ตอนที่ 30เป็นอีกครั้งแล้วที่ผมต้องมาเจอกับบรรยากาศโศกสลดแบบนี้ พี่กิ๊ฟเป็นหัวหน้าที่มีแต่คนรักใคร่ เพราะฉะนั้นคนจากสำนักงานใหญ่จึงมาร่วมงานในวันเผากันหมด พ่อของพี่กิ๊ฟทราบเรื่องก็รีบบินกลับจากต่างประเทศ แต่พอมาเห็นสภาพศพของลูกสาวก็ถึงกับล้มพับไป พ่อของพี่กิ๊ฟใจดีกับผมมาก ท่านไม่โกรธผมเลยทั้งๆ ที่ผมขอให้ท่านต่อยผม แต่ท่านก็ไม่ทำ ท่านถามผมแค่ว่าพี่กิ๊ฟทรมานมากไหม แต่พอผมตอบท่านไม่ได้ ก็มีแต่น้ำตาของคนเป็นพ่อเท่านั้นที่หลั่งไหลลงมา
ผมเพิ่งมีโอกาสมาร่วมงานในวันสุดท้ายเพราะต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ความจริงหมอไม่อนุญาตให้กลับบ้าน แต่ผมยืนยันว่ายังไงก็ต้องกลับ...ผมอยากจะมาส่งเธอที่รักผม เธอที่เป็นดั่งคนสำคัญให้ไปสู่สุขติ ให้นอนหลับฝันดี...ผมไม่อยากให้เธอจำเหตุการณ์เลวร้ายใดๆ คงได้แต่ภาวนาต่อสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
ผมเจอพี่เอที่เข็นรถเข็นที่พี่เกมนั่งมาด้วย พี่เกมคงยังไม่หายดี แต่ก็คงอยากมาร่วมงาน พ่อของพี่พ่ายก็ยังคงไม่ได้สติแม้การผ่าตัดเอากระสุนปืนออกจะสำเร็จไปได้ด้วยดีก็ตาม คุณภัทรก็อาการไม่ต่างกัน ม้ามฉีกขาดและศีรษะโดนกระแทกอย่างรุนแรง อาการยังทรงตัว ไอ้มาวินเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจไม่กี่วันก็ถูกนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำ รอเวลาขึ้นศาลเพื่อตัดสินคดี ส่วนพี่พ่าย...เขายังคงอยู่ในห้องไอซียู เพราะกระสุนถูกจุดสำคัญ ฝังใน และยังไม่สามารถผ่าตัดเอากระสุนปืนออกมาได้...
“เพี้ยน ทำไมถึงลาออกจากงานล่ะ” พี่เกมถามขึ้น ดวงตาแดงก่ำมีน้ำใสๆ คลอตลอดนั้นจ้องมองมาทางผม
ผมลาออกจากงานแล้ว เพราะคิดว่าหลังจากเสร็จงานศพของพี่กิ๊ฟก็จะกลับเชียงใหม่ คงถึงเวลาที่ต้องกลับไปเผชิญหน้ากับครอบครัว แต่คงต้องรอให้อาการของพี่พ่ายดีขึ้น ผมถึงจะไปอย่างสบายใจได้
“ผมอยากพักน่ะครับ”
“อืม...”
“ว่าแต่พี่เกมหายดีหรือยังครับ”
“ก็เริ่มดีขึ้นแล้วล่ะ”
ผม พี่เกม และพี่เอ นั่งพูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆ ที่ศาลาริมแม่น้ำ พี่เอเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่ท่านประธานยอมเป็นตัวประกันให้ ลูกๆ ของพี่พ่ายปลอดภัยเพราะท่านประธานไปช่วยไว้ได้ทันก่อนที่พี่พ่ายจะไปถึง มาวินพาพวกเด็กๆ ไปที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ตัวเองโตขึ้นมาแต่ตอนนี้ย้ายสถานที่ไปอยู่ที่ใหม่และที่นั่นก็ถูกปิดร้างไว้ มีลูกน้องของท่านประธานคอยดูแล เพราะฉะนั้นท่านประธานถึงได้ตามไปเจอได้แล้วโทรบอกให้พี่พ่ายตามไปที่นั่น และสิ่งที่ทำให้ท่านประธานยอมช่วยก็คงเป็นเพราะมาวินดึงหลานๆ เข้ามาเกี่ยว อืม...ผมก็แค่เดา เพราะยังไงซะคนที่รู้ว่าไอ้มาวินฆ่าคนตายอยู่เต็มอกและไม่ยอมทำอะไรเลยก็คือท่านประธานเองนั่นแหละ ไม่ทำอะไรไม่ว่า กลับช่วยปกป้องมัน ถ้าไอ้มาวินมันอยากได้เข้าไปอยู่เป็นคู่ชูชื่นในคุก มันซัดทอดว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ก็คงโดนจับด้วยเป็นแน่ แต่ผมก็คิดอีกนั่นแหละว่าไอ้มาวินมันคงไม่พูด เพราะไอ้เหี้ยนี่ร้ายกับคนทั้งโลกแต่แค่มดกัดเมียมันให้เป็นรอยก็แทบจะดิ้นตาย
