Chapter 21 : ความสับสน “ไอ้เมฆ ไปเจอผีมารึไงวะ”
“มึงเป็นอะไรวะ ไข้จับไข่เรอะ”
หลังกลับมาจากคอนโดมิเนียมของรุ่นพี่ต่างคณะ เมฆก็นอนคลุมโปงอยู่ที่เตียงนอนของตน โดยที่ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบรับกับรูมเมตที่เดินผ่านไปผ่านมาแล้วหยุดถามอาการอยู่หลายหนเลยแม้แต่น้อย
“ไอ้เมฆ พวกกูต้องเรียกรถร่วมฯ ป่าววะ” ทว่าเมื่อเมฆเอาแต่นิ่งเงียบ ก็ทำให้พวกรูมเมตเป็นห่วงหนักขึ้น พวกเขาสลับกันเขย่าตัวเด็กหนุ่ม แล้วดึงผ้าห่มออก
เมฆจำใจต้องลุกขึ้นมาสยบความวุ่นวาย “กูไม่ได้เป็นอะไร!” เด็กหนุ่มนึกอยากจะมุดลงไปใต้เตียงมากเหลือเกิน เขาไม่อาจควบคุมใบหน้าที่ยังคงซับสีเลือด กับหัวใจที่เต้นระรัวไว้ได้เลย
“หน้ามึงแดงเถือกเป็นกิ้งกือเลย เป็นไข้ป่าววะ”
“เปล่าๆ อากาศมันร้อนเฉยๆ”
“ร้อนแล้วคลุมโปงหาพ่อมึงเหรอวะ” หนึ่งในรูมเมตเอื้อมมือออกไปแตะหน้าผาก “อือ ตัวไม่ร้อน”
เมฆเสตาหลบ “ก็กูบอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไร”
“แน่ใจนะมึง”
“เออๆ”
เมื่อเพื่อนร่วมห้องยินยอมกลับไปยังที่นอนของแต่ละคนแล้ว เมฆจึงเอนหลังพิงกำแพงห้อง พร้อมกับนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เขายกมือสัมผัสริมฝีปากที่ความรุมร้อนของเรียวปากบางนั่นยังหลงเหลืออยู่ สีหน้าของรุ่นพี่ยังคงชัดเจนในความทรงจำ เพียงแค่นั้นก็ทำให้ส่วนกลางร่างตื่นตัวขึ้นมาอีกอย่างห้ามไม่ได้
ฉิบหาย! เด็กหนุ่มก้าวขาพรวดลงจากเตียง คว้าผ้าเช็ดตัว แล้ววิ่งปรู๊ดออกจากห้องไปทันที
“อ้าว ไอ้เมฆไปไหนวะ!” เสียงรูมเมตตะโกนถามไล่หลัง
“อาบน้ำโว้ย!”
หลังเสียงประตูปิดลงสนิท พวกรูมเมตที่เหลือในห้องจึงหันมองหน้ากัน “เออ สงสัยมันจะร้อนจริงๆ” จากนั้นจึงหันกลับไปสนใจกับสิ่งที่ทำค้างไว้ต่อ
สายน้ำเย็นฉ่ำร่วงหล่นลงกระทบศีรษะ ชำระล้างผิวกายที่เปล่าเปลือยจนสะอาดจรดปลายเท้า ดวงตาสีดำขลับจ้องมองหยาดน้ำที่ตกกระทบบนกระเบื้องห้องน้ำแล้วไหลวนลงสู่ท่อระบายน้ำ พลางหลับตาลง
...โอย... ไม่ไหว ทำยังไงก็ยังสลัดภาพพี่น้ำออกไปไม่ได้สักที เขาจำเป็นต้องรีดพิษออกไปบ้างเสียแล้ว
เมฆลืมตาขึ้นมองส่วนกลางร่างที่แข็งตัวอยู่น้อยๆ ก่อนจะใช้ฝ่ามือรูดรั้งอย่างเชื่องช้า เขากัดฟันไว้แน่นเพื่อไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกมาได้ “ฮื่อ...”
