กลายรักครั้งที่❧7
มีคนเคยบอกว่าช่วงเวลาที่เรารออะไรสักอย่างเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราอยากให้เวลานั้นเดินเร็วขึ้น...ซึ่งตัวของเซโครเองไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นจนกระทั่งในตอนนี้...
ตอนที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยมาสองวันเต็ม...ตั้งแต่วันที่พ่ออนุญาติให้พายูทาร์ออกมาตรวจและรักษาได้ผมก็จัดการทุกอย่างทั้งทำทีซีสแกน ตรวจเลือด ความดันและบาดแผลภายนอกซึ่งไม่พบอะไรผิดปกติ
ทั้งที่ไม่มีอะไรที่ผิดปกติแต่ยูทาร์ก็นอนหลับมาตลอดสองวันโดยที่ไม่กลับร่างเป็นไดโนเสาร์ตามเดิม...ตอนแรกผมคิดว่ามีโอกาสที่ยูทาร์จะกลายเป็นไดโนเสาร์เลยขอยืมห้องตรวจพิเศษที่อยู่ถัดออกไปตรงบริเวณแนวกั้นที่3ในเขตA2ใกล้กรงของยูทาร์
บ้านเดี่ยวชั้นเดียวที่ถูกดัดแปลงให้ภายในเป็นห้องพยายาบาลยามฉุกเฉินแต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีใครใช้ผมเลยขอพ่อและยึดมาเป็นของตัวเองซะ...ภายในบ้านมีห้องนอนสำหรับผู้ป่วยขนาดกลางกับห้องตรวจขนาดเล็กแต่เครื่องมือครบครันและห้องถัดไปเป็นห้องพักหรือห้องนอน...ห้องน้ำก็มีแค่ห้องเดียวเท่านั้น
ผมรู้สึกดีกับที่นี่นะเหมือนได้มีบ้านหลังใหม่เลยถึงจะเป็นบ้านเล็กๆแต่ก็โอเคกับการอยู่กับยูทาร์แม้ว่ายูทาร์จะยังไม่ตื่นก็ตามที
“ยูทาร์...ไม่รีบตื่นเดี๋ยวหิวนะ”ผมเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยที่มีเตียงคนไข้ตั้งอยู่แค่เตียงเดียวกลางห้อง...ยูทาร์นอนอยู่โดยที่ตรงข้อมือถูกเจาะต่อสายให้น้ำเกลือและวิตตามินเสริมอยู่ตลอดเวลาเพื่อทดแทนข้าวหรือน้ำที่ไม่ได้กินเข้าไป
เซโครเดินไปเปิดหน้าต่างให้ลมพัดเข้ามาได้ทำให้ภายในห้องรู้สึกเย็นสบายขึ้นโดยไม่ต้องเปิดแอร์หรือพัดลมพอเสร็จก็เดินกลับมานั่งเก้าอี้ข้างเตียงที่ตั้งเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อสองวันที่แล้ว
โชคยังดีที่ไม่มีงานอะไรเร่งด่วนเรียกให้ผมไปจัดการเลยทำให้ผมมีเวลาเฝ้ายูทาร์ได้ทั้งวันทั้งคืน...ไม่แน่ว่าอาจเป็นคำสั่งของพ่อก็ได้ที่ไม่ให้ใครกล้ามาเรียกผมให้ไปทำงาน
“ยูทาร์”ผมเรียกชายหนุ่มบนเตียงเสียงเบาพร้อมกับลูบเส้นผมสีเทาแซมส้มแปลกตาอย่างอ่อนโยน...
หวังว่ายูทาร์จะตื่นในเร็ววันนะ
ระหว่างที่นั่งเฝ้ายูทาร์ผมก็หยิบหนังสือที่ยังอ่านค้างอยู่ขึ้นมาอ่าน...เก้าอี้ที่ผมเตรียมไว้เป็นเก้าอี้นุ่มๆขนาดกลางที่นั่งสบายจนแทบไม่อยากลุกเลยล่ะ
‘การเลี้ยงไดโนเสาร์’ คือชื่อหนังสือที่เซโครกำลังอ่าน เนื้อหาภายในก็เป็นไปตามชื่อหนังสือโดยจะแบ่งเป็นสายพันธุ์กินพืชและกินเนื้อก่อนจะแยกย่อยออกเป็นหลายสายพันธุ์ทำให้เป็นหนังสือที่หนามากเพราะเนื้อหาเยอะ...ข้อมูลพวกนี้ถูกรวบรวมมาจากทั้งที่เกาะนี้และอีกหลายแห่งที่ทำการเพาะเลี้ยงไดโนเสาร์ขึ้นมา
“...เซ...”เสียงครางงึมงำดังขึ้นทำให้ผมละสายตาจากหนังสือแล้วหันไปมองที่เตียง ดวงตาสีเหลืองอำพันที่หันมาสบทำให้ผมทำหนังสือที่อ่านอยู่ตกลงบนพื้นแต่ก็ไม่คิดจะเก็บมันเลยสักนิด สองขาเรียวลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเข้าไปประชิดข้างเตียงด้วยหัวใจที่เต้นถี่รัว
“ยูทาร์...ยูทาร์...นายฟื้นแล้ว...อ่า...เป็นไงบ้าง?”ผมถามยูทาร์ที่ยังปรือตามองมาที่ผมอย่างนิ่งๆ
“...เซ...โคร...”เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับริมฝีปากซีดที่ขยับขึ้นลงช้าๆ
“ใช่...ผมเองเซโคร...หิวน้ำไหม?”ผมถามต่ออีกก่อนจะหันไปที่โต๊ะเล็กข้างเตียงแล้วเทน้ำจากเหยือกใส่แก้ว
“...น้ำ...”
