กลายรักครั้งที่❧8
หลายสัปดาห์ที่ผ่านไปรู้สึกเหมือนหัวใจได้ถูกเติมเต็มอย่างที่ไม่เคยเป็น หลายสิ่งหลายอย่างที่ได้เรียนรู้จากเซโครทำให้ผมสามารถอยู่ได้เหมือนกับมนุษย์ปกติ...
ผมกินข้าวได้เหมือนกับที่เซโครกิน
ผมเข้าห้องน้ำได้เหมือนที่เซโครสอน
ผมวิ่งเดินได้เหมือนที่เซโครทำให้ดู
ผมทำทุกอย่างได้ตามที่เซโครบอกจนถูกชมว่าฉลาดอยู่บ่อยๆ
ทุกๆวันที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับเซโครมันช่างมีความสุข
เมื่อวานมีผู้ชายคนนึงมาหาและเซโครบอกว่าเป็นพ่อของเขา...กลิ่นที่สัมผัสได้คลายคลึงกับเซโครแต่ก็ไม่เหมือน ความรู้สึกต่อมาที่ได้รู้คืออีกฝ่ายไม่เป็นอันตราย
ผมต้องรักษาคำสัญญาว่าจะไม่ฆ่ามนุษย์เพราะไม่อยากแยกกับเซโคร
เรื่องที่พวกเขาคุยกันผมไม่ค่อยเข้าใจเลยได้แต่ฟังเงียบๆเท่าที่ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวผม...
การกลายร่าง
ก็จริงที่เดี๋ยวนี้ไม่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนทุกๆวันที่ต้องกลายร่างสลับกันไปมา...ร่างกายของมนุษย์ทำให้รู้สึกอ่อนแอแต่ถ้าได้อยู่ข้างๆเซโครจะให้อยู่ในร่างนี้ตลอดไปก็ได้
“ยูทาร์...ตื่นรึยัง?”เสียงนุ่มๆของเซโครดังขึ้นพร้อมกับเปิดประตูเข้ามาจนพบกับผมที่กำลังนั่งพิงผนังห้องอยู่ด้านล่างเตียง
“เซโคร”ผมเรียกอีกฝ่ายแล้วลุกไปหาในทันที
ตอนนี้เป็นช่วงเช้าที่พระอาทิตย์ขึ้นแล้วสักพักใหญ่...ตอนนอนผมต้องอยู่ในห้องนี้เพียงคนเดียว เซโครบอกว่าให้รอหายดีแล้วจะให้ไปนอนที่ห้องด้วยแต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยได้ไปเลยสักครั้ง
“นั่งที่พื้นอีกแล้วเหรอ?...คงไม่ได้นอนหลับบนพื้นเย็นๆหรอกนะผมเปิดแอร์ให้แล้วยังร้อนอยู่เหรอ?”เซโครถามขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาแล้วใช้มือแตะเข้าที่ลำคอและหน้าผากเหมือนกำลังตรวจอะไรสักอย่าง
“ไม่ได้ร้อนแต่บนพื้นมันสบายกว่า”
“ถ้าอยู่บนพื้นเย็นๆจะไม่สบายนะถึงจะใส่เสื้อแขนยาวก็เถอะ”เซโคบ่นผมเบาๆ ดวงตาสีเขียวอมฟ้าที่จ้องมาที่ผมอย่างเคืองๆช่างน่ามอง
“...”
“ไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวผมจะพาออกไปข้างนอก”เมื่อเห็นผมไม่ตอบอะไรเซโครก็เปลี่ยนเรื่องแล้วดันหลังผมให้ไปยังห้องน้ำที่อยู่ถัดไปไม่ไกล
ในห้องน้ำมีทั้งผ้าขนหนูและเสื้อผ้าเตรียมเอาไว้ให้หมดทุกอย่าง...ที่ผมต้องทำมีเพียงอาบน้ำที่ไหลลงมาจากฝักบัวและหยิบสบู่ แชมพู ครีมล้างหน้ามาถูกแล้วล้างออกก่อนจะแปลงฟัน ทุกอย่างนี่ต้องทำอย่างน้อยวันละครั้งซึ่งบางทีผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำบ่อยขนาดนี้
ตอนที่ผมอยู่ในร่างไนโนเสาร์ไม่เคยต้องมาทำอะไรแบบนี้เลยสักครั้งเดียว
พอแต่งตัวด้วยเสื้อแขนยาวสีเขียวกับกางเกงขายาวสีดำตามที่เซโครจัดไว้ให้แล้วผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ...จมูกผมค่อยๆสูดกลิ่นเข้าปอดอย่างช้าๆแล้วเดินไปตามทางที่ได้กลิ่นของเซโครอยู่
เดินมาถึงด้านหน้าก็เจอเซโครกำลังนั่งอ่านแฟ้มเอกสารอะไรสักอย่างอยู่บนโซฟาตัวยาว ใบหน้าด้านข้างที่ขมวดคิ้วอยู่ทำให้ผมคิดว่าต้องเป็นเรื่องที่ทำให้เซโครลำบากใจแน่
“เซโคร”
