Chapter 15 : Forth Mission“ของกูเหลือลายเซ็นพี่ภาคอีกยี่สิบคนเท่านั้นโว้ย!” เมฆชูสมุดลายเซ็นขึ้นอวดเพื่อนพ้องในชั้นปี “อีกไม่นานจะถึงกำหนดส่งแล้ว พวกมึงพร้อมรึยัง! พวกเราจะต้องชิงรุ่นมาให้ได้! จะต้องได้เข้ารับเกียร์พร้อมๆ กัน!”
เสียงเฮดังลั่น แว่วเข้าไปถึงโสตประสาทของรุ่นพี่ที่ยืนมองปีหนึ่งจากระเบียงชั้นบน ทำให้พวกเขาอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
“ปีหนึ่งปีนี้บ้าพลังดีนะ กูชอบ” ตั้งใจเอ่ยกับเฮดว้ากปีสามและกลุ่มพี่สตาฟฟ์เชียร์ “แม่งมีมารวมตัวกันตั้งแต่เช้าเพื่อซ้อมบูมด้วย กูนับถือใจพวกมันเลยว่ะ”
“เพราะพวกมันได้ประธานรุ่นสุด alert ด้วยแหละพี่”
“โคตรๆ เลยล่ะ” ตั้งใจหัวเราะ “ใกล้เวลาแล้วสินะ กูอยากรับพวกมันเป็นน้องใจจะขาดแล้ว ว่าแต่วันนี้พวกมึงเตรียมประชุมเชียร์ไว้เรียบร้อยแล้วนะ”
เฮดว้ากปีสามพยักหน้ารับ “เรียบร้อยครับพี่ พวกผมท่องบททุกวัน” สายตาที่ทอดมองลงไปยังพวกปีหนึ่งฉายแววอ่อนโยน “ประชุมเชียร์สนุกดี แต่ผมก็อยากให้ถึงวันรับเกียร์แล้วล่ะ”
ไข่ย้อยเตรียมหามิชชั่นเอาไว้รอประธานรุ่นปีหนึ่งพร้อมแล้ว เขามั่นใจว่าวันนี้ตอนบ่ายๆ เมฆจะต้องมาขอลายเซ็นจากตนเองแน่ ชายหนุ่มถึงกับเดินมาอ่อยรออยู่ที่หน้าตึกเลยทีเดียว
กลุ่มเพื่อนของเขาสังเกตกันว่าจะไม่มีปีหนึ่งคนไหนเข้ามาขอลายเซ็นจนกว่าประธานรุ่นจะมาขอเปิดซิง แต่หลังจากนั้นก็จะโถมกันเข้ามารัวๆ อย่างไม่เกรงกลัวต่อสายตาและหน้าตาถมึงทึงของพวกเขาเลย ไข่ย้อยหันไปมองเพื่อนรักทั้งสามที่ได้ถูกเปิดซิงไปก่อนแล้ว ป๊อกเด้ง ใบตอง และเต้าหู้ พวกเขาถูกรุมล้อมไปด้วยรุ่นน้องปีหนึ่ง ทั้งมาขอลายเซ็นและถ่ายรูปคู่ด้วยก็มี ส่วนตัวเขาก็คงใกล้จะตกอยู่ในสภาพนั้นเต็มที
ไม่ใช่ไม่ชอบนะ แต่แทบรอไม่ไหวแล้วต่างหาก
“เมื่อไหร่มึงจะมาซะทีว้า” ไข่ย้อยบ่นกับตัวเอง
ยืนแกว่งอยู่สักพัก เขาก็ได้ยินเสียงดังฮือฮาแว่วมาจากด้านในตึก พวกรุ่นน้องคงกำลังจะออกมากันแล้ว เขาต้องรีบเก๊กหน้าโหดก่อน
ในที่สุดเวลาที่ไข่ย้อยรอคอยก็มาถึง เมฆวิ่งดุ๊กๆ ตรงมาหาเขาโดยมีกลุ่มปีหนึ่งตามหลังมาติดๆ เด็กหนุ่มดูเชื่องขึ้นมากหลังจากวันที่ได้พบกันในห้องพักของน้ำ เลยทำให้เขาอดหลุดยิ้มทักมันไม่ได้เลยสักที
“แฮ่ม...” ไข่ย้อยกระแอม พยายามตีหน้าขรึม
เมฆหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับยกมือไหว้ “สวัสดีครับพี่ ผมมาขอลายเซ็นครับ”
“คุณรู้ใช่มั้ยว่าผมไม่เซ็นให้คุณง่ายๆ”
“รู้ครับ”
