หลังเสร็จจากอาหารมื้อเที่ยง ท้องฟ้าเบื้องบนค่อยๆ มืดครึ้มลงอีกครั้ง ทว่าฝนยังไม่ตก ทุกคนจึงรีบออกไปเตรียมพื้นที่ในแปลงผักเอาไว้สำหรับลงต้นกล้ากันก่อน หากเพราะเมื่อตอนเช้าฝนตกหนัก ดินเปียกชื้น บางจุดก็เละเป็นโคลน ทำให้งานปรับหน้าดินลำบากกว่าเดิม
พวกนักศึกษาแบ่งกลุ่มกันไปทำงาน กลุ่มหนึ่งกับครูประจำโรงเรียนสองคนใช้มีดดายหญ้าที่ข้างแปลงโดยมีพวกเด็กๆ ช่วยโกยไปทิ้ง กลุ่มที่อยู่ในแปลงกับครูอีกคนใช้คราดตะกุยซากต้นไม้เดิม เศษใบไม้ วัชพืชและหินออก อีกกลุ่มคอยเก็บใส่ถังแล้วยกไปทิ้ง ที่เหลือใช้พลั่วพลิกหน้าดิน โดยมีเด็กๆ ที่โตหน่อยคอยใช้คราดเกลี่ยหน้าดินให้เรียบ เพื่อให้พื้นดินพร้อมสำหรับการลงต้นกล้าที่ครูประจำโรงเรียนได้เพาะไว้ให้
งานของน้ำสบายที่สุดในกลุ่ม เพราะเขาทำหน้าที่ตากล้องคอยถ่ายรูปและถ่ายวิดีโอไว้ให้เป็นโปรไฟล์กิจกรรมของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ทว่าขณะที่กำลังถ่ายวิดีโออยู่นั้น...
จิ๊บ... จิ๊บๆ
“หือ” น้ำหันไปมองหาต้นเสียง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น “ลูกเจี๊ยบหลุดมาจากกรงเรอะ” เขาก้มลงไล่จับอยู่สักพัก แล้วพอตะปบไว้ในมือได้ ก็มีเสียงร้องของลูกไก่ดังแว่วมาอีก... แต่คราวนี้ดังมาจากหลายทิศทาง
ชายหนุ่มหันมองไปรอบๆ จึงเห็นว่ามีลูกเจี๊ยบอีกห้าหรือหกตัววิ่งไปวิ่งมา “เฮ้ย!”
“มีอะไรเหรอพี่” แหนมอยู่แถวนั้นพอดี เห็นน้ำวิ่งไปวิ่งมาทำท่าเหมือนจะไล่จับกบจึงเอ่ยถาม
“ดูเหมือนว่าเล้าไก่จะมีรู ลูกเจี๊ยบหลุดออกมาเต็มเลย ช่วยจับหน่อยเร็ว!”
แหนมมองตามที่รุ่นพี่ชี้ไป แล้วกระโจนเข้าไปช่วยจับลูกไก่ด้วยอีกคน เขาก้มลงวิ่งไล่ต้อนเจ้าตัวเหลืองซุกซน พอตะปบไว้ในอุ้งมือได้ก็ได้ยินเสียงไก่ตัวโตที่แฝงไว้ด้วยรังสีอำมหิต เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง “เย้ย! แม่มันมาตาม!” เขาตกใจโยนลูกไก่ทิ้ง จากนั้นก็วิ่งหนีแม่ไก่ที่วิ่งไล่จิกตนเป็นพัลวัน “ช่วยผมด้วยยย~”
รุ่นพี่ปีสี่กำลังดายหญ้ากันอยู่ พอเห็นรุ่นน้องปีหนึ่งร้องเอะอะโวยวายขอความช่วยเหลือก็คว้ามีดดายหญ้าวิ่งเข้าไปช่วย “เฮ้ย! ไอ้แหนม ไม่ต้องกลัว กูมาช่วยแล้ว”
“เฮ้ย! เดี๋ยวก๊อนนน จะฆ่าไก่ครูหรื๊อ” ครูฉลุยกับครูสมคิดวิ่งตามไปห้าม
“ช่วยผมด้วย มันจะฆ่าผมแล้ว” แหนมร้องลั่น
เหล่านักศึกษาพร้อมใจกันคว้าอาวุธในมือ ทั้งจอบ พลั่ว เสียม คราดมาล้อมแม่ไก่ตัวใหญ่ ซึ่งมันก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เสียด้วย ใครยื่นอะไรเข้าไปมันก็กระโดดจิกตีอย่างรุนแรง
“ผัวมึงมีเมียน้อยเหรอวะอีเหี้ย~ ถึงได้โมโหขนาดนี้เนี่ย”
“ล้อมไว้ก่อนๆ เดี๋ยวครูเอาสุ่มไปครอบ” ครูแห้วตะโกนบอกพลางวิ่งตรงไปเอาสุ่มที่เล้า
“เร็วๆ ครู แม่งจะกระโดดจระเข้ฟาดหางพวกผมแล้ว!”
