บันทึกรักที่ 5 หนึ่งใจสองทาง (ตอนที่ 2)
คำถามและแววตาของพี่ฉลามทำให้ผมยิ่งร้องไห้ออกมา พี่ฉลามโอบกอดผมถึงแม้ยังไม่ได้รับคำตอบ พี่ฉลามยังคงเป็นฉลามที่คนเดิมที่แม้จะมีอะไรในใจ แต่ก็เลือกที่จะทำให้ผมสบายใจก่อน ผมร้องไห้จนปวดหัว พี่ฉลามเอายามให้ทานก่อนจะปลอบให้ผมหลับ ผมก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย คืนนั้นผมสะดุ้งเพราะฝันร้ายหลายรอบ แต่ทุกครั้งที่สะดุ้งตื่นก็จะหลับต่อไปได้เพราะอ้อมกอดของพี่ฉลามยังคงปลอบประโลมใจให้ผมรู้สึกอบอุ่นและไม่กลัวที่จะหลับตาต่อไป นับว่าโลกยังไม่ใจร้ายกับผมจนเกินไป เพราะต่อให้หลับตาแล้วฝันร้ายอีกหรือตื่นมาแล้วจะรับรู้ว่าพ่อจากผมไปแบบไม่มีวันกลับ ผมก็ยังโชคดีที่คนที่ผมรักอีกคนได้กลับมาแล้ว
...แล้วพบกันใหม่...
...ได้พบแล้ว ผมได้พบพี่ฉลามแล้ว...พี่ฉลามมาปลุกผมให้ไปล้างหน้า ผมงัวเงียลุกขึ้นมาก็เห็นว่าพี่ฉลามจัดการเอากระเป่าเสื้อผ้าลงไปไว้ในรถหมดแล้ว ผมรีบเข้าไปล้างหน้าล้างตาแล้วเดินทางไปที่โรงพยาบาล พี่ฉลามไม่ได้ขับรถไปเอง แต่ให้คนขับรถไปส่ง ส่วนกระเป๋าเสื้อผ้าของผม พี่เขาฝากรถพ่อกับแม่ของเขาไป ส่วนพี่ฉลามจะนั่งไปกับรถของโรงพยาบาลที่จะนำศพพ่อกลับไปกับผม
กว่าเอกสารจะเรียบร้อยและพร้อมออกเดินทางก็เลยเที่ยงไปนิดหน่อย ทางโรงพยาบาลนำศพพ่อขึ้นรถพยาบาล ผมกับพี่ฉลามตามขึ้นไปนั่ง ผมอดไม่ได้ร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง พี่ฉลามนั่งบีบมือของผม คงอยากให้ผมรับรู้ว่ายังมีพี่เขาอยู่ตรงนี้ ระหว่างทางผมก็โปรยเหรียญไปด้วยตามความเชื่อที่แม่บอก ผมไม่เข้าใจแต่ก็ทำตาม สามชั่วโมงกว่าๆ รถพยาบาลก็ขับเข้ามาที่บ้านของแม่ก่อน แม่ยืนรออยู่แล้ว แม่จุดธูปแล้วก็ปักที่ศาลพระภูมิเจ้าที่ ก่อนจะจุดอีกหนึ่งดอกให้ผมถือติดไปที่วัดด้วย สั่งว่าห้ามให้ดับ จนกระทั่งรถพยาบาลขับมาถึงวัด หลวงตาที่นับถือมายืนสวดบทสวดสั้นๆก่อนจะให้ย้ายศพพ่อขึ้นศาลาเพื่อทำพิธีรดน้ำศพ เพื่อนๆของพ่อและแม่รวมถึงญาติๆของเราและญาติของนิ่มจะทยอยกันมารดน้ำศพ ไม่นานพ่อและแม่ของพี่ฉลาม พี่นุ๊กและเพื่อนๆของผมก็ตามมา ทุกคนมาช่วยเสิร์ฟน้ำในงานศพจนผมรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของทุกคน พ่อและแม่ของพี่ฉลามก็นำขนมและน้ำผลไม้จัดกล่องเป็นชุดๆมารับรองแขกที่มาในงานให้ด้วย