“เอ้านี่” ไข่ย้อยหันไปหยิบดอกกุหลาบสีแดงกำหนึ่งออกมาจากในถุง ยัดใส่มือเด็กหนุ่มแล้วพูดเสียงดังให้ทุกคนในบริเวณนั้นได้ยิน “เอาไปให้ไอ้น้ำเพื่อนผม และพาเดินรอบสนามฟุตบอลสองรอบ แล้วผมจะเซ็นให้” เขาตั้งใจจะยืมมือรุ่นน้องไปแก้เผ็ดไอ้น้ำเพื่อนรักที่เมื่อวันก่อนแย่งกินเกี๊ยวกรอบของเขาไปเสียจนหมดจาน ไอ้น้ำไม่ชอบมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นและก็ไม่ชอบทำตัวเด่น เพราะงั้นเพื่อนเขาคงจะเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ที่เมฆคงจะข้ามผ่านไปได้ไม่ง่ายแน่ๆ
ทว่าผิดคาด...
เมฆเงยหน้าขึ้นพร้อมยิ้มกว้างอย่าลืมตัว เพราะเขาก็เดาไว้แล้วล่ะว่ามิชชั่นที่เขาจะได้รับต้องไปเกี่ยวโยงกับรุ่นพี่ต่างคณะคนนั้นแต่ว่าคราวนี้เตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว
ไข่ย้อยผงะไปเล็กน้อย “ทะ... ทำได้รึเปล่าประธานรุ่น” มันจะยิ้มทำไมวะเนี่ย!? ไม่กลัวไอ้น้ำเตะติดผนังหรือไงกัน รู้จักความน่ากลัวของไอ้น้ำน้อยเกินไปแล้วโว้ย!
“ทำได้ครับ!”
“งั้นก็รีบไปเลย ปฏิบัติ!”
“ครับ!” เด็กหนุ่มรับคำอย่างขันแข็ง ขณะที่ก้าวกลับเข้าไปในกลุ่มของปีหนึ่งก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกไป
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในระหว่างที่น้ำกำลังเดินออกมาจากห้องเลคเชอร์ เขาหยิบโทรศัพท์นั้นขึ้นมาดู บนหน้าจอปรากฏหมายเลขที่ไม่รู้จัก... ปกติเขาไม่ให้เบอร์โทรศัพท์ใครง่ายๆ แล้วนี่ใครกันล่ะ ชายหนุ่มลังเลอยู่สักพักก็ตัดสินใจกดรับสาย
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ ผมเมฆนะครับ”
น้ำเบิกตาโพลง “คุณรู้เบอร์ผมได้ไงเนี่ย!” ที่แปลกใจยิ่งกว่าอีกฝ่ายรู้เบอร์ คือการที่โทรมาหาเขาด้วย เนื่องจากครั้งล่าสุดที่พบกัน เขาเห็นว่าเด็กหนุ่มทำสีหน้าแปลกๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างค้างคาในใจ ถึงเขาจะไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะตัวเขาหรือเปล่าก็ตามที
แต่น้ำเสียงฟังดูสดใสเหมือนเดิมแล้วนี่นะ วันนั้นอาจจะกำลังเครียดเรื่องสอบละมั้ง
“อ้าว! ก็พี่เป็นคนเขียนใส่กระดาษให้ผมเอง พร้อมกับไซส์เสื้อ กางเกง รองเท้า กางเกงในไงครับ”
“แต่กระดาษนั่นคุณส่งให้เพื่อนผมไปแล้วไม่ใช่เรอะ”
“ผมก็จำเอาสิครับ ตัวเลขไม่กี่ตัว ไม่ได้ยากนี่”
เขาเองก็ลืมไปว่าอีกฝ่ายความจำดีเหลือเกิน ชื่อเพื่อนเกือบทั้งคณะยังจำได้เลย “แล้วโทรมาทำไม”
“คือว่า พี่จำที่บอกกับผมไว้ได้รึเปล่า ถ้าหากผมมีอะไรอยากให้ช่วย...”
