บทที่8 ตอนจบ (มือปืนคืนงานประชุม1)
มังกร“คืนนี้ปิดบัญชีพสุธา!”
นี่ผมหูไม่ฝาดใช่มั้ยครับ กะจะมาผ่อนเบาในห้องน้ำซักหน่อย ดันมาได้ยินประโยคนี้เป็นอันต้องหดกันเลยทีเดียว ...นี่กรูหูฟาดเปล่าวะเนี่ย ..ผมพยายามหลอกตัวเองคิดว่าเสียงเมื่อซักครู่เป็นลมปากผ่านหูธรรมดาๆ เลยตั้งใจเงี่ยหูติดชิดกำแพงกั้นห้องน้ำฟังใหม่อีกครั้ง หวังลึกๆในใจว่ามันจะเป็นความเข้าใจผิดของผมเอง
....
“ครับเสี่ย .. ไม่พลาดแน่นอนครับ ..... สามคนเกินพอแล้วหละครับ ... ครับ .... สวัสดีครับ”
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมฟังมาเมื่อซักครู่จะไม่มีผิดเพี้ยนไปเลยแม้แต่น้อย ผมรีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จในทันทีก่อนจะรีบเดินออกมาจากห้องน้ำโดยที่ทำเป็นเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ..แต่พอผมออกมาจากห้องน้ำแล้ว ..ประตูของห้องข้างๆก็ถูกเปิดอ้าออก ไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าของเสียงอีก
.......
ผมรีบเดินออกมาเพื่อตามหาตัวพี่พีท ในใจยังมีความโลเลอยู่พอสมควรว่าจะบอกสิ่งที่ได้ยินมาให้พี่พีทฟังดีมั้ย ผมร้อนใจมากเวลานี้ แต่ผมก็พึ่งรู้จักกับพี่พีทแค่ครั้งแรก ผมจะไว้ใจได้อย่างไร แล้วข้อความนั้นเป็นจริงเท็จอย่างไรผมก็ไม่ทราบ
ความโลเลของผมดูท่าจะไม่มีประโยชน์อะไร เมื่อในที่สุดพี่พีทกลับหายไปจากจุดที่บอกจะยืนรอผม ..อ่าวกรรมละครับ หายไปแบบนี้ .. งั้นตอนนี้เท่าที่ทำได้ก็คงต้องวิ่งไปหาพี่มอคค่าให้เร็วที่สุดแล้วเรา ..ผมคิด
ผมรีบวิ่งกลับไปยังทางเก่าสู่บริเวณที่จัดงานทันทีเพื่อตามหาพี่มอคค่า แล้วบอกสิ่งที่ได้ยินมาให้พี่มอคค่าไหวตัวทัน
ผมไม่รู้ว่าเรื่องราวชีวิตของพี่มอคค่า ว่าไปสร้างศัตรูอะไรไว้ยังไงกับใครเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆการเป็นนักธุรกิจแนวหน้าและอยู่ที่สูง ก็เป็นธรรมดาที่จะเป็นเป้าหมายที่ถูกเล็งไว้ของศัตรูคู่แข่ง มันเป็นธรรมชาติของวงการธุรกิจและโลกมาเฟีย
แต่แล้ว ... ไม่อยู่!
เหล่าแม่ครัวยังคงเดินกันให้วุ่นอลหม่าน ฝ่ายผู้ชายที่ทำหน้าที่ยกของก็ยังทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ทั้งฝ่ายแสงสีเสียง และฝ่ายจัดฉากบนเวทีล้วนเริ่มแสตนบายกันอย่างเพียบพร้อม ..แต่พี่พีทกับพี่มอคค่าหายไปไหนกัน
ผมตัดสินใจโทรศํพท์หาพี่มอคค่าทันที แต่ปลายสายก็ไม่ยอมรับสายแม้แต่ครั้งเดียว ..ในใจผมเริ่มไม่สงบ กลัวว่าคำพูดที่ได้ยินมาเมื่อซักครู่จะกลายเป็นจริง ถึงจะรู้จักกันได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่ผมก็ยอมรับว่าความสัมพันธ์ที่ผมกับพี่มอคค่ามีให้กันเวลานี้ ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง และรู้สึกรับไม่ได้ถ้าหากเหตุการณ์น่าหวาดเสียวนั้นจะเกิดขึ้นจริง
ขณะที่ผมกำลังร้อนใจเพราะโทรหาพี่มอคค่าไม่ได้ กุ๊กคนหนึ่งที่กำลังถือถาดข้าวผัดขนาดใหญ่ก็เดินผ่านหน้าผม ผมรีบสะกิดพี่ชายคนนี้แล้วถามถึงพี่มอคค่าอย่างไม่โลเลทันที
“พี่กุ๊กครับ ...”