“กิ๊ฟถูกลุงพิชิตขังไว้ก็จริง แต่ไม่ได้ทำอะไรหรอก จนคนของไอ้มาวินมันรู้ที่อยู่นั่นแหละ ถึงได้เป็นเรื่อง ป๋าถึงได้ไปช่วยออกมา แล้วกิ๊ฟก็รีบมาหาเพี้ยน”
จะว่าเป็นกับดักก็คงใช่ เพราะพอพี่พ่ายไปช่วยพี่กิ๊ฟ ไอ้มาวินก็พาลูกๆ ของพี่พ่ายออกจากบ้านไปทันที ราวกับมันจงใจให้รู้ที่อยู่ของพี่กิ๊ฟเพื่อดำเนินแผนของมันต่อ ความรู้สึกโกรธที่พี่พ่ายมาช้าจึงเบาบางลงไปบ้าง ดีแล้ว...ที่เขาไปช่วยเด็กๆ ดีแล้วที่แฝดสามยังคงปลอดภัย เพราะเมื่อคิดย้อนกลับไปถึงนิสัยของไอ้มาวิน มันกล้าแลกทุกอย่างเพื่อความต้องการของมัน แม้กระทั่งน้องสาวที่ผมเอาปืนปลอมไปขู่ มันยังบอกให้ผมยิงทิ้งได้เลย หรือเป็นเพราะมันรู้อยู่แล้วว่าผมทำไม่ได้กันแน่ แล้วกับหลานๆ ...ก็คงไม่มีใครกล้าวัดใจว่ามันจะไม่ทำอะไร ในเมื่อถึงขนาดยิงพี่เกมแล้วชิงตัวหลานๆ มา
อืม...ผมไม่สามารถรู้ความคิดของศัตรูได้... เพราะฉะนั้น รบร้อยครั้งผมก็คงจะแพ้ร้อยครั้ง
“คนของไอ้เหี้ยนั่นกับไอ้แก่ชู้รักไม่ใช่พวกเดียวกันเหรอพี่”
“มีแค่บางคน แต่คนที่ทำ...กิ๊ฟ เป็นเพื่อนมันจากบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า ตอนที่ไปช่วยกิ๊ฟออกมา ก็เกือบไม่ทันแล้ว คิดว่าจะเจอไอ้วินอยู่กับกิ๊ฟแต่ไม่ใช่ เพราะมันดันไปหาไอ้เกมที่อยู่กับเด็กๆ ป๋ามันไม่เคยคิดเลยว่าไอ้วินมันจะลากเด็กๆ มาเกี่ยวด้วย มันระแวงเพี้ยนมาตลอด แต่ไอ้มาวินที่เป็นลุงแท้ๆ กลับทำเสียเอง” พี่เอพูด เขายื่นมือไปกุมมือพี่เกมไว้ “มันให้ลูกน้องมันบุกเข้าไปในบ้าน ยิงไอ้เกม แล้วตัวมันเองก็โผล่เข้าไปเหมือนเป็นฮีโร่ช่วยเด็กๆ เด็กๆ ถึงได้ยอมไปกับมัน”
“เด็กๆ ปลอดภัยก็ดีแล้วล่ะครับ”
พี่เอมองสบตากับผม ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ขอโทษนะเพี้ยน ถ้าพี่กับป๋าไปถึงให้เร็วกว่านี้ก็คงดี เราให้กิ๊ฟมาช่วยเพี้ยนเพราะคนของพ่อกิ๊ฟก็กำลังตามกันไป แต่ไม่คิดว่าพอมาถึงจะเห็นแค่กิ๊ฟกับคุณภัทร”
“พี่กิ๊ฟบอกกับผมเหมือนกันว่าลูกน้องของพ่อกำลังตามกันมา แต่จนแล้วจนรอดตอนที่ต้องการความช่วยเหลือก็ไม่เห็นใครเลยสักคน คนของพ่อพี่กิ๊ฟมาถึงในเวลาที่ต้องนำศพกลับบ้านแค่นั้น”
บางครั้ง...แค่ช้าไปหนึ่งนาทีก็อาจจะต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไป
“อืม”
ผมยังคงฝันร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่นั้นมา ไม่มีคืนไหนที่จะหลับได้สนิท ไม่มีคืนไหนที่จะนอนฝันดี ผมยังคงมีภาพที่ไม่อยากจำวนเวียนอยู่ในหัว ทั้งพี่ดรีม...ทั้งพี่กิ๊ฟ...และ...พี่พ่าย ...ตื่นมากลางดึก...น้ำตาก็ไม่เคยยอมหยุดไหล
พี่ดรีมที่ตายอย่างทรมาน...ผมไม่ได้เห็นวาระสุดท้าย...แต่ก็เชื่อได้ว่าพี่คงทุรนทุรายไม่ต่างจากพี่กิ๊ฟ ส่วนพี่พ่ายก็ยังคงเจ็บหนัก...เพราะผม
“เรื่องร้ายๆ ผ่านไปแล้วนะเพี้ยน...มาเริ่มกันใหม่นะ” พี่เกมยื่นมือมากุมมือผมไว้ ในขณะที่พี่เอตบไหล่ผมเบาๆ
“สู้ต่อไปไอ้น้องรัก”
แต่ผม...คงจะเริ่มต้นใหม่ได้ยาก เพราะไม่มีใครที่ผมจะเริ่มต้นด้วยได้อีกแล้ว...
