✽ ✽ ✽ ขอบคุณภาพน้ำเหนือที่น่ารักน่าเอ็นดูจากน้อง(น่าจะน้องแหละ) Julaluk Mod นะคะ ✽ ✽ ✽ บท12“อ่อกกก!! โอ้กกก!!” เสียงอาเจียนดังมากจากห้องน้ำภายในห้องพักแคบๆ เป็นเช่นปกติอย่างทุกวันตลอดหนึ่งสัปดาห์
ในช่วงเวลาตีสี่เช่นนี้ว่าที่คุณแม่จะตื่นขึ้นมาพร้อมอาการแพ้ท้องหนักวิ่งเข้าห้องน้ำไปอาเจียนแทบไม่ทัน ก่อนจะกลับมาสงบนิ่งในตอนตีห้าจนถึงเจ็ดโมงเช้า
และมันก็เป็นแบบนี้ทุกวัน…
เสียงน้ำไหลจากก๊อกน้ำดังขึ้นเมื่อมีคนหมุนเปิดมัน ก่อนที่คนที่อยู่ร่วมห้องด้วยจะใช้มือข้างหนึ่งรองน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาให้คนที่หมดแรงทุกครั้งจากการอาเจียน
“อยากอาเจียนอีกไหม” ควอตซ์จะถามเช่นนี้ทุกครั้ง หากคนในอ้อมแขนพยักหน้าเขาก็จะยืนเป็นแท่นพิงให้ แต่ถ้าหากส่ายหน้าเหมือนกับในตอนนี้เขาก็จะก้มลงช้อนร่างของชายหนุ่มเหมือนเขาแต่ทว่าบอบบางกว่าเยอะขึ้นมาแล้วพาไปนอนที่เตียงพร้อมกับน้ำขิงร้อนๆ หนึ่งแก้วก่อนจะประคองให้น้ำเหนือได้นอนต่อ
ส่วนตัวเขาเองก็จะนั่งๆ นอนๆ อยู่แบบนั้นอย่างไม่สามารถข่มตาหลับลงได้แล้ว ในช่วงสองสามวันแรกที่น้ำเหนือมีอาการแพ้ท้องในตอนเช้ามืดควอตซ์มักจะรู้สึกตัวตอนที่ได้ยินเสียงปึงปังเวลาที่น้ำเหนือวิ่งไปผลักประตูห้องน้ำ แต่พอหลังจากนั้นกลายเป็นเขาที่จะตื่นก่อนช่วงเวลาที่น้ำเหนือแพ้ท้องและเมื่อว่าที่คุณแม่ตื่นก็จะเป็นฝ่ายพาไปที่ห้องน้ำเอง
การอยู่ร่วมกันในหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พวกเขาคิดในตอนแรก แม้จะมีปากเสียงกันทุกวันแต่ก็ไม่รุนแรง ออกแนวคนหนึ่งดื้ออีกคนปรามเสียมากกว่า ส่วนเรื่องที่นอน… สามคืนแรกควอตซ์มักจะหลับคาโต๊ะญี่ปุ่นเพราะอ่านเอกสารทำงานจนดึกดื่น แต่พอเข้าสู่วันที่สี่น้ำเหนือก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากให้คนร่วมห้องมานอนบนเตียง เพราะแอบเห็นควอตซ์เอามือทุบเอวทุบหลังบ่อยๆ
แต่ถ้าคิดว่าจะมีฉากนอนกอดกันหรือนอนหนุนแขนให้ได้ฟินละก็… บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าไม่มี เตียงขนาดสามฟุตสองเตียงที่น้ำเหนือลากมาต่อกันไว้จนกลายเป็นเตียงใหญ่แล้วแทนที่ต่างคนต่างแบ่งครึ่งกันนอน มันไม่ใช่แบบนั้น ถ้าแบ่งพื้นที่เตียงทั้งหมดเป็นสามส่วน อชิตพลนอนหนึ่งส่วนในฝั่งของตัวเอง และนอนนิ่งๆ ไม่ดิ้น ไม่พลิกตัวไปมาจนกระทั่งตื่นนอน ส่วนอีกสองส่วนเป็นของเจ้าของห้องที่ยึดครองเอาไว้เต็มที่ โดยมีหมอนข้างวางแบ่งกั้นเขตแดนเอาไว้อย่างกลัวว่าอีกคนจะเข้ามาลุกล้ำ
