[1]
PART 1
“อะไรของมึงไอ้ฟ่า รีบดึงพวกกูออกมาทำไม” ไอ้คิมที่ถูกผมลากออกมาจากผับโวยวายเนื่องจากผมไปขัดขวางมันที่กำลังจะได้เหยื่อเป็นหนุ่มหน้าตาดี ดีกรีลูกนักธุรกิจใหญ่
“นั่นดิ กูก็งง อยู่ๆ มึงก็ลากไอ้คิมออกมาเฉย พวกกูเกือบตามมาไม่ทัน” ไอ้ออมเพื่อนชะนีหนึ่งเดียวในกลุ่มพูดขึ้นมา มันเป็นคนสวย แต่งตัวเปรี้ยว แต่ดันมาเป็นหนึ่งสาวในกลุ่มเกย์และไบอย่างพวกผม ไม่รู้มันคิดยังไงของมัน ฮ่าๆ
“เนี่ยพวกกูเกือบได้สอยดาวม.เอกชนชื่อดังแล้วนะเว้ย” ไอ้มิกซ์ที่กอดคออยู่กับไอ้แมกซ์โวยขึ้นมาบ้าง ไอ้สองคนนี้เป็นไบ ได้ทั้งชายและหญิง แต่ส่วนมากจะเป็นผู้หญิงมากกว่า มันบอกว่าคนที่เป็นไบนี่แหละใช้ชีวิตคุ้มสุดแล้ว ได้ทั้งหน้าทั้งหลัง จ้าๆ กูนี่กริบเลย
“กูรู้สึกเหมือนโดนจ้องว่ะ ขนลุกสัด” ผมบอก ตอนที่อยู่ในผับรู้สึกเหมือนมีคนจ้องอยู่นาน ไม่ใช่คนเดียวด้วยนะ รู้สึกเหมือนมีสายตาเป็นสิบคู่จ้องเหมือนจะทะลุร่างผมอย่างนั้นแหละ เพียงแต่ผมไม่เห็นเท่านั้นว่าพวกมันเป็นใคร มันรู้สึกขนลุก เสียวสันหลังวาบๆ จนต้องรีบลากไอ้พวกเพื่อนๆ ออกมา
“ใครจ้องวะ” ไอ้ไอซ์ที่วุ่นวายคุยโทรศัพท์อยู่กับแฟนมันตอนแรกรีบวางสายแล้วหันมาสนใจผมทันที แฟนไอ้ไอซ์นี่ผู้ชาย เป็นรุ่นพี่ที่คณะ แต่เพื่อนผมเป็นรุกนะคร้าบบบ ไอ้นี่มันหล่อเลวๆ ลักษณะคล้ายๆ คนเจ้าชู้ แต่จริงๆ แล้วแม่งรักเดียวใจเดียว รักแฟนมากอย่างไม่เข้ากับหนังหน้าเลย
“กูไม่รู้ว่ะ แค่รู้สึก” ผมบอก
“เอ้าอีสัด ถ้ามึงมโนนี่กูชวดผู้ชายฟรีเลยนะเว้ย” ไอ้คิมโวยแต่มือนี่แชทอยู่กับผู้ชายในคอลเล็กชั่น ดอกจริงๆ
“กูไม่ได้มโนเว้ย กูรู้สึกจริงๆ นี่ถ้าร่างกูพรุนได้คงพรุนไปแล้วมั้ง” พูดไปก็เสียวสันหลังไม่หาย หลอนสุดๆ
“ทำไมมึงไม่หันไปดูล่ะคะว่าใครมอง ถ้าหล่อมึงแซ่บเลย” ไอ้ออมแนะนำ
“มึงแนะนำมึงดูเพื่อนมึงด้วยครับชะนี แม่งเลือกมากฉิบหาย” ไอ้คิมว่า
“เอ้าสัด เวลากูจะเลือกคนที่จะมาเป็นแฟนกูก็ต้องเลือกดีๆ ดิวะ ถ้าไปคว้าสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วแม่งหลอกแดก แล้วกูไม่แย่อ่อ” ผมบอก ที่จริงไม่ได้เลือกมากอะไรหรอก ไอ้พวกนี้แม่งเว่อร์ ผมแค่คิดว่าถ้าจะเป็นแฟนกับใคร ผมต้องมั่นใจในตัวเขา ยิ่งความรักในแบบผม ก็ยิ่งยากไปใหญ่ที่จะมีคนมาจริงจังด้วย