“ว่าไงครับน้อง”
“พี่พอเห็นผู้จัดการพสุธามั้ยหรอครับ”
“อ๋อ” พี่กุ๊กทำสีหน้าอ๋อเหมือนรู้ดีว่าพี่มอคค่าไปไหน
“เมื่อกี้เหมือนว่าจะมีเลขาของผู้จัดการหลี่มาหนะ ผมเห็นคุณพสุธากับคุณเมธีดูรีบๆเหมือนจะขึ้นไปชั้นบนของโรงแรม .. ถ้าจำไม่ผิดก็คงชั้นสามแหละมั้งครับ”
ทันทีที่พี่กุ๊กว่าเสร็จผมก็รีบกล่าวขอบคุณ แล้วเดินเร็วไปยังบริเวณลิฟท์ของโรงแรมทันที เพื่อจะได้ขึ้นไปชั้นสองของตัวโรงแรมหาพี่มอคค่า ... ผมเดาว่าคุณเมธี คงจะเป็นชื่อจริงของพี่พีทแหละครับ
ใช้เวลาไม่นานนัก ผมก็ได้วิ่งมาจนถึงหน้าลิฟท์ริมรอบบี้ ลิฟท์ตอนนี้ยังอยู่ที่ชั้นสิบสามอยู่ คงต้องใช้เวลารออีกซักพักกว่าที่ลิฟท์จะลงมา ผมเริ่มเก็บอาการร้อนรนใจไว้ไม่อยู่ เลยต้องระบายออกมาด้วยการเดินไปเดินมา จนในที่สุดมารู้ตัวอีกที ก็เห็นชายชุดสูทหน้าตาหล่อเหลา ไว้เครานิดๆแต่สวมแว่นดำ กางเกงแสล็กสีดำและเข็มขัดติดแบรนด์ รองเท้าหนังสีดำมันวาว มายืนอยู่ข้างหลังของผมแล้ว คำพูดที่ได้ยินในห้องน้ำเมื่อสักครู่ยังคงวิ่งวนไปมาในสมองเหมือนจะไม่หนีหายไปไหน จนผมอดสงสัยในตัวผู้ชายคนนี้ไม่ได้
อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของชายชุดสูทหน้าหล่อก็พอจะทำให้ผมสงบลงได้ ผมเริ่มไม่เดินไปเดินมาให้วกวน เริ่มเก็บอาการรนรานไว้หวังไม่ให้พิรุธได้เผยออกมา จนในที่สุดลิฟท์ก็ลงมาจอดอยู่ที่ชั้นm
“ตริ๊ง”
เสียงลิฟท์เปิดออก ซึ่งผมก็เป็นฝ่ายที่เข้าในลิฟท์ก่อน แล้วกดปุ่มเปิดรอให้ชายชุดสูทสีดำเข้มเดินเข้าตามมา ระหว่างทางที่เขาเข้าลิฟท์มา ผมก็ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้ตามมารยามแบบแผนของคนไทย ซึ่งพี่เขาก็มอบรอยยิ้มให้กับผมด้วยเช่นกัน หากแต่ดูแล้วรอยยิ้มหวานนั้นกลับเหมือนถูกฝืนให้ยิ้มอย่างเย็นๆหวิวๆ
ระหว่างที่ลิฟท์ขึ้นไปถึงชั้นบน ไร้ซึ่งบนสนทนาใดๆระหว่างผมกับพี่ชุดสูทเลยแม้แต่ประโยคเดียว ผมรู้สึกเกร็งๆอยู่บ้าง แต่ก็พอจะเก็บอาการอยู่ เลยเอาแต่มองแป้นตัวเลขบนลิฟท์นึกขอให้เวลานี้ผ่านไปให้เร็วที่สุด
พลันนั้นผมกลับรู้สึกได้ว่าในโรงแรมนี้ช่างไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย ถ้าหากคำพูดที่ได้ยินในห้องน้ำเป็นความจริง งั้นพี่มอคค่าก็คงจะมีอันตรายทุกเมื่อ คนร้ายพร้อมจะลงมือได้ทุกที แล้วคนที่แต่งตัวดีๆก็ใช่จะไว้ใจได้ ผมเริ่มสงสัยไปเกือบจะทุกๆคนที่อยู่ในโรงแรมแห่งนี้ ..