“หื้อ...อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ...อ้าว...ไม่ยอมเช็ดผมอีกแล้ว...มานั่งนี่เลยยูทาร์”เซโครหันมาบอกผมแล้ววางแฟ้มที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะ ผมเดินเข้าไปหาตามเสียงเรียกก่อนจะนั่งลงด้านหน้าเซโคร...ไม่นานผ้าขนาหนูผืนขาวก็ถูกวางลงก่อนจะถูเช็ดไปมาอย่างอ่อนโยนจนผมต้องหลับตาลงแล้วรับสัมผัสนั้นนิ่งๆ
เซโครบอกว่าเวลาผมเปียกให้เช็ดจนกว่าจะแห้งแต่พอผมไม่ยอมเช็ดเซโครก็จะเช็ดให้ถึงจะมีคำบ่นที่ผมไม่ยอมทำตามแต่ทุกครั้งเซโครก็จะเช็ดผมให้อย่างอ่อนโยนเสมอ...พอรู้แบบนี้ผมเลยเลือกที่จะโดนบ่นแล้วให้อีกฝ่ายเช็ดให้ดีกว่าต้องมานั่งเช็ดเอง
ผ่านไปสักพักผ้าขนหนูชื้นก็ถูกเอาออกไปและแทนที่ด้วยหวีด้ามหนึ่ง...เซโครบอกว่าเส้นผมของผมนั้นยาวมากต้องดูแลดีๆไม่งั้นจะพันกันแล้วต้องไปตัดทิ้ง พอเซโครหวีผมให้เสร็จเส้นผมสีเทาเข้มแซมส้มก็ถูกรวบไปไว้ด้านหลังพร้อมกับหนังยางที่ถูกรัดไว้จนแน่น
“เสร็จแล้ว...คราวหน้าต้องเช็ดเองนะยูทาร์”เซโครบอกผมแล้วลุกขึ้นยืนบิดไปมาผมเห็นแบบนั้นเลยลุกขึ้นยืนแล้วทำตามบ้าง
“เราจะไปรวมกับคนอื่นที่ทางออกแรก...ยูทาร์จำที่ผมบอกได้ใช่ไหมว่าห้าม...”
“ห้ามฆ่ามนุษย์”ผมตอบกลับไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องคิด เซโครย้ำเรื่องนี้กับผมบ่อยมากจนจำได้ขึ้นใจแล้ว
“ดีมาก...งั้นไปกันเถอะ...ทำตัวตามสบายไม่ต้องตื่นเต้น”เซโครบอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะก้มลงหยิบแฟ้มเอกสารที่วางไว้แล้วเดินนำออกไป
เซโครเตรียมของหลายอย่างทั้งกระเป๋าเป้า แฟ้มเอกสารและถุงอะไรอีกหลายอันจนผมต้องเข้าไปช่วยถือ...ผมเดินตามเซโครไปที่สิ่งที่เรียกว่า ‘รถ’ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นและได้เข้าไปนั่งภายใน...เบาะนิ่มๆเหมือนสิ่งที่เรียกว่าโซฟาแต่แคบกว่า
ผมมองเซโครที่เข้ามานั่งข้างๆแล้วทำอะไรสักอย่างจนรถร้องเสียงดังแล้วกระตุกเบาๆ
“...เซโคร...รถมัน...”
“ไม่ต้องห่วงนี่เป็นเรื่องปกติ...ทำตัวให้ชินไว้นะยูทาร์แล้วผมจะพาไปเที่ยว”เซโครหันมาบอกผมสบายๆก่อนที่รถจะเริ่มเคลื่อนที่ออกไป...ตลอดทางผมมองออกไปด้านนอกที่มองเห็นทะเลสีฟ้าคราม จำได้ว่าเซโครเคยบอกว่าทะเลสีฟ้านั่นมีรสเค็มเหมือนเกลือที่ผมเคยถูกหลอกให้ชิม
ไม่นานนักรถก็จอดลงที่ด้านหน้าตึกขนาดใหญ่ที่มีมนุษย์ยืนอยู่ด้านหน้าหลายสิบๆคน...ดวงตาสีเหลืองอำพันของผมค่อยๆหรี่ลงช้าแล้วเริ่มระแวดระวังทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวอย่างไม่ไว้ใจ
“ไม่เป็นไร...ถ้าอยู่กับผมไม่มีใครกล้าทำร้ายยูทาร์หรอกเพราะงั้นยูทาร์ก็ห้ามไปทำร้ายใครนะ”เซโครวางมือลงบนแก้มผมแล้วลูบเบาๆพร้อมบอกเสียงเบา
“ได้...ผมก็จะปกป้องซโคร”
“ฮิ...ได้เลยเราปกป้องกันและกันเนอะ”เซโครยิ้มกว้างออกมาแล้วดึงแก้มผมแรงๆก่อนจะก้าวลงจากรถไป
ยูทาร์ยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆอย่างไม่เข้าใจนักแล้วก้าวลงจากรถตามไป...ทันทีที่ผมและเซโครเดินเข้าไปใกล้กลุ่มมนุษย์ที่ส่งเสียงคุยกันดังลั่นก็เงียบสนิทพร้อมกับก้าวถอยหลังอย่างพร้อมเพรียงเมื่อหันมามองที่ผม...
