.
.
จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น ถึงได้รู้เหตุผลถึงความมั่นใจของหลวงภิภพไชยณรงค์ เพราะพ่อแม่ของหลวงอินทรทินกรได้เดินทางมาเยี่ยมที่เรือนลูกชายด้วยตัวเอง และเหตุผลที่มาเยี่ยมก็ไม่ใช่อะไร นอกจากมาเพื่อสนับสนุนให้หลวงอินทรทินกรกลับไปรับราชการดังเดิม
"พ่อดวง หลวงภิภพแกแวะมาบอกข่าวพ่อแล้ว พ่อก็อย่าหักหาญน้ำใจแกเลย เรือนนี้ให้ตาหนูกับเมียมาอยู่ดูแลแทนสิ ”
พ่อของหลวงอินทรทินกรเห็นด้วยกับข้อเสนอของหลวงภิภพไชยณรงค์อย่างมาก
อย่างไรแล้วหัวอกคนเป็นพ่อ ย่อมอยากให้ลูกได้ดี และด้วยครอบครัวที่มีฐานะเท่าคหบดีใหญ่ บรรพบุรุษประกอบอาชีพค้าขาย ก็ย่อมอยากเห็นลูกหลานได้ดีทางราชการมากกว่าหันมาทำไร่ทำสวนเช่นนี้
เมื่อครั้งที่หลวงอินทรทินกรถูกให้พักจากราชการ เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ใหญ่จะไม่รู้สึกเสียหน้า ดังนั้นเมื่อโอกาสมาอยู่ตรงหน้า พ่อแม่ของคุณหลวงเจ้าของเรือนย่อมต้องอยากให้ลูกชายคว้ามันเอาไว้
"ตาหนูมาอยู่ดูแลผมก็วางใจได้ แต่คุณพลอยจะอยากมาอยู่ดูแลเทือกสวนไร่นาหรือครับพ่อ”
"ถ้าตาหนูว่าอย่างไร แม่พลอยก็ต้องว่าตามนั้นสิ”
หลวงอินทรทินกรถอนหายใจเฮือก รัตติกาลเองก็เดาใจเจ้านายไม่ถูกว่าคิดเห็นอย่างไรกันแน่ อยากจะอยู่ที่นี่ต่อไปทั้งๆ ที่ถูกคนอื่นกดดันจริงหรือ หรือว่าตัดสินใจจะไปเมืองหลวงและกลับไปรับราชการตามที่ได้รับการทาบทาม
เมื่อพ่อแม่ของหลวงอินทรทินกรกลับไปแล้ว ชายหนุ่มถึงได้มีโอกาสถามตรงๆ หลังจากที่ไม่มีโอกาสได้อยู่เพียงลำพังกับคนร่างเล็กกว่ามาตลอดสองวัน เพราะอีกฝ่ายเอาแต่เก็บตัวในห้องไม่มาเล่นดนตรีหรือเรียกให้เขามาอ่านหนังสือและสนทนาด้วยเหมือนทุกที
"นายรัต ฉันมีเรื่องจะถามเธอ”
"ผมก็มีเรื่องจะถามคุณหลวงเหมือนกัน”
ชายหนุ่มยิ้มร่า หากคนตรงหน้านี้เป็นดวงใจคนที่เขารู้จัก คงจะถูกถีบหน้าโทษฐานที่ไร้มารยาทเข้าไปแล้ว แต่หลวงอินทรทินกรทำเพียงถอนใจเบา ก่อนจะเอ่ยขึ้น
"เช่นนั้นเธอถามมาก่อนแล้วกัน”
"คุณหลวงจะปฏิเสธหลวงภิภพไหมครับ”
รัตติกาลถามตรงอย่างไม่อ้อมค้อม เรื่องสำคัญแบบนี้ต่อให้อ้อมไปรอบโลกก็ต้องวกกลับมาที่ประเด็นเดิมอยู่ดี เพราะงั้นเสียเวลาไปก็เปล่าประโยชน์
"ไม่ใช่ว่าต้องการปฏิเสธหรอก ฉันแค่รู้สึกผิดต่อเรือนนี้หากจะต้องจากไป”
"น้องชายคุณหลวงจะมาอยู่แทนนี่ครับ”
"ก็ใช่”
"งั้นจะอยู่กับน้องชายหรือครับ...แต่จะว่าไป อยู่หลายๆ คนก็ดีนะ มีคนแค่นี้ออกจะเงียบๆ เหงาๆ ออก”
"แสดงว่าเธอไม่ชอบอยู่ที่นี่งั้นสิ”
...ไปต่อไม่เป็นเลยกู