ผมค่อยๆช่วยพยุงยูทาร์ที่เริ่มขยับตัวก่อนจะจัดให้นั่งโดยที่พิงหลังไว้ที่หัวเตียงแล้วยื่นแก้วน้ำไปจ่อที่ริมฝีปากซีด ยูทาร์เผยอปากออกเล็กน้อยก่อนที่จะดื่มน้ำที่ผมป้อนจนหมดแก้ว
“โอเคขึ้นไหม?...เจ็บตรงไหนไหม?”ผมยังคงยิงคำถามออกไปอย่างต่อเนื่องด้วยความเป็นห่วง
“...”ยูทาร์ไม่ตอบอะไรเพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆเท่านั้น
“งั้นนอนต่อไหม?”
“...”ยูทาร์ส่ายหน้ากลับมาอีกครั้ง
“เข้าห้องน้ำล่ะ?”
“...”พอมาถึงคำถามนี้ยูทาร์ก็มองผมตาปริบๆ
คงจะไม่เข้าใจความหมายสินะ
“งั้นผมจะสอนยูทาร์เข้าห้องน้ำละกัน...”พอพูดมาถึงตรงนี้ก็นึกได้ว่ายูทาร์ยังเดินไม่ได้นี่นา
แปลว่าต้องไปเอารถเข็นมาก่อนสินะ
“ยูทาร์รอผมก่อนนะเดี๋ยวมา”ผมหันไปบอกก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ตุบ!
เสียงเหมือนมีอะไรหล่นทำให้ผมเหลียวหลังหันไปมองก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อร่างของคนที่ควรจะนอนอยู่บนเตียงกลางห้องร่วงลงมากองกับพื้นจนเข็มที่เจาะไว้ที่บริเวณข้อมือหลุดออกและห้อยลงมาจากเตียง
“ยูทาร์!”ผมรีบวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างร้อนรนก่อนจะยกมือข้างที่เจาะเข็มไว้ขึ้นมาดู...บริเวณที่เข็มถูกดึงออกอย่างแรงมีเลือดไหลออกมาพอสมควรทำให้ผมรีบดึงลิ้นชักที่อยู่ด้านข้างออกแล้วเริ่มปฐมพยาบาลข้างต้น
“ห้ามทำแบบนี้นะ...ถ้าเกิดเข็มฝังเข้าไปมันจะเอาออกลำบากรู้ไหมแถมยังเจ็บสุดๆด้วย”ผมบ่นยูทาร์ที่มองมาที่ผมนิ่งๆตลอดการปฐมพยาบาล
“...เซโคร”
“อะไร?”ผมถามขึ้นแล้วหันไปเก็บอุปกรณ์ใส่ลิ้นชักตามเดิม
“...ไป...ไปไหน”เสียงทุ้มพยายามเอ่ยออกมาอย่างติดขัดจนผมรู้สึกเอ็นดู...
ที่ล้มจากเตียงเพราะจะเดินตามผมไปสินะ
“ไปเอารถเข็นมาให้ยูทาร์นั่งไง...นายยังเดินไม่คล่องนั่งรถเข็นจะได้สะดวก...ไปแป๊บเดียวห้ามเดินตามนะ”ผมบอกพร้อมกับย้ำยูทาร์หลังจากที่พยุงยูทาร์ขึ้นไปนั่งบนเตียงตามเดิมแล้ว
“...ห้าม...ไม่ให้ทำ...”
“ใช่...ไม่ให้เดินตาม”ผมพยักหน้าแล้วพูดย้ำ
หลังจากนั้นผมก็ไปเอารถเข็นที่ถูกเก็บไว้ที่ห้องอุปกรณ์แล้วสอนให้ยูทาร์นั่งรถและพาไปห้องน้ำเพื่อสอน...กว่าจะสอนเข้าใจผมก็หน้าแดงไปไม่รู้กี่รอบ...ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นของใครแต่...
ไม่เคยเห็นที่ใหญ่ขนาดนี้
ตอนที่ใส่เสื้อผ้าผมเห็นก็จริงแต่เห็นแบบผ่านๆเรียกว่าเลี่ยงไม่อยากมองดีกว่าแต่การสอนเข้าห้องน้ำไม่มองก็คงไม่ได้ใช่ไหม?