จากที่ได้ร่วมเตียงกันมาควอตซ์บอกได้เลยว่าน้ำเหนือเป็นคนนอนดิ้นพอสมควร ออกแนวชอบพลิกตัวไปมาเหมือนกับหาท่านอนที่สบายไม่ได้ และอีกอย่างคือติดกอดเวลานอน โดยเฉพาะผ้าห่มจะชอบเอามานอนกอดก่ายเป็นประจำ เวลาที่ควอตซ์ตื่นมาเห็นก็จะดึงผ้าห่มคลุมตัวให้ดีๆ แต่พอหลับแล้วตื่นมาอีกรอบผ้าผืนนั้นก็ถูกเอาไปกอดอีกแล้ว
เหมือนกับตอนนี้…ควอตซ์ส่ายหน้าให้กับคนที่นอนหลับโดยการกอดผ้าห่มเอาไว้ ก่อนจะหันไปหยิบผ้าห่มฝั่งตัวเองมาใช้ห่มให้น้ำเหนือแทนเพราะรู้ว่าถ้าขืนเอาผ้าผืนที่เจ้าตัวกอดอยู่มาห่มให้ใหม่ ไม่นานน้ำเหนือก็จะเอาไปกอดอีกรอบ
“สงสัยต้องหาอะไรมาให้กอดแทนเสียแล้วละมั้ง…” เขาได้แต่พูดพึมพำกับตัวเอง หากปล่อยให้น้ำเหนือนอนกอดผ้าห่มต่อไปเรื่อยๆ ไม่แน่ว่าวันดีคืนดีเจ้าตัวอาจจะไม่สบายก็ได้เพราะนอนไม่ยอมห่มผ้าก็เป็นได้ แล้วถ้าเป็นแบบนั้น... ก็คงจะยุ่งกันไปใหญ่
ชายหนุ่มขยับตัวลุกจากเตียงนอนก่อนจะเดินเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาดูเมื่อได้ยินเสียงมันครูดสั่นกับโต๊ะ เป็นเบอร์โทรศัพท์ของคนขับรถของคุณหญิงมรกต คงเอามื้อเช้าของเขากับน้ำเหนือมาให้เหมือนกับทุกวัน ควอตซ์กดปิดให้มันหยุดสั่นก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องพักของน้ำเหนือ เป็นจังหวะเดียวกับคนที่เพิ่งโทรมาเดินขึ้นมาบนห้องพอดี
“ขอบใจมาก”
“ครับ คุณหมอวิรัชฝากของบำรุงมาให้คุณน้ำเหนือด้วยครับ อยู่ในถุงนั่น”
“โอเค ขอบใจมาก”
“ครับ” อีกฝ่ายตอบรับก่อนจะเดินกลับลงไป ควอตซ์จึงเดินกลับเข้ามาในห้องจัดการหยิบเอากล่องอาหารออกจากถุงแล้วจัดเตรียมไว้สำหรับคนที่ยังนอนไม่ตื่น
“ตื่นแล้วเหรอ” ควอตซ์หันไปมองเมื่อได้ยินเสียงขยับตัวก่อนจะเห็นคนที่นอนหลับอยู่เมื่อครู่ขยับตัวลุกนั่งแล้วเรียบร้อย
“ถ้าไม่ตื่นจะเห็นไหมละครับ” คนที่เพิ่งตื่นพูดยกมือปิดปากหาววอดๆ อย่างงัวเงีย
“ถ้าตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าอาบน้ำสิ จะได้มากินข้าวกินยา” ควอตซ์บอก พร้อมกับชีนิ้วไปทางห้องน้ำ “น้าหมอเอายาบำรุงแล้วก็ของอื่นๆ ฝากมาให้อีก”
ถ้อยคำที่ทำให้น้ำเหนือเบ้หน้าก่อนจะบ่นออกมาแต่ก็ยอมลุกจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำแต่โดยดี “มีแต่ยา ยาแล้วก็ยา”
“ตื่นมาก็บ่น” คนตัวสูงกว่าพึมพำ
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะหูดีไม่ใช่เล่น เพราะขนาดหน้าตางัวเงียขนาดนั้นก็ยังได้ยินในสิ่งที่เขาพูด