ภายในเล้าว่างเปล่า กรงลวดมีรอยฉีกขาดกว้าง “ฉิบหายแล้ว!” ครูแห้วอุทาน เขาคว้าสุ่มแล้ววิ่งไปทางที่พวกนักศึกษายืนออกันอยู่ รีบเอาสุ่มไปครอบแม่แก่เอาไว้ก่อน “ดูเหมือนว่ามีตัวอะไรกัดกรงเข้าไปในเล้า ไก่หายหมดเล้าเลย! ครูก็ว่า ปกติสมศรีไม่ดุขนาดนี้ มันคงตกใจน่ะ”
“แล้วจะทำไงดีครับครู”
“จับลูกเจี๊ยบก่อน ระวังพ่อมันด้วยล่ะ”
แวบแรกทุกคนกำลังจะวิ่งออกไป แต่ก็ต้องหยุดชะงัก “พ่อมัน?”
“ไอ้โต้งไง ถ้าเห็นเรียกครูนะ เดี๋ยวครูจับเอง ไอ้นี่อดีตสิงห์นักเตะ ถ้าทะเล่อทะล่าไปจับมันเดี๋ยวมันตีตาเขียวหัวแตก”
“เย้ย! ดุสมกับเป็นพ่อเล้าจริงจริ๊ง”
ฝนเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้ง ทำให้การไล่จับลูกไก่หนักหนาสาหัสมากขึ้นไปอีก ทั้งเด็กๆ และพวกนักศึกษาเนื้อตัวเปียกปอน เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน เมื่อจับลูกไก่ได้หมดแล้วก็นำมาใส่กล่องรวมกันไว้ แล้วนำกล่องไปวางไว้ในที่โล่งใต้หลังคาข้างตึกเรียนของเด็กๆ ข้างๆ แม่ไก่ในสุ่ม
“แล้วเด็กๆ จะกลับยังไงครับเนี่ย”
“เดี๋ยวถึงเวลาเลิกเรียนพ่อแม่เขาก็เอาร่มมารับน่ะ ส่วนเล้าไก่กับแปลงผักคงต้องทำต่อพรุ่งนี้ล่ะนะ” ครูฉลุยถอนหายใจยาว
“ว่าแต่ นอกจากไอ้โต้งที่ยังหาไม่เจอแล้ว มีไก่ที่หลุดไปอีกกี่ตัวอะครับ”
“มีแม่ไก่อีกสี่ตัว แต่ไม่เป็นไร พวกมันไปไหนได้ไม่ไกลหรอก”
ครูแห้วพูดพลางยกชายเสื้อขึ้นเช็ดใบหน้า “ดีไม่ดีบางตัวก็อาจจะโดนลากไปกินแล้วด้วยสิ”
ในระหว่างที่นั่งคุยกันนั้น หลวงพ่อประจำวัดก็เดินถือร่มเข้ามาสมทบด้วย “วันนี้เลิกเร็วหน่อยนะ ฟ้ามืดแบบนี้ดูท่าฝนจะตกแรง เดี๋ยวให้เด็กๆ ติดรถกลับหมู่บ้านเลย อ้าว แล้วทำไมเลอะเทอะกันแบบนี้ล่ะ”
“ไล่จับไก่กันน่ะครับ พอดีมีตัวอะไรไม่รู้ไปพังเล้าไก่ ไก่หลุดออกมาหมดเลย คงต้องพรุ่งนี้ถึงจะซ่อมเล้าได้” หนึ่งในครูอาสาตอบกับหลวงพ่อ “รถใครเหรอครับหลวงพ่อ”
หลวงพ่อพยักหน้าเข้าใจ “รถของคนมางานน่ะ เดี๋ยวทุกคนก็รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันซะก่อนนะ มื้อเย็นไม่ต้องทำหรอก เหนื่อยกันมากแล้ว ไปกินที่ในงานเถอะ”
“งานอะไรเหรอครับหลวงพ่อ” ใบตองถามอย่างสงสัย ก็แบบว่า จู่ๆ ใครจะมาจัดงานเลี้ยงในวัดกัน เขาชักนึกเสียวสันหลังชอบกล
“งานบุญน่ะ” หลวงพ่อยิ้ม พร้อมกับชี้ไปที่ศาลาซึ่งอยู่ห่างออกจากตัวโบสถ์และศาลาวัดไปทางท้ายวัด
เหล่านักศึกษาพร้อมใจกันหันมองไปตามที่หลวงพ่อชี้ ซึ่งไม่ไกลจากศาลานั้นมีเมรุด้วย พวกเขาอ้าปากค้าง “ชัดเลย! งานศพ!”