“อย่าทำหน้าเหมือนไม่มีใคร เพี้ยนยังมีพวกพี่ และที่สำคัญ...ป๋ายังอยู่นะ ยังไม่ไปไหน”
“แต่ผมคิดว่า...ผมควรจะไป ควรไปให้ไกลจากเขา”
มันไม่ใช่แค่บาดแผลทางร่างกายที่ผมได้ทำไว้...แต่สายตาของพี่พ่ายก่อนที่จะล้มลงไป มันบอกได้ถึงความผิดหวัง ความเสียใจ...เขาบอกว่าเขาไม่เคยมีใคร...แม้กระทั่งผม นั่นเพราะความเชื่อใจที่เขามี...มันไม่เหลืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว คงโดนเป่ากระเด็นไปพร้อมกับกระสุนปืนที่ฝังอยู่ในตัวเขาตอนนี้
“งั้นก่อนจะตัดสินใจ เสร็จงานแล้วเราไปที่โรงพยาบาลด้วยกันไหม”
“แต่...” ผมอยากจะปฏิเสธ แต่เห็นสีหน้าของพี่เกมแล้วก็ปฏิเสธไม่ลง เพราะเขามองมาอย่างรู้ทัน คงรู้ว่าผมเป็นห่วง แต่คงไม่รู้ถึงขนาดที่ว่าผมไปเยี่ยมพี่พ่ายทุกคืน ได้แค่เกาะอยู่ที่ประตูหน้าห้องก็เอา “ก็ได้ครับ”
“งั้นตอนนี้ไปกันเถอะ คงได้เวลาแล้ว”
เวลาบ่ายโมงก็เริ่มทำพิธี แขกเหรื่อในงานเริ่มทยอยขึ้นไปวางดอกไม้จัน ผมเป็นคนรองสุดท้ายที่เดินขึ้นไปเพื่อจะลากับพี่กิ๊ฟเป็นครั้งสุดท้าย
มันนานพอแล้วที่ยื้อเธอไว้ เจ็ดวันเจ็ดคืนที่พ่อของพี่กิ๊ฟนั่งเฝ้าอยู่ข้างโลงศพไม่ยอมไปไหน จนสุดท้ายต้องให้ลูกน้องมาช่วยกันพยุงท่านให้ลุกไปพักผ่อนบ้าง พ่อของพี่กิ๊ฟคงอยากจะเห็นร่างของลูกสาวให้นานกว่านี้ แต่พอต้องทนเห็นร่างกายที่เคยทะนุถนอมมาตั้งแต่ยังเล็กถูกฉีดน้ำยาไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความหนาวเย็นในโลงสี่เหลี่ยมนั้นก็คงแช่แข็งหัวใจคนเป็นพ่อไปด้วย...ทั้งๆ ที่คงอยากจะให้ความอบอุ่นกับลูกมากกว่านี้
“ขอบคุณที่ดูแลผมเป็นอย่างดีมาตลอด ถ้าไม่มีพี่...ก็คงไม่มีผมมาจนถึงทุกวันนี้ ผมทำให้พี่เสียใจอยู่หลายครั้ง เอาแต่ใจตัวเอง ดื้อกับพี่ แต่พี่ก็ยังอดทนและอยู่ข้างผม จนในวันสุดท้ายของพี่ พี่ก็ยังเลือกที่จะปกป้องผม ผมไม่รู้จะตอบแทนความรักของพี่ได้ยังไง ผมไม่อยากจะพูดเลยว่าถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้เราเกิดมาเจอกันอีก เพราะถ้าผมเจอพี่...ผมก็อาจจะทำให้พี่ต้องเสียใจ ผมอยากให้พี่เจอคนที่ดีกว่าผม รักพี่ได้เหมือนที่พี่รัก”