“คุณสิบ่น บ่นได้ทุกวัน ทั้งวัน ขี้บ่นชะมัด ไม่รู้จะบ่นอะไรนัก”คำที่ควอตซ์นึกอยากจะดึงคนที่หายเข้าไปในห้องน้ำออกมาแล้วเค้นถามให้ได้คำตอบว่าเขาไปบ่นตอนไหน อย่างน้อยวันนี้เขามั่นใจมากว่าบ่นได้ไม่เท่าที่อีกคนบ่นเลยสักนิด
“วันนี้ฉันจะไปคุยงานกับพี่ลิน จะไปด้วยกันหรือเปล่า” ควอตซ์ส่งเสียงถามคนที่กำลังนั่งตักข้าวต้มกุ้งเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
ดูทานได้เยอะกว่าทุกวัน…น้ำเหนือเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะร้องอ๋อเมื่อนึกออกว่าพี่ลินที่อีกฝ่ายพูดคือใคร น้ำเหนือเคยเจออยู่เมื่อสองวันก่อน ผู้หญิงคนนั้นมาที่ห้องเห็นว่าเอางานมาให้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักที่น้ำเหนือสนใจ เขาสนใจน้องทินที่มาด้วยกันมากกว่า พอตัวเองกำลังตั้งท้องเวลาไปไหนมาไหน ดูรายการอะไรก็มักจะชอบดูเด็กๆ แทนทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่สนใจอะไร
“น้องทินมาด้วยหรือเปล่า”
“คงไม่มา โรงเรียนน่าจะเปิดเทอมอยู่ แต่เธออยากไปไหม อยากออกไปข้างนอกบ้างหรือเปล่า”
“ไปกี่โมงครับ แล้วผมไปจะไม่รบกวนคุณเหรอ” น้ำเหนือถาม
“ไปสิบโมง ฉันไปคุยที่ร้านกาแฟไม่ได้รบกวนอะไรจะไปหรือเปล่าละ”
พอควอตซ์ตอบมาแบบนั้นคนที่ยังลังเลอยู่ก็พยักหน้ารับทันทีก่อนจะตอบรับเสียงใส
ตลอดอาทิตย์มานี้น้ำเหนือยังไม่ค่อยได้ออกไปไหน ไม่ใช่ว่าอชิตพลไม่พาไปเขาเคยพาออกไปเดินเล่นแถวนี้แต่เพราะมันไม่มีสวนสาธารณะที่ให้ความร่มรื่นเดินไปได้หน่อยก็เจอฝุ่น เจอควัน เจอสารพัดกลิ่นจนอีกคนเหม็นและแพ้ท้องหนัก กลับมานอนซมทั้งวัน เคยคิดจะพาไปเดินห้างแต่ก็คนเยอะอีกนั่นเลยได้แค่พาออกไปทานข้าวบ้างในบ้างมื้อเท่านั้น
หลังจากที่จัดการกับมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยรวมไปถึงกินสารพัดยาบำรุงแล้วน้ำเหนือก็ลุกไปหยิบเอากระดาษร่างแบบออกมา หลังจากที่ได้คุยเรื่องงานของควอตซ์ไปเมื่อคราวนั้นน้ำเหนือก็เริ่มลงออกแบบเครื่องประดับแม้จะยังไม่เสร็จเรียบร้อยดีเพราะเขาไม่สามารถนั่งทนกลิ่นกระดาษได้นานแต่ผลงานชิ้นแรกก็คืบหน้าไปค่อนข้างมากทีเดียว อีกไม่นานสร้อยชิ้นแรกที่เขาออกแบบคงจะเสร็จเรียบร้อย ถึงแม้จะไม่รู้ว่าสร้อยเส้นนี้จะได้รับการเลือกให้นำไปผลิตจริงหรือเปล่า หรือไม่รู้ว่าเมื่อไหร่โครงการนี้จะได้ดำเนินการต่อแต่น้ำเหนือก็ไม่อยากจะอยู่เฉยๆ เหมือนกัน