“อือ จำได้ จะให้ช่วยอะไรก็ว่ามา”
“ก่อนอื่นช่วยมาพบผมที่สนามบอลข้างตึก E หน่อยนะครับ”
“อืม รอประมาณสิบนาทีละกัน” น้ำรับปากไปโดยดี แล้วรีบเดินไปยังจุดนัดหมายทันทีทั้งที่ไม่ได้รู้เลยว่าข้างหน้ามีอะไรรออยู่
เมฆยิ้มกว้าง หันไปบอกกับตำลึงและแหนมพลางก้าวขาออกไป “เฮ้ย เดี๋ยวพวกมึงไปตามพี่ไข่ย้อยมาดูกูด้วยนะ” จากนั้นก็วิ่งตรงไปยังสถานที่ที่ได้นัดหมายกับรุ่นพี่ต่างคณะไว้
“เหอ!” สองหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น ครั้งนี้ไอ้เมฆเพื่อนรักของพวกเขาดูมั่นใจเต็มร้อยเลยเชียว ไปได้ของดีมาจากไหนกันวะ
สนามบอลในยามบ่ายโล่งสนิท เนื่องจากอากาศที่ร้อนอบอ้าวแล้วยังแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาอย่างไม่เกรงใจใครๆ เมฆยืนรออยู่ในที่ร่มใต้ตึก E สักพักชายหนุ่มคนที่เขานัดไว้ก็ก้าวเข้ามาหา
“ว่าไง” น้ำขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มถือช่อดอกกุหลาบสีแดงอยู่ในมือ ใบหน้าระรื่นเสียจนน่าหมั่นไส้ เขาลดระดับสายตาลงมองดอกกุหลาบเหล่านั้น “จะฝากให้ใครรึไง”
เมฆอมยิ้ม “เปล่าครับ นี่เอามาให้พี่”
คิ้วที่ขมวดอยู่ในตอนแรกยิ่งพันกันเป็นปมหนักขึ้นกว่าเดิมอีก “ไม่เอา” ชายหนุ่มตอบแล้วหันหลังกลับ
เด็กหนุ่มคว้าข้อมือรุ่นพี่ต่างคณะไว้ “โธ่ ไหนว่าจะช่วยผมไงครับ ไม่รักษาคำพูดนี่”
น้ำชะงักกึก “.....”
“คิดว่าผมเอามาจีบพี่รึไงกัน นี่เพื่อนพี่นั่นแหละสั่งมา แล้วบอกให้พาพี่ไปเดินรอบสนามบอลสองรอบด้วย”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ ใจอยากจะไปจกตัวเพื่อนมากระทืบให้จมดิน ทำไมชอบหาเรื่องอะไรแผลงๆ มาให้เขานักวะ “.....”
“ช่วยผมหน่อยนะครับ มิชชั่นนี่มันอาจจะดูตลกในสายตาของคนอื่น แต่สำหรับพวกเรามันคือความภูมิใจนะครับ เพื่อนๆ พี่เรียนวิศวะ พี่คงรู้ว่ามันสำคัญกับพวกเรามากขนาดไหน เพื่อนในคณะของผมก็รอดูอยู่ ถ้าผมได้ลายเซ็นไม่ครบ ผมก็จะไม่ได้เข้าร่วมวันรับเกียร์ แล้วผมเป็นประธานรุ่นด้วยแบบนี้...”