“ตริ๊ง”
และแล้วลิฟท์ก็ได้มาจอดอยู่ที่ชั้นสามของโรงแรม ผมเดินออกมาจากตัวลิฟท์โดยที่ไม่ได้สนใจว่าชายชุดสูทนั่นมีปฏิกริยากับผมอย่างใดอีก บริเวณโถงขนาดใหญ่ที่มีทางเชื่อมทั้งด้านซ้ายและขวาถูกปูด้วยพรมสีแดงตามแบบฉบับของโรงแรมสุดหรูนี้ โคมไฟเล็กๆที่ประดิบติดอยู่ตามผนังส่องแสงไฟตามทางจนสุดทางตันของทางเดิน
ผมนึกแปลกใจที่ไม่เห็นแม้แต่พี่พีทหรือพี่มอคค่า ถ้าตามที่พี่กุ๊กบอกก็น่าจะยืนคุยกันอยู่ที่โถง ..หรือเค้าคุยกันอยู่ในห้องลับนะ
แต่แล้วขณะที่ผมกำลังคิดหาคำตอบอยู่คนเดียว เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นจากห้องทางด้านขวา
“แอ๊ดดด”
เสียงพูดคุยทั้งภาษาจีนและภาษาไทยตีกันยกใหญ่ออกมาจากห้องนั้น นักธุรกิจกลุ่มหนึ่งเดินออกมาโดยมีเจ๊ผู้ญิงใส่แว่น หุ่นเปรี้ยวทรวดทรงอรชรเดินนำ ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเจ๊คนนี้คงจะเป็นเลขาของผู้จัดการหลี่ ส่วนพี่มอคค่ากับพี่พีทก็อยู่ในกลุ่มวงนักธุรกิจนั้น เลยทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาอย่างสนิทว่าอย่างน้อยพี่มอคค่าก็ไม่ได้เป็นอะไรไป
.....
“อ้าว มังกร พี่ขอโทษๆ”
พี่มอคค่าเรียกชื่อผมขณะที่มอบรอยยิ้มสดใสมาให้ก่อนจะพูดอ่อนน้อมขอตัว แล้วเดินออกมาจากกลุ่มนักธุรกิจนั่น ซึ่งพี่พีทก็เดินตามมาติดๆ
“พี่ขอโทษๆ เมื่อกี้พอดีเลขาของคุณหลี่เค้ามา พี่เลยไม่อยากให้เขารอนานหนะ”
“พี่ขอโทษด้วยนะ เมื่อกี้ ... มอคค่ามันโทรตามเลยรีบมาเลยหนะ” พี่พีทเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ซึ่งผมเดาว่าพี่เขาคงจะรู้สึกผิดที่ทิ้งผมไว้ในห้องน้ำ ก่อนจะทำท่าเกาหัวยิกๆไปมา
“คร้าบผม ไม่เป็นไรครับพี่”
“อ้อ มานี่สิ เดี๋ยวพี่แนะนำให้รู้จักกับเลขา” พี่มอคค่าพูดต่อทันทีหลังจากที่ผมบอกไม่เป็นไรกับพี่พีท
ก่อนจะส่งยิ้มให้ผมอีกครั้ง แล้วคว้าข้อมือของผมจูงเดินไปหาเลขาสาวสวยร่างเปรี้ยวนั้นทันที โดยที่เจ๊แกก็ยิ้มทักทายให้ผมเช่นกัน
ผมหละร้อนใจ อยากจะดึงตัวพี่มอคค่ามาพูดกันสองต่อสองซะเหลือเกินตอนนี้ แต่ในเมื่อหน้างานบังคับให้ต้องพักเรื่องส่วนตัวไว้ก่อน ก็จำเป็นต้องดำน้ำตามไปก่อน แล้วรอจังหวะที่เหมาะสมค่อยพูดเรื่องส่วนตัวกับพี่มอคค่า
“คุณซือครับ นี่เป็นเลขาฝึกใหม่ของผม ชื่อมังกรครับ”
ดะ...เดี่ยวนะ นี่เล่นแนะนำกันแบบแต่งตั้งให้ผมเป็นเลขาเลยงั้นหรอคุณพี่ โหย มันไม่ใหญ่ไปเรอะ