ปากบอกกับคุณหญิงไปเองว่าจะขอทำงานอยู่ที่ห้องและจะไม่ยอมรับความช่วยเหลือเฉยๆ โดยไม่ทำอะไร แต่เอาเข้าจริงๆ หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลมาหนึ่งอาทิตย์น้ำเหนือยังไม่ได้ทำงานเลยด้วยซ้ำ จะว่าไปกับโอ๊ตเองก็ไม่เจอ มีบ้างที่พี่ชายคนนี้โทรมาหาแต่เห็นว่างานยุ่งมากทีเดียวเพราะน้ำเหนือไม่ได้ไปทำงานที่ร้านแล้ว แถมตอนนี้คุณสุภาก็บินไปดูงานที่ต่างประเทศโอ๊ตเลยต้องรับงานหลายทางจนหัวหมุนเลยยังไม่มีโอกาสมาเยี่ยมเยียนนอกจากโทรมาหาบ้าง
“น้ำเหนือเตรียมตัวได้แล้วละ อีกเดี๋ยวจะออกไปแล้ว อ๋อ... เตรียมยาที่จะกินกลางวันไปด้วยนะเดี๋ยวแวะหาอะไรกินข้างนอกกันเลย” ควอตซ์ที่หายไปคุยโทรศัพท์มานานสองนานเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับร้องบอกคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับกระดาษร่างหลายแผ่น
น้ำเหนือเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะพยักหน้ารับ ตั้งใจจะเก็บของทุกอย่างให้เรียบร้อยแต่เสียงอีกคนก็ดังขึ้นเสียก่อน
“นี่ใช้ดินสอวาดรูปหรือใช้ถ่านวาดรูป ทำไปเลอะหน้าแบบนั้น” ควอตซ์ขมวดนิ้วเมื่อเห็นรอยเปื้อนดำๆ ที่แก้มของคนที่เงยหน้าขึ้นมา “ไปล้างหน้าก่อนไปเดี๋ยวฉันเก็บของเอง”
“อ๋า... สงสัยมือผมเลอะตอนเหลาดินสอแน่เลย” น้ำเหนือบ่นก่อนจะลุกเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าเอารอยเปื้อนออก ก่อนจะเดินไปรอหน้าห้องตามคำบอกของอีกคนที่กำลังหยิบของอยู่
ควอตซ์ถือถุงยารวมไปถึงโทรศัพท์มือถือของตนแล้วก็ซองเอกสารเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวก่อนจะจัดการปิดล็อคประตูห้องเรียบร้อย แต่พอหันมาหาน้ำเหนืออีกทีเจ้าตัวก็ได้แต่ตาโตเพราะคนที่เขาบอกให้ยืนรออยู่หน้าห้องตอนนี้ลงไปด้านล้างแล้ว แต่เขาจะไม่ตกใจเลยถ้าหากน้ำเหนือไม่ได้ทำท่าเหมือนกำลังจะตกบันได มือข้างหนึ่งของเจ้าตัวคว้าราวบันไดเอาไว้ก่อนตัวจะเหวี่ยงเบาๆ
“น้ำเหนือ!” ควอตซ์ร้องเรียกก่อนจะวิ่งลงบันไดเร็วๆ ไปหาคนที่ยืนมองมาทางเขาอย่างงงๆ “เป็นอะไรหรือเปล่า กระแทกตรงไหน เจ็บอะไรหรือเปล่า”
“ครับ เจ็บอะไร ผมไม่ได้เป็นอะไร” น้ำเหนือส่ายหน้าไปมา
“แต่เมื่อกี้เธอทำท่าเหมือนจะตกบันได” ควอตซ์ขมวดคิ้วเข้าหากันพลางมองสำรวจตามแขนของน้ำเหนือว่ามีร่องรอยอะไรหรือเปล่า
“อ๋อออออออ” พอได้ฟังคำตอบน้ำเหนือก็ตอบรับเสียงยาวก่อนจะเดินกลับไปที่บันไดขั้นสุดท้าย ใช้มือข้างหนึ่งรั้งราวบันไดไว้แล้วเหวี่ยงตัวเล่นเหมือนเด็กๆ “ผมเล่นแบบนี้ต่างหาก”
คนเล่นน่ะสนุก แต่คนมองไม่สนุกเพราะคิ้วเข้มยังขมวดเข้าหากันไม่เลิกมองคนที่หมุนตัวไปมาโดยวางเท้าไว้บนขั้นบันไดล่างสุดก่อนจะตรงเข้าไปคว้าหมับเข้าที่เอวแล้วยกจนเท้าลอยจากขั้นบันไดก่อนจะวางลงที่พื้น