สายตาที่หวาดกลัวนั่นทำให้ผมอยากจะวิ่งเข้าไปไล่ต้อนเหมือนฝูงปลาที่อยู่ในน้ำซะจริงๆแต่ก็ต้องข่มใจให้เย็นไว้
“สวัสดีครับพี่พรีโม่...วันนี้มีไปกันกี่คนครับเนี่ย?”ผมหันไปมองเซโครที่เข้าไปคุยกับผู้ชายรูปร่างบึกบึนและมีกล้ามแขนเป็นมัดๆ ใบหน้าที่มองไม่ออกว่าหน้าตาเป็นยังไงเพราะไว้หนวดเคราปิดเกือบครึ่งหน้ากลิ่นของดินโคลนและไดโนเสาร์ที่ติดมาทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายออกป่าบ่อยแน่
ตั้งแต่ที่มาถึงก็ได้กลิ่นของไดโนเสาร์มากมายที่ไม่เคยรู้สึก...เซโครบอกแล้วว่าเราจะไปหาไดโนเสาร์กันแต่ไม่บอกว่ากลิ่นเป็นยังไงผมเลยได้แต่ดมกลิ่นที่อยู่รอบๆอย่างสำรวจเผื่อจะช่วยอะไรเซโครได้บ้าง
“ไงเซโคร...ไม่ได้เจอกันนานเห็นว่าย้ายสายนี่เรียนเพาะเนื้อเยื่อเปลี่ยนมาดูแลไดโนเสาร์”ชายที่เซโครคุยด้วยตอบกลับมาพร้อมกับเหล่มองมาทางผมอย่างสำรวจ
“ก็นิดหน่อยพี่...พอดีคุยกันถูกคอ”
“แน่เหรอ?...วันนี้รวมเซโครกับ...”เป็นอีกครั้งที่ชายคนเดิมหันมามองผมเต็มๆสายตา
“ยูทาร์...เขาชื่อยูทาร์”เซโครแนะนำผมให้รู้จัก
“อ้อ...ยูทาร์...ถ้ารวมเซโครกับยูทาร์ก็62คน”
“เข้าใจแล้วครับ...เราจะไปหาไทเซอราท๊อปเหมือนเดิมใช่ไหมครับ?”เซโครถามต่อ
“ใช่...ไม่รู้ว่าจะย้ายที่รึยังเราต้องค่อยตามรอยไป”
“ครับ”
“เอาล่ะไปแนะนำตัวกับพ่อหนุ่มรูปงามหน่อยดีกว่า...สวัสดีฉันชื่อพรีโม่ เดอัซโซว่...เรียกพี่พรีโม่เหมือนเซโครก็ได้...พี่เป็นหัวหน้าของฝ่ายควบคุมโรคยินดีที่ได้รู้จักนะยูทาร์”ชายไว้หนวดเคราเดินเข้ามาพร้อมเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร
“ผมยูทาร์...ยินดีที่ได้รู้จัก”ผมทักทายตอบแล้วยื่นมืออกไปจับกับอีกฝ่าย
“ว้าว...ไม่คิดว่าจะเป็นมิตรขนาดนี้”
“หมายถึงอะไรครับ?”ผมถามออกไป
“ข่าวของเธอเราได้ยินมาเยอะ...พวกเด็กๆเลยค่อนข้างกลัวอย่างที่เห็น”พี่พรีโม่บอกแล้วมองไปยังด้านข้างที่มีมนุษย์ยืนมองมาอย่างตกใจปนหวาดกลัว
“ผมจะไม่ฆ่ามนุษย์”ผมบอกออกไปเต็มปากเต็มคำ...ไม่ใช่เพียงเพราะสัญญาที่ให้ไว้แต่ด้วยร่างกายที่เป็นมนุษย์เหมือนกันจะให้ฆ่าคงทำไม่ได้หรอก
“ได้ยินแบบนั้นก็วางใจ...หันไปทักทายลูกน้องฉันหน่อยได้ไหม?”
“ผมยูทาร์...ยินดีที่ได้รู้จัก...ถ้าพวกคุณไม่อยากถูกฆ่าก็อย่างทำท่าทางหวดกลัวแบบนั้นเพราะมันจะปลุกสัญชาตญาณนักล่าขึ้นมา”ผมบอกข้อมูลให้พวกเขาได้รับรู้
ไม่รู้ว่าไดโนเสาร์ตัวอื่นคิดเหมือนกันไหมแต่ผมว่ายิ่งมนุษย์หวาดกลัวเราก็ยิ่งอยากล่า...อยากทำให้หวาดกลัวมากกว่านี้
“...”สิ่งที่ผมพูดทำให้ทุกสิ่งรอบตัวเงียบสนิทราวกับไม่มีใครอยู่
“ยูทาร์...ทำไมไปพูดน่ากลัวแบบนั้นล่ะ”เซโครเดินเข้ามาหาพร้อมกับบ่นผมเล็กน้อย คิ้วสองข้างที่ขมวดเข้าหากันน่าดูไปอีกแบบ
“ผมแค่บอกความจริง”
“ถึงจะอย่างนั้นบางอย่างที่ทำให้คนเสียความรู้สึกก็ไม่ควรพูดรู้ไหม?”