งานศพของพ่อมีแขกมากันเยอะกว่าที่ผมคิดเอาไว้ แม่บอกว่าถึงพ่อจะทำผิดกับแม่เรื่องครอบครัว แต่พ่อเป็นคนดีคนหนึ่ง พ่อเป็นคนมีน้ำใจและช่วยเหลือคนมาก็เยอะ เป็นคนไม่ทุจริตในงานที่ทำ ผมเชื่อแล้วหลังจากที่เห็นคนที่รักพ่อมาร่วมกันอาลัยและส่งพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ผมไม่ได้ร้องไห้อีกเพราะมีงานต้องทำหลายอย่าง ป๊าของเด่นเปิดโรงแรมให้พวกกรุงเทพนอนกัน แต่เพื่อนผมและพี่ฉลามไปนอนที่บ้านของผม มันบอกว่าไม่อยากให้บ้านเงียบ พี่นิ่มกับญาติก็ย้ายมานอนที่โรงแรม
งานสวดศพคืนแรกผ่านไป กลับมาถึงบ้านก็เที่ยงคืนกว่า พวกเพื่อนๆผมมันขึ้นไปนอนอัดเป็นปลากระป๋องอยู่ในห้องของผม แม่เอาผ้านวมมาปูรองพื้นให้ก็นอนกันได้พอดี ส่วนผมกับพี่ฉลามและบุ้งนอนบนที่นอน ผมนอนตรงกลาง ทีแรกพี่ฉลามก็นอนเฉยๆ ผมก็นอนคุยกับบุ้งจนบุ้งมันหลับ สักพักพอเสียงทุกอย่างเงียบพี่ฉลามก็เอื้อมมือมากอดผมเอาไว้ ผมพลิกตัวหันหน้าไปหาพี่เขา เรานอนมองตากันในความมืดที่พอจะมีแสงลางๆให้เห็นกันได้
“เหนื่อยไหม” พี่เขากระซิบถามเบาๆ
“นิดหน่อย”
“หลับซะ” พี่เขาบอก ผมยิ้มให้พี่เขาก่อนจะหลับตา พี่เขาดึงผมไปนอนซุกที่อกเขา ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น ผมรู้สึกอบอุ่นและก็หลับสนิทเลยรวดเดียวจนถึงเช้า
ในตอนเช้าผมบอกกับแม่ว่าผมจะบวชให้พ่อ แม่บอกว่าแม่ปรึกษากับพี่นิ่มแล้ว สรุปได้ว่าจะเก็บศพพ่อเอาไว้ร้อยวันแล้วค่อยเผา แม่เลยบอกว่าอยากผมช่วยงานในงานศพก่อน เพราะพี่นิ่มก็ลูกเล็ก แม่ก็แก่แล้วไม่ค่อยคล่องเหมือนเดิม ผมก็เลยยังไม่ได้บวช แต่ก็เคยตั้งใจว่าก่อนจะเข้าทำงานผมจะกลับมาบวชสักพรรษาหนึ่งอยู่แล้วก็เลยไม่ได้บวชในงานศพให้พ่อ วันนี้แขกก็มาเยอะเหมือนเดิม แม่ทำข้าวต้มกระดูกอ่อนเลี้ยงแขกในงาน ผมออกไปเอาขนมที่สั่งเอาไว้ กลับมาก็ต้องตกใจเพราะว่าคนที่ช่วยแม่ทำข้าวต้มอยู่ก็คือพัดโบก พัดโบกหันมายิ้มให้ผม แต่พอเห็นว่าใครที่ยืนอยู่ข้างผมรอยยิ้มนั้นก็หายไปเลย
