Chapter 27 : เดตแรก (ภาคเช้า)ภายในร้านเปิดโล่ง ฝั่งห้องครัวมีตู้กระจกที่จัดวางจานใส่ติ่มซำสดขนาดเล็กไว้ให้ลูกค้าได้ชี้เลือกอย่างสะดวก อีกฝั่งเป็นโต๊ะมากมายสำหรับให้ลูกค้าได้เลือกนั่งกันตามความพอใจ
น้ำพาเมฆไปเลือกติ่มซำสดในตู้เพื่อส่งให้พนักงานนำไปนึ่ง เขาชี้แล้วหันไปถาม “แบบใส่กุ้งพวกนี้อร่อยดี เอาหน้าข้าวโพด ไข่นกกระทา ถั่วลันเตา ปูอัด เห็ดหอม เอามาอย่างละสองที่เลยนะ แล้วก็ อืม... เอาอะไรอีกดีคุณ”
“เอาเห็ดเข็มทองด้วยครับ แล้วก็... ซาลาเปาไส้ครีมกับบักกุดเต๋”
“สาหร่าย ไข่เค็ม บล็อกโคลี่กับกุ้ง ขนมจีบ อ้อ บะหมี่หยกด้วย”
“อะ... เอ่อ พี่น้ำ” เมฆหันไปมองเข่งติ่มซำที่สั่งไว้ ซึ่งพนักงานหยิบมาจัดวางซ้อนๆ กันให้ “จะกินให้อิ่มไปอีกสามวันเลยเหรอ”
น้ำหัวเราะ “หมดน่า ไม่หมดก็ค่อยเก็บไปกินต่อที่ห้อง สั่งไปเถอะ แล้วคุณจะเอาข้าวหรือบะหมี่ดีล่ะ”
“ถะ... ถ้างั้น... ผมกินบะหมี่เหมือนพี่น้ำดีกว่า” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว เขาหันไปจ้องรุ่นพี่จากศีรษะจรดปลายเท้า อดนึกสงสัยไม่ได้ว่าที่รับประทานอาหารจุอย่างกับยัดทะนานขนาดนี้ แล้วมันหายไปเก็บไว้ที่ไหนหมดวะ จากนั้นจึงเดินตามอีกฝ่ายต้อยๆ ไปนั่งโต๊ะที่อยู่ริมหน้าต่าง
“พี่น้ำมากินร้านนี้บ่อยมั้ย”
“ก็เดือนละหน มากับพวกรุ่นพี่คุณนั่นละ เวลาไอ้พวกนั้นจะมาที ต้องโทรมาบอกที่ร้านไว้ก่อน กินทีแทบหมดร้านเลยนะ”
“ผมเชื่อที่สุดเลย” ...แค่พี่น้ำคนเดียวก็ล่อซะที่จัดวางโชว์ในตู้หายไปครึ่ง
ไม่นานอาหารก็ถูกนำมาจัดวางจนเต็มโต๊ะ เข่งติ่มซำตั้งสูงเป็นกำแพงจนสองหนุ่มที่นั่งคนละฝั่งมองไม่เห็นหน้ากันเลยทีเดียว
“เอ่อ...”
“ผมย้ายไปนั่งข้างคุณได้มั้ย”
“ผะ... ผมย้ายเองดีกว่าครับ พี่น้ำนั่งอยู่กับที่นั่นล่ะ” เมฆลุกขึ้นพรวด หยิบจานกับตะเกียบคู่ใจแล้วรีบเดินวนไปนั่งลงเคียงข้างรุ่นพี่
“รีบกินกันเถอะเดี๋ยวหายร้อนหมด” น้ำหันไปยิ้มให้ พร้อมกับใช้ตะเกียบคีบติ่มซำใส่จานให้เด็กหนุ่ม
“ขอบคุณครับ” ...ทำไมพี่น้ำแม่งคล่องจังวะ แบบว่าสมองเขายังไม่ทันประมวลผลเลยว่าควรจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรกับแฟน อีกฝ่ายมักจะก้าวนำหน้าเขาไปก่อนเสมอ
ทิ้งไว้แบบนี้ไม่ได้การแล้ว เขาจะต้องทำอะไรบ้าง เมฆเลื่อนถ้วยแบ่งใส่บักกุดเต๋มาใกล้ๆ จัดการเลาะกระดูกออกแล้วใช้ตะเกียบคีบชิ้นเนื้อขึ้นมา ตั้งใจจะเอาไปวางลงในจานรุ่นพี่ให้ “ผมเอากระดูกออกให้...” ยังพูดไม่จบก็ต้องอ้าปากค้าง ก็พี่น้ำจับข้อมือเขาไว้ให้อยู่นิ่ง แล้วก้มลงมางับชิ้นเนื้อเข้าปาก... จากปลายตะเกียบเขาเลย โอ๊ยยยย! มายบุดดา!