“เอาเถอะค่ะ กูอยากจะเห็นจริงๆ ว่าใครจะมาเป็นผะ. . .เอ้ย. . .แฟนมึง”
“กูรู้นะอีคิมว่ามึงแกล้งพูดผิด ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ถ้าถึงเวลาเดี๋ยวมันก็มาเอง” ผมบอก รู้ว่าพวกมันเป็นห่วงเพราะผมเป็นโสดมาค่อนข้างนานแล้ว ไม่ยอมคบใครแบบจริงๆ จังๆ จะมีแค่คุยๆ ฆ่าเวลาเท่านั้น
“เออๆ ช่างมันๆ ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว แยกย้ายเลยล่ะกัน” ไอ้ไอซ์บอก พวกเราก็เลยแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน ผมกับไอ้คิมกลับด้วยกันเพราะเราอยู่บ้านเดียวกัน ผมกับไอ้คิมก็เป็นคนกรุงเทพแท้ๆ นี่แหละ บ้านเราก็อยู่ใกล้กัน เป็นเพื่อนกันตั้งแต่จำความได้ แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ตกลงมาอยู่ด้วยกันที่บ้านจัดสรรใกล้ๆ มหาลัย จะได้ไปมาสะดวก
“นอนๆ ตื่นมาจะได้หน้าเด้ง เอาไว้หลอกล่อผู้ชายมาติดกับ บ่วงรักบ่วงสวาทของกู ฮ่าๆ ฝันดีเว้ยฟ่า” ไอ้คิมมันตะโกนโหวกเหวกขณะที่กำลังเปิดประตูห้องนอนของมัน บ้านหลังนี้มีสี่ห้องนอน ชั้นบนสาม ชั้นล่างหนึ่ง ชั้นบนเราเว้นห้องตรงกลางไว้เป็นห้องพักเวลาเพื่อนๆ มา ผมนอนห้องติดบันได ส่วนไอ้คิมนอนห้องในสุด
“เออๆ ฝันดี ผีขยำหัว กร้ากกกกก” ผมตะโกนบอกมัน และได้รับคำด่าเน้นๆ พยางค์เดียวกลับมาว่า
“สัด”
ฮ่าๆ แค่นี้ไม่สะเทือนกูหรอก
>>>>><<<<<
“ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย หัดใช้หน้าสวยๆ ของมึงให้เป็นประโยชน์บ้าง เข้าใจมั้ย” ผมพยักหน้าหงึกหงักกับคำบอกของไอ้คิม เสร็จแล้วก็ฟุบลงกับโต๊ะหินอ่อนหน้าตึกคณะวิศวะของพวกเราอย่างง่วงเหงาหาวนอน
“ฮ้าววว” อือออ น้ำตาไหลเลยกู ง่วงสัดๆ