“เจ้าภาพเขาเลี้ยงข้าวต้มหลังสวด กลางคืนจะมีหนังตะลุงด้วยนะ ถ้าเบื่อกันก็ไปดู”
รุ่นพี่รุ่นน้องหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนตั้งใจจะเป็นตัวแทนตอบ “อย่าดีกว่าครับ พวกผมเกรงใจ อาหารสดก็ซื้อมามากมายน่ะครับ ถ้าไม่ทำกินเดี๋ยวจะเสียหมด”
หลวงพ่อยิ้ม “ไม่เป็นไร งั้นก็ตามสบายนะ ไปๆ พาเด็กๆ ไปส่งขึ้นรถก่อน”
ฝนเทลงมาหลังจากส่งเด็กนักเรียนกลับบ้านไปได้ไม่นาน ขณะที่เหล่านักศึกษาไปรวมตัวกันที่ครัวข้างกุฏิเพื่อทำอาหารมื้อเย็น พวกเขายังไม่อาบน้ำเพราะคิดว่าเดี๋ยวทำอาหารกันก็ตัวเลอะเทอะอยู่ดี
เมนูมื้อเย็นหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันนี่ ทุกคนตกลงกันว่าจะทำอะไรง่ายๆ พวกเขาอยากจะรีบๆ รับประทานให้อิ่มท้อง ไปอาบน้ำแล้วก็จะได้เข้านอนเสียที
รุ่นน้องปีสองรับหน้าที่ก่อเตาไฟเพื่อต้มน้ำร้อนไว้ลวกเนื้อหมูกับลูกชิ้นที่ซื้อติดมา พอเสร็จแล้วก็ยกหม้อใบใหญ่ที่ใส่น้ำไว้ครึ่งหนึ่งขึ้นตั้งไฟ รอให้น้ำเดือด จากนั้นจึงแกะห่อบะหมี่สำเร็จรูปใส่ลงไป ไม่นานเส้นก็สุกพร้อมรับประทานได้
รุ่นพี่รุ่นน้องล้อมวงรับประทานมื้อเย็นกันที่ใต้ถุนกุฏิอย่างเงียบเชียบ ต่างคนต่างหิวเสียจนไม่ได้สนใจเสียงของเม็ดฝนที่ตกกระทบหลังคาดังลั่น
พอเริ่มจะรู้สึกอิ่ม ป๊อกเด้งเป็นคนแรกที่เงยหน้าขึ้นจากชามใส่อาหารของตน เขาหรี่ตามองเงาตะคุ่มพร้อมกับแสงไฟเคลื่อนที่อยู่ไกลๆ ทว่าเมื่อมองไปสักพักเงานั้นก็เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เด็กหนุ่มจึงหันไปสะกิดเพื่อนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กัน “ไอ้ตอง มึงเห็นไฟแวบๆ นั่นมั้ยวะ”
ใบตองเงยหน้าขึ้นมองตามที่อีกฝ่ายชี้ ก่อนจะสะดุ้งเฮือก “เฮ้ย! กระสือ!” เขาร้องเสียงดัง ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ด้วยกันตรงนั้นเงยหน้าขึ้นพรวด
เต้าหู้รีบหันไปตบศีรษะเพื่อนเพื่อเรียกสติ “นี่ในวัดนะมึง กระสือเหี้ยอะไรจะลอยเข้ามาในวัดวะ”
“เออ จริง” ใบตองยกมือขึ้นลูบตรงที่ถูกตบไปหมาดๆ “แล้วไฟนั่นมันอะไร”
เงาตะคุ่มและแสงไฟเคลื่อนเข้ามาใกล้อีกจนพอมองเห็นได้ว่าเป็นคนสองสามคนเดินถือร่ม ถาดและไฟฉายตรงเข้ามาหาพวกเขา
“สวัสดีครับครู”
ทุกคนรีบลุกขึ้นยืนแล้วยกมือไหว้ “สวัสดีครับ/ฮะ”
“เห็นหลวงพ่อบอกว่ามีครูมาช่วยดูแลเด็กๆ ลุงเลยแบ่งเอาขนมกับผลไม้มาให้นะ”
“โอ้โห ขอบคุณครับ อุตส่าห์เดินฝ่าฝนเอามาให้พวกผม” ตั้งใจก้าวเข้าไปช่วยรับถาดมาจากคุณลุงและคนที่เดินมาด้วย เขาส่งต่อให้รุ่นน้องที่ยืนเก้ๆ กังๆ รอกันอยู่