น้ำถอนหายใจยาว “เข้าใจแล้ว หยุดพล่ามเถอะน่ะ” ก่อนจะหันกลับไปคว้าช่อกุหลาบมาจากเด็กหนุ่ม “ไปๆ รีบๆ เดินให้มันเสร็จไปสักที”
“ขอบคุณคร้าบ” เมฆหัวเราะ “เดี๋ยวรอแป๊บนะครับ ผมให้เพื่อนไปตามพี่ไข่ย้อยอยู่”
“ดีใจอะไรนักหนา ไปเดินรอบสนามบอลกลางวันแสกๆ แถมกับผู้ชายด้วยกันแบบนี้นี่มันสนุกนักรึไง ยิ้มหน้าบานเป็นคนบ้าไปได้” ชายหนุ่มค่อนขอด
“โธ่ ก็ผมดีใจที่พี่ยอมช่วย แต่ที่จริงผมก็เดาไว้แล้วแหละว่าเพื่อนพี่จะต้องมาแนวนี้อีกแน่”
น้ำส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าไอ้พวกเพื่อนเวรมันคิดอะไรอยู่ “....”
“คงเป็นเพราะว่าพี่น่ะ ใจดี แล้วก็น่ารักมากด้วย”
ชายหนุ่มหันขวับไปประสานสายตากับคนพูด เขานิ่งอึ้ง ไม่นึกว่าจู่ๆ จะถูกจู่โจมด้วยคำชมพร้อมด้วยหน้าตาจริงจังแบบนี้ แต่ก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “ไม่ต้องมายอกันหรอกน่ะ ผมสัญญาว่าจะช่วยก็แค่ครั้งนี้เท่านั้น”
“พี่ทำหน้าบอกบุญไม่รับแบบนี้อีกแล้ว คนชมก็ยิ้มรับหน่อยสิครับ พี่รู้มั้ย พวกเพื่อนผมน่ะ ตั้งแต่วันที่โรงยิมนั่นก็พูดถึงพี่กันไม่หยุดปากเลยน้า” เมฆยังคงพูดต่อไปเรื่อย “อีกอย่างที่ผมดีใจน่ะ เพราะจะได้มีข้ออ้างให้ได้เจอพี่อีก”
“ฮะ!?” น้ำขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
“เอ้อ จริงสิ หมูสะเต๊ะกับข้าวมันไก่ทอดเมื่อวันก่อนอร่อยสุดๆ ไปเลย” เมฆยิ้มตาหยี
“อืม”
เด็กหนุ่มทำหน้ายุ่งใส่ “แค่นี้เหรอ”
“แค่นี้อะไร”
“พี่จะพูดกับผมแค่นี้เองเหรอ จะประหยัดคำพูดไปไหนคร้าบ”
“...จะให้ผมพูดอะไรล่ะ”
“ก็แหม พี่ไม่มีอะไรจะคุยกับผมหน่อยเหรอ ถามอะไรผมบ้างก็ได้”
น้ำหยุดคิดไปสักพัก แล้วเขาควรจะถามอะไรดีล่ะ “ทำข้อสอบได้มั้ย”
“เรื่องสอบสำหรับผมน่ะเรื่องเล็ก”
“คะแนนออกมาเล็กด้วยรึเปล่า”
“โหย... พี่ดูถูกผมจังอ่า”
น้ำหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ “ก็ดูไม่ผิดหรอก”
...ยิ้มแล้ว
เมฆยิ้มตามไปด้วย ในที่สุดอีกฝ่ายก็กลับมาเป็นปกติกับตนเองสักที ในบรรดารูปนับสิบๆ ใบที่เขาไปยืนดูนั่น ไม่มีรูปสักใบที่รอยยิ้มของรุ่นพี่จะเหมือนกับในเวลานี้ สายตาของเด็กหนุ่มฉายแววอ่อนโยน เขาจ้องมองใบหน้าของน้ำอย่างไม่วางตา
“มีอะไรเหรอ”
“เปล่า... เปล่าครับ” เมื่อสายตาประสานกันก็ราวกับมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ แล่นแปลบ เมฆสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้าหลบนัยน์ตาเรียวคู่สวย แต่ไม่ไกลออกไปนั้น พี่ว้ากกับเพื่อนรักเขากำลังเดินเข้ามากันแล้ว “นั่น! พวกไอ้ตำลึงพาพี่ไข่ย้อยมาแล้ว! เราลงไปในสนามบอลกันเถอะครับ” เด็กหนุ่มกระตุกแขนเสื้อรุ่นพี่ต่างคณะ แล้วเดินตามกันลงไปในสนามฟุตบอล
สองหนุ่มร่างสูงสาวเท้าฉับๆ โดยที่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันในช่วงแรก แต่เมฆก็เร่งฝีเท้าขึ้นไปเดินเคียงข้างอีกฝ่าย “พี่น้ำครับ”
ชายหนุ่มชะงัก พลางหันกลับไปมองรุ่นน้องต่างคณะซึ่งยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า นึกสงสัยว่าวันนี้เด็กหนุ่มมาแปลกชอบกล “หือ?”
