น้องจะหักห้ามหัวใจดวงนี้เอาไว้ ความรักที่น้องมีต่อเขามันมากล้นเหลือเกินพี่ธารา ต่อให้น้องต้องตาย น้องก็จะทำเขาเป็นของน้องให้จงได้ ชีวิตนี้น้องไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้วนอกจากได้เขามาเคียงคู่”ร่างท้วมใหญ่ใบหน้าคล้ำเอยด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ราวกับกำลังต้องมนต์ให้ตกอยู่ในห้วงแห่งรัก
“ถ้าเช่นนั้นน้องก็จงดูแลเขาให้เป็นอย่างดี เขาเป็นมนุษย์ มิใช่สัตว์เลี้ยง จงอย่าได้คิดทิ้งขว้างหรือทำอันตรายต่อเขาเป็นอันขาด”
“น้องจะดูแลเขาด้วยชีวิต ชาตินี้ทั้งชาติชีวิตของน้องจะเป็นของเขาเพียงผู้เดียว”ผีเสื้อสมุทรกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ก่อนจะแปลงกายให้เป็นหญิงงาม เรือนร่างสะโอดสะองนุ่งน้อยห่มน้อย
แล้วใช้มือเรียวบางดันก้อนหินใหญ่เปิดปากถ้ำปากถ้ำออก เดินเข้าไปภายใน แล้วดันมันปิดประตูถ้ำไว้ดังเดิม
ทิ้งให้ธาราสมุทรยักษารูปงามผู้เป็นพี่ส่ายหน้าด้วยความระอาใจกับการกระทำที่เอาแต่ใจของผู้เป็นน้อง
ที่รู้ทั้งรู้ว่าเผ่าพันธุ์ของยักษ์นั้นจะผูกติดชีวิตกับคู่ครอง หากเมื่อใดที่อายุขัยของคู่ชีวิตสิ้นสุด เมื่อนั้นชีวิตตนก็จะสิ้นตามไป
ชีวิตของมนุษย์ช่างสั้นยิ่งนักหากเทียบอายุขัยกับเผ่าพันธุ์ยักษาที่มีอายุขัยไม่รู้จบสิ้น
แต่หากเพราะความเป็นอมตะที่ยั่งยืนนั้นเป็นสิ่งที่น่าเศร้ายิ่งนักเมื่อต้องมองดูสิ่งที่เปลี่ยนผันไปตามกาลเวลา โดยที่ตนเองไม่เคยเปลี่ยนแปลงตามสิ่งรอบตัว
หลายร้อยปีผ่านมาจึงได้กำเนิดลูกแก้วอายุรา โดยการบำเพ็ญเพียรของยักษ์เฒ่า ที่สามารถบันดาลให้เผ่าพันยักษา สามารถมีการเวียนว่ายตายเกิดเช่นสิ่งมีชีวิตทั่วไป ทำให้อายุขัยของเผ่าพันยักษ์อยู่ได้เพียงสามร้อยปี จากเดิมที่ไม่มีวันจบสิ้น หรือเป็นเพียงสามเท่าของเผ่าพันธุ์มนุษย์
***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***
“ทะ ทำ อะไรน่ะ บะ บ้ารึไง ปะเป็นเกย์ ระ เหรอ”
ผมผลักพี่ธาราออกอย่างแรงทันทีที่พี่เขาคลายอ้อมแขน ผมยกมือขึ้นเช็ดปากตัวเองไปมาอย่างเจ็บใจ ทั้งโกรธทั้งอายที่พี่เขามาทำแบบนี้ ไม่น่าเสียท่าเลยจริงจริง
“โทษที่เจ้าไม่ทำตามคำของข้า”
“ละ แล้วทำไมต้องจูบเล่า ไอ้บ้าเอ้ย ไอ้เกย์โรคจิต” ไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรมาต่อว่าผู้ชายคนนี้แล้วจริงจริง