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วใครไปรับมา” ผมเดินเข้ามาถาม
“มาถึงเมื่อเช้ามืด ทำไมไม่บอกว่าพ่อเสีย เราติดต่อกลอนไม่ได้เลย นี่ถ้าไม่โทรหาเด่นก็ไม่รู้” พัดโบกต่อว่าผม แต่ไม่ได้ดุดันรุนแรงอะไร เหมือนน้อยใจมากกว่าที่ผมไม่บอก
“มัวแต่ยุ่งเรื่องงานศพ ขอโทษนะ” ผมบอก สักพักพัดโบกก็คลี่ยิ้มออกมา
“เราลืมไปว่ากลอนคงยุ่ง ขอโทษนะที่ต่อว่า เสียใจด้วยนะกลอน” พัดโบกบอกกับผม ผมพยักหน้าและยิ้มให้ พี่ฉลามเดินเข้ามาพร้อมกับส่งกระเป๋าสะพายของผมมาให้ผม สองคนมองหน้ากัน ผมรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“พัด นี่พี่ฉลาม พี่ฉลาม นี่พัดโบก ญาติของเด่นครับ” ผมแนะนำ พัดโบกไม่ได้ยกมือไหว้พี่ฉลามแต่พยักหน้าแล้วยิ้มให้แทน พี่ฉลามก็ยิ้มตอบ
“พี่ไปช่วยข้างนอกก่อนนะ” พี่ฉลามบอกผมแล้วก็เดินออกไป พัดโบกหันหลับไปปรุงข้าวต้มที่กำลังเดือดปุ๊ดๆอยู่ ผมไม่รู้ว่าในใจของพัดโบกกำลังเดือดเหมือนข้าวต้มหรือเปล่า แต่แววตาดูโกรธๆยังไงไม่รู้
“ชิมสิ อร่อยไหม” พัดโบกตัดน้ำซุปมาให้ผมชิม ผมชิมแล้วยกนิ้วให้
“กลอน ได้ซื้อซองขาวมาให้แม่หรือเปล่า” แม่เดินเข้ามาถาม
“ซื้อครับ เดี๋ยวกลอนไปหยิบให้ ขอบคุณนะที่มา เราไปเอาของให้แม่ก่อน” ผมบอกพัดโบก อีกฝ่ายพยักหน้า
งานสวดศพวันนี้พ่อและแม่ของพี่ฉลามเป็นเจ้าภาพ พ่อและแม่ของพี่ฉลามสั่งผัดไทกุ้งสดเจ้าดังมาเลี้ยงด้วย ผมก็วุ่นต้อนรับแขกที่ทยอยมา จนกระทั่งงานวันที่สองผ่านไปด้วยความเรียบร้อย ผมไปเคาะโลงบอกพ่อว่าจะกลับบ้านแล้ว ก่อนจะเดินออกมาก็เจอกลุ่มเพื่อนผมพร้อมกับพี่ฉลามและพัดโบกยืนอยู่ด้วย ผมเริ่มกระอักกระอวน เรื่องอะไรคิดว่าทุกคนก็คงจะพอรู้กัน เรื่องที่นอนนั่นเอง แต่เหมือนพระมาโปรดผมเลย
“กลอน วันนี้กลอนมานอนกับแม่ก็ได้ ห้องจะได้ไม่แน่น” แม่เดินมาบอกผม ผมยิ้มแล้วกอดเอวแม่
“ก็ได้ กลอนจะได้กอดแม่” ผมรีบอ้อน
“โอเค งั้นพี่ฉลามนอนฝั่งหนึ่ง พัดโบกนอนฝั่งหนึ่ง บุ้งนอนตรงกลาง” บุ้งพูดจบก็ปรบมือชอบใจ