“ผมเรียกชื่อพี่น้ำได้ใช่มั้ย”
“ก็เรียกไปแล้วนี่”
“ที่จริง คณะผมน่ะ พวกพี่ๆ จะไม่นับว่าเราเป็นพี่น้องกันจนกว่าจะบายศรี แต่พี่น้ำอยู่ต่างคณะ พี่คงไม่ว่าไรหรอกเนอะ”
“แล้วผมนับคุณเป็นน้องตั้งแต่เมื่อไหร่”
“โห ก็ถึงขนาดหิ้วผมไปนอนค้างด้วยมาแล้ว” เด็กหนุ่มพึมพำ “ไม่รับเป็นน้องแล้วจะรับเป็นอะไร”
น้ำส่ายหน้าไปมา พร้อมกับหัวเราะเบาๆ “เอาเถอะ จะเรียกอะไรก็เรียก”
“งั้นพี่น้ำเรียกผมว่าเมฆเฉยๆ ด้วยนะ”
...ความรู้สึกที่เหมือนมีลูกสุนัขมาวิ่งตาม วิ่งล้อมหน้าล้อมหลังเช่นนี้ ทำให้น้ำใจอ่อน นึกเอ็นดูอีกฝ่าย เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าหากพวกเขาจะสนิทสนมกัน ที่จริงก็รู้สึกดีไม่ใช่น้อย “คิดดูก่อน”
“โหย อย่าคิดนานนะครับ... นี่ๆ พี่น้ำสนิทกับเฮดว้ากปีสี่มากเลยเหรอ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “ก็สนิทกันทั้งกลุ่มนั่นแหละ”
“ทำไมถึงสนิทอะครับ”
“ก็เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ม.ต้น”
“อ้อ...” เมฆยิ้มกว้างอีกครั้ง “แล้วพี่น้ำเมมเบอร์ผมไว้ยัง”
“ยัง”
“แต่ผมเมมเบอร์พี่น้ำไว้แล้วนะ พี่น้ำเมมเบอร์ผมด้วยล่ะ”
“อือ”
“นี่พี่น้ำ เราออกไปกินมื้อดึกกันอีกนะ คราวหน้าผมเลี้ยงเอง”
“จะตามไปดูบอลที่ห้องผมล่ะสิ”
“โธ่! แสนรู้จังครับ!”
พอรุ่นน้องชวนคุย รุ่นพี่ก็เดินช้าลงทีละน้อย จากที่ในตอนแรกพยายามก้าวยาวๆ ให้พ้นๆ สนามฟุตบอลไปสักที กลับกลายเป็นเดินอ้อยอิ่งคุยกันไปเรื่อย ชนิดที่กลุ่มคนที่ยืนรอด้านนอกสนามตากแดดตัวดำกันไปแล้ว
ไข่ย้อยยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายวิดีโอไว้ กะว่าจะเอาไปให้เพื่อนในกลุ่มช่วยกันวิเคราะห์สักหน่อย เขาคิดว่าไอ้สองคนนี้มันดูแปลกๆ มาสักพักแล้ว ทำไมจู่ๆ ถึงมาสนิทกันได้วะเนี่ย! ไอ้น้ำก็ดูใจดีกับปีหนึ่งของเขาอย่างเหลือเชื่อ ใจนึกอยากจะตะโกนด่าให้เดินไวๆ หรือไม่ก็เลิกเดินกันได้แล้ว ตัวเขาจะละลายลงไปกองอยู่กับพื้นแล้วนะ ไม่ร้อนกันบ้างหรือไงวะ!