ไอ้ลิเกย์บ้านี่มันจูบผม จูบที่เรียกว่าจูบจริงๆไม่ใช่เอาปากแตะปาก มันเอาลิ้นเข้ามาในปากผมด้วย
ไอ้บ้านี่มันช่างหน้าด้านนักมันน่าโมโหไหมล่ะ นี่จูบของผมนะ จูบแรกด้วย จูบแรกกับสาวน่ารักๆ กับชีวิตวัยรุ่นในฝันของผมพังทลายลงไปแทบจะทันที แล้วทำไมผมถึงปล่อยให้เขามาจูบได้ล่ะเนี่ย
ไม่ใช่แล้ว!! ผมขัดขืนพี่เขาแล้วต่างหาก เขาใช้กำลังบังคับผม ใช่ ผมไม่ได้สมยอม ไม่ได้สมยอมเลยสักนิด ผมไม่ผิด พี่เขาต่างหากที่เป็นคนผิด
ใจเย็นเย็นสิมณี ตั้งสมาธิเอาไว้ ท่องเอาไว้ อย่าเดินเข้าไปในเส้นทางสีม่วงเด็ดขาด
ผมกำลังถูกดึงเข้าไปในเส้นทางสีม่วง
เมืองทองหนอ ขุดทองหนอ ไม่นะ เหมืองทองหนอ ขุดทองหนอ
ไม่จริงใช่ไหม ไอ้พี่ธารามันเป็นเกย์จริงๆใช่ไหม หรือว่าผมกำลังคิดไปเอง ใครก็ได้ ช่วยบอกผมที
แล้วทำไมพี่เขาต้องมาทำอย่างนี้กับผมด้วย หรือว่าพี่เขากำลังจีบผม
แล้วคนบ้าที่ไหนจะมาจีบกันด้วยการชวนไปผสมพันธุ์แบบนี้ นี่มันไม่ใช่ นี่มันต้องไม่ใช่เรื่องจริง
ชีวิตวันรุ่นของไอ้มณี บ้าไปแล้ว ไอ้มณีเสียจูบไปแล้ว เสียจูบให้ผู้ชาย
ผมมองซ้ายขวาอย่างตื่นตระหนกกลัวว่ามีใครจะมาเห็นว่าเมื่อกี้ผมกำลังจูบอยู่กับพี่ธารา
ถ้ามีใครมาเห็นเข้าล่ะก็ ชีวิตวัยรุ่นหน้าตาดีอย่างที่วาดเอาไว้ของผมคงจะพังทลายหายไปในพริบตาทันที
แล้วทำไมพี่ธาราเขาถึงได้ยกยิ้มมุมปากเหมือนเยาะเย้ยผมแบบนั้นล่ะ นี่เขากำลังเยาะเย้ยผมอยู่ใช่ไหม เขากำลังว่าผมอ่อนประสบการณ์จูบอยู่ใช่ไหมถึงได้มองผมด้วยท่าทีแบบนั้น มันจะมากไปแล้ว
“รสจูบเจ้า ช่างหอมหวานเหมือนเมื่อร้อยปีที่แล้วยิ่งนัก”
พี่ธาราพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่ดูยังไงมันก็เหมือนกับกำลังหยอกเย้าผมอยู่ ทำให้ผมหน้ายิ่งแดงหนักเข้าไปใหญ่
ดวงตาสีดำสนิทของเขาจ้องมองผมเหมือนกับกำลังจะมองเข้าไปข้างในร่างกายผมยังไงยังงั้น
อีกทั้งตอนนี้เขากำลังยิ้ม
“หวะ หวานบ้าบออะไร บอกไว้ก่อนนะ ว่าฉันไม่ใช่เกย์ อย่าเข้าใจผิด ละ แล้วก็ อย่าบอกใครล่ะ ไอ้บ้าเอ้ย”ผมชี้หน้าพลางพูดบอกเขาอย่างเจ็บใจ
หันหลังเตรียมออกเดินหนี ความคิดมันตีกันไปหมด จนเริ่มไปไม่เป็น ทำอะไรไม่ถูก ยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิด ทั้งโมโหทั้งเจ็บใจจนไม่รู้จะเลือกเอาอย่างไหนก่อนดี
“เดี่ยวสิ”พี่ธาราเรียกเอาไว้ก่อนจะยื่นมือมาจับที่แขนผมรั้งเอาไว้
“ฮะ เฮ้ย บะบอกไว้ก่อนนะ มะไม่ได้กลัว อย่าเข้ามาใกล้ ไปไหนก็ไปเลย ถ้าจูบอีกผมต่อยแน่”