“อย่าเล่นอะไรแบบนี้อีกน้ำเหนือ ถ้าเกิดพลาดล้มขึ้นมาทำยังไงถึงจะเป็นบันได้ขั้นสุดท้ายก็เถอะ อย่าให้ฉันรู้ว่าเธอเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ แบบนี้อีก มันอันตรายเข้าใจไหม ลืมไปแล้วหรือไงว่าตอนนี้น่ะเธอกำลัง...” ควอตซ์บอกเสียงเข้มใช้สายตามองไปที่หน้าท้องของน้ำเหนือ ดวงตาเรียวสีแปลกนั้นฉายแววดุอย่างชัดเจนจนคนโดนดุได้แต่หน้าจ๋อยไปอย่างยอมรับเพราะเมื่อครู่ที่ทำก็เพราะความสนุกและความเคยชินทั้งนั้น
“เข้าใจไหมน้ำเหนือ” แต่เมื่อคนผิดยังเงียบควอตซ์ก็ส่งเสียงเข้มมาอีกรอบ
ให้น้ำเหนือพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “เข้าใจแล้วครับ”
ถ้าหากเป็นทุกทีเจ้าตัวคงสวนไปแล้วที่มาดุกันแบบนี้แต่เพราะครั้งนี้เขาเองก็ผิดจริงที่ทำอะไรไม่ระวัง ถึงจะไม่ชอบใจที่โดนดุแต่ก็ไม่พูดอะไรนอกจากยอมรับ
อชิตพลถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะคว้าข้อมือของน้ำเหนือแล้วเดินไปที่รถเบนซ์สองประตูสีขาวของตัวเอง ก่อนที่รถคันสวยจะแล่นออกจากบริเวณหน้าหอพัก ปกติแล้วควอตซ์เป็นคนขับรถค่อนข้างเร็ว ยิ่งเวลาที่ถนนโล่งๆ ไม่ค่อยมีรถแบบนี้ด้วยแล้ว แต่เพราะวันนี้เขาไม่ได้นั่งอยู่บนรถคนเดียว มีน้ำเหนือนั่งอยู่ด้วยความเร็วของรถจึงลดลงมาอยู่ในระดับปกติที่คนทั่วๆ ไปขับกัน
ใช้เวลาไม่นานนักรถคันสวยก็แล่นมาจอดที่ลานจอดรถข้างร้านกาแฟแห่งหนึ่ง น้ำเหนือก้าวลงจากรถก่อนจะเดินตามควอตซ์เข้าไปด้านใน ก่อนจะยกมือไหว้ลินที่ลุกขึ้นยืนทักทายเมื่อเห็นเขาสองคนเข้ามาในร้าน
“สวัสดีครับพี่ลิน”
“สวัสดีค่ะคุณควอตซ์ สวัสดีค่ะน้ำเหนือ” ลินเอ่ยทักทายชายหนุ่มคนที่มีฐานะเป็นเจ้านายก่อนจะหันมาทักทายน้ำเหนือ “เชิญนั่งก่อนเลยค่ะ น้ำเหนืออยากสั่งอะไรมาทานไหมคะ”
น้ำเหนือมองหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะหันมามองคนข้างๆ อย่างไม่แน่ใจ ทั้งสองคนมาคุยงานกันแต่จะให้เขาสั่งขนมหรือน้ำมานั่งทานร่วมโต๊ะด้วยเนี่ยเหรอ ดูจะเป็นการเสียมารยาทเกินไปหรือเปล่านะ
“อยากกินอะไรก็ไปสั่งสิ สั่งคาปูชิโน่เย็นให้ฉันด้วย” ควอตซ์หันมาตอบเสียงนิ่งให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ พยักหน้ารับก่อนจะลุกเดินไปสั่งขนมแล้วก็เครื่องดื่ม
“น้ำเหนือน่ารักดีนะคะ” ลินที่หันไปมองตามหลังน้ำเหนือหันกลับมาพูดกับควอตซ์
หญิงสาวรู้เรื่องราวของน้ำเหนือและควอตซ์แล้วเพราะได้คุยกับทั้งสองคนแล้วก็คุณหญิงมรกตมาก่อนหน้านี้แล้วทั้งรู้สึกเอ็นดูแล้วก็สงสารน้ำเหนือปนๆ กันไป ตอนแรกเธอก็ค่อนข้างลำบากใจเหมือนกันที่จะต้องมารับฟังไม่ใช่ว่ารังเกียจหรือรับไม่ได้ แต่เธอกลัวว่าตัวน้ำเหนือจะลำบากใจ เพราะคิดว่าน้ำเหนือคงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้มากเท่าไหร่