ภาพในหนังเอวีที่คู่ชายหญิงถูกแทนที่ด้วยตนเองกับรุ่นพี่แล่นแวบเข้ามาภายในศีรษะ เด็กหนุ่มปิดตาลงอีกครั้ง ปล่อยให้อารมณ์ร้อนรุ่มถูกปลุกขึ้น และจบลงในฝ่ามือของตน เขายืนหอบหายใจหนักๆ อยู่ภายใต้ฝักบัว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับกูวะเนี่ย!”
นัยน์ตาโตสีดำขลับจับจ้องอารมณ์รุ่มร้อนที่ตนเองเพิ่งปลดปล่อยออกมาในฝ่ามือเจือจางไปกับสายน้ำ ก่อนจะค่อยๆ กำมือแน่น แล้วทุบลงไปบนผนัง คิ้วเรียวขมวดเป็นปม
เขาไม่รู้ว่ารุ่นพี่ต่างคณะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงตรงส่วนกลางร่างของตนเองรึเปล่า แต่ถ้าเห็น...
...พี่น้ำจะรังเกียจเขาไหม ที่ตัวเขาแอบคิด แอบมีความรู้สึกเช่นนี้กับพี่น้ำ
เมื่อถึงเวลาเที่ยงของวันใหม่ กลุ่มนักศึกษาปีหนึ่งที่เพิ่งเลิกเรียนมุ่งตรงไปยังโรงอาหารของคณะ บ้างก็แยกย้ายไปโรงอาหารรวมตามแต่ความพอใจ ส่วนกลุ่มของเมฆนั้น ปกติแล้วจะมีที่นั่งประจำอยู่ตรงทางเข้าโรงอาหารคณะ ทว่าวันนี้เด็กหนุ่มกลับไม่ยอมไปร่วมวงกับเพื่อนพ้อง โดยให้เหตุผลว่าจะกลับไปกินบะหมี่สำเร็จรูปที่ห้องเพราะต้องการประหยัด
แต่ความจริงแล้ว เขานึกกังวลที่จะต้องประจันหน้ากับรุ่นพี่ต่างคณะ ซึ่งอาจจะมาร่วมรับประทานมื้อเที่ยงกับเพื่อนซึ่งเป็นพี่ว้ากปีสี่ ใจหนึ่งอยากเจอ แต่อีกใจ... เขาจะทำหน้าอย่างไรดี
“เป็นอะไรของมึงวะเมฆ ท่าทางลุกลี้ลุกลนชอบกล”
“ปละ... เปล่า... กูไปล่ะ” เด็กหนุ่มตอบแล้ววิ่งปรู๊ดนำออกไป
“เฮ้ย! เดี๋ยวๆ กูไปด้วย” ตำลึงออกตัววิ่งตาม “เบื่ออาหารโรงอาหารเหมือนกัน กินมาม่ากับปลากระป๋องดีกว่า”
แหนมหันรีหันขวาง แล้วก็วิ่งตามไปอีกคน “อ้าว งั้นกูไปด้วย”
ทั้งสามคนไปนั่งล้อมวงรับประทานบะหมี่สำเร็จรูปกันอยู่ภายในห้องของเมฆ เมื่อจัดการกับมื้อเที่ยงเสร็จจึงเอนหลังลงนอนกลิ้งเกลือกไปบนพื้นห้อง “เออ จริงสิ ไอ้เมฆ กระทะไฟฟ้าอยู่ที่มึงใช่มะ เดี๋ยวกูเอากลับห้อง...”
“ไม่อยู่” เมฆตอบเสียงอ่อย พลางคลานขึ้นไปบนเตียงนอนของตนแล้วหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุม
แหนมกระดกศีรษะขึ้น “อ้าว... แล้วอยู่กับใครวะ ไอ้ตำลึง?”