“...เข้าใจแล้ว”ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบเซโครกลับไป
“สวัสดีครับ...ผมไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่เรียกว่าเซโครก็ได้...ยินดีที่ได้รู้จัก...อย่างที่แนะนำไปนี่ยูทาร์...ไม่ต้องห่วงเขาไม่ทำร้ายใครแน่ถ้าไม่มาทำร้ายเขาก่อนน่ะนะ”
“...”สิ่งที่เซโครบอกออกไปก็ทำให้บรรยากาศรอบตัวเงียบสนิทอีกครั้ง
อยากรู้จังว่าสิ่งที่ผมพูดกับสิ่งที่เซโครพูดมันต่างกันตรงไหน
“พอแล้วๆ...พวกเธอทั้งคู่กำลังทำให้ลูกน้องฉันกลัวหมดแล้ว...เริ่มเข้าป่ากันเลยเถอะ”หัวหน้าของเหล่าลูกน้องพูดทำลายความเงียบแล้วเดินมาแตะไหล่พวกเราสองคนเบาๆก่อนจะเดินนำออกไป
หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งรถเข้าไปภายในป่าแต่รถที่นั่งเป็นรถที่ไม่เหมือนตอนที่นั่งกับเซโคร...รถคันใหญ่ที่มีคนนั่งเบียดกันอยู่เต็มด้านหลังผมกับเซโครเองก็ยืนเกาะอยู่ที่ด้านท้ายของรถ ตรงหน้าผมมีทั้งมนุษย์ชายหญิงนั่งเบียดกันโดยเอนตัวเข้าไปด้านในเหมือนกำลังกลัวว่าผมจะงับคอพวกเธองั้นแหละ
“ไม่เป็นไรนะยูทาร์”เสียงของเซโครถามขึ้นเบาๆ
“อืม...ไม่เป็นไร”ผมพยักหน้าแล้วตอบกลับไป
ไม่รู้ว่าใช้เวลาไปเท่าไหร่แต่ก็นานพอดู...รถคันสีเขียวขับเข้ามาภายในป่าลึกจนถึงบริเวณหนึ่งที่เป็นป่ารกทึบจนรถไปต่อไม่ได้พวกเราเลยต้องลงแล้วเดินเข้าไปต่อกันเอง
“ผมถือให้”ผมบอกเซโครแล้วยกเป้ที่หลังของอีกฝ่ายมาแบกไว้เอง
“มันหนักนะ”
“ผมไหว”
“ก็ได้...ถ้าไม่ไหวต้องบอกนะจะได้เปลี่ยนกัน”เซโครพยักหน้าเบาพร้อมรอยยิ้มก่อนที่พวกเราจะเดินตามเข้าไปในป่ารกทึบ
ถึงจะเป็นช่วงกลางวันแต่เพราะต้นไม้ที่ขึ้นติดๆกันทำให้แสงแทบไม่เร็ดรอดเข้ามาการเดินเลยลำบากขึ้น...ผมคอยมองเซโครอยู่ตลอดว่าจะเป็นอะไรไหมเพราะพื้นที่เหยียบลงไปดูลื่นๆด้วยแต่ดูเหมือนเซโครจะชินกับการเดินทางแบบนี้...
ทั้งท่าทางการเดินที่กางแขนออกเล็กน้อยเพื่อรักษาสมดุลทำให้ร่างกายไม่โน้มเอียงจนล้มลงไป
ทั้งการเดินที่ก้าวอย่างระมัดระวังและแต่ละก้าวดูมั่นคงจนผมต้องทำเลียนแบบก่อนจะพบว่าได้ผลดีมาก...เซโครเก่งทุกอย่างไม่ว่าอะไรก็ตามทุกคำถามที่ผมต้องการคำตอบเขามักจะตอบผมด้วยหลักความจริงและเหตุผล
“ดูเหมือนฝูงไทเซอราท๊อปจะพึ่งผ่านตรงนี้ไปนะ”เสียงของผู้นำหรือพี่พรีโม่ดังขึ้นเซโครเลยดึงผมให้ไปหาเขาที่ด้านหน้า รอยเท้าของไดโนเสาร์ที่รวมกลุ่มกันน่าจะฝูงใหญ่พอสมควรเพราะรอยเท้าทับกันไปมา
“ไทเซอราท๊อป?”