หลังจากผ่านการสอนเข้าห้องน้ำที่ยาวนานยูทาร์ก็เข้าใจว่าควรทำยังไงแต่ถึงจะเข้าเป็นแต่ผมก็ต้องช่วยอยู่ตลอดเพราะยูทาร์ยังเดินไม่ได้...
อย่างแรกที่ควรจะสอนคือการเดินสินะ
เซโครพายูทาร์ออกมานอกบ้านที่มีพื้นดินที่ถูกถางไว้สำหรับเป็นถนน ด้านข้างของตัวบ้านเป็นสนามหญ้ากว้างที่มีดอกไม้ปลูกอยู่พร้อมกับต้นไม้ใหญ่อีกสองสามต้นที่ช่วยบังแดดได้ สายลมที่พัดมาเอื่อยๆทำให้ผมหลับตาลงพร้อมกับสูดกลิ่นของธรรมชาติที่ไม่สามารถพบได้ในเมืองหลวงจนเต็มปอด
“รู้สึกดีกว่าอยู่ในห้องใช่ไหม?”ผมก้มหน้าลงไปถามยูทาร์ที่ถอดสายตาออกไปยังสวนดอกไม้
“...เซโคร”
“ผมจะสอนให้ยูทาร์เดิน...อยากเดินได้เหมือนผมไหม?”ผมถามพร้อมกับเดินออกไปด้านหน้ายูทาร์เพื่อเป็นตัวอย่างให้
“เดิน...เหมือนเซโคร”ยูทาร์พึมพำออกมาเบาๆแล้วมองตามผมที่ค่อยๆเดินห่างออกไป
จะสอนเดินก็ต้องมีอุปกรณ์นี่นา...ไม้ค้ำใช่ไหม?
“ผมจะไปหยิบอุปกรณ์ก่อนนะ...ห้ามไปไหนเข้าใจนะ”ผมบอกออกไปก่อนจะรีบเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน
“...เซโคร!”เสียงตะโกนเรียกดังลั่นทำให้เจ้าของชื่อหันกลับไปมองอย่างสงสัยก่อนจะเบิกตากว้างออกมาเมื่อเห็นยูทาร์ที่นั่งอยู่ลุกขึ้นยืนด้วยขาสั่นๆเหมือนยังพยุงตัวไม่ได้แต่สองขานั้นก็พยายามก้าวออกมาทีละก้าวอย่างยากลำบาก...
ผมมองภาพตรงหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูกทั้งที่อยากเข้าไปช่วยพยุงแต่ก็ต้องกำมือตัวเองแน่นแล้วหันกลับไปทั้งตัวเพื่อรอยูทาร์ที่พยายามก้าวเข้ามาหาอย่างช้าๆ ขาสองข้างที่ก้าวมาสั่นจนผมอยากจะวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายซะเดี๋ยวนี้อีกทั้งสองมือที่ยื่นออกมาข้างหน้าปัดป่ายไปมาเหมือนอยากจะเข้ามาใกล้ผมให้มากกว่านี้
“...เซโคร”เสียงทุ้มที่พร่ำเรียกชื่อผมตลอดระยะทางที่ก้าวเดิน
“...ยูทาร์...มาสิ...อีกนิด”ผมบอกออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆเหมือนคนกำลังจะร้องไห้
ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกเศร้าแต่สัมผัสได้ว่าที่ดวงตาสีเขียวอมฟ้าของตัวเองกำลังคลอไปด้วยน้ำตาเพียงเพราะเห็นภาพของคนตรงหน้าที่พยายามก้าวเดินมาหาตนเท่านั้น
“เซโคร...”
“พยายามเข้า...จะถึงแล้ว”คำพูดให้กำลังใจเหมือนจะสื่อไปถึงอีกฝ่ายทำให้ขาที่สั่นอยู่เริ่มนิ่งลงแล้วก้าวมาเร็วขึ้นจนเหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะมาถึงที่ผมอยู่...
สองมือของยูทาร์จับเข้าที่ไหล่ผมก่อนจะก้าวขาก้าวสุดท้ายมายืนตรงหน้า
เสียงหอบเบาๆที่ได้ยิน...
ดวงตาสีอำพันที่จ้องมา...
มือใหญ่ที่จับไหล่ทั้งสองข้างของผมไว้แน่น...
ทำให้ผมโผลเข้ากอดยูทาร์แน่นแล้วชมเชยพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มด้วยความยินดีอย่างที่สุด...
“พยายามได้ดีมาก”
“ยูทาร์...เก่งมาก...เก่งมากจริงๆ”ผมพร่ำบอกอีกฝ่ายแล้วกอดแน่นขึ้น ยูทาร์เหมือนจะสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเกร็งตัวราวกับว่าทำอะไรไม่ถูกไม่ช้าผมก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนที่ซุกลงมาที่หัวไหล่
“เซโคร...อย่าไป”คำพูดธรรมดาที่ไม่ได้เล่นน้ำเสียงให้ดูเร้าอารมณ์แต่มันกลับจับใจผมได้จนต้องเอื้อมมือข้างนึงขึ้นไปลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆพร้อมกับพึมพำคำตอบ...