ใบหน้าของเด็กหนุ่มซับสีเลือด “.....”
เดี๋ยวสิ! เดี๋ยว! ทำไมเป็นเขาที่รู้สึกเขินอีกแล้ววะ!
“เมฆ อ้าปาก”
“ครับ อ้า...” พอได้ยินคำสั่ง เด็กหนุ่มก็อ้าปากทันควัน ส่วนคนสั่งก็คีบติ่มซำใส่ปากให้อย่างรวดเร็ว
“ผมว่าอันนี้อร่อยดีนะ คุณว่ามั้ย”
...โอ้โห... พี่น้ำน่ารักเสียจนเขาอยากจะร้องไห้แล้วโว้ย! ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะมีวันนี้ เด็กหนุ่มเคี้ยวอาหารในปากไปอย่างไม่รู้รส
หากหลังจากนั้นรุ่นพี่ก็หันไปจัดการกับติ่มซำที่อยู่บนโต๊ะต่อ เขาชี้ชวนให้รุ่นน้องลองชิมอีกหลายๆ อย่าง รับประทานกันจนอิ่มแปล้ หมดเกลี้ยงมันเสียทุกเข่ง
เมฆเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ พร้อมกับหยิบกระดาษทิชชูมาซับเหงื่อ “อิ่มจนเดินไม่ไหวแล้วคร้าบ”
“ดีๆ” น้ำเอื้อมมือไปลูบศีรษะรุ่นน้อง จากนั้นจึงหันไปเรียกให้พนักงานมาเก็บเงิน
“พี่น้ำ ให้ผมเลี้ยงนะ” เด็กหนุ่มกระเด้งตัวจากพนักเก้าอี้ทันที
“เด็กดีนั่งเฉยๆ ก็พอ ผมจัดการเอง”
“พี่...” เมฆทำท่าจะห้าม พอเขาจะลุกขึ้นอีกฝ่ายก็กดศีรษะให้นั่งลง แล้วก็ชิงจ่ายเงินไปเสียอย่างนั้น “พี่น้ำ! กดเบาๆ หน่อย เดี๋ยวคอผมหดเข้าไปในหัวหมดหรอก”
เมื่อชายหนุ่มดึงมือกลับไป เมฆจึงยกมือขึ้นลูบลำคอพร้อมกับส่ายศีรษะไปมาเพื่อตรวจสอบดูว่าคอเขายังอยู่ครบ “ขอบคุณครับ พี่น้ำเลี้ยงผมอยู่เรื่อย”
“ผมมันรวยน่ะ” รุ่นพี่ตอบเสียงเรียบ
“รู้แล้วครับ! แต่ถึงผมจะไม่รวย ผมก็อยากเลี้ยงพี่น้ำบ้างเหมือนกันนะ”
น้ำยิ้มกริ่ม “ถ้าอย่างนั้น เอาไว้มาทำอาหารให้ผมกินแทนละกัน”
“ทำอาหาร?”
“ที่คอนโดฯ ผมไง”
เมฆยิ้มกว้างพลางขยิบตาให้ “อ๋า! ถ้าเพื่อพี่น้ำละก็ เมื่อไหร่ก็ได้เลยครับ!”