“เมื่อคืนทำอะไรไม่หลับไม่นอน ถึงได้มาหาวจนแมลงวันแทบจะเข้าปาก” ไอ้ออมถามแต่ตานี่หรี่อย่างจับผิดเต็มที่ อันที่จริงเมื่อคืนผมไม่ได้ทำอะไรหรอก แต่ที่มาง่วงตอนเช้าแบบนี้ก็เพราะว่าแม่งนอนไม่หลับ กระวนกระวายพลิกซ้ายพลิกขวา รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ไม่ได้เป็นไข้ แต่เหมือนหวั่นๆ กับอะไรสักอย่าง ไหนจะความรู้สึกตอนที่โดนจ้องมันตามมาหลอกมาหลอน จนข่มตานอนยังไงก็นอนไม่หลับ
“อ๋อ กูรู้แล้ว นี่มึงคิดถึงสายตาที่จ้องมึงเมื่อคืนใช่ป่ะ” เหี้ยคิม แม่งเลี้ยงกุมารไงวะ แสรดดด “อ่ะๆ ไม่ต้องมาทำหน้าทำตาเหลือเชื่อใส่กู กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปีทำไมแค่นี้กูจะไม่รู้วะ” ไอ้คิมมันแกว่งนิ้วชี้ส่ายหน้าไปมาใส่ผม ดัดจริต น่าหมั่นไส้ที่สุด
“กูไม่รู้ว่ะ มันหลอนๆ กูอยากเห็นหน้าแม่งจริงๆ” ผมบอก นี่ถ้าไม่ได้เห็นหน้าไอ้คนที่จ้องผม มีหวังได้เป็นบ้าเข้าสักวันแน่
“แล้วถ้าเห็นหน้าเขามึงจะทำไงวะ” ไอ้แม็กซ์ถามหน้าตาจริงจัง
“ไม่รู้ว่ะ” ผมคงบอกได้แค่นี้จริงๆ ถ้ายังไม่เห็นหน้ามัน ผมก็คิดไม่ออกหรอกว่าจะทำไง
“ก็เชื่อกูนี่ง่ายๆ ถ้าหล่อก็แซ่บจับทำผัวเลยค่ะฟ่า ระดับมึงแล้ว” ไอ้ออมยังคงสนับสนุนให้ผมจับใครก็ไม่รู้มาทำผัวอยู่ได้
“มึงเอาเองล่ะกันออม กูยกให้”
“แหมได้ค่ะฟ่า ถ้าหล่อแซ่บขึ้นมามึงอย่ามาทวงจากกูล่ะกัน ถึงตอนนั้นกูไม่คืนแล้วนะคะดอก”
“โถชะนี มึงถามเขาป่ะว่าเขาจะเอามึงมั้ย” ไอ้คิมหรี่ตามองไอ้ออมแบบเหยียดๆ แต่ไม่ได้จริงจังอะไรหรอก ไอ้พวกนี้เล่นแบบนี้กันประจำ
“เขาไม่เอากูเขาก็ไม่เอามึงเหมือนกันนั่นล่ะค่ะเพื่อนคิม” ไอ้ออมว่ากลับอย่างไม่ยอมแพ้ แล้วมันสองตัวก็เถียงกันจนไม่อาจเอามาออกอากาศได้ จนกระทั่งมีเสียงหนึ่งมาขัดนั่นแหละถึงหยุด
“เอ่อ. . .ฟีฟ่า” เสียงนี้แหละที่มาขัดจังหวะสงครามน้ำลายระหว่างอีออมกับไอ้คิม ผมหันไปตามเสียงเรียกก็เจอผู้ชายหน้าตาค่อนข้างดีคนหนึ่ง ตัวสูง ขาว ตี๋ ตามมาตรฐานทั่วไป และถ้าให้เดาก็น่าจะอยู่ปีเดียวกับผมนี่แหละ เหมือนเคยเห็นแวบๆ ตอนรับน้อง อ้อ ผมยังอยู่ปีหนึ่งอยู่เลย แต่เทอมหน้าก็ขึ้นปีสองล่ะ
“จะจีบเราหรอ” ผมถามไปตรงๆ เพราะคนที่เข้าหาผมส่วนมากก็เข้ามาจีบทั้งนั้น จะหาว่ามั่นหน้าไม่ได้ เขาเรียกว่ายอมรับความจริง กร้ากกกก