ตั้งแต่ผมยังเรียนมหาวิทยาลัยปีสอง...ก็อยู่ในความดูแลของพี่กิ๊ฟ ความผูกพันหลายปีมานี้ มันคงต้องสิ้นสุดลง แต่ความทรงจำที่เกี่ยวกับพี่...จะอยู่กับผมไปจนตาย
“พี่กิ๊ฟครับ...หลับให้สบายนะครับ ไม่ต้องห่วงผมแล้วนะ ...ผมขอโทษจริงๆ ที่อ่อนแอ ปกป้องพี่ไม่ได้ ขอบคุณนะครับ สำหรับทุกๆ อย่าง”
แม้ผมจะพยายามกลั้นน้ำตาไว้มากแค่ไหน แต่มันก็ไม่หยุดไหลเลยตั้งแต่ที่พี่กิ๊ฟจากไป เพราะเมื่อนึกถึงทีไร หัวใจของผมก็เหมือนกับถูกเหยียบซ้ำ ย้ำตรงจุดเดิมให้เป็นแผลที่ไม่มีวันหาย
ผมเดินลงจากเมรุเงียบๆ ปล่อยให้พ่อของพี่กิ๊ฟขึ้นไปร่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย
...ควันที่ลอยขึ้นไป มันจะไปได้ไกลแค่ไหนผมไม่รู้ แต่ผมหวัง...หวังว่ามันจะไปไกล ไปจนถึงที่ที่มีแต่ความสุข ไม่มีพันธนาการใดๆ มาเหนี่ยวรั้งไว้อีก
“ลาก่อนนะครับ”
พี่เป็นคนสำคัญ เป็นยิ่งกว่าคนรัก...และจะเป็นไปตลอดกาล
“เพี๊ยงงงงงงงง!”
ผมมาถึงที่โรงพยาบาลพร้อมกับพี่เกมและพี่เอ และที่ผมเจอก็คือแฝดสามกำลังนั่งหน้าสลอนกันอยู่หน้าห้องไอซียูพร้อมกับผู้หญิงวัยกลางคน ซึ่งดูๆ แล้วก็น่าจะเป็นพี่เลี้ยง
“ป๋าอยู่ข้างในยังไม่ออกมาเลย” น้องยะบู้ปาก แก้มป่อง “ป๋าบอกจะไปเล่งด้วย แต่ก็มานองเล่งที่นี่ ยะมาหาก็ไม่ยอมออกมา”
“โยอยากเจอป๋า” น้องโยเริ่มเบะปากร้องไห้
“คุณหนูคะ ไม่เอานะคะ ไม่งอแงนะ”
แค่เห็นหน้าของเด็กๆ น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วก็เริ่มไหลลงมา ผมรวบตัวทั้งสามคนมากอดไว้ น้องนะนิ่งมาก แต่ทำหน้าจะร้องไห้ตลอดเวลา คงรู้ว่าโรงพยาบาลคือสถานที่ที่มีแต่คนเจ็บป่วยทางร่างกาย น้องกอดผมตอบกลับมาแล้วสะอื้นเบาๆ
“ป๋านองอยู่ในนั้งตลอดเลย ลุงเอบอกว่าป๋าเจ็บ แต่เดี๋ยวก็หาย” น้องนะพูดทั้งน้ำตา ในขณะที่ความรู้สึกผิดเข้ามาเกาะกินในใจของผม... ผมทำให้พี่พ่ายต้องเป็นแบบนี้ ทำให้พวกเด็กๆ ต้องร้องไห้ คำขอโทษอีกกี่หมื่นครั้งก็คงไม่พอ...
มันไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลยสำหรับเรื่องที่ผมทำลงไป...