“ดี ...เอาล่ะ ไปนั่งย่อยต่อในรถนะ ขับต่ออีกนิดก็จะถึงอันเดอร์วอเตอร์เวิลด์แล้ว” ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วจึงเดินออกจากร้านไปพร้อมกันกับรุ่นน้อง จากนั้นรถคันหรูก็เคลื่อนออกไปบนถนนใหญ่ มุ่งหน้าไปยังจุดหมาย
เมื่อรถเคลื่อนเข้าไปในลานจอดรถของอันเดอร์วอเตอร์เวิลด์ สองหนุ่มก็ต้องเบิกตาโพลง เนื่องจากภายในลานจอดรถที่กว้างขวางนั้นเต็มแน่นไปด้วยรถยนต์มากมาย แถมยังมีรถทัวร์คันใหญ่จอดเรียงรายนับสิบคัน แต่ถึงอย่างนั้นน้ำก็ยังพยายามใจเย็น เขาขับรถวนไปช้าๆ เพื่อหาที่จอด
“ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีงานพิเศษล่ะมั้ง”
“เอ่อ... ไปที่อื่นก็ได้นะครับ ผมไม่นึกว่ามันจะแน่นขนาดนี้เลย ได้ยินมาว่าปกติที่นี่คนน้อย” เด็กหนุ่มพูดเสียงอ่อย
คนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยชำเลืองมอง พลางยิ้มบาง “คุณอยากมาที่นี่ไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ครับ แต่...”
“เรามีเวลาน่ะ ขับวนอีกหน่อยก็คงได้ที่จอดนะ”
ดวงตาสีนิลจับจ้องชายหนุ่มที่มือบังคับพวงมาลัยรถให้หมุนไปช้าๆ พร้อมกับกวาดสายตามองหาที่ว่าง เขารู้สึกผิดที่เจาะจงสถานที่แห่งนี้ เพราะตอนแรกได้ยินมาว่าไม่ค่อยมีคน เขาจึงหวังไว้ว่าจะได้จับมือรุ่นพี่เดินดูปลาชิลๆ หากกลับกลายเป็นทำให้อีกฝ่ายต้องลำบากไปซะได้
ขับรถวนไปสักพักก็ได้ที่จอด ทว่าสองหนุ่มลืมนึกถึงไปอีกเรื่อง ถ้าหากลานจอดรถยังแน่นขนาดนี้ แล้วข้างในตัวอาคารล่ะ!
ทั้งคู่ยืนตะลึงอยู่ตรงปากทางเข้าอุโมงค์ใต้น้ำ ขณะที่พวกเขากำลังลังเล หันรีหันขวางอยู่ก็เจอกรุ๊ปทัวร์จากจีนขนาดมหึมาตามมาทางด้านหลัง คราวนี้คิดจะถอยก็ไม่ทันแล้ว พวกเขาถูกทั้งผลักทั้งดันให้เบียดเข้าไปเป็นปลากระป๋องอยู่ภายในอุโมงค์
“ฮื้ยยย... พี่น้ำ” เมฆไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ที่ไหน ตัวเขาแทบจะแนบสนิทไปกับร่างกายรุ่นพี่ เขาพยายามขืนตัวไว้ แต่แล้วก็ถูกคนทางด้านหลังเบียดเข้ามาอีก “ขอโทษนะครับ” เด็กหนุ่มวางมือทั้งสองข้างลงบนราวจับ โดยที่ตัวของรุ่นพี่อยู่ระหว่างมือทั้งสองข้างนั้น หัวใจเต้นตึกตักเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจของชายหนุ่มที่ตกกระทบลงบนผิวแก้ม
“แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ” น้ำกระซิบ พลางยกมือขึ้นโอบรุ่นน้องแล้วดึงเข้ามาแนบกาย “ผมช่วยจับไว้อีกแรง”
เด็กหนุ่มเบิกตาโพลง ใกล้ชิดกันขนาดนี้ จะหายใจยังไม่กล้าเลย “พะ... พี่น้ำ”
ฝ่ายรุ่นพี่ก็ยิ้มแบบที่รุ่นน้องคิดว่าไร้เดียงสาเสียเหลือเกิน “เข้ามาชิดๆ สิ ให้คนอื่นเขาเดินไปก่อน เดี๋ยวเราจะได้เดินง่ายๆ ไงล่ะ”
“....” เมฆพูดไม่ออก เขาหลุบตาลงต่ำ ทำตัวแข็งเป็นรูปปั้น พยายามสงบหัวใจที่มันเต้นรัวแรงอยู่ในอก เวลานี้แรงเบียดจากคนที่เดินผ่านก็ไม่ทำให้เขารู้สึกอะไรอีกแล้ว
“คิดอะไรอยู่น่ะ”
“อะ... เอ่อ...”