“ได้สิ”
“...อุ่น”
“อืม...กอดกันแบบนี้อุ่นเนอะ”ผมพูดขึ้นพร้อมซุกตัวลงที่ไหล่ของอีกฝ่ายเช่นกัน ความอุ่นที่ผมบอกไม่ใช่แค่ภายนอกแต่มันอุ่นเข้าไปถึงภายในเลยล่ะ
“กอด...”
“ที่เราทำอยู่เรียกว่ากอด”ผมสอนยูทาร์
“กอดเซโคร”เสียงทุ้มพึมพำแล้วซุกตัวเข้าหาผมมากขึ้น
“ฮะฮะฮะ...ใช่ๆผมกอดยูทาร์ด้วยไง”
พอเสร็จจากการกอดผมก็พายูทาร์กลับเข้าไปในบ้าน...ถึงยูทาร์จะพอเดินได้แต่ผมก็ยังไม่ให้ยูทาร์เดินไปมาหรอกอย่างน้อยก็ต้องฝึกอีกสักสองสามวันให้เดินคล่องกว่านี้ก่อนเพราะงั้นผมเลยให้ยูทาร์นั่งรถเข็นอยู่
“หิวไหม?”ผมถามในขณะที่ช่วยปรับเบาะที่เตียงของยูทาร์ให้พอดี...ยูทาร์ตอนนี้กลับมานอนบนเตียงอีกครั้งแล้ว พึ่งจะฟื้นขึ้รมาผมไม่อยากให้ฝืนหรือหักโหมร่างกายมากเกินไป
“...”ยูทาร์พยักหน้าให้เบาๆ
“อยู่ในร่างมนุษย์ผมคงให้ของดิบไม่ได้หรอกนะ...ลองข้าวต้มดีกว่าหวังว่ายูทาร์จะชอบนะ”ผมพูดพรางเตรียมตัวเดินไปที่ห้องครัวที่อยู่ถัดไปไม่ไกล
กึก
แรงดึงจากเสื้อทำให้ผมหันไปมองยูทาร์ที่กำชายเสื้อผมไว้แน่น
“ยูทาร์?”
“ไปไหน?”เสียงทุ้มถามพร้อมกับออกแรงดึงเสื้อมากขึ้น
“ไปทำอาหารให้ไง”
“...ไปด้วย...ได้ไหม”คนบนเตียงเอ่ยถามเสียงติดขัด
“ไม่ได้...รออยู่นี่แหละไปไม่นานหรอก”ผมบอกพร้อมกับแกะมือที่กำชายเสื้ออยู่ออกแล้วเอื้อมมือไปลูบเส้นผมสีเทาของยูทาร์เบาๆเป็นการปลอบโยนก่อนจะส่งยิ้มไปให้แล้วเดินออกจากห้องไป
ใช้เวลาประมาณ20นาทีกว่าข้าวต้มหมูจะเสร็จ...ตลอดการทำผมต้องนึกอยู่ตลอดว่าอันนี้ใส่ไปได้ไหมหรืออันไหนที่ไม่ควรใส่ ผมไม่รู้ว่าไดโนเสาร์กินกระเทียมหรือพริกไทได้ไหมแต่ผมก็เลือกที่จะไม่ใส่เพื่อความชัวร์
จะว่าไปผมก็เคยให้เนื้อดิบกับยูทาร์ในร่างมนุษย์นี่นา...อ่า...ผมพลาดแล้วโชคดีที่ไม่ท้องเสียนะ
ข้าวต้มหมูร้อนๆส่งกลิ่นหอมฉุยตลอดทางที่ผมถือถาดมาแล้ววางไปบนโต๊ะข้างๆเตียงยูทาร์ ดีที่ด้านข้างมีโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กๆวางพับไว้ผมเลยเอามากางแล้วตั้งไว้บนเตียงท่ามกลางความงงงวยของยูทาร์
ยูทาร์ดูจะสงสัยข้าวต้มหมูที่ผมถือมามากเป็นพิเศษเพราะเอาแต่หันไปทางนั้นแล้วแล้วทำจมูกฟุดฟิดเหมือนกำลังดมกลิ่นอยู่...
ผมไม่แน่ใจว่าจมูกของยูทาร์จะดีเหมือนตอนเป็นไดโนเสาร์ไหม?
ถึงจะสงสัยมากแต่ก็ไม่อยากรีบร้อนจนเกินไป
“นี่เรียกว่าข้ามต้มหมู”ผมบอกพร้อมกับยกชามข้าวต้มหมูที่มีควันลอยคลุ้งขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นด้านหน้ายูทาร์
“...ข้าว...”
“ข้าวต้มหมู...ลองกินดูสิ”ผมย้ำอีกรอบพร้อมกับจับมือของยูทาร์ขึ้นมาแล้วจับช้อนยัดลงไป
“...กิน...”ยูทาร์พึมพำพร้อมกับยกช้อนที่ผมให้ขึ้นมาดูก่อนจะเอาช้อนนั่นเข้าปากไป...