“พี่เพี้ยนขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ”
“ขอโทษทำไม เพี๊ยงอย่าล้องไห้ ยะจะให้ยืมน้องต่ายของยะเอาไหม”
“โยจะให้ช็อคโกแลตด้วยล่ะ อันใหญ่ๆ เลย”
ผมยิ้มแล้วลูบหัวน้องยะน้องโย ในขณะที่น้องนะจุ๊บแก้มผมไปหนึ่งที “ป๋าบอกว่าทำแบบนี้แล้วจะหยุดล้องไห้”
“อื้อ หยุดแล้วๆ ไม่ร้องๆ”
เด็กๆ ช่วยกันใช้มือป้อมๆ เช็ดน้ำตาให้ผม ก่อนจะขึ้นมานั่งเรียงกันบนเก้าอี้ แกว่งขาสั้นๆ ไปมา
“นี่แหละเพี้ยน เด็กๆ งอแงตลอดเลย แล้วก็ไม่ค่อยยอมกลับบ้าน บอกแต่ว่าจะรอป๋า แต่จะให้มานั่งอยู่ที่นี่ตลอดก็ไม่ได้ ยังไงช่วยดูแลให้ด้วยได้ไหม” พี่เอถาม
“ให้ผมดูแลจะดีเหรอครับ”
“ดีสิ เด็กๆ ก็อยากอยู่กับพี่เพี้ยนใช่ไหมครับ”
“อยากกกก”
ประสานเสียงกันเชียว แต่เสียงดังขนาดนี้เดี๋ยวคุณหมอกับพยาบาลก็แห่กันมาด่าหรอก
“ป๋าจะอยู่กับพวกเลาด้วยใช่ไหมคับลุงเอ” น้องนะถามพลางมองพี่เอด้วยดวงตาใสแจ๋ว
“แน่นอนครับ แต่ตอนนี้อยู่กับพี่เพี้ยนไปก่อนนะ ถ้าป๋าตื่นแล้วค่อยมาเล่นกัน”
“อื้อ”
“งั้นตอนนี้กลับบ้าน ไปอาบน้ำกินข้าวก่อนดีกว่าเนอะ ถ้าป๋ารู้ว่ามีใครดื้อล่ะก็...” พี่เอพูดทิ้งท้ายไว้ แต่เด็กๆ ก็กระโดดลงจากเก้าอี้อย่างกระฉับกระเฉง
“กลับบ้างๆ เพี๊ยงกลับบ้าง”
“ครับๆ”
ผมคงต้องอยู่ดูแลเด็กๆ ไปจนกว่าเขาจะฟื้น... ยังไงก็...อย่าเป็นอะไรไปนะครับพี่ เพราะถ้าพี่เป็นอะไรไป...พวกเด็กๆ คงเสียใจกันมากแน่ๆ
พาเด็กๆ กลับบ้านโดยมีพี่เลี้ยงคอยนั่งข้างๆ บอกทางให้ ถึงอย่างนั้นผมก็พาหลงกันไปแล้วหนึ่งรอบตามประสาคนไม่ชินทาง ประกอบกับพี่เลี้ยงของเด็กๆ ที่ชื่อพี่เอี้ยงนั้นเป็นคนต่างจังหวัด รู้จักแต่ทางกลับไปบ้านนายจ้างเท่านั้น พอออกนอกเส้นทางปุ๊บ ก็หาทางกลับไม่ถูกกันเลยทีเดียว มันจึงเป็นเหตุให้มาถึงบ้านของพี่พ่ายช้า ช้าไปสองชั่วโมงจนสามแสบที่คุยเจื้อยแจ้วนั้นเงียบเสียงกันไปทีละคน
“ถึงซะที นึกว่าจะได้หาโรงแรมนอนกันแล้วคืนนี้”
“นั่นสิคะ”
ผมกับพี่เอี้ยงหัวเราะกันเบาๆ เพราะพอเห็นแค่รั้วด้านข้างพี่เอี้ยงก็จำได้ทันทีว่าเป็นบ้านของนายจ้าง คือเห็นรั้วตั้งแต่เลี้ยวรถเข้าซอยมาแค่ไม่กี่เมตรน่ะครับ ต้องขับเข้ามาอีกหลายร้อยเมตรกว่าจะถึงประตู
อืม...ที่จริง...บ้านของพี่พ่ายนั้นไม่ได้แปลกหรือพิศดารไปจากบ้านของมหาเศรษฐีเลยแม้แต่น้อย จะเรียกคฤหาสน์ก็ดูเหมือนจะเว่อวังอลังการไม่พอ
“คุเพี้ยยยยยย”
นังอ่อง!
ผมรู้สึกดีใจนิดๆ ที่เห็นว่าอ่องปลอดภัย แต่อีกใจก็หงุดหงิดที่รู้ว่าอ่องเป็นสาวใช้ในบ้านของพี่พ่าย อันที่จริงผมแอบภาวนาให้อ่องเป็นแค่แม่บ้านรับจ้างฟรีแลนซ์ทั่วๆ ไป เพราะไอ้ต้องมาคิดว่ามันรับบทสาวใช้คอยอ่อยคุณชายของบ้านแล้วผมก็...
“คุเพี้ยขา คุระพ่าเปะงายบ้าง”
“ไม่รู้ ถึงรู้ก็ไม่บอก ไปตามใครในบ้านมาช่วยอุ้มเด็กๆ ทีไป”
ผมก็แค่ขี้เกียจบอกเท่านั้นแหละครับ ไม่ได้มีเหตุผลหึงหวงใดๆ มาเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย...