“เงยหน้าสิ ข้างบนมีปลาตัวเบ้อเริ่มเลยนะ”
เมฆเงยหน้าขึ้นตามที่อีกฝ่ายบอก ถึงภายในอุโมงค์จะแน่นขนัด หากก็มองเห็นฝูงปลาแหวกว่ายในแทงค์น้ำได้อย่างสบายๆ เขาจ้องมองปลาตัวใหญ่ที่ค่อยๆ สะบัดครีบว่ายผ่านเหนืออุโมงค์ไปอย่างเชื่องช้า ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาอย่างลืมตัว “ตัวใหญ่แบบนี้ ถ้าพวกไอ้แหนมเห็น คงจะหิว อะ!” เด็กหนุ่มสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อรุ่นพี่ซบใบหน้าลงตรงซอกคอตน “พี่น้ำ!”
“คนเยอะแบบนี้เวียนหัวชะมัดเลย”
“พะ... พี่ไม่สบาย... เหรอครับ” ...ฮื้ยยย... พี่อย่าพ่นลมหายใจรดคอผมสิ มันสยิวนะ! มือของเด็กหนุ่มจิกลงบนราวแน่น เกร็งขืนไปทั้งร่าง
น้ำค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ปลายจมูกลากไล้ไปตามลำคอแล้วจึงเอนศีรษะพิงหัวไหล่ของคนในอ้อมกอด “ขออยู่แบบนี้สักพัก เดี๋ยวคงดีขึ้น”
เมฆนึกสงสารรุ่นพี่ผู้แสนจะบอบบางในความคิดของตนเองจับใจ เขายกมือขึ้นลูบแผ่นหลังให้อีกฝ่าย ก่อนจะโอบกอดไว้หลวมๆ
พี่น้ำตัวหอมชะมัดเลย แถมกอดได้แบบเต็มไม้เต็มมือมากๆ ซะด้วย แบบนี้แหละ เขาฟัดได้แบบไม่ต้องกลัวตัวพี่น้ำหักเลย
เวลาผ่านไปสักพักเด็กหนุ่มจึงเริ่มหันมองไปทางด้านซ้ายขวา ปริมาณนักท่องเที่ยวภายในอุโมงค์ลดลงแล้ว เขาจึงค่อยๆ ผละออก “พี่น้ำ คนซาลงแล้วครับ”
ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้น พลางยิ้มมุมปาก ใบหน้าไม่ค่อยจะเหมือนคนที่บอกว่าวิงเวียนสักเท่าไหร่ “งั้นเหรอ”
เมฆขมวดคิ้ว “พี่น้ำหายเวียนหัวแล้วเหรอ”
“อื้อ” น้ำพยักหน้า แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยเด็กหนุ่มออกจากอ้อมแขน
...หรือ... หรือว่า... นี่คือการอ่อย? พี่น้ำอ่อยเขาหรือนี่! ทำไมไม่บอกกันก่อน! เขาจ้องมองรอยยิ้มน้อยๆ ของรุ่นพี่อย่างเสียดาย
...โอย พี่น้ำทำแบบนี้ ดูถูกความเป็นสุภาพบุรุษหมาป่าของผมอีกแล้วอะ ไม่กลัวว่าผมจะตบะแตกแล้วปล้ำพี่น้ำเลยนะครับ...