“เฮ้ย...ไม่ใช่แบบนั้น...ห้ามเคี้ยวนะ...ห้ามกลืนด้วย”เสียงนุ่มบอกอย่างร้อนรนแล้วพุ่งตัวเข้าไปใกล้พร้อมกับดึงช้อนที่เกือบถูกกลืนออกมาก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ช้อนยังไม่ได้ถูกกลืนลงไป...
ถ้ากลืนลงไปผมคงต้องผ่าตัดเอาช้อนออกแน่
“...”ยูทาร์เงียบพร้อมกับมองมาที่ผมนิ่งๆ
“เฮ่อ...เกือบไปแล้ว เอางี้ผมป้อนยูทาร์ก่อนก็ได้”ผมถอนหายใจแล้วพูดขึ้นพร้อมกับค่อยๆตักข้าวต้มในชามขึ้นมาแล้วเป่าเพื่อให้หายร้อนก่อนจะยื่นช้อนไปจ่อที่ปากของยูทาร์
“อ้าปากแบบนี้ไง”ผมบอกพร้อมกับทำตัวอย่างให้ดูเมื่อยูทาร์ไม่ยอมอ้าปากออก
ปากของยูทาร์ค่อยๆอ้าออกพร้อมกับผมที่เอาช้อนเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว...ยูทาร์ค่อยๆเคี้ยวหลังจากที่ผมเอาช้อนออกมา ผมมองยูทาร์อย่างลุ้นๆจนถึงตอนที่ข้าวต้มถูกกลืนลงไป
“เป็นไง...อร่อยไหม?”ผมถามด้วยความตื่นเต้น
“...อะ...อร่อย...”
“จริงเหรอ?...กินได้เนอะงั้นอีกคำ”ผมบอกอย่างดีใจแล้วเริ่มป้อนข้าวต้มยูทาร์ต่อเรื่อยๆจนหมดชามแล้วค่อยจัดการของตัวเองบ้าง
“เซโคร”เสียงเรียกทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมาจากชามข้าวต้มที่ตัวเองถืออยู่ เพราะใช้เวลาป้อนยูทาร์นานข้าวต้มร้อนๆจึงเย็นหมดแล้วแต่ก็ดีเพราะผมมันลิ้นแมวกินของร้อนไม่ค่อยได้
“อะไรเหรอ?...หรือยังไม่อิ่ม?”
“...ป้อน...”ยูทาร์พึมพำก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้แล้วคว้าช้อนที่ผมถือไปตักข้าวต้มหมูที่อยู่ในชามขึ้นมาเป่าอย่างที่ผมเคยทำให้ยูทาร์ พอรู้ตัวอีกทีช้อนที่เต็มไปด้วยข้าวต้มก็มาจ่ออยู่ที่ปากผมแล้ว
“อ้าไง...อ้าแบบนี้”ยูทาร์ที่เห็นผมไม่ตอบสนองก็ทำตัวอย่างให้ดูจนผมหลุดยิ้มออกมาก่อนจะทำตาม...ข้าวต้มเย็นๆถูกผมกลืนลงคอไปคำแล้วคำเล่าจนหมดถ้วยด้วยฝีมือของคนบนเตียง
ดูจากใบหน้า ร่างกายและอย่างอื่นทำให้ผมคิดว่ายูทาร์น่าจะอยู่ในช่วงวัยรุ่นแต่ด้วยส่วนสูงที่มากกว่าผมสัก10เซ็นต์และร่างกายที่ล่ำกว่าทำให้เหมือนพวกเด็กที่เรียกวิศวะไม่ก็เกษตร
ท่าทางเหมือนเด็กๆทำให้ผมต้องอมยิ้มทุกครั้งที่อยู่ด้วย...น้ำเสียงทุ้มๆที่บอกว่า ‘อ้า’ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทำให้ผมรู้เลยว่าถ้ายูทาร์เข้ากับมนุษย์ได้เมื่อไหร่ ต่อให้เป็นพระเอกดังระดับฮอลลี่วูดก็สู้ไม่ได้หรอก
เส้นผมยาวสีเทาเข้มแซมส้มทำให้ดูมีเอกลักษณ์และน่าค้นหาดูเข้ากับใบหน้าคมได้รูปอย่างบอกไม่ถูก...ถึงผู้ชายที่ไว้ผมยาวส่วนมากจะเป็นพวกจิตรกรแต่เท่าที่มองยูทาร์เหมาะกับผมยาวมากกว่าผมสั้น
เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงดึก...ตลอดบ่ายผมนั่งอยู่ข้างเตียงกับยูทาร์โดยสอนสิ่งต่างๆรอบตัวให้อีกฝ่ายได้รับรู้และจดจำมัน ด้วยความฉลาดทำให้ยูทาร์จำสิ่งที่ผมสอนได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำจนผมอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
“เอาล่ะ...วันนี้พอก่อนนอนได้แล้ว...ผมก็จะไปนอนเหมือนกัน”ผมลุกขึ้นแล้วบิดไปมาเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ตึงๆ
“เซโคร”เสียงทุ้มที่เรียกพร้อมกับสายตาที่ทอประกายเศร้าๆทำให้ผมต้องเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่ายูทาร์เริ่มใช้สายตาเศร้าๆได้แล้ว
“...มีอะไรยูทาร์?”