หลังจากมีคนในบ้านมาอุ้มเด็กๆ ลงจากรถแล้ว ผมก็ขอตัวกลับ โดยบอกกับพี่เอี้ยงว่า ถ้าพวกเด็กๆ งอแงอีกก็ให้โทรมาหาผมตามเบอร์ที่ได้ให้ไป ...แม้ผมจะเกลียดทั้งปู่ ทั้งลุง ทั้งแม่ของเด็กๆ มากแค่ไหน แต่ผมก็ไม่ได้เกลียดเด็กๆ ไปด้วย พวกเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยกับที่พวกผู้ใหญ่ก่อ ผมจึงทำใจร้ายกับพวกเขาไม่ได้ อีกทั้ง...ผมยังทำให้พ่อของพวกเขาต้องบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย
“กินอะไรมารึยัง” ไอ้ยิวเอ่ยถามเมื่อผมกลับมาถึงห้อง
ตอนนี้ผมมาพักอยู่กับไอ้ยิว ผมไม่ได้ติดต่อหามันเลย จนกระทั่งต้องหาที่พักในกรุงเทพระหว่างงานศพของพี่กิ๊ฟนั่นแหละครับ ผมคืนหอพักไปแล้ว จะให้ไปหาโรงแรมนอนก็ไม่มีเงินมากพอ ถึงต้องมาพึ่งพาไอ้ยิวมันอีกที มันก็ดีนะครับ ไม่โกรธอะไรผมเลย กลับร้องไห้ตกใจเมื่อผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมให้มันฟัง
“อืม กินแล้ว”
ความจริงผมยังไม่ได้กิน แต่ถ้าไม่โกหก ไอ้ยิวก็จะคะยั้นคะยอให้กิน มันจะไม่หยุดตื้อเลยจนกว่าผมจะยอมทำตามที่มันบอก
“งั้นไปอาบน้ำก่อนไป มาเหนื่อยๆ”
“อืม”
พี่ทัศน์กลับไปนอนที่บ้านเพื่อความสะดวกใจของผม จะให้พักอยู่ด้วยกันเราสองสามคนก็ใช่เรื่อง แต่ผมบอกแล้วว่าผมมารบกวนไม่นาน อีกเดี๋ยวก็จะไป
ที่จริง...ผมไม่ได้อยากกลับมาให้ไอ้ยิวมันลังเลอีก ความรักของมันกับพี่ทัศน์กำลังไปได้ดี ผมไม่อยากเอาปัญหาของผมมาทำให้มันไขว้เขว เพราะแม้ผมจะอยู่ในช่วงเวลาที่อ่อนแอมากแค่ไหน ผมก็ไม่ได้ต้องการใครมาเติมเต็มให้อีกแล้ว ในเมื่อผมไม่เคยตอบแทนความรู้สึกดีๆ เหล่านั้นได้ ผมคอยแต่ทำร้าย และทำให้คนที่รู้สึกดีกับผมเจ็บปวดมาตลอด
“เพี้ยน มึงเป็นอะไรรึเปล่า เข้าไปนานแล้วนะ!” เสียงไอ้ยิวตะโกนถามมาให้ได้ยิน
“ไม่เป็นไร” ผมตอบกลับ คว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเดียวก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำ ไอ้ยิวยืนอยู่ตรงหน้า มองมาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรแล้วทำไมนาน” มันถามเสียงอ่อน สบตากับผมแล้วเบือนสายตาหลบ ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ
“ว่าวอยู่ ก็เลยนาน” ผมตอบพลางอมยิ้มมองมัน
“อะ...ไอ้บ้า! รีบๆ ไปแต่งตัวเลยมึง”
“ครับๆ สั่งจัง”
“ก็...เป็นห่วง เดี๋ยวมึงก็เป็นหวัด เปลือยนานๆ มันไม่ดี”
“อืม” ผมยีหัวไอ้ยิว แล้วเดินมาหยิบเสื้อผ้าที่ไอ้ยิวเตรียมไว้ให้ เสื้อผ้าไอ้ยิวผมใส่ไม่ได้เพราะมันตัวเล็กกว่าผม จึงต้องยืมเสื้อผ้าของพี่ทัศน์ที่สูงไล่เลี่ยกับผม แต่ตัวหนากว่า
“เพี้ยน มึงจะกลับเชียงใหม่จริงๆ เหรอ”
“อืม”
“อยู่กับกูไปก่อนก็ได้ ถ้ามึงยังไม่พร้อม”
“กูพร้อม แล้วกูก็ไม่อยากรบกวนมึงกับพี่ทัศน์ไปมากกว่านี้ ห่างผัวนานๆ เดี๋ยวมึงจะเงี่ยนเอา ฮ่าๆๆๆ”
“ไอ้ห่าเพี้ยน! เงี่ยนบ้านมึงสิ!”