ความคิดเช่นนั้นแล่นแวบเข้ามาในศีรษะ ยิ่งพอได้ประสานสายตากับอีกฝ่าย เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนสติจะหลุดลอยออกไปอยู่รอมร่อ
แต่ถึงจะอยากแค่ไหน... เขาก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากทำไม่เป็น เมฆเม้มริมฝีปากพลางหลุบตาลงต่ำ เขาสัญญากับตัวเองว่ากลับไปจะตั้งใจศึกษาหาข้อมูล ดูหนังโป๊ให้มากกว่านี้ จะไม่ปล่อยให้โอกาสได้แต๊ะอั๋งหลุดมือไปเปล่าๆ ปลี้ๆ อีก
พอได้เห็นท่าทางลังเลของเด็กหนุ่ม น้ำจึงปล่อยมือออก เขาผ่อนลมหายใจออกเบาๆ “เราเดินต่อกันเถอะ”
“อะ ครับ” เมฆเอื้อมมือออกไปคว้ามือรุ่นพี่ไว้ “ผมจับมือพี่น้ำไว้นะ เราจะได้ไม่หลงกัน”
น้ำชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มรับ “อืม”
...จะว่าไป คนเยอะแบบนี้ก็ดีไม่ใช่น้อย ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับพี่น้ำ แค่ยืนด้วยกันเฉยๆ ด้วยกันก็มีความสุขเสียจนอยากจะหยุดเวลาไว้แบบนี้นานๆ แล้วเดินมันอยู่แต่ในอุโมงค์มันทั้งวันเลย เด็กหนุ่มแสดงความรู้สึกทั้งหมดออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน เขารีบชักชวนให้รุ่นพี่เข้าไปในอุโมงค์ต่อไป
น้ำจ้องมองเด็กหนุ่มซึ่งจูงมือเขาเดินฝ่าฝูงชนออกไปโดยใช้ตัวเองเป็นกำบังให้ เพราะนิสัยของเมฆชอบปกป้องดูแลคนอื่นแบบนี้ ทำให้เขาต้องเล่นละครเป็นคนอ่อนแอเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับเด็กหนุ่มอย่างเนียนๆ โดยที่ไม่ทำให้อีกฝ่ายเกร็ง คิดแล้วก็สงสารตัวเองเสียเหลือเกิน
คนเยอะจนเวียนศีรษะงั้นหรือ เขาพูดออกไปได้อย่างไรกันวะ ถ้าพวกไอ้ตั้งใจได้ยินเข้าล่ะก็ พวกมันคงขำไส้ไหล
น้ำลอบผ่อนลมหายใจยาวเหยียด
เมฆเห็นว่ารุ่นพี่เดินตามเขาไปอย่างเงียบเชียบก็นึกเป็นห่วง “พี่น้ำไหวมั้ย”
“หือ? อ้อ ไหวๆ”
“อุโมงค์หน้าจะเป็นอุโมงค์ฉลามนะพี่ มืดหน่อย เดินดีๆ นะครับ”
เมื่อก้าวเข้าไปภายในอุโมงค์ เด็กหนุ่มมองตามปลาฉลามตัวยาวไปด้วยความตื่นเต้น มือที่จับกับรุ่นพี่ไว้กระตุกให้อีกฝ่ายมองตามที่ตนเองชี้ไปหลายต่อหลายครั้ง “พี่น้ำ ดูสิ หูฉลามน้ำแดง”
นัยน์ตาเรียวมองตามไปยังฉลามตัวที่เคราะห์ร้าย เมฆดูจะตื่นเต้นที่ได้เห็นฉลามมากกว่าตอนที่เดินอยู่ในอุโมงค์อื่นๆ เขาหัวเราะ
ออกมาเบาๆ “ผมดีใจที่คุณชอบ”
“จริงอยู่ที่ผมอยากมาที่นี่มากเพราะยังไม่เคยมา แต่ที่ชอบก็เพราะได้มากับพี่น้ำมากกว่า” เด็กหนุ่มพูดแล้วยักคิ้วรัวๆ
เป็นไงล่า... เขาก็ไม่ใช่ย่อยใช่ไหมล่ะ ประโยคนี้เขาแอบจำมาจากการ์ตูนตาหวานของรูมเมต
ชายหนุ่มย่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย “หืม...”