“จะไปไหน?”
“ไปนอนที่ห้อง...ยูทาร์ก็นอนเถอะไว้ตอนเช้าเราก็ได้เจอกันแล้ว”ผมบอกพร้อมส่งยิ้มไปให้
“ไปด้วยได้ไหม?”ยูทาร์ถามต่ออีก
“ไม่ได้...คนป่วยต้องนอนสบายๆสิจะไปนอนเบียดกันได้ยังไง”คำถามของยูทาร์แปลได้ว่าไม่อยากอยู่คนเดียวสินะ...แต่ผมก็ให้เขาไปนอนกับผมไม่ได้หรอกเตียง3ฟุตแค่ผมนอนก็แคบจะแย่อยู่แล้ว
“...ไม่ได้เหรอ?”สายตาอ้อนที่ส่งมาทำให้ผมต้องหลบสายตานั่นอย่างรวดเร็ว...
ให้ตายเถอะทำไมหัวใจผมต้องเต้นเร็วด้วยเนี่ย
ผู้ชายหน้าตาหล่อเหล่าราวกับนายแบบสักคนที่หลุดออกมาจากนิตยสารกำลังพูดเสียงอ่อยพร้อมส่งสายตาออดอ้อนมาให้...ใครไม่ใจเต้นผมให้ตบหัวผมเลยเลยเอ้า
ไปทำสายตาแบบนั้นได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“...ไม่ได้”ผมตอบกลับด้วยเสียงสั่นๆทั้งที่ยังหลบสายตาของอีกฝ่ายอยู่
“เซโคร...”
“...เอางี้นะยูทาร์”ผมกันไปพูดขัดก่อนที่เสียงอ้อนๆนั่นจะทำให้ผมใจอ่อน
“ถ้ายูทาร์หายดีเราค่อยย้ายไปอยู่ห้องผมแล้วตอนนั้นเราค่อยนอนด้วยกัน...ห้องผมเตียงกว้างเกือบ10ฟุตนอนกลิ้งได้สบายมากกว่าเตียงที่นี่เยอะเลยเพราะงั้น...รอก่อนนะ”ผมบอกต่อ
“...”ยูทาร์ไม่ตอบทำเพียงแค่พยักหน้าอย่างจำยอม
หลังจากวันนั้นผมก็คอยดูแลและสอนยูทาร์ให้รู้ในหลายๆสิ่งที่ควรรู้และเข้าใจทั้งการเดินและการวิ่ง...จนตอนนี้ยูทาร์สามารถเดินวิ่งได้เหมือนคนปกติ...ไม่สิ...วิ่งเร็วกว่าคนปกติอีก
อาจเพราะมียีนส์ไดโนเสาร์ทำให้ร่างกายแข็งแรงมากกว่ามนุษย์ปกติก็เป็นได้
แล้วผมยังสอนเรื่องการกิน การนอนและการเข้าสังคม...ผมบอกยูทาร์อยู่เสมอว่าห้ามฆ่ามนุษย์ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม ถึงผมจะสอนการดำเนินชีวิตประจำวันของมนุษย์ไปเกือบทุกอย่างแต่ผมก็ยังไม่เคยพายูทาร์ไปพบคนอื่นอาจเป็นเพราะยังกลัวๆอยู่ก็ได้
ผ่านไปกว่า2อาทิตย์ที่ผมค่อนข้างแปลกใจมากที่ยูทาร์ยังคงอยู่ในร่างมนุษย์...ไม่เคยมีสักครั้งที่ยูทาร์จะกลายร่างเป็นไดโนเสาร์ นั่นทำให้ผมคิดว่ายูทาร์น่าจะสามารถควบคุมการกลายร่างได้ถึงจะยังไม่แน่ใจแต่ก็นึกอย่างอื่นไม่ได้แล้ว
วันนี้ผมนัดให้พ่อมาที่นี่เพื่อพูดคุยในหลายเรื่องเพราะยูทาร์ตามติดตลอดเรียกว่าตามไปทุกที่มีเพียงแค่เข้าห้องน้ำกับนอนเท่านั้นที่แยกกันทำให้ไม่สะดวกถ้าผมจะต้องออกไปพบพ่อข้างนอกโดยทิ้งยูทาร์ไว้ตามลำพัง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูทำให้ยูทาร์ลุกขึ้นจากที่นั่งอยู่ข้างผมบนโซฟาตัวยาวที่อยู่ตรงห้องรับแขกแล้วหันควับไปทางต้นเสียง ดวงตาสีเหลืองอำพันหรี่ลงอย่างไม่ไว้ใจแล้วเดินไปทางต้นเสียงอย่างระแวดระวัง
“ไม่ต้องระวังขนาดนั้นยูทาร์”ผมบอกพร้อมกับลุกแล้วเดินไปตบไหล่ยูทาร์เบาๆเป็นการเตือน
“ทำไมล่ะ?”ยูทาร์ถามกลับทันที...ตอนนี้ยูทาร์พูดคล่องปรื๋อแล้ว
“คนที่มาคงเป็นพ่อน่ะ...แล้วจำที่ผมห้ามได้ไหม?”