ผมสะบัดมือเขาออกทันทีพลางถอยหลังออกจากเขาหลายก้าวเพื่อที่จะตั้งหลักหากถูกจู่โจมอีกรอบจะได้หนีทัน
แค่โดนจูบครั้งเดียวมันก็หนักเกินพอแล้วสำหรับชีวิตวัยรุ่นที่วาดฝันเอาไว้ ไอ้จูบแบบนี้ใช่ไหมที่เขาทำกันในหนังโป๊ที่เคยดู มันไม่เห็นสยิวแบบในหนังโป๊เลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับตื่นเต้นจนหัวใจแทบวายมากกว่า
“แต่ข้าหิว”พี่ธาราบอกเสียงเบาทำให้ผมหันไปมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ
คนอะไรจะเปลี่ยนอารมณ์ได้ไวขนาดนั้น ได้ข่าวว่าเมื่อกี้พี่เขาเพิ่งจะจูบผมไป
“เป็นยักษ์ไม่ใช่รึไง นู่นไง หมาเดินอยู่นั่นน่ะเห็นไหม จับกินเอาสิ”ผมหันไปบอก
พอดีเห็นไอ้ด่างหมาที่ยามเลี้ยงเอาไว้เดินผ่านไปถึงได้พยักหน้าบอกพี่เขา ถ้าเป็นยักษ์จริงก็ต้องกินสัตว์เป็นตัวตัวสิ จะมาบอกผมทำไมกัน
หรือว่าที่บอกว่าหิวคือเขาจะจับผมกิน ยิ่งคิดก็ยิ่งไปกันใหญ่
“เจ้านี่ช่างดื้อด้านยิ่งนัก”
“เออ แล้วไงล่ะ ยืนอยู่นั่นเลยนะ ไม่ต้องเดินเข้ามา”ผมชี้หน้า พลางเดินถอยหลังเมื่อเห็นว่าพี่เขาเดินเข้ามาใกล้
“เจ้ากลัวข้าอย่างนั้นรึ”
“ไม่ได้กลัว สักหน่อย”ผมตอบแทบจะทันทีพลางยืดอก ไม่อยากจะบอกว่ากลัวพี่เขาจับผมจูบอีกรอบต่างหาก
“งั้นไปเถอะ ข้าหิวแล้ว”
“หิวก็เรื่องของคุณสิ มะ ไม่เกี่ยวกับผมสักหน่อย”
“ไปเถอะ มือนี้ข้ารับผิดชอบเอง”พี่ธาราว่าพลางยกยิ้มเมื่อเห็นว่าผมเริ่มเหล่มองเขาด้วยท่าทีสนใจ
ใครจะไม่สนใจล่ะ นี่พี่เขากำลังบอกว่าจะเลี้ยงผมอยู่ใช่ไหม ว่าแต่ทำไมผมถึงไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้พี่เขาเดินเข้ามาใกล้จนมายืนอยู่ข้างหน้าผมแล้ว
“เลี้ยงจริงเหรอ”
“ข้ามีสัจจะ ไม่โกหกเจ้าหรอกอภัยมณี”
“งะ งั้นอาหารญี่ปุ่นได้ไหม”ผมถาม พลางคิดแผนจะฉีกกระเป๋าพี่เขาให้สมกับจูบแรกที่เสียไปเลย
เอาคืนให้สาสมที่บังอาจมาจูบไอ้มณีคนนี้ได้
“นั่นเป็นสิ่งข้าโปรดปราณ”พี่ธาราพลางยิ้มพยักหน้ารับเบาเบาทำให้ผมแสยะยิ้มออกมาทันที
คอยดู จะกินให้ขนหน้าแข้งร่วงกันไปข้างหนึ่งเลย
“ใครจะขับ”ผมถามเมื่อเดินมาถึงลานจอดรถ
“ข้าขับเอง”
“ขับเป็นรึป่าว มอไซต์อ่ะ”ผมถามอย่างไม่แน่ใจ
คนที่ดูดีมีชาติตระกูลอย่างพี่เขาน่ะเหรอจะขับมอเตอร์ไซเป็น
ดูท่าทางการมองมอเตอร์ไซยังมองแบบงงงงอยู่เลยไม่ใช่รึไง ยังมีหน้าจะมาอาสาขับ ตกลงพี่เขาไม่เต็มบาทหรือว่าอะไรกันแน่ ผมล่ะไม่เข้าใจ ไม่รู้จะสรรค์หาคำไหนมาเปรียบเปรยดี ดูท่าแล้ว ไม่รู้ว่าเคยนั่งมอเตอร์ไซบ้างรึป่าว