“ดูพี่น้ำท่าจะร้อน หน้าแดงๆ เหงื่อออกเต็มเลย”
“แดดแรงขนาดนี้ ผมไม่ร้อนก็แปลกละ”
“ขอบคุณนะครับที่มาเดินกับผม” เมฆยิ้มบาง พลางยกมือขึ้นบังแสงแดดให้อีกฝ่าย
น้ำผลักมือออก “บังให้ตัวเองเถอะ”
“ผมน่ะมันนักกีฬากลางแจ้ง เล่นบาสกลางแดดประจำ เออ จริงสิ... ผมจะลงแข่งบาสในกีฬามหาลัยด้วยนะ”
“หืม... เล่นบาสเป็นด้วยเหรอ”
“โธ่ ผมน่ะ อดีตนักกีฬาโรงเรียนเชียวนะ ระดับเขตผมก็เคยไปแข่งมาแล้ว”
“ขนาดนั้น” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ
เมฆโน้มตัวเข้าไปกระซิบ “เอาไว้จะแข่งเมื่อไหร่ ผมจะเมสเสจไปบอกพี่น้ำนะ มาถ่ายรูปให้ผมด้วยได้มั้ย”
“ถ้าว่างนะ”
“เวลาผมเล่นบาสน่ะ เท่มากเลยน้า ใครๆ ก็บอก”
“เขาหลอกให้ดีใจรึเปล่า”
“พี่น้ำลองมาดูผมสักครั้งสิ รับรองต้องหลงเสน่ห์ผมชัวร์”
น้ำกระตุกยิ้มมุมปาก “คุณเป็นนักกีฬาหรือเป็นหมอผีกันแน่”
“เฮ้ย! ไอ้เมฆ! พอแล้วโว้ย เกินสองรอบแล้ว!” แหนมกับตำลึงตะโกนเสียงดัง พวกเขาอุตส่าห์ซื้อน้ำเตรียมไว้พร้อม เกรงว่าเพื่อนจะเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน แต่ที่ไหนได้ สองรอบกว่าแล้วหน้าตายังระริกระรี้ไม่หาย
“อา... ครบสองรอบซะแล้ว” สีหน้าของเด็กหนุ่มสลดลงเล็กน้อย
...เวลาผ่านไปเร็วเหลือเชื่อ ทั้งสองหนุ่มลืมอากาศที่ร้อนระอุตอนนั้นไปเสียสนิท
น้ำยิ้มบาง เขาส่งดอกกุหลาบในมือคืนให้อีกฝ่าย “เอ้า แล้วรีบไปเอาลายเซ็นซะล่ะ”
“พี่น้ำ” เมฆครางในลำคอเสียงเบา นึกต่อว่าสนามฟุตบอลที่มันแคบเกินไป สงสัยว่าจะไม่ได้มาตรฐาน แค่เห็นอีกฝ่ายหันหลังเดินจากไปก็รู้สึกเหงาแบบแปลกๆ แล้ว “พี่น้ำ คือ...”
“ประธานรุ่นเอาสมุดลายเซ็นมาครับ!”
เสียงของไข่ย้อยเรียกสติของเมฆให้กลับคืน เขาหันไปมองคนที่เดินออกจากสนามไปแล้ว ก่อนจะรีบตรงเข้าไปหาพี่ว้ากเพื่อรับลายเซ็น “ครับ!”
TBC~*น่ารักมั้ยยยยยย น้องเมฆเหมือนลูกหมาขี้เล่นเลยเนอะ อยากให้เจ้าของเอ็นดู 5555555
สำหรับว่า #น้ำเมฆ หรือ #เมฆน้ำ อันนี้เขาก็ผู้ชายด้วยกันทั้งคู่อ่านะคะ ปกติฮัสกี้จะเขียนแต่แบบแบ่งฝั่งชัดเจนใช่ม้า
คราวนี้เลยอยากลองแบบว่า ให้ผช เขาผลัดกันจีบกันเองบ้างค่ะ ส่วนตำแหน่งนั้น เดี๋ยวค่อยได้ตกลงกันทีหลังเนอะ
เพราะบางที คนที่จะโดนจับกด เขาก็ยังไม่รู้ชะตากรรม 55555555555555
ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านค่ะ รักนะจุ๊บๆ 