“เป็นไดโนเสาร์ที่เราตามหาอยู่น่ะ...ช่วงนี้มีโรคระบาดเกิดขึ้นคราวก่อนเราได้เข้ามาฉีดวัคซีนและทำการรักษาแล้วครั้งนี้เลยมาดูผลว่าเป็นยังไง”เซโครดูเหมือนจะรู้ว่าผมจะถามอะไรเลยอธิบายให้ฟังคร่าวๆ
กลิ่นแบบนี้คือไทเซอราท๊อป
ผมพยายามจับกลิ่นแล้วจำเอาไว้จนขึ้นใจ
“ถ้าเป็นกลิ่นแบบนี้อยู่ไม่ไกลเดินไปสักพักก็ถึงแล้ว”ผมหันไปบอกกับเซโคร
“จริงเหรอ?....แน่นใจนะว่าเป็นกลิ่นไทเซอราท๊อป?”เซโครถามย้ำเพื่อความแน่ใจผมเลยนั่งลงไปเพื่อจะดมกลิ่นใกล้ขึ้น...กลิ่นที่เหมือนกันลอยอยู่เต็มไปหมดคงจะไม่ผิดตัวแน่
“แน่ใจ”ผมพยักหน้าให้อีกครั้ง
“พี่พรีโม่”
“อืม...ยูทาร์เธอนำพวกเราได้ไหม?”อีกฝ่ายถามผม
“ได้ครับ”แค่ตามกลิ่นไปไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“งั้นฝากด้วย...ถ้าระยะห่างเหลือประมาณ50เมตรให้บอกฉันเลยนะ”เขาบอกต่อก่อนจะหันไปบอกกับลูกน้องของตน
“เซโคร”
“มีอะไรไม่เข้าใจสินะ”เขาพูดเหมือนรู้จักผมดีซึ่งก็จริงอย่างที่ว่า
“50เมตรคืออะไร?”ผทถามออกไป
“ความยาว...ไม่สิระยะห่างของสิ่ง2สิ่ง...ประมาณนี้คือผมห่างจากยูทาร์1เมตร...ถ้า50เมตรก็คือผมอยู่ห่างมากกว่านี้อีกอีก50เท่า...อธิบายแบบนี้พอเข้าใจไหม?...ผมพูดเองยังงงเองเลย”เซโครอธิบายก่อนจะเกาหัวพร้อมหัวเราะออกมา
ระยะจากผมกับเซโครคือ1เมตร...แปลว่าถ้าผมเข้าใกล้ไทเซอราท๊อปประมาณนั้นก็คือ50เมตรสินะ
ตอนนี้ผมกำลังทำความเข้าใจและคำนวณระยะทางก่อนจะจดจำมันไว้...ถึงจะยังไม่ค่อยมั่นใจเรื่องการกะระยะแต่ก็ถือว่าใช้ได้ในระดับนึง
ยูทาร์นำกลุ่มเดินเข้าไปในป่าทึบก่อนจะใช้จมูกดมกลิ่นตามไป ถึงจะมีกลิ่นสัตว์อยู่หลายชนิดแต่ด้วยจมูกของผมก็สามารถแยกแยะได้อย่างสบาย...ใช้เวลาสักพักผมก็เห็นหลังของสิ่มีชีวิตเคลื่อนไหวอยู่จากที่กะระยะน่าจะ50เมตรอย่างที่บอก
“เจอแล้ว”ผมหันไปบอกพรีโม่ที่เดินตามมาพร้อมกับเซโคร
“โอเค...ทุกคนเตรียมอุปกรณ์”เขาหันไปสั่งลูกน้องที่อยู่ด้านหลัง
“ยูทาร์”เสียงเรียกจากเซโครทำให้ผมหันไปมอง
“ไทเซอราท๊อปเป็นไดโนเสาร์ใจดีเพราะงั้นยูทาร์ต้องเป็นมิตรกับพวกเขานะ...ถ้าเราอยากให้ใครดีกับเราเราก็ต้องดีกับเขาก่อนถึงจะได้ผล...ถึงจะมีบางคนที่ใช้วิธีนี้ไม่ได้ก็เถอะ”เซโครอธิบายให้ฟังโดยที่ผมก็พยักหน้าเข้าใจ
การสื่อสารกับไดโนเสาร์ด้วยกันคงไม่อยากเท่าที่จะสื่อกับมนุษย์ด้วยคำพูด...เสียงครางเบาๆก็เป็นสัญญาณว่าไทเซอราท๊อปกลุ่มนั้นรู้ตัวแล้วว่ามีอะไรกำลังเข้ามาใกล้แต่เพราะไม่มีอันตรายก็เลยไม่วิ่งหนี
“ตามผมมานะยูทาร์”เซโครบอกพร้อมกับจับมือผมแล้วพาเดินเข้าไปใกล้ฝูงไซเซอราท๊อปช้าๆ
ไทเซอราท๊อปตัวแรกที่หันมาเห็นก็ครางเสียงต่ำในคอราวกับจะไม่เชื่อใจเมื่อดวงตาสีเทาหันมาสบกับดวงตาสีเหลืองอำพันของผม...ราวกับสัญชาตญาณของพวกมันรู้สึกว่าผมเป็นไดโนเสาร์เหมือนกันแต่ที่แตกต่างคือผมเป็นผู้ล่า
“ไม่เป็นไร...ใจเย็นๆสาวสวย”เซโครบอกไทเซอราท๊อปตรงหน้าก่อนจะค่อยๆยื่นมือไปลูบที่แก้มของมันช้าๆราวกับจะบอกว่าพวกเรามาดี
‘จะกินพวกเราเหรอ?’เสียงครางในลำคอดังขึ้นเหมือนจะสื่อประโยคตามนั้น ไซเซอราท๊อปตัวอื่นที่ได้ยินก็เริ่มมารวมตัวกันมากขึ้น
‘ไม่ใช่...ผมแค่มากับเซโครเท่านั้น’ผมส่งเสียงตอบกลับไปถึงจะอยู่ในร่างมนุษย์แต่ดูเหมือนจะสามารถสื่อกับไดโนเสาร์ได้
‘เซโครคือชื่อของมนุษย์คนนี้...ทำไมถึงไม่ฆ่าเขาล่ะ’ไทเซอราท๊อปครางถามอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ
‘เขาเป็นเพื่อนผม’
‘เพื่อน?...เหมือนกับที่เป็นฝูงเดียวกันใช่ไหม?’