“ดื้อนะสิไม่ว่า พี่ลินรู้ไหมว่าก่อนจะออกจากห้องมาก็ทำผมหัวใจวายนึกว่าจะตกบันไดที่ไหนได้ดันโหนบันไดเล่น” ควอตซ์ส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจ คิ้วทั้งสองข้างยังขมวดเข้าหากันเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนก่อนที่จะออกจากหอพักมา
ลินทำเพียงแค่ลอบยิ้มเมื่อเห็นท่าทางของคนตรงข้าม เธอรู้จักควอตซ์มานานและนี่เป็นครั้งแรกที่เห็นอีกฝ่ายบ่นออกมาแบบนี้ น้ำเหนือนี่ช่างมีอิทธิพลเสียจริง
“แล้วเรื่องที่ผมวานให้พี่ลินช่วยหาให้ละครับ” ควอตซ์เปลี่ยนเรื่อง
“พี่หามาให้แล้วค่ะ พี่ไปสอบถามกับทางนิตยสารแฟชั่นมาด้วยตัวเองพอทางฝ่ายนั้นรู้ถึงโครงการนี้ก็ตื่นเต้นค่ะ บอกอยากจะขอลงข่าวแต่พี่บอกไปแล้วว่าโครงการนี้อยู่ระหว่างดำเนินงานยังไม่อยากให้เป็นข่าว แต่ถ้าโครงการผ่านแล้วจะรีบบอกเขาเป็นที่แรก ยื่นหมูยื่นแมวนั่นแหละค่ะ” ลินตอบก่อนจะหันไปเปิดกระเป๋าเอกสารที่อยู่ข้างตัวแล้วดึงเอกสารปึกใหญ่ออกมาให้
“อันนี้เป็นข้อมูลเทรนใหม่กำลังมาแรงของปีหน้าค่ะ มีทั้งแนวเสื้อผ้า สีผม เครื่องประดับ แล้วก็ทุกๆ อย่างเกี่ยวกับแฟชั่น รวมไปถึงข้อมูลเทรนย้อนหลังด้วยค่ะ” ลินพูดเมื่อเห็นควอตซ์ดึงเอกสารชุดนั้นไปเปิดดู “ว่าแต่ทำไมต้องดูเทรนย้อนหลังด้วยละคะ ย้อนหลังตั้งหลายปีด้วย”
“เทรนที่กำลังมา นั่นก็หมายความว่ามันกำลังจะไปเช่นกันครับพี่ลิน เทรนบางเทรนพอเวลาผ่านไปสักพักมันก็ย้อนกลับมาใหม่อีก ผมเลยอยากศึกษาถึงแนวโน้มในอนาคตต่อไปน่ะครับ” ควอตซ์ตอบ “โครงการนี้โดนพักไปเลยใช่ไหมครับ”
“ค่ะ แต่พี่ยังเห็นแฟ้มเอกสารอยู่ที่ห้องท่านประธานนะคะ คงไม่โดนยุบหรอกค่ะทางฝ่ายอื่นๆ ก็มีมาถามพี่ถึงโครงการนี้โดยเฉพาะฝ่ายผลิต คงตื่นเต้นกันน่าดู”
“คงต้องรอให้คุณหญิงท่านใจดีอนุญาตให้ผมกลับไปทำงานได้ก่อนนั่นแหละครับ” ควอตซ์พูดยิ้มๆ ก่อนที่เขาจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นน้ำเหนือเดินถือถาดขนมกลับมาเอง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเท่ากับจำนวนขนมเค้กบนถาดนั้น “สั่งมาทำไหมตั้งสี่ชิ้นน้ำเหนือ จะกินหมดไหม”
“ก็เห็นแล้วมันอยากกินนี่ครับ นี่กาแฟของคุณเอาไปสิ” น้ำเหนือดันแก้วกาแฟเย็นไปตรงหน้าอชิตพลที่ยังนั่งขมวดคิ้วไม่เลิก