“เดี๋ยวพี่ไปนอนกับพี่นุ๊กก็ได้” พี่ฉลามบอกผม ผมแอบเหลือบมองพัดโบก อีกฝ่ายยืนคุยกับเสือ ทำเหมือนว่าไม่ได้ฟัง แต่คิดว่าคงฟังอยู่
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวกลอนไปส่ง” ผมบอก คราวนี้พัดโบกหันมามองผม
“เรานั่งไปเป็นเพื่อน เวลาส่งเสร็จแล้วจะได้มีเพื่อนกลับ” พัดโบกบอก เพื่อนๆทุกคนเงียบไป ผมทำหน้าไม่ถูก แม่ก็มองอยู่ด้วย
“ไม่เป็นไร พี่กลับเองได้ โรงแรมแค่นี้เอง” พี่ฉลามบอกผม
“แต่พี่นุ๊กกลับไปแล้ว” ผมบอก
“นี่ไง พี่ยืมเด่นเอาไว้แล้ว” พี่ฉลามชี้ไปที่มอเตอร์ไซด์ ผมรู้เลยว่าสีหน้าตัวเองในตอนนี้คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ บุ้งเลยรีบเดินเข้ามา
“เอางี้ เดี๋ยวเราซ้อนพี่ฉลามไปเอง แล้วไปนอนกับพี่นุ๊กด้วยเลย แกไม่ต้องห่วงนะ” พอบุ้งบอกแบบนี้ผมก็เลยต้องพยักหน้า ผมพาแม่กลับไปขึ้นรถ แต่ก็อดมองไปที่พี่ฉลามไม่ได้ พี่เขายิ้มให้ผมและพยักหน้าให้ ผมเลยยิ้มตอบแล้วขึ้นรถ พัดโบกเข้ามานั่งข้างๆด้วยสีหน้าเรียบๆ
“แม่อาบน้ำแล้วจะนอนเลย เพลียจัง ลูกล็อกบ้านด้วยนะ” แม่สั่งผมเมื่อมาถึงบ้าน ผมรีบรับคำ เพื่อนคนอื่นทยอยกันขึ้นบ้านหมดแล้ว เหลือผมกับพัดโบกสองคน ผมกลัวแม่จะลงมาเจอ เลยดึงพัดโบกไปที่โรงจอดรถและเข้าไปนั่งคุยในรถ พอเข้าไปนั่งในรถพัดโบกก็มองหน้าผมแต่ไม่ยอมพูดอะไร
“เดินทางมาตั้งแต่เช้า เหนื่อยไหม” ผมถาม อีกฝ่ายส่ายหน้า
“เห็นหน้ากลอนก็หายเหนื่อยทุกอย่าง”
“แล้วโดดเรียนมาใช่ไหม” ผมถาม
“กลอน วันที่กลอนต้องเศร้าแบบนี้ ต่อให้โลกจะแตก เครื่องบินจะตกเราก็จะมา”
“ไม่เอา อย่าพูดแบบนั้น” ผมรีบเอามือปิดปากพัดโบก ไม่ชอบให้ใครพูดเหมือนเป็นลาง พัดโบกจับมือที่ผมปิดปากเขาเอาไปจูบเบาๆ
“กลอน เรารู้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะมาถาม แต่ถ้าไม่ถามเราก็คง...” พัดโบกถอนหายใจ
“เรื่องพี่ฉลามเหรอ” ผมเป็นฝ่ายพูดออกมาแทน
“อืม เขากลับมาแล้ว แล้วกลอนละ..จะกลับไปคบกับเขาไหม”
“ยังไม่ตอบได้ไหม เราไม่ได้คิดอะไรถึงเรื่องนี้เลย” ผมบอกไปตรงพัดโบกถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะดึงผมไปกอด
“ขอโทษนะ ไม่ใช่เวลาที่จะมาถามจริงๆ”
“ไม่เป็นไร ขอบคุณนะที่กลับมา” ผมบอกเขา พัดโบกเชยคางผมแล้วจูบ สักพักผมก็ดันตัวเข้าออก
“เดี๋ยวแม่ลงมาเห็น ขึ้นห้องกันเถอะนะ” ผมบอก
เราสองคนกลับเข้าไปในบ้าน ผมจัดแจงเดินตรวจตราความเรียบร้อยแล้วก็กลับขึ้นห้องไป เล็กกับเก้งนั่งเล่นเกมกันอยู่ยังไม่นอน ส่วนเสือเพิ่งออกมาจากห้องน้ำก่อนจะมานั่งคุยกับพัดโบกเรื่องรถตามเคย ผมเลยเข้าไปอาบน้ำ สงสัยจะอาบนานไปหน่อย กลับออกมาหลับกันหมดเหลือพัดโบกที่รออาบน้ำต่อจากผม พอบุ้งไปนอนที่โรงแรมด้วย บนเตียงเลยเหลือผมกับพัดโบกแค่สองคน บุ้งส่งข้อความมาบอกว่าถึงโรงแรมแล้ว ผมไม่กล้าถามถึงพี่ฉลาม ในใจก็นึกสงสารพี่เขา ผมไม่รู้จริงๆว่าผมควรทำยังไง
ผมนอนเล่นจนเหมือนจะเคลิ้มหลับ แต่ผิวเย็นๆของพัดโบกที่มากอดผมทำให้ผมสะดุ้ง ผมหันไปแต่ในห้องมันมืดมาก ผมว่าผมเปิดไฟที่หน้าห้องเอาไว้ แต่ทำไมมันดับไปไม่รู้ ในห้องเลยมืดมาก พัดโบกมาหอมแก้มของผม ก่อนจะจูบผม ผมพยายามจะดันออกกลัวเพื่อนได้ยิน แต่สุดท้ายก็ต้องคล้อยตามอารมณ์ของอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ยอมส่งเสียงออกมาเลย พัดโบกดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเราสองคนเอาไว้ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในเสื้อนอนของผมแล้วปั่นที่ยอดอกจนมันแข็งสู้นิ้ว
“ไม่เอา เดี๋ยวเพื่อนได้ยิน” ผมกระซิบให้เบาที่สุด
“หลับกันหมดแล้ว” พัดโบกบอกก่อนจะขยับตัวลงไปฉกชิมที่หน้าอกของผม ผมกัดฟังกลั้นเสียงแทบตาย พัดโบกยังคงไม่หยุด ไล่เลียไปทั้งตัวจนถึงส่วนกลาง กางเกงนอนถูกดึงลง ผมรีบจับมือของพัดโบกจะดึงให้ขึ้นมา แต่ไม่ทันแล้ว อีกฝ่ายครอบครองส่วนกลางของผมแล้ว ผมเกร็งตัวแล้วกัดผ้าห่มแน่น เพราะริมฝีปากของผมโดนผมกัดจนบวมเจ่อ พัดโบกรูดรั้งเบาๆไม่ให้เกิดเสียง แต่ผมจะขาดใจ ยิ่งทำอะไรแบบที่กลัวคนจะได้ยินผมยิ่งเกร็ง พอยิ่งเกร็ง อารมณ์มันยิ่งเตลิด ผมกัดผ้าห่มส่ายหน้าไปมา ไม่นานผมก็ปลดปล่อยออกมาในปากของพัดโบกเลย อีกฝ่ายจัดการดูดกลืนเกลี้ยงไม่มีเลอะออกมาเลย ผมพรูลมหายใจให้เบาที่สุด อีกฝ่ายมุดผ้าห่มออกมาจูบที่หน้าผากของผม