‘ใช่’
‘แต่เขาไม่ได้เป็นเหมือนพวกเรา...ไม่เหมือนคุณด้วย...ทั้งที่เป็นเหมือนพวกเราแล้วทำไมถึงมีรูปร่างแบบนั้นแถมยังไม่กินพวกเราอีก’
‘ตอนนี้ผมเป็นมนุษย์เพราะงั้นผมจะไม่ทำร้ายใคร’ผมบอกออกไปตามตรง
‘พวกเราเชื่อใจคุณได้ใช่ไหม?’ผมพยักหน้าตอบด้วยความจริงใจ
ในหัวผมไม่มีความคิดที่อยากจะล่าเลยสักนิด...สิ่งที่อยากทำมีเพียงอยู่ข้างๆเซโครต่อไปเท่านั้น
“ครางอะไรอยู่น่ะยูทาร์...เจ็บคอเหรอ?”เซโครถามขึ้นในระหว่างที่เริ่มเดินไปรอบๆไทเซอราท๊อป
“ผมคุยกับเธออยู่”ผมบอกยูทาร์แล้วชี้ไปที่ไทเซอราท๊อปตัวเมียตรงหน้า
“คุย?...จริงเหรอ?แล้วคุยว่ายังไงบ้างล่ะ?”เซโครถามกลับมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เธอถามว่าผมจะกินพวกเธอไหมและผมตอบว่าไม่”
“จริงเหรอ...สุดยอดเลย...แล้วคุยเรื่องผมบ้างไหม?”
“อืม...เธอถามว่าทำไมเราถึงเป็นเพื่อนกันได้ทั้งที่ผมไม่เหมือนกับเซโคร”ผมบอกออกไป
“ไม่ว่าจะเป็นอะไรขอแค่เข้าใจกันเราก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้...ผมกับยูทาร์เป็นเพื่อนสนิทกันมากๆไม่สิ...อาจเรียกว่าเป็นครอบครัวเลยก็ได้”เซโครบอกไทเซอราท๊อปที่ลูบอยู่พร้อมรอยยิ้ม
‘เขาเป็นมนุษย์ที่ดีนะ’เสียงครางเดิมเอ่ยขึ้น
‘อืม...ผมก็ว่าแบบนั้น...เซโครอ่อนโยนมากและก็ใจดีด้วย’
‘คุณคงหวงเขามาก’
‘...อาจใช่’ผมลังเลกับคำตอบที่ให้ไปเล็กน้อย...
การที่อยากให้อีกฝ่ายอยู่ในสายตาตลอดเรียกว่าหวงได้ไหมนะ
ในระหว่างที่กำลังคิดกลิ่นของบางอย่างก็ลอยเข้ามาแตะจมูก...กลิ่นคาวๆนั่นทำให้สัญชาตญาติผมบอกว่าไม่ปลอดภัย
“เซโคร”ผมเรียกพร้อมกับดึงตัวเซโครมาไว้ด้านหลังอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
“ยูทาร์...เกิดอะไรขึ้น?”คนที่ถูกดึงถามอย่างตกใจ
“ไม่รู้แต่ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างกำลังมา...กลิ่นอันตราย”ผมหันไปบอกเซโคร
“งั้นเราต้องหนีใช่ไหม?...ผมจะไปบอกพี่พรีโม่ก่อนนะ”
“อืม”ผมพยักหน้าให้เบาๆแล้วหันไปมองรอบทิศทางอย่างระมัดระวัง...อะไรบางอย่างกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เสียงเหมือนมีอะไรถูกลากไปกับพื้น
‘งูยักษ์ไง’เสียงครางเบาๆอธิบายให้ผมรู้
‘งูยักษ์?’
‘ใช่...มันอันตรายมากถ้าถูกรัดจะทำให้เราตายและกลายเป็นอาหารของมัน’
‘ตายคืออะไร?’
‘คือการแยกจากกันตลอดกาล’คำอธิบายทำให้ผมเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งและเป็นสิ่งเดียวที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับเซโคร
‘หนีไปซะ’ผมบอกกับเธอ
‘แล้วคุณล่ะ?’