ชายหนุ่มตั้งท่าจะดุแต่ก็ถูกลินเอ่ยแทรกขึ้นเสียก่อน “ปล่อยให้น้ำเหนือทานไปเถอะค่ะ ตอนพี่ท้องก็แบบนี้เห็นขนมหวานไม่ได้เลยอยากทานไปหมด เห็นแล้วมันน่าทานใช่ไหมน้ำเหนือ”
คนท้องพยักหน้าหนักแน่นยิ้มกว้างให้กับพี่สาวคนสวยตรงหน้า “ใช่ครับพี่ลิน นี่... หอมด้วยผมไม่รู้สึกเหม็นเลยครับ”
“ตามใจแล้วกัน ระวังกลางวันจะกินข้าวไม่ได้” ควอตซ์พูดแต่อีกฝ่ายก็ไม่สนใจนักเพราะน้ำเหนือเริ่มลงมือจัดการเค้กตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย เขาเลยได้แต่ส่ายหน้าแล้วหันกลับไปคุยเรื่องงานกับลินต่อ
น้ำเหนือเองก็ฟังทั้งสองคนคุยกันไปด้วยเป็นการเก็บข้อมูลจะได้เอาไปออกแบบเครื่องประดับได้พร้อมกับทานขนมเค้กชิ้นที่สองไปด้วยหลังจากทานชิ้นแรกหมดไปแล้ว แต่พอทานชิ้นที่สองหมดเจ้าตัวก็รู้สึกเลี่ยนขึ้นมาเสียอย่างนั้นจนไม่อยากทานอีกสองชิ้นที่เหลือ
“น้ำเหนือเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ลินหันมาเห็นใบหน้าซีดและสีหน้าปุเลี่ยนๆ ของน้ำเหนือ
“ผมเลี่ยนครับ... เลี่ยนจนอยากจะ อุป...” น้ำเหนือตอบก่อนจะยกมือปิดปากเมื่อกำลังจะพูดคำว่าอาเจียน ตอนแรกยังไม่รู้สึกหรอก แต่พอจะพูดเท่านั้นแหละเขาก็อยากจะอาเจียนทันที
“ให้ตายสิจอมยุ่ง ลุกขึ้นเดี๋ยวพาไปห้องน้ำ” ควอตซ์ว่าเสียงดุก่อนจะประคองคนที่นั่งยกมือปิดปากให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะพาคนท้องตรงไปยังห้องน้ำทันที
และทันทีที่เข้ามาถึงน้ำเหนือก็ปล่อยขนมเค้กที่เพิ่งทานเข้าไปจนออกมาหมด ควอตซ์พาน้ำเหนือตรงไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะพากลับมาด้านนอก “พี่ลินครับ อย่างนั้นผมพาน้ำเหนือกลับก่อนแล้วกัน”
“ค่ะๆ พี่ก็ว่าอย่างนั้น ขนมเค้กพี่ให้พนักงานเอาไปใส่กล่องให้แล้วค่ะ แล้วนี่... เอกสารค่ะ คุณควอตซ์พาน้ำเหนือกลับไปพักเถอะค่ะ” ลินพูดก่อนจะชูถุงที่ใส่ขนมเค้กแล้วก็กระเป๋าเอกสารให้ดู “พี่ถือของไปให้ค่ะ”
“เอาไว้ผมจะโทรหาอีกทีนะครับ” ควอตซ์บอกกับลินก่อนจะขับรถออกจากบริเวณร้านกาแฟ ร่างสูงหันมามองคนที่นั่งพิงเบาะอยู่ข้างๆ สีหน้าตอนนี้ดูดีขึ้นมานิดหน่อย ไม่ซีดเซียวเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
“อย่างนั้นกลับห้องเลยแล้ว...” อชิตพลพูดแต่ยังไม่ทันพูดจบเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อนให้ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดูก่อนจะกดรับ “สวัสดีครับคุณแม่”
[ตาควอตซ์! มาที่บ้านเดี๋ยวนี้]“เดี๋ยวครับคุณแม่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” ควอตซ์ถามทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไม่พอใจของคนเป็นแม่