คำอุ้มชูของบอสพสุธาแทบทำผมทรุดลงไปกองกับพื้น จะปฏิเสธว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้เพราะจะไปเท่ากับฉีกหน้าไอบอสเจ้าระเบียบนี่ ผมเลยได้แต่น้อมหัวรับๆไปอย่างถ่อนตน
“ครับ ..ผมมังกรครับ”
“สวัสดีจ้า พี่ชื่อซือนะ”
ถึงผมจะไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับผู้หญิง แต่ความสวยของพี่ซือผมก็อดไม่ได้ที่จะต้องเชยชมครับ คิ้วหนาที่ถูกกันแบบเป๊ะเวอร์ ดวงตากลมโดยไม่ต้องพึ่งบิ๊กอายราคาแพง เมคอัพที่จัดเต็มแต่กลับดูธรรมชาติจนเนียนไปกับใบหน้านวลขาว ริมฝีปากที่ถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อน ประกอบกับท่าทางสง่างามและหุ่นสุดเปรี้ยว เนีjยสินะ ที่เรียกว่าเลขาใหม่ไฟแรง แซ่บทุกวงการ ..
“ครับพี่”
“นี่เราเป็นเลขาที่เด็กมากเลยนะเนี่ย ดูพี่สิ กว่าจะเป็นเลขาได้ก็ปาไปเกือบสามสิบ” พี่ซือพูดก่อนจะหัวเราะออกมาเล็กๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้จักกับเลขาของผู้จัดการระดับบิ๊กๆ ผมรู้สึกประหม่าเล็กๆ แต่โชคดีมากๆที่พี่ซ์อให้ความเป็นกันเองอย่างที่สุด จนผมไม่รู้สึกถึงความหยิ่งทะนงของการเป็นเลขาเจ้าของบริษัทใหญ่เลย
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะรู้สึกดีใจมากนัก ความร้อนรนที่อยู่ในใจแทรกขึ้นมาแทนที่ความรู้สึกดีใจที่ได้รู้จักกับพี่ซือ ผมรู้สึกหนักหน่วง อยากจะพักการทำความรู้จักและบอกให้พี่มอคค่าฟังถึงสิ่งที่ได้ยินมามากกว่า
“ตกใจหละสิว่าทำไมพี่หน้าจีนแต่พูดไทยได้” พี่ซือเอ่ยขึ้นต่อ
“คะ ครับพี่” ผมเออๆออๆไปอย่างเก้งๆกังๆ เพราะยังมีความตื่นเต้นที่ได้รู้จักกับคนระดับยักษ์ใหญ่แบบกระชั้นชิดขนาดนี้ ..ถ้าไม่นับบอสพสุธา นี่ก็คงจะเป็นคนที่สองในชีวิตของผม
“พี่เป็นลูกครึ่งหนะจ่ะ โตที่ไทยมาสิบสองปี แล้วพ่อแม่ก็จับส่งไปเรียนที่ไต้หวันตั้งแต่นั้นมาเลยหนะ ..” พี่ซือยังคงว่าด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร ก่อนจะแนะนำตัวและชวนผมพูดคุยอีกซักเล็กน้อยโดยที่มีพี่มอคค่าและพี่พีทยืนขนาบข้างอยู่เหมือนคุมเชิงเด็กใหม่
ไม่นานนักหลังจากที่ผมพูดคุยทำความรู้จักกับพี่ซือ เจ๊แกก็หันไปพูดกับพี่มอคค่าเรื่องงานทันที
“พี่มอคค่าคะ งั้นเดี๋ยวซือไปเอาใบสัญญามาให้เลยดีกว่าไหมคะ เราจะได้เริ่มคุยกันเลย งานจะได้เสร็จเร็วๆหนะค่ะ
“อ๋อ..ได้สิครับ”
พี่ซือยิ้มให้กับพี่มอคค่าก่อนจะเดินไปยังลิฟท์ซึ่งมีเหล่านักธุรกิจที่ยังคุยกันจ้อแจ้ตามหลังเป้นกลุ่มเดินตามเข้าไป
...........