‘ผมจะหนีพร้อมกับเซโคร’
‘ขอให้คุณโชคดี’เสียงครางเบาๆในลำคอครั้งสุดท้ายก่อนฝูงไทเซอราท๊อปจะวิ่งหนีไปจนฝุ่นคละคลุ้งไปหมด
“ยูทาร์...ไปเร็ว”เสียงเรียกของเซโครทำให้ผมวิ่งไปหาก่อนที่จะออกวิ่งตามไป
“เซโคร...งูยักษ์มันตามมา”ผมเอ่ยบอกเมื่อสัมผัสถึงเสียงอะไรสักอย่างที่ตามมาจากด้านหลังถึงจะอยู่ไกลพอสมควรแต่ก็รู้ว่ากำลังตรงมาด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น
“งูยักษ์?...ไหนบอกว่าไม่รู้ว่าคืออะไรไง?”เซโครหันมาถามระหว่างที่กระโดดข้ามท่อนไม้ขนาดใหญ่
“ไทเซอราท๊อปตัวนั้นบอกมา...เห็นว่าจะรัดและกินเป็นอาหารด้วย”
“แปลว่าต้องตัวใหญ่มาก....งูยักษ์ที่ตัวใหญ่...หรือว่าจะเป็นไททันโอโบอา แซร์อาโฮนเอนซิส”สิ่งที่เซโครพูดออกมาทำให้ผมขมวดคิ้วทันทีเพราะฟังไม่ทันว่าพูดอะไรกันแน่
“อีกรอบได้ไหม?”
“ไททันโอโบอา แซร์อาโฮนเอนซิส...หรืองูไททันโอโบอามีขนาดยาว 13 เมตร น้ำหนักกว่า 1 ตัน พบได้ในป่าดิบชื้นทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศโคลอมเบีย...เป็นไดโนเสาร์เหมือนกับนายแต่ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะน่าจะอยู่ในกรงนี่นา”เซโครอธิบายยาวเหยียดแต่ก็ทำให้ผมเข้าใจได้ดีขึ้น
“ทำยังไงดี?”ผมถามขณะที่วิ่งต่อไปด้วย
“อีกไกลไหมกว่าจะมาถึงที่เราอยู่”
“พอสมควรแต่ไม่มากเท่าไหร่”ผมตอบกลับไปหลังจากที่หันไปกะระยะ
“เราคงหนีไม่พ้น...มีความเป็นไปได้ว่าจะกินพวกเราทุกคนเพราะงั้นเราต้องล่อมันไปทางอื่น”เซโครพึมพำเสียงดังแล้วหยุดวิ่งผมเลยหยุดตามแล้วมองเซโครที่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“ยูทาร์”
“อืม”ผมขานรับเสียงเรียก
“ไปด้วยกันได้ไหม...ไปล่อมันให้ห่างจากพวกพี่พรีโม่”คำขอของเซโครทำให้เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นก่อนจะบอกคำตอบออกไปโดยไม่ต้องคิดสักนิด
“แน่นอน”
“ขอบคุณนะ...งั้นเรากลับไปกันเถอะ”เซโครหันมาบอกด้วยรอยยิ้มแล้วเดินกลับไปทางเดิม
“ไม่กลัวเหรอ?”ผมอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“กลัวสิ...แต่ถ้าไม่มีใครเสียสละเราก็จะตายกันหมด”
“ผมจะไม่ให้เซโครตาย”ผมบอกออกไปทันที
“ยูทาร์ก็ห้ามตายนะ...ถ้ายูทาร์กลับร่างไดโนเสาร์คงชนะไททันโอโบอาได้ง่ายๆแต่ในเมื่อยูทาร์ยังอยู่ในร่างมนุษย์เราคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหลอกล่อให้ได้นานที่สุด”เซโครพูดขึ้นด้วยเสียงหนักแน่น ถึงร่างกายจะสั่นแต่ก็ยังคงเดินหน้ากลับเข้าไปเหมือนกำลังต่อสู้กับความกลัวของตัวเองอยู่
ถ้าผมกลับไปอยู่ในร่างไดโนเสาร์เหรอ?
ซู่
เสียงบางอย่างที่ดังขึ้นทำให้ผมและเซโครหยุดเดินก่อนที่ผมจะให้เซโครไปหลบอยู่ด้าหลังตัวเอง...จะต้องปกป้องเซโครให้ได้ อย่างน้อยก็เป็นไดโนเสาร์เหมือนกันน่าจะคุยกันรู้เรื่องถ้าจบเรื่องได้อย่างสันติก็คงดีไม่น้อย
“ยูทาร์”เสียงเรียกเบาๆดังขึ้นจากด้านหลัง
“ผมจะปกป้องเซโครเอง”ผมย้ำอย่างหนักแน่นเมื่อต้นไม้เริ่มค่อยๆหักลงแล้วปรากฎร่างของงูยักษ์ขนาดใหญ่ที่มีเกร็ดเป็นมันวาวสีดำสนิท...