ตำลึงส่ายหน้ารัว “กูเอาหม้อข้าวไปไง เมื่อเช้าก็เอาไปให้ที่ห้องแล้ว”
“...กูเอาไปฝากพี่น้ำไว้”
“หือ?” เพื่อนรักทั้งสองหันขวับไปทางเด็กหนุ่ม “ฝากไว้? แล้วมึงจะไปเอาคืนมาเมื่อไหร่วะ ไม่มีกระทะไฟฟ้าทำกับข้าวไม่ได้นะโว้ย”
“มึงก็ทำอะไรที่ไม่ใช้กระทะไฟฟ้าไปก่อนสิวะ”
แหนมขมวดคิ้ว “อ้าว แล้วทำไมมึงไม่ไปเอาคืนจากพี่เขาล่ะวะ มึงเอาไปฝากหรือเอาไปให้พี่เขากันแน่เนี่ย”
“เออๆ เอาไว้กูจะไปเอาคืน ขอเวลากูทำใจหน่อย”
คำตอบของเมฆยิ่งทำให้เพื่อนทั้งสองงุนงงกันเข้าไปใหญ่ “ทำไมต้องทำใจด้วยวะ”
เมฆถอนหายใจหนักๆ หันหน้ามองออกไปทางระเบียง ถอนหายใจออกมายืดยาวอีกครั้ง แล้วจึงหันไปทางเพื่อนรักทั้งสอง “พวกมึง... เคยหลงรักใครบ้างมั้ยวะ”
“รักแบบไหนล่ะมึง กูรักมึง รักเพื่อน รักพ่อแม่ รักญาติโยม... ส่วนแฟนน่ะ กูเคยมีกับเขาซะที่ไหน” แหนมตอบก่อน ตามมาด้วยตำลึง “มึงพูดจาแปลกๆ ไปหลงรักใครเข้า... พี่น้ำรึไง”
แหนมหันไปตีศอก “ไอ้ห่า พี่น้ำเป็นผู้ชายนะมึง”
เมฆฟุบใบหน้าลงบนหมอนแล้วเอาผ้าห่มคลุมโปงไว้มิดชิด “โอยยย... กูจะบ้า”
เพื่อนรักทั้งสองหันมองหน้ากันแบบงงๆ เนื่องจากตั้งแต่รู้จักกันมา เมฆไม่เคยมีอาการแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน “ไอ้เมฆ มึงเป็นอะไรวะเนี่ย เมนส์มาเหรอ”
“เมนส์พ่อง...” เสียงเด็กหนุ่มดังแว่วออกมาจากใต้ผ้าห่ม ตามมาด้วยคำพูดที่แผ่วเบาราวกับกระซิบ “ถ้ากูจะบอกว่า สงสัยกูจะหลงรักพี่น้ำเข้าจริงๆ พวกมึงจะว่าไงวะ”
“ฮะ!” ตำลึงกระตุกผ้าห่มที่เมฆใช้คุลมตัวไว้ออก “ไอ้เมฆ! นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะเว้ย”
“กูไม่ได้ล้อเล่น แต่กูเองก็ยังไม่แน่ใจ... กูไม่เคยรักใคร ไม่เคยมีแฟนมาก่อนนี่หว่า” เมฆตอบเสียงอู้อี้ เพราะใบหน้าซุกอยู่บนหมอน
แหนมย่นคิ้วเข้าหากันอย่างครุ่นคิด “จู่ๆ มึงจะไปชอบพี่เขาได้ยังไงวะ พี่เขาเป็นผู้ชายนะมึง มีจู๋เหมือนมึงด้วย กูรู้จักมึงมานานก็ไม่เคยเห็นมึงสนใจจู๋นี่หว่า”
เจ้าของห้องผงกศีรษะขึ้นมาด่า “เหี้ย ก็จู๋พวกมึงกูจะสนทำห่าอะไรล่ะวะ”
“ถ้าเป็นจู๋พี่น้ำมึงจะสนเหรอ”
เมฆหยุดคิด พอนึกถึงตรงนั้นของพี่น้ำแล้ว ใบหน้าของเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนเป็นสีแดงแปร๊ด “.....”
“ไอ้เหี้ย! ไอ้เมฆ! มึงจะไปกันใหญ่แล้ว!” ตำลึงเบิกตาโพลง “เกิดอะไรขึ้นกับมึงวะ!”
“กูก็ไม่รู้... กูเองก็งงๆ อยู่เหมือนกัน” เมฆตอบเสียงแผ่ว
ภายในห้องเงียบกริบอยู่ครู่ใหญ่ เพื่อนรักของเมฆทั้งสองมองหน้ากันไปมา ก่อนจะมีใครเริ่มต้นบทสนทนาขึ้นมาอีกครั้ง
“เย็นนี้ลองไปเที่ยวร้านเหล้าแถวท้ายตลาดมั้ยมึง ไปหาสาวนั่งดริงค์หรือเด็กเชียร์เบียร์มานัวสักหน่อย มึงอาจจะหายมึนก็ได้นะ” ตำลึงเสนอ “ยังไงพรุ่งนี้ก็มีเรียนตอนสาย อยู่ดึกหน่อยสบาย”
“จริงของไอ้ตำลึงมันนะ บางทีอาจจะเป็นเพราะมึงไม่ได้แตะหญิงเลย พี่น้ำแม่งก็หน้าตาดีเกิน พอมึงสนิทกับพี่เขา มึงถึงได้สับสน”
เมฆเบิกตาโพลง “ไม่เอานะเว้ย! นี่พวกมึงจะพากูไปขึ้นครูเรอะ!”
“เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ แค่คุยกัน จิ๊จ๊ะนิดหน่อยก็พอ ไอ้ห่านี่ แก่แดด ทะลึ่ง!” แหนมหันไปดุ
“.....”
“อย่าคิดอะไรมากน่ะ ก็เหมือนไปกินเหล้าธรรมดา แต่มีสาวๆ มาร่วมวงคุยด้วยก็เท่านั้น” ตำลึงเกลี้ยกล่อม “มึงจะได้รู้ใจตัวเองไง ไม่ได้มีอะไรเสียหายหรือสึกหรอสักหน่อย”
“ลองดูก็ได้”
“เออ งั้นก็ไปเรียนต่อกันได้แล้ว”
ที่ด้านหน้าโรงอาหารคณะวิศวกรรมศาสตร์ น้ำคอยชะเง้อมองกลุ่มเด็กปีหนึ่งจากโต๊ะที่ตนเองนั่งรวมกับเพื่อนพ้องอยู่หลายครั้ง ทว่าคนที่รอคอยก็ไม่มาสักที แล้วที่โต๊ะที่อีกฝ่ายจองเป็นที่ประจำ ก็มีหลายคนที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาว่าปกติแล้วจะนั่งอยู่ด้วยกันกับเด็กหนุ่มเสมอนั่งรับประทานอาหารกันอยู่ ทว่าเจ้าตัวกลับไม่อยู่ที่นั่น
“มีอะไรวะไอ้น้ำ มองหาไอ้เด็กปีหนึ่งนั่นเหรอ” ตั้งใจหันไปถาม
“อือ มึงเห็นบ้างรึเปล่า”
“ตั้งแต่นั่งโรงอาหารมายังไม่เห็นเลยนะ แต่เพื่อนมันก็นั่งอยู่ที่โต๊ะเดิมนี่หว่า”
สีหน้าของน้ำเคร่งขรึม เขาลุกเดินตรงไปยังโต๊ะของเมฆแล้วลองถาม “เมฆไม่มาเหรอวันนี้”
“มาครับ/ค่ะ แต่เห็นว่าจะไปกินมาม่าที่หอ”
“อ้อ ขอบใจนะ” ชายหนุ่มตั้งใจเอากระทะไฟฟ้ากับดีวีดีมาคืนให้ ครั้นจะฝากเพื่อนในกลุ่มเมฆไว้ก็คงไม่ค่อยดีนัก เพราะถุงใหญ่แล้วก็หนักใช่เล่น เขาเลยวางทิ้งไว้ในรถ
น้ำยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาข้อมือ ยังมีเวลาอีกนิดหน่อย ถ้าหากเขาไปดักรอที่หอ อาจจะเจอเมฆก็ได้ แล้วเขาก็จะได้คืนกระทะนี่ เด็กหนุ่มจะนำไปเก็บได้อย่างสะดวกด้วย เขาบอกลาเพื่อนพ้องแล้วเดินตรงไปที่รถ จากนั้นจึงขับออกไปจอดอยู่ในที่จอดรถไม่ไกลจากหอสิบนัก
ชายหนุ่มยืนรอยู่ในที่จอดรถชั่วครู่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือมากดโทรออกไป หากปลายสายปิดเครื่องเสียอย่างนั้น
...ไม่อยากจะคิดว่าถูกอีกฝ่ายหลบหน้าเพราะเรื่องเมื่อวาน แต่ก็... คงไม่มีเหตุผลอื่น
น้ำกดล็อกรถแล้วเดินไปมองดูที่ภายใต้หอสิบ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของคนหลายคนก้าวลงบันไดมา จึงเดินไปรอที่ปลายบันได
“อ้าว... พี่น้ำ” แหนมซึ่งก้าวลงมาก่อนเป็นคนแรกเอ่ยขึ้น ทว่าหลังจากเอ่ยชื่อผู้มาเยือน คนที่เดินตามมาท้ายสุดก็รีบหมุนตัวกลับวิ่งปรู๊ดขึ้นบันไดไปหลบอยู่ที่ชั้นบน
แหนมหันรีหันขวาง “เอ้อ มีอะไรรึเปล่าครับ”
