รักวุ่นๆ ตัวจุ้นช่วยให้รักกัน (◕〝◕) #Mpreg
CH.4
Part ภาค
ผม ภาค ภากร วิริยะภาคสกุล เป็นลูกชายคนเล็กของเจ้าบริษัทซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ ทำให้เมื่อผมเรียนชั้นปีที่3 ต้องเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกที่มีชื่อเสียงด้านซอฟแวร์คอมพิวเตอร์เพื่อที่จะได้นำความรู้ที่ได้มาพัฒนาสานต่อในธุระกิจของที่บ้าน แต่การเดินทางไปเรียนของผมครั้งนี้ทำให้ผมต้องห่างจากคนที่ผมรัก “ภีม ภีมภพ ศิริวิทย์วัฒนกุล” ซึ่งภีมเป็นรุ่นน้องของผมที่มหาวิทยาลัย ผมเจอภีมในวันรับน้องตอนที่ภีมเข้าปีหนึ่ง ตอนเห็นหน้าครั้งแรกผมก็ชอบภีมเข้าให้แล้ว ทั้งที่ภีมเป็นผู้ชาย และผมก็ไม่เคยชอบผู้ชายคนไหนมาก่อน หลังจากนั้นผมตามจีบภีมจนเราได้เป็นแฟนกันผมมีความสุขมาก จนกระทั่งผมต้องไปเรียนต่อ โดยผมไม่รู้เลยว่าการไปเรียนต่อครั้งนี้จะทำให้ผมไม่สามารถติดต่อกับภีมได้อีกเลย ตลอดการเรียนที่ผมเรียนอยู่ต่างประเทศผมไม่สามารถติดต่อภีมได้เลย ไม่ว่าจะเป็นช่อทางไหน ทำให้ผมร้อนใจไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับภีมหรือเปล่า ผมอยากจะกลับเมืองไทยไปหาภีมแต่ผมก็ทำไม่ได้เพราะการเรียนที่หนัก ผมเลยให้เพื่อนที่เรียนอยู่ที่เมืองไทยช่วยตามดูภีมให้ มันก็ส่งข่าวมาบอกว่าภีมก็ไปเรียนตามปกติ ทำให้ผมคิดมากว่าเพราะอะไรที่ทำให้ภีมไม่ติดต่อกับผมเลย ผมเลยให้เพื่อนผมมันส่งข่าวให้ผมเรื่อยๆ จนกระทั่งภีมเรียนจบปีที่สอง เพื่อนผมบอกว่าไม่เจอภีมไปเรียนที่มหาลัยแล้วไม่ทราบเหมือนกันว่าไปไหนเพราะถามเพื่อนของภีมก็ไม่มีใครรู้ ผมจะให้เพื่อนผมออกตามหาให้ก็ไม่ได้เพราะพวกมันต้องฝีกงาน และหลังจากฝึกงานพวกมันก็ยุ่งกับโปรเจ็กจบ เนื่องจากเรียนปีสุดท้ายแล้วทำให้หลังจากนั้นผมไม่ได้รับข่าวคราวภีมอีกเลยตลอดสองปี
จนตอนนี้ผมมาเรียนที่นี่ได้สองปีกว่าแล้ว ผมกำลังจะเรียนจบแล้วกลับประเทศไทยแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมส่งคนตามหาภีมตลอดแต่ก็หาไม่เจอไปตามหาที่รีสอร์ทที่เป็นธุระกิจของที่บ้านภีมพนักงานก็บอกว่าภีมไม่ได้กลับบ้านนานแล้วทำให้ผมไม่รู้เลยว่าภีมไปอยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้างผมกะว่ากลับไปถึงเมืองไทยแล้วผมจะออกตามหาภีมด้วยตัวเองอีกครั้ง ก่อนผมกลับบ้านสี่เดือนไอ้โจ้เพื่อนของผมมันโทรมาบอกผมว่ามันเจอภีมที่กระบี่บ้านเกิดของภีมเพราะมันไปธุระที่นั่น มันเล่าให้ผมฟังว่ามันเจอภีมเดินห้างสรรพสินค้ากับเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณสองขวบและที่สำคัญไปกว่านั้นภีมเรียกเด้กคนนั้นว่า “ลูก” ตอนที่ได้ยินเหมือนมีอะไรมาจุกที่ลำคอ ขอบตาร้อนผ่าว หรือที่ภีมหายไปภีมไปแต่งงาน เพราะระยะเวลาที่ภีมหายไปกับอายุลุกของภีมมันทำให้ผมคิดอย่างนั้นอยู่ๆผมน้ำตาก็ไหล ผมเสียใจมากว่าผมทำอะไรผิด ทำไมภีมทำกับผมแบบนี้ แล้วทำไมไม่บอกกันตรงๆ ไม่ใช่อยู่ๆก็หายไป ผมเลยส่งคนไปสืบว่าภีมแต่งานไปกับ แต่งเมื่อไหร่ หลังจากนั้นไม่นานคนที่ผมให้ไปสืบก็มารายงานผมว่าภีมยังไม่ได้แต่งงานกับใคร และที่แปลกเด็กผู้ชายคนนั้นเรียกภีมว่า”แม่” ผมเลยสั่งให้ไปสืบอีกว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกใคร เกี่ยวข้องยังไงกับภีม ทำไมถึงเรียกภีมว่า”แม่” หลังจากนั้นสองอาทิตย์คนของผมก็รายงานข้อมูลให้ผมทราบ และข้อมูลนั้นทำให้ผมประหลาดใจเป็นอย่างมากคือเด็กผู้ชายคนนั้นเป็นลูกของภีม ที่เกิดจากการตั้งครรท์ของภีมเอง และในข้อมูลที่รายงานมาให้ผมนั้นมีรูปภาพแนบมาด้วย เด็กผู้ชายตัวอ้วนหน้าตาน่ารักมาบ้างส่วนคล้ายภีม “ภาม ภาคิไนย ศิริวิทย์วัฒนกุล” ชื่อของเด็กคนนั้น ตอนเห็นรูปนั้นตอนนี้ผมรู้สึกหัวใจเต้นเร็วและคิดไปว่ามีความเป็นไปได้ที่เด็กคนนี้เป็นลูกของผม เพราะผมกับภีมห่างกันเกือบสามปีและเด็กคนนี้อายุสองขวบ ดังนั้นทำให้ผมตัดสินใจบินกลับเมืองไทยตัดทีเพราะผมเรียนจบแล้วแต่รอรับปริญญาอยู่ ผมไม่รอรับปริญญาแล้วผมไปทำเรื่องที่มหาวิทยาลัยเผื่อให้เขาส่งปริญญาและเอกสารต่างๆกลับไปให้ผมที่เมืองไทย ผมก้มมองรูปของภามอีกครั้งพร้อมกับคิดว่า
“ภาม หนูจะเป็นลูกของพ่อหรือเปล่านะ”
หลังจากที่ผมกลับมาถึงเมืองไทย ผมก็เข้าไปบอกเรื่องของภีมและเรื่องที่ผมสงสัยเกี่ยวกับภามให้พ่อแม่และพี่ชายฟัง ตอนที่ได้ยินครั้งแรกว่าผมมีคนรักเป็นผู้ชาย แม่ทำท่าจะเป็นลมส่วนพ่อก็โกรธ แต่หลังจากที่ผมบอกเรื่องที่ผมสงสัยว่าภามเป็นลูกของผมพร้อมทั้งเห็นดูหลักฐานที่ผมให้คนไปสืบมา พวกท่านก็จะลงไปกระบี่เพื่อที่จะไปคุยกับภีมด้วยตัวท่านเอง แต่ผมขอไว้ว่าขอให้ผมไปคุยกับภีมก่อน เพราะไม่มีรู้ว่าครอบครัวของภีมจะรู้สึกยังไงที่อยู่ๆมีคนไปบอกว่าเป็นพ่อของภาม ท่านเลยยอมให้ผมจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และยังย้ำอีกว่าผมต้องทำยังไงก็ได้แต่ต้องพาภามมาหาท่านให้ได้เพราะท่านมั่นใจว่าภามเป็นลูกของผมเพราะเมื่อเห็นรูปภามแล้วท่านทั้งสองบอกว่าหน้าตาของภามมีส่วนคล้ายกับผมตอนเด็กมาก