“เอ่อ. . .อื้ม แล้วจีบได้มั้ย” หมอนั่นเกาท้ายทอยเขินๆ หึ ดูแล้วน่ารักไม่หยอก
“เป็นเกย์หรอ” ผมถามอีก
“เปล่า. . .เราแค่ชอบฟ่า” มันบอก
“หึ งั้นเราคงให้จีบไม่ได้หรอก เราไม่ชอบผู้ชายแท้น่ะ” ผมบอก อันนี้เป็นกฎเหล็กที่ผมตั้งขึ้นมาเองเลย ผมจะไม่มีวันคบกับคนที่ไม่ใช่เกย์เด็ดขาด
“ไม่ให้โอกาสเราหน่อยหรอ เราชอบฟ่าจริงๆ นะ”
“ชื่ออะไรล่ะ” หมอนั่นดูงงๆ ที่อยู่ดีๆ ผมก็ถามชื่อมัน แต่มันก็บอกผมอยู่ดี
“ชื่อนนท์”
“อื้มนนท์ เป็นเพื่อนกันเถอะนะ เราคงรับความรู้สึกไว้ไมได้” ผมบอกอีกครั้ง นนท์หน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยอมพยักหน้าเข้าใจ ไม่รู้เข้าใจจริงรึเปล่า ผมไม่ได้อยากจะทำร้ายจิตใจใคร แต่ผมก็ไม่อยากจะทำร้ายตัวเองเหมือนกัน
“ก็ได้ ถ้าฟ่าให้เป็นเพื่อน งั้นเราเป็นเพื่อนก็ได้ เจอเราก็ทักด้วยนะ”
“ได้สิ ยินดีที่รู้จักนะนนท์” ผมยิ้มกว้างให้มัน นนท์หน้าแดงแปร๊ด ก่อนจะรีบหันหลังแล้วเดินไปจากโต๊ะพวกผมอย่างรวดเร็ว
“กูหมั่นไส้ค่า มีผู้ชายมาให้เลือกถึงที่ไม่เว้นแต่ละวัน แต่นางเล่นตัวไม่เล่นด้วยซ้ากกกกคน” ไอ้ออมเบะปากใส่ผม ผมก็ไหวไหล่กลับใส่มันแบบกูไม่แคร์
“กูว่าคนนี้ก็โอเคดีนะมึง ไม่สนหรอ” ไอ้คิมถาม
“โอเคแล้วไงวะ มันไม่ใช่เกย์” ผมตอบกลับไปบ้าง ไอ้พวกนี้มันก็รู้ดีกันทุกคนอยู่แล้วว่าผมเป็นยังไง
“เฮ้อ. . .ฟ่า บางทีการที่มึงตั้งกฎแบบนี้ให้ตัวเอง มันทำให้มึงพลาดคนดีๆ ไปหลายคนเลยนะเว้ย”
“แต่ถ้ากูไม่ตั้งกฎแบบนี้มันก็อาจจะย้อนกลับมาทำร้ายกูตอนหลังก็ได้ กูไม่อยากเป็นแบบนั้น” ผมบอก
“ตามใจมึงล่ะกัน แต่ถ้าวันไหนมีคนที่ดีเข้ามา กูก็อยากจะให้มึงลองเปิดใจ” ไอ้คิมพูดอย่างยอมแพ้ในความดื้อของผม ไม่ใช่แค่ไอ้คิมที่พยายามพูดเรื่องนี้กับผม เพื่อนๆ ทุกคนก็พยายามที่จะให้ผมลองเปิดใจคบกับคนที่ไม่ใช่เกย์ที่หลงเข้ามาจีบ แต่ผมก็ไม่เคยทำและไม่คิดจะทำเลยสักครั้ง
แล้วพวกเราก็เลิกคุยเรื่องของผม หันมาคุยเรื่องสัพเพเหระแทน คุยกันตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ คุยกันไหยุดปากเหมือนไม่ได้เจอกันประมาณหนึ่งชาติเศษ ทั้งๆ ที่ก็เจอกันอยู่ทุกวัน