“ไม่เคย แต่ก็คงไม่ยาก”
พี่ธาราตอบพลางยักไหล่ทำให้ผมหันไปถลึงตาใส่แทบจะทันที เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด แล้วยังมีหน้าจะมาอาสาขับเอง คนคนนี้นี่มันยังไง ถ้าไม่ติดว่าผมเห็นเขาเป็นคนเพี้ยนเพี้ยนผมคงคิดว่าพี่เขากำลังกวนตีนผมอยู่เป็นแน่
“ไม่ยากอะไร ไม่เคยขับมอเตอร์ไซเลยรึไง”ลูกคุณหนูจริงๆ ผมพูดพลางหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซออกมาเสียบที่เต้ารับก่อนจะถอยมันออกมา
“ไม่เคย แต่คิดว่าคงทำได้”
“เชื่อก็บ้าแล้ว ขับมอไซต์นะ ไม่ใช่ปั่นจักรยาน จะได้หัดกันง่ายๆ ขืนให้ขับล่ะตายคู่กันพอดี”ยังมีหน้ามาบอกว่าจะขับเองทั้งที่ขับไม่เป็นพี่เขา เพี้ยนหนักมากจริงๆ ชักเริ่มสงสัยว่าความคิดของพี่เขาเป็นยังไงกัน ทำไมถึงได้สุดยอดจนไม่รู้จะบรรยายออกมาด้วยคำพูดอะไรอย่างนี้
“งั้นเจ้าก็ขับ”
“เออ นั่นแหละ ขับเองดีกว่า ถอยไปล่ะ ห้ามนั่งใกล้เด็ดขาด นั่งท้ายๆเบาะจนสุดเลยนะ ถ้าเข้าใกล้จะยกล้อให้ร่วงเลย”ผมพูดขู่ พลางปั้นหน้าโหด ที่ไม่รู้ว่ามันดูแล้วจะโหดสักแค่ไหน
ว่าแต่มันจะดีเหรอที่ยอมให้พี่เขานั่งซ้อนแบบนี้ เมื่อกี้พี่เขายังจูบผมอยู่เลย แต่ถ้าพี่เขาเกิดตุกติกล่ะก็ คอยดูจะยกล้อให้ร่วงกลางถนนกันไปเลย
พอถึงร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิยาลัยผมก็ตรงดิ่งเข้าไปนั่งจับจองพื้นที่ วางตัวอย่างกับเป็นเจ้ามือมาเอง
ผมเปิดเมนูออกพลางสอดส่ายสายตาหาเมนูที่คิดว่าแพงที่สุดอร่อยที่สุด ช่วยไม่ได้ เขาอยากรับปากว่าจะเลี้ยงผมเอง
ลองดูว่าจะมีปัญญาจ่ายแค่ไหน ถ้าเงินไม่พอจ่ายจะทิ้งให้นั่งล้างจานอยู่ที่ร้านนี่ไปเลย
“เป็นยักษ์ไม่ใช่รึไง กินได้เหรอ”ผมถามพลางหรี่ตาอย่างจับผิดเมื่อพี่ธาราเปิดเมนูบ้าง
ก็พี่เขาบอกว่าตัวเองเป็นยักษ์ แล้วเขาจะมากินอาหารของคนได้ยังไงกัน
“ยักษ์ก็เหมือนมนุษย์ ไม่ต่างกันตรงที่ชอบกินเนื้อ”
“หึ ให้มันจริงเถอะ”ผมว่าพลางชี้เมนูสั่งอาหารพนักงานไปหลายชุด
พอสั่งเสร็จก็หันไปยักคิ้วให้พี่เขาอย่างสะใจนิดหน่อย คงจะอึ้งสิท่าที่เห็นผมสั่งของแพงแพงเยอะขนาดนี้
แต่ทำไมพี่เขาถึงยิ้มรับคล้ายกำลังหัวเราะผมอยู่กันนะ ไม่เห็นจะมีทีท่าว่าเจ็บใจผมสักนิด
แทนที่พี่เขาจะโดนเอาคืน ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบไปซะได้