วันรุ่งขึ้นผมเดินลงไปกระบี่แต่ผมยังไม่ไปเจอภีมและภาม ผมเฝ้าตามภีมอยู่หลายวัน ในแต่ละวันภีมจะออกไปทำงานที่รีสอร์ท โดยภามจะอยู่ที่บ้านกับคุณยายหรือแม่ของภีมและพี่เลี้ยง ยิ่งเห็นภามผมยิ่งมั่นใจว่าภามเป็นลูกของผม และวันนี้เป็นวันหยุดช่วงสายผมเห็นภีมขับรถพาภามออกไปด้านนอกผมเลยขับรถตามไปจนถึงห้างสรรพสินค้า ผมคิดว่าภีมน่าจะพาภามมาเที่ยว ผมแอบตามไปผมเห็นภีมพาภามไปยังโซนของเล่นเพื่อซื้อของเล่นแล้วหลังจากนั้นพากันไปดูหนัง ดูหนังจบภีมพาภามไปซื้อเสื้อผ้า เสร็จแล้วพาไปกินเคเอฟซีภามคงอยากจะกินภีมเลยพาไปแล้วพากันกลับบ้าน หลังจากที่ภีมกับภามเข้าบ้านไปแล้วผมนั่งอยู่ในคิดถึงบรรยากาสวันนี้ระหว่างภีมกับภาม ผมรู้สึกอิจฉาภีมที่มีเวลาดีๆกับลูกและอีกความรู้สึกหนึ่งคือน้อยใจ เสียใจ ว่าทำไมภีมถึงไม่บอกเรื่องภามกับผม คิดได้แบบนั้นผมจึงตัดสินใจว่าวันนี้แหละที่ผมจะทำให้ภีมยอมรับเรื่องของภามกับผมให้ได้ ผมจะได้มีเวลาดีๆกับนั้นกับลูกบ้าง
ผ่านไปสองชั่วโมงมีรถวิ่งออกมาจากบ้านของภีมเห็นเป็นภูน้องชายของภีมกับออกไป สักพักผมเห็นภามออกมาวิ่งเล่นที่หน้าบ้านผมเลยตัดสินใจกับรถเข้าไปภามวิ่งเล่นแล้วหันมองรถผม พอจอดรถเสร็จผมลงจากรถเห็นภามวิ่งมาที่อยู่
“สวัสดีฮะ มาหาใครเหรอฮะ”ภามวิ่งมาถึงก็ยกมือไหว้แล้วถามผม ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เจอภามใกล้ๆแบบนี้ ทำให้ผมอยากกอดอยากหอมแก้ม
“สวัสดีครับ มาหาคุณแม่ของภามครับ”
“รู้จักชื่อภามด้วยเหรอฮะ” ภามทำแก้มป่องด้วยความสงสัย น่ารักจริงๆลูกชายผม
“รู้จักสิครับ” พูดจบภามก็วิ่งเข้าไปในบ้าน ไม่นานภามก็วิ่งออกมาอีกครั้ง
“คุณแม่ถามว่าใครมาฮะ”
“พ่อครับ”ผมบอกภาม
“พ่อเหรอฮะ”ภามถามผม ผมรู้สึกสะอึกที่ลูกถามแบบนั้น
“ครับ พ่อเป็นพ่อของภาม”ผมย่อตัวลงไปคุยกับภาม แล้วภามก็วิ่งกลับเข้าไปในบ้าน ผมเลยเดินตามเข้าไป
“นี่ไงฮะ แม่ฮะ พ่อมาหาฮะ” ภามบอกภีมไปแบบนั้น
“พ่อ เหรอครับ”ผมได้ยินเสียงภีมถามแบบสะดุดตรงคำว่า “พ่อ”
“ฮะ เขาบอกว่าเขาเป็นพ่อของภาม” ภามพูดกับภีม
หลังจากภามพูดจบผมก็เดินเข้าไปในห้องที่ภีมกับภามอยู่
“พี่ภาค”ภีมพูดชื่อผมมาเสียงเบา
“ภีม”ผมก็เรียกชื่อของคนที่ผมตามหามาตลอดเกือบสามปี
“พะ พี่ภาคมาได้ไง” ภีมถามผม
“พี่มาได้ไงไม่สำคัญหรอก แต่ภีมไม่คิดจะบอกกออะไรพี่หน่อยเหรอ”ผมหันไปคุยกับภีมพร้อมจ้องหน้าภีม เพราะตอนนี้เรื่องที่ผมจะรู้คือเรื่องของภาม
“พี่หมายความว่าไง หรือว่า” ภีมถามผมแล้วอยู่ๆก็หยุดไปเหมือนคิดได้ว่าผมหมายถึงเรื่องอะไร
“ใช่ เรื่องภาม”ผมพูดยืนยัน
“พี่ภาคพูดเรื่องอะไร ภีมไม่เข้าใจ” ภีมพูดทำเป็นไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด
“อย่าแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจหน่อยนะภีม พี่อยากรู้ว่าทำไมภีมถึงไม่บอกพี่เรื่องภาม” ผมเผลอตวาดภีม
“คุณแม่ฮะ” เสียงของภามดังขึ้นแล้ววิ่งไปหาภีม คงตกใจเสียงของผม ทั้งผมและภีมลืมไปว่าภามยังอยู่ตรงนี้ด้วย
“ครับ”ภีมลูบหัวภาม
“ภาม พ่อขอโทษ”ผมเอ่ยขอโทษภามที่เผลอเสียงดังจนภามตกใจ
“คุณแม่ฮะ นี่พ่อของภามเหรอฮะ” ภามถามภีมว่าผมเป็นพ่อของภามจริงๆใช่ไหม ผมหันไปมองภีมว่าภีมจะตอบภามว่ายังไง
“เอ่อ เออ ภามขึ้นไปอยู่บนห้องก่อนนะครับ” แต่ภีมบอกให้ภามให้ไปบนห้อง
“แต่ว่า”ภามหันมองผม
“ขึ้นไปอยู่บนห้องครับ”ภีมพูดย้ำ
“ก็ได้ฮะ”พูดจบภามก็เดินขึ้นห้องไปกับพี่เลี้ยง หลังจากภามเดินออกไปผมเลยหันไปมองภีม
“ตกลงภีมจะบอกพี่ได้ยัง ว่าทำไมภีมถึงไม่บอกพี่เรื่องภาม ทำไมถึงไม่บอกพี่ว่าภีมท้อง ทำไมไม่บอกพี่ว่าเรากำลังจะมีลูกกัน” ผมถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อว่าทำไมภีมถึงปิดบังผมไม่บอกอะไรกับผมเลย
“พี่ทำอะไรผิดภีมบอกพี่ได้ไหม” ผมพูดเสียงสั่นพร้อมกับตาร้อนๆ
“พี่ภาคไม่ได้ทำผิดอะไร แต่พี่จะให้ผมบอกได้ไงว่าผมท้อง ทั้งๆที่ผมเป็นผู้ชาย”ภีมพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหล
“และในตอนนั้นพี่ภาคกำลังจะไปเรียนต่อ ภีมเลยตัดสินใจไม่บอก”
“ภีมคิดว่าพี่จะไม่เชื่อภีมเหรอ กลัวว่าพี่จะว่าพี่ภีมโกหก ภีมก็รู้ว่าพี่เชื่อใจภีมทุกอย่าง”ผมพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหล ผมทำอะไร ทำไมภีมถึงคิดว่าผมจะไม่เชื่อถึงว่ามีจะเป็นเรื่องแปลกก็ตาม แต่ภีมก็รู้นิว่าผมเชื่อภีมทุกอย่าง”
“ไม่ใช่ เพราะภีมรู้ไงว่าถ้าพี่ภาครู้พี่ภาคจะไม่ไปเรียนต่อ แล้วพี่ภาคจะอยู่กับภีม แต่การไปเรียนต่อครั้งนั้นมันจะเป็นผลดีกับบริษัทของครอบครัวพี่ พี่สามารถนำความรู้มาพัฒนาบริษัทได้”
“ใช่ถ้าพี่รู้ พี่จะไม่ไป พี่รู้ว่าภีมหวังดีกับพี่ แต่ภีมรู้ไหมว่าสิ่งสำคัญที่สุดของพี่คือภีม”
“แล้วภีมคิดจะบอกพี่เมื่อไหร่ว่าพี่มีลูก และภีมไม่คิดจะบอกภามเหรอว่าพ่อของภามเป็นใคร”ผมอดถามไม่ได้ว่าเขาไม่คิดจะบอกผมหรือว่าจะบอกผมเมื่อไหร่
“ไม่ใช่ภีมไม่คิดจะบอกพี่นะ แต่พอเวลาผ่านไปภีมไม่รู้จะบอกพี่ยังไง พี่ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกเหรอที่ผู้ชายท้องได้”
“ทำไมภีมคิดแบบนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่ทำให้ภีมคิดแบบนี้ตลอดเลยเหรอ”
“ไม่รู้ ภีมไม่รู้จะต้องทำยังไง ภีม” ภีมร้องไห้จนตัวสั่น ผมเห็นแบบนั้นจึงเดินเข้าไปดึงภีมเข้ามากอด