“คิดถึงมากจนทนไม่ไหวจริงๆ ขอโทษนะ” พัดโบกกระซิบ
“แล้ว..อยากไหม” ผมถาม แต่ผมไม่ทำให้หรอกนะ ถ้าอีกฝ่ายตอบว่าอยากผมจะให้เขาไปช่วยตัวเอง อยากหาเรื่องเองนี่นา ผมยอมเป็นคนใจร้าย
“ไม่เป็นไร นอนนะคนดีของพัด” พัดโบกหอมแก้มผมอีกครั้ง ผมเลยชะโงกหน้าไปหอมแก้มพัดโบกบ้างก่อนจะกลับมานอน
เช้าวันสวดวันสุดท้าย ผมว่าผมลุกแต่เช้าแต่ก็ยังสายกว่าพัดโบก พัดโบกตื่นพาแม่ผมไปตลาดตั้งแต่เช้ามืด แล้วเอาของไปไว้ที่วัด พวกผมตื่นอาบน้ำเสร็จ เด่นก็ขับรถมารับ ไปถึงวัดก็รีบไปช่วยแม่ทำกับข้าวเลี้ยงเพล สักพักพี่นุ๊ก บุ้ง พี่ฉลามก็มา พี่ฉลามมานั่งข้างๆผมแล้วก็ช่วยผมเด็ดชะอม พักโบกที่กำลังปรุงน้ำซุปไก่อยู่ก็แอบเหลือบมองมาบ่อยๆ แต่พี่ฉลามไม่ได้คุยอะไรมาก นิ่งๆตามประสาพี่เขา คงเพราะทั้งคู่คงรู้ว่าผมกำลังอยู่ในภาวะที่ไม่ควรทำให้คิดมาก ทั้งคู่เลยต่างคนต่างอยู่คนละมุม
จนกระทั่งงานสวดศพของพ่อครบสามคืนผ่านไป เราเก็บศพเอาไว้ที่วัดอีกร้อยวันถึงจะเผา ผมเลยบอกแม่ว่าจะอยู่เป็นเพื่อนแม่ก่อน แต่แม่บอกว่าแม่จะไปปฏิบัติธรรมที่เชียงรายกับแม่ของพี่ฉลามต่อเลย เพราะที่วัดก็ไม่มีอะไรแล้ว แต่พี่นิ่มยังอยู่ต่อ เพื่อจัดการเรื่องประกันชีวิตที่พ่อทำเอาไว้กับตัวแทนที่นี่และอยู่ทำบุญใส่บาตรให้พ่ออีกอาทิตย์หนึ่ง ส่วนผมเลยก็ตีรถกลับขึ้นมากรุงเทพกันคืนนั้นเลยเพราะอยากเข้ามาคุยกับพี่เหิรเรื่องงานด้วย ผมแยกกันกลับกับพัดโบก พัดโบกกลับมากับเด่น แต่ผมนั่งมากับแม่ในรถตู้ของครอบครัวของพี่ฉลาม พัดโบกหน้าเสียนิดหน่อยเมื่อรู้ว่าผมต้องกลับกับพี่ฉลาม แต่ก็คงเข้าใจว่าผมอยากนั่งมากับแม่ เพราะจะไปส่งแม่ที่สนามบินก่อน ผมกับพี่ฉลามมาส่งแม่ของเราสองคนเสร็จ พี่ฉลามก็ชวนผมกินข้าวก่อนกลับคอนโด ทีแรกผมก็ลังเล แต่ในที่สุดผมก็ตอบรับ ผมก็อยากคุยกับพี่เขาเหมือนกัน เรายังไม่ได้คุยอะไรกันเป็นเรื่องเป็นราวเลยตั้งแต่เจอกัน
“รู้ไหม ตอนอยู่ที่โน้นนะ อยากกินก๋วยจั๊บมากเลย” พี่ฉลามชวนผมคุยก่อนหลังจากที่มานั่งกินก๋วยจั๊บเจ้าโปรดอยู่ที่เยาวราช