ผมมองหน้าพี่ธาราที่กำลังยิ้มอย่างพอใจ แล้วสั่งเมนูอาหารที่ทำให้ผมต้องตาโต
เมื่อเมนูที่สั่งล้วนเป็นของสด ดิบดิบทั้งนั้น อีกทั้งพี่เขายังสั่งมาเกือบห้าสิบกว่าจาน นี่กินหรืออะไรกันเนี่ย
“มองหน้าข้ามีอะไรรึ”พี่ธาราหันมาถามหลังจากส่งเมนูคืนพนักงาน ดวงตาสีดำสนิทของเขาคล้ายกับมีประกายขบขันอยู่ภายในทำให้ผมยิ่งมองก็ยิ่งตกใจกับเมนูอาหารที่เขาสั่ง
“ไม่มีอะไรสักหน่อย แล้วนั่นกินคนเดียวเลยเหรอ”ผมถามพลางบุ้ยหน้าอย่างกลัวเสียฟอร์ม
ตกลงไอ้ที่พี่เขาบอกว่าตัวเองเป็นยักษ์เนี่ย เรื่องกินผมคงต้องคิดดูใหม่
ผมลอบมองอาหารจานแล้วจานเล่าที่ทยอยเสริฟออกมาจากหลังร้าน จ้องมองดูพี่ธารากินไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“กินเข้าไปได้ไงหมดนั่น”ผมพูดเสียงเบาพลางมองจานเปล่าที่วางกองเรียงเป็นคอนโดจนสูง
อาหารที่พี่เขากินไปมันเทียบเท่ากับของคนสิบคนกินเลยก็ว่าได้ แค่เห็นผมก็พะอืดพะอมแทนแล้วไอ้ไอ้ของสดกลิ่นคาวแบบนั้น
“ก็ข้าเป็นยักษ์ แค่นี้ถือว่าเล็กน้อย”
“ยังจะว่าไปเรื่อยอีก”ผมบ่นเบาเบา ไม่ว่ายังไง พี่เขาก็ยังจะยืนยันอยู่ดีว่าตัวเองเป็นยักษ์
เป็นยักษ์ภาษาอะไรกัน ถึงได้เหมือนมนุษย์ขนาดนี้ ทั้งการวางตัว การพูดจากับคนอื่นๆถ้าไม่นับรวมผมล่ะก็ ดูจากภายนอกเขาก็แค่คนคนหนึ่งเหมือนๆกับคนทั่วไป
ถ้าไม่นับรวมว่าหน้าตาหล่อกว่าชาวบ้านนิดหน่อย กินจุกว่าชาวบ้านหลายเท่า ตัวใหญ่กว่าชาวบ้านพอประมาณ แล้วก็ดูรวยกว่าชาวบ้าน ดูจากบัตรเครดิตสีทองวาววับตอนที่จ่ายค่าอาหาร นอกนั้นก็ไม่มีอะไรผิดแปลก เขี้ยวก็ไม่มี ตัวก็ไม่ได้ใหญ่เท่าตึก ทำไมเขาถึงชอบบอกว่าตัวเองเป็นยักษ์กันนะ
ผมทำสีหน้าครุ่นคิดพลางมองไปที่คนข้างข้างอย่างไม่เข้าใจ ทำไมพี่เขาต้องเข้ามาหาผมแล้วพูดเรื่องราวแปลกแปลกด้วย
ถ้าพี่เขาไม่มีนิสัยที่ผมคิดว่ามันเพี้ยนมากล่ะก็ ผมคงจะคิดดีกับเขามากกว่านี้
ผมเดินไปเรื่อยๆผ่านทางม้าลายเพื่อที่จะไปยังลานจอดรถมอเตอร์ไซที่อยู่ชั้นใต้ดินของตัวห้างสรรพสินค้า โดยที่ไม่ได้สังเกตุว่าพี่ธาราไม่ได้อยู่ข้างข้างผมแล้ว
“อะ อ่าว ไปไหนของเขา เมื่อกี้ยังอยู่”หันมาอีกทีพี่ธาราก็หายไป ทำให้ผมยกมือขึ้นเกาหัวเบาเบาอย่างมุนงง
คนอะไรนึกจะมาก็มา นึกจะหายก็หาย แต่ช่างมันเถอะ เดี๋ยวก็คงโผล่มาเอง อีกอย่างตอนนี้ผมก็มีที่จะให้คิดมากเกินที่จะมาสนใจเขา
“ระวัง!!!!!!”