ไอ้ยิวโวยวายแล้วตรงเข้ามาทุบผมจากทางข้างหลัง แต่ตัวมันเล็กกว่า โดนผมเหวี่ยงเบาๆ ก็หล่นตุบไปนอนแผ่อยู่บนเตียงแล้ว
“เพี้ยน” ไอ้ยิวมองผมแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว สองมือของมันยื่นมาตรงหน้า
“อะไรของมึง” ผมจับมือมันไว้แล้วดึงให้ลุกขึ้นนั่ง “อ่อยกูรึไง”
“ถ้ากูบอกว่าใช่ มึงจะเอาไหม” ไอ้ยิวเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาของมันฉ่ำหวาน ออดอ้อนเหมือนที่ชอบทำ ส่วนมือของมันก็ล้วงเข้ามาใต้ผ้าขนหนูหนานุ่มที่ผมใช้พันรอบเอวอยู่
เพียะ! เพียะ!
ผมดีดหน้าผากมันไปสองที
“กูเคยมีผัวมาแล้วนะ ยังอยากจะได้กูเป็นผัวอีกรึไง”
“...”
“แล้วทำอย่างนี้...พี่ทัศน์ของมึง ไม่สำคัญเลยเหรอยิว”
ไอ้ยิวมองผม ตาของมันแดงก่ำเริ่มมีน้ำตาคลอ
“สำคัญ...แต่กูรักมึง ไม่ว่ายังไงกูก็รักมึง มึงอยากให้กูไปได้ดีกับพี่ทัศน์ กูก็ทำให้แล้วไง กูทำตามที่มึงต้องการแล้ว แล้วทำไมตอนนี้ถึงยังไม่ใช่กูอีก มึงไม่มีใครแล้ว พี่กิ๊ฟก็ตายไปแล้ว มึงมีแต่กูนะเพี้ยน! เลือกกู! อยู่กับกูไม่ได้รึไง!”
ผมมารู้เอาทีหลังทุกที...ว่าต่อให้ไม่มีใคร...ก็ไม่ควรกลับมาหาไอ้ยิว
“ใช่...ตอนนี้กูไม่มีใครแล้ว ไม่มีใครอยู่ข้างๆ กูเลยตอนนี้ แต่มันจะเป็นมึงไปได้ยังไงยิว ในเมื่อหัวใจของกู มันไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนข้างๆ ตัว แล้วมันจะเป็นมึงไปได้ยังไง...ในเมื่อมึงก็มีคนที่รักมึง และกูไม่อยากให้มึงต้องทำร้ายเขา ...กูไม่อยากให้มึงมานึกเสียใจทีหลังในตอนที่สูญเสียคนที่ให้ความสำคัญกับมึงไป”
ผมทำให้ร้องไห้อีกแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่อยากทำ ...ผมอยากให้มันมีความสุข อยากให้คนสำคัญของผมทุกคนมีความสุข ทั้งพี่กิ๊ฟ ทั้งไอ้ยิว ไม่ได้อยากให้ใครต้องเจ็บปวดเลยแม้แต่คนเดียว
“งั้นกูจะเลิกกับพี่ทัศน์ แล้วกูก็จะไม่มาเสียใจทีหลังด้วย”
“เพื่ออะไร”
“กูจะเลิกกับเขาแล้วมาอยู่กับมึง”
“กูไม่ได้พูดว่ากูต้องการ”
“มึงไม่มีใครแล้วเพี้ยน ตอนนี้มึงเหลือแค่กูแล้ว”
“ต่อให้กูไม่มีใคร ยังไงมันก็ไม่ใช่มึงนะยิว มึงเป็นเพื่อนของกู และจะเป็นไปจนตาย”
“ทำไมมึงไม่ให้โอกาสกูบ้าง!”
“เพราะกูเลือกไปแล้ว! กูเลือกพี่กิ๊ฟ ไม่ใช่มึงหรือใคร”
“แต่เขาตายไปแล้วไอ้เพี้ยน! พี่กิ๊ฟตายไปแล้วมึงเข้าใจไหม!”
ทำไมผมจะไม่เข้าใจ แต่สำหรับผม...พี่กิ๊ฟจากไปแค่ร่างกายเท่านั้น ความรู้สึกของเธอยังคงอยู่กับผม และผมจะไม่มีวันลืม แม้หัวใจของผมจะไม่อาจรักเธอเหมือนคนรักได้ก็ตาม
“ให้โอกาสกูนะ...ให้กูเป็นแค่ตัวแทนก็ได้ ให้เป็นอะไรก็ได้ แต่ให้กูอยู่ข้างๆ มึงนะเพี้ยน”
“คบกันแล้วมันอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่มึงคิด แล้วถึงคราวต้องเลิกกันขึ้นมาจริงๆ แม้แต่เพื่อน เราก็จะเป็นกันไม่ได้ มึงยอมรับได้ใช่ไหมยิว”
ผมถือว่าความเงียบเป็นการตอบตกลง ...การเก็บไอ้ยิวไว้ข้างๆ อาจจะเป็นการทำร้ายมันมากเกินไป...อยู่ข้างๆ แต่ไม่ได้มีสถานะอะไรมากไปกว่าเพื่อนที่สามารถพึ่งพาได้ เพราะฉะนั้น...แม้ว่ามันจะเป็นแค่ความคิดโง่ๆ แล้วสุดท้ายผมจะต้องไม่เหลือใคร ผมก็จะทำให้มันเกลียดผมให้ได้...