“ลุงมาจัดงานบุญที่ศาลา ถ้าเบื่อๆ ก็แวะไปหาได้นา”
ตั้งใจยิ้มแหยๆ “ครับ ขอบคุณครับ”
“ลุงไปละ ขาดเหลืออะไรก็บอกลุงไว้ได้นะ พรุ่งนี้ถ้าหาได้จะฝากคนเอามาให้” คนทั้งสามร่ำลาแล้วก็เดินกลับออกไป
พวกนักศึกษานั่งลงล้อมวงกันอีกครั้ง มองขนมในถาดขนาดใหญ่กันด้วยความตื่นเต้น น้ำเอ่ยปากเสียดายที่แสงไฟสลัวและสีออกนวลๆ จากเครื่องปั่นไฟในตอนค่ำไม่ค่อยเป็นใจต่อการถ่ายภาพนัก ทำให้เขาอดได้ภาพสวยๆ ของขนมพื้นเมืองที่นานๆ จะได้เห็นสักครั้ง
“แต่ว่าขนมอะไรบ้างวะเนี่ย”
“อันนี้กูเคยกิน เขาเรียกขนมหัวล้าน ขนมคอเป็ด ขนมเจาะหู ส่วนพวกนี้ไม่แน่ใจ”
“ขนมหม้อแกงเปล่าวะ”
หากไม่ว่าขนมในถาดจะเป็นอะไร พวกเขาก็หยิบรับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย ตามด้วยผลไม้ที่คุณลุงนำมาให้ ซึ่งมีส้ม ส้มโอที่แกะมาเรียบร้อย และกล้วยเล็บมือนาง ไม่นานก็เหลือเพียงแค่ถาดที่ว่างเปล่า
พอท้องอิ่มแล้วหนังตาก็เริ่มหย่อน หลายคนเอนหลังลงนอนไปบนแคร่ที่นั่งรับประทานอาหารกันอยู่นั่นล่ะ บางคนก็พิงกับเสากุฏิแล้วเรอเอิ๊กใหญ่ ตั้งใจลุกขึ้นแบบเนือยๆ หยิบถาดทั้งหมดซ้อนกันไว้แล้วยกขึ้นมาไว้ในมือ “เดี๋ยวเอาถาดไปคืนก่อน จะได้อาบน้ำนอนซะที”
น้ำคว้าแขนเพื่อนรักไว้ เขาทำงานจับกังน้อยกว่าใครทั้งหมดในที่นี้ เพราะงั้น... “กูเอาไปคืนให้เอง” ชายหนุ่มคว้าถาดจากเพื่อนมาแล้วหันไปมองหาร่ม โชคดีที่ใต้กุฏิมีร่มแขวนอยู่หลายคัน เขาจึงเลือกหยิบมาคันหนึ่ง “พวกมึงไปอาบน้ำก่อนเถอะ เดี๋ยวกูตามไป”
“เอางั้นเหรอ”
“ไปเหอะน่ะ” น้ำผลักไหล่เพื่อนรักเบาๆ เขาหยิบร่มมากางออก เอาไหล่หนีบไว้กับศีรษะ มือหนึ่งถือถาด ส่วนอีกมือหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเปิดไฟฉายอย่างเก้ๆ กังๆ
“ผมจะไปกับพี่น้ำเองครับ” เสียงพูดจากคนที่ทุกคนคุ้นเคย เขาเดินตรงเข้าไปหาน้ำแล้วคว้าร่มกับถาดมาจากรุ่นพี่ “ผมถือของ พี่น้ำส่องไฟก็แล้วกันนะ”
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากตอบรับเด็กหนุ่ม “ขอบใจ”
“เฮ้ย! เดี๋ยว!” ใบตองกับป๊อกเด้งทำท่าจะห้าม แต่มาคิดดูอีกที พวกเขาจะปล่อยให้เพื่อนไปคนเดียวหรืออย่างไรกัน จะไปด้วยวันนี้ก็หมดโควตาออกแรงแล้ว อีกอย่างแค่เดินเอาถาดไปคืน มันจะสวีตกันบ้างระหว่างทางก็ช่างแม่ง “เออ รีบไปรีบมาแล้วกัน ระวังตัวด้วยล่ะ”
TBC~*แฮร่ วุ่นจริงๆ เนอะค่ายนี้ ขนาดแค่วันแรกเท่านั้นเอง~
เดี๋ยวตอนหน้าจะให้พี่น้ำน้องเมฆสวีตกันสักหน่อย รออ่านกันนะคะ อิอิ /ทิ้งสปอยล์ไว้แล้ววิ่งหนีไปในกลีบ(น้อง)เมฆ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่า 