เอี๊ยดดดด
เสียงร้องดังทำให้ผมหันไปมองอย่างตกใจ แต่ไม่ทันแล้ว แสงไฟของรถสาดเข้ามาที่ตัวผมจนผมต้องหลับตาลงแทบจะทันที เสียงเบรกจนล้อรถเสียดกับถนนดังก้องไปทั่ว ผมหลับตาแน่นสนิทด้วยความหวาดกลัวก่อนจะยกมือกุมหัวตัวเองแล้วย่อตัวลงอย่างตกใจ
ปังงงงงงง
เสียงชนสนั่นดังไปทั่วเรียกให้คนที่อยู่บริเวณนั้นหันมามองด้วยความสนใจ
ไม่นานคนขับก็ลงมาจากรถด้วยสีหน้าที่ดูตื่นตระหนกไม่น้อย พลางรีบเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงอย่างร้อนรน
เพราะมัวแต่คุยโทรศัพท์จึงไม่ทันเห็นว่ามีคนข้ามทางม้าลายอยู่
“เป็นอะไรไหม”เสียงทุ้มต่ำกระซิบเรียกผมลืมตาขึ้นมองด้วย มือทั้งสองข้างมันสั่นจนไม่อาจจะควบคุมได้
นี่ผมยังไม่ตายใช่ไหม ทำไมผมถึงไม่เจ็บเลยสักนิด
“มะไ ม่เป็นไร”ผมตอบกลับด้วยความมึนงง พยายามตั้งสติมื่อครู่ รถคันนี้วิ่งมาด้วยความเร็ว ใกล้เพียงแค่เอื้อม ทำไมผมถึงไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ทำไมผมถึงไม่โดนชน
แล้วพี่ธาราล่ะ พี่เขามาได้ยังไง ในเมื่อเมื่อกี้พี่เข้าไม่ได้อยู่ตรงนี้กับผม
ผมหันไปมองรถที่จอดสนิททับเส้นทางม้าลาย กันชนของรถบุบลึกเหมือนกับกระแทกกับอะไรสักอย่างจนมันยุบลงไป เหมือนกับว่าถูกค้อนหนักๆทุบจนมันบุบ
ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมแปลกใจเข้าไปใหญ่แต่นั่นก็ไม่แปลกใจเท่ากับตรงกันชนของรถส่วนที่ยุบนั้นมีมือของธาราทาบอยู่ มือที่เริ่มมีรอยปริของบาดแผล
แล้วที่สำคัญ เลือดที่ไหลซึมออกมานั้นมีสีเขียวเข้มราวกับสีของมรกตจนน่าหวาดกลัว
นั่นมันเลือดใช่ไหม!! ของเหลวที่ออกมาจากมือของพี่ธาราคือเลือดใช่ไหม
เลือดของพี่ธาราเป็นสีเขียว!!!!!!
***---***---***---***---***---***---***---***---***---***---***---***---***---***---***---***---***---***---***
16/09/58
ถูกผิดตรงไหนติชมกันได้ค่ะ
ยินดีตอบรับคำติชมเพื่อพัฒนาผลงานค่ะ