ขนาดของมันใหญ่มาก
ใหญ่ถึงขนาดที่ไดโนเสาร์ปกติแค่ตัวสองตัวคงจะไม่อิ่มท้อง
‘ผมไม่ยอมให้ไปไกลกว่านี้หรอก’ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายพูดก่อนและดูเหมือนอีกฝ่ายที่ผมพูดด้วยจะไม่ได้ดูตกใจสักเท่าไหร่แถมดวงตาสีนิลที่จ้องมาดูสงบนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
‘แกไม่ใช่มนุษย์จริงๆด้วย...คิดถูกจริงๆที่มาทางนี้’เสียงตอบกลับมาพร้อมกับส่วนหัวขนาดใหญ่ที่โน้มลงมาเพื่อจะได้มองเห็นพวกเราชัดขึ้น
‘คุณควรอยู่ในกรง’
‘แกเป็นพวกเดียวกับมนุษย์เหรอทั้งที่พวกมันกักขังพวกเราไว้เนี่ยนะ...แกมันบ้า!...ไม่สิ...ดูท่าแกจะถูกปล่อยให้ออกมาร่อนได้อย่างอิสระสินะคงไม่เข้าใจหรอกว่าการถูกขังมันน่าเบื่อขนาดไหน...การป้องกันอ่อนๆแค่ไม่กี่วิก็ไม่รอดแล้ว’
‘อย่าบอกนะว่าฆ่ามนุษย์มาน่ะ’ผมถามย้ำ
‘แล้วไง...มนุษย์น่ะอร่อยกว่าเนื้ออะไรทั้งหมดที่เคยกินมา’คำยั่วยวนนั่นทำให้ผมรู้สึกโกรธจริงๆแล้ว
‘แกไม่ควรกินมนุษย์’ผมเริ่มทนไม่ไหวแล้ว
‘หึ...ไม่มีใครมาสั่งฉันได้...จะว่าไปมนุษย์ที่อยู่ข้างหลังแกก็น่ากินดีนี่’
‘อย่าแตะต้องเขา!!!’ผมคำรามออกไปอย่างเกรี้ยวกราด...ไม่ยอมให้ใครมาแตะเซโครแน่
‘โฮ่...น่ากลัวจริงฉันจะกินมนุษย์นั่นไม่ให้เหลือเลย’
“โอ๊ย!...ยูทาร์”เสียงของเซโครทำให้ผมรีบหันกลับไปด้านหลังก่อนจะพบกับความว่างเปล่าพอมองขึ้นไปก็ยิ่งต้องข่มความโกรธเมื่อเห็นหางของงูตรงหน้ารัดตัวเซโครเอาไว้แน่น
‘ปล่อยเขา’
‘ไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งนี่’
“...กรร”
ผมจ้องงูตรงหน้าด้วยความโกรธที่เริ่มปะทุขึ้น
“..อึก...ยูทาร์...”เสียงของเซโครที่ดูทรมานยิ่งทำให้ความโกรธของผมเพิ่มจนถึงขีดสุด
สติที่มีเหลืออยู่ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง...สิ่งที่เข้ามาแทนคือความโกรธเกรี้ยวที่จะล่างูยักษ์ตรงหน้าจนกว่าจะหมอบกันไปข้างนึง...
จะไม่ปล่อยไว้แน่...
ใครก็ตามที่กล้ามาทำร้ายเซโคร!!!
.....................................................................
มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์

ไททันโอโบอา แซร์อาโฮนเอนซิส (Titanoboa cerrejonensis)มีขนาดยาว 13 เมตร น้ำหนักกว่า 1 ตัน พบได้ในป่าดิบชื้นทางตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศโคลอมเบีย โดยชื่อของมันเป็นภาษาละติน แปลได้ว่า "งูยักษ์จากแซร์อาโฮน" (Titanic boa from Cerrejon) ซึ่งมาจากชื่อเมืองแซร์อาโฮน ในประเทศโคลอมเบีย เพราะเป็นที่ที่ค้นพบซากฟอสซิลของมันเป็นครั้งแรก
ไททันโอโบอามีชีวิตอยู่ในยุคพาลีโอซีน (58-60 ล้านปีก่อน) ซึ่งมีสภาพเป็นป่าดิบชื้น มีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 30-34 องศาเซลเซียส ปัจจุบันได้สูญพันธุ์ไปแล้ว ขณะที่ซากฟอสซิลของมันถูกค้นพบโดยคณะนักวิทยาศาสตร์สาขาบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยโทรอนโต
ขอขอบคุณข้อมูลจาก:https://th.wikipedia.org/wiki/ไททันโอโบอา_แซร์อาโฮนเอนซิส
........................................................................
สวัสดีค่า
มาอัพต่อแล้วนะคะ...ตอนนี้อาจค้างคาสักเล็กน้อย(?)
หลังจากตอนนี้ไปจะเป็นฉากบู๊พร้อมกับความสัมพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องคะ
มีหลายคนคิดว่าตอนนี้จะได้เห็นยูทาร์นอนกับเซโครต้องขอโทษที่ทำให้ผิดหวังนะคะ
เรื่องนี้มีคอมเม้นท์ถล่มทลายจริงๆต้องขอบคุณมากนะคะทั้งดีใจและก็ปลื้มมากๆคะ
ไว้พรุ่งนี้จะทำสารบัญไว้จะได้อ่านง่ายขึ้นนะ
ใครมีข้อติชมหรือสักถามอะไรสามารถเข้าไปคุยกันได้ที่เพจนะคะ>>
nicedogขอขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์และกำลังที่ทำให้สามารถแต่งนิยายเรื่องนี้ได้ต่อไปนะคะ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าคะ

nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