ทิ้งไว้เหลือแต่ผม พี่มอคค่า และพี่พีทที่อยู่บริเวณโถงกว้าง
ทันทีที่พี่ซือลงลิฟท์ไปแล้ว พี่พีทก็เดินเข้ามาหาผมทันที ผมมองดูปราดเดียวก็รู้เลยครับว่าพี่พีทคงจะต้องมาขอโทษผมเรื่องที่ทิ้งผมไว้ในห้องน้ำคนเดียวแหง ..แล้วก็เป็นจริงตามคาด ...
“นี่..มังกร ..พี่ขอโทษนะ พี่รีบมากจริงๆ พี่ไม่ได้ตั้งใจทิ้งเรานะ”
พี่พีทเอ่ยอ้อนๆ ถึงออกจะขัดกับวัยของพี่แกไปซักหน่อยแต่ด้วยใบหน้าที่เด็กมากก็นับว่าอภัยได้ ฮาๆ
“ไม่เป็นไรครับพี่ๆ”
พี่พีทพยักหน้าให้ผมสองทีพร้อมกับแลบลิ้นทีหยอกทีจริง
ตาตี๋ๆกับเหล็กดัดฟัน และท่าทีทะเล้นๆของคนตรงหน้า อีกทั้งร่างกายฟิตปึ๋ง ..มองแล้วก็หน้ามันเขี้ยวเหมือนกันนะจะว่าไป เฮ้ย ไม่ได้ ..นี่ผมคิดอะไรกันอยู่
ผมกับพี่พีทเราหัวเราะให้กันอย่างขบขันเล็กๆโดยไม่ได้มีพี่มอคค่ามาแจมในวงด้วย เฮียแกคงจะเหงาเล็กๆที่เห็นผมหัวเราะกับพี่พีทอย่างมีความสุขเลยพูดแทรกขึ้นมาทันที
............
“เมื่อกี้มังกรโทรมาหาพี่ ..พี่คุยเรื่องสัญญาอยู่นิดหน่อย ... เรามีอะไรด่วนรึเปล่า”
คำถามของพี่มอคค่าทำให้ผมฉุกคิดได้ถึงเรื่องที่ต้องการจะบอกให้พี่เขาทราบทันที แต่เวลานี้มีพี่พีทอยู่ด้วย ..
ผมใช้เวลาไต่ตรองอยู่ไม่นานนัก ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ควรจะเก็บไว้ บอกไปไว้ยังไงกันก็ดีกว่าแก้ พี่มอคค่ารู้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นเรื่องดี ผมเลยตัดสินใจที่จะบอกไปอย่างตรงๆโดยไม่กังวลกับพี่พีทอีกว่าจะเป็นอะไรไหมถ้าหากพี่เขารับรู้เรื่องนี้ด้วย
“พี่มอคค่าครับ .. เมื่อกี้ตอนผมอยู่ในห้องน้ำ ..ผมได้ยินมีคนบอกว่า...
แต่แล้วแวบหนึ่งผมก็รู้สึกจุกขึ้นมาเล็กๆที่คอหอย จนพี่มอคค่าเป็นฝ่ายกระทุ้งให้มันออกมา
“พูดมาเลยครับมังกร”
......