“...ห้ามฆ่ามนุษย์”ยูทาร์ตอบเสียงเบา
“ใช่...ถึงจะไม่ชอบก็ห้ามฆ่าเด็ดขาดไม่งั้นผมกับยูทาร์ต้องถูกจับแยกกันนะ”ผมขู่...คำขู่นั่นเป็นความจริงถ้าเกิดยูทาร์ไปฆ่าใครเข้าเบื้องบนต้องไม่ปล่อยยูทาร์ไว้แน่
“เข้าใจแล้ว...ผมไม่อยากแยกจากเซโคร”ยูทาร์ตอบกลับมาทันที
“ดีมาก”ผมหันไปยิ้มให้ก่อนจะเปิดประตูให้พ่อที่ยืนเกร็งอยู่หน้าบ้านเข้ามา
“ไม่ได้เจอกันนานนะพ่อ”ผมทักทายออกไปก่อน
“นั่นสิ...เอ่อ...”ดูพ่อจะไม่สนใจผมสักเท่าไหร่เพราะสายตาพ่อมองไปยังยูทาร์ที่ยืนอยู่ข้างหลังผมอย่างเกร็งๆ
“ยูทาร์...นี่ฟรานซิส เบนซ์ ฟงเซ่หรือคุณฟราน...เป็นพ่อของผมเอง”ผมแนะนำพ่อให้ยูทาร์รู้
“สวัสดียูทาร์...ฉันดีใจมากเลยที่วันนี้เราได้เจอกัน...ความจริงเราก็ได้เจอกันหลายครั้งแล้วจำฉันได้ไหม?...อ่า...คงจะจำไม่ได้สินะ...ไม่เป็นไรๆเราค่อยๆมาเริ่มต้นรู้จักกันใหม่ก็ได้”พ่อพูดยาวจนยูทาร์จ้องกลับไปอย่างงงๆจนผมต้องใช้ข้อศอกกระทุ้งเข้าที่ท้องของยูทาร์ด้านหลังเบาๆเป็นการบอกให้อีกฝ่ายทักทายพ่อตนได้แล้ว
“...สวัสดีครับ...ผมชื่อยูทาร์”เสียงทุ้มที่ดังออกจากปากของยูทาร์ทำให้ของที่พ่อหอบมาด้วยตกลงพื้นระเนระนาดพร้อมกับเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจ
“...ยะ...ยูทาร์พูด...อ่อ...ทักทายฉันเหรอ?...สวีสดีๆๆๆๆ”พ่อผมพูดติดขัดก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ
“เว่อไปแล้วพ่อ...เข้ามาเถอะ”ผมบอกพ่อพร้อมกับก้มลงเก็บเหล่าของที่เกลื่อนกลาดบนพื้นแล้วเดินนำเข้ามาข้างใน...ตรงทางเข้ามีโซฟาสำหรับรับแขกวางอยู่ผมเลยเดินเข้าไปนั่งก่อนที่ยูทาร์จะนั่งตามมาโดยขยับเข้ามาชิดผมมาก พ่อที่เดินตามเข้ามาก็นั่งลงที่โซฟาเดี่ยวด้านข้างผม
“พ่อเอาน้ำอะไรไหม?”ผมถามทำลายความเงียบ
“ไม่ต้องหรอก...เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”พ่อบอกพร้อมกับมองไปยังยูทาร์ที่อยู่ข้างผม
“ได้ครับ”
“ลูกบอกว่าเขาไม่กลับเป็นไดโนเสาร์มาสองอาทิตย์แล้วใช่ไหม?”
“ครับ...ถ้าจะเอาเป๊ะๆก็สองอาทิตย์สามวันกับอีก10ชั่วโมง”ผมตอบพ่อกลับไป
“เมื่อก่อนจะมีการกลายร่างวันละสองครั้ง”พ่อพูดขึ้นแล้วหยิบแฟ้มเอกสารที่ผมวางไว้ให้บนโต๊ะ
“ใช่...ผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...โดยส่วนตัวผมคิดว่ายูทาร์กำลังควบคุมตัวเองให้อยู่ในร่างมนุษย์”ผมบอกข้อสันนิฐานของตนออกไปแล้วหันไปมองหน้าพ่อ
“มีความเป็นไปได้อย่างที่ลูกพูด...พ่อใส่ยีนส์ของมนุษย์ลงไปเพื่อจะให้เขาสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้เรื่องระยะเวลาเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถบอกได้แน่ชัด...พ่อว่าท้ายที่สุดแล้วมันอยู่ที่ตัวของยูทาร์เองว่าอยากอยู่ในร่างไหนซึ่งตอนนี้เขาอาจจะอยากอยู่ในร่างนี้เพราะต้องการจะอยู่กับลูก”พ่ออธิบายขยายความเพิ่มเติม
“หมายความว่ายูทาร์สามารถแปลงเป็นไดโนเสาร์ได้เมื่อต้องการใช่ไหม?”ผมยิงคำถามต่อ
“คิดว่าใช่...ยูทาร์จะไม่ทำร้ายมนุษย์ใช่ไหม?”ประโยคสุดท้ายพ่อหันไปถามยูทาร์
“ใช่...ผมไม่อยากแยกกับเซโคร”ยูทาร์ตอบพ่อออกไปตามตรง
“อ้อ...ลูกสอนเขาได้ดี”พ่อหันมาชมผมพร้อมรอยยิ้ม
“เขาฉลาดมากต่างหาก”
“นั่นสิ...งั้นพรุ่งนี้ลองให้เขาลงไปสำรวจพื้นที่พร้อมกับลูกละกัน...พักมานานแล้วทำงานหน่อยเนอะ”พ่อพูดติดตลกแต่ผมไม่ตลกด้วยสักนิด...จะให้ไปลงพื้นที่สำรวจอะไรตอนนี้กัน?