“เชื่อแล้วว่าอยาก สั่งเต็มโต๊ะเลย” ผมมองอาหารตรงหน้าก็คิดว่าพี่เขาจะกินหมดไหม
“เราก็กินบ้างนะ ผอมลงทุกวัน” พี่ฉลามบ่นผม
“รู้ได้ไงว่ากลอนผอมลงทุกวัน” ผมถาม พี่ฉลามทำหน้าอึ้งๆ ก่อนจะยักคิ้วให้แบบกวนๆ
“มีสายสืบ”
“ทำไมพี่ทำแบบนี้” ผมถาม
“แบบไหน”
“ไม่ให้กลอนรอ แล้วพี่มาทำแบบนี้”
“ก็ไม่อยากให้ทรมาน อีกอย่าง ใครกันที่บอกพี่ อย่าลืมกลอนนะ” พี่เขาถาม คราวนี้ผมอึ้งไปบ้าง
“พี่มีอะไรกับใครรึเปล่า ที่โน้นเสรีจะตายเนอะ” ผมแกล้งถามแต่ก้มหน้ากินก๋วยจั๊บ ไม่กล้าสบตาพี่เขา
“จะเสรีแค่ไหน ถ้าใจมันไม่อยาก มันก็ไม่มีหรอก” พี่ฉลามตอบ แต่ผมเหมือนโดนปามีดมาปักที่กลางอก เป็นคำถามที่ฆ่าตัวเองแท้ๆ
“กลอนขอโทษนะครับ” จู่ๆน้ำตาของผมก็ร่วงแหมะเลย หัวใจผมอ่อนแอดีจริงๆในตอนนี้ ผมไม่รู้จริงๆว่าตัวเองควรทำยังไง ผมรักพี่ฉลาม มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย แต่ผู้ชายอีกคนที่ก้าวเข้ามา ผมก็คิดว่าผมรักเขา คนเราจะรักคนได้ถึงสองคนได้เหรอ ผมพยายามภามตัวเองแล้ว แต่คำตอบก็คือ ใช่ ผมรักผู้ชายทั้งคู่
“ร้องไห้ทำไม ไม่ต้องร้องนะ” พี่ฉลามลุกมาลูบหัวผม ก่อนจะเดินไปจ่ายเงินแล้วพาผมเดินออกมาเลย อาหารยังเต็มโต๊ะ ผมทำให้พี่เขาไม่ได้กินเสียแล้ว
“กลอนขอโทษจริงนะที่ไม่ได้รอพี่” ผมเช็ดน้ำตาแล้วบอกพี่เขาอีกครั้ง
“จะขอโทษในสิ่งที่ไม่ผิดทำไม พี่บอกกลอนเองว่าไม่ต้องรอ ไม่ต้องเสียใจนะ วันนั้นพี่เลือกครอบครัว พี่ทำให้กลอนเสียใจ พี่ไม่มีสิทธิ์ให้กลอนรอหรอก ได้แต่ภาวนาว่าระหว่างนี้กลอนอย่าเจอใคร แต่ในเมื่อกลอนเจอเขาแล้วก็อย่ากังวลอะไร ถ้าการกลับมาของพี่ทำให้กลอนยุ่งยากใจ พี่สิต้องขอโทษ”
“เปล่านะ กลอนไม่ได้ยุ่งยากใจ กลอนดีใจที่พี่กลับมา..แต่ว่า..กลอน..” ผมไม่รู้จะพูดยังไงกับสิ่งที่ผมคิดอยู่ตอนนี้
“ดูทำหน้าเข้า ฟังนะ พี่โอเค ไม่ต้องคิดในส่วนของพี่ คิดในส่วนของกลอนพอ เขาเป็นคนดีใช่ไหม”
“ครับ”
“รักเขาไหม” พี่ฉลามถาม ผมมองหน้าพี่เขาก่อนจะน้ำตาร่วงอีก สุดท้ายก็พยักหน้า พี่ฉลามยิ้มให้ผมก่อนจะถอนหายใจเบาๆ แล้วดึงมือผมไปกุม