"ฉันก็จะถามเธออยู่พอดี ว่าเธอไม่สนใจสอบเข้ารับราชการดูหรือ ความรู้ความสามารถอย่างเธอ จะมาเป็นคนรับใช้เขาก็ออกจะน่าเสียดายความรู้ความสามารถ”
"แหนะ พูดเหมือนพ่อคุณหลวงกับหลวงภิภพเลยนะคร๊าบ” รัตติกาลทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง
หลวงอินทรทินกรค้อนใส่รัตติกาลไปทีเมื่อถูกย้อน
"ผมทำงานราชการไม่ได้หรอก ผมไม่ชอบการเมือง ไม่ชอบทำเพื่อคนอื่น ผมชอบใช้ชีวิตเพื่อความสุขของตัวเอง”
คุณหลวงเจ้าของเรือนเงียบ จนรัตติกาลคิดว่าคนร่างเล็กกว่าอาจจะผิดหวังกับความคิดเขาอยู่ก็เป็นได้
"ถ้าอย่างนั้น...เธอจะอยู่ที่เรือนนี้ต่องั้นหรือ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยความคิดของตัวเองออกมา
"ถ้าคุณหลวงอยู่ ผมก็อยู่ แต่ถ้าคุณหลวงไป จะให้ผมไปเป็นคนใช้คุณหลวงที่เมืองหลวงผมก็ไป”
"แปลกคน ไม่อยากทำงานได้ตำแหน่ง แต่อยากทำงานที่คนว่าไร้เกียรติงั้นหรือ”
"เกียรติยศของคนเรา ขึ้นอยู่กับตำแหน่งงานด้วยหรือครับ”
"...”
หลวงอินทรทินกรนิ่ง
"It's not titles that honor men, but men that honor titles”***
ชายหนุ่มนึกถึงคำพูดของกวีสมัยก่อนที่เคยได้ยิน จนเผลอพูดออกมา
"หากคุณคิดว่ามันมีเกียรติ มันก็คงจะมีเกียรติ แต่ถ้าคิดว่าไม่มี มันก็ไม่มี สำหรับผมแล้ว ผมไม่ได้มองว่าใครดีกว่าใครหรือสูงกว่าใครเพราะตำแหน่งหรือการงานที่ทำ”
"เธอพูดถูก”
ชั่วขณะที่สายตาประสานกับเจ้านาย รัตติกาลรู้สึกถึงความแน่วแน่จากแววตาอีกฝ่าย
"แล้วตกลงคุณหลวงจะกลับเมืองหลวงหรือเปล่าครับ”
รัตติกาลเอ่ยกลับเข้าประเด็น เพราะการตัดสินใจของหลวงอินทรทินกร ย่อมมีผลต่อการตัดสินใจของเขาเช่นกัน
คนร่างเล็กพยักหน้าแทนคำตอบ
"ให้ผมไปด้วยได้มั้ย”
"ได้สิ”
รัตติกาลมองรอยยิ้มอ่อนโยนของหลวงอินทรทินกรก็ได้แต่ยิ้มตอบ และรอยยิ้มของชายหนุ่มครั้งนี้ สำหรับคุณหลวงเจ้าของเรือนคงคาดเดาอารมณ์ที่แฝงอยู่ได้ยาก แม้เวลาที่ได้รู้จักกันจะไม่นาน แต่หลวงอินทรทินกรก็รู้ว่ารัตติกาลแม้ภายนอกร่าเริงแค่ไหน แต่ภายในนั้นกลับลึกเกินจะหยั่ง
และที่ชายหนุ่มตัดสินใจจะตามไป จะเป็นเพราะเห็นว่างอินทรทินกรที่หน้าเหมือนดวงใจเป็นที่ยึดเหนี่ยวหรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้ แต่ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะแม้กระทั่งขณะนี้ หลวงอินทรทินกรก็ยังรู้สึกเสมอว่าเวลาที่คนร่างสูงมองตัวเอง ก็เสมือนกับว่ากำลังมองตัวแทนของคนรักที่จำใจจากมามากกว่า
หลวงอินทรทินกรถอนหายใจเบา และได้แต่หวังว่าความกังวลที่เริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจ จะไม่ทำให้เกิดปัญหาใดในภายหลัง
***Niccolo Machiavell
.
.
TBC