[มาคุยกันที่บ้าน มาเดี๋ยวนี้เข้าใจไหม]
ควอตซ์จะใจจะปฏิเสธเพราะน้ำเหนือยังดูไม่ดีเท่าไหร่แต่คุณหญิงมรกตก็เอ่ยเสียงเข้มมาให้เขาต้องตอบรับก่อนจะกดวางสาย
“คุณหญิงเหรอครับ” น้ำเหนือถามเมื่อเห็นอีกคนลดโทรศัพท์ลงแล้ว
“ใช่ คงต้องแวะเข้าไปที่บ้านก่อนสงสัยจะมีเรื่องด่วน เธอพักไปก่อนแล้วกันถึงแล้วฉันจะปลุก” ควอตซ์หันมาตอบก่อนที่จะเปลี่ยนเส้นทางจากกลับหอน้ำเหนือตรงไปยังบ้านของเขาแทน
************************************************
มาแล้วค่ะ ขอโทษที่หายไปนานนะคะ ตอนแรกตั้งใจจะมาอัพเมื่อวาน แต่พอดีฟางอ่านหนังสือค่ะเลยไม่ได้อัพ แล้วตอนกลางคืนพี่สาวใช้คอมด้วยเลยไม่ได้มา แต่วันนี้มาอัพให้แล้วนะคะ ช่วงนี้ฟางคงหายนะคะ ใกล้สอบแล้วค่ะ อีกอย่าง อาทิตย์นี้ก็รับปริญญาแล้วค่ะ ทั้งซ้อมย่อย ซ้อมใหญ่ รับจริง ติดๆ กันเลยค่ะ คงไม่ได้มาอัพนะคะ ยังไงก็อดใจรอหน่อยนะ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรมากแค่อธิบายถึงความสัมพันธ์ที่คืบหน้า(?)นิดหน่อยของทั้งคู่ค่ะ
แล้วก็อ๋อ... นึกขึ้นได้ คือ... ฟางไม่รู้นะคะว่าฟางดำเนินเรื่องช้ามากๆ อย่างที่มีคนบอกหรือเปล่า ฟางไม่แน่ใจว่าดำเนินเรื่องช้าในที่นี้หมายถึงอะไร หมายถึงความสัมพันธ์ที่ไม่คืบหน้าสักที หรืออะไร อันนี้ฟางต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่ฟางคงไม่สามารถดำเนินเรื่องให้เร็วกว่านี้ได้ เพราะนิยายเรื่องนี้จะค่อยๆ สื่อถึงความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ ก่อตัวทีละนิดๆ ของคนสองคนที่บังเอิญเจอกันในเวลาที่ไม่ถูกต้อง เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมจนมันกลายเป็นความรัก เป็นสายใยค่ะ ในตอนนี้มันเลยอาจจะรู้สึกช้าไปไม่ถึงไหนสักที คือตอนนี้มันเป็นช่วงความสัมพันธ์ที่ก่ำกึ่งน่ะค่ะ ก็อธิบายไม่ถูก เอาเป็นว่า... ฟางแต่งตามพล็อตที่วางไว้ค่ะ
ปล. เสาร์-อาทิตย์นี้ ใครไปงานรับปริญญาเพื่อน พี่ น้อง แฟนเพื่อน เพื่อนแฟน ญาติ คนรู้จักที่ ม.รังสิต แวะไปหาฟางได้น๊า ฟางก็รับเหมือนกัน อิอิ
ถ้าชอบถูกใจก็คอมเมนต์กันเนอะ ขอเลยค่าขอคอมเมนต์เลย ขอกันแบบนี้นี่แหละ แฮ่...
อ่านกันแล้วก็คอมเมนต์ให้กำลังใจคนเขียนหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งให้อ่านกันเรื่อยๆ นะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
ขอบคุณทุกคะแนนบวกเป็ด คะแนนชื่นชมในตัวฟางนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