แต่แล้ว อยู่ๆ รอบตัวผมก็ดันมีเสียงฮือฮาผสานกับเสียงกรี๊ด ทำให้พวกผมหยุดปากที่กำลังเมาท์มอยกัน แล้วหันมาสนใจสิ่งรอบข้าง
“กรี๊ดดดดด”
“เดือนมหาลัยปีสามใช่มั้ยมึง เขามาคณะเราทำไมอ่ะ”
“กลุ่มนั้นเด็กแพทย์นี่ กรี๊ดดดด หล่อยกกลุ่มเลยอ่ะ”
“ได้กลุ่มนี้สักคนกูจะตั้งใจเรียนเลยค่า”
“โฮกกก หล่อแล้วยังฉลาดอีก พ่อของลูกกูชัดๆ”
ฯลฯและอีกสารพัดคำพูดออกแนวโหยหวนของผู้หญิงคณะผมที่ลอยมาเข้าหู ผมมองตามสายตาที่พวกผู้หญิงพวกนั้นมองอยู่ ก็พบกับกลุ่มผู้ชายประมาณห้าคน เดินเรียงหน้ากระดานกันมา แหม่ คิดว่าถ่ายหนังกันอยู่ไงวะ เดินซะเหมือนบอยแบนด์เลยแม่ง ที่สำคัญ สูงชะลูดตูดเปรตกันทุกคนเลยเว้ย ไม่บอกก็รู้ว่าเรียนหมอ แม่ง ออร่าออกซะขนาดนั้น
“นั่นมันเด็กแพทย์ปีสามนี่ มาทำอะไรถึงนี่วะ” เสียงพึมพำของอีออม เรียกให้ผมกันไปสนใจมันทันที
“มึงรู้จักด้วยหรอ” ผมถาม ไอ้ออมก็พยักหน้ารัวๆ แถมยังทำสายตาจิกกัดใส่ผมอีก เอ้า กูทำไรผิดวะ
“มึงไปอยู่หลุมไหนมาคะ มึงเห็นคนตรงกลางนั้นมั้ย ชื่อพี่คีนเว้ย เป็นเดือนมหาลัยปีสาม ส่วนอีกสี่คนนั่น พี่แบงค์ พี่แม็ค พี่รีม พี่รอน เดอะแกงค์เขา แกงค์นี้นะเว้ย เขาว่ากันว่า หล่อ รวย เลว ฉลาด ครบสูตร”
“อีออม กูถามนิดเดียว ตอบซะเยอะ” ผมแขวะ แต่ไอ้ออมไม่สนใจมันทำหน้าตาตื่น เขย่าแขนผมรัวๆ “เป็นอะไรวะ ทำหน้าทำตาเหมือนเจอผี” ผมถามก่อนจะหันกลับไปทางเดิม แต่ก็ต้องต้องใจป้อกกี้ในมือหล่นพื้น เพราะไอ้แกงค์(ว่าที่)หมอ มันมายืนเรียงกันอยู่ตรงหน้าพวกผมเรียบร้อยแล้ว
“สวัสดี. . .ฟีฟ่า”สายตาแบบนี้. . .ความรู้สึกแบบนี้ตอนที่โดนจ้อง. . .
. . .ความรู้สึกเหมือนตอนที่อยู่ผับเมื่อคืนเลย. . .
TBC.
TALK :ตอนนี้เปิดตัวแกงค์น้องฟีฟ่า แต่ประโยคสุดท้ายนี่ใครเป็นคนพูดกันนะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้กันนะคะ อย่าคาดหวังอะไรกับเรามากเลย เราก็แค่มือสมัครเล่น แต่เราสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุดค่ะ ให้สมกับที่ทุกคนเข้ามาอ่านเรื่องของเรา อย่าเพิ่งทิ้งเราน้าาาา