“พ่อ...ผมยังไม่แน่ใจว่า...”
“ลูกต้องเชื่อในตัวเขา...ถ้าลูกยังกล้าๆกลัวๆอยู่แบบนี้ยูทาร์ก็ไม่ได้ไปไหนสักที...ลูกควรกลับไปนอนห้องกว้างๆของตัวเองได้แล้ว”สิ่งที่พ่อบอกทำให้ผมคิดตามและเห็นด้วยกับคำพูดนั้น
ถ้ามัวแต่กลัวยูทาร์ก็คงไม่ได้ก้าวออกไปไหนสักที
“ได้ครับ...ระหว่างที่ยูทาร์ยังอยู่ในร่างมนุษย์ให้เขาพักที่ห้องผมได้ไหม?”ผมขอพ่อ
“ก็ได้...แต่ทำไมไม่แยกห้องไปเลยล่ะ?”
“ผมจะอยู่กับเซโคร”ยูทาร์ตอบแทนผมอย่างรวดเร็วจนพ่อมองมาที่พวกเราอย่างครุ่นคิด
“ก็ได้...ตามใจเลย”
“ขอบคุณครับ”ผมกับยูทาร์พูดขึ้นพร้อมกัน
ผมกับพ่อคุยกันอีกสักพักใหญ่ก่อนที่พ่อจะขอตัวกลับเพราะมีงานค้างอยู่ที่แล็บแต่ก่อนกลับพ่อก็ดันทิ้งประโยคเด็ดไว้ให้ผมซะงั้น...
“พ่อน่าจะสร้างยูทาร์เป็นตัวเมียเนอะ...ถ้าทำแบบนั้นพ่อคงได้ลูกสะใภ้ไม่ใช่ลูกเขย”
........................................................................................
มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์

แลมบีโอซอรัส แลมเบ (Lambeosaurus lambei) เป็นไดโนเสาร์มีหงอนรูบหมวกอยู่บนหัว กินพืชเป็นอาหาร รักสงบ
ภายในหงอนกลวง เพื่อใช้ส่งเสียงร้องเรียกเพื่อนๆ ของมัน คล้ายๆ กับพาราซอโรโลฟัสชื่อมีความหมายว่ากิ้งก่าแห่งแลมบี ยาวประมาณ 10 เมตรค้นพบฟอสซิลที่ทวีปอเมริกาเหนืออาศัยอยู่ในยุคครีเทเชียสตอนปลายเมื่อประมาณ 75-80 ล้านปีก่อน
.........................................................................................
สวัสดีคะมาอัพตอนต่อไปแล้วนะคะครั้งนี้มาแบบเต็มๆตอนเพื่อจะได้ไม่ค้างคาค่า
หวังว่าตอนนี้คงจะทำทุกท่านที่เอามาอ่านฟินได้นะคะ...กว่าจะแต่งได้แบบนี้แก้อยู่หลายรอบเลยคะ
ตอนหน้าจะให้ยูทาร์เป็นคนบรรยายหลังจากผ่านมาหลายตอนคะ
เรื่องพัฒนาการเราไม่ค่อยได้พูดถึงเท่าไหร่เพราะเดี๋ยวมันจะยืดเยื้อเอาแค่พอกรุบกริบแบบนี้พอละกันเนอะ
ช่วงนี้อาจมาอาทิตย์ละตอนได้ตามปกติแต่ถ้าต้นเดือนสิงหาอาจทิ้งยาวกว่านี้เพราะเปิดเทมอนะคะ
ทุกคอมเม้นท์ที่ติชมจะพยายามเอาไปแก้ไขไขแต่อาจแก้ไขได้ในบางจุดนะคะ
มีแต่คนรอยูทาร์กับเซโครรู้สึกมีความสุขมากคะ
ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆกำลังใจนะคะ
มีเรื่องอะไรสามารถตามเข้าไปคุยกันได้ที่>>
nicedogไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