“ผมพูดจริงนะพี่ ไม่ได้โม้ ขอให้มีพี่น้ำอยู่ จะลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดผมก็ยอม”
“สวรรค์ชั้นเจ็ดเหรอ” รุ่นพี่ทวนคำพูดของเด็กหนุ่มพลางกระตกยิ้มมุมปาก เขาพยายามที่จะไม่หัวเราะกับสีหน้ากรุ้มกริ่มของอีกฝ่าย จึงทำเป็นหันไปมองปลาในตู้ “เออๆ ผมเชื่อก็ได้”
เมื่อหลุดออกมาจากอุโมงค์ทั้งหมด ทั้งสองก็พากันไปเดินเล่นในร้านขายของที่ระลึก พวกเขาตกลงว่าจะแยกกันเดินแล้วค่อยออกมาพบกันที่หน้าร้านทีหลัง
สำหรับเมฆแล้ว เขาตั้งใจจะหาของขวัญที่ระลึกให้กับรุ่นพี่ กวาดสายตามองอยู่หลายทีก็ยังไม่เจอของที่ถูกใจ จนไปพบกับสร้อยคอเงินห้อยจี้ปลาดาวในตู้กระจกใส เขายืนจ้องอยู่ชั่วครู่ หากยังลังเลที่จะเรียกพนักงาน เนื่องจากกลัวว่าการให้สร้อยคอจะเป็นการข้ามขั้นเกินไป พี่น้ำอาจจะลำบากใจที่จะรับ... แล้วถ้าพี่น้ำไม่ใส่ เขาคงจะห่อเหี่ยวมากเลยทีเดียว
เด็กหนุ่มถอนหายใจยาว จากนั้นจึงหันไปมองหาอย่างตื่นต่อ ในที่สุดก็ตัดสินใจซื้อตุ๊กตาฉลามขาวตัวอวบอ้วน ขนาดเท่าแขนมาแทน “ให้ตุ๊กตาก็งี่เง่าพอกัน... แต่ไอ้ปลานี่หน้าโง่ดี เผื่อพี่น้ำมองแล้วจะคิดถึงกันบ้าง” เมฆบ่นพึมพำกับตัวเอง พอได้ของแล้วก็ออกไปรอด้านหน้าร้านตามที่นัดกันไว้ เขายืนรออยู่สักพักอีกฝ่ายจึงค่อยตามออกมา
พอน้ำเห็นรุ่นน้องยืนกอดปลาฉลามอยู่ที่ด้านหน้าของร้านก็หลุดหัวเราะพรืด
“พี่น้ำหัวเราะอะไรเนี่ย”
“ขอโทษที ฮะๆ” ชายหนุ่มรีบหันหน้าหนี
ที่ตั้งใจไว้ว่าจะให้อีกฝ่ายเลยต้องพับเก็บไว้ซอกตู้ ความมั่นใจร่วงต่ำลงจนติดลบ “ผะ... ผมซื้อไปฝากฝนกับฟ้า...”
“หือ ทำไมซื้อตัวเดียวล่ะ”
“ที่บ้านมีหลายตัวแล้วครับ เอาไปเติมตู้ให้มันแน่นเฉยๆ”
“อ้อ งั้นเหรอ... ถ้างั้นเราไปจากที่นี่กันดีกว่านะ ไปไหนดีล่ะ... หรือจะหาที่กินข้าวเที่ยงก่อน”
“พี่น้ำหิวแล้วเหรอ” เมฆเบิกตาโพลง
“ยัง แต่เผื่อคุณจะหิว”
“ผมยังอิ่มอยู่เลยพี่ เมื่อเช้ายัดเข้าไปขนาดนั้น... แล้วพี่น้ำล่ะครับ ไม่มีที่อยากไปบ้างเหรอ”
“ก็มีนะ ไปดูวิวที่พระตำหนักดีมั้ย”
“อ่า ก็ดีครับ” เด็กหนุ่มทำหน้ายุ่ง พร้อมกับยกมือขึ้นเกาศีรษะ
“ไม่อยากไปเหรอ”
“เปล่าครับ คือว่าพระตำหนักอะไรนี่ผมไม่รู้จักหรอก ผมเป็นเด็กบ้านนอกอะพี่”
“เดี๋ยวก็รู้จักน่ะ ไปๆ ขึ้นรถ” หากพอน้ำเดินออกไปก็ได้ยินเสียงทะเล้นแว่วมาจากทางด้านหลัง
“ถ้าพี่น้ำจะสอนให้รู้จัก ผมก็ยอมทุกอย่างอะคร้าบ”
อ้อ... ที่ตีหน้าซื่อก็เพราะจะหยอดคำพูดหวานๆ ใส่เขานี่เองสินะ น้ำหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ พลางตอบกลับรุ่นน้องไปในใจ
...ให้มันจริงอย่างที่พูดก็แล้วกัน
TBC~*
รีบเอามาลง สยบความดราม่าใน ยังเบลอ ก่อนนะคะ 55555555555555
ตอนนี้พี่น้ำกับน้องเมฆสวีตกันมากกกกกกกกกก ใครได้คะแนนการหยอดเท่าไหร่ รบกวนคนอ่านตัดสินทีค่ะ 5555
แล้วติดตามการหยอดกันต่อในเดตภาคบ่ายนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่รักและเอ็นดูพี่น้ำกับน้องเมฆนะคะ ขอให้รักพี่ตฤณกับคุณนภบ้างน้าาา 
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ จุ๊บๆ