เกลียดจนตัดผมที่เป็นเนื้อร้ายออกจากชีวิตของมัน...
“ถ้ายอมรับ...ก็มาตกนรกไปด้วยกันนะครับ”
ผมจะทำอะไรต่อจากนี้...จะดำเนินชีวิตต่อไปในทางไหน ผมยังคิดไม่ออก เพราะเกมที่ผมเล่น แม้มันจะจบแล้ว แต่ผมก็ยังคงรู้สึกพ่ายแพ้ ผมสูญเสียมากกว่าได้รับ ถึงพี่พ่ายจะบอกว่าผมชนะ แต่ผมไม่ได้รู้สึกว่าชัยชนะเป็นของผมเลยสักนิด...เพราะไอ้มาวินยังอยู่ น้องสาวมันก็ยังไม่ตาย พ่อพี่พ่ายอีกไม่นานก็คงจะหายดี แต่พี่กิ๊ฟกลับจากไปไม่มีวันกลับ
ผมรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม แต่ผมจะทำอะไรได้อีก...คนที่คอยช่วยเหลือและสนับสนุน คอยบันดาลทุกสิ่งอย่างให้เขาไม่อยู่อีกแล้ว หรือผมควรจะตั้งความหวังกับ...ไร้พ่าย...อีกสักครั้ง
แต่คงจะเป็นหวังลมๆ แล้งๆ ล่ะมั้ง...เพราะหลังจากเกิดเรื่อง ผมก็พอรู้แล้วว่า...จะไม่มีอะไรเหมือนเดิม
“กูรู้สึกว่ากูยังไม่พอใจกับตอนจบแบบนี้เลยยิว”
“แต่กูไม่อยากให้มึงไปยุ่งกับพวกมันแล้ว ต่างคนต่างอยู่ไปดีกว่า ยังไงคนที่ฆ่าพี่ดรีมก็ถูกจับ ไม่มีอะไรที่มึงต้องทำอีกแล้วนะ”
“อืม...คงงั้นล่ะมั้ง”
ความรู้สึกที่กวนใจ...ใบหน้าของใครบางคนที่ยังวนอยู่ในความคิด ...ไม่มีเรื่องที่ต้องทำ ไม่มีอะไรให้ต้องสานกันต่อ รวมถึงเรื่องของ...เขา...ด้วยสินะ
“เพี้ยน”
“ว่า”
“กับกู...ยังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่นะ” ไอ้ยิวยิ้มพลางยกมือขึ้นโอบรอบคอผม แล้วรั้งให้เข้าไปชิดกับมันมากขึ้น
“ทำอะไร”
“ก็...”
“มึงอยากรึไง”
“...”
“แต่เอาไว้คราวหน้า คืนนี้กูไม่มีอารมณ์”
“ไอ้บ้า ตามใจหน่อยก็ไม่ได้ นี่คบกันแล้วจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”
“ใช่...แต่ถ้าอยากได้คนตามใจ มึงจะเลิกก็ได้นะ”
ไอ้ยิวเม้มปาก มองผมด้วยแววตาตัดพ้อ “ไม่ต้องตามใจกูก็ได้”
“อืม”
ผมเดินไปปิดไฟกลางห้อง แล้วขึ้นนอนบนเตียง ไอ้ยิวขยับเข้ามากอดจากข้างหลัง พึมพำเบาๆ ว่า “ฝันดี” โดยที่ผมไม่ได้ตอบกลับอะไรไป
เดี๋ยวมึงก็รู้ว่าการคบกับคนที่ไม่ได้รัก มันเจ็บกว่าแอบรักข้างเดียวหลายเท่า เพราะกูก็เคย...เจ็บมาเหมือนกัน
.......................................................TBC............................................................
ตอนนี้ก็คงพูดได้แค่ว่า 'แล้วแต่เพี้ยน'
มาช้าไปมากเลยค่ะ พรุ่งนี้วันแม่แล้ว อย่าลืมกอดแม่นะคะ

ปล. ขอบคุณทุกความคิดเห็นเลยค่ะ
อืม...ไร้พ่าย...ไม่มีอยู่จริง เพราะมีแต่คนพ่ายแพ้ แม้ไร้พ่ายก็ยังพ่ายให้กับหัวใจตัวเอง เอาเป็นว่า...จะเป็นยังไงต่อไป คงต้องมารอลุ้นอยู่หน้าห้องไอซียูแล้วค่ะ