“.....” น้ำมั่นใจว่าตอนแรกได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงของเมฆพูดคุยกับเพื่อนแน่ๆ
“พวกผมต้องรีบไปเรียน ไปก่อนนะครับ” ตำลึงพูดตัดบท เขาคว้าแขนแหนมแล้ววิ่งปรู๊ดออกไปทันที
...เขาถูกเมฆหลบหน้าจริงๆ ซะด้วยสิ เมื่อวานคงทำเกินไป
ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่กับที่ แล้วจึงค่อยๆ เงยหน้ามองขึ้นไปทางด้านบน “เมฆ... คุยกันหน่อยได้มั้ย”
หากไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา “ผมรู้ว่าคุณอยู่ข้างบนนั่น”
ส่วนเมฆนั้น เขานั่งเกาะลูกกรงเป็นผีเด็กในเรื่องจูออนอยู่ตรงราวบันได พอได้ยินเสียงของรุ่นพี่ก็หลับตาปี๋ มือกำลูกกรงแน่น เขายังไม่สามารถสู้หน้าอีกฝ่ายได้จริงๆ
“เมฆ เรื่องเมื่อวาน... ไหนคุณบอกว่าให้ผมเป็นตัวของตัวเองบ้างยังไงล่ะ แล้วคุณหลบหน้าผมทำไม”
เสียงของรุ่นพี่แฝงไว้ด้วยความเศร้า... และผิดหวัง ส่งผลให้หัวใจของเด็กหนุ่มเจ็บแปลบ
...พี่น้ำเข้าใจเขาผิดซะแล้ว มันไม่ใช่ความผิดของรุ่นพี่ แต่เป็นของเขาต่างหาก ที่ดันคิดไม่ซื่อแบบนั้น
เมฆขมวดคิ้ว สายตาจ้องมองลงไปยังชั้นล่าง ใจหนึ่งอยากออกไปพบเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดทั้งหมด แต่อีกใจ... ก็ยังสับสนกับชีวิตไม่หาย
เขามันช่างขี้ขลาดเสียจริง
“ขอโทษครับพี่น้ำ” เด็กหนุ่มพึมพำเสียงเบา
น้ำถอนหายใจยาว เขายืนรออยู่อีกสักพัก จนกระทั่งถึงเวลาเข้าเรียนจึงจำใจเดินกลับออกไป
..
.....
..
เสียงเพลงจากวงดนตรีดังก้องอยู่ภายในร้านเหล้ากลางสวนขนาดย่อม ดังเสียจนแทบจะพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง ตามโต๊ะมีคนนั่งอยู่ประปราย ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นชายหนุ่มวัยทำงานกันเสียมากกว่า หากก็มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันอยู่หลายโต๊ะเช่นกัน
ตำลึงจีบพนักงานสาวในร้านมาได้คนหนึ่ง เธอคอยบริการอยู่ที่โต๊ะเขา แต่ว่าก็มีเพื่อนของเธอเดินแวะเวียนมาด้วยอยู่บ่อยๆ เนื่องจากใบหน้าหล่อเหลาของคนในโต๊ะที่ดูเตะตากว่าใครๆ ในร้าน “เพื่อนผมชื่อเมฆ โสดสนิทเลยครับ” เขาแนะนำให้กับสาวๆ ได้รู้จัก
เสียงวี้ดว้ายดังแว่ว จนหญิงสาวคนสวยที่อยู่ในชุดรัดรูปแบบประหยัดผ้าที่รัดแน่นจนตึงเปรี๊ยะไปทั้งตัวหันมาให้ความสนใจ ดูจากการวางตัวและหน่วยก้านแล้วเธอน่าจะเป็นหนึ่งในเจ้าของร้านหรือไม่ก็หุ้นส่วนใหญ่ เธอเดินนวยนาดมาที่โต๊ะของเด็กหนุ่มพลางเอ่ยทัก “สวัสดีค่ะ น้องๆ จากมหาลัยตรงโน้นใช่มั้ยเอ่ย ขอพี่เชอร์รีนั่งด้วยแป๊บนึงน้า เมื่อยขาจังเลย” หญิงสาวยิ้มหวาน เธอหย่อนตัวลงนั่งเคียงข้างเมฆ หยิบแก้วที่เบียร์เพิ่งจะพร่องลงไปเพียงเล็กน้อยมารินใส่ใหม่จนเต็มแล้วส่งคืนให้