“คะ ....คืนนี้จะปิดบัญชีพี่”
.....
.....................
ผมนึกตกใจขึ้นมา ที่เหลือไว้แต่เพียงความเงียบที่ย่างกรายเข้ามาอยู่บริเวณโถง ไม่มีเสียงพูดคุยจากพี่พีทหรือพี่พสุธาอีก รวมไปถึงอาการตกใจหรือไม่เชื่อ ..ทำเอาผมเริ่มสับสนและงุนงงกับเหตุการณ์
ทันทีที่ผมพรั่งพรูออกไปจนจบประโยค พี่มอคค่าก็ลดสายตาต่ำลงทันที ก่อนจะหลับตาลงแล้วเอ่ยขึ้นอย่างลอยๆ
“คิดไว้ไม่ผิด ว่าต้องส่งคนมาดักรอ”
ผมยังไม่เข้าใจนักกับคำพูดของพี่มอคค่า เลยหันไปหาพี่พีทหวังจะได้คำอธิบายจากคนที่รู้สึกผิดที่ทิ้งผมไว้ตรงห้องน้ำเมื่อซักครู่ แต่แล้วพี่พีทก็กลับมีสีหน้าไม่ต่างอะไรไปจากพี่มอคค่าเลยเวลานี้
พี่พีทมองหน้าพี่มอคค่าด้วยแววตาละห้อยปนรู้สึกสงสาร จนผมรู้สึกฉงนว่าเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่
“กูว่า .. มึงคงต้องฉะกับเสี่ยสิงห์จริงๆแล้วหวะ ... ไม่อย่างงั้น ...”
พี่พีทเงียบไปก่อนที่จะพูดจนจบประโยค จนทำเอาผมยิ่งงงเป็นไก่ตาแตก ผมมองซ้ายสลับขวา มองหน้าทั้งพี่พีทและพี่มอคค่า ต่างคนต่างเอาแต่เงียบกันไม่พูดไม่จาอยู่ซักพัก ...จนในที่สุดพี่มอคค่าก็เป็นฝ่ายเอ่ยต่อบทสนทนา
“ไม่อย่างงั้นอะไรวะ ...พูดเตือนสติกูหน่อย”
พี่มอคค่าพูดด้วยแววตาแข็งทื่อและเสียงเย็นเชียบจนผมรู้สึกหวั่นเกรง
“กูรู้ ..ว่ามึงไม่อยากจะทำร้ายใคร แล้วมึงก็เป็นพ่อพระคนนึงเท่าที่กูรู้จัก กูรู้ว่าที่มึงไม่เอาเรื่องไอเสี่ยสิงห์ มึงกลัวว่าบิ๊กกับ บิ๊กเจอกันแล้วแม่งจะล้มละลายไปทั้งคู่ หรือไม่มึงก็กลัวว่ามึงจะล้มเพราะชั้นเชิง กูพูดถูกมั้ยวะ”
พี่พสุธากำหมัดไว้แน่นก่อนจะพยักหน้าตอบรับคำพูดของพี่พีท
“มึงคงจะไม่อยาก ....”
พี่พีทเอ่ยค้างขณะที่หันหน้ามาจ้องอยู่ที่ผม กลับทำให้ผมยิ่งรู้สึกลุ้นละทึกไปกันใหญ่ว่าเรื่องนี้กำลังจะเกี่ยวพันธ์ถึงตัวผมหรือไม่ สายตาคู่นั้นถึงได้มองอย่างมีนัยยะบางอย่างที่ผมยังเข้าไม่ถึง
“มึงคงไม่อยากเสียมังกรไป ... แบบอุบัติเหตุของสล็อตใช่มั้ย ..เพื่อน”
.........................
..................
...
“””””””””””””””””””””””””””””””””
จากไรต์ : ช่วยด้วยขร่า เมนต์หายยย เรื่องนี้ต้องไม่ล่ม ต้องไม่ล่ม T-T ใจบ่ดี กลัวมาก ขอตุ๊ดแตกหนึ่งวัน