“อย่าร้องไห้เพราะพี่อีกเลยนะ พี่เจ็บว่ะ ยิ้มให้พี่ดีกว่า เวลากลอนยิ้มแล้วพี่มีความสุขนะ” ยิ่งพี่ฉลามอ่อนโยนแบบนี้ผมยิ่งอยากร้องไห้ พี่เขาแค่ลูบหัวผมอีก ไม่ได้ดึงผมไปกอด ไม่ได้จับมือผม ผมคงไม่มีสิทธิอยากให้เขากอดอีกแล้วใช่ไหมครับ
“กลับบ้านกัน” พี่ฉลามบอก ผมพยักหน้าแล้วเดินตามพี่เขาไป รถตู้ขับพาเรามาถึงหน้าบ้านของพี่ฉลาม มองหน้าพี่เขาอีกที พี่เขายิ้มให้ ผมลงจากรถด้วยความรู้สึกเจ็บหนึบๆในใจ ผมเดินกลับขึ้นมาที่คอนโด พอไขกุญแจเข้าไปก็เห็นพัดโบกนั่งอยู่ที่โซฟา สีหน้านิ่งๆ
“เด่นไปไหนเหรอ” ผมถามเพราะไม่เห็นเด่น
“ไปบ้านแฟน ไม่กลับ” พัดโบกตอบแล้วหันกลับไปดูโทรทัศน์ต่อ ผมรู้ว่าพัดโบกคงจะน้อยใจและคิดมาก แต่ผมเหนื่อยเลยเดินกลับเข้าไปในห้อง เข้าไปอาบน้ำ สักพักพัดโบกก็ตามเข้ามา
“เหนื่อยเหรอ นวดให้ไหม” พัดโบกถาม
“ไม่เป็นไร เราอยากนอน” ผมตอบไปตามที่รู้สึก ผมปวดหัวเพราะร้องไห้เยอะไป พัดโบกปิดไฟแล้วเดินมานั่งทิ้งตัวลงนอนข้างๆก่อนจะกอดผม
“ตาแดง ร้องไห้มาเหรอ มีอะไรรึเปล่า” พัดโบกถามผมก่อนจะซุกไซร้ที่ซอกคอของผม
“เปล่า ไม่ได้ทะเลาะอะไร วันนี้ไม่มีอะไรได้ไหม เราเหนื่อย” ผมบอก พัดโบกชะงักไป ก่อนจะยอมปล่อยผมออกจากอ้อมกอดแล้วหันหลับไปนอนนิ่งๆ
“อยากให้เรากลับไปญี่ปุ่นไหม” พัดโบกถาม
“มันไม่ใช่แบบนั้น” ผมตอบกลับไป อีกฝ่ายเงียบ ผมถอนหายใจแล้วพลิกตัวไปกอด
“แค่คุยกัน ไม่ได้มีอะไรเลย อย่าคิดมากสิ” ผมอธิบาย อีกฝ่ายถอนหายใจก่อนจะพลิกตัวหันหน้ามาหาผม แล้วจูบผม ผมไม่ได้ขัดใจ เดี๋ยวจะน้อยใจผมอีก พอไม่ได้ขัดใจ พัดโบกก็เริ่มปลดเสื้อผ้าผมออก ผมนอนให้เขาทำตามที่อยากทำ ไม่นานผมก็เริ่มคล้อยตามอารมณ์ที่เขาปรนเปรอมา พัดโบกแสดงความรักกับผมทั้งคืน ผมไม่ได้ขัดใจเขาเลย แต่ถ้าบอกตรงๆ การตอบรับของผมในวันนี้เกิดจากอารมณ์ล้วนๆ สมองของผมกลับคิดนั่นนี่เต็มไปหมด ไม่ได้รู้เลยว่าพัดโบกพูดอะไรบ้าง จนกระทั่งพัดโบกหลับสนิท ผมถึงได้ลุกไปสวมเสื้อผ้าแล้วออกไปยืนที่ระเบียง มองโมบายหอยที่เริ่มเก่าเพราะฝุ่นจับมองเลยไปที่บ้านตรงข้าม ไฟห้องของพี่ฉลามยังเปิดอยู่ ผมมองอยู่สักพักใหญ่ จนไฟห้องพี่ฉลามดับลง ผมถึงได้กลับมานอน
(มีต่อข้างล่างนะคะ)V
V