กลิ่นน้ำหอมของเธอลอยมาเตะปลายจมูก แต่นั่นไม่ตรึงความสนใจของเมฆเท่ากับหน้าอกขาวอวบอัดที่แทบจะล้นออกมาจากชุดรัดรูปของเธอ ด้วยสัญชาตญานทำให้เขาจ้องมองตาไม่กะพริบ พร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ “ขอบคุณครับ”
“ไอ้เมฆ!” แหนมใช้ข้อศอกสะกิด “เบาๆ หน่อยมึง เกรงใจพี่สาวเขาบ้าง”
“อะ... เอ่อ... ขอโทษครับ” ใบหน้าของเด็กหนุ่มซับสีเลือด เขาพยายามจะเบือนหน้าหนี แต่ก็เหมือนมีแม่เหล็กดึงดูดให้หันกลับไปมองที่ตรงจุดเดิม
เชอร์รีหัวเราะพร้อมกับหยิกแก้มเด็กหนุ่มเบาๆ “แหม น่ารักจังเลย”
“พี่เชอร์รีครับ ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วย มันยังไม่เค้ยไม่เคย ก็เลยเป็นแบบนี้แหละ”
“ไม่เคย? หน้าตาอย่างนี้เนี่ยนะไม่เคย!?” หญิงสาวถามเสียงแหลม
“มันเป็นเนิร์ดอะครับพี่ เมื่อก่อนเอาแต่เรียน แม่นแค่ทฤษฏี แต่ยังไม่เคยลงแล็บ”
“มันก็เลยทั้งสดทั้งซิงอะคร้าบ” เพื่อนตัวดีทั้งสองช่วยชง
“พวกมึงพอเลย!” เมฆเบือนหน้าหลบจากหน้าอกอวบอึ๋มของหญิงสาวได้ในที่สุด เขายกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มพรวดๆ แก้เขิน
การที่ได้มานั่งใกล้ชิดกับผู้หญิงสวยๆ มันก็รู้สึกดีอยู่หรอกนะ แต่เขาว่า... มันก็ยังไม่ใช่ ความรู้สึกไม่เหมือนกับตอนที่ได้ใกล้ชิดกับพี่น้ำเลย “เฮ้ย!” เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก เมื่อรู้สึกถึงความนุ่มนิ่มที่แนบลงมาบนแขน เขาหันไปจ้องหญิงสาวตาแทบถลน “พี่!”
“หน้าแดงแป๊ดเลย น่ารักจัง” เชอร์รีโน้มใบหน้าเข้าไปแต้มจูบที่แก้ม “มานี่กับพี่เชอร์รีแป๊บนึงดีกว่า เดี๋ยวสอนอะไรดีๆ ให้” เธอกระซิบ พร้อมกับฉุดแขนเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นตาม
แหนมกับตำลึงเบิกตาโพลง ก่อนจะระเบิดหัวเราะเสียงดัง “ฝากไอ้เมฆด้วยแป๊บนึงละกันพี่”
TBC~*อย่าเพิ่งคว้าไม้มาตีตูดน้องเมฆนะค้าาาา 55555
อะไรๆ อาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดหรือที่เห็นก็เป็นได้ค่ะ
ก็แบบว่าเด็กมันไม่รู้เรื่อง
แต่งานนี้พี่น้ำจะว่ายังไงนะ อิอิ ให้พี่น้ำลงโทษน้องเมฆเองก็แล้วกันเนอะ
ขอบคุณนักอ่านที่น่ารักทุกคนค่า วันนี้คริสต์มาสอีพ ถ้างั้นฮัสกี้ก็ขอ Merry Christmas ทุกคนด้วยเลยนะคะ
//แจกจุ๊บรัวๆ 