“อย่าร้องสิภีม พี่ไม่ได้โกรธภีมนะที่ปิดพี่เรื่องภาม แต่พี่แค่เสียใจว่าทำไมภีมถึงไม่บอกอะไรพี่เลย”ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ผมไม่ได้โกรธภีม
“ภีมขอโทษ ที่ภีมปิดบัง ไม่ได้บอกอะไรพี่เลย”
“แล้ว แล้วพี่ภาครู้เรื่องของภามได้ยังไง รู้เมื่อไหร่” ภีมถามผมหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว
“ก็หลังจากที่พี่ไปเรียนต่อ พี่ติดต่อภีมไม่ได้เลย พี่เลยติดต่อพวกไอ้โจ้ถามว่าภีมเป็นอะไรหรือเปล่า หรือมีปัญหาอะไรพวกมันก็บอกพี่ภีมยังไปเรียนตามปกติ พี่เลยให้พวกมันคอยเฝ้าดูภีมแล้วส่งข่าวบอกพี่เพราะพี่ติดต่อภีมไม่ได้เลย ไม่ว่าจะพยายามติดต่อยังไง แล้วพอขึ้นเทอมใหม่พวกมันบอกว่าภีมหายไป และพวกมันก็ยุ่งเรื่องต้องฝึกงานทำให้ไม่ได้ตามข่าวให้พี่ไม่ได้ ภีมรู้ไหมว่าพี่ร้อนใจแค่ไหนที่พี่ไม่รู้ข่าวคราวภีมเลย หลังจากนั้นพี่ก็ให้พยายามให้พวกมันคอยสืบหาภีมตลอดแต่ก็ไม่ได้ข่าวคราวเลย ส่วนหนึ่งพวกมันก็ยุ่งเรื่องการเรียนด้วยเพราะเป็นปีสุดท้าย พอมันจบพี่ก็ให้มันลงมาสืบข่าวคราวของภีมที่รีสอร์ทของภีมก็ได้ข่าวว่าภีมไม่ได้กลับมาที่บ้าน”
“ไม่ใช่ไม่กลับมาที่บ้านหรอกครับ หลังจากลาออกผมก็กลับมาอยู่บ้านเลยแต่ไม่ได้ออกไปไหนเลยไม่มีใครรู้ว่าผมอยู่ที่บ้านถ้าจะมีก็มีคนในสวนเท่านั้นที่รู้แต่ก็แค่ไม่กี่คน ไม่แปลกที่พวกพี่โจ้เขาหาไม่เจอ”ภีมหันมาบอกผมถึงสาเหตุที่หาภีมไม่เจอในตอนนั้น
“อืม พี่เลยจ้างนักสืบตามหาภีมแต่หาไม่เจอ จนเมื่อประมาณหลายเดือนก่อนไอ้โจ้มันมาธุระที่นี่ แล้วบังเอิญจะภีมพาเด็กไปเดินห้างแล้วมันได้ยินภีมเรียกเด็กคนนั้นว่าลูกมันเลยส่งข่าวบอกพี่ว่าเจอภีม และภีมมีลูกแล้วอายุประมาณสองขวบ มันบอกว่าถ้าคำนวณดูแล้วมันพอดีกับช่วงระยะเวลาที่ภีมหายไป เลยสงสัยว่าภีมอาจจะหายไปแต่งงานตอนนั้นที่พี่รู้รู้ไหมว่าพี่เสียใจมากว่าทำไมภีมถึงไม่บอกอะไรพี่ ถ้าไม่รักกันแล้วก็น่าจะบอกกันตรงๆไม่ใช่หายไปแบบนี้”
“ขอโทษ”ภีมขอโทษอีกครั้ง
“พี่เลยสั่งให้คนมาสืบเพราะอยากรู้ว่าภีมแต่งงานกับใคร แต่สิ่งที่รู้จากนักสืบคือภีมยังไม่เคยแต่งงาน แล้วที่สำคัญเด็กคนนั้นเรียกภีมว่า “แม่” ทำให้พี่สงสัยมากเลยให้นักสืบตามสืบเรื่องของเด็กคนนั้นจนรู้ว่าภีมท้องและคลอดเด็กคนนั้นด้วยตัวภีมเอง พี่ตกใจมากไม่น่าเชื่อว่าเป็นไปได้แต่หลักฐานที่ได้มาทำให้พี่เชื่อ และคิดว่าเด็กคนนั้นอาจจะเป็นลูกของพี่เพราะก่อนที่ภีมจะหายไปภีมไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใคร แล้วที่ภีมหายไปช่วงนั้นอาจจะเพราะท้อง พี่เลยตัดสินใจกลับมาแล้วตาเฝ้าดูภีมมาหลายวันแล้ว แล้ววันนี้ที่พี่ตัดสินใจมาหาภีมเพราะพี่ตามภีมกับภามไปเดินห้าง แล้วเห็นภีมกับลุกได้ใช้เวลาร่วมกันทำให้พี่อิจฉา และน้อยใจว่าทำไมพี่ไม่มีโอกาสแบบนั้นบ้าง”
“ภีมขอโทษนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ แต่พี่ขอให้หลังจากนี้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ให้พี่ได้มีโอกาสดูแลภีมกับลูกนะ”
“ครับ หลังจากนี้เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมและภีมจะชดใช้เวลาเกือบสามปีให้พี่ภาคนะครับ”
“ขอบคุณครับ”ผมดึงภีมเข้ามากอดพร้อมหอมแก้มไปเพราะความคิดถถึง
“พี่ภาคทำอะไรนะอายเขา ถ้ามีใครมาเห็นจะทำยังไง”
“ไม่มีใครเห็นหรอก”
“พี่ภาคปล่อยได้แล้ว จะเจอไหมลูกนะ ถ้าไม่ปล่อยก็ไม่ต้องเจอ” ภีมพยายามดิ้นให้หลุดจากกอดของผม
“ไม่อยากปล่อยเลย แต่ปล่อยก่อนก็ได้เพราะหลังจากนี้พี่จะไม่ปล่อยให้ภีมกับภามหายไปไหนอีก”
หลังจากที่ผมปล่อยภีม ภีมก็ให้เด็กรับใช้ไปตามภามลงมา ไม่นานภามเดินลงมาแล้วเดินเข้ามาหาภีมโดยที่หางตาแอบมองผม ภีมเลยอุ้มภามขึ้นมานั่งบนตัก
“ภามมีอะไรจะถามแม่บ้างไหมครับ” ภีมถามภามหลังจากที่เห็นภามมองผมทีสลับกับมองภีมที
“คนนี้คือพ่อของภามจริงๆเหรอฮะ” ภามชี้มาที่ผมพร้อมกับถาม แล้วหันมามองภีมอย่างรอคำตอบ ผมจึงหันไปมองภีมเหมือนกันว่าภีมจะตอบภามว่ายังไง
“ใช่ครับ นั่นคือพ่อภาค พ่อของภาม”หลังจากที่ภีมตอบออกมาผมก็ยิ้มออกที่ภีมยอมรับว่าผมคือพ่อของภามต่อหน้าภาม แล้วผมหันไปมองภามเห็นภามมองผมอยู่แล้วมีน้ำตาไหล
“ภามเป็นอะไรครับ ลูกร้องไห้ทำไม”ภีมถามภาม
“นั่นใช่พ่อของภามจริงๆใช่ไหมครับ”ภามถามขึ้นอีกครั้งพร้อมเสียงสั่นๆ
“จริงสิครับ พ่อคือพ่อของภามนะลูกมาให้พ่อกอดหน่อย”ผมพูดกับภามพร้อมกับกางแขนขอกอด ภามหันมามองหน้าภีม ภีมก็พยักหน้าให้หลังจากนั้นภามก็หันไปมองผม
“พ่อภาค”ภามเรียกผมว่าพ่อพร้อมกับวิ่งไปกอดผม ผมยิ้มกว้างพร้อมดึงภามมากอดไว้แน่น
“พ่อรักภามนะลูก”ผมบอกภาม
“ภามก็รักพ่อภาคฮะ” ผมรู้สึกดีใจที่ลูกบอกว่ารักผม
“ต่อไปพ่อภาคจะอยู่กับภามไม่หายไปไหนแล้วใช่ไหมฮะ” ภามถามผม
“ใช่ครับต่อไปพ่อจะไม่ไปไหนแล้วพ่อจะอยู่กับภามและแม่นะลูก”
“ฮะ”
“พ่อรักภามกับแม่มากนะ”ผมพูดออกไปหันมองภีมที่นั่งยิ้มพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอยู่ และกอดภามแน่นแนบอก ผมขอสัญญาเลยว่าหลังจากนี้ผมจะดูแลภีมกับภามให้ดีที่สุด
********โปรดติดตามตอนต่อไป********
ปล.วันนี้ลงให้อีกตอน เพื่อที่อารมณ์ที่อึดอัด หม่นๆ ให้หมดกันไปเลย หลังจากนี้จะมีแต่ความสุขกับความน่ารักดีกว่านะ ชอบไม่ชอบยังไงช่วยกันติชมด